09/05/2021
📍 หมอนรองกระดูกสันหลัง กดทับเส้นประสาท
หมอนรองกระดูกสันหลัง กดทับเส้นประสาท คืออะไร?
กระดูกสันหลัง ประกอบด้วยกระดูกหลายชิ้นเชื่อมต่อกันด้วยหมอนรองกระดูก และข้อต่อกระดูกสันหลัง โดยที่ตัวกระดูกสันหลังทำหน้าที่ปกป้องไขสันหลัง ส่วนหมอนรองกระดูกทำหน้าที่เหมือนกับโช๊คอัพของรถยนต์ คือทำให้กระดูกสันหลังยืดหยุ่นและรับแรงกระแทกของน้ำหนักตัวจากการเคลื่อนไหว
ดังนั้นการใช้งานหนักในชีวิตประจำวัน หรืออายุที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพได้
โดยหมอนรองกระดูกที่พบว่ามีปัญหาบ่อยที่สุดคือ หมอนรองกระดูกสันหลังระดับเอวข้อที่ 4-5 เนื่องจากเป็นข้อต่อระดับที่มีการเคลื่อนไหว และรับน้ำหนักมากในร่างกาย เมื่อหมอนรองกระดูกมีสภาพเสื่อม ความสูงของหมอนรองกระดูกลดลง และมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูก ทำให้แกนหมอนรองกระดูกหลุดรอดมาภายนอก และกดทับเส้นประสาทไขสันหลังได้
อาการของ โรคหมอนรองกระดูกสันหลัง กดทับเส้นประสาท
• อาการปวดหลัง สะโพกและปวดร้าวลงขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างรุนแรง อาการปวดมากขึ้นเวลาไอ หรือจาม
• อาการอ่อนแรงกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อสะโพกกล้ามเนื้อในการกระดูกข้อเท้าและ ปลายนิ้วหัวแม่เท้า
• อาการชาบริเวณปลายเท้า โดยเฉพาะบริเวณง่ามนิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วเท้าที่ 2
• อาการผิดปกติของระบบขับถ่าย ในบางรายที่มีอาการรุนแรงมากๆ จะมีความผิดปกติของระบบขับถ่ายร่วมด้วย เช่น ไม่สามารถควบคุมการอุจจาระหรือปัสสาวะได้ ซึ่งจำเป็นต้องผ่าตัดรักษาอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นระบบขับถ่ายอาจไม่สามารถฟื้นคืนได้ตามปกติ
การรักษา โรคหมอนรองกระดูกสันหลัง กดทับเส้นประสาท
1. รักษาโดยการลดน้ำหนักและ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการเพิ่มขึ้น ได้แก่
- การยกของหนัก
- การนั่งรถยนต์นานๆ
- หลีกเลี่ยงอาการท้องผูกหรือเบ่ง ถ่ายอุจจาระแรงๆ เป็นต้น เนื่องจากทำให้เกิดแรงดันในหมอนรองกระดูกสูง เป็นสาเหตุให้หมอนรองกระดูกทนแรงดันไม่ได้ เกิดการแตกของหมอนรองกระดูกตามมา
2. ยาต้านการอักเสบ NSAIDS, ยาคลายกล้ามเนื้อ
3. กายภาพบำบัดและใช้เสื้อพยุงหลัง ช่วยในการลดอาการปวด และทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวัน ได้ปกติเร็วขึ้นหลักการของการใส่เสื้อพยุงหลัง ในผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท คือ การทำให้หน้าท้องกระชับขึ้นจะช่วยลดแรงดันในหมอนรองกระดูกสันหลังได้ ร่วมกับจำกัดความเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง ทำให้อาการปวดลดลง
4. การผ่าตัด ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดมีดังนี้
4.1 ผู้ป่วยที่มีอาการปวดมากจนทนไม่ได้ แม้จะรักษาโดยรับประทานยา พักและกายภาพบำบัดเต็มที่แล้วก็ยังไม่สามารถทำงาน หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติ
4.2มีอาการชา อ่อนแรง หรือกล้ามเนื้อขาลีบอย่างชัดเจน
4.3 มีปัญหาระบบขับถ่ายผิดปกติชัดเจน จากความผิดปกติของเส้นประสาท เช่น กลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ได้
ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิค และเครื่องมือในการผ่าตัดที่ดีขึ้นมาก สามารถทำการผ่าตัดได้สะดวกขึ้นลดภาวะการเสียเลือดหรือภาวะแทรกซ้อน ลดระยะเวลาในการผ่าตัดและพักฟื้นหลังผ่าตัดได้มากการใช้กล้องส่องขยายช่วยในการผ่าตัด ก็ถือเป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่ช่วยให้การผ่าตัด เป็นไปอย่างราบรื่นและลดภาวะแทรกซ้อนได้มาก