Sleep Well VietNam

Sleep Well VietNam หลังจาก 4 ปีของการวิจัยอย่างขยันขันแข็ง A&C Pharma บริษัทเวชภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำในเวียดนามได้เปิ

27/02/2023

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับกับโรคหลอดเลือดในสมอง

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศ ทุกวัย แต่โดยส่วนมากแล้วจะพบในวัยทำงานและวัยผู้สูงอายุ ซึ่งทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้หลายอย่าง โดยหนึ่งในนั้นก็คือโรคหลอดเลือดในสมอง แล้วภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีความสัมพันธ์กับโรคหลอดเลือดในสมองอย่างไร สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้

รู้จักภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) หรือ OSA เป็นภาวะที่เกิดขึ้นขณะที่กำลังนอนหลับ ซึ่งมีสาเหตุมาจากอาการนอนกรนอย่างรุนแรง กล่าวคือมีการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนต้นทำให้การหายใจลำบากขึ้น สมองจะรับรู้และสั่งการให้เพิ่มแรงในการหายใจ ส่งผลให้สมองปลุกเราให้ตื่นเพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อช่องคอกลับมาตึงตัวและเปิดทางเดินหายใจอีกครั้ง โดยวงจรเหล่านี้จะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ หลายครั้งในแต่ละคืน ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เป็นสาเหตุและความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ตามมา โดยเฉพาะโรคเส้นเลือดในสมอง

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับกับโรคเส้นเลือดในสมอง

ในขณะที่เรานอนหลับและมีอาการนอนกรนชนิดรุนแรงจนมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนคือ เรื่องของระบบหัวใจและหลอดเลือด เพราะการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จะทำให้หัวใจและหลอดเลือดต้องทำงานหนัก และอาจก่อให้เกิดโรคเส้นเลือดสมองตีบ เส้นเลือดสมองแตกได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีไขมันสะสมและอุดตันในเส้นเลือด โดยอาจมีอาการที่สามารถสังเกตได้ในเบื้องต้นดังต่อไปนี้

ปวดศีรษะ เวียนศีรษะบ่อยครั้ง
ตามัว มองเห็นภาพซ้อน
เดินเซ ทรงตัวลำบาก
รับมือกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับอย่างไรได้บ้าง

สังเกตอาการ
ท่านใดที่ยังไม่แน่ใจว่าตนเองมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือไม่สามารถสังเกตได้ จากอาการดังต่อไปนี้
นอนกรนดังมากเป็นประจำ
รู้สึกนอนไม่เต็มอิ่ม ไม่สดชื่น
คอแห้งทุกครั้งที่ตื่นนอน
ปวดศีรษะเป็นประจำทุกเช้า
หายใจไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ
พบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย
หากประสบปัญหานอนกรนจนรบกวนชีวิตประจำวัน ควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมกับคู่สมรสหรือผู้ที่สังเกตเห็นอาการของท่านขณะนอน เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งสามารถเข้ารับการตรวจได้หลายวิธีตามดุลยพินิจของแพทย์ ตั้งแต่
ตรวจร่างกายเบื้องต้น
ตรวจพิเศษ (ตรวจท่าทางการนอน)
ตรวจความผิดปกติจากการนอน (Polysomnography : PSG/Sleep Lab)

21/02/2023

ภาวะสมองล้า (Brain Fog) ผลกระทบจากลองโควิด “นอนไม่หลับ วิตกกังวล ซึมเศร้า” ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิด-19 อาจต้องเผชิญกับกลุ่มอาการภาวะสมองล้า (Brain Fog)…

โควิด-19 ส่งผลกระทบได้ทั่วร่างกาย ตั้งแต่ระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงส่งผลกระทบต่อด้านอารมณ์และจิตใจ โดยพบว่า หลังจากหายจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ผู้ป่วยอาจต้องเผชิญกับภาวะลองโควิด หรือผลกระทบระยะยาวของการติดเชื้อโควิด-19 โดย หลังหายจากการติดเชื้อแล้ว มีผู้ป่วยประมาณ 32.1% ที่ต้องเผชิญกับผลกระทบทางจิตใจจากลองโควิด (กรมการแพทย์, 2022)

นอนไม่หลับ
ผู้ป่วยอาจมีภาวะนอนหลับยาก ใช้เวลานานกว่า 20 นาที ถึงจะนอนหลับ พฤติกรรมการนอนเปลี่ยนไป มีอาการหลับไม่สนิท ตื่นกลางดึก หลับๆ ตื่นๆ

วิตกกังวล
มีปัญหาด้านความจำ สมาธิสั้น สมาธิไม่ดี ความคิดสับสน คิดคำพูดไม่ออก คิดช้าลง รู้สึกสมองไม่โลดแล่น

ซึมเศร้า
เนื่องจากต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง ผู้ป่วยอาจมีอาการ PTSD (Post–Traumatic Stress Disorder) คิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายอยู่ตลอดเวลา ขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยทำ หรือสิ่งรอบข้าง รู้สึกเหนื่อย ไม่มีเรี่ยวแรง

กลุ่มอาการข้างต้น เรียกว่า “กลุ่มอาการภาวะสมองล้า (Brain Fog)” ซึ่งกลุ่มอาการดังกล่าวจะดีขึ้นตามลำดับเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2-4 สัปดาห์

ทำความรู้จักกับ Post Covid อาการที่คนเคยติดเชื้อโควิด-19 ต้องรู้! อาการหลังจากติดเชื้อ Covid โดยผู้ป่วยยังมีอาการผิดปกติยาวนานกว่า 4 สัปดาห์ แม้จะหายจากเชื้อโควิดแล้ว ผู้ป่วยบางรายยังรู้สึกไม่แข็งแรง และยังไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนที่ผ่านมา

ดูแลใจ บริหารสุขภาพจิตใจอย่างไรดี?

ทำกิจกรรมที่ช่วยให้มีสมาธิเพิ่มขึ้น เช่น อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ
ตั้งเป้าหมายในการใช้ชีวิต และสร้างความมั่นใจให้ตนเอง เพื่อให้มีความภาคภูมิใจ
ผ่อนคลายความเครียดโดยการพูดคุยกับคนในครอบครัว เพื่อน คนรอบข้าง
ลองหางานอดิเรก หรือกิจกรรมที่ชอบทำ เช่น ออกกำลัง วาดรูป ทำอาหาร
ปรึกษาจิตแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและรักษาอาการทางด้านจิตใจ

นอนหลับอย่างไรให้ได้คุณภาพร่างกายของเราทุกคนต้องนอนหลับพักผ่อนตามตารางของนาฬิกาชีวิต แต่จะหลับอย่างไรจึงจะดีต่อสุขภาพมาก...
20/02/2023

นอนหลับอย่างไรให้ได้คุณภาพ
ร่างกายของเราทุกคนต้องนอนหลับพักผ่อนตามตารางของนาฬิกาชีวิต แต่จะหลับอย่างไรจึงจะดีต่อสุขภาพมากที่สุด แล้วตื่นมาพร้อมความรู้สึกสดชื่น

เรื่องของการนอนต้องคำนึง 2 อย่างคือ

ชั่วโมงการนอน ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบควรนอนให้ได้ 7 – 8 ชั่วโมง แต่ละวัยต้องการจำนวนการนอนจะไม่เท่ากัน ชั่วโมงการนอนของเด็ก 11 – 13 ชั่วโมง ผู้ใหญ่ 7 – 8 ชั่วโมง
คุณภาพการหลับ การหลับอย่างมีคุณภาพ คือ ครบวงจรทุกระยะการหลับ ทั้งหลับตื้น หลับลึก และหลับฝัน ให้ครบทุกระยะเพราะมีความสัมพันธ์กัน
วงจรการหลับ 3 ระยะ
วงจรการนอนหลับในคนปกติทั่วไป มักใช้เวลาตั้งแต่ 30 วินาที – 7 นาที เป็นสภาพที่แม้จะได้รับการกระตุ้นเพียงเล็กน้อยก็จะตื่น จากนั้นเข้าสู่การหลับระยะต่าง ๆ

หลับตื้น เป็นระยะแรกที่มีการหลับตื้นอย่างแท้จริง แต่ยังไม่มีการฝัน
หลับลึก ร่างกายจะเข้าสู่โหมดพักผ่อนเมื่อเข้าสู่ระยะหลับลึกเป็นช่วงหลับสนิทที่สุดของการนอนใช้เวลา 30 – 60 นาที ช่วงระยะนี้อุณหภูมิร่างกายและความดันโลหิตจะลดลง อัตราการเต้นของหัวใจลดลงเหลือประมาณ 60 ครั้งต่อนาที โกรทฮอร์โมนจะหลั่งในระยะนี้
หลับฝันอีกระยะหนึ่งที่สำคัญคือ ช่วงหลับฝันร่างกายจะได้พักผ่อน แต่สมองจะยังตื่นตัวอยู่ นอกจากนี้การหลับฝันยังช่วยจัดระบบความจำในเรื่องของทักษะต่าง ๆ ดังนั้น การนอนหลับที่ดีต้องได้ทั้งชั่วโมงการนอนและคุณภาพการหลับด้วย
แม้ว่าบางคนนอนหลับเพียง 4 – 5 ชั่วโมง แล้วตื่นมาสดชื่น ต้องดูว่าเป็นแค่หลับตื้นหรือเปล่า เนื่องจากระยะการหลับตื้นทำให้สดชื่นได้ จึงต้องดูว่าความสามารถในเรื่องอื่น ๆ เป็นอย่างไร หากสังเกตว่าตื่นมาสดชื่นแต่ความสามารถในเรื่องอื่น ๆ ลดลง นั่นแสดงว่า ชั่วโมงการนอนไม่เพียงพอ ควรที่จะนอนหลับให้นานกว่านั้น เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์การนอนของแต่ละระยะให้นานขึ้น

หรือบางคนนอนมากกว่า 7 – 8 ชั่วโมง แต่ตื่นมาแล้วไม่สดชื่น เป็นไปได้ว่าชั่วโมงการนอนเพียงพอ แต่คุณภาพการนอนไมได้ คือได้แค่หลับตื้นไม่เข้าสู่ระยะหลับลึก ซึ่งต้องไปหาสาเหตุต่อว่า ทำไมไม่สามารถเข้าสู่ระยะหลับลึกได้เป็นเพราะอะไร

ภัยเงียบจากหลับ ๆ ตื่น ๆ
บางคนชั่วโมงการนอนหลับสั้น แต่คุณภาพของการหลับได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากปัจจัยภายในร่างกายทางด้านพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องและการปรับตัวของร่างกาย

ส่วนคนที่ชั่วโมงการนอนเยอะ แต่ตื่นมาแล้วกลับไม่สดชื่นนั้น เป็นเพราะนอนได้แค่ระยะหลับตื้นหรือสะดุ้งตื่นเป็นพัก ๆ มีผลทำให้การทำงานของระบบหายใจและหลอดเลือดทำงานหนัก กลายเป็นว่าตื่นมาแล้วรู้สึกเพลียแทนที่จะรู้สึกสดชื่น

ปัจจุบันผู้ป่วยจำนวนมากที่มารับการตรวจสุขภาพแล้วพบว่า มีปัญหาความผิดปกติในการนอนร่วมด้วยและพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ถือเป็นภัยเงียบที่เป็นต้นเหตุสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน โรคหลอดเลือดหัวใจ

อาการที่อาจเกิดขึ้นจากการนอนหลับไม่เต็มที่ซึ่งพบได้บ่อย เช่น ง่วงและเพลียกลางวัน ประสิทธิภาพความคิดความจำลดลง ลืมง่าย กลางคืนหลับ ๆ ตื่น ๆ นอนกรนร่วมกับหยุดหายใจชั่วขณะ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว

ฉะนั้นการนอนหลับที่มีคุณภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาแค่จำนวน 7 – 8 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับระดับความลึกของการนอนหลับ เพื่อให้ร่างกายและสมองได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ และเวลาเข้านอน – ตื่นนอนที่เหมาะสม ไม่ควรนอนดึกหรือตื่นสายจนเกินไป

นอนเยอะชดเชยอดนอนได้ไหม
สำหรับชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมของคนวัยทำงาน 7 – 8 ชั่วโมงถือว่าเพียงพอแล้ว หากนอนมากกว่านั้นก็จะหลับไม่สนิท เพราะต้องรับรู้ว่าชั่วโมงการนอนครบแล้ว ทำให้นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ไม่เป็นหลับระยะสนิทเหมือนช่วงแรก เนื่องจากร่างกายเก็บพลังงานได้เพียงพอแล้ว เปรียบเหมือนกับการชาร์ตแบตเตอรี่มือถือ ไม่ควรชาร์ตทิ้งไว้ข้ามคืน การนอนก็เช่นเดียวกัน เพราะแทนที่ร่างกายจะตื่นตัวกลับทำให้การตื่นตัวลดลง

กรณีนอนน้อยกว่า 4 ชั่วโมงถือว่า “อดนอน” ถ้าอดนอนติดกัน 3 วันแล้วคืนวันที่ 4 ถ้าหลับ ไม่ว่าจะหลับกี่ชั่วโมงก็ตามร่างกายจะพยายามช่วยเหลือตัวเองคือ พอเริ่มหลับก็เข้าสู่ระยะหลับลึกเลย หากมีเวลานอนที่นานพอ ร่างกายจะเริ่มปรับวงจรการนอนหลับอีกครั้งหนึ่ง จากปกติต้องมีระยะเวลาการนอนช่วงแรก 30 – 60 นาที จะเป็นหลับตื้นแล้วค่อย ๆ หลับลึกไปเรื่อย ๆ

แต่ถ้าต้องตื่นก่อน 4 ชั่วโมงจะกลายเป็นว่า ครั้งต่อไปพอจะหลับอีกวงจรการนอนจะยังไม่ครบ การหลับจะเป็นหลับลึกในระยะเวลาสั้น ๆ แค่ทำให้สดชื่นแต่ประสิทธิภาพเรื่องความจำจะไม่เท่าเดิม

ฉะนั้นถ้ามีโอกาสที่จะหลับซ่อมแซมหรือหลับชดเชยควรนอนให้ครบชั่วโมง การนอนที่เหมาะสม จะทำให้สภาพร่างกายกลับมาเหมือนเดิมได้ในระยะเวลาไม่กี่วันหรือถ้าหากมีโอกาสหลับเต็มที่หนึ่งวันเต็ม ๆ หลังจากอดนอนมา 3 วัน”

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ยังขึ้นอยู่กับวัยอีกด้วย เนื่องจากการทำงานของสมองแต่ละช่วงวัยไม่เหมือนกัน ถ้าอายุน้อยโอกาสกลับมาเหมือนเดิมเร็ว แต่ถ้าอายุมากขึ้นจะฟื้นตัวช้า ดังนั้นการนอนชดเชยจึงไม่มีสูตรสำเร็จแน่นอนตายตัว ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน ว่าจะสามารถกลับมาได้เหมือนเดิมมากน้อยแค่ไหน

SLEEPWELL ให้การสนับสนุนที่โดดเด่นสำหรับการรักษาอาการนอนไม่หลับ ในขณะเดียวกัน การปรับปรุงคุณภาพการนอนจะช่วยให้คุณนอนหลับ...
16/02/2023

SLEEPWELL ให้การสนับสนุนที่โดดเด่นสำหรับการรักษาอาการนอนไม่หลับ ในขณะเดียวกัน การปรับปรุงคุณภาพการนอนจะช่วยให้คุณนอนหลับสนิทตลอดคืนจนถึงเช้าโดยไม่สั่นไหว
ด้วยส่วนผสมล้ำค่าเช่น:
Ginkgo Biloba Phytosome (ฝรั่งเศส) 120มก
Passiflora foetida 900มก
Erythrina orientalis 500มก
Stephania 450มก
Lotus Heart Powder 60มก
Senna obtusifolia 175มก
Semen Zizyphi jujubae 150mg, Ligusticum striatum 150mg, Rehmannia glutinosa Libosch, Angelica sinensis
ด้วยผลลัพธ์ที่ทรงพลังกว่าห้าเท่าด้วยการผสมผสานระหว่างสมุนไพรตะวันตกและตะวันออก SLEEPWELL มี Ginkgo Biloba Phytosome 120mg เข้มข้นสูงสุดในตลาดและสมุนไพรโบราณที่มีเนื้อหาสูงด้วย:
- ลดความเครียด วิตกกังวล: ทำให้จิตใจมั่นคง ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ผ่อนคลายประสาท เมื่ออารมณ์ดีก็จะหลับเร็วขึ้น
- เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง: เลือดจางในสมองทำให้สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ ซึ่งกดระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ปวดศีรษะ วิงเวียน และนอนไม่หลับ
- การควบคุมจังหวะ : สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ความแตกต่างของโซนเวลาเป็นสาเหตุของการรบกวนจังหวะการหลับ-ตื่นของคุณ
การทำงานภายใต้กลไกนี้ SLEEP WELL จะช่วยให้คุณหลับได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอน
SLEEP WELL ผลิตภายใต้กระบวนการปิดที่โรงงานซึ่งตรงตามมาตรฐาน GMP - WHO
แท็บเล็ตได้รับใบรับรองการจดทะเบียนโดยหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารของกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม และใบรับรองเนื้อหาโฆษณาที่มีหมายเลข 5110/2022/DKSP

9 เทคนิค ช่วยให้การนอนหลับของเราดีขึ้น1. ออกกำลังกาย ช่วงเย็นอย่างน้อย 30 นาทีหรือ 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน2. กินกล้วยหอมสักผล...
11/02/2023

9 เทคนิค ช่วยให้การนอนหลับของเราดีขึ้น

1. ออกกำลังกาย ช่วงเย็นอย่างน้อย 30 นาทีหรือ 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน
2. กินกล้วยหอมสักผล เพราะมีกรดอะมิโน “ทริปโตเฟน (Tryptophan)” ช่วยคลายเครียดลดความกังวล
3. หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก อาหารที่มีรสเผ็ดหรืออาหารหวานมาก งดอาหารอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงก่อนนอน
4. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ผลของนิโคตินทำให้เราหลับยาก ตื่นบ่อย
5. เข้านอนให้เป็นเวลา ไม่ควรนอนดึกมาก ระยะเวลาที่ควรเข้านอนคือ 21.00-23.00 น. รวมถึงตื่นนอนให้เป็นเวลาด้วย
6. เข้านอนเมื่อร่างกายพร้อมที่จะนอน เข้านอนเมื่อรู้สึกง่วง ไม่อยู่ในภาวะตึงเครียด หรือไม่ฝืนนอน
7. จัดระเบียบห้องนอน และกำจัดสิ่งรบกวน
8. ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจก่อนนอน อาบน้ำอุ่น เดินเบา ๆ ไปมา หรือนั่งสมาธิ
9. หลีกเลี่ยงกาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มกระตุ้นประสาททุกชนิด 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน

“การนอนหลับที่ดี ไม่ใช่การนอนในระยะเวลายาวนาน แต่เป็นการนอนหลับที่ลึกและเต็มอิ่ม ตื่นมารู้สึกสดชื่น ถึงเรียกว่าการนอนหลับที่มีคุณภาพ”

ทำความรู้จักโรคนอนไม่หลับ (Insomnia)โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) คือ โรคที่มีความผิดปกติในวงจรการหลับ โดยสามารถแบ่งเป็นชนิดข...
10/02/2023

ทำความรู้จักโรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) คือ โรคที่มีความผิดปกติในวงจรการหลับ โดยสามารถแบ่งเป็นชนิดของการนอนไม่หลับ 3 ชนิดใหญ่คือ
ชนิดที่1 หลับยาก : จะมีอาการหลับได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลาเป็นชั่วโมง
ชนิดที่ 2 หลับไม่ทน : มักตื่นกลางดึก เช่น หัวค่ำอาจพอหลับได้ แต่ไม่นานก็จะตื่น ในบางคนอาจตื่นแล้วกลับหลับอีกไม่ได้
ชนิดที่ 3 หลับๆตื่นๆ : จะมีอาการลักษณะ รู้สึกคล้ายไม่ได้หลับเลยทั้งคืน เพียงแต่เคลิ้ม ๆ ไปเป็นพัก ๆ เท่านั้น
ซึ่งผู้เป็นโรคนอนไม่หลับอาจจะมีอาการเพียงข้อใดข้อหนึ่ง หรือมีหลายข้อรวมกันก็ได้ และแน่นอนเมื่อมีอาการนอนไม่หลับในช่วงตอนกลางคืนนั้นก็จะส่งผลกระทบในตอนกลางวันทำให้รู้สึกอ่อนแรง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไม่มีสมาธิ ง่วงซึม เป็นต้น
สาเหตุของอาการนอนไม่หลับ
• ปัญหาจากสิ่งแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ สว่างเกินไป เสียงรบกวนจากการจราจร โทรทัศน์ พื้นที่นอนแคบเกินไปหรือกว้างเกินไป หรือการนอนต่างที่ ทำให้หลับยาก
• ปัญหาจากร่างกาย เช่น อาการเจ็บป่วย ปวดท้อง ปวดตามเนื้อตัว เป็นโรคเกี่ยวกับการนอนหลับ มีปัญหาเรื่องระบบการหายใจ มีอาการไอ
• ปัญหาจากจิตใจ เช่น ความเครียด อาการวิตกกังวล แรงกดดัน หรือมีอาการซึมเศร้าและท้อแท้ หมดกำลังใจ หมดหวังในการใช้ชีวิต คิดว่าตัวเองไร้ค่า ยึดติดและอยู่กับตัวเองมากเกินไป การทำงานที่ไม่ได้ตามหวัง
• นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่อาจส่งผลให้เกิดภาวะนอนไม่หลับได้ เช่นการดื่มแอลกอ ฮอล์ คาเฟอีนในกาแฟ บุหรี่ หรือการใช้ยาบางชนิดนั้นอาจส่งผลเกี่ยวกับการนอนหลับ ท้องว่าง ทำให้เกิดอาการอึดอัด หิวขึ้นมาในช่วงดึก หรืออิ่มมากเกินไป จนทำให้มีอาการแน่นท้องกลางดึก จนนอนไม่หลับ รวมไปถึงหน้าที่การงานบางประเภท เช่น งานที่ต้องเปลี่ยนเวลาการนอนอยู่สม่ำเสมอ เช่น พยาบาล ยาม เป็นต้น
รักษาโรคนอนไม่หลับ
วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุอาการนอนไม่หลับของแต่ละบุคคล ซึ่งต้องแยกให้ได้เสียก่อนว่ามาจากสาเหตุใด หากเกิดจากอุปนิสัยการนอน แพทย์จะให้คำแนะนำอุปนิสัยการนอนที่ถูกต้อง แต่ถ้าเกิดจากโรคทางจิตใจหรือระบบประสาท เช่น โรคซึมเศร้า โรคไบโพล่าร์ โรคประสาทตื่นตัวผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาร่วมด้วย
นอนไม่หลับแบบไหน ควรพบจิตแพทย์
หลายๆ ครั้งในการที่เรานอนหลับไม่สนิท หรือนอนไม่หลับติดต่อกันมากกว่า 3 วัน/สัปดาห์ เป็นระยะเวลามากกว่า 1 เดือน จะส่งผลต่ออารมณ์ สมาธิ ความจำ เกิดภาวะเครียด กดดัน รู้สึกเป็นกังวล รบกวนจิตใจของคุณ มีผลกระทบต่ออารมณ์ และประสิทธิภาพในการทำงาน คุณควรปรึกษาแพทย์ แพทย์จะวินิจฉัยด้วยการสอบถามประวัติความเจ็บป่วย อุปนิสัยการนอน ปัญหาที่ทำให้เกิดความกังวลใจ ร่วมกับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อค้นหาสาเหตุของอาการนอนไม่หลับ
การป้องกันอาการนอนไม่หลับ
1. ตื่นนอนให้เป็นเวลาปรับพฤติกรรมการนอนที่ไม่เป็นเวลา ไม่งีบหลับระหว่างวัน ไม่กดดันตัวเองให้นอนหลับ เพราะอาจส่งพลให้ตัวเองเกิดความวิตกกังวล
2. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่กระตุ้นให้ประสาทตื่นตัวหลังมื้อเที่ยง เช่น กาแฟ หรือชา และสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้หลับยาก
3. สร้างสถานการณ์ให้เตียงนอน คือ การหลับเท่านั้น ดังนั้นการนอนเล่นดูทีวีทำงานพักผ่อนอื่นๆ ให้ทำนอกเตียง เคล็ดลับ คือ เมื่อรู้สึกง่วงแล้วเท่านั้นถึงลงมานอนที่เตียง
4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะช่วยให้นอนหลับได้สบายยิ่งขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังหนักก่อนนอน ซึ่งจะทำให้นอนหลับได้ยาก
5. พยายามหลับให้ได้ด้วยตัวเอง หลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับ
ปัญหาการนอนไม่หลับ อดนอน หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ แน่นอนว่าจะส่งผลเสียกับร่างกายทำให้ระบบร่างกายทำงานติดขัด จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดความดันโลหิตสูง และปัญหาด้านระบบหลอดเลือดหัวใจ ระบบภูมิคุ้มกันทำงานโดยมีประสิทธิภาพลดลง ดังนั้น ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรหาสาเหตุให้พบ และทำการป้องกันและรักษาอย่างถูกต้อง

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิต ซึ่งความต้องการในการนอนหลับของคนมีไม่เท่ากันเนื่อง...
10/02/2023

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิต ซึ่งความต้องการในการนอนหลับของคนมีไม่เท่ากันเนื่องจากขึ้นอยู่กับอายุ ทารกต้องนอนละวันละ 16 ชั่วโมง วัยรุ่นต้องการวันละ 9 ชั่วโมง ผู้ใหญ่ต้องการวันละ 7-8 ชั่วโมง

แต่วงจรการใช้ชีวิตในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนมีวิถีชีวิตที่แตกต่างจากอดีต จนนำมาสู่การเกิด “โรคนอนไม่หลับ” หรือ Insomnia ซึ่งมีรูปแบบของอาการมากมาย เช่น การนอนไม่หลับ การนอนหลับไม่สนิท การหลับๆ ตื่นๆตลอดทั้งคืน การตื่นขึ้นมากลางดึก การตื่นเช้าผิดปกติ และการตื่นมาแล้วไม่สดชื่น เป็นต้น

7 สาเหตุการนอนไม่หลับ และเคล็ดลับวิธีแก้ไข

7 สาเหตุของการนอนไม่หลับ

1. ปัญหาสิ่งแวดล้อม เสียงดังรบกวน สว่างเกินไป หรือคับแคบเกินไป ทำให้นอนหลับยาก

2. อาการเจ็บป่วย เช่น ปวดท้อง ปวดตามเนื้อตัว เป็นโรคเกี่ยวกับการนอนหลับ มีปัญหาเรื่องระบบการหายใจ มีอาการไอ

3. ความเครียด อาการวิตกกังวล แรงกดดัน หรือมีอาการซึมเศร้าและท้อแท้ หมดกำลังใจ หมดหวังในการใช้ชีวิต คิดว่าตัวเองไร้ค่า ยึดติดและอยู่กับตัวเองมากเกินไป

4. แอลกอฮอล์ คาเฟอีนในกาแฟ บุหรี่ หรือการใช้ยาบางชนิดนั้นอาจส่งผลเกี่ยวกับการนอนหลับ

5. ท้องว่าง ทำให้เกิดอาการอึดอัด หิวขึ้นมาในช่วงดึก หรืออิ่มมากเกินไป จนทำให้มีอาการแน่นท้องกลางดึก จนนอนไม่หลับ

6. ภาวะการนอนหลับ เช่น การนอนละเมอ ฝันร้าย หรือนอนไม่หลับจนติดเป็นนิสัย

7. หน้าที่การงานที่ต้องเปลี่ยนเวลาการนอนอยู่สม่ำเสมอ เช่น พยาบาล ยาม

7 สาเหตุการนอนไม่หลับ และเคล็ดลับวิธีแก้ไข

วิธีแก้ปัญหาอาการนอนไม่หลับ

– จัดที่นอนให้เหมาะสม สบายเหมาะแก่การนอน เงียบสงบ อุณหภูมิที่เย็นสบายพอเหมาะ ไม่ควรเปิดโทรทัศน์ และหากต้องการให้ร่างกายพักผ่อนมากจริงๆ ให้ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด จะได้ไม่มีเสียงรบกวนขณะนอนหลับ

– ผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อนนอน เช่น การนวดให้ร่างกายผ่อนคลาย การแช่น้ำอุ่น

– หลีกเลี่ยงการนอนกลางวัน หรือการใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึมในช่วงกลางวัน

– เมื่อรู้สึกง่วงจะต้องเข้านอนทันที เข้านอนให้เวลานั้นเหมือนกันทุกคืน ตรงเวลา ร่างกายจะจดจำเวลานอนเอง

– หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก หรืออาหารที่ย่อยยากก่อนนอน เพราะจะทำให้ปวดท้อง เนื่องจากมีอาการกรดไหลย้อน ถ้าท้องว่างให้รับประทานอาหารเบาๆ เช่น ขนมปังชิ้นเล็ก นมอุ่ม หรือน้ำผลไม้

– หากนอนไม่หลับ ให้ไปทำกิจกรรมเบาๆ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือนั่งสมาธิ เมื่อรู้สึกง่วงให้เข้ามานอน

– ก่อนนอนควรทำสมองให้โล่ง ปลอดโปร่ง ไม่นำเรื่องเครียด กดดัน ผิดหวัง หรือเสียใจมาคิด ทำจิตใจให้ผ่อนคลายก่อนนอน ใช้กลิ่นเข้ามาช่วยในการนอนหลับ เช่น กลิ่นวานิลลา กลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นยูคาลิปตัส กลิ่นพิมเสน หรือกลิ่นคาโมมายล์ ที่ช่วยทำให้ผ่อนคลาย บรรเทาความเครียด จิตใจสงบ ปลอดโปร่ง และผ่อนคลาย

– หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ ชาที่มีคาเฟอีน หรือน้ำอัดลม เพราะจะทำให้นอนไม่หลับ และลดประสิทธิภาพการนอนหลับ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ลง ถึงแม้ว่าจะช่วยในเรื่องการนอนหลับ หากมากไปอาจส่งผลต่อร่างกายได้

– ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรออกกำลังกายก่อนนอน เพราะจะทำให้ร่างกายมีการตื่นตัว นอนไม่หลับ

– ปรึกษาแพทย์หรือนักบำบัด อาจมีการแนะนำให้ใช้ยานอนหลับ ยาผ่อนคลาย ได้รับการปรึกษา หรือมีตารางการปฏิบัติมาให้ฝึกบำบัดการนอนหลับ

– รับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง เช่น ปลาโอ ปลาเก๋า ปลากะพง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง อัลมอลต์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยอดฟักแม้ว ยอดฟักทอง และกล้วยสุก เพราะแมกนีเซียม ลดอาการซึมเศร้า และมีผลต่อกระบวนการควบคุมการนอนหลับ โดยเป็นตัวที่ช่วยในการสร้างสารเมลาโตนิน นอกจากนั้นอาหารที่มีโปรตีนและฟอสฟอรัสนั้นยังมีแมกนีเซียมด้วย เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วเมล็ดแห้ง ไข่ ผักใบเขียว และเนื้อสัตว์

ทั้งนี้หากเราอดนอน หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลเสียกับร่างกายทำให้ระบบร่างกายทำงานติดขัด จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดความดันโลหิตสูง และปัญหาด้านระบบหลอดเลือดหัวใจ ระบบภูมิคุ้มกันทำงานโดยมีประสิทธิภาพลดลง หายจากโรคต่างๆ ได้ช้าลง มีผลต่อการเจริญเติบโต มีการซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอได้ลดลง ฟื้นตัวจากโรคได้ช้า ร่างกายมีภาวะอ่อนเพลีย ส่งผลต่อระบบเผาผลาญ ร่างกายต้องการอาหารมากขึ้น มีอาการป่วย เช่น คลื่นใส้ ปวดศีรษะ ท้องผูกหรือท้องเสีย กล้ามเนื้อทำงานได้ไม่เต็มที่ กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลง หรืออ่อนแรง อ่อนเพลีย มีผลทางด้านจิตใจและอารมณ์ เช่น โกรธง่าย มีอารมณ์แปรปรวน ไม่คงที่ ซึมเศร้า และมีอาการเฉื่อยชา ไม่อยากทำอะไรเลย เพราะฉะนั้นจึงต้องดูแลร่างกายให้ดี การพักผ่อนนอนหลับนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่แพ้เรื่องการบริโภคหรือการออกกำลังกายเลย

สำหรับผู้ที่ประสบปัญหานอนไม่หลับ อดนอน กระสับกระส่าย หลับไม่ลึก เป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายอ่อนล้า ไม่มีสมาธิ ขาดความตื่นตั...
09/02/2023

สำหรับผู้ที่ประสบปัญหานอนไม่หลับ อดนอน กระสับกระส่าย หลับไม่ลึก เป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายอ่อนล้า ไม่มีสมาธิ ขาดความตื่นตัว

หลังจาก 4 ปีของการวิจัยอย่างขยันขันแข็ง A&C Pharma บริษัทเวชภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำในเวียดนามได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรเฉพาะและโดดเด่น: SLEEPWELL ซึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตลาดในปัจจุบันเกี่ยวกับการสนับสนุนความใจเย็นและปลอบประโลมจิตใจเพื่อช่วยคุณ หลับง่ายขึ้นและหลับสบายขึ้น

ด้วยส่วนผสมของ Ginkgo Biloba นำเข้าจากฝรั่งเศส การนำ Phytosome technology ของอิตาลีมาใช้จึงเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลกในปัจจุบันและยังเป็นประเทศที่หายากที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับ Ginkgo Biloba Extract ได้สำเร็จ ซึ่งใช้กันมานานด้วยฤทธิ์ของ นอนหลับสบาย - บำรุงสมอง ด้วยเทคโนโลยี Phytosome ประสิทธิภาพของ Ginkgo Biloba สูงกว่าสารสกัด Ginkgo Biloba ทั่วไปถึง 3 เท่า
ผสมผสานกับสมุนไพรล้ำค่าจากธรรมชาติหลายชนิด

ผสมผสานกับสมุนไพรล้ำค่าจากธรรมชาติหลายชนิด

SLEEPWELL ให้การสนับสนุนที่โดดเด่นสำหรับการรักษาอาการนอนไม่หลับ ในขณะเดียวกัน การปรับปรุงคุณภาพการนอนจะช่วยให้คุณนอนหลับสนิทตลอดคืนจนถึงเช้าโดยไม่สั่นไหว

ด้วยส่วนผสมล้ำค่าเช่น:

Ginkgo Biloba Phytosome (ฝรั่งเศส) 120มก

LAC TIEN 900mg

VONG NEM 500mg

BINH VOI 450mg

THAO QUYET MINH, TAO NHAN, XUYEN KHUNG, THUC DIA, DUONG QUY,แป้งหัวใจดอกบัว

ด้วยผลลัพธ์ที่ทรงพลังกว่าห้าเท่าด้วยการผสมผสานระหว่างสมุนไพรตะวันตกและตะวันออก SLEEPWELL มี Ginkgo Biloba Phytosome 120mg เข้มข้นสูงสุดในตลาดและสมุนไพรโบราณที่มีเนื้อหาสูงด้วย:

- ลดความเครียด วิตกกังวล: ทำให้จิตใจมั่นคง ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ผ่อนคลายประสาท เมื่ออารมณ์ดีก็จะหลับเร็วขึ้น

- เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง: เลือดจางในสมองทำให้สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ ซึ่งกดระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ปวดศีรษะ วิงเวียน และนอนไม่หลับ

- การควบคุมจังหวะ : สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ความแตกต่างของโซนเวลาเป็นสาเหตุของการรบกวนจังหวะการหลับ-ตื่นของคุณ

การทำงานภายใต้กลไกนี้ SLEEPWELL จะช่วยให้คุณหลับได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอน

Duong Tam An - Dinh Than Ngon Giac ผลิตภายใต้กระบวนการปิดที่โรงงานซึ่งตรงตามมาตรฐาน GMP - WHO

แท็บเล็ตได้รับใบรับรองการจดทะเบียนโดยหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารของกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม และใบรับรองเนื้อหาโฆษณาที่มีหมายเลข 5110/2022/DKSP

กราบขอบพระคุณลูกค้าเนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ A&C Pharma มี 2 โปรแกรมดีๆ สำหรับพี่น้อง
1 กล่อง: 790,000 บาท

2 กล่อง: 1,300,000 บาท

4 กล่อง: 2,200,000 บาท

6 กล่อง: 3,000,000 บาท

หากคุณต้องการวิธีแก้ปัญหาเพื่อช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น อย่าลังเลที่จะติดต่อเราทันทีเพื่อขอคำแนะนำจากเภสัชกร

ที่อยู่

Bangkok Yai
10110

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Sleep Well VietNamผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram