หมอนัดโภชนาการ

หมอนัดโภชนาการ Nutrition educator and Nutritional and lipid biochemistry researcher

โค้ชชิ่งโภชนาการ NCD หายได้

อีกหนึ่งงานวิจัยที่เราและทีมภูมิใจ 🎉 งานฉบับเต็มรออีกนิดครับ Low carb East countries vs. Western countries!!งาน systemat...
05/09/2025

อีกหนึ่งงานวิจัยที่เราและทีมภูมิใจ 🎉 งานฉบับเต็มรออีกนิดครับ

Low carb East countries vs. Western countries!!

งาน systematic review & meta-analysis ที่เราใช้เวลาทำกว่าหนึ่งปี
ได้รับการตีพิมพ์ใน Diabetes Research and Clinical Practice แล้วครับ ✨

📌 Abstract สรุปว่า
• เราทบทวนงานวิจัย RCTs กว่า 27 งาน (n=2,870 คน) ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก
• การจำกัดคาร์โบไฮเดรต (low-to-moderate carbohydrate, ไม่ใช่ very-low-carb) มีประโยชน์ ระยะสั้น (3 เดือน)
• HbA1c ลดลง ~0.29% (มากที่สุดที่ 3 เดือน)
• Fasting glucose ลดลง ~7 mg/dL
• น้ำหนักลดได้มากที่สุด ~2.7 กก. ที่ 3 เดือน ก่อนจะค่อย ๆ ลดผลลัพธ์ลง
• ประโยชน์ระยะสั้นชัดเจน แต่ ผลจะค่อย ๆ หายไปเมื่อเวลาผ่านไป

📌 Discussion ชี้ให้เห็นว่า
• กลไกที่ทำให้ผลลดลง อาจมาจากการ ปรับตัวของเมตาบอลิซึม, การกลับไปสู่พฤติกรรมการกินเดิม และ ความยากในการรักษาการกินคาร์บต่ำในชีวิตจริง
• ผลที่แตกต่างระหว่างตะวันตกกับตะวันออก อาจเกี่ยวข้องกับ baseline BMI, food culture, metabolic phenotype
• ตะวันตก: เห็นผลลดน้ำหนักและ HbA1c ได้เร็วกว่า (เพราะ baseline BMI สูงกว่า)
• ตะวันออก: ผลต่อ BMI น้อย แต่ควรดูผลที่ HbA1c มากกว่า “น้ำหนัก”
• การแนะนำ low-carb ต้อง ปรับให้เหมาะกับวัฒนธรรมและความเป็นไปได้ของผู้ป่วยแต่ละคน ไม่ใช่สูตรเดียวใช้ได้กับทุกคน

🙏 ต้องขอบคุณน้อง มิ้น – พิชานันท์ นักวิจัยหลักที่ทำงานอย่างหนัก และทีมทุกคนที่ช่วยกันวิเคราะห์ จนออกมาเป็นงานชิ้นแรกของทีมที่เปรียบเทียบ East vs. West แบบนี้

💡 สุดท้าย สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ “อาหารไม่ใช่แค่เรื่องแคลอรี่หรือคาร์บ” แต่ยังเกี่ยวพันกับ วัฒนธรรม ความเชื่อ และวิถีชีวิต ที่ทำให้ personalized nutrition สำคัญกว่าที่เคย

ปล. ลึกๆ ผมก็คิดนะ ว่าทำไมผมถึงเลือกทางนี้ “เป็นผู้ค้นคว้างานวิจัย”… เป็นแค่แพทย์ ที่เอางานวิจัยคนอื่นๆ มาเล่าต่อ ไม่ง่าย และเร็วกว่าเหรอ….

ผมคิดนะครับ คิดมานาน แต่ถ้าเราเอาแต่งานคนอื่นๆ มาเล่าให้ทุกคนฟัง แล้วเมื่อไหร่เราจะเกิดงานดี ๆ ใหม่ๆ จริงไหม

เบาได้เบา!! หรือเปลี่ยนเป็น น้ำตาลทางเลือก…Lighten it up if you can! Or switch to alternative sweeteners…หลักผมคือ ลด ไม...
04/09/2025

เบาได้เบา!! หรือเปลี่ยนเป็น น้ำตาลทางเลือก…

Lighten it up if you can! Or switch to alternative sweeteners…

หลักผมคือ ลด ไม่ใช่ งด และกินตามเหตุตามผล ไม่ได้แปลว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ดี หรือดี แต่กินอะไรแล้วตระหนัก ไม่ตระหนกก็เพียงพอ และมองให้ออกว่า อะไรคือปัญหาของระดับน้ำตาลในเลือดคุณ

🍹 รู้ไหมว่า…เครื่องดื่มยอดฮิต มีน้ำตาลมากกว่าที่คิด!
จากการจัดแสดงในห้องเรียนผู้ป่วยเบาหวานวันนี้ พบว่าเครื่องดื่มหลายชนิดมีน้ำตาลสูงมาก เช่น

• น้ำดำ/น้ำอัดลม 1 กระป๋อง = 30–32 กรัม ≈ 7–8 ช้อนชา
• ชาเขียว/ชาเย็นขวดยอดนิยม = 29–37 กรัม ≈ 7–9 ช้อนชา
• น้ำผลไม้กล่อง/ขวด = 25–31 กรัม ≈ 6–8 ช้อนชา
• กาแฟกระป๋อง = 20–22 กรัม ≈ 5–6 ช้อนชา
• นมปรุงแต่ง/โยเกิร์ตพร้อมดื่ม = 14–24 กรัม ≈ 3–6 ช้อนชา

นมเปรี้ยวขวดสุดท้าย มีหลายสูตร แต่สูตรที่โชว์เป็นไขมัน 0% แต่ถ้าดื่มทั้งขวด มีน้ำตาล มากกว่า ครึ่งขีด

👉 ทั้งหมดนี้สูงกว่าปริมาณที่ องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำไว้ว่า ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา (25 กรัม) ต่อวัน



💡 สรุปใจความสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว
เบาหวาน ไม่ใช่โรคกรรมพันธุ์เสมอไป
แต่ส่วนใหญ่เกิดจาก “กรรมของการกิน” — การกินหวาน กินมัน กินเกินพอดี และการดื่มเครื่องดื่มน้ำตาลสูงเป็นประจำ

เพียงแค่เลือก งดหรือลดน้ำตาลในเครื่องดื่ม ก็ช่วยลดความเสี่ยงเบาหวาน อ้วน ความดัน และโรคหัวใจได้แล้วครับ ❤️
Credit Siriraj PCU

My principle is reduce, not completely cut out — and eat with reason, not fear.
This doesn’t mean those products are strictly “bad” or “good,” but rather that being aware of what you consume (without panicking) is enough. The key is to understand what really affects your blood sugar.

🍹 Did you know…? Popular drinks contain more sugar than you think!
From today’s diabetes education class, we found that many common beverages are loaded with sugar:
• Cola / soft drinks (1 can) = 30–32 g ≈ 7–8 teaspoons
• Bottled green tea / iced tea = 29–37 g ≈ 7–9 teaspoons
• Boxed or bottled fruit juice = 25–31 g ≈ 6–8 teaspoons
• Canned coffee = 20–22 g ≈ 5–6 teaspoons
• Flavored milk / drinking yogurt = 14–24 g ≈ 3–6 teaspoons

The “low-fat” yogurt drink we showed (0% fat formula) still contains over 50 g of sugar if you finish the whole bottle.

👉 All of these exceed the World Health Organization (WHO) guideline of no more than 6 teaspoons (25 g) of added sugar per day.



💡 Key takeaway for patients and families
Diabetes is not always genetic.
Most cases are caused by “the karma of eating” — too much sugar, too much fat, too much food, and especially regular consumption of sugary drinks.

Simply by cutting down or eliminating sugar in your beverages, you can reduce your risk of diabetes, obesity, hypertension, and heart disease ❤️

Credit: Siriraj PCU

แก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ใช่เพิ่มยาเสมอไปผมจำคำพูดของ อาจารย์เอกพล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านตาขุน ได้อย่างดีเวลาที่เราเจอผลเล...
29/08/2025

แก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ใช่เพิ่มยาเสมอไป

ผมจำคำพูดของ อาจารย์เอกพล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านตาขุน ได้อย่างดี
เวลาที่เราเจอผลเลือดผิดปกติ เช่น น้ำตาลหลังอาหารสูงขึ้นมาก สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การรีบเพิ่มยา !!

แต่คือการ หาสาเหตุที่แท้จริง ของการเปลี่ยนแปลงนั้น

อาจารย์แบ่งสาเหตุออกเป็น 3 มิติ
1️⃣ Bio – การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เช่น การติดเชื้อ, ภาวะแทรกซ้อน → ต้องใช้การแพทย์และยา
2️⃣ Psycho – ปัญหาทางจิตใจ ความเครียด → ต้องการการโค้ช การฟัง
3️⃣ Social/Behavior – พฤติกรรม เช่น ช่วงหน้าทุเรียน งานเลี้ยง งานบุญ งานศพ → ต้องแก้ด้วยความเข้าใจและการปรับพฤติกรรม

แต่ในความเป็นจริง เรามักแก้ปัญหาพฤติกรรมหรือสังคมด้วยการเพิ่มยา ซึ่งอาจทำให้ “แก้ไม่ตรงจุด”

นั่นหมายความว่าในบางครั้งเราเอาปัญหาที่เกิดขึ้นจากปัจจัยทางสังคมแต่ไปแก้ด้วยวิธีการทาง bio มันจะได้ผลเพียง สั้นๆ ไปในความเห็นส่วนตัวสามารถทำได้หากแพทย์มีการติดตามในระยะที่เข้มงวดแล้วปรับการรักษาอย่างรวดเร็ว

บางครั้งคนไข้ไปนอนโรงพยาบาลเพราะติดเชื้อ น้ำตาลสูง ได้ยาฉีดอินซูลิน → พอกลับบ้านหายดีแล้ว เรายังสั่งให้ฉีดต่อ ทั้งที่ปัจจัยทาง bio ดีขึ้นแล้ว ผลคือการรักษาที่ไม่จำเป็น และภาวะแทรกซ้อนในอนาคต

การดูแลเบาหวาน ไม่ใช่แค่คุมตัวเลข แต่คือการเข้าใจชีวิตผู้ป่วยทั้งสามมิติ – Bio, Psycho, Social

เบาหวานกับกระดูกบาง และความเสี่ยงล้มที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด🔎 ทำไมเบาหวานถึงทำให้กระดูกเปราะ? • น้ำตาลสูงเรื้อรัง → เกิด AGE...
28/08/2025

เบาหวานกับกระดูกบาง และความเสี่ยงล้มที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

🔎 ทำไมเบาหวานถึงทำให้กระดูกเปราะ?
• น้ำตาลสูงเรื้อรัง → เกิด AGEs สะสมในคอลลาเจน → กระดูกคุณภาพลดลง แม้ค่า BMD จะไม่ต่ำ
• หลอดเลือดเสื่อม → กระดูกซ่อมแซมตัวเองน้อยลง
• เซลล์กระดูกเสื่อม (osteocyte senescence) → อักเสบเรื้อรัง ทำให้กระดูกเปราะ
• โครงสร้างเปลี่ยน → เกิดโพรงในกระดูก (cortical porosity)
• ร่วมกับ กล้ามเนื้อลีบ (sarcopenia) และ เส้นประสาทเสื่อม (neuropathy) → เดินก้าวขาไม่สูง, ลากเท้า → สะดุดง่าย

👉 ผลลัพธ์คือ “เบาหวาน = กระดูกเปราะ + ก้าวขาไม่สูง → ล้มง่าย → กระดูกหัก”



🧑‍⚕️ ประสบการณ์จากเคสจริง
• ผู้ป่วย 77 ปี เบาหวาน อยู่ลำพัง รายได้น้อย → น้ำตาลสูงมาก ไม่มีเครื่องตรวจ → เสี่ยงทั้งจาก “โรค” และ “การล้มโดยไม่มีใครช่วย”
• อีกเคสที่เพิ่งเจอ: ผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักจากการล้ม ถึงแม้อายุไม่มาก แต่กลับส่งผลรุนแรง → ต้องนอนนาน คุณภาพชีวิตเปลี่ยนไปทันที

🚨 เรื่องใกล้ตัวในบ้าน

ผู้สูงอายุมักจะ ก้าวขาไม่สูง เวลาเดิน → ยิ่งถ้า มีพรมหน้าห้องน้ำ ที่ลูกหลานปูไว้กันเปียกน้ำ
ใครจะคิดว่าพรมเหล่านี้กลับเป็นตัว “ดักให้สะดุด” และล้มได้ง่ายกว่าเดิม
โดยเฉพาะ พรมตรงบันได → เสี่ยงมากที่สุด!



✅ สิ่งที่ควรทำ
• เก็บบ้านให้โล่ง ปลอดภัย (เอาพรม/สิ่งกีดขวางออก)
• ออกกำลังเสริมกำลังกล้ามเนื้อและการทรงตัว
• ตรวจสายตา รองเท้า โภชนาการ
• คุมระดับน้ำตาลให้เหมาะสม



📖 อ้างอิง:
Khosla S, et al. Update on the pathogenesis and treatment of skeletal fragility in type 2 diabetes mellitus. Nat Rev Endocrinol. 2021 Nov;17(11):685-697.
🔗 อ่านบทความต้นฉบับที่นี่



💬 แล้วบ้านของคุณมี “พรม” ที่อาจกลายเป็นตัวเสี่ยงให้ผู้สูงอายุสะดุดไหม?
ลองสังเกตและมาแชร์กันครับ 👇

ขนมปัง ไม่ใช่ข้าว !! คุณคิดเห็นยังไง ร่วม share ได้ครับวันนี้เจอคุณป้าวัย 77 ปี น้ำหนักเหลือเพียง 37 กิโล อยู่บ้านคนเดีย...
28/08/2025

ขนมปัง ไม่ใช่ข้าว !!

คุณคิดเห็นยังไง ร่วม share ได้ครับ

วันนี้เจอคุณป้าวัย 77 ปี น้ำหนักเหลือเพียง 37 กิโล อยู่บ้านคนเดียว
ตรวจน้ำตาลหลังอาหารได้ 360 mg/dL ซึ่งเทียบเคียงกับน้ำตาลสะสมประมาณ 10–12% สูงจนชวนให้กังวลมาก

๐๐(น้ำตาลหลังอาหารจาก การบรรยายคลิปเดิม Time in range ควร

25/08/2025

เตรียมรอรับ DM remission service PCU อย่างเป็นทางการ มค. 69

✨ จากอดีตถึงปัจจุบันของการติดตามเบาหวาน ✨ อะไรคือ น้ำตาลในกล้วยเชื่อมเมื่อ 21 ปีก่อน ตอนผมเริ่มทำงานในวงการเบาหวาน “น้ำต...
24/08/2025

✨ จากอดีตถึงปัจจุบันของการติดตามเบาหวาน ✨ อะไรคือ น้ำตาลในกล้วยเชื่อม

เมื่อ 21 ปีก่อน ตอนผมเริ่มทำงานในวงการเบาหวาน “น้ำตาลสะสม” (HbA1c) คือพระเอกตัวจริงในการติดตามผลการรักษา
แต่ในชีวิตจริง คนไข้ส่วนใหญ่กลับถูกตรวจแค่ “น้ำตาลก่อนอาหารเช้า” เท่านั้น น้ำตาลก่อนอาหารเช้ามีประโยชน์ครับ  แต่หากจะปรับยา มื้อเย็น มื้อค่ำ ระดับน้ำตาลช่วงเวลาอื่นก็มีความจำเป็นมาก


ผลเสีย!!

ทำให้คลินิกเบาหวานต้องนัดเฉพาะช่วงเช้า โดยที่ความจริงแล้วการกิน การดูดซึม และพฤติกรรมของแต่ละคนต่างกันไป

🔎 การติดตามที่สะท้อนชีวิตจริงมากกว่า คือการดูระดับน้ำตาลตลอดทั้งวัน
ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่อง Continuous Glucose Monitoring (CGM) ราคาแพงเสมอไป
เพียงตรวจ น้ำตาลสุ่ม เช่น ก่อนอาหารเช้า–เย็น, หลังอาหาร หรือก่อนนอน ก็จะช่วยให้เห็นพฤติกรรมการกินและการตอบสนองที่แตกต่างกันของแต่ละคน เราเรียกว่า blood glucose monitoring (BGM)

📊 ปัจจุบันเรามีแนวคิด Time in Range (TIR)
คือระยะเวลาที่ค่าน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย 70–180 mg/dL
การที่ค่า TIR สูง มักสัมพันธ์กับ HbA1c ไม่เกิน 7–8% และช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

🍌 สมัยก่อนผมชอบอธิบาย HbA1c ว่าเหมือน “กล้วยเชื่อม”
ถึงน้ำเชื่อมรอบ ๆ หมดไป แต่ความหวานซึมเข้าไปอยู่ในเนื้อกล้วยหมดแล้ว
ร่างกายก็เช่นกัน ยิ่งมีน้ำตาลสะสมมาก ก็ยิ่งสะท้อนผลกระทบต่อหลอดเลือดมาก

⚖️ ที่สำคัญที่สุด: ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องได้ HbA1c “ดีที่สุด” เท่ากัน
แต่ควรกำหนดเป้าหมายให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและการใช้ชีวิตของแต่ละคน



👉 การดูแลเบาหวานวันนี้จึงไม่ใช่การมองแค่ “ค่าน้ำตาลตอนเช้า” อีกต่อไป
แต่คือการเข้าใจภาพรวมทั้งวัน ว่าระดับน้ำตาลของเราใช้ชีวิตอยู่ในกรอบที่ปลอดภัยแค่ไหน

#เบาหวาน

คุณเคยไหมครับ?ไปตรวจเบาหวานที่ รพ.ชุมชน 30 เตียง แต่หมอให้เวลาคนไข้ถึง 1 ชั่วโมงเต็มShare เล่าให้ผมฟังบ้างครับ ไป รพ. คุ...
23/08/2025

คุณเคยไหมครับ?
ไปตรวจเบาหวานที่ รพ.ชุมชน 30 เตียง แต่หมอให้เวลาคนไข้ถึง 1 ชั่วโมงเต็ม

Share เล่าให้ผมฟังบ้างครับ ไป รพ. คุยกับหมอกี่นาที!!

❤️🚴🏻‍♂️ที่แห่งนี้ มี 7/11 3 แห่ง มีธนาคารไม่ครบทุกธนาคาร มีตลาดนัดแค่วันพุธ ห่างจากเมืองสุราษฯ 40 นาที !! บ้านนอกไหมล่ะครับ บางจุดไม่มีสัญญาณโทรศัพท์

👨🏼‍🦽ผลคือ อัตราการเกิดล้างไต หัวใจวายต่ำมาก หลายปีมาแล้วและที่สำคัญ พื้นที่และจังหวัดนี้ มีสัดส่วนการควบคุมเบาหวานดีที่สุดในประเทศไทย!!

15% ของผู้ป่วย “หาย” จากเบาหวาน – ไม่ว่าป่วยมากี่ปี กินยากี่ตัว ฉีดยามานานแค่ไหน สุดท้ายหยุดยาและน้ำตาลสะสมกลับมาปกติใน 6–12 เดือน โดยไม่มี GLP-1, SGLT2

ขณะที่ รพ.ใหญ่เร่งเปิด advanced care: ล้างไต, สวนหัวใจ, สลายเส้นเลือดตีบ
รพ.ชุมชนกลับยืนหยัดทำสิ่งที่สำคัญที่สุด – ฟังคนไข้, ใช้เวลา, และบันทึกการดูแลรอบด้าน

📋 OPD card ที่นี่ไม่ใช่แค่ใบสั่งยา แต่เต็มไปด้วย
• diet intervention
• step counter & tele-nurse
• nutrition care
• nursing diagnosis
• blood glucose monitoring, body composition
• A1C 10 ครั้ง/ปี, BP kit, salt checker

สุดท้ายแล้ว…
คุณเคยได้รับบริการแบบนี้ครั้งสุดท้ายทีไหนครับ

ผมถามว่า ผอ.ครับ และทำให้คนไข้ไม่ป่วย ๆนอน รพ. รพ.ก็ขาดทุนค่ารักษาสิครับ เพราะยิ่ง admit เงินที่รัฐจ่ายคืนยิ่งมาก….ยิ่งล้างไต รายได้ก็กลับมา

อ. ตอบว่า จริง เพราะ รพ.การเงินไม่ดี ยิ่งทำให้คนไข้แข็งแรง รายได้บางส่วนลดลง อาหารทางการแพทย์ก็ขายไม่ได้

แต่คนไข้ดี เราลดการใช้ยา ซึ่งค่ายาก็รวมในรายหัวของ รพ.

ทั้งหมดเป็นความเห็น และมุมมองของผมนะครับ เราจะไม่หยุดในการทำเรื่องดีๆ ครับ ถึงแม้จะเปลี่ยนโลกไม่ได้ แต่ที่เราได้ ก็พอ

(ปล.เบาหวานคือโรคเรื้อรัง ปล่อยเนื้อปล่อยปาก มันก็กลับมาได้)

และผมทำเรื่องนี้ที่ คลินิก ถึงทีมจะไม่แข็งเท่า แต่เราก็ทำครับ เรามีคนไข้ หยุดยา เบาหวานหายหลายคน

ผมไม่ยอมแพ้นะครับ รพ. บ้านตาขุน!! ผมไม่เคย DNF

มาฝึก “เบาหวานหายได้” (DM Remission) ที่โรงพยาบาลบ้านตาขุน กับ ผอ.นพ.เอกพล พิศาล และเจ้าหน้าที่น่ารักทุกคน!ที่นี่เราไม่ไ...
22/08/2025

มาฝึก “เบาหวานหายได้” (DM Remission) ที่โรงพยาบาลบ้านตาขุน กับ ผอ.นพ.เอกพล พิศาล และเจ้าหน้าที่น่ารักทุกคน!

ที่นี่เราไม่ได้เริ่มจาก “protocol” หรือ “ขั้นตอนที่ตายตัว” แต่เริ่มจาก “คนไข้จริง”
💡 ปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน → การดูแลจึงต้อง people centric และ problem based

ตลอดทั้งวัน เราได้
✔️ ประชุม แลกเปลี่ยนแนวคิดกับทีม
✔️ ลงพื้นที่ตรวจ-รักษาคนไข้จริง
✔️ วัดองค์ประกอบร่างกาย → feedback ตรงไปตรงมา
✔️ ปรับยา โภชนาการ พฤติกรรมชีวิตไปพร้อม ๆ กัน

เพราะหัวใจของการเรียนรู้คือ การสัมผัสปัญหาจริง และเห็นรอยยิ้มของคนไข้จริง

ย้ำว่าเป็นเบาหวานมานาน แต่มีใจ มีศรัทธา น้ำตาลสะสม สามารถลดลง —>ลดยา—> หยุดยาได้

22/08/2025

ข้อสอบวัดความดันที่ถูกต้อง ลองตอบกันครับ

1. การพูดคุย เวลาวัดความดัน ความดันขึ้นหรือไม่ (ไม่ขึ้น 0, ขึ้น 1)

2. เวลาวัดความดัน ทิ้งแขนลงข้างลำตัวได้ไหม (ไม่ได้ 0, ได้ 1)

3.นั่งวัดความดันที่พื้น หรือนอนวัด ได้ไหม (ไม่ได้ 0, ได้ 1)

4. เวลาวัดความดัน ขาลอยจากพื้นได้ไหม กรณีขาสั้น (ไม่ได้ 0, ได้ 1)

5. เวลาวันความดัน นั่งไขว้ขาได้ไหม (ไม่ได้ 0, ได้ 1)

6. ก่อนวัดความดัน ดื่มน้ำเปล่าได้ไหม (ไม่ได้ 0, ได้ 1)

7. นั่งพัก ก่อนวัดความดัน 5 นาทึได้ไหม (ไม่ได้ 0, ได้ 1)

รอฟัง ใน youtube นะครับ

เบาหวานหายได้!! แม้จะเป็นมา 20 ปี ลดยา หยุดยา ลดน้ำหนัก —> เบาหวานหวาน —> โรคไตก็หาย📍 วันนี้ผมและทีมหน่วยบริการสุขภาพปฐม...
21/08/2025

เบาหวานหายได้!! แม้จะเป็นมา 20 ปี ลดยา หยุดยา ลดน้ำหนัก —> เบาหวานหวาน —> โรคไตก็หาย

📍 วันนี้ผมและทีมหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิ ได้มีโอกาสไป Reskill & Upskill เรื่อง “เบาหวานหายได้”
ที่โรงพยาบาลบ้านตาขุน ร่วมกับ ผอ.เอกพล พิศาล และทีมงานที่ทำงานกันอย่างเข้มแข็ง

💬 สิ่งที่ได้เห็นและสัมผัสชัดเจนมากคือ พลังของ “ทีมสหสาขา” ที่ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ทุกคนในทีมตั้งแต่แพทย์ พยาบาล จนถึงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เห็นภาพร่วมกัน เข้าใจธรรมชาติของโรค และมีเป้าหมายเดียวกันในการช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถกลับมาคุมโรคได้ด้วยตนเอง

✨ ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมเชื่อมั่นว่า…
ถ้าเรา “สอนให้เข้าใจ” 🗣️ ผู้ป่วยก็สามารถ “ปรับเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง” และเก่งกว่าที่เราคิด 🙌
เพราะจริง ๆ แล้วทุกคนมีศักยภาพในการพัฒนา เพียงแค่ต้องได้รับ สิ่งแวดล้อมที่ดี ทีมที่เข้าใจ และกำลังใจที่เหมาะสม 💚

โรคเบาหวานเองก็ไม่ใช่เพียงปัญหาทางการแพทย์ แต่ยังเป็นทั้ง
• ชีวะ (biological) ที่เกี่ยวกับร่างกายและกลไกการทำงานของอินซูลิน
• จิตใจ (psychological) ที่สะท้อนถึงแรงจูงใจ ความเครียด ความเชื่อมั่น
• สังคม (social) ที่มักเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม เช่น การกินเลี้ยง การเข้าสังคม

💡 ดังนั้นการแก้ปัญหาต้อง “ตรงจุด” เช่น หากผู้ป่วยมีปัญหาจากการเข้าสังคมเรื่องการกินเลี้ยงบ่อย ๆ 👉 การปรับยาเพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้ผล เพราะเราแก้ไม่ถูกต้นเหตุ

สิ่งสำคัญของการดูแลเบาหวาน จึงอยู่ที่
✅ การทำงานร่วมกันของทีมสหสาขา
✅ การให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสมรรถนะและบริบทของผู้ป่วย
✅ การประเมินหลายด้านทั้งกาย จิตใจ และสังคม
✅ และการเคารพ “การตัดสินใจ” ของผู้ป่วยเสมอ

สุดท้ายแล้ว…เบาหวานไม่ใช่เรื่องของ “หมอให้ยา” เพียงฝ่ายเดียว
แต่คือการเดินร่วมกันของทีมสุขภาพ ครอบครัว และตัวผู้ป่วยเอง

ติดต่อ H solution
024141144 สำหรับคนที่อยากคุมเบาหวาน ลดยา ปรับอาหาร ครับ
หรือ youtube Dr. Nat Nutrition สำหรับสื่อเบาหวาน ไขมัน

เคสคนดัง ๆ อายุน้อยที่เป็นสโตรก—มีอะไรบอกเรา?✨ แม้ยังไม่มีอาการ ก็อย่าละเลยการตรวจสุขภาพและใส่ใจพฤติกรรมประจำวันเพราะสิ่...
20/08/2025

เคสคนดัง ๆ อายุน้อยที่เป็นสโตรก—มีอะไรบอกเรา?

✨ แม้ยังไม่มีอาการ ก็อย่าละเลยการตรวจสุขภาพและใส่ใจพฤติกรรมประจำวัน
เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็น “ระเบิดเวลา” ที่เรามองไม่เห็น

อะไรคือต้นเหตุ!!! คิดก่อนไปโทษ การไม่ออกกำลังกาย!!

เราขอส่งกำลังใจให้กับผู้ที่ประสบเหตุ และครอบครัวทุกท่าน
และอยากชวนทุกคนหันมาดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้

คำว่า “Residual Risk” คืออะไร (ทำไมเหมือนไม่มีอะไร แต่ยังเสี่ยง)

คือความเสี่ยง ที่ยังเหลืออยู่ แม้ไม่มีหลอดเลือดตีบอุดตันชัด ๆ หรือแม้คุม LDL ได้ดีแล้ว สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่

• การอักเสบเรื้อรัง (เช่น วัดด้วย hs-CRP หรือตามหลักฐานอื่น ๆ )
• ไขมันอนุภาคเล็กที่เป็นตัวพา—apoB / Lp(a) และไตรกลีเซอไรด์สูง
• ภาวะเมตาบอลิก/ดื้อต่ออินซูลิน, ความดันสูง, การนอนผิดปกติ/หยุดหายใจขณะหลับ ฯลฯ

งานวิจัยระยะยาวในผู้หญิงอเมริกันเกือบ 28,000 คนชี้ว่า วัดร่วมกัน 3 ตัว: hs-CRP + LDL-C + Lp(a) ทำนายความเสี่ยงหัวใจ–หลอดเลือด ยาว 30 ปี ได้ดีกว่าใช้ตัวเดียว (ยืนยันบทบาท “การอักเสบ” และ Lp(a) ที่มักไม่ถูกตรวจ)

รีวิวร่วมสมัยก็ย้ำว่า “ความเสี่ยงส่วนที่เหลือ” มักอยู่ใน การอักเสบ และ ไลโปโปรตีนที่ใส่ apoB/Lp(a) ซึ่งเรา ตรวจและแก้ได้ ด้วยยา + พฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม. 

แต่คำถามที่ยังไม่มีหารแก้คือ ระยะเวลาคนคนนั้นมีภาวะดังกล่าว ซึ่งจะทำให้เกิดการสะสมและการเสื่อมของเส้นเลือดที่ปัจจุบันย้อนกลับไม่ได้



ตัวเลขที่ถามมา: “หัวใจวาย/สโตรก” ทั้งที่เส้นเลือด “ยังไม่ตันชัด”

หัวใจวาย (MI) แบบหลอดเลือดโคโรนารีไม่อุดตัน
• มีงานวิจัยเจอประมาณ 5–10% ของ MI ทั้งหมด (ภาพรวมเฉลี่ยราว ~6%); พบในคนอายุน้อยและผู้หญิงมากกว่า ต้องสืบหาสาเหตุ ด้วยการตรวจเฉพาะทาง.   

สโตรกแบบไม่มีตำแหน่งตันชัดเจน
• กลุ่ม ESUS/cryptogenic (เส้นเลือดตีบจากลิ่มเลือด/ที่มาไม่ชัด): ประมาณ 1 ใน 6 ของสโตรกทั้งหมด (~17%; บางงาน 9–25%).   
• คราบพลัคคาโรติดที่ยัง “ไม่ตีบมาก” (

ที่อยู่

Wanglang
Bangkok Noi
10700

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 20:00
อังคาร 09:00 - 20:00
พุธ 09:00 - 20:00
พฤหัสบดี 09:00 - 20:00
ศุกร์ 09:00 - 20:00
เสาร์ 09:00 - 17:00
อาทิตย์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+6624192640

เว็บไซต์

http://www.mahagarun.com/

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หมอนัดโภชนาการผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง หมอนัดโภชนาการ:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram