Jinny Healthy Living

  • Home
  • Jinny Healthy Living

Jinny Healthy Living Healthy Living=สุขภาพดี ชีวิตดี มีความสุข
กินแบบไหน❓ให้อายุยืนยาวแบบชาวญี่ปุ่น🎎
❌อย่ากินยาเป็นอาหาร❌
✅ให้กินอาหารเป็นยา✅

めちゃいい Mecha-ii "Healthy Living"

เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด
ในราคาที่เข้าถึงง่าย อย่างมีความรู้และปลอดภัย
เป็นจุดกำเนิดของแบรนด์ めちゃいい mecha-ii
ที่มีความหมายว่า “ดีมาก”

เราเป็นผู้นําเข้าและจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์
เสริมอาหารที่มีมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศ
และระดับสากล

โดยยึดหลักการ “Healthy Living”
สุขภาพดี ชีวิตดี มีความสุข
ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับการคัดสรรสินค้า
ที่มีคุณภาพ จากบริษัทที่มีชื่อเสียงทางด้านการผลิต
ที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย GMP ISO และJAS
อีกทั้งยังได้รับ อย. (องค์การอาหารและยา) ทุกกล่อง
เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

Vision & Mision วิสัยทัศน์ และ ภารกิจ

ส่งเสริมภาพพจน์ที่ดีทางการค้าระหว่างไทยและญี่ปุ่น

คัดสรรสินค้าที่ดี มีคุณภาพ และได้รับมาตรฐาน

ยึดมั่นบนความซื่อสัตย์กับผู้บริโภคและตัวแทนจำหน่าย
เพื่อธุรกิจที่จะเติบโตในระยะยาว

เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ให้กับคนที่มองหาโอกาศ ในการเพิ่มรายได้และคุณภาพชีวิต

เป็นสังคมที่ดี สำหรับทุกคนที่เข้ามาเป็นครอบครัว

คืนสังคม ด้วยโครงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาศ

กะหล่ำดอกสีม่วง (Purple Cauliflower) ‼️ประโยชน์เวอร์วัง‼️มีวิตามินเอ มีวิตามินอี มีวิตามินเค มีวิตามินบี1 มีวิตามินบี2 ม...
29/05/2024

กะหล่ำดอกสีม่วง (Purple Cauliflower)
‼️ประโยชน์เวอร์วัง‼️
มีวิตามินเอ มีวิตามินอี มีวิตามินเค
มีวิตามินบี1 มีวิตามินบี2 มีวิตามินบี3
มีวิตามินบี6 มีวิตามินบี5 มีโพแทสเซียม
มีฟอสฟอรัส มีเหล็ก มีแคลเซียม มีสังกะสี
มีแมกนีเซียม มีเส้นใย มีวิตามินซี มีโปรตีน
มีโฟเลต มีพลังงาน มีคาร์โบไฮเดรต
มีเบต้าแคโรทีน มีไขมัน มีลูทีนซีแซนทีน
✅ช่วยป้องกันโรคมะเร็งเต้านม
✅ช่วยป้องกันโรคมะเร็งผิวหนัง
✅ช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
✅ช่วยป้องกันโรคมะเร็งปอด
✅ช่วยป้องกันโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
✅ช่วยป้องกันโรคมะเร็งไทรอยด์
✅ช่วยป้องกันคอพอก
✅ช่วยบำรุงสายตา
✅ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
✅ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
✅ช่วยบำรุงผิวพรรณ
✅ช่วยบำรุงกระดูก
✅ช่วยบำรุงฟัน
✅ช่วยลดความดันโลหิตสูง
✅ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์
✅ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
✅ช่วยลดอาการอักเสบ
✅ช่วยลดเลือดอุดตันในสมอง
✅ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
✅ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
✅ช่วยลดคอเลสเตอรอล
✅ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
✅ช่วยป้องกันหวัด
✅ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
✅ช่วยลดอาการปวดศรีษะ
✅ช่วยขับถ่าย แก้อาการท้องผูก
สามารถทำอาหารได้หลากหลายเมนู
ใครลองทำเมนูไหนส่งรูปมาให้กันชมบ้างนะคะ
❌อย่ากินยาเป็นอาหาร
✅ให้กินอาหารเป็นยา

29/05/2024

‼️ทำได้ง่ายๆ แต่อร่อยเฉย‼️
สุขภาพดี แค่เปลี่ยนอาหาร🥗
เมนูช่วงทาน GNG Fasting 😊❤️👍
ฝากกดติดตามและกดแชร์ให้คนที่คุณรัก ดูแลสุขภาพไปด้วยกันนะคะ

#สุขภาพดี #ลดน้ำหนัก #ลดความอ้วน #กินโชว์ #อาหาร #เทคนิคดีบอกต่อ #หุ่นดี #เมนูง่ายๆ #ลดไขมัน #ลดพุง #ชะลอวัย #อาหารสมอง #เมนูสุขภาพ #รักสุขภาพ #เมนูง่ายๆ #เมนูประจำวัน #ติดหวาน #เทรนด์วันนี้

24/05/2024

สุขภาพดี แค่เปลี่ยนอาหาร🥗
เมนูช่วงทาน GNG Fasting 😊❤️👍
‼️ซุปเต้าหู้สุขภาพดี
เพรยงแค่4 นาที อร่อยฟิน👨‍🍳

#สุขภาพดี #ลดน้ำหนัก #ลดความอ้วน #กินโชว์ #อาหาร #เทคนิคดีบอกต่อ #หุ่นดี #เมนูง่ายๆ #ลดไขมัน #ลดพุง #ชะลอวัย #อาหารสมอง #เมนูสุขภาพ #รักสุขภาพ #เมนูง่ายๆ #เมนูประจำวัน #ติดหวาน

23/05/2024

สุขภาพดี แค่เปลี่ยนอาหาร🥗
ช่วงทาน GNG Fasting 😊❤️👍
มาทำซุปเห็ดญี่ปุ่นกันคะ
ง่ายมากๆ เพียงแค่ 4 นาที
เหมือนมีเชฟ👨‍🍳มาทำให้ทานที่บ้าน

#สุขภาพดี #ลดน้ำหนัก #ลดความอ้วน #กินโชว์ #อาหาร #เทคนิคดีบอกต่อ #หุ่นดี #เมนูง่ายๆ #ลดไขมัน #ลดพุง #ชะลอวัย #อาหารสมอง #เมนูสุขภาพ #รักสุขภาพ #เมนูง่ายๆ #เมนูประจำวัน #ติดหวาน

22/05/2024

สุขภาพดี แค่เปลี่ยนอาหาร🥗
ช่วงทาน GNG Fasting กินอะไรได้บ้าง
ไปดูจินพาช็อปทิพย์กันคะ😊❤️👍

#สุขภาพดี #ลดน้ำหนัก #ลดความอ้วน #กินโชว์ #อาหาร #เทคนิคดีบอกต่อ #หุ่นดี #เมนูง่ายๆ #ลดไขมัน #ลดพุง #ชะลอวัย #อาหารสมอง #เมนูสุขภาพ #รักสุขภาพ #เมนูง่ายๆ #เมนูประจำวัน #ติดหวาน

20/05/2024

คลิปขายตัวเองชัดๆ มาลดหน้าท้องไปด้วยกัน‼️ #สุขภาพดี #ลดน้ำหนัก #ลดความอ้วน #กินโชว์ #อาหาร #เทคนิคดีบอกต่อ #หุ่นดี #เมนูง่ายๆ #ลดไขมัน #ลดพุง #ชะลอวัย #อาหารสมอง #เมนูสุขภาพ #รักสุขภาพ #เมนูง่ายๆ #เมนูประจำวัน #ติดหวาน

Lutein & Zeaxanthinลูทีน & ซีแซนทีน (ปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า)“ลูทีนและซีแซนทีน” เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายของคนเราอยู่แล้ว...
18/05/2023

Lutein & Zeaxanthin
ลูทีน & ซีแซนทีน (ปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า)

“ลูทีนและซีแซนทีน” เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายของคนเราอยู่แล้ว โดยพบว่าบริเวณเลนส์ตาและศูนย์กลางจอประสาทตา (Macula) มีสารเหล่านี้อยู่หนาแน่นมากที่สุด แต่เนื่องจากร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างลูทีนและซีแซนทีนขึ้นมาได้เอง จึงจำเป็นต้องได้รับจากการทานอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเท่านั้น
มีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยการมองเห็นในเวลากลางคืน
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสีเหลือง ถูกจัดอยู่ในสารกลุ่มแคโรทีนอยด์
เด่นเรื่องป้องกันการทำลายเซลล์จอประสาทตาจากอนุมูลอิสระ เช่น ช่วยกรองรังสียูวีจากแสงแดด พบได้ในจุดรับภาพที่จอประสาทตาและเลนส์ตา แสงจากจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ช่วยกรองแสงสีฟ้ารบกวนดวงตาได้ถึง 40% อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจก เราควรได้รับสาร Lutein และ Zeaxanthin ควบคู่กัน เพราะสารสองชนิดนี้มีบทบาทต่อการสะสมเม็ดสีในดวงตา ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันอันตรายจากแสงสีฟ้าได้ ปัจจุบนมีการศึกษาวิจัยหลายชิ้นที่ รองรับผลของการได้รับ Lutein และ Zeaxanthin ในการป้องกันและชะลอความเสื่อม ของดวงตา โดยลดการสะสมของสารอนุมูลอสระในดวงตา รวมทั้งชะลอความรุนแรง ของอาการจอประสาทตาเสื่อม รวมถึงต้อกระจกได้อีกด้วย

ลูทีน (Lutein) เป็นสารพฤกษเคมีที่จัดอยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ส่วนใหญ่สกัดได้จากดอกดาวเรือง (marigolds) โดยพบมากในบริเวณจุดรับภาพของจอประสาทตา (macula) และบริเวณเลนส์ตา (lens) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติให้แก่ดวงตา แต่เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น หรือดวงตาต้องเผชิญต่อ
รังสียูวีจากแสงอาทิตย์ การใช้คอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน
หรือการเกิดอนุมูลอิสระในดวงตาอันเนื่องจากการสูบบุหรี่ มลพิษ และความเครียด เหล่านี้ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของดวงตาได้ เช่น
จุดรับภาพของจอประสาทตาเสื่อม (Age-related macular degeneration)
เลนส์ตาขุ่นมัว หรือต้อกระจก (cataract) เป็นต้น ซึ่งอาจจะเสี่ยงต่ออาการตาบอดได้ในที่สุด

ลูทีน(Lutein) นั้นเป็นสารที่มีอยู่ในระบบร่างกายของมนุษย์อยู่แล้ว กล่าวคือ ภายในจอประสาทตาของคนเรา มีร่องเล็กๆ อยู่จุดหนึ่งที่มีเซลล์รับภาพจอประสาทตา ซึ่งเป็นจุดที่แสงตกกระทบ และทำให้คนเราสามารถมองเห็นภาพที่ชัดเจนในแต่ละวัน ซึ่งบริเวณเซลล์รับภาพนี้มีสารสีเหลือง หรือลูทีนอยู่หนาแน่นมากที่สุด โดยจะพบได้ตรงชั้นเนื้อเยื่อที่หล่อเลี้ยงเส้นประสาท หรือเรตินาตรงบริเวณ Macula Luta ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดที่สำคัญมากต่อการมองเห็น หากบริเวณดังกล่าวเสื่อม หรือเสียไป อาจทำให้สูญเสียการมองเห็น หรือตาบอดได้

ประโยชน์ของลูทีน
- ทำหน้าที่ช่วยให้มองภาพได้คมชัด และเห็นรายละเอียดของภาพดีขึ้น
- ลดความเสี่ยง การเป็นโรคต้อกระจกในผู้สูงอายุได้ (Cataracts)
- ช่วยลดความเสี่ยง ในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อม (Age – Related Muscular Degeneration หรือ AMD)
- ช่วยลดโรคมะเร็งเต้านมในสตรีกลุ่มที่มีความเสี่ยง
- ลดกลไกการเกิด Plague ในผนักเส้นเลือด ทำให้ลดอัตราการเป็นโรค
หัวใจขาดเลือด
- ให้ดวงตาแข็งแรง ป้องกันประสาทตาเสื่อม
- ช่วยปกป้องมิให้แสงอาทิตย์ทำลายเรตินา
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง
- ช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนของเลือด และเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงตา
- ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก
- ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ

ประโยชน์ต่อสุขภาพของซีแซนทิน
ซีแซนทิน เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีสรรพคุณสำคัญคือ
�- zeaxanthin เป็นองค์ประกอบสำคัญในจอตา (retina) โดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า macular ซึ่งเป็นชั้นของเม็ดสีทำหน้าที่กรองแสงที่จะผ่านเข้าสู่จอตาและช่วยลดการสะท้อนของแสง ป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา
ทำให้มีสมบัติช่วยป้องกันโรคหลายชนิด อาทิเช่น โรคต้อกระจก
โรคจอรับภาพเสื่อม โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสารที่เหมาะกับ
ผู้ใช้สายตามาก ผู้สูงอายุ ผู้ที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืออยู่กับแสงสว่างจ้า กลางแดด ผู้ที่ต้องขับรถกลางคืนบ่อยๆ ผู้ที่โดนแฟลซ ดูโทรทัศน์มากและนาน ผู้ป่วยเบาหวาน โรคหัวใจรวมทั้งมะเร็งเต้านม
�- ช่วยบำรุงสุขภาพดวงตาโดยการลดอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องจอตาจากการถูกทำลายโดยแสงสีฟ้า และแสงใกล้อุลตร้าไวโอเลต (ophthalmoprotective) เช่น แสงจากจอคอมพิวเตอร์ แสงจากดวงอาทิตย์
�- ป้องกันการเกิดจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ (age-related macular degeneration; AMD) ซึ่งเป็นภาวะความเสื่อมที่เกิดขึ้นบริเวณ macula ของจอตา ถ้าชั้นเม็ดสีบริเวณนี้ถูกทำลายมากจะทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนที่ใช้รับภาพได้ (photoreceptors) อาจส่งผลให้การรับภาพและการมองเห็นสูญเสียไป
�- มีสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ทั่วร่างกาย

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (เพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด)(Grape Seed Extract) จัดเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง...
18/05/2023

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (เพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด)
(Grape Seed Extract) จัดเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมากและเป็นที่น่าสนใจมากที่สุดตัวหนึ่ง เพราะเปี่ยมด้วยสารฟลาโวนอยด์ซึ่งมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าวิตามินซีและวิตามินอี

ประโยชน์ของสารสกัดจากเมล็ดองุ่น
เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ เพราะอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง และช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยชะลอไม่ให้ผิวหนังแก่ก่อนวัยและแห้งกร้านของเซลล์ผิว ด้วยการเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
ช่วยปกป้องดวงตาของคุณหรือโรคที่เกี่ยวกับการมองเห็นอื่น ๆ ด้วยการป้องกันและรักษาโรคต้อหิน ศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม
ช่วยในการรักษาโรคเบาหวานขึ้นตา
ช่วยลดกระบวนการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติอันเป็นสาเหตุของฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ
ช่วยลดปัญหาสำหรับผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอกัน ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบ
ช่วยป้องอันตรายจากรังสีและเคมีบำบัดบางชนิดได้ด้วย
ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตด้วยการยับยั้งการถูกทำลายของคอลลาเจน
มีประโยชน์ต่อหัวใจ โดยการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
มีผลคล้ายกับยาแอสไพรินในการชะลอการเกิดลิ่มเลือดอีกด้วย
ช่วยรักษาความผิดปกติของหลอดเลือดและเส้นเลือดขอด เส้นเลือดฝอยแตก หรือเส้นเลือดฝอยเปราะได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ ซึ่งสารสกัดจากเมล็ดองุ่นจะเข้าไปทำลายเซลล์สมองจากอนุมูลอิสระ
ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ และหอบหืด ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่าง ๆ
ช่วยลดอาการอักเสบต่าง ๆ
ช่วยลดอาการบวมหลังจากเข้ารับการผ่าตัด ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน ลดแผลในช่องปาก และโรคเริมในช่องปาก
ช่วยลดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย แต่ทั้งนี้ควรออกกำลังกายด้วยเป็นประจำ

Vitamin B Complex  สุดยอดวิตามินบำรุงสมองVitamin B 1 ,2  ,3 ,6 ,12วิตามินบี เป็นหนึ่งในวิตามินพื้นฐานที่ให้ประโยชน์แก่ร่...
18/05/2023

Vitamin B Complex สุดยอดวิตามินบำรุงสมอง
Vitamin B 1 ,2 ,3 ,6 ,12
วิตามินบี เป็นหนึ่งในวิตามินพื้นฐานที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะทางด้านการบำรุงระบบสมองและประสาท ช่วยลดความเครียดป้องกันโรคซึมเศร้า รวมถึงอาการวิตกกังวลวิตามินบี (Vitamin B) สุดยอดวิตามินบำรุงสมอง

‘วิตามินบี’ (Vitamin B) ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของวิตามินชนิดนี้ก็คือ บำรุงระบบประสาท และกระตุ้นการทำงานของสมองโดยเฉพาะอีกทั้งยังช่วยลดความเครียด วิตกกังวล ได้ และหากร่างกายขาดวิตามินบีผลเสียที่สังเกตเห็นได้ เช่น อาการมึนงง สมองตื้อ รู้สึกอ่อนเพลีย
‘วิตามินบี’ (Vitamin B) ว่ามีผลต่อระบบประสาท เนื่องจากเป็นวิตามินซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างสารสื่อประสาท ที่ให้การเรียนรู้ การจดจำดีขึ้น และทำให้อารมณ์ดีด้วย สำหรับวิตามินบี 6 บี 9 และบี 12 ที่มีหน้าที่สำคัญในการสร้างสมดุลของสารโฮโมซีสทีน (Homocysteine) ไม่ให้มากจนเกินไป เพราะหากร่างกายมีสารนี้เกินความจำเป็นจะส่งผลให้หลอดเลือดสมองและหัวใจเกิดความเสียหายได้
วิตามินบีรวม (ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ) ช่วยชะลอการเกิดต้อกระจก

ประโยชน์ของวิตามินบี (Vitamin B) ที่ดีต่อร่างกาย
วิตามินบี 1 (Thiamine)� มีความจำเป็นต่อระบบประสาท เนื่องจากมีความจำเป็นในการสร้างสารสื่อประสาท ช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้ และลดอาการวิตกกังวล��วิตามินบี 2 (Riboflavin)� เป็นปัจจัยสำคัญของการหายใจระดับเซลล์ ช่วยบำรุงผิวพรรณ เส้นผม เล็บ เเละช่วยในการมองเห็น��วิตามินบี 3 (Nicotinamide)� เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองและระบบประสาท บรรเทาอาการปวดศีรษะจากไมเกรน ป้องกันโรคซึมเศร้าที่มีสาเหตุมาจากความเครียดเรื้อรัง��วิตามินบี 4 (Choline)� วิตามินชนิดนี้ผลิตโดยตับ ช่วยในการพัฒนาสมอง สร้างสัญญาณสื่อประสาท ทำให้มีความจำที่ดีขึ้น อีกทั้งวิตามินชนิดนี้มีส่วนช่วยลดการสะสมของไขมันในเลือดด้วย��วิตามินบี 5 (Pantothenic acid)� จำเป็นสำหรับการทำงานของระบบประสาท ช่วยบรรเทาความเครียด เเละช่วยในการสร้างฮอร์โมนลดเครียดของต่อมหมวกไต��วิตามินบี 6 (Pyridoxine)� เป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง มีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิตสารสื่อประสาท และช่วยสร้างสารต้านอาการซึมเศร้า��วิตามินบี 7 (Biotin)� มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโต การสร้างพลังงาน ช่วยให้ระบบประสาทแข็งแรง ช่วยให้ร่างกายไม่อ่อนเพลีย��วิตามินบี 8 (Inositol)� มีส่วนช่วยในการปรับสมดุลของสารเคมีในร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการเครียด ป้องกันโรคซึมเศร้า และลดความวิตกกังวล��วิตามินบี 9 (Folic acid)� วิตามินบี 9 จำเป็นต้องทำงานร่วมกับวิตามินบี 12 จะช่วย บรรเทาอาการต่างๆ เช่น อาการทางประสาท อาการปวดศีรษะ อาการขี้หลงขี้ลืม�อารมณ์เเปรปรวนหงุดหงิดง่าย��วิตามินบี 12 (Cobalamin)� ช่วยบำรุงประสาท ทำให้ระบบประสาทแข็งแรงขึ้น และช่วยเพิ่มสมาธิความจำ
วิตามินบี 12 คืออะไร ทำไมต้องกินวิตามิน B12
วิตามินบี 12 ( Vitamin B12 ) หรือ Cobalamin คือ สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายซึ่งมีอยู่ตามธรรมชาติในอาหารบางชนิด แล้วทำไมต้องกินวิตามิน B12 เนื่องจากวิตามินบี 12 มีส่วนช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง สร้างDNA ผลิตพลังงานเร่งการเผาผลาญ และช่วยในทำงานของเส้นประสาทอย่างมาก
กินวิตามินบี 12 ช่วยอะไรบ้าง
วิตามินบี 12 มีความสำคัญต่อกระบวนการต่างๆ ของร่างกายรวมถึง
มีส่วนช่วยให้การทำงานของสมองและระบบประสาทเป็นปกติ
การสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
การป้องกันภาวะโลหิตจาง
ช่วยสร้างและควบคุมดีเอ็นเอ (DNA)
ช่วยปกป้องดวงตาจากการเสื่อมสภาพของเม็ดสี
การสร้างพลังงานในร่างกาย

Vitamin A ช่วยในการทำงานของจอประสาทตาวิตามินเอ (เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น)โรคตาที่เป็นปัญหาจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ต...
18/05/2023

Vitamin A ช่วยในการทำงานของจอประสาทตา
วิตามินเอ (เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น)
โรคตาที่เป็นปัญหาจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องพบกับมลภาวะต่างๆ แสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงโรคเบาหวานที่อาจส่งผลเสียถึงการมองเห็น โรคตาที่พบได้บ่อย ได้แก่ ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม (AMD) เป็นต้น สาเหตุหนึ่งมาจากความเสื่อมของดวงตาที่เกิดจากการสร้างอนุมูลอิสระ ดังนั้น จึงมีการนำเอาสมุนไพรและวิตามิน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระมาใช้ประโยชน์ในการบำรุงสายตาเช่น วิตามินเอ
วิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญเกี่ยวกับการบำรุงสายตาคือ วิตามินเอ (Vitamin A)
มีบทบาทสำคัญในการมองเห็น โดยเป็นองค์ประกอบสำคัญของโรดอปซิน (Rhodopsin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่อยู่ที่จุดรับแสง เรตินาในดวงตา โดยทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเยื่อบุตาและกระจกตา ช่วยในการมองเห็นในที่มืด
การขาดวิตามินเอ อาจเกิดอาการที่รุนแรงได้เรียกว่า Xeropthalmia ในระยะแรกจะมีอาการตาบอดกลางคืน (Night Blindness) จึงควรได้รับวิตามินเอในการช่วยปกป้องเรตินาจากการทำร้ายของแสงยูวีและเพื่อการบำรุงสายตา
วิตามิน A มีความสำคัญในการมองเห็นของมนุษย์อย่างมาก โดยมีหน้าที่หลักเกี่ยวข้องกับการทำงานของเซลล์รับภาพในชั้นจอประสาทตา และทำให้เซลล์เยื่อบุตาและกระจกตาอยู่ในภาวะปกติ ภาวะขาดวิตามิน A อาจส่งผลให้การมองเห็นในที่มืดลดลงทำให้เกิดภาวะตาแห้งเรื้อรังหรือกระจกตาเสื่อมตามมาได้
วิตามินเอ ( Vitamin A ) คือ วิตามินที่ละลายได้ในไขมัน มีส่วนประกอบสำคัญของคอร์เนีย จัดให้อยู่ในหมวดของวิตามิน มีผลต่อการเจริญเติบโต การสร้างกระดูก และระบบสืบพันธุ์ รวมถึงป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ถูกค้นพบโดย ดร. อี.วี. แมคคอลลัม (E.V. McCollum) นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นวิตามินที่สามารถละลายได้ในไขมันต้องใช้ไขมันและแร่ธาตุมาช่วยในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกายชนิดหนึ่ง ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นมาเองได้ ปกติร่างกายมนุษย์จะมีการสะสมวิตามินเอไว้จากอาหารต่างๆที่ทานเข้าไป เมื่อมีความจำเป็นจะต้องใช้ จึงจะดึงออกมาใช้งาน

Haematococcus Pluvialis  สาหร่ายสีแดง Astaxantine(แอสต้าแซนธีน) ราชินีแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ไม่ได้มีดีแค่ผิวพรรณ แอส...
18/05/2023

Haematococcus Pluvialis สาหร่ายสีแดง
Astaxantine(แอสต้าแซนธีน) ราชินีแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ
ที่ไม่ได้มีดีแค่ผิวพรรณ แอสตร้าแซนทีน (ลดการเมื่อยล้าของดวงตา)
1.ด้านสายตา
มีการศึกษาอย่างมากมาย พบว่า การรับประทานแอสตาแซนธีน (Astaxanthin) เป็นระยะเวลานาน 4 สัปดาห์ ช่วยป้องกันตาแห้ง ตาอ่อนล้า ลดอาการเจ็บตา ช่วยปัญหาด้านการมองเห็น เช่น อาการมองไม่ชัด นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังดวงตาอีกด้วย ทำให้ดวงตามีสุขภาพที่ดี เรียกได้ว่าประโยชน์ของการรับประทานแอสตาแซนธีน (Astaxanthin) เพื่อช่วยทางด้านสายตานั้น
ไม่เป็นสองรองใครแน่นอนค่ะ
2. ด้านความจำ
เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นมีความสัมพันธ์กับการเกิดปัญหาด้านความจำ
เกิดอาการหลงลืมได้ ดังนั้นในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก ได้มีการศึกษาประโยชน์ในด้านความจำ หลังจากการรับประทาน
แอสตาแซนธีน (Astaxanthin) โดยผลการศึกษาพบว่า การรับประทานแอสตาแซนธีน (Astaxanthin) ขนาด 6 – 12 มิลลิกรัม เป็นระยะเวลานาน 3 เดือน
ช่วยเพิ่มการจดจำ และอาการหลงลืมของผู้ป่วยได้ด้วยนะคะ
3.ด้านความเจ็บปวด บริเวณข้อและกล้ามเนื้อ
มีการศึกษาพบว่าหลังการประทานแอสตาแซนธีน (Astaxanthin) ขนาด
4 – 12 มิลลิกรัม เป็นระยะเวลานาน 2 – 3 สัปดาห์ สามารถลดความเจ็บปวดบริเวณข้อเข่าและกล้ามเนื้อได้ นอกจากนี้มีการใช้แอสตาแซนธีน (Astaxanthin) ขนาด 12 มิลลิกรัม เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าสามารถช่วยให้ผู้ป่วยโรค
รูมาตอยด์มีอาการที่ดีขึ้น ลดอาการปวดต่างๆ ได้ รวมทั้งไม่เกิดผลข้างเคียงต่างๆ เมื่อต้องรับประทานร่วมกับยาแก้ปวดที่ผู้ป่วยรับประทานเป็นประจำเลยค่ะ

4.ด้านหัวใจ
มีการศึกษาพบว่า แอสตาแซนธีน (Astaxanthin) ช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) ไตรกลีเซอไรด์และคลอเรสเตอรอล ซึ่งเป็นไขมันที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจตามมาในกรณีที่มีปริมาณสูง และนอกจากนี้ยังพบว่าการรับประทานแอสตาแซนธีน (Astaxanthin) ขนาด 6 – 18 มิลลิกรัม เป็นระยะเวลานาน 12 สัปดาห์ ยังสามารถช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) ในผู้ป่วยที่เป็นโรคไขมันได้อีกด้วย
โบกมือลาไขมันร้ายๆ กันได้เลย

Astaxanthin (แอสต้าแซนธีน) ไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่องผิวพรรณเท่านั้น แถมยังมีประโยชน์กับร่างกายเราทั้งภายนอกและภายในแทบจะทุกส่วนเลยทีเดียว โดย Astaxanthin (แอสต้าแซนธีน) สารสกัดจากสาหร่ายสีแดงจากประเทศญี่ปุ่น
Astaxanthin (แอสตาแซนทิน) เป็นหนึ่งในสารประเภทแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ในธรรมชาติ ที่ทำให้เกิดสีแดงหรือสีชมพูในพืชหรือสัตว์ ซึ่งมีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยป้องกันการทำลายเซลล์และกระบวนการออกซิเดชั่นที่มีผลทำให้เกิดริ้วรอยและการเสื่อมของเซลล์ก่อนวัย
อันควร จึงเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายที่นำมาใช้เป็นอาหารเสริม
ในการดูแลสุขภาพของดวงตาและหัวใจ ลดการอักเสบทั่วร่างกาย และช่วยในเรื่องของผิวพรรณ
ประโยชน์ของ Astaxanthin Astaxanthin ช่วยเรื่องอะไร?
สารอาหารจากธรรมชาติที่น่าสนใจที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ จะมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อย่างไรบ้างเช่น

- เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
Astaxanthin ถือได้ว่าเป็นราชินีของสารต้านอนุมูลอิสระ โดยมีความสามารถต้านอนุมูลอิสระมากกว่าสารชนิดอื่น ๆ หลายเท่าตัว Astaxanthin จะเข้าไปช่วยปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระในอวัยวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผิวหนัง ดวงตา หัวใจ และหลอดเลือด เป็นต้น
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดเลือนริ้วรอย ดูอ่อนกว่าวัย
อย่างที่รู้กันดีว่า Astaxanthin มีสรรพคุณโดดเด่นในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณ เพราะนอกจากจะต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดตัวร้ายในชีวิตประจำวันแล้ว Astaxanthin ยังช่วยป้องกันกระบวนการออกซิเดชั่นที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ด้วย การรับประทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยป้องกันและลดการเกิดริ้วรอย ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ดูเรียบเนียน ชุ่มชื้นขึ้น
- บำรุงสมอง และระบบประสาท
Astaxanthin มีส่วนช่วยเสริมและบำรุงการทำงานของระบบประสาท เซลล์สมอง พร้อมทั้งยังมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ เมื่อเราเริ่มเข้าสู่วัยชรา
- บำรุงสายตา
Astaxanthin จะเข้าไปช่วยต้านอนุมูลอิสระ บริเวณเยื่อหุ้มเซลล์ที่กล้ามเนื้อตา ช่วยในการไหลเวียนของเลือดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณดวงตา นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอจาก Carotenoid ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย
เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ
Astaxanthin สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพิ่มความทนทานของร่างกาย และลดโอกาสการเกิดภาวะกล้ามเนื้ออักเสบขณะออกกำลังกาย ทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น อ่อนเพลีย และบาดเจ็บกล้ามเนื้อน้อยลง�- บำรุงสุขภาพร่างกาย ป้องกัน บรรเทาภาวะแทรกซ้อนจากโรคต่าง ๆ
การทานAstaxanthin มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง หรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหากรับประทานก็สามารถช่วยลดภาวะการเกิดโรคแทรกซ้อนได้เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งยังเพิ่มความไวของการทำงานอินซูลินกับเซลล์ภายในร่างกายให้ดียิ่งขึ้น
Astaxanthin เหมาะกับใคร ?
คนที่ใส่ใจในการดูแลผิวพรรณ และความงามทุกเพศ ทุกวัย
คนที่รักสุขภาพทุกเพศ ทุกวัย ที่ต้องการจะบำรุงสุขภาพและอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ
คนวัยทำงานที่ต้องใช้สายตาเยอะ อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานหลายชั่วโมง หรือทำงานหนัก
คนที่เผชิญกับความเครียด
คนที่ออกกำลังกายประจำสม่ำเสมอ หรือเป็นนักกีฬา

แม้จะมีคนหลายกลุ่มที่ทานได้ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่สามารถทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม Astaxanthin ด้วยเช่นกัน เพราะจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี
โดยผู้ที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่
สตรีมีครรภ์ หรือสตรีที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตร
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
ผู้ที่มีความดันโลหิตผิดปกติ
ผู้ที่มีอาการแคลเซียมต่ำ
ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน
ผู้ที่มีภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์ผิดปกติ
ผู้ที่มีฮอร์โมนผิดปกติ

Astaxanthin สรรพคุณ ช่วยอะไร
จากประโยชน์ของ Astaxanthin สรรพคุณมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระโดยตรง แต่จัดอยู่ในหมวดสารโภชนาการเภสัช (Nutraceutical) ซึ่งให้ทั้งสรรพคุณทางยาและคุณค่าทางโภชนาการร่วมด้วย มีส่วนช่วยป้องกันและรักษาสุขภาพในคราวเดียวกัน ซึ่งการทานแอสตาแซนทินมีประโยชน์ดังนี้
บำรุงดวงตา ช่วยป้องกันอาการล้าของสายตา ฟื้นฟูจอตาเสื่อม ดวงตาอ่อนล้าจากการทำงานอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน และตาอักเสบในผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยให้ชะลอความเสื่อมของดวงตาให้ดีขึ้น
ช่วยป้องกันการเกิดการอักเสบ และ ป้องกันแผลหายช้าในผู้ป่วยเบาหวาน
ลดอาการปวดตา ตาล้า จากการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานเกินไป
งานวิจัยพบว่าการทานแอสตาแซนทิน 40 mg เป็นประจำทุกวันจะช่วยฟื้นฟูอาการอาหารไม่ย่อย ป้องกันความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร และ ลดอาการกรดไหลย้อน
ป้องกันอาการพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ และอาการเหน็บชาตามปลายประสาท
ช่วยดูแลสุขภาพของอาการวัยทองในกลุ่มผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพในกลุ่มผู้มีภาวะมีบุตรยาก หรือผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่ต้องการวางแผนในการมีบุตร
ช่วยป้องกันข้ออักเสบ หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการแบ่งตัวของเซลล์ผิดปกติ ช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้
ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดให้ทำงานเป็นปกติ เลือดสูบฉีดดีขึ้น รวมถึงป้องกันภาวะไขมันในหลอดเลือดอุดตัน และเส้นเลือดในสมองแตก
ช่วยป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โดยมีการอ้างอิงจากงานวิจัยจากต่างประเทศ กล่าวว่าการกินแอสตาแซนทินจะช่วยลดระดับไขมันในเลือดให้เป็นปกติ โดยจะลดระดับไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides) และเพิ่มไขมันดี (HDL) อีกทั้งยังมีข้อมูลได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าการกินแอสตาแซนทินหากทานคู่กับอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากเบอร์แบร์ริน (Berberine), โพลีโคซานอล (Policosanol), ข้าวยีสต์แดงจากธรรมชาติ, โคเอนไซม์คิว 10 (coenzyme Q10) และกรดโฟลิก (Folic Acid) จะช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) และลดปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกาย เมื่อแสดงผลจากค่าระดับในการตรวจสุขภาพ และค่าระดับไขมันในเลือดโดยรวม ยังช่วยลดระดับไขมันไม่ดี (LDL) และลดไตรกลีเซอไรด์ของผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ให้อยู่ในระดับที่ลดลง

บิลเบอร์รี่ (ราชาแห่งการบำรุงสายตา) Billberryเป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ มีลักษณะคล้ายบลูเบอร์รี่แต่มีขนาดเล็กกว่า แม้ว่าเ...
07/04/2023

บิลเบอร์รี่ (ราชาแห่งการบำรุงสายตา) Billberry
เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ มีลักษณะคล้ายบลูเบอร์รี่
แต่มีขนาดเล็กกว่า แม้ว่าเบอร์รี่ชนิดนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก
และคนไทยอาจยังไม่คุ้นเท่าไร แต่ประโยชน์ของ
บิลเบอร์รี่ต่อสุขภาพก็โดดเด่นไม่แพ้
ผลไม้ชนิดอื่นในตระกูลเดียวกัน

ประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ครอบคลุมสุขภาพหลายด้าน
เช่น บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา และต้านการอักเสบ
ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลายโรค แต่บิลเบอร์รี่สด
อาจหาได้ยากในประเทศไทย เพราะเป็นผลไม้ท้องถิ่น
ของยุโรปตอนเหนือ บิลเบอร์รี่ที่พบในไทยจึงมักมา
ในรูปแบบของอาหารเสริมมากกว่า โดยบทความนี้
จะให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประโยชน์ของบิลเบอร์รี่
และวิธีการเลือกซื้ออาหารเสริมบิลเบอร์รี่อย่างปลอดภัย

สารแอนโทไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides)
จากบิลเบอร์รี (Bilberry) เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา
อย่างมาก ช่วยป้องกันต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม
และโรคทางตาอื่นๆ จึงมักพบเห็นบิลเบอร์รีในอาหารเสริม
ช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยังเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
ที่ดีมาก ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
และต่อต้านการอักเสบ

สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) พบในผลไม้ตระกูล
เบอร์รีรวม (Mixed Berry Blend) ประกอบด้วย
บิวเบอร์รี (Bilberry) ช่วยบำรุงสายตา ขจัดสารพิษตกค้าง
บริเวณหลอดเลือดและระบบเลือด เสริมสร้างและ
ฟื้นฟูคอลลาเจน บลูเบอร์รี (Blueberry) มีวิตามิน C
และ วิตามิน E สูง ช่วยต้านอนุมุลอิสระ ชะลอความแก่
ลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือดได้

คุณประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ต่อสุขภาพ
บิลเบอร์รี่มีสารอาหารที่จำเป็นหลายชนิดจึงอาจช่วย
เสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายในด้านต่อไปนี้

1. ต้านอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระ หรือ Free Radicals เป็นสารชนิดหนึ่งที่
เกิดขึ้นภายในร่างกายตามธรรมชาติ เมื่อมีจำนวน
มากขึ้นอาจทำให้ร่างกายขาดสมดุลจนนำไปสู่การ
อักเสบและการเสื่อมของร่างกาย ซึ่งอาจเพิ่ม
ความเสี่ยงของโรคบางอย่าง
บิลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants)
สูง คุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ คือ การเข้าไป
จัดการและควบคุมอนุมูลอิสระให้อยู่สภาวะที่สมดุลและ
ไม่สร้างความเสียหายต่อเซลล์ภายในร่างกาย
ดังนั้นการได้รับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเพียงพอและ
สม่ำเสมอก็อาจช่วยยับยั้งกระบวนการเสื่อมและ
อักเสบของเซลล์ภายในร่างกายได้
บิลเบอร์รี่ไม่เพียงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง แต่ยังมี
สารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น

วิตามินซีหรือกรดแอสเคอร์บิก (Ascorbic Acid)
กรดฟีโนลิก (Phenolic Acid)
สารแอนโทไซยานิน (Antocyanin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้
เกิดสีในผักผลไม้

รายงานทางวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยชี้ว่าการได้รับสาร
ต้านอนุมูลอิสระอย่างเหมาะสมเป็นประจำอาจช่วย
ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายโรค เช่น โรคหัวใจ
โรคตับ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตาม
การได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากการรับประทานอาหาร
ที่มีประโยชน์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพดีและ
ลดความเสี่ยงของโรคเท่านั้น

2. บำรุงหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรง
โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นโรคเรื้อรัง โรคนี้เกิดได้จาก
หลายปัจจัย ซึ่งการอักเสบของหลอดเลือดและกล้ามเนื้อ
หัวใจก็อาจทำให้ความเสี่ยงของโรคเพิ่มขึ้น ส่วนสาเหตุ
ของการอักเสบอาจมาจากอนุมูลอิสระที่เพิ่มขึ้น
ไม่ใช่เฉพาะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่การสูบบุหรี่
การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และ
โรคประจำตัวอื่น ๆ อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและเกิด
โรคหัวใจและหลอดเลือด

ประโยชน์ของบิลเบอร์รี่อาจครอบคลุมถึงการปกป้องหัวใจให้ห่างไกลจากโรคหัวใจได้ด้วย เนื่องจากปริมาณสาร
ต้านอนุมูลอิสระที่ค่อนข้างสูงและหลากหลายจึงอาจลด
ความเสียหายจากการอักเสบได้
การศึกษาชิ้นหนึ่งศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวิตามินซี
กับสรรพคุณลดความเสี่ยงของ โรคหลอดเลือดหัวใจ
โดยให้ผู้เข้ารับการทดลองส่วนหนึ่งรับประทานวิตามินซีอย่างน้อย 700 มิลลิกรัมต่อวันและคนอีกส่วนหนึ่ง
เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับวิตามินซี

ภายหลังพบว่ากลุ่มที่ได้รับวิตามินซีมีความเสี่ยงของโรค
หลอดเลือดหัวใจน้อยกว่ากลุ่มคนที่ไม่ได้รับ
อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ไม่ได้พูดถึงผลข้างเคียงจากการ
ใช้วิตามินซีในปริมาณดังกล่าวติดต่อกันนาน อีกทั้งการ
ศึกษายังใช้เวลานานหลายปีจึงอาจมีปัจจัยอื่นที่ส่งผล
ต่อการศึกษาได้
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งชี้ว่าการได้รับ
แอนโทไซยานินที่พบได้ในบิลเบอร์รี่และผลไม้ใน
ตระกูลเบอร์รี่ติดต่อกันหลายสัปดาห์อาจช่วยลดระดับ
ของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL: Low-Density Lipoproteins) และเพิ่มปริมาณของคอเลสเตอรอล
ชนิดดี (HDL: High-Density Lipoproteins)

คอเลสเตอรอล เป็นคำที่ใช้เรียกไขมันในเลือดชนิดหนึ่ง
คอเลสเตอรอลส่งผลต่อสุขภาพได้ไม่น้อย โดยเฉพาะ
สุขภาพหัวใจ หากปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี
สูงติดต่อกันอาจเพิ่มความเสี่ยงของการสะสมของไขมัน
ในผนังหลอดเลือดทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและ
ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบตันได้ ดังนั้นการได้รับ
แอนโทไซยานินจากบิลเบอร์รี่จึงอาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจในข้อนี้ได้ แต่การศึกษาในสัตว์บางส่วนไม่พบ
ความแตกต่างระหว่างกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับและ
ไม่ได้รับแอนโทไซยานิน
บิลเบอร์รี่ยังมีวิตามินเคที่มีส่วนรักษาการทำงานของ
ระบบไหลเวียนของเลือดและการควบคุมการแข็งตัว
ของเลือดจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจขาดเลือด
และโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือด

3. บำรุงสายตาและลดความเสี่ยงของโรคต้อหิน
ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตอย่างขาดไม่ได้
แต่อายุที่เพิ่มขึ้นและปัจจัยอื่น ๆ อาจส่งผลให้ดวงตา
เสื่อมลงและเสี่ยงต่อโรคตาบางชนิดมากขึ้นได้
การทดลองทางวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งพบประโยชน์
ของบิลเบอร์รี่ต่อสุขภาพดวงตา เช่น
ลดอาการตาล้า ตาแห้ง ปวดศีรษะ และตาพร่า
ลดความเสี่ยงของ โรคต้อหิน ซึ่งเป็นโรคที่อาจส่งผลต่อ
การมองเห็นได้ หากไม่ได้รับการรักษา

เพิ่มสมรรถภาพการมองเห็นในที่มืด
ขจัดสารพิษตกค้างบริเวณหลอดเลือด
เพิ่มสีจอประสาทตาสามารถทนต่อแสงได้ดีขึ้น
ป้องกันโรคที่อาจเกิดกับดวงตา เช่น ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม
ยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและต่อต้านการอักเสบ
เสริมสร้างและฟื้นฟูคอลลาเจน
ในโลกยุคดิจิทัลแต่ละวันเราอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์
สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทบจะ
เกินครึ่งหนึ่งของชีวิต โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ดวงตา
ต้องอยู่กับแสงสีฟ้าจากหน้าจอของอุปกรณ์เหล่านี้เป็น
เวลานานติดต่อกัน ทำให้ได้รับผลกระทบมากกว่าที่คิด

ผลกระทบจากแสงสีฟ้า
ภาวะตาล้า (Digital Eye Strain)ได้แก่
ปวดตา
ตาแห้ง
ตาพร่า
น้ำตาไหล
โรคจอประสาทตาเสื่อม (Age – Related Macular Degeneration : AMD)มีงานวิจัยทางการแพทย์พบว่า
ถ้าเผชิญหน้ากับแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน อาจทำให้เซลล์ใน
ดวงตาตาย เนื่องจากคลื่นแสงพลังงานสูงเหนี่ยวนำให้เกิด
การสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radical) ในเซลล์ของจอประสาทตา ทำให้เซลล์ค่อย ๆ เสื่อมลงส่งผลให้เป็น
โรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้
มากกว่าผู้ชาย นอกจากแสงสีฟ้าที่ทำให้สายตาเกิด
ความผิดปกติ ยังมีปัจจัยมากมายที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรค ได้แก่
อายุมากขึ้น ความเสื่อมเพิ่มขึ้น
สูบบุหรี่
ม่านตาอ่อน (Light Iris Coloration)
แสงแดด
ทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ
กรรมพันธุ์
เพราะฉะนั้นการดูแลดวงตาตั้งแต่วันนี้คือหนทางที่ดีที่สุดในการป้องกันความเสื่อมและความผิดปกติก่อนเวลาอันควร

ดูแลดวงตาก่อนเสื่อม
การดูแลดวงตาจากแสงสีฟ้ามีหลายวิธี ได้แก่
ลดความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์
ติดฟิล์มลดแสง
พักสายตาทุก 20 นาที มองไกลออกไป 20 เมตร
นาน 20 วินาที
ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
ทานผักผลไม้สีเหลืองส้มบำรุงสายตา
เสริมด้วยวิตามินช่วยดูแลดวงตา

เพิ่มรูปตระเวนชิมลงอัลบั้มคะ อยากได้ไอเดียจัดจานห้ามพลาดเลยจ้า
19/03/2023

เพิ่มรูปตระเวนชิมลงอัลบั้มคะ
อยากได้ไอเดียจัดจานห้ามพลาดเลยจ้า

04/11/2022

ก่อนเริ่มดูแลตัวเอง สภาพ😅😅😅
อย่ารอให้ป่วยแล้วถึงดูแลตัวเองนะคะ
ไม่อยากกินยาเป็นอาหาร ต้องปรับกินอาหารให้เป็นยา❤️

ไม่ต้องรออายุเยอะก่อนค่อยดูแลสุขภาพนะคะเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ทุกคนจะได้✅กินอาหารเป็นยา  ❌ไม่ต้องกินยาเป็นอาหาร
01/11/2022

ไม่ต้องรออายุเยอะก่อนค่อยดูแลสุขภาพนะคะ
เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ทุกคนจะได้
✅กินอาหารเป็นยา ❌ไม่ต้องกินยาเป็นอาหาร

#รู้หรือไม่ สุขภาพดีแค่เปลี่ยนอาหาร #อาหารสมอง #วิตามินซี #วิตามินดี #วิตามินผิวขาว #วิตามินญี่ปุ่น ...

อยากผิวสวยแข็งแรง อย่าลืมอัดวิตามินเอเพิ่มนะคะ
31/10/2022

อยากผิวสวยแข็งแรง อย่าลืมอัดวิตามินเอเพิ่มนะคะ

#รู้หรือไม่ สุขภาพดีแค่เปลี่ยนอาหาร #อาหารสมอง #วิตามินซี #วิตามินดี #วิตามินผิวขาว #วิตามินญี่ปุ่น ...

Address


Alerts

Be the first to know and let us send you an email when Jinny Healthy Living posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Practice

Send a message to Jinny Healthy Living:

  • Want your practice to be the top-listed Clinic?

Share

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram