27/06/2022
Scents of History เมื่อประวัติศาสตร์ถูกเล่าผ่านกลิ่น
เคยไหมที่เมื่อเดินผ่านร้านอาหารที่กินตอนเด็ก แล้วจู่ๆ ความทรงจำของวันเกิดตอนอายุ 6 ขวบก็แว่บขึ้นมา, เคยไหมที่ได้กลิ่นน้ำหอมของคนบนรถไฟฟ้า แล้วนึกถึงแฟนเก่าหรือเพื่อนบางคนได้ทันที, เคยไหมที่เวลาเปิดตู้เสื้อผ้าของอาม่าแล้วภาพวันเวลาเดิมๆ ตอนที่เราเคยอยู่บ้านหลังนี้ก็ชัดเจนขึ้นมาในหัว
นักเขียนชาวรัสเซีย Vladimir Nabokov เขียนไว้ว่า “Nothing revives the past so completely as a smell that was once associated with it. – ไม่มีสิ่งใดรื้อฟื้นอดีตได้หมดจดเท่ากับกลิ่นที่เคยเชื่อมโยงกับมัน”
แล้วเหตุใด ‘กลิ่น’ ถึงเชื่อมโยงเรากับ ‘ความทรงจำ’ ได้ดีนัก
หากอธิบายในเชิงประสาทวิทยาต้องบอกว่าเพราะสมองที่ทำงานสองเรื่องนี้ของเราอยู่ใกล้กัน – ป่องรับกลิ่น หรือ ‘Olfactory bulb’ ของมนุษย์นั้นเชื่อมโยงโดยตรงไปสู่ ระบบลิมบิก (Limbic System) อันเป็นที่อยู่ของสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์และความทรงจำ โดยไม่ต้องเดินทางไปผ่านศูนย์รวมกระแสประสาททาลามัส (Thalamus) ด้วยเหตุนี้เองกลิ่นจึงเป็นเหมือน ‘ทางลัด’ ไปสู่อารมณ์และเรื่องราวในอดีตของเรา นอกจากนั้น กลิ่นยังเป็นประสาทสัมผัสที่เราไม่สามารถ ‘ปิด’ ได้เหมือนกับการหลับตา เพราะมันเชื่อมโยงอยู่กับกิจกรรมสำคัญในการมีชีวิตอย่างการหายใจ สมองของเราจึงรับรู้และบันทึกกลิ่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
เมื่อพูดถึง ‘การออกแบบกลิ่น’ คนส่วนใหญ่คงนึกไปถึงเครื่องหอมหรือไม่ก็อาหาร ความหอมที่น่าพึงพอใจหรือผ่อนคลายคือฟังก์ชันของกลิ่นที่เราคุ้นเคย แต่ด้วยคุณสมบัติของกลิ่นที่ทำงานกับความทรงจำได้เป็นอย่างดี จะเป็นไปได้หรือไม่ หากเราจะออกแบบกลิ่นโดยไม่ได้โฟกัสที่เรื่องความหอม แต่เพื่อ ‘เล่าเรื่อง’ อะไรบางอย่าง
วันนี้เพจของเราจะพาไปรู้จักกลิ่นที่สร้างขึ้นเพื่อบอกเล่าประวัติศาสตร์ กลิ่นที่บันทึกวันเวลาในอดีต กลิ่นที่เป็นตัวแทนอัตลักษณ์ของเมือง ไปจนถึงกลิ่นที่ใช้เพื่อตัวแทนของสิ่งต่างๆ
กลิ่นเก่า เล่าเรื่อง
ในขณะที่น้ำหอมส่วนใหญ่ที่เราคุ้นเคยถูกคิดขึ้นจากคำถามที่ว่า “มันคือกลิ่นอะไร?” แต่น้ำหอมของนักออกแบบกลิ่นและนักปรุงน้ำหอมของเรากลับตั้งต้นด้วยคำถามที่ว่า “มันบันทึกประสบการณ์อะไรเอาไว้?”
น้ำหอมในซีรีส์ ‘Multiverse of Happiness’ เป็นเสมือนอัลบั้มภาพถ่ายส่วนตัวในช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิต แต่ละกลิ่นทำหน้าที่เชื่อมโยงเขากลับไปในวันเวลานั้นๆ
ทุกครั้งที่น้ำหอมถูกใช้จึงเหมือนกับอัลบั้มภาพส่วนตัวได้เปิดออก ซึ่งเราในฐานะคนดูและคนดมได้กลิ่นแล้วอาจเชื่อมโยงได้หรืออาจไม่เข้าใจ แต่นั่นคงคล้ายกับความรู้สึกเวลาเราเปิดดูอัลบั้มภาพเก่าของใครสักคน ที่บางครั้งแม้เราจะไม่รู้จักผู้คนและสถานที่ในบ้าน แต่น่าแปลกที่เรากลับ ‘รู้สึก’ ไปกับมันไปได้
กลิ่นแห่งอัตลักษณ์
เวลาไปเที่ยวประเทศอื่นทุกครั้ง ผมมักสังเกตกลิ่นและพยายามเชื่อมโยงว่ากลิ่นของแต่ละที่มีที่มาจากไหน ในโตเกียวผมได้กลิ่นสะอาดๆ บวกกับกลิ่นซุปมิโสะ ที่สต็อกโฮล์มเป็นกลิ่นเขียวๆ ของใบไม้กับเครื่องเทศที่ไม่คุ้นเคย ส่วนที่ประเทศไทย ผมไม่ได้กลิ่นอะไรเป็นพิเศษ อาจเพราะความคุ้นชิน แต่จากการสอบถามเพื่อนต่างชาติเขาบอกว่าเป็นกลิ่นน้ำปลากับใบกะเพรา
เพราะกลิ่นแต่ละที่ในแผนที่ภูมิศาสตร์ล้วนแตกต่าง กลิ่นจึงสามารถบอกเล่าเรื่องราวของชุมชน เมือง หรือประเทศนั้นๆ ได้ บางประเทศยกให้ ‘กลิ่น’ เป็นหนึ่งในอัตลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ต่างกับสถาปัตยกรรม เครื่องแต่งกาย หรืออาหารประจำชาติ ทำให้หลายครั้งจึงมีการสำรวจกลิ่นและบันทึกกลิ่นในแต่ละช่วงเวลาของเมืองเอาไว้เป็นจดหมายเหตุ
กลิ่นทำให้ประสบการณ์ของเมืองที่ไม่เคยมีใครมองเห็นอย่าง ‘กลิ่น’ ถูกเห็นเป็นภาพ กลิ่นคือเครื่องนำทางคนในเมืองไปสู่ประสบการณ์ต่างๆ กลิ่นอาหารนำทางไปสู่ความอิ่มอร่อย กลิ่นบ้านเรือนนำทางไปสู่ความปลอดภัย หรือกลิ่นของแลนด์สเคปที่โรแมนติกของเมืองนำทางไปสู่การสร้างความสัมพันธ์กันของคนในเมือง กลิ่นเป็นมรดกที่ช่วยเล่าเรื่องให้คนภายนอกฟังว่าเมืองนั้นมีอัตลักษณ์เป็นอย่างไร และนอกจากนั้นกลิ่นของเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปยังเป็นสัญญาณบอกนัยยะสำคัญบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเมือง
เพราะในประวัติศาสตร์ เราพบว่าเคยมีการใช้ ‘กลิ่น’ เพื่อลบอัตลักษณ์ ไปจนถึงล้างประวัติศาสตร์!
ถึงตรงนี้ เราอยากให้ทุกคนลองหลับตา หายใจเข้าอย่างเป็นธรรมชาติ ให้เวลากับจมูกในการรับรู้กลิ่นที่อยู่รอบตัว รอบตัวคุณรายล้อมไปด้วยกลิ่นของอะไร กลิ่นไหนที่เพิ่งเกิดขึ้น และกลิ่นไหนที่เคยมีอยู่ แต่หายไปจากจมูกของเราในปัจจุบัน
และถ้าจะให้นิยาม ‘กลิ่นของรุ่นเรา’ คุณคิดว่าประกอบด้วยกลิ่นของอะไรบ้าง
มองผ่านแว่นของการออกแบบการสื่อสาร ทุกวันนี้ ‘กลิ่น’ ยังคงถูกพูดถึงและใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารน้อยมาก ยิ่งเมื่อเทียบกับภาพและเสียงด้วยแล้ว แต่จากโปรเจกต์ทั้งหมดนี้ทำให้เราเห็นว่า นอกจากความหอม กลิ่นยังสามารถเป็นเครื่องบันทึกเรื่องราว ทำให้คนเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์และความทรงจำของยุคสมัย บอกเล่าอัตลักษณ์ของเมือง ไปจนถึงเป็นสื่อในการประท้วงได้!
น่าสนใจมากว่า ในอนาคตกลิ่นจะกลายเป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่องรูปแบบไหนอีก และอานุภาพของกลิ่นจะมีอิทธิพลในโลกของการสื่อสารอย่างไรต่อไป