คลินิกหมอรสสุคนธ์ ฝากครรภ์ อัลตราซาวด์ 4 มิติ อรัญประเทศ

คลินิกหมอรสสุคนธ์ ฝากครรภ์ อัลตราซาวด์ 4 มิติ อรัญประเทศ ฝากครรภ์ ทำคลอด อัลตราซาวด์4 มิติ คัดกรองมะเร็งปากมดลูก ปรึกษามีบุตรยาก ตรวจน้ำเชื้อ กระชับช่องคลอด

สูตินรีเวช โรคเด็ก โรคผู้ใหญ่
อัลตราซาวด์4มิติ เอ๊กซเรย์
ฝากครรภ์ ทำคลอด วัคซีนทุกชนิด

13/06/2025

ปิดยาว 13-21 มิถุนายน 68

เปิดบริการ 22 มิถุนายน 68
8.30 -12.00น และ 16.30 -19.30น

👉🏻 ติดต่อสอบถาม จองคิวได้ทาง inbox. เลยครับ

👉🏻 คุณแม่สามารถซื้อยาบำรุงครรภ์ได้ที่
ร้านยาวังปลาตองเภสัชครับ

ขออภัยในความไม่สะดวกครับ🙏🏻

10/06/2025

คงไม่มีจำนวนครั้งที่ตายตัวสำหรับการผ่าคลอดในชีวิตผู้หญิงคนนึงว่าจะไปได้ถึงกี่ครั้ง แต่เรารู้ว่าความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆๆเมื่อจำนวนครั้งมากขึ้นครับ

โดยทั่วไปคุณแม่จำนวนมากสามารถผ่าคลอดได้ 2–3 ครั้งอย่างปลอดภัย และบางรายอาจมากกว่านั้น แต่ต้องเข้าใจว่าทุกครั้งที่ผ่าคลอด ความเสี่ยงต่อสุขภาพของแม่และลูกจะเพิ่มขึ้นด้วนหลายๆเหตุที่จะเล่าครับ

•••••••••

1. ความแข็งแรงของมดลูกและพังผืดจากแผลเป็น
• หลังการผ่าคลอด มดลูกจะมีแผลเป็นจากการเย็บนั้น
• เมื่อมีการผ่าคลอดหลายครั้ง จุดที่เป็นแผลเป็นอาจบางลง ทำให้ เสี่ยงต่อภาวะมดลูกแตก ในการตั้งครรภ์หรือคลอดครั้งถัดไป

2. ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเมื่อผ่าคลอดหลายครั้ง:
• รกเกาะต่ำ (placenta previa)
• รกเกาะแน่นผิดปกติ (placenta accreta spectrum) ซึ่งอาจทำให้เลือดออกมาก และในบางกรณีต้องตัดมดลูก ตกเลือดรุนแรงมากๆได้
• พังผืดภายในช่องท้อง ที่อาจทำให้การผ่าตัดครั้งต่อไปซับซ้อนมากขึ้น
• เสี่ยงบาดเจ็บต่อกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ลำไส้ หรืออวัยวะข้างเคียง

3. แนวทางปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์:
• ยังไม่มีคำแนะนำที่กำหนดจำนวนครั้งสูงสุดอย่างแน่นอน แต่โดยทั่วไปมักต้องระแวงและระวังมากๆๆๆเมื่อเกิน 3–4 ครั้ง

• แนวทางของ ACOG (American College of Obstetricians and Gynecologists) แนะนำให้ พิจารณาเป็นรายบุคคล โดยดูจากประวัติการผ่าตัด ความแข็งแรงของมดลูก และความต้องการมีลูกเพิ่มเติมโดยไม่ได้กำหนดจำนวนจำกัดการผ่าตัดคลอดชัดๆลงไป

สรุปข้อความสำคัญที่ต้องเข้าใจ:

• ผู้หญิงสามารถมีลูกโดยการผ่าคลอดหลายครั้งได้ อย่างปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเคยผ่ามาแล้วหลายครั้ง เมื่อท้องให้รีบปรึกษาแพทย์ และบอกประวัติการผ่าตัดครั้งก่อนๆอย่างละเอียดเช่นผ่าเพราะอะไร ตอนผ่ามีปัญหาอะไรไหม คุณหมอครั้งก่อนฝากบอกอะไรสำคัญไว้ไหมเป็นต้น

• หากเคยผ่าคลอดมาแล้วไม่ว่ากี่ครั้ง ควรมีการ อัลตราซาวด์ตรวจดูความหนาของผนังมดลูกและตำแหน่งของรก ในการตั้งครรภ์ถัดไปเสมอ เพราะเสี่ยงเพิ่มต่อรกเกาะต่ำ รกกินลึก เพิ่มขึ้นทุกๆครั้งที่ผ่านการผ่าตัดมาครับ

update ความน่ารักลูกชายป้าหมอ "น้องสไปร์ท” อายุ 1 ปี1เดือน8 วัน ❤️ลูกชาย ขาวหล่อตาโต จ้ำม้ำเลย 😊ป้าหมอขอให้หนุน้อยสุขภาพ...
08/06/2025

update ความน่ารักลูกชายป้าหมอ

"น้องสไปร์ท” อายุ 1 ปี1เดือน8 วัน ❤️

ลูกชาย ขาวหล่อตาโต จ้ำม้ำเลย 😊

ป้าหมอขอให้หนุน้อยสุขภาพแข็งแรง สดใสร่าเริง
พัฒนาการสมวัย เลี้ยงง่ายๆ เป็นเด็กดี
เรียนหนังสือเก่งๆ นะครับ 😊

#ลูกรัก
#เด็กในสังกัดป้าหมอรสสุคนธ์
#คลินิกหมอรสสุคนธ์

ก็อากาศมันน่านอน #น่ารักน่าเอ็นดู #ลูกรัก #อัลตราซาวด์4มิติอรัญประเทศ
08/06/2025

ก็อากาศมันน่านอน

#น่ารักน่าเอ็นดู
#ลูกรัก
#อัลตราซาวด์4มิติอรัญประเทศ

🟣 Colpofix 🟣✨ ทางเลือกใหม่ สำหรับรักษาการติดเชื้อ HPV ✨ 👉🏻 ป้องกันและรักษาการติดเชื้อ HPV สาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก...
08/06/2025

🟣 Colpofix 🟣
✨ ทางเลือกใหม่ สำหรับรักษาการติดเชื้อ HPV ✨

👉🏻 ป้องกันและรักษาการติดเชื้อ HPV
สาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
✅ กำจัดเชื้อ HPV
✅ ลดรอยโรค CIN 1

📦 สินค้าพร้อมให้บริการ 📦

🔆 ท่านที่สนใจ สอบถามได้ที่เบอร์ 061-6959525 หรือ inbox FB ได้เลยครับ

📌 คลินิกหมอรสสุคนธ์ เปิดบริการ
จ.-ศ. 17.00-19.30 น
ส.-อา 8.30-12.00 น, 17.00-19.30น

05/06/2025
04/06/2025

หลังตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ ยังต้องกินโฟลิกอยู่หรือไม่?

โฟลิก หรือกรดโฟลิก เป็นหนึ่งในวิตามินตัวแรกที่แพทย์จะแนะนำให้ผู้หญิงเริ่มทานเมื่อวางแผนตั้งครรภ์ หรือเมื่อตั้งครรภ์ในช่วงแรก เพราะมีบทบาทสำคัญในการป้องกันความผิดปกติของระบบประสาททารก เช่น ภาวะหลอดประสาทไม่ปิด ซึ่งเกิดขึ้นในช่วง 4–6 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์

เมื่ออายุครรภ์เลย 12 สัปดาห์ไปแล้ว คุณแม่หลายคนอาจเริ่มสงสัยว่า ยังจำเป็นต้องกินโฟลิกต่อไปหรือไม่?

🔍 คำตอบคือ: #ยังคงมีประโยชน์ และควรทานต่อในหลายกรณี

หลังจาก 12 สัปดาห์ หลอดประสาทของทารกจะพัฒนาเสร็จแล้ว การทานโฟลิกจึงไม่จำเป็นเพื่อป้องกันภาวะนั้นอีกต่อไป แต่ร่างกายของแม่ยังต้องการโฟเลตเพื่อกระบวนการสำคัญอื่นๆ ได้แก่:

• สนับสนุนการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของลูกน้อย

• สร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกาย

• ป้องกันภาวะโลหิตจาง ที่อาจส่งผลต่อพลังงานของแม่และการนำออกซิเจนไปยังลูก

•••••••

วิตามินรวมสำหรับหญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มีโฟลิกผสมอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม (โดยเฉลี่ย 400–800 ไมโครกรัม) และออกแบบมาให้ทานได้ตลอดการตั้งครรภ์

#องค์การอนามัยโลก (WHO) และแนวทางการดูแลครรภ์จากหลายประเทศยังแนะนำให้ทานโฟลิกร่วมกับธาตุเหล็กอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันภาวะโลหิตจาง ทารกน้ำหนักน้อย และการคลอดก่อนกำหนด

เว้นแต่แพทย์จะแนะนำให้หยุดด้วยเหตุผลทางการแพทย์ ดังนั้นการทานวิตามินก่อนคลอดต่อไป รวมถึงโฟลิก ถือว่าเป็นสิ่งที่ปลอดภัยและเหมาะสมตลอดการตั้งครรภ์ครับ

02/06/2025

ปิด 2 มิ.ย. 68

เปิด 3 มิ.ย. 68
16.30-19.30น

ขออภัยในความไม่สะดวกครับ🙏🏻

สอบถามที่คลินิกได้เลยครับ ไม่ต้องจองคิว 💉วัคซีน RSV เพียง 1 เข็ม ❣️ ฉีดในคุณแม่ตั้งครรภ์อายุ 24-36 สัปดาห์ ❣️ปกป้องลูกน้...
01/06/2025

สอบถามที่คลินิกได้เลยครับ ไม่ต้องจองคิว 💉

วัคซีน RSV เพียง 1 เข็ม
❣️ ฉีดในคุณแม่ตั้งครรภ์อายุ 24-36 สัปดาห์
❣️ปกป้องลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์
❣️ช่วยลดความเสี่ยงโรค RSV ในลูกน้อยช่วง 0-6 เดือนแรก
❣️ลดความรุนแรงจาก RSV ถึง 70-80%
❣️ลดโอกาสนอนโรงพยาบาลถึง 70%

👉🏻 ราคาเพียง 7,900 บาท✨
ไม่ต้องจอง! มีวัคซีนพร้อมให้บริการทันที

#คลินิกหมอรสสุคนธ์ #ฝากครรภ์ #ทำคลอด #อัลตราซาวด์4มิติ #โรคสตรี #อรัญประเทศ

🌧️ เข้าสู่เดือนมิถุนายน... “ฤดู RSV” ของประเทศไทยกำลังจะเริ่มขึ้น

ทุกๆปีช่วงเดือน "มิถุนายนถึงพฤศจิกายน" คือฤดูกาลที่เชื้อ RSV ระบาดหนักในเด็ก

ไวรัส RSV เป็นสาเหตุสำคัญของปอดอักเสบในเด็กเล็ก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กต้องนอนโรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่อายุ < 6 เดือน

👶 ปีนี้เป็นปีแรกที่ประเทศไทยมียาป้องกัน RSV สำหรับเด็กเล็ก (ประเทศอื่นมีมานานแล้ว) ซึ่งได้เคยโพสต์รายละเอียดไปในโพสต์ก่อนหน้านี้

** ใครยังไม่ได้อ่านโพสต์ดังกล่าวสามารถเข้าไปดูได้ที่นี่ ** https://www.facebook.com/share/p/1Y33Eqzu58/

หลังจากนั้นมีคุณพ่อคุณแม่หลายคนถามเข้ามาว่า…
"แล้วระหว่าง ฉีดวัคซีนในแม่ตั้งครรภ์ (Abrysvo) กับ ฉีดแอนติบอดีให้ลูก (Nirsevimab) ควรเลือกอันไหน?"

🛡️ โพสต์นี้ทำเป็นตารางเปรียบเทียบแบบชัดๆของยาทั้ง 2 ตัวให้ดู ดังรูป

✅ สรุปแบบสั้นๆ
1️⃣ ถ้าแม่ยังตั้งครรภ์อยู่ในช่วง 24–36 สัปดาห์
→ แนะนำให้ ฉีดวัคซีน RSV (Abrysvo) เพื่อให้ร่างกายแม่สร้างภูมิคุ้มกัน และส่งผ่านไปยังลูกก่อนคลอด (ต้องฉีดอย่างน้อย 14 วันก่อนคลอด)
→ ปรึกษากับสูตินรีแพทย์

2️⃣ ถ้าแม่คลอดแล้ว แต่ไม่ได้ฉีดวัคซีนก่อนคลอด หรือ
ฉีดวัคซีนแล้วแต่คลอดเร็วกว่ากำหนด (ภายใน 14 วันหลังฉีดวัคซีน)
→ กรณีนี้ลูกจะยังไม่ได้รับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ RSV
แนะนำให้ฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab ให้ลูกโดยตรง
→ ปรึกษากับหมอเด็ก

01/06/2025
01/06/2025

🎗️ “คัดกรองมะเร็งเต้านม… อย่ารอให้ป่วยก่อน”

🩺 “มะเร็งเต้านมตรวจพบเร็ว มีโอกาสรอดชีวิตสูง แต่หากพบเมื่อสาย การรักษาอาจไม่ช่วยชีวิตได้เสมอไป”

🔬 มะเร็งเต้านม: ศัตรูเงียบของผู้หญิง

มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้หญิงทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย

ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่า ทุกปีมีผู้หญิงไทยหลายพันคนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม และที่น่าเป็นห่วงคือ เกือบครึ่งหนึ่งมักมาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามไปแล้ว ทำให้โอกาสหายขาดลดลงอย่างมาก

🧭 การคัดกรองคืออาวุธสำคัญ: รู้ก่อน รักษาได้

การตรวจคัดกรอง เช่น การตรวจแมมโมแกรม (mammogram) มีเป้าหมายเพื่อค้นหาความผิดปกติก่อนที่ผู้หญิงจะมีอาการใด ๆ

สำหรับผู้หญิงที่มีความเสี่ยงปานกลาง (ไม่มีประวัติครอบครัวหรือพันธุกรรมผิดปกติ):

• ✅ อายุ 40 ปีขึ้นไป: ควรเริ่มตรวจแมมโมแกรมเป็นประจำ

• ✅ อายุ 50–74 ปี: ควรตรวจทุก 1–2 ปี

• 🔄 การตรวจควรทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่ตรวจครั้งเดียวแล้วจบ

การตรวจพบในระยะเริ่มต้นมีโอกาสรักษาหายขาดได้สูงกว่า 90% แต่หากปล่อยไว้จนพบเมื่อมีอาการ เช่น ก้อนที่เต้านม ผิวหนังบุ๋ม หรือมีเลือดออกจากหัวนม โอกาสหายขาดจะลดลงอย่างมาก

⚠️ อย่าประมาท แม้ไม่มีอาการ

หลายคนคิดว่า “ไม่มีอาการก็คงไม่เป็นอะไร” — นี่คือความเข้าใจผิดที่อันตรายมาก เพราะมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นมักไม่แสดงอาการใด ๆ

📊 งานวิจัยแสดงว่า ในกลุ่มหญิงอายุ 40–49 ปี ที่ตรวจแมมโมแกรมเป็นประจำ สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้ถึง 8–10% แม้ผลลัพธ์จะไม่ถึงกับ “ลดความเสี่ยงเป็นศูนย์” แต่ก็มี “ความต่างที่ช่วยชีวิตได้” [USPSTF 2024, Nelson HD et al. JAMA 2023]

💡 แล้วต้องตรวจบ่อยแค่ไหน?

คำแนะนำทั่วไป:

• อายุ 40 ปีขึ้นไป: ควรเริ่มหารือกับแพทย์เพื่อวางแผนตรวจ

• มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่: อาจต้องตรวจเร็วกว่าปกติ และตรวจเพิ่มเติมตามคำแนะนำของแพทย์

••••••••

🎗️อายุน้อยกว่า 40 ปี ตรวจมะเร็งเต้านมได้ไหม?

เพราะมะเร็งเต้านมไม่รอให้เราอายุถึงก่อนหนิหน่า

หลายคนเข้าใจว่า “ต้องอายุ 40 ปีขึ้นไปถึงจะตรวจมะเร็งเต้านมได้” ความเข้าใจนี้ ไม่ผิด…แต่ไม่ครบ

แม้แนวทางปัจจุบันจะ ไม่แนะนำให้ผู้หญิงที่มีความเสี่ยงปานกลาง (average risk) ตรวจแมมโมแกรมเป็นประจำก่อนอายุ 40 ปี แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราควร “ละเลย” การดูแลเต้านมของตัวเองไปเลย

ในความเป็นจริง ผู้หญิงอายุน้อยก็สามารถ เฝ้าระวัง ดูแล และตรวจคัดกรองได้หลากหลายวิธี ตามความเหมาะสมและปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล

🩺 ทางเลือกในการดูแลและคัดกรองเต้านมสำหรับผู้หญิงอายุน้อยกว่า 40 ปี

1. 🔍 ตรวจเต้านมด้วยตนเอง (Breast Self-Exam)

เป็นจุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุด และควรฝึกทำตั้งแต่อายุยังน้อย
✅ ช่วยให้รู้จักเต้านมของตัวเอง
✅ หากคลำเจอก้อน หรือรู้สึกไม่ปกติ จะสังเกตได้เร็ว

⏰ แนะนำให้ตรวจทุกเดือน หลังหมดประจำเดือน 7-10 วัน

👩‍⚕️ ตรวจเต้านมโดยแพทย์ (Clinical Breast Exam)

เป็นการตรวจร่างกายโดยแพทย์หรือพยาบาล โดยใช้การคลำแบบเป็นระบบ

✅ เหมาะสำหรับผู้หญิงทุกวัย โดยเฉพาะในผู้ที่มีความกังวล
✅ แนะนำทำทุก 1-3 ปี สำหรับอายุต่ำกว่า 40 ปี

🖥️ อัลตราซาวด์เต้านม (Breast Ultrasound)

ใช้คลื่นเสียงเพื่อดูโครงสร้างของเนื้อเยื่อเต้านม เหมาะกับเต้านมที่หนาแน่น (dense breast) ซึ่งพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยรุ่นและวัยทำงาน

✅ ใช้กรณีพบก้อน หรือสงสัยว่ามีความผิดปกติ
❌ ไม่ใช้แทนแมมโมแกรมในกรณีคัดกรองทั่วไป

🤱แมมโมแกรม (Mammogram)

ปกติไม่แนะนำให้ใช้ในผู้หญิงอายุน้อยกว่า 40 ปีทุกคนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงทำเป็นสิ่งแรก

แต่สามารถใช้ได้ ในกรณีเฉพาะบางคน เช่น:
• พบก้อนผิดปกติ
• มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม
• ต้องการวางแผนคัดกรองล่วงหน้าโดยปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

ที่อยู่

76/13-14 ถ. บ้านน้อย ตำบล อรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ สระแก้ว
Aranyaprathet
27120

เบอร์โทรศัพท์

+66616959525

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกหมอรสสุคนธ์ ฝากครรภ์ อัลตราซาวด์ 4 มิติ อรัญประเทศผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

ประเภท