ภาควิชาศัลยกรรมกระดูกและข้อ สถาบันกระดูกและข้อ - TBJI

ภาควิชาศัลยกรรมกระดูกและข้อ สถาบันกระดูกและข้อ - TBJI ช่วยผู้ป่วยนับล้านหลุดพ้นจากความเจ็บปวดของโรคกระดูกและข้อ
ฟื้นฟูกระดูกอ่อนและป้องกันการเสื่อมของข้ออย่างยั่งยืน

🦴 คุณกำลังอยู่กับอาการปวดข้อ ปวดกระดูกใช่ไหม?โปรดอ่านบทความนี้ให้จบ – เพราะมันอาจเป็นความหวังใหม่สำหรับคุณหรือคนที่คุณรั...
07/06/2025

🦴 คุณกำลังอยู่กับอาการปวดข้อ ปวดกระดูกใช่ไหม?
โปรดอ่านบทความนี้ให้จบ – เพราะมันอาจเป็นความหวังใหม่สำหรับคุณหรือคนที่คุณรัก
ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา คุณต้องใช้เวลาสักพักในการ "วอร์ม" เข่า ขยับข้อมือ
หรือพิงผนังเพื่อค่อย ๆ ลุกขึ้นหรือไม่?
ทุกครั้งที่อากาศเปลี่ยน ความปวดเมื่อยก็กลับมาอีกครั้ง
เจ็บลึก ๆ หนึบ ๆ จนคุณแทบไม่อยากขยับตัว?
คุณไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะจากสถิติพบว่า
มากกว่า 70% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี เคยประสบปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อ เช่น
ข้อเสื่อม ปวดหลัง เข่าอักเสบ หรือข้อต่อแห้ง
แม้แต่บางคนอายุเพียง 30 ต้น ๆ ก็เริ่มมีสัญญาณข้อเสื่อมแล้ว
ส่วนใหญ่เกิดจากนั่งนาน ไม่ค่อยเคลื่อนไหว และรับประทานอาหารที่ขาดสารบำรุงข้อ
📌 ความจริงก็คือ:
เมื่อกระดูกอ่อนในข้อถูกทำลาย
กระดูกปลายข้อจะเสียดสีกันโดยตรง
นั่นคือเหตุผลที่คุณรู้สึกปวดเมื่อต้องเดิน ขึ้นบันได หรือเคลื่อนไหวแรง ๆ
หากไม่ดูแลให้ดี อาการปวดข้ออาจเรื้อรัง
นำไปสู่ข้อผิดรูป และการเคลื่อนไหวที่ยากลำบากในอนาคต
💡 ข่าวดีคือ:
จากการวิจัยล่าสุดพบว่า
มีสารอาหารบางชนิดที่สามารถช่วยฟื้นฟูกระดูกอ่อน
และชะลอการเสื่อมของข้อได้ เช่น:
คอลลาเจนชนิดที่ 2 แบบไม่ผ่านความร้อน
กลูโคซามีน คอนดรอยติน และ MSM
วิตามิน D3, K2 และแคลเซียมชีวภาพที่ดูดซึมได้ดี
หากผสมผสานกับการเคลื่อนไหวเบา ๆ เช่น โยคะ เดิน หรือปั่นจักรยานช้า ๆ
รวมถึงการกินอาหารต้านการอักเสบ และดูแลข้ออย่างสม่ำเสมอ
คุณจะสามารถบรรเทาอาการปวดอย่างชัดเจน – และอาจฟื้นฟูความคล่องตัวกลับมาได้อีกครั้ง
❤️ เราพร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ!
นี่คือพื้นที่แบ่งปันความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
เพื่อช่วยให้คุณและคนที่คุณรัก
ดูแลสุขภาพข้อได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน
หากคุณกำลังเผชิญกับ:
ปวดเข่า ปวดไหล่ ปวดหลัง
เดินลำบากเพราะข้ออักเสบ
หรืออยากป้องกันข้อเสื่อมก่อนวัย
👉 กดไลก์เพจ เพื่อรับข้อมูลดี ๆ แบบนี้ทุกวัน – ฟรี แต่มีคุณค่ามาก!
📩 หากคุณต้องการคำแนะนำเฉพาะทางเพิ่มเติม ทักมาได้เลย เรายินดีให้คำปรึกษา

06/06/2025

👨‍⚕️ ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเสื่อม กระดูกงอก หรือหมอนรองกระดูกทับเส้น ควรเสริมโภชนาการจากพืช เพื่อช่วยฟื้นฟูกระดูกอ่อน และลดอาการปวดข้อในระยะยาว

ปัจจุบัน หลายคนเผชิญกับปัญหาเกี่ยวกับข้อและกระดูก เช่น:
🔸 ปวดข้อเข่า ข้อสะโพก หรือกระดูกสันหลังเวลาขยับตัว
🔸 ข้อแข็งตึงในตอนเช้า ลุกนั่งลำบาก
🔸 กระดูกงอก ข้อเสื่อม หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ทำให้รู้สึกชาหรือปวดร้าวตามแขนขา

👉 นอกจากการใช้ยาในการรักษาแล้ว โภชนาการก็มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง

เรามักแนะนำให้ผู้ป่วยเสริมด้วย น้ำนมธัญพืชสูตรเฉพาะสำหรับบำรุงข้อและกระดูก ซึ่งมีสารอาหารสำคัญดังนี้:

✅ แคลเซียมจากพืช ดูดซึมง่าย – ลดความเสี่ยงกระดูกพรุน
✅ กลูโคซามีน และคอลลาเจนชนิดที่ 2 – ฟื้นฟูกระดูกอ่อน เพิ่มความยืดหยุ่นของข้อ
✅ โอเมก้า 3 และวิตามิน D3 – ช่วยลดการอักเสบของข้อ และเสริมการดูดซึมแคลเซียม
✅ ไม่มีแลคโตส – ไม่ทำให้ท้องอืด – เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเบาหวาน

📌 แทนที่จะพึ่งยาแก้ปวดตลอดเวลา หันมาเสริมโภชนาการจากธรรมชาติด้วยน้ำนมธัญพืชสูตรพิเศษ – ปลอดภัย ดื่มได้ทุกวัน

🎁 ขณะนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป

📩 พิมพ์คำว่า “ขอคำแนะนำ” เพื่อรับข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับอาการของคุณ
หรือคลิกปุ่มลงทะเบียนด้านล่าง เพื่อรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
📞 สายด่วนให้คำปรึกษา : 080-7308316

06/06/2025

แค่ทำสิ่งนี้ทุกวัน ข้อต่อและกระดูกของคุณจะแข็งแรงขึ้นทุกวัน

6 แหล่งอาหารบำรุงกระดูกและข้อ เสริม สร้าง ดูแลกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรงสมวัย1. อาหารแคลเซียมสูง เสริมสร้างกระดูกหากพูดถึ...
06/06/2025

6 แหล่งอาหารบำรุงกระดูกและข้อ เสริม สร้าง ดูแลกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรงสมวัย
1. อาหารแคลเซียมสูง เสริมสร้างกระดูก
หากพูดถึงเรื่องกระดูกแน่นอนว่าจะขาดพระเอกอย่างแคลเซียมไปไม่ได้เลย เพราะอาหารที่มีแคลเซียมสูงเป็นหนึ่งในตัวช่วยสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้นได้ อีกทั้งอาหารที่มีแคลเซียมสูงสามารถหารับประทานได้ง่าย ไม่ว่าจะมาจากนม หรือผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งเป็นอาหารที่ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้ง่ายและรวดเร็ว รวมถึงถั่วอัลมอนด์ เต้าหู้อ่อน หรือเต้าหู้แข็งที่ทำจากถั่วเหลือง โยเกิร์ต ปลาตัวเล็กที่กินได้ทั้งตัวและกุ้งแห้ง เป็นต้น

2. แมกนีเซียม เสริมความแข็งแรงของกระดูก
หากแคลเซียมคือพระเอก แมกนีเซียมก็ต้องเป็นคู่หูที่ขาดกันไม่ได้ เพราะทั้งคู่จะคอยช่วยเหลือและแท็กทีมทำหน้าที่ควบคู่กันอยู่เสมอ โดยแคลเซียมจะทำหน้าที่สร้างกระดูก ส่วนแมกนีเซียมก็จะทำหน้าที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกนั่นเอง ดังนั้น นอกจากบำรุงกระดูกด้วยอาหารแคลเซียมสูงแล้ว ควรเสริมอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงอย่างเช่น กล้วย ถั่วเหลือง ดาร์กช็อกโกแลต ควินัว ข้าวกล้อง ผักโขม ฯลฯ เพื่อบำรุงกระดูกและข้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. วิตามินดีช่วยเสริมการดูดซึมของแคลเซียม
สำหรับใครที่สงสัยว่าควรกินวิตามินอะไรบ้างที่สามารถช่วยบำรุงกระดูกได้ จะต้องไม่ลืมวิตามินดี ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยเสริมการทำงานของแคลเซียมให้มีประสิทธิภาพขึ้น โดยช่วยเสริมการดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้เล็กให้เข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น และสำหรับอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดีนั้นมีใน ตับ ไข่แดง ปลาทูน่า ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน รวมถึงการได้รับแสงแดดอ่อนๆ ผ่านผิวหนังในยามเช้าอีกด้วย

4. กรดไขมันโอเมก้า-3 ลดการอักเสบ เสริมสร้างข้อต่อ
กรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันจำเป็นที่สำคัญกับกระดูกไม่น้อย เพราะโอเมก้า-3 นั้นเป็นแหล่งสร้างคอลลาเจน ซึ่งไม่เพียงช่วยเสริมสร้างข้อต่อและกระดูกอ่อนต่างๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยลดอาการปวดหรืออาการอักเสบตามข้อต่อต่างๆ ได้อีกด้วย ที่สำคัญกรดไขมันโอเมก้า-3 ยังสามารถหากินได้ทั่วไป โดยพบได้ในอาหารจำพวกปลาทะเล อย่าง ปลาทู ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน หรือปลาน้ำจืด ปลาเนื้อขาว เป็นต้น

5. วิตามินเค ช่วยบำรุงกระดูก
นอกจากวิตามินดีจะช่วยดูแลสุขภาพกระดูกได้แล้ว ยังมีวิตามินเคที่ช่วยกระตุ้นการจับแคลเซียมกับโปรตีนและช่วยสร้างออสทิโอแคลซิน (Osteocalcin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่เข้ามาช่วยบำรุงและสร้างความแข็งแรงให้กระดูกได้อีกด้วย โดยอาหารบำรุงกระดูกที่มีวิตามินเคนั้นสามารถหาได้ง่าย มีอยู่มากมายในอาหารโดยเฉพาะในผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า ผักโขม ผักกาดเขียว ผักเคล ผักตระกูลกะหล่ำ บรอกโคลี กะหล่ำปลี และอื่นๆ เช่น แครอท อะโวคาโด ถั่วเหลือง ตับวัว น้ำมันตับปลา หรือนัตโตะ เป็นต้น

6. แมงกานีส ทองแดงและซิงค์ ช่วยพัฒนากระดูกและลดการสูญเสียแคลเซียม
สำหรับวิตามินและแร่ธาตุอย่างแมงกานีส ทองแดงและซิงค์ มีส่วนช่วยในพัฒนา เสริมสร้าง ซ่อมแซมกระดูกและลดการสูญเสียแคลเซียม เพื่อรักษาให้กระดูกแข็งแรงอยู่เสมอ ซึ่งอาหารบำรุงกระดูกจำพวกนี้ยังสามารถหากินได้ผ่าน ถั่ว หรือเมล็ดพืช เช่น ถั่วอัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง รวมถึงอาหารอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โยเกิร์ต ไข่ โกโก้ หอยนางรม หอยกาบ หอยแมลงภู่ สาหร่ายสไปรูลินา มันหวาน มันฝรั่ง ฯลฯ

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายมากขึ้น และหลายคนคงมีอาการปวดตามข้อเวลาออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาประเภทที่ต...
06/06/2025

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายมากขึ้น และหลายคนคงมีอาการปวดตามข้อเวลาออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาประเภทที่ต้องกระโดด หรือวิ่งมาก ๆ เป็นเวลานาน และอาจรู้สึกปวดตามข้อ หรือในเวลาที่อากาศเย็นขึ้น

บุคคลประเภทนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่เป็นโรคข้ออักเสบ โรคข้ออักเสบ (Arhritis) เป็นชื่อเรียกโดยรวมของโรคกลุ่มนี้ซึ่งแยกออกมาได้กว่า 200 ชนิดที่พบบ่อยมีอยู่ 2 ชนิด คือ โรคข้อเสื่อมหรือข้ออักเสบเรื้อรัง (Osteoarthritis) และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือปวดข้อรูมาตอยด์ (The Rumatoid Arthritis) ทั้ง 2 ชนิด มีสาเหตุของโรคต่างกันคือ โรคข้อเสื่อม เกิดจากความทรุดโทรมของกระดูกอ่อนที่หุ้มข้อกระดูกค่อย ๆ หายไป ทำให้ข้อกระดูกเสียดสีกันเวลาเคลื่อนไหว จนเกิดอาการข้อยึด ส่งผลให้ปวดบริเวณข้อ โดยเฉพาะเวลาอากาศเย็น

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่สาเหตุที่พบบ่อยคือ เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติ เกิดการทำลายข้อต่อกระดูกของตนเอง และโรคนี่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย โดยเฉพาะช่วยอายุระหว่าง 22 – 55 ปี และเพศหญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคได้มากกว่าเพศชายถึง 3 เท่า ทั้งยังเป็นโรคเรื้อรัง ที่มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ไปตลอด แต่ในผู้ป่วยบางชนิดก็เป็นไปได้เช่นกัน ส่วนผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคข้ออักเสบนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าเกณฑ์ปกติ หรือแม้แต่นักกีฬาที่มีร่างกายแข็งแรงก็มีสิทธิ์เป็นได้นักกรีฑา นักวิ่ง นักกระโดดสูงล้วนอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพราะจำเป็นต้องใช้ข้อต่อต่าง ๆ โดยเฉพาะที่หัวเข่าและข้อเท้ามากเป็นพิเศษ ในการวิ่งหรือกระโดด ทำให้เกิดแรงกดที่ข้อกระดูก เหมือนคนที่มีน้ำหนักมากเช่นกัน

อาหารที่เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคนี้ ส่วนใหญ่แล้วแนะนำให้บริโภคอาหารลักษณะเดียวกับผู้ควบคุมน้ำหนัก ซึ่งเน้นเป็นอาหารไขมันต่ำ และเน้นให้ทานผักผลไม้เป็นหลัก เพราะคนอ้วนหรือคนที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบ แพทย์แนะนำให้พยายามควบคุมน้ำหนัก ควบคู่กับการรักษาโรคด้วยยา โดยเน้นไปที่อาหารกลุ่มธัญพืชที่มีการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง แป้งไม่ขัดขาว และผักใบเขียวต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีน แคลเซียม โดเลต เหล็ก วิตามินซี ควรกินให้ได้ทุกวัน วันละนิดก็ได้ แต่ควรให้รับสม่ำเสมอ นอกจากอาหารควบคุมน้ำหนักต่าง ๆ แล้ว ผู้ป่วยโรคนี้ควรบริโภคปลาที่มีน้ำมันปลาด้วย เพราะมีหลักฐานว่า กรดไขมันโอเมก้า-3 ที่อยู่ในกฎไขมันไม่อิ่มตัวในปลา มีคุณสมบัติยับยั้งการอักเสบของข้อกระดูก จึงแนะนำให้บริโภคเฉลี่ย 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออาจกินในรูปของแคปซูลน้ำมันปลา แต่ต้องกินตามคำแนะนำบนฉลาก ไม่ควรกินเกินกว่าที่กำหนดไว้ นอกจากน้ำมันปลาแล้ว น้ำมันจากดอกอีฟนิ่งพริมโรสก็มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบได้เช่นกัน ก่อนกินควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่า สามารถกินได้หรือไม่ สำหรับอาหารที่ควรพิจารณาเข้าไว้เป็นประจำ ก็คือ

ปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 มาก เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลากระบอก ปลาทู ปลาดุก ปลาช่อน เป็นต้น โดยเฉพาะผู้เป็นโรคข้ออักเสบรูมาดอยด์
ธัญพืชที่ไม่ขัดสีมากนัก เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮสวีด จมูกข้าวสาลี ถั่วต่าง ๆ สำหรับถั่วไม่ควรกินมาก เพราะมีแคลอรี่สูง
ผักผลไม้ เช่น ผักใบเขียวต่าง ๆ กล้วยที่เป็นแหล่งโพแทสเซียม และใยอาหารควรกินอย่างน้อยให้ได้ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แม้กระทั่งขิงก็พบว่ามีสารช่วยลดอาการอักเสบได้เช่นกัน จึงควรกินอย่างน้อย 5 กรัม สัปดาห์ละ 2 ครั้ง รวมไปถึงขึ้นฉ่าย ฝรั่ง หรือเซเลอรีนั้น ก็มีคุณสมบัติเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเสื่อม

ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ควรบริโภคถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้จากน้ำนมถั่วเหลือง เป็นต้น ส่วนอาหารที่ควรงดไปเลย หรือกินเพียงเล็กน้อย คือ อาหารที่ผ่านกรรมวิธีขัดสีจนขาว และอาหารรสเค็มจัด หรือหวานจัด ลดอาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัว เช่น เนย เนยแข็ง น้ำมันมะพร้าว

เข่าเป็นข้อต่อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มักเรียกกันว่าข้อต่อแบบ “บานพับ” เพราะช่วยให้เข่าสามารถงอและเหยียดได้ (งอและเหยียดต...
06/06/2025

เข่าเป็นข้อต่อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มักเรียกกันว่าข้อต่อแบบ “บานพับ” เพราะช่วยให้เข่าสามารถงอและเหยียดได้ (งอและเหยียดตรงเหมือนบานพับประตู)

ปลายกระดูกแต่ละส่วนจะหุ้มด้วยชั้นของกระดูกอ่อนที่เรียบและมันวาว ซึ่งทำหน้าที่รองรับและปกป้องร่างกายในขณะที่เคลื่อนไหวได้แทบไม่มีแรงเสียดทาน นอกจากนี้ ยังมีกระดูกอ่อนชนิดพิเศษที่อยู่ระหว่างผิวข้อต่อของต้นขาและกระดูกหน้าแข้ง เรียกว่าหมอนรองกระดูก กระดูกอ่อนซึ่งไม่มีปลายประสาทหรือแหล่งจ่ายเลือดจะรับสารอาหารจากของเหลวที่อยู่ภายในข้อต่อ เยื่อบุข้อจะล้อมรอบโครงสร้างหัวเข่า ซึ่งผลิตสารหล่อลื่นที่ให้ความชุ่มชื้น หากกระดูกอ่อนได้รับความเสียหาย จะไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้

เส้นใยที่แข็งแรงซึ่งเรียกว่าเอ็น ทำหน้าที่เชื่อมกระดูกข้อเข่าและยึดให้เข้าที่ ช่วยเพิ่มความมั่นคงและความยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อและเอ็นยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงและการเคลื่อนไหวของข้อเข่าอีกด้วย

ที่อยู่

Bangkok Yai

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ภาควิชาศัลยกรรมกระดูกและข้อ สถาบันกระดูกและข้อ - TBJIผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์