คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมสูตินรีเวช นายแพทย์นพพร อ.วานรนิวาส

20/04/2025

ในผู้หญิงควรมีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปี หรือตามคำแนะนำของแพทย์นะคะ

**การคัดกรองไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะทำให้เรารู้ทางของการป้องกันและรักษาได้ค่ะ

👉🏻 สามารถรับคำปรึกษา ตรวจคัดกรองได้ที่คลินิก ให้คำแนะนำและตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช

CIN1: สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้

CIN1 คืออะไร?
CIN1 หรือ ภาวะเซลล์ผิดปกติในปากมดลูกระดับ 1 คือการที่เซลล์บริเวณปากมดลูกเริ่มมีความผิดปกติเล็กน้อย ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus)
อย่าตกใจ! มัน ไม่ใช่มะเร็ง แต่เป็นสัญญาณเตือนว่าอาจมีความเสี่ยงในอนาคต

ต้องกังวลไหม?
โดยส่วนใหญ่ CIN1 ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง และสามารถหายได้เองในเวลาไม่กี่เดือนถึงหนึ่งปี โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ยังอายุน้อย
งานวิจัยพบว่า 60–90% ของกรณีสามารถหายได้เอง โดยไม่ต้องรักษา เพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถกำจัดเชื้อ HPV ได้เอง

รักษาอย่างไร?
ส่วนมาก ไม่ต้องรักษาทันที แพทย์จะแนะนำให้คุณมาตรวจติดตามซ้ำ เช่น ตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear) หรือ HPV test ทุก 6–12 เดือน
ถ้า CIN1 ยังคงอยู่เกิน 2 ปี หรือเริ่มเปลี่ยนเป็นระดับที่สูงขึ้น อาจพิจารณาการรักษาด้วยวิธีง่ายๆ เช่น การจี้เย็น (Cryotherapy) หรือ การตัดเซลล์ผิดปกติด้วยไฟฟ้า (LEEP)

มีสเปรย์หรือยารักษาให้หายขาดไหม?
มีการทดลองใช้และมีการบอกว่ามีการรักษาด้วยวิธีนี้อยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน อาจยังไม่แพร่หลายสำหรับทุกๆคนได้ และอย่างที่เล่าข้างต้น อยู่เฉยๆร่างกายก็ขจัด CIN1 ไปได้เองแล้ว ส่วนการดูแลวีธีนี้เป็นทางเลือกที่ได้พูดคุยข้อมูลสำคัญกับแพทย์ผู้ดูแลและติดตามก่อนเริ่มใช้

ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์และติดตามหรือเลือกการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนนะครับ

••••••••

สิ่งที่คุณควรทำ:

• อย่าตกใจ — CIN1 พบได้บ่อย และมักหายได้เองนะครับ
• ตรวจติดตามตามนัดแพทย์อย่างสม่ำเสมอตามนัด
• งดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ลดประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันมีข้อมูลมากเรื่องนี้แล้ว
• ฉีดวัคซีนป้องกัน HPV ถ้ายังไม่เคยฉีด — เพื่อป้องกันการติดเชื้อในอนาคต

สุดท้ายคือแนวทางการดูแลและรักษาจะมีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วด้วยวิวัฒนาการด้านการศึกษาวิจัยด้านมะเร็งและภาวะก่อนมะเร็งในปัจจุบันก้าวหน้ามากๆๆๆๆครับ ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดและปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจนะครับ

••••••••

19/04/2025

♓♈ อัพเดทฤกษ์ผ่าคลอดปีรับ Summer ในปีมะเส็ง พ.ศ. 2568 กันค่ะ ​
แม่ๆ ท่านไหนเลือกฤกษ์ที่ใช่ในการผ่าคลอดแล้ว🗓️​
ก็อย่าลืม พลัสสารอาหารที่ใช่ด้วยนมแม่ที่มี "ซินไบโอติก" 🥛​
ให้กับลูกน้อยปีมะเส็ง เสริมทั้งภูมิต้านทาน 💪 และสมอง 🧠ให้น้องผ่าคลอดด้วยนะคะ​
ทีมเด็กปีมะเส็ง กด 👍​
ทีมเด็กผ่าคลอด กด ❤️​
เช็คฤกษ์ผ่าคลอดมงคลปีมะเส็ง 2568 ที่นี่ https://www.hifamilyclub.com/pregnancy/c-section/csectiontime_2568.html

ทั้งนี้คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการผ่าคลอดนะคะ​
ปรึกษาเรื่องสุขภาพและโภชนาการของลูกน้อยกับไฮแฟมิลี่แคร์ไลน์

คลิก👉 https://bit.ly/3HZ4fre​
#นมแม่ดีที่สุด​
#ฤกษ์ผ่าคลอด​
#เด็กผ่าคลอด ​
#ซินไบโอติก​

17/04/2025

วันนี้คลินิกเปิดให้บริการตามปกตินะคะ
เวลา 17.00-20.00น.
🥰🥰

07/04/2025

🫧🫧 แจ้งวันหยุดคลินิกในช่วงสงกรานต์ 💦💦

❌❌ คลินิกหยุด 12-16 เมษายน นะคะ❌❌

ขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ ติดต่อสอบถามในเวลาทำการ

โทร.093-356-2341

✅✅เปิดทำการตามปกติใน วันที่ 17 เมษายน 68

เวลา 17.00-20.00น.

04/04/2025

🩺วันนี้คลินิกเปิดให้บริการ🩺
ตามปกตินะคะ

💚เวลา 09.00-12.00น.💚

28/03/2025

🌸🌸 แจ้งวันหยุดคลินิก 🌸🌸

❌❌ คลินิกปิด 31 มี.ค - 4 เม.ย 68 ❌❌

ขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ ติดต่อสอบถามในเวลาทำการ

โทร.093-356-2341

✅✅เปิดทำการตามปกติ วันที่ 5 เม.ย 68

เวลา 09.00 - 12.00 น.

19/03/2025

ใกล้เปิดเทอมทีไร มักมีเรื่องให้แม่ๆกังวลใจทุกที เพราะเป็นช่วงที่โรคฮิตต่างๆมักระบาดในเด็ก Hi Family พาคุณแม่มารู้จัก โรคฮิตในเด็กช่วงเปิดเทอม พร้อมวิธีรับมือและ ตัวช่วยดีๆให้คุณแม่เตรียมพร้อมรับมืออย่างมั่นใจ โดยวิธีรับมือ เช่น รับวัคซีนหรือทานยา กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะและกินอาหารครบ 5 หมู่ และรักษาความสะอาด หมั่นล้างมือสม่ำเสมอ

https://www.hifamilyclub.com/


#คลินิกหมอนพพร #สูติแพทย์ #วัคซีนมะเร็งปากมดลูก #ตรวจหลังคลอด #ฝากท้อง #คนท้อง #สูตินรีเวช #อัลตราซาวด์3มิติ4มิติ #ปรึกษามีบุตรยาก #ฝากครรภ์

18/03/2025

ท้องสองคลอดเร็วขึ้นกว่าท้องแรกจริงไหม? 🤰✨

สำหรับคุณแม่ที่เคยผ่านการคลอดธรรมชาติและกำลังตั้งครรภ์ท้องที่สอง คงมีคำถามว่า “คราวนี้เราจะคลอดเร็วขึ้นกว่าครั้งแรกไหม?” หรือ “จะเจ็บท้องนานเหมือนเดิมหรือเปล่า?”

วันนี้เราจะมาสรุปข้อมูลที่น่าสนใจจากงานวิจัยทางการแพทย์เกี่ยวกับระยะเวลาในการคลอดท้องแรกและท้องสองกัน

📌 ท้องสองคลอดเร็วขึ้นจริงหรือ?

จากงานวิจัยพบว่า คุณแม่ที่เคยคลอดธรรมชาติมาแล้ว มักจะใช้เวลาคลอดท้องที่สองเร็วขึ้น ทั้งในแง่ของ อายุครรภ์ที่คลอด และ ระยะเวลาการเจ็บท้องและเบ่งคลอด เนื่องจากร่างกายของคุณแม่ได้ผ่านกระบวนการคลอดมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้ปากมดลูกเปิดง่ายขึ้น กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานขยายตัวได้ดีขึ้น รวมถึงมดลูกสามารถบีบตัวได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

💡 สาเหตุที่ท้องสองคลอดเร็วขึ้น:

✔️ ปากมดลูกเคยขยายมาแล้ว จึงเปิดได้เร็วกว่า
✔️ กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
✔️ มดลูกบีบตัวเป็นจังหวะดีขึ้น ลดระยะเวลาการเจ็บท้อง
✔️ ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการคลอดทำงานดีขึ้น
✔️ คุณแม่มีประสบการณ์มากขึ้น ทำให้ร่างกายปรับตัวได้ดี

📌 เปรียบเทียบระยะเวลาในการคลอด

🔹 ระยะเวลาในการเจ็บท้องและคลอด (Active Labor & Delivery)
จากการศึกษาของ National Institute for Health and Care Excellence (NICE, 2021) พบว่า
📍 ท้องแรก: ใช้เวลาคลอดเฉลี่ย 12-18 ชั่วโมง
📍 ท้องสอง: ใช้เวลาคลอดเฉลี่ย 5-8 ชั่วโมง (ลดลงเกือบ 50% ในบางกรณี)
📖 อ้างอิง: National Institute for Health and Care Excellence (NICE), 2021

🔹 ระยะเวลาการเบ่งคลอด (Pushing Stage)
จากข้อมูลของ American College of Obstetricians and Gynecologists (ACOG, 2019)
📍 ท้องแรก: ใช้เวลาเบ่งคลอดประมาณ 1-2 ชั่วโมง
📍 ท้องสอง: ใช้เวลาเบ่งคลอดเฉลี่ย 30 นาที - 1 ชั่วโมง
📖 อ้างอิง: American College of Obstetricians and Gynecologists (ACOG), 2019

🔹 อายุครรภ์ที่คลอด (Gestational Age at Delivery)
📍 ท้องแรก: โดยเฉลี่ยคลอดที่ 40 สัปดาห์ 5 วัน
📍 ท้องสอง: มักคลอดเร็วขึ้นเล็กน้อย เฉลี่ยที่ 40 สัปดาห์ 3 วัน
(แต่ก็มีบางกรณีที่คลอดเร็วกว่าหรือช้ากว่าปกติ)

📌 ท้องสองคลอดง่ายขึ้นจริงไหม?

แม้ว่าท้องสองมักจะคลอดง่ายขึ้นและเร็วขึ้นสำหรับแม่ส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางปัจจัยที่อาจส่งผลให้การคลอดท้องที่สองใช้เวลานานกว่าที่คาด เช่น

🚨 ปัจจัยที่อาจทำให้คลอดช้าหรือยากขึ้นในท้องสอง
❌ อายุครรภ์ที่ห่างจากท้องแรกนานเกินไป (10 ปีขึ้นไป) ทำให้ร่างกายอาจไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม
❌ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าท้องแรก ส่งผลต่อขนาดของทารก

📌 สรุป

🔸 คุณแม่ที่เคยคลอดธรรมชาติ ท้องสองมักจะคลอดเร็วขึ้นกว่าท้องแรก
🔸 ระยะเวลาในการคลอดลดลง โดยเฉพาะช่วงเจ็บท้องและช่วงเบ่งคลอด
🔸 อายุครรภ์ที่คลอดอาจเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในช่วงปลอดภัย
🔸 การเตรียมตัวที่ดีช่วยให้การคลอดง่ายขึ้น แม้จะเป็นท้องสอง

28/02/2025

🤰🏻 ท้องต้องดื่มนมไหม? กินอะไรพร้อมนมได้บ้าง? แล้วอีกหน่อยลูกจะแพ้นมไหม? 🍼

คนท้องหลายคนอาจสงสัยว่า “ท้องแล้วต้องดื่มนมทุกวันไหม?” 🤔 จริงๆ แล้ว ไม่ดื่มก็ได้นะครับแต่ดื่มแล้วได้ประโยชน์เยอะ เพราะนมอุดมไปด้วย แคลเซียม โปรตีน และวิตามิน D ที่ช่วยสร้างกระดูกและฟันของลูกแบบเต็มๆ 🦴✨ แต่ถ้าไม่ชอบนมหรือกินแล้วท้องอืดหรือแพ้นม ก็หาแคลเซียมจากอาหารอื่นได้ เช่น โยเกิร์ต ชีส เต้าหู้ ถั่ว ผักใบเขียว นะครับ

🥛 เลือกนมแบบไหนดี?

✅ นมวัว – โปรตีนแน่น แคลเซียมปัง
✅ นมพาสเจอร์ไรส์ – ปลอดภัยจากเชื้อโรค
✅ นมไขมันต่ำ – สำหรับแม่ที่อยากคุมน้ำหนัก (แต่แอบกินเค้กอยู่ดี 😂)
✅ นมปราศจากแลคโตส – สำหรับแม่ที่กินนมสูตรปกติแล้วท้องปั่นป่วน
✅ นมพืช (ถ้าไม่อยากดื่มนมวัว)
• นมอัลมอนด์ – แคลอรีต่ำ แต่แคลเซียมต้องเลือกแบบเสริมเพิ่ม
• นมถั่วเหลือง – โปรตีนสูง ดีงาม
• นมโอ๊ต – ไฟเบอร์เยอะ ขับถ่ายสบาย
• นมมะพร้าว – หอมมัน แต่โปรตีนน้อยกว่านมปกติอยู่บ้าง

📌 ดื่มวันละเท่าไหร่ดี?
แนะนำวันละ 1-2 แก้ว (250-500 มล.) หรือถ้ากินแคลเซียมจากอาหารอื่นแล้ว ก็ไม่ต้องฝืนดื่มเยอะถึง 500 มล ก็ได้

💊 กินยาบำรุงกับนมได้ไหม?

⚠️ ธาตุเหล็ก (Ferrous, FBC, Obimin) – ไม่ควรกินยาบำรุงเลือดพร้อมกับนม! 🚫
• นมจะแย่งการดูดซึมธาตุเหล็ก ทำให้ลูกได้น้อยลง
• ควรกินยาบำรุงเลือดตอนท้องว่าง พร้อมน้ำส้ม น้ำผลไม้ (วิตามิน C ช่วยให้ดูดซึมดีขึ้น) 🍊

⚠️ แคลเซียม – กินกับนมได้ แต่…
• ถ้ากินอาหารแคลเซียมสูงอยู่แล้ว แนะนำให้แบ่งกินช่วงอื่น เช่น กินแคลเซียมก่อนนอน เพราะร่างกายดูดซึมได้ดีตอนพักผ่อน 💤

⚠️ DHA (โอเมก้า 3, น้ำมันปลา) – กินกับนมได้ ชิวๆ 🐟
• แต่ถ้าเป็นน้ำมันปลากลิ่นแรง แนะนำกินพร้อมอาหารดีกว่า ไม่งั้นอาจได้เรอคาวๆ 😅

⚠️ แอสไพริน (สำหรับแม่ที่หมอสั่งให้กิน) – กินกับนมได้ แต่…
• ถ้ากินแล้วแสบกระเพาะ ลองกินพร้อมอาหาร หรือขอคำแนะนำจากหมอ

❓ ดื่มนมตอนท้องทำให้ลูกแพ้นมหรือเปล่า?
ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าถ้าคุณแม่ดื่มนมเยอะ ลูกจะโตมาแพ้นม 🚼 แต่ถ้าครอบครัวมีประวัติแพ้นม อาจลองลดการดื่มหรือปรึกษาหมอ

📌 สรุปง่ายๆ 👉 ถ้าดื่มได้ ก็ดื่มเลย มีประโยชน์! แต่ถ้าไม่ชอบนมก็หาทานจากแหล่งอื่นได้ อย่าลืมเลือกกินยาบำรุงให้ถูกวิธีด้วยนะ

21/02/2025

เคล็ดลับสำหรับแม่ผ่าคลอด

หลังผ่าตัดคลอด คุณแม่จำเป็นต้องได้รับโภชนาการที่เพียงพอ เพื่อให้แผลผ่าคลอดหายเร็วและเตรียมสารอาหารสำหรับสร้างน้ำนมให้ลูก หลายๆ ท่านมีความกังวลในเรื่องของการดูแลรักษาแผลผ่าตัดคลอด ต้องกินอะไรแผลจึงหายเร็ว ไม่เป็นแผลเป็นนูน และมักมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับอาหารบางชนิดว่าอาจแสลงต่อแผลผ่าตัด เช่น ข้าวเหนียว ทำให้แผลเน่า เป็นหนอง หรือไข่ ทำให้แผลนูน ไม่เรียบ และแผลอักเสบหายช้า ซึ่งทางการแพทย์ ไม่มีข้อห้ามในการทานอาหารดังกล่าว
หญิงหลังมีแผลผ่าคลอด ควรได้รับโภชนาการให้ครบทั้ง 5 หมู่ รับประทานไข่ไก่วันละ 1 – 2 ฟอง ไข่เป็นแหล่งของโปรตีนชั้นดีที่หาง่าย จะช่วยซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอหลังการผ่าตัด โปรตีนเหล่านี้จำเป็นต่อการสร้างเนื่อเยื่อและผิวหนังใหม่ที่ช่วยให้แผลหาย เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงโดยเร็ว ส่วนข้าวเหนียวนั้นเป็นอาหารจำพวกแป้ง ให้พลังงานและมีคุณค่าทางอาหารสูง⁴

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลแผลผ่าคลอดที่นี่ :
10 เคล็ดลับทำให้แผลผ่าคลอดหายเร็วขึ้น และอะไรทำให้แผลหายช้า

#นมแม่ดีที่สุด
#ฤกษ์ผ่าคลอด
#เด็กผ่าคลอด
#ซินไบโอติก