
18/08/2025
📍โรคซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ ทรีโพนีมา พาลลิดัม (Treponema pallidum)
📌สาเหตุโรคซิฟิลิส
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย
การทำออรัลเซ็กส์ (Oral s*x)
การจูบกับผู้ติดเชื้อ
การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกขณะตั้งครรภ์ หรือระหว่างการคลอดบุตร
📌อาการของซิฟิลิสในแต่ละระยะ
โรคซิฟิลิสจะมีระยะเวลาฟักตัวประมาณ 2-4 สัปดาห์ หรือในผู้ติดเชื้อบางรายก็ไม่แสดงอาการนานถึงปี อาจจะรู้ตัวว่าเป็นโรคซิฟิลิสก็ต่อเมื่ออยู่ในระยะที่ 2 แล้ว สำหรับอาการของโรคซิฟิลิสนั้น ทางการแพทย์ได้แบ่งระยะของโรคซิฟิลิสออกเป็นทั้งหมด 4 ระยะ ซึ่งในแต่ระยะก็อาจจะมีอาการของโรคที่คาบเกี่ยวกันไปตามแต่ระยะ ดังนี้
👉ระยะที่ 1
อาการของซิฟิลิสระยะแรกจะเป็นอาการของซิฟิลิสระยะฟักตัวเกิดขึ้นเมื่อผู้ติดเชื้อได้รับเชื้อมาประมาณ 2-4 สัปดาห์แล้ว จะปรากฏตุ่มเล็กขนาด 2-4 มิลลิเมตร มีลักษณะขอบนูนแข็ง หรือที่เรียกว่า ‘แผลริมแข็ง’ บริเวณอวัยวะเพศ, ริมฝีปาก, ลิ้น, ท่อปัสสาวะ, เยื่อบุตา หรือเยื่อบุช่องคลอด อาจจะมีแผลเดียวหรือหลายแผลก็ได้ ซึ่งผู้ติดเชื้อที่มีอาการดังกล่าวจะไม่รู้สึกเจ็บที่แผล และแผลริมแข็งจะสามารถหายไปได้เองภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์ แม้ว่าผู้ติดเชื้อจะไม่ได้รับการรักษา
👉ระยะที่ 2
สำหรับอาการของซิฟิลิสระยะที่ 2 หรือที่เรียกกันว่า ‘ระยะออกดอก’ โดยระยะนี้จะปรากฏอาการภายใน 3 -12 สัปดาห์หลังจากที่ได้รับเชื้อ และจะปรากฏอาการของโรคหลายอย่าง เนื่องจากเป็นระยะที่เชื้อซิฟิลิสแพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองและกระแสเลือดภายในร่างกาย เช่น ผื่นขึ้นตามร่างกาย หรือซิฟิลิสฝ่ามือ แต่จะไม่มีอาการคัน และอาจจะพบเนื้อตายจากผื่นเป็นหย่อม ๆ ได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นร่วม เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต, มีไข้, เจ็บคอ, ปวดเมื่อยตามร่างกาย, มีเชื้อราในปาก ผมร่วง และหากตรวจเลือด ผลเลือดมักจะออกมาเป็นบวก โดยอาการดังกล่าวจะเป็น ๆ หาย ๆ คล้ายกับการติดเชื้อระยะแรก
👉ระยะที่ 3
อาการซิฟิลิสระยะที่ 3 ทางการแพทย์เรียกว่า ‘ระยะแฝง’ ผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้รับการรักษาจาก 2 ระยะที่ผ่านมาจะเข้าสู่สภาวะอาการสงบ ซึ่งจะไม่ปรากฏอาการของโรคซิฟิลิส โดยเชื้อซิฟิลิสจะแฝงตัวอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานนับหลายปีก่อนที่จะพัฒนาเข้าสู่ระยะที่ 4 หรือซิฟิลิสระยะสุดท้าย
ผู้ที่ติดเชื้อในระยะนี้สามารถแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้โดยการผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หรือมารดาที่ตั้งครรภ์ในระยะนี้ก็สามารถแพร่เชื้อซิฟิลิสไปยังทารกในครรภ์ได้ผ่านทางรก และทำให้ติดเชื้อระหว่างการคลอด สำหรับทารกที่ติดเชื้อซิฟิลิสจะมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินผิดปกติ มีโครงสร้างฟันหรือจมูกผิดปกติ มีลักษณะเฉพาะตัว เรียกว่า ‘จมูกแบบซิฟิลิส’
👉ระยะที่ 4
สำหรับผู้ติดเชื้อซิฟิลิสที่ไม่ได้รับการรักษาจนผ่านเข้าสู่ระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้ายของโรคซิฟิลิส จะพบรอยโรคเป็นแผล มีตุ่มซิฟิลิสขึ้นนูนตามตัว ในระยะนี้เชื้อโรคได้แพร่กระจายเข้าสู่ระบบต่อมน้ำเหลืองและกระแสเลือด ทำลายอวัยวะในระบบต่าง ๆ เช่น ระบบประสาทและสมอง, ระบบหัวใจและหลอดเลือด, ตับ, ดวงตา, กระดูกและข้อต่อ ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนภายในร่างกาย เช่น เป็นอัมพาต, ตาบอด, หูหนวก, ภาวะสมองเสื่อม, ลิ้นหัวใจรั่ว จนถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด
📍ในทางการแพทย์นั้น โรคซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันเหมือนการฉีดวัคซีน HPV แต่เราสามารถป้องกันตนเองจากการติดเชื้อซิฟิลิสได้ โดยยึดหลักการมีเพศสัมพันธ์แบบปลอดภัย
- สวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงการทำออรัลเซ็กส์ในบริเวณที่เป็นแผล
- ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ไม่ใช้สารเสพติดหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีโอกาสที่จะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกัน
- งดการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อซิฟิลิส
- ตรวจสุขภาพประจำปี และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- สำหรับบุคคลที่ตั้งครรภ์ควรเข้าโปรแกรมฝากครรภ์ เพื่อตรวจเช็กโรคซิฟิลิส
-----------------------------------------------------
ที่มา: https://www.pptvhd36.com/health/care/7000