เว็บไซต์คืออะไร?

Arsomherb สมุนไพรลืมป่วย

หน้าหลัก
ประเทศไทย
Pak Kret
Arsomherb สมุนไพรลืมป่วย

ชุมชนคน "ลืมป่วย" เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ชุมชนคนรักษ์สมุนไพรไทย ผสานกับองค์ความรู้สมัยใหม่ Vitamin & Minerals เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของคนไทย พัฒนาให้ก้าวไกลสู่สากล (East Meet West)

20/02/2025

จงดูแลสุขภาพ
อย่าหาบเกินกำลัง
จงกินอย่างระวัง
ออกกำลังกายเป็นยาวิเศษ

11/02/2025

กินพริก ช่วยให้อายุยืน ✨ จริงหรือ?

️ พริก เครื่องเทศรสเผ็ดร้อน ที่ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อย แต่ยังซ่อนสรรพคุณทางยามากมาย ในทางการแพทย์แผนไทย พริกถูกจัดเป็นเครื่องเทศที่มีฤทธิ์ขับลม ช่วยลดการกำเริบของธาตุน้ำ ขับเสมหะ และช่วยให้ทางเดินหายใจโล่ง

️ สารแคปไซซินในพริก มีคุณสมบัติช่วยลดความไวของปอดต่อสิ่งกระตุ้น และใช้แก้หวัดได้ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้คนที่มีอาการคัดจมูกจากหวัด อาการดีขึ้นได้

️ พริกอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น โปรวิตามินเอ วิตามินอี แคโรทีนอยด์ ฟลาโวนอยด์ เควอซิทิน และวิตามินซี ซึ่งสารเหล่านี้มีส่วนช่วยขยายเส้นโลหิต ทำให้การดูดซึมอาหารในลำไส้และกระเพาะอาหารดีขึ้น นอกจากนี้ สารแคปไซซินยังสามารถใช้เป็นยาภายนอกเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ ข้อเข่า และหัวไหล่ได้

งานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับพริก
* การศึกษาในสหรัฐอเมริกา: พบว่าคนที่กินพริกมีอายุยืนกว่าคนที่ไม่กิน โดยกลุ่มที่ไม่กินพริกมีอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ 33.6% ในขณะที่กลุ่มที่กินพริกมีอัตราการเสียชีวิต 21.6%
* การรวบรวมข้อมูลจาก 4 ประเทศ: พบว่าการกินพริกมีความสัมพันธ์กับการลดอัตราการตายจากทุกสาเหตุ 25% ลดอัตราการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือด 26% และลดอัตราการตายจากมะเร็ง 23% (ผลลัพธ์นี้พบเฉพาะในผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น)
* ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ: การศึกษาพบว่าการรับประทานพริก capsicum annuum สามารถต้านอนุมูลอิสระได้
* ฤทธิ์ต้านการอักเสบ: สารแคโรทีนอยด์และแคปไซซินอยด์ในพริกสามารถต้านการอักเสบได้
* ฤทธิ์ต้านไวรัส: การจำลองภาพสามมิติในคอมพิวเตอร์พบว่าสารสำคัญในพริกมีฤทธิ์ในการจับกับตำแหน่ง Main protease ของไวรัส SARS-CoV 2 ซึ่งอาจช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้
* โรคเมทาบอลิก: การศึกษาในหลอดทดลองพบว่าสารแคปไซซินช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ลดภาวะดื้ออินซูลินและโรคอ้วน ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคไขมันพอกตับ
* ฤทธิ์ต่ออารมณ์และจิตใจ: พริกช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ทำให้ร่างกายตื่นตัว

ข้อควรระวัง
แม้ว่าพริกจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่การกินพริกในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย หรือแสบร้อน ดังนั้น ควรบริโภคพริกในปริมาณที่พอเหมาะ

สรุป
พริกเป็นเครื่องเทศที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การบริโภคพริกในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ และทำให้อายุยืนยาวขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึงปริมาณการบริโภคและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นด้วย

เรียบเรียง : หมอเฟิร์ส แพทย์แผนไทย
11 กุมภาพันธ์ 68

🔖 อ้างอิง
1) https://www.doctor.or.th/ask/detail/5808
2) https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC5222470/
3) https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC7432674/
4) https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC9856154/

10/02/2025

มะขามป้อม: สมุนไพรช่วยบรรเทากรดไหลย้อนได้จริงหรือ? อ่านต่อ⬇️⬇️

07/02/2025

ความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ดี
มันมาเตือนว่าเราทำอะไรผิด

05/02/2025

มะขามป้อมเป็นสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง วิตามินซีสูงกว่าแอปเปิ้ลถึง 160 เท่า และมีประโยชน์ในการรักษาโรคเรื้อรังหลายประเภท เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ มีการศึกษาพบว่า มะขามป้อมสามารถ
* ลดระดับไขมัน: ลดคอเลสเตอรอลรวม ไขมันไม่ดี และไตรกลีเซอไรด์ เพิ่มไขมันดี
* ลดระดับน้ำตาล: ลดระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) และระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหาร 2 ชม.

งานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับมะขามป้อม :
* ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ: มะขามป้อมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลาย
* ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด: มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่ามะขามป้อมสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
* ฤทธิ์ลดไขมันในเลือด: มะขามป้อมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้
* ฤทธิ์ต้านการอักเสบ: มะขามป้อมมีสารต้านการอักเสบที่อาจช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้
* ฤทธิ์ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด: มะขามป้อมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
* ฤทธิ์เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: วิตามินซีในมะขามป้อมช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
* ฤทธิ์ต้านมะเร็ง: มีงานวิจัยบางชิ้นที่บ่งชี้ว่ามะขามป้อมอาจมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้

ข้อควรระวัง
* ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานมะขามป้อม
* ไม่ควรรับประทานมะขามป้อมในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ท้องเสียได้
* ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคมะขามป้อม

มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงและมีสรรพคุณทางยามากมาย สามารถนำมาใช้ได้หลายวิธีดังนี้ครับ
1. รับประทานสด
* วิธี: ล้างมะขามป้อมให้สะอาดแล้วรับประทานได้เลย อาจจะจิ้มกับเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
* ข้อดี: วิธีนี้จะได้รับวิตามินซีและสารอาหารต่างๆ อย่างครบถ้วน
* ข้อควรระวัง: มะขามป้อมมีรสเปรี้ยวอมฝาด หากไม่คุ้นอาจจะไม่ชอบรสชาติ
2. คั้นน้ำดื่ม
* วิธี: นำมะขามป้อมสดมาปั่นหรือคั้นเอาน้ำ ผสมกับน้ำเปล่าและน้ำผึ้งหรือน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
* ข้อดี: ดื่มง่าย ได้รับวิตามินซีสูง และช่วยดับกระหาย
* ข้อควรระวัง: ควรดื่มทันทีหลังทำเพื่อไม่ให้วิตามินซีสูญเสียไป
3. ทำเป็นอาหาร
* วิธี: นำมะขามป้อมมาทำเป็นอาหารต่างๆ เช่น มะขามป้อมแช่อิ่ม มะขามป้อมกวน หรือใส่ในแกง
* ข้อดี: ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร และยังได้รับประโยชน์จากมะขามป้อม
* ข้อควรระวัง: ปริมาณวิตามินซีอาจจะลดลงบ้างเมื่อผ่านความร้อน
4. ใช้เป็นยา
* วิธี: ตามตำรับยาแผนโบราณมีการใช้มะขามป้อมในการรักษาโรคต่างๆ เช่น แก้ไอ แก้เจ็บคอ ขับเสมหะ หรือแก้ท้องผูก
* ข้อดี: เป็นวิธีทางเลือกในการรักษาโรค
* ข้อควรระวัง: ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้มะขามป้อมเป็นยา

เรียบเรียงข้อมูล : หมอเฟิร์ส แพทย์แผนไทย 5 กุมภาพันธ์ 2568

ข้อมูลเพิ่มเติม
ท่านสามารถอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับมะขามป้อมเพิ่มเติมได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น
* PubMed: https://www.nih.gov/
* Google Scholar: https://scholar.google.com/
* ฐานข้อมูลงานวิจัยของไทย: https://www.arda.or.th/api/component-file/

04/02/2025

เชื่อเถอะ!! วันหนึ่งคุณจะได้รู้ว่า การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

04/02/2025

หอมแดง มีสารสำคัญเด่น คือ เควอร์ซิติน (quercetin) มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านการแพ้ #แก้หวัด
อ่านต่อ...⬇️⬇️

03/02/2025

ผมเห็นขึ้นฟิดเฟสบุ๊คเต็มไปหมด การรักษาด้วยสมุนไพร มันข้อจำกัด และวิธีใช้ และขั้นตอนของการรักษา *ประเภทกินวันเดียวหายอันนี้สัญนิษฐานได้เลยว่ามั่ว โพสต์โดยไม่มีพื้นฐานทางการแพทย์มารองรับ
เพือนๆ ระวังการเสพข้อมูลตามที่ผมแชร์มาด้วยนะครับ

https://www.facebook.com/share/19zVPLuR6L/

02/02/2025

"ความมั่งคั่ง" ที่แท้จริง...คือ
"การมีสุขภาพดี"
มิใช่การมั่งมีเงินทอง...
-มหาตมะ คานธี-

02/02/2025

ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่มีสารเคอร์คูมินซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบได้ดีมาก มีงานวิจัยในหนูทดลองยืนยันว่า ขมิ้นชัน มีผลปกป้องระบบหัวใจหลอดเลือด-ปอด จาก PM 2.5 มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านมะเร็ง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ต้านการแพ้ ต้านพิษโลหะหนัก ซึ่งพบได้จากมลพิษและจาก PM 2.5 เช่น แคดเมียม อาร์เซนิก

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขมิ้นชัน
* ขมิ้นชันมีสารออกฤทธิ์เคอร์คิวมินอยด์ ซึ่งจัดเป็น ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ประกอบด้วย เคอร์คิวมิน (curucmin) ดีเม็ทธอกซีเคอร์คิวมิน (demethoxycurcumin) และบิส-ดีเม็ทธอกซีเคอร์คิวมิน (bis-demethoxycurcumin)
* มีข้อมูลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคแกงที่มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบกับการทำงานของปอดในประชากรผู้สูงอายุชาวจีนจำนวน 2,478 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ผลการศึกษาพบว่า การบริโภคแกงที่มีขมิ้นชัน (อย่างน้อยเดือนละครั้ง) ทำให้สมรรถภาพของปอดดีขึ้น และยิ่งบริโภคแกงที่มีขมิ้นชันบ่อย สมรรถภาพของปอดก็ยิ่งสูงมากขึ้น
* ขนาดที่แนะนำ: คนอินเดียกินขมิ้นชันอยู่ในมื้ออาหารจะอยู่วันละ 125 มิลลิกรัมต่อวัน หรือคิดเป็นวันละครึ่งช้อนชา อีกรูปแบบ คือ แบบแคปซูล แนะนำรับประทานวันละ 1-2 แคปซูล หลังอาหารมื้อใดก็ได้ รับประทานต่อเนื่องได้ 3 เดือน

ข้อควรระวัง
* ห้ามใช้ขมิ้นชันในผู้ที่ท่อน้ำดีอุดตัน
* สำหรับผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี หากจะใช้ขมิ้นชันให้อยู่ในความดูแลของแพทย์
* หากตัดถุงน้ำดีทิ้งแล้วสามารถใช้ขมิ้นชันได้

คำแนะนำ
* หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ PM2.5 ต่อสุขภาพปอดของคุณ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

เพิ่มเติม
* การใช้ขมิ้นชันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพปอด ควรดูแลสุขภาพด้านอื่นๆ ด้วย เช่น การหลีกเลี่ยงการสัมผัส PM2.5 การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

Disclaimer: ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการวินิจฉัยหรือรักษาโรค หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

เรียบเรียงข้อมูล : หมอเฟิร์ส แพทย์แผนไทย 2 กุมภาพันธ์ 2568

01/02/2025

ไม่มีรสชาติใดอร่อย
เทียบเท่าความรู้สึก
ของการมีสุขภาพที่ดี #สมุนไพร #ลืมป่วย

01/02/2025

หญ้าดอกขาวเป็นสมุนไพรที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ใช้เพื่อลดความอยากบุหรี่ มีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ เทอร์พีน สเตอรอล และสารกลุ่มไกลโคไซด์ ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ลิ้นฝาดหรือชา ลดความอยากสูบบุหรี่ได้จริง

ภูมิปัญญาตั้งแต่อดีตหมอยาพื้นบ้านใช้หญ้าดอกขาวเพื่อล้างปอด น่าจะมาจากการที่นิยมนำหญ้าดอกขาวมาใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับปอด คือ บรรเทาอาการไอ แก้หอบหืด รักษาหลอดลมอักเสบ และช่วยเลิกบุหรี่

วิธีใช้หญ้าดอกขาว
* ใช้ครั้งละ 2 กรัม ชงน้ำร้อนประมาณ 120 - 200 มิลลิลิตร หลังอาหารวันละ 3 - 4 ครั้ง รับประทานติดต่อกันได้ 6 เดือน พบว่ามีความปลอดภัย

ข้อควรระวัง
* ควรระวังการใช้กับผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต เนื่องจากยาหญ้าดอกขาวมีโพแทสเซียมสูง

อาการไม่พึงประสงค์
* ปากแห้งคอแห้ง

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
* มีงานวิจัย พบว่า หญ้าดอกขาว สามารถลดปริมาณก๊าซพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ที่คั่งค้างในปอด (ในคนที่สูบบุหรี่) ลดการอักเสบของปอดจากการสัมผัสนิโคติน (ในหนูทดลอง)
* มีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่า หญ้าดอกขาว อาจเป็นประโยชน์กับระบบทางเดินหายใจ เช่น มีสารกลุ่ม flavonoids และ terpenoids ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง และลดการอักเสบ ช่วยลดปริมาณก๊าซพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ที่คั่งค้างในปอด (ในคนที่สูบบุหรี่) ซึ่งพบก๊าซชนิดนี้ได้จากบุหรี่ และไอเสียรถยนต์ มีการศึกษาในหลอดทดลองพบว่า หญ้าดอกขาว มีฤทธิ์ยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งปอด มีการศึกษาในหนูทดลองที่ได้รับสารนิโคติน พบว่า เมื่อได้รับสารสกัดหญ้าดอกขาว 6 เดือน มีผลปรับปรุงเนื้อเยื่อ ทางเดินหายใจให้ดีขึ้น โดยวัดจากการที่มีการลดลงของเซลล์อักเสบ มีบริเวณที่เกิดพังผืดลดลง

คำแนะนำ
* หญ้าดอกขาวเป็นสมุนไพรทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพปอดและระบบทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีโรคประจำตัว

รียบเรียงข้อมูล : หมอเฟิร์ส แพทย์แผนไทย 1 กุมภาพันธ์ 2568