Superkids Center เพจสุขภาพเด็กโดยกุมารแพทย์เฉพาะทาง เพจสุขภาพเด็ก โดยกุมารแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์กุมารเวชกรรม Super Kids Center รพ. เวชธานี
โทร. 0-27340000 ต่อ 3310, 3312

🧒☔ RSV มือเท้าปาก ระบาดหนัก! เด็กเสี่ยงป่วยหน้าฝนโรคระบาดในเด็กช่วงหน้าฝนมาแรง! พ่อแม่ต้องรู้ทัน 6 โรคติดเชื้อที่พบบ่อยช...
07/07/2025

🧒☔ RSV มือเท้าปาก ระบาดหนัก! เด็กเสี่ยงป่วยหน้าฝน

โรคระบาดในเด็กช่วงหน้าฝนมาแรง! พ่อแม่ต้องรู้ทัน 6 โรคติดเชื้อที่พบบ่อย

ช่วงฤดูฝนเป็นเวลาที่เชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง ทำให้เสี่ยงต่อ โรคติดเชื้อในเด็ก หลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่แพร่กระจายผ่านระบบทางเดินหายใจหรือการสัมผัสในโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก และสถานรับเลี้ยงเด็ก

รู้ไหมว่า แค่ฝนตกก็เพิ่มความเสี่ยง 6 โรคระบาดเด็กที่พบบ่อยในหน้าฝน 😷

📌 โรคเด็กที่พบบ่อยช่วงหน้าฝน ได้แก่:

1. ไข้หวัด-ไข้หวัดใหญ่ :: ไวรัสที่ทำให้เด็กมีไข้ น้ำมูก ไอ และอ่อนเพลีย แพร่กระจายได้เร็วในที่ชุมชน

2. RSV (Respiratory Syncytial Virus) :: เชื้อไวรัสที่พบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ทำให้หลอดลมอักเสบ หรือปอดบวมได้

3. โรคมือเท้าปาก :: เกิดจากเชื้อ Enterovirus มีตุ่มน้ำใสขึ้นที่มือ เท้า ปาก และลำตัว แพร่ง่ายโดยเฉพาะในเด็กเล็ก

4. ท้องร่วงจากไวรัส (โนโรไวรัส/โรต้าไวรัส) :: อาเจียน ถ่ายเหลว และเสี่ยงขาดน้ำ

5. ไข้เลือดออก :: แพร่โดยยุงลาย เด็กมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว จุดเลือดออกใต้ผิวหนัง

6. ปอดบวม :: ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดหลังติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หากไม่รักษาอาจอันตรายถึงชีวิต

📌 ป้องกันโรคระบาดในเด็กหน้าฝน ต้องทำอย่างไร?

· ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
· หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในที่แออัด
· สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกนอกบ้าน
· ฉีดวัคซีนตามวัย เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

👩‍⚕️ หากลูกน้อยมีอาการ ไข้สูง ไอ หายใจลำบาก ซึม เบื่ออาหาร ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด

“ป้องกันตั้งแต่ต้น เพื่อสุขภาพเด็กที่แข็งแรงในทุกฤดู”

แพทย์หญิงอิศราณี วารีสุนทร
กุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลเวชธานี

#โรคหน้าฝนในเด็ก #มือเท้าปาก #ไข้หวัดเด็ก #ไข้เลือดออก #ปอดบวมในเด็ก #สุขภาพเด็ก #โรงพยาบาลเวชธานี

ติดตามบทความและสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก
ได้ที่เพจ Superkids center

#โรงพยาบาลเวชธานี #กุมารแพทย์เฉพาะทาง17สาขา #ภูมิแพ้ในเด็ก #พัฒนาการเด็ก #ขับถ่ายเด็ก #โภชนาการเด็ก #หัวใจเด็ก #จิตแพทย์เด็ก #ผิวหนังเด็ก #เด็กติดเชื้อ #กระดูกเด็ก #ฟันเด็ก
-----------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในเด็ก
ได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก Superkids Center
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
รายละเอียดติดต่อผ่านอินบอกซ์เพจ
📞 Vejthani Superkids Center: 02-7340000 ต่อ 3310,3312

 #เด็กหลังคด : ภาวะนี้พบได้ค่อนข้างบ่อยในเด็กและวัยรุ่น ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของท่าทางหรือรูปลักษณ์ที่ไม่สวยงามเท่านั้น แต...
07/07/2025

#เด็กหลังคด : ภาวะนี้พบได้ค่อนข้างบ่อยในเด็กและวัยรุ่น ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของท่าทางหรือรูปลักษณ์ที่ไม่สวยงามเท่านั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจส่งผลกระทบรุนแรงถึงการใช้ชีวิตในอนาคต โดยในปัจจุบันการผ่าตัดกระดูกสันหลังคดมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ

เด็กหลังคด... อนาคตเสี่ยงหรือไม่? อย่าปล่อยผ่าน!

โดยทั่วไปกระดูกสันหลังควรจะตรงเมื่อมองจากด้านหลัง แต่ในผู้ที่เป็นโรคกระดูกสันหลังคด (Scoliosis) กระดูกสันหลังจะโค้งเป็นรูปตัว C หรือ S อาจสังเกตได้จากสัญญาณเตือน เช่น ไหล่สองข้างสูงไม่เท่ากัน, เอวข้างหนึ่งดูเว้า หรือโป่งผิดปกติ, กระดูกสันหลังเอียงเวลายืนตรง, เมื่อเมื่อก้มตัว จะเห็นแนวสันหลังโค้งผิดรูป

ภาวะนี้พบได้ค่อนข้างบ่อยในเด็กและวัยรุ่น ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของท่าทางหรือรูปลักษณ์ที่ไม่สวยงามเท่านั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจส่งผลกระทบรุนแรงถึงการใช้ชีวิตในอนาคต ได้แก่

❗ พัฒนาการทางร่างกายผิดปกติ เช่น ตัวเอียง กระดูกผิดรูป
❗ ปวดหลังเรื้อรัง ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่
❗ มีการกดทับอวัยวะภายใน เช่น ปอดและหัวใจ ทำให้หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย
❗ เสี่ยงภาวะข้อเสื่อมก่อนวัยอันควร

สำหรับแนวทางการรักษาโรคกระดูกสันหลังคด แพทย์จะพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอายุของผู้ป่วย มุมคดของกระดูกสันหลัง ความรุนแรงของโรค รวมถึงระยะเวลาในการคดของกระดูกว่าเพิ่มขึ้นรวดเร็วเพียงใด โดยแบ่งวิธีการรักษาออกเป็น การสังเกตและติดตามอาการ, การใส่เครื่องมือช่วยพยุง (Brace), หรือกรณีผู้ป่วยมีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้ผ่าตัด

ปัจจุบันการผ่าตัดกระดูกสันหลังคดมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ ได้แก่ เทคโนโลยี O-arm Navigation ช่วยแสดงภาพกระดูกสันหลังอย่างละเอียด ทำให้แพทย์สามารถใส่สกรูได้ตรงตามตำแหน่งที่แม่นยำ และเทคโนโลยี Intraoperative Neuromonitoring ช่วยตรวจสอบการส่งสัญญาณของเส้นประสาท ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทขณะผ่าตัด ทำให้การผ่าตัดมีความปลอดภัย แม่นยำ

อย่ารอให้สายเกินไป การตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้เด็กสามารถใช้ชีวิต เติบโต และทำกิจกรรมได้อย่างปกติ

นพ.เอกพล ลาภอำนวยผล
ศัลยแพทย์กระดูกและข้อชำนาญการด้านโรคกระดูกสันหลัง

#ฟื้นฟูกระดูกฟื้นคืนความสุข

#ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
🏥 ศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเวชธานี
📞 โทร. 02-734-0000 ต่อ 5500

เมื่อโลกพัฒนา วิวัฒนาการของเชื้อโรค ก็พัฒนาตามเราเช่นกัน เช่น โรคมือ เท้า ปาก (Hand, Foot and Mouth Disease - HFMD) ยิ่ง...
07/07/2025

เมื่อโลกพัฒนา วิวัฒนาการของเชื้อโรค
ก็พัฒนาตามเราเช่นกัน เช่น โรคมือ เท้า ปาก (Hand, Foot and Mouth Disease - HFMD) ยิ่งในช่วงนี้ พบในเด็กโต มากขึ้น แม้ว่าโรคนี้มักพบใน เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มากที่สุด แต่ เด็กโต วัยเรียน หรือแม้แต่วัยรุ่น ก็ยังมีโอกาสติดเชื้อได้

สาเหตุของโรคมือ เท้า ปาก 🦠

โรคมือเท้าปากเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม เอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) โดยเฉพาะเชื้อ Coxsackie A16 และ Enterovirus 71 (EV71)

#สามารถแพร่ผ่าน
• น้ำลาย น้ำมูก เสมหะ
• อุจจาระ
• สัมผัสของเล่นหรือสิ่งของที่มีเชื้อ

👧🏻 เด็กโตติดได้เมื่อ
• อยู่ในสถานที่แออัด เช่น โรงเรียน ห้องเรียน
• สัมผัสใกล้ชิดกับเพื่อนที่ติดเชื้อ
• ไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารหรือหลังเข้าห้องน้ำ

⚠️ อาการในเด็กโต
• มีไข้ต่ำหรือไข้สูง
• เจ็บคอ เบื่ออาหาร
• มีตุ่มหรือแผลในปาก (ทำให้กินได้น้อย)
• ผื่นหรือตุ่มน้ำใสที่มือ เท้า หรือก้น

ในเด็กโต อาการอาจไม่รุนแรงเท่าเด็กเล็ก
แต่ก็สามารถ แพร่เชื้อให้ผู้อื่น ได้

✅ ควรทำอย่างไร
• ให้หยุดเรียนเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
• พาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและดูแลอาการ
• เน้นการพักผ่อน ดื่มน้ำมาก ๆ และรับอาหารอ่อน
• ล้างมือบ่อย ๆ ใช้ภาชนะส่วนตัว

บทความจากทีมกุมารแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี
ติดตามบทความและสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก
ได้ที่เพจ Superkids center

#โรงพยาบาลเวชธานี #กุมารแพทย์เฉพาะทาง17สาขา #ภูมิแพ้ในเด็ก #พัฒนาการเด็ก #ขับถ่ายเด็ก #โภชนาการเด็ก #หัวใจเด็ก #จิตแพทย์เด็ก #ผิวหนังเด็ก #เด็กติดเชื้อ #กระดูกเด็ก #ฟันเด็ก
-----------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในเด็ก
ได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก Superkids Center
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
รายละเอียดติดต่อผ่านอินบอกซ์เพจ
📞 Vejthani Superkids Center: 02-7340000 ต่อ 3310,3312

เมื่อ “ลูกถูกแมลงหรือสัตว์กัดต่อย” คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ดูแลควรตั้งสติ และปฏิบัติตัวเบื้องต้น เพื่อดูแลลูกอย่างปลอดภัย ดัง...
07/07/2025

เมื่อ “ลูกถูกแมลงหรือสัตว์กัดต่อย”
คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ดูแลควรตั้งสติ
และปฏิบัติตัวเบื้องต้น เพื่อดูแลลูกอย่างปลอดภัย ดังนี้

ขั้นตอนการปฐมพยาบาลเบื้องต้น

1.รีบพาลูกออกจากบริเวณที่ถูกกัดต่อย
• เพื่อป้องกันการถูกซ้ำอีก
• สังเกตว่าเป็นแมลงชนิดใด เช่น ผึ้ง มดแดง ยุง หรือสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง

2.ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดหรือสบู่อ่อนๆ ซับแผลให้แห้ง และทายาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ หรือ เบตาดีน
• ล้างทันทีเพื่อลดการติดเชื้อ
• หลีกเลี่ยงการเกา เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อหรืออักเสบ

3.ประคบเย็นเพื่อลดบวมและปวด
• ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณที่ถูกกัดประมาณ 10-15 นาที
• ห้ามวางน้ำแข็งโดยตรงบนผิวหนัง

4.สังเกตอาการแพ้หรืออาการผิดปกติ
• หากลูกมีอาการดังนี้ให้รีบพบแพทย์ทันที:
- หายใจลำบาก
- หน้าบวม/ลิ้นบวม/ตาบวม
- ผื่นลมพิษขึ้นทั้งตัว
- อาเจียน เวียนหัว หน้ามืด
- หมดสติ

5.ในกรณีมีเหล็กใน (เช่นโดนผึ้งต่อย)
• ใช้ของแข็งปลายทู่ เช่น บัตรแข็งๆ หรือขอบเหรียญ ขูดออกเบาๆ
• ห้ามใช้แหนบหนีบ เพราะอาจบีบพิษเข้าร่างกายเพิ่ม

6.ให้ยาแก้แพ้หรือยาแก้คัน (เฉพาะกรณีจำเป็นและเด็กไม่แพ้ยา)
• เช่น ยาแก้แพ้กลุ่ม Chlorpheniramine (ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนให้ยา)

⚠️ ควรพาไปโรงพยาบาลทันที หาก…
• ถูกสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง
• แผลมีอาการบวมแดงมากขึ้นหรือมีหนอง
• ลูกซึมลง ไข้สูง อาเจียนไม่หยุด หรือมีอาการแพ้รุนแรง

‼️ การป้องกันไม่ให้เด็กถูกแมลงกัด
• สวมเสื้อผ้าปิดแขนขาเมื่อออกนอกบ้านหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยง
• ทายากันยุงหรือใช้ปลอกข้อมือกันยุงสำหรับเด็ก
• ตรวจเช็กที่นอน มุ้ง หรือเสื้อผ้าก่อนใช้งาน

บทความจากทีมกุมารแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี
ติดตามบทความและสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก
ได้ที่เพจ Superkids center

#โรงพยาบาลเวชธานี #กุมารแพทย์เฉพาะทาง17สาขา #ภูมิแพ้ในเด็ก #พัฒนาการเด็ก #ขับถ่ายเด็ก #โภชนาการเด็ก #หัวใจเด็ก #จิตแพทย์เด็ก #ผิวหนังเด็ก #เด็กติดเชื้อ #กระดูกเด็ก #ฟันเด็ก
-----------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในเด็ก
ได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก Superkids Center
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
รายละเอียดติดต่อผ่านอินบอกซ์เพจ
📞 Vejthani Superkids Center: 02-7340000 ต่อ 3310,3312

การเลี้ยงลูกในยุคสื่อออนไลน์ต้องยอมรับว่าสมัยนี้  Smartphone และ Tablet เป็นปัจจัยหนึ่งในชีวิตไปแล้ว จึงเกิดคำถามว่า เรา...
06/07/2025

การเลี้ยงลูกในยุคสื่อออนไลน์

ต้องยอมรับว่าสมัยนี้ Smartphone และ Tablet เป็นปัจจัยหนึ่งในชีวิตไปแล้ว จึงเกิดคำถามว่า เราควรเลี้ยงลูกอย่างไร

ช่วงก่อนอายุ 2 ปีของเด็กเป็นช่วงที่ความสำคัญในการพัฒนาภาษาทั้งการออกเสียงและเรียนรู้คำศัพท์ แต่การใช้ Smartphone Tablet หรือโทรทัศน์ ไม่ได้มีส่วนช่วยพัฒนาการดังกล่าว และไม่ได้ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมให้กับลูก ๆ

คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจกลัวว่า ลูกจะตามไม่ทันการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย การฝึกใช้อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากในการเรียนรู้ แต่ทำให้เสพย์ติดได้ เนื่องจากเด็กๆจะติดหน้าจออย่างหนัก ทำให้ขาดการเรียนรู้วิธีการสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ที่ปัจจุบันมีคำว่า ออทิสติกเทียม หรือ Virtual Autistism เกิดขึ้น

หรืออีกวิธีการหนึ่งในการจัดการ คือ คุณพ่อหรือคุณแม่ควรเลือกสื่อที่เหมาะสมและอยู่ด้วยเพื่อให้คำแนะนำขณะที่ลูกใช้ Smartphone หรือ Tablet

#การใช้smartphone ทำให้ลูกพูดไม่ชัดหรือไม่
การออกเสียงนั้นประกอบด้วยหลายปัจจัย ทั้งการรับรู้เสียง การใช้กล้ามเนื้อลิ้น การขยับริมฝีปากในการออกเสียงเป็นต้น ซึ่งถามว่า การใช้ Smartphone หรือ Tablet มีผลมั้ย คงไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามการที่ได้พูดคุยกับลูกก็เป็นการที่ให้เขาได้เห็นวิธีการออกเสียงของเรา การเรียนรู้ทางอารมณ์ และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่นด้วย

#การเลี้ยงลูกสองภาษา
ปัจจุบันความสามารถในการใช้ภาษาเป็นทักษะที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนอยากสร้างให้ลูก เนื่องด้วยสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้น หลายคนส่งลูกเข้าโรงเรียนนานาชาติ หรือหาวิถีทางอื่นๆในการเพิ่มภาษาให้ลูก หรือบางครอบครัวอาจโชคดีที่มีญาติเป็นคนต่างชาติอยู่ร่วมกัน

การที่คุณพ่อ หรือคุณแม่พูดภาษาใด ภาษาหนึ่งกับลูกไปเลย (one person one language) หลายคนอาจเกิดคำถามว่า การที่เราไม่ใช่ native speaker จะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งที่สำคัญคือ การฝึกการออกเสียง (phonic) ที่ถูกต้องในภาษานั้นๆ โดยที่สำเนียงอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด โดยคุณพ่อคุณแม่อาจฝึกการออกเสียงง่ายๆจากการดูการ์ตูนต่างๆประเทศ เนื่องจากสื่อเหล่านี้ทำมาเพื่อให้เข้าใจง่าย พูดออกเสียงชัดและค่อนข้างช้า เหมาะกับการฝึกฝน

บทความจากทีมกุมารแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี
ติดตามบทความและสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก
ได้ที่เพจ Superkids center

#โรงพยาบาลเวชธานี #กุมารแพทย์เฉพาะทาง17สาขา #ภูมิแพ้ในเด็ก #พัฒนาการเด็ก #ขับถ่ายเด็ก #โภชนาการเด็ก #หัวใจเด็ก #จิตแพทย์เด็ก #ผิวหนังเด็ก #เด็กติดเชื้อ #กระดูกเด็ก #ฟันเด็ก
-----------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในเด็ก
ได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก Superkids Center
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
รายละเอียดติดต่อผ่านอินบอกซ์เพจ
📞 Vejthani Superkids Center: 02-7340000 ต่อ 3310,3312

อาหารกลุ่มใดบ้าง ที่เหมาะกับเด็กที่สุด ในช่วงวัยเรียน..??อาหารที่เหมาะกับเด็กควรเป็นอาหารที่ให้พลังงานและสารอาหารเพียงพอ...
06/07/2025

อาหารกลุ่มใดบ้าง ที่เหมาะกับเด็กที่สุด ในช่วงวัยเรียน..??

อาหารที่เหมาะกับเด็กควรเป็นอาหารที่ให้พลังงานและสารอาหารเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกายและสมอง

เด็กๆจะต้องมีการเจริญเติบโตที่ดี สมวัย ส่วนหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญคืออาหารที่มีประโยชน์ และช่วยบำรุงสมองของเด็ก พร้อมที่เรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ ได้แก่

1. 🥩 เนื้อสัตว์ ประกอบไปด้วยธาตุเหล็กที่ช่วยพัฒนาด้านความจำเเละการเรียนรู้ เเละสังกะสีที่ช่วยควบคุมการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท

2. 🐟 ปลา โดยเฉพาะปลาทะเล เช่น ปลาเเซลมอน ปลาทูน่า ปลากะพง ซึ่งมี DHA หนึ่งในกรดไขมันจำเป็น omega-3 ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาสมองเเละจอประสาทตาของเด็ก

3. 🥚 ไข่ อุดมไปด้วยโปรตีนเเละมีสารโคลิน (choline) ในไข่เเดงซึ่งเป็นสารสำคัญในการพัฒนาสมอง ความจำ การสื่อสารเเละความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก

4. 🥛นม ชีส🧀 เเละโยเกิร์ต มีโปรตีนเเละวิตามินซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อสมอง สารสื่อประสาทเเละเอนไซม์ มีเเคลเซียมซึ่งมีส่วนช่วยการนำสัญญาณประสาทในสมองด้วย

5. 🫘 ถั่วเเละเมล็ดพืช เช่น ถั่วลิสง อัลมอนด์ วอลนัท เป็นแหล่งโปรตีน วิตามิน (วิตามินอี วิตามินบีรวม) สังกะสี ธาตุเหล็ก กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เเละสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ

6. 🥦🥬 ผัก ทั้งผักสีสด เช่นมะเขือเทศ ฟักทอง เเครอท ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เเละผักใบเขียวต่างๆที่มีโฟเลตเเละวิตามินที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง

เด็กๆจะต้องมีการเจริญเติบโตที่ดี สมวัย ส่วนหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญคืออาหารที่มีประโยชน์ และช่วยบำรุงสมองของเด็ก พร้อมที่เรียนรู้ได้อย่างเต็มที่อีกด้วยค่ะ

บทความจากทีมกุมารแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี
ติดตามบทความและสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก
ได้ที่เพจ Superkids center

#โรงพยาบาลเวชธานี #กุมารแพทย์เฉพาะทาง17สาขา #ภูมิแพ้ในเด็ก #พัฒนาการเด็ก #ขับถ่ายเด็ก #โภชนาการเด็ก #หัวใจเด็ก #จิตแพทย์เด็ก #ผิวหนังเด็ก #เด็กติดเชื้อ #กระดูกเด็ก #ฟันเด็ก
-----------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในเด็ก
ได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก Superkids Center
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
รายละเอียดติดต่อผ่านอินบอกซ์เพจ
📞 Vejthani Superkids Center: 02-7340000 ต่อ 3310,3312

04/07/2025

อาหารที่มีวิตามินซีสูง

อาหารที่มีวิตามินซีสูงและเหมาะสำหรับเด็ก จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น

อาหารที่มีวิตามินซีสูงและเหมาะสำหรับเด็ก เช่น



🥝 ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
1. ส้ม – เช่น ส้มเขียวหวาน ส้มโอ
2. ฝรั่ง – วิตามินซีสูงมากกว่าส้มหลายเท่า
3. มะละกอ – ย่อยง่าย ดีต่อระบบขับถ่าย
4. สตรอว์เบอร์รี – วิตามินซีสูง แต่อย่าลืมล้างให้สะอาด
5. กีวี – ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
6. เชอร์รีอะเซโรลา – วิตามินซีสูงมาก (ถ้าหาได้)
7. มะม่วงดิบ – โดยเฉพาะมะม่วงมัน (ให้เด็กกินในปริมาณพอเหมาะ)



🥦 ผักที่มีวิตามินซี
1. บรอกโคลี – ต้มสุกแล้วให้เด็กกินง่ายขึ้น
2. พริกหวาน – โดยเฉพาะสีแดง มีวิตามินซีสูงมาก
3. ผักโขม – ให้แบบสุกจะย่อยง่ายกว่า
4. กะหล่ำดอก / กะหล่ำปลี – ต้มสุกแล้วให้กินคู่กับข้าวหรือเนื้อสัตว์
5. ต้นหอม ผักชี – โรยหน้าอาหารเพิ่มวิตามิน



🍽 เคล็ดลับให้เด็กกินวิตามินซีง่ายขึ้น
• ทำ น้ำผลไม้สด (ไม่เติมน้ำตาล) เช่น น้ำส้มคั้น น้ำฝรั่ง
• ใส่ผลไม้ใน โยเกิร์ตหรือสมูทตี้
• หั่นผลไม้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วจัดใส่จานให้เป็นรูปสัตว์หรือหน้าคน
• นำผักไป ผัด/ต้ม/บดรวมกับข้าวหรือไข่เจียว ให้เด็กกินง่ายขึ้น



บทความจากทีมกุมารแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี
ติดตามบทความและสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก
ได้ที่เพจ Superkids center

#โรงพยาบาลเวชธานี #กุมารแพทย์เฉพาะทาง17สาขา #ภูมิแพ้ในเด็ก #พัฒนาการเด็ก #ขับถ่ายเด็ก #โภชนาการเด็ก #หัวใจเด็ก #จิตแพทย์เด็ก #ผิวหนังเด็ก #เด็กติดเชื้อ #กระดูกเด็ก #ฟันเด็ก
-----------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในเด็ก
ได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก Superkids Center
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
รายละเอียดติดต่อผ่านอินบอกซ์เพจ
📞 Vejthani Superkids Center: 02-7340000 ต่อ 3310,3312

10/06/2025

ลูกนอนกรน…อย่าปล่อยไว้ ตรวจง่าย ไม่เจ็บ

#ลูกนอนกรน #นอนกรน

ติดตามบทความและสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก
ได้ที่เพจ Superkids center

#โรงพยาบาลเวชธานี #กุมารแพทย์เฉพาะทาง17สาขา #ภูมิแพ้ในเด็ก #พัฒนาการเด็ก #ขับถ่ายเด็ก #โภชนาการเด็ก #หัวใจเด็ก #จิตแพทย์เด็ก #ผิวหนังเด็ก #เด็กติดเชื้อ #กระดูกเด็ก #ฟันเด็ก
-----------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในเด็ก
ได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก Superkids Center
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
รายละเอียดติดต่อผ่านอินบอกซ์เพจ
📞 Vejthani Superkids Center: 02-7340000 ต่อ 3310,3312

8 วิธีเปลี่ยนนิสัยลูก ก่อนที่ลูกจะกลายเป็นเด็กขี้เกียจ พฤติกรรมไม่เชื่อฟังของเด็กวัย 3-6 ปี เป็นเรื่องปกติทางพัฒนาการ ไม...
04/06/2025

8 วิธีเปลี่ยนนิสัยลูก ก่อนที่ลูกจะกลายเป็นเด็กขี้เกียจ
พฤติกรรมไม่เชื่อฟังของเด็กวัย 3-6 ปี เป็นเรื่องปกติทางพัฒนาการ ไม่ใช่ความขี้เกียจโดยแท้ แต่หากไม่จัดการอย่างเหมาะสมก็อาจทำให้เด็กเคยตัวและขี้เกียจจริงในระยะยาวได้ วิธีรับมือมีดังนี้

8 วิธีเปลี่ยนนิสัยก่อนลูกจะกลายเป็นเด็กขี้เกียจ

1.ใจเย็นและตั้งสติ – อย่าหงุดหงิดเมื่อโดนปฏิเสธ ให้ใช้เหตุผลและท่าทีสงบ สื่อสารด้วยความเข้าใจในความรู้สึกของลูก

2.ทำให้เป็นเรื่องสนุก – เปลี่ยนงานบ้านหรือกิจวัตรให้กลายเป็นเกมหรือกิจกรรมสนุก

3.เตือนล่วงหน้า – แจ้งลูกก่อนล่วงหน้าเล็กน้อยก่อนจะให้หยุดเล่นหรือทำกิจกรรม เพื่อให้เขาเตรียมใจ

4.เข้าถึงตัวลูก – อย่าพูดอย่างเดียว ควรเข้าไปใกล้ลูก จูงมือหรือเริ่มทำด้วยกัน

5.ใช้สิ่งล่อใจ – สร้างแรงจูงใจเล็กๆ เช่น การให้รางวัลหรือกิจกรรมที่ชอบหลังทำงานเสร็จ

6.เมื่อทำดีก็ต้องชม – ชมเชยพฤติกรรมดีของลูกเพื่อเป็นแรงเสริมทางบวก

7.ให้ลูกมีตัวเลือก – แทนการสั่งตรงๆ ให้ลูกเลือกเองภายใต้กรอบที่เรากำหนด

8.การลงโทษที่เหมาะสม – หากไม่ยอมทำตามจริงๆ อาจใช้วิธีงดสิ่งที่ชอบ เช่น ของเล่นหรือการ์ตูน (ไม่ใช้ความรุนแรง)

👧🏻 การเลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่การบังคับ จะช่วยให้ลูกมีวินัยในตนเอง
👦🏻 หากปล่อยพฤติกรรมดื้อดึงไปเรื่อยๆ อาจทำให้ลูกติดนิสัยขี้เกียจจริงในอนาคต

✏️ ความสม่ำเสมอและท่าทีของพ่อแม่สำคัญมากในการสร้างนิสัยที่ดีให้ลูก ควรฝึกวินัยอย่างเหมาะสมตามวัย พร้อมแสดงความรักและเข้าใจในตัวลูกเสมอ

อ้างอิงจาก : เพจรักลูก

บทความจากทีมกุมารแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี
ติดตามบทความและสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก
ได้ที่เพจ Superkids center

#โรงพยาบาลเวชธานี #กุมารแพทย์เฉพาะทาง17สาขา #ภูมิแพ้ในเด็ก #พัฒนาการเด็ก #ขับถ่ายเด็ก #โภชนาการเด็ก #หัวใจเด็ก #จิตแพทย์เด็ก #ผิวหนังเด็ก #เด็กติดเชื้อ #กระดูกเด็ก #ฟันเด็ก
-----------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในเด็ก
ได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก Superkids Center
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
รายละเอียดติดต่อผ่านอินบอกซ์เพจ
📞 Vejthani Superkids Center: 02-7340000 ต่อ 3310,3312

การร้องอาละวาด (Temper Tamtrums) Part 2ส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่พ่อแม่ต้องเข้าใจ⚠️ ทำยังไงดี เมื่อเด็กร้องอาละวาดไปแล้ว?1....
04/06/2025

การร้องอาละวาด (Temper Tamtrums) Part 2
ส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่พ่อแม่ต้องเข้าใจ

⚠️ ทำยังไงดี เมื่อเด็กร้องอาละวาดไปแล้ว?
1. เบี่ยงเบนความสนใจของเด็ก เช่น กิจกรรมใหม่ หนังสือ ของเล่น พยายามใช้คำพูดที่ละมุนละม่อม “อุ้ย แม่ได้ยินใครกดกริ่งที่ประตูแน่ะ” การทำหน้าตลกๆหรือทำให้เป็นเรื่องขบขันก็อาจช่วยได้ บางครั้งควรบอกเด็กด้วยว่าให้ไปทำอะไรแทน

2. ใจเย็น ถ้าพ่อแม่ก็โมโห จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง จำไว้ว่ายิ่งให้ความสนใจพฤติกรรมนี้มากเท่าไร มันก็จะยิ่งเกิดขึ้นบ่อยเท่านั้น

3. การแสดงออกว่าโกรธที่ไม่รุนแรง เช่น ร้องไห้ กรีดร้อง เตะขา อาจเพิกเฉยได้ โดยยืนดูใกล้ๆหรือจับตัวเด็กไว้ โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรจนกว่าเด็กจะสงบ ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ให้เดินออกมาจากห้องนั้นก่อน ลองรอประมาณ 1-2 นาที ก่อนจะเดินกลับเข้าไปหรือจนกว่าลูกจะหยุดร้อง จากนั้นพยายามช่วยให้เขาไปสนใจสิ่งอื่นแทน ถ้าเด็กโตพอที่จะเข้าใจก็ลองพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและวิธีแก้ไขในครั้งต่อไป

4. อย่างไรก็ตามการร้องอาละวาดที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ได้แก่ ทำร้ายตัวเองหรือคนอื่น ทำร้ายข้าวของ กรีดร้องหรือตะโกนเป็นเวลานานมากๆ

5. การใช้ time-out หรือการขอเวลานอก คือการนำเด็กออกจากสถานที่เกิดเหตุ พาไปที่ที่เขาจะควบคุมตัวเองได้ ใช้สำหรับเด็กที่โตพอจะเข้าใจเหตุผล โดยให้เวลานอก 1 นาทีต่ออายุเป็นปี เช่น อายุ 4 ปี ให้ทำนาน 4 นาที เป็นต้น

6. ไม่ควรทำโทษเด็กขณะร้องอาละวาดเพราะอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กเก็บความคับข้องใจไว้และมีปัญหา ทางอารมณ์ต่อไป ควรตอบสนองกับพฤติกรรมร้องอาละวาดอย่างสงบและเข้าใจให้มากที่สุด เมื่อเด็กโตขึ้นเขาก็จะเรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตนเอง จำไว้ว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กที่จะทดสอบกฎของพ่อแม่ว่าจะเอาจริงหรือไม่

7. พยายามอย่าใช้รางวัลเพื่อให้เด็กหยุดพฤติกรรม เพราะจะทำให้เด็กคิดว่าวิธีนี้ทำให้ตนเองได้ในสิ่งที่ต้องการ

8. เราควรมีความเสมอต้นเสมอปลาย อย่าไปแสดงท่าทางลังเลกับคำสั่งของเราเอง เพราะจะยิ่งทำให้เด็กสับสนว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้

9. ก่อนจะตั้งกฎอะไร พ่อแม่ต้องมั่นใจด้วยว่าตนเองมีเวลาในแต่ละวันที่ได้สนุกสนานกับลูก และไม่ควรตั้งกฎไว้มากจนเกินไป ทุกคนในบ้านก็ต้องหนักแน่นกับกฎนั้น ปฏิบัติต่อเด็กให้เหมือนกัน

📍เมื่อไรการร้องอาละวาดนั้นน่าเป็นห่วง?
โดยทั่วไปเด็กจะลดการร้องอาละวาดลงเองเมื่อเข้าขวบปีที่ 4 โดยที่พฤติกรรมอื่นๆก็ดุสมวัยดี แต่ถ้าการร้องอาละวาดนั้นดูรุนแรงมากหรือเกิดขึ้นถี่เกินไปอาจเป็นสัญญาณต้นๆของภาวะปัญหาทางอารมณ์

🩺 ปรึกษากุมารแพทย์เมื่อไร เพื่ออะไร? 👨🏻👩🏻‍🦰
แนะนำว่า ควรปรึกษาเมื่อเด็กทำร้ายตนเองหรือคนอื่นขณะที่กำลังร้องอาละวาด หรือแย่ลงหลังอายุ 4 ปี เพื่อดูว่าเด็กมีปัญหาทางกายภาพหรือจิตใจแอบแฝงอยู่หรือไม่

🎈การร้องอาละวาดเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่ปกติของเด็ก ไม่ง่ายนักที่จะจัดการ แต่การที่ผู้เลี้ยงดูให้ความรัก ความเข้าใจแก่เด็ก ก็จะสามารถช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไปได้แน่นอน

ขอบคุณข้อมูล : สมาคมพัฒนาการเด็กและพฤติกรรมเด็ก

บทความจากทีมกุมารแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี
ติดตามบทความและสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก
ได้ที่เพจ Superkids center

#โรงพยาบาลเวชธานี #กุมารแพทย์เฉพาะทาง17สาขา #ภูมิแพ้ในเด็ก #พัฒนาการเด็ก #ขับถ่ายเด็ก #โภชนาการเด็ก #หัวใจเด็ก #จิตแพทย์เด็ก #ผิวหนังเด็ก #เด็กติดเชื้อ #กระดูกเด็ก #ฟันเด็ก
-----------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในเด็ก
ได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก Superkids Center
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
รายละเอียดติดต่อผ่านอินบอกซ์เพจ
📞 Vejthani Superkids Center: 02-7340000 ต่อ 3310,3312

การร้องอาละวาด (Temper Tamtrums) Part 1ส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่พ่อแม่ต้องเข้าใจเด็กในช่วงอายุ 1-3 ปี หลายท่านคงเคยได้ยินค...
04/06/2025

การร้องอาละวาด (Temper Tamtrums) Part 1
ส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่พ่อแม่ต้องเข้าใจ

เด็กในช่วงอายุ 1-3 ปี หลายท่านคงเคยได้ยินคำเรียกเด็กวัยนี้ว่า “วัยต่อต้าน” เพราะเมื่อเด็กวัยนี้รู้สึกคับข้องใจ โกรธ หรือผิดหวัง พวกเขามักแสดงออกโดยการร้องไห้ แผดเสียง หรือกระทืบเท้าไปมา ซึ่งบางครั้งทำให้ผู้ปกครองรู้สึกโกรธ หรืออับอายได้

อย่างไรก็ตาม การร้องอาละวาดเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็กเพื่อที่จะเรียนรู้การควบคุมตนเอง และในความเป็นจริงเด็กเกือบทุกคนต้องมีภาวะนี้บ้างไม่มากก็น้อย ข่าวดีก็คือ อาการร้องอาละวาดมักหยุดไปเองหลังอายุ 4 ปี

❓ทำไมเด็กต้องร้องอาละวาด❓
เด็กวัยนี้เริ่มแสดงความเป็นตัวของตัวเอง อยากรู้อยากเห็นในสิ่งแวดล้อมซึ่งแปลกใหม่บนโลกใบนี้ เด็กมีความต้องการที่จะควบคุมทุกอย่าง ต้องการเป็นอิสระและพยายามที่จะทำอะไรที่เกินความสามารถของตนเอง ต้องการจะตัดสินใจเองและไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ดีพอ ยิ่งถ้าเขาเหนื่อย หิว หงุดหงิดหรือกลัวด้วยแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถที่จะจัดการตัวเองได้

ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองเป็นเรื่องยากสำหรับเขา การร้องอาละวาด จึงเป็นหนทางในการปลดปล่อยอารมณ์ของเด็ก

สาเหตุที่อาจทำให้เด็กมีพฤติกรรมเช่นนั้น ได้แก่
⚠️ ข้อจำกัดเรื่องภาษา คือ
• ไม่เข้าใจสิ่งที่พ่อแม่พูดหรือถามได้ทั้งหมด เด็กจึงสับสน
• เครียดเมื่อใครๆก็ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ตนเองต้องการ
• ไม่รู้จะบอกความรู้สึกของตนเองอย่างไร (หลังอายุ 3 ปีเด็กส่วนใหญ่สามารถบอกความรู้สึกได้ การร้องอาละวาดจึงค่อยๆลดลง ส่วนเด็กที่มีพัฒนาการทางภาษาช้า การร้องอาละวาดจึงอาจจะยังคงอยู่นานกว่า)

⚠️ ข้อจำกัดเรื่องพัฒนาการด้านอื่นๆ คือ
• ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเองทำให้หมดกำลังใจได้ง่าย
• ไม่สามารถทำในสิ่งที่ตนเองจินตนาการได้ เช่น เดิน วิ่ง ปีนป่าย วาดรูปหรือเล่นของเล่นที่ยากกว่าวัย

⚠️ ข้อจำกัดเรื่องสังคม
• เป็นการแสดงปฎิกิริยาต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบ้าน
• อิจฉาเพื่อนหรือพี่น้อง หรือต้องการได้ในสิ่งที่เด็กคนอื่นมี หรือเรียกร้องความสนใจ

⚠️ ข้อจำกัดเรื่องทางกายภาพ
• เด็กที่มีอาการเจ็บป่วยอยู่
• หิว / เหนื่อยหรือนอนไม่พอ / กังวล หรือไม่สบายตัว
จะป้องกันการร้องอาละวาดได้อย่างไร?

พ่อแม่อาจจะไม่สามารถป้องกันการร้องอาละวาดได้ทุกครั้ง แต่สามารถลดโอกาสที่จะเกิดได้ โดย
• พยายามกระตุ้นให้เด็กพูด บอกความรู้สึก เช่น “หนูทนไม่ไหวแล้วนะ” เข้าใจความรู้สึกของเขาและแนะนำว่าควรพูดยังไง
• ตั้งกฎที่เหมาะสมในบ้านและอย่าไปคาดหวังว่าเด็กต้องทำได้สมบูรณ์ ให้เหตุผลง่ายๆว่าทำไมต้องมีกฎและพยายามอย่าไปเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ
• พยายามทำกิจวัตรประจำวันให้เหมือนเดิมทุกวันเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้เด็กคาดเดาต่อไปได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
• หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นให้เด็กเกิดร้องอาละวาด เช่นการเล่นของเล่นที่ยากกว่าวัย
• หลีกเลี่ยงการไปนอกสถานที่ที่กินเวลานานๆและต้องอยู่อย่างเป็นระเบียบ ถ้าต้องเดินทางไปไหนก็ให้พกหนังสือเล่มโปรดหรือของเล่นที่ชอบ
• เตรียมของว่างที่มีประโยชน์เผื่อเวลาลูกหิวและแน่ใจว่าลูกได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว ก่อนออกเดินทาง
• เบี่ยงเบนความสนใจของเด็กจากกิจกรรมที่อาจนำไปสู่การร้องอาละวาด แนะนำกิจกรรมที่ต่างออกไป ถ้าเป็นไปได้พ่อแม่อาจต้องทำอะไรขบขันเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายขึ้น บางครั้งแค่เปลี่ยนสถานที่ก็ได้
• พยายามเลือกใช้คำอื่นแทนคำว่า “ไม่,อย่า” เพราะถ้าใช้บ่อยๆ เด็กก็จะหงุดหงิดได้ง่าย
• เปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกเองบ้าง
• เป็นตัวอย่างที่ดีในการจัดการกับอารมณ์

ขอบคุณข้อมูล : สมาคมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก

บทความจากทีมกุมารแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี
ติดตามบทความและสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก
ได้ที่เพจ Superkids center

#โรงพยาบาลเวชธานี #กุมารแพทย์เฉพาะทาง17สาขา #ภูมิแพ้ในเด็ก #พัฒนาการเด็ก #ขับถ่ายเด็ก #โภชนาการเด็ก #หัวใจเด็ก #จิตแพทย์เด็ก #ผิวหนังเด็ก #เด็กติดเชื้อ #กระดูกเด็ก #ฟันเด็ก
-----------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในเด็ก
ได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก Superkids Center
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
รายละเอียดติดต่อผ่านอินบอกซ์เพจ
📞 Vejthani Superkids Center: 02-7340000 ต่อ 3310,3312

ความแตกต่างของโรคติดเชื้อไวรัส   กับ  #ไข้หวัดแม้ว่าไวรัส RSV และไข้หวัดจะมีอาการที่คล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สามารถ...
03/06/2025

ความแตกต่างของโรคติดเชื้อไวรัส กับ #ไข้หวัด

แม้ว่าไวรัส RSV และไข้หวัดจะมีอาการที่คล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สามารถบ่งบอกได้ คือ

🎏 ไข้หวัดทั่วไป มักจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น จมูกและคอ ขณะที่ไวรัส RSV มักจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น กล่องเสียง หลอดคอ หลอดลมใหญ่ และปอด ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและการหายใจลำบาก

🎏 ไข้หวัดมักจะหายเองภายใน 3-5 วัน แต่อาการของเชื้อไวรัส RSV ในเด็กมักมีความรุนแรงมากกว่า จึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาที่ยาวนาน และอาจต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะในกรณีที่เด็กมีอาการปอดอักเสบหรือหายใจลำบาก

🧸 แนวทางการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV

แม้ว่าในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับโรคติดเชื้อไวรัส RSV แต่มีแนวทางการรักษาที่ช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ โดยแนะนำ ดังนี้

🎈นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
🎈ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อช่วยลดไข้ให้เสมหะไม่เหนียวข้น
🎈หากมีไข้สูง แนะนำให้ใช้ยาลดไข้ที่เหมาะสมกับวัย รวมถึงการรักษาตามอาการ เช่น รักษาอาการไอด้วยยาแก้ไอ ละลายเสมหะ

💊 สำหรับเด็กที่มีอาการหายใจลำบาก แนะนำให้มารับการตรวจที่โรงพยาบาล หรือในบางกรณีที่อาการรุนแรงมาก อาจต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยการให้ออกซิเจนหรือการรักษาในห้อง ICU

😷 การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส RSV ในเด็ก

การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส RSV ในเด็กเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเปิดเทอมที่เด็กมักมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อไวรัสต่าง ๆ ในสถานศึกษาและพื้นที่สาธารณะ โดยมีวิธีป้องกันที่สามารถทำได้ คือ

🧒🏻 ล้างมือสม่ำเสมอ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
ลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
👶🏻 ทำความสะอาดของใช้ พวกของเล่นหรือสิ่งของที่เด็กใช้เป็นประจำ ลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนเชื้อโรค
👦🏻 หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด เช่น ห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ที่คนพลุกพล่าน
👧🏻 ฝึกให้เด็กระวังการสัมผัสหน้า หลีกเลี่ยงใช้มือจับหน้า จับตา จมูก หรือปาก ซึ่งเป็นช่องทางที่เชื้อโรคจะสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย

⚠️ การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส RSV เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจในสุขอนามัยของเด็ก หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากพบว่าเด็กมีอาการรุนแรง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาประเมินอาการโดยเร็วที่สุด

📌📌ในปัจจุบันสามารถป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงได้โดย การฉีดภูมิคุ้มกะนสำเร็จรูป RSV เป็นการฉีดสารภูมิคุ้มกัน (Antibody) ต่อเชื้อไวรัส RSV ให้กับร่างกาย เพื่อนำไปใช้ต้านทานเชื้อไวรัส RSV ได้ทันทีค่ะ

บทความจากทีมกุมารแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี
ติดตามบทความและสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก
ได้ที่เพจ Superkids center

#โรงพยาบาลเวชธานี #กุมารแพทย์เฉพาะทาง17สาขา #ภูมิแพ้ในเด็ก #พัฒนาการเด็ก #ขับถ่ายเด็ก #โภชนาการเด็ก #หัวใจเด็ก #จิตแพทย์เด็ก #ผิวหนังเด็ก #เด็กติดเชื้อ #กระดูกเด็ก #ฟันเด็ก
-----------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในเด็ก
ได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก Superkids Center
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
รายละเอียดติดต่อผ่านอินบอกซ์เพจ
📞 Vejthani Superkids Center: 02-7340000 ต่อ 3310,3312

ที่อยู่

Bang Kapi

เบอร์โทรศัพท์

+6627340000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Superkids Centerผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

ประเภท