บ้านจิตสบาย สถานเรียนรู้สู่ความรู้แจ้งอริยสัจ

13/09/2025

กำหนดการทอดกฐิน วัดสวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม 2568
เวลา 9.00 - 10.00 น.

มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ทางวัดไม่ได้เปิดรับญาติธรรมเข้าร่วมฟังธรรม และร่วมพิธีทอดกฐินในศาลาใหญ่ ในวันทอดกฐิน
2. ไม่มีการส่งการบ้านทาง Zoom ในวันทอดกฐิน
3. งดรับพระอาคันตุกะในวันทอดกฐิน
4. ทาง มูลนิธิสื่อธรรมหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช จัดให้มีการไลฟ์สดการแสดงธรรมของ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช และพิธีทอดกฐิน ในเวลา 9.00 – 10.00 น. ผ่านช่องทาง YouTube: Youtube.com/ และ Facebook: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
5. การร่วมทำบุญทอดกฐิน
สามารถโอนเข้าบัญชีวัดสวนสันติธรรม โดยใช้ QR Code ในภาพได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2568 เวลา 24.00 น. และแจ้งการโอนมาที่
- Inbox message เฟซบุ๊ก มูลนิธิสื่อธรรมหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช หรือ
- Line ID: MediaFoundation
ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ทางวัดจะรวบรวมเฉพาะยอดที่แจ้งมารวมเป็นยอดกฐินของปีนี้
5.1 ในกรณีที่ไม่ต้องการลดหย่อนภาษี สามารถโอนเข้าบัญชี วัดสวนสันติธรรม ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 172-2-56042-4 หรือใช้ QR Code ในภาพที่โพสต์นี้ก็ได้เช่นกัน
5.2 หากต้องการลดหย่อนภาษี กรุณาโอนผ่าน QR Code ในภาพที่โพสต์นี้ และกดยืนยันให้ธนาคารส่งข้อมูลให้สรรพากร เพื่อเข้าระบบ e-Donation ของสรรพากรโดยตรงเท่านั้น

ทางวัดสวนสันติธรรมขออนุโมทนาบุญกับญาติธรรมทุกท่าน และขอขอบคุณที่ให้ความร่วมมือด้วยดีมาโดยตลอด 🙏🪷

12/09/2025

การเตรียมตัวเข้าร่วม การฟังธรรมจาก
คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร
วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2568
เวลา 13.00 – 14.00 น.
(เปิดเช็กอินเข้าสถานที่ 11.30 น.)

⏰ตารางกิจกรรม
เวลา 11.30 – 12.30 น. เช็กอินเข้าร่วมกิจกรรม และเขียนคำถาม
เวลา 12.45 น. ปิดการเข้าออกทางขึ้น ชั้น 2 อาคารเจริญธรรม เพื่อเตรียมพร้อมการรับฟังการแสดงธรรม
เวลา 13.00 – 14.00 น. การแสดงธรรมจาก คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร
(ผู้มาหลังจากเวลา 12.45 น. สามารถฟังธรรมได้ที่ ชั้น 1 อาคารเจริญธรรม)

ขอความร่วมมือ
🔸จอดรถฝั่งเดียวกับบ้านจิตสบายเท่านั้น
🔸แต่งกายสุภาพ ไม่รัด ไม่โป๊ ไม่โปร่งแสง เสื้อควรมีแขนและคอไม่ลึกหรือกว้างจนเกินไป กระโปรงหรือกางเกงยาวกว่าหัวเข่า
🔸ไม่พาเด็กเล็กหรือเด็กที่ไม่สามารถอยู่นิ่งๆ หรือเงียบๆได้ มาฟังธรรม เพราะจะเป็นการรบกวนสมาธิผู้อื่น
🔸ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในสถานที่บ้านจิตสบาย
🔸กรุณางดนำอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีฝาปิดสนิทเข้ามาในศาลาและอาคาร และขอความร่วมมือไม่รับประทานอาหารนอกโรงอาหาร
🔸หากมีอาการตาแดง ไอ คัดจมูก หรือ มีไข้
สามารถแจ้งชื่อยกเลิกกิจกรรมได้ใน Line (มี@)

บ้านจิตสบายขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกผู้เข้าร่วมกิจกรรม 🙏

12/09/2025

📢📢ทีมสาระธรรมขอแจ้งการรับสมัครเข้าร่วมคอร์ส

🪷 เรียนรู้กาย เรียนรู้ใจตนเอง ครั้งที่ 5
(ตามแนวทางการปฏิบัติของหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช)

🌷วิทยากร : คุณมาลี ปาละวงศ์

👉จัดคอร์สระหว่างวันที่ 26-29 พฤศจิกายน 2568

🏠สถานที่ : บ้านจิตสบาย เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร

📌 กรุณาอ่านทำความเข้าใจระเบียบการและคุณสมบัติการรับสมัครผู้เข้าคอร์สให้ชัดเจนก่อนกรอกใบสมัคร

🔎คุณสมบัติของผู้เข้าคอร์ส
1. มีอายุระหว่าง 20 - 75 ปี สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวรุนแรง สามารถช่วยเหลือตัวเองได้�2. ศึกษาและปฏิบัติตามแนวทางของหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี (ทั้งฟังธรรมที่วัด และฟังจากสื่อต่าง ๆ เช่น YouTube, CD) และมีความตั้งใจแน่วแน่ มุ่งมั่นปฏิบัติตามแนวทางของหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช อย่างจริงจัง ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางของครูบาอาจารย์สายอื่น ๆ�3. ฟังธรรมจากหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช อย่างต่อเนื่องทุกวัน ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และตั้งใจฟังอย่างต่อเนื่องจนถึงวันเข้าร่วมคอร์ส�4. เคยเข้าคอร์สธรรมะภาคปฏิบัติ (ที่บ้านจิตสบายหรือมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช) กับคุณมาลี ปาละวงศ์ มาก่อนและเห็นว่าถูกจริตกับคำแนะนำของท่าน�5. ไม่ได้เรียนต่อเนื่องประจำกับผู้ช่วยสอนท่านอื่น�6. เป็นผู้ที่ตั้งใจรักษาศีล 5 และภาวนาทำรูปแบบสม่ำเสมอทุกวันมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน�7. ไม่ได้เข้าร่วมคอร์สที่มีระยะเวลามากกว่า 1 วัน ของคุณมาลีมาอย่างน้อย 1 ปี�8. เข้าคอร์สด้วยความสมัครใจและสามารถพักค้างคืนตลอดเวลา 4 วัน 3 คืน

🔎🔎ระเบียบการสมัคร

1. ลงชื่อได้คนละ 1 ครั้ง หากส่งใบสมัครเกิน 1 ครั้ง ระบบจะตัดชื่อออกโดยอัตโนมัติ

2. รับสมัคร วันที่ 12-21 กันยายน 2568

3. ระบบจะคัดกรองเฉพาะผู้ที่เข้าเกณฑ์ตามระเบียบการรับสมัครเท่านั้น

4. ประกาศรายชื่อผู้ได้รับสิทธิ์เข้าคอร์ส วันที่ 30 กันยายน 2568

5. กรุณากรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน เพื่อไม่ให้พลาดการติดต่อ

6. หากทีมงานติดต่อผู้ได้รับสิทธิ์ไม่ได้ จะมีการจับสลากเพิ่มเติม

👇เมื่อเข้าใจระเบียบและวิธีการสมัครแล้ว กรุณากรอกใบสมัครโดยสแกน QR Code หรือในลิงค์นี้

ลิงก์รับสมัครคอร์สครั้งที่ 5
https://forms.gle/qbaWbduJrXEg2GZR9

#บ้านจิตสบาย #มูลนิธิสื่อธรรมหลวงปู่ปราโมทย์ปาโมชฺโช #หลวงปู่ปราโมทย์ปาโมชฺโช #ตารางสนทนาธรรม คุณมาลี ปาละวงศ์ Sati Khonkaen .com

11/09/2025

การเตรียมตัวเข้าร่วมสนทนาธรรมกับ
อาจารย์สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา
วันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2568
เวลา 12.00 น. ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม
เวลา 13.30 - 15.00 น. สนทนาธรรมกับ
อาจารย์สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา ที่อาคารเจริญธรรม ชั้น 2
📌 จำนวนคำถามขึ้นอยู่กับเวลาและโอกาสที่
อาจารย์สุรวัฒน์สะดวก

ขอความร่วมมือ
🔸จอดรถฝั่งเดียวกับบ้านจิตสบายเท่านั้น
🔸แต่งกายสุภาพ ไม่รัด ไม่โป๊ ไม่โปร่งแสง เสื้อควรมีแขนและคอไม่ลึกหรือกว้างจนเกินไป กระโปรงหรือกางเกงยาวกว่าหัวเข่า
🔸ไม่พาเด็กเล็กหรือเด็กที่ไม่สามารถอยู่นิ่งๆ หรือเงียบๆได้ มาฟังธรรม เพราะจะเป็นการรบกวนสมาธิผู้อื่น
🔸ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในสถานที่บ้านจิตสบาย
🔸กรุณางดนำอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีฝาปิดสนิทเข้ามาในศาลาและอาคาร และขอความร่วมมือไม่รับประทานอาหารนอกโรงอาหาร
🔸หากมีอาการตาแดง ไอ คัดจมูก หรือ มีไข้ ท่านสามารถแจ้งชื่อยกเลิกกิจกรรมได้ใน Line (มี@)

10/09/2025

การแสดงธรรมจาก
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568
เวลา 10.00 – 12.00 น.
(เปิดเช็กอินเข้าสถานที่ 08.00 น.)

📌ตารางกิจกรรม
เวลา 08.00 – 09.45 น. เช็กอินเข้าร่วมกิจกรรม และเขียนคำถาม
เวลา 09.00 น. ร่วมรับชมไลฟ์สด การแสดงธรรมจาก หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช พร้อมกัน
เวลา 09.50 น. ปิดการเข้าออกทางขึ้น ชั้น 2 อาคารเจริญธรรม เพื่อเตรียมพร้อมการรับฟังการแสดงธรรม
เวลา 10.00 – 12.00 น. การแสดงธรรมจาก พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
(ผู้มาหลังจากเวลา 09.50 น. สามารถฟังธรรมได้ที่อาคารเจริญธรรม ชั้น 1)

🔸ท่านสามารถนำปัจจัยเเละไทยธรรม มาวางรวมกันไว้ที่โต๊ะที่จัดเตรียมไว้ เเละทางทีมงานจะนำถวายแด่พระอาจารย์ เพื่อดำเนินการตามเเนวทางของสวนธรรมประสานสุขต่อไป
🔸ขอให้แน่ใจว่ามาฟังธรรมได้ จึงลงทะเบียน เพื่อไม่เป็นการปิดกั้นโอกาสของญาติธรรมท่านอื่น

คุณสมบัติของผู้ส่งการบ้าน
1. ภาวนาในรูปแบบทุกวันไม่เคยขาดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เเละภาวนาในรูปแบบทุกวันต่อเนื่องไปไม่ขาดตามที่ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช สอน
2. ไม่มีโอกาสส่งการบ้านกับท่านผู้ช่วยสอนของหลวงปู่ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

ต้องการลงทะเบียนล่วงหน้า
🔸สามารถเพิ่มเพื่อนใน Line
หรือกดลิงก์ https://lin.ee/pa3cg30
🔸เลือกเมนูคำว่า “ลงทะเบียนกิจกรรม”
🔸หากท่านลงทะเบียนสำเร็จ
จะมีคำว่า “ลงทะเบียนกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว” ปรากฏขึ้น

09/09/2025

ภาพบรรยากาศการแสดงธรรมจาก
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
วันที่ 24 สิงหาคม 2568 ณ บ้านจิตสบาย
🙏ทีมงานบ้านจิตสบาย ขอกราบอนุโมทนา
และกราบขอบพระคุณ พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
ที่เมตตาเดินทางมาแสดงธรรม
🙏ขออนุโมทนากับญาติธรรมที่เดินทางมาฟังธรรม
ทุกท่าน
สามารถรับชมการแสดงธรรมย้อนหลังได้ที่
ลิงก์:https://www.youtube.com/live/SHmlwJ24-rs?si=tygucRze0lHVjqtW

09/09/2025

หลักภาวนาที่สำคัญคือมีสติ

"ดีนะ ตั้งใจภาวนา มาภาวนาครูบาไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรสำคัญเท่ากับธรรมะนะ ตั้งแต่ได้เจอหลวงพ่อ อดทนภาวนามาเรื่อยๆ ภาวนาเนี่ยจริงๆ แล้วเป็นของไม่ได้ยาก คือเปิดเผยอยู่ตลอดเวลา อยู่แค่ว่าเราจะมีจิตใจที่พร้อมที่จะเห็นธรรมะแสดงตัวอยู่หรือเปล่า

เราจะเห็นได้ก็ คือต้อง ‘มีสติ’ สำคัญคือตรงนี้ หลายคนที่ภาวนาแล้วพลาดเนี่ยคือไม่รู้หลักของการภาวนา ได้มาเรียนกับหลวงพ่อทำให้ครูบาเข้าใจในเรื่องของหลักภาวนามากขึ้น จริงๆ หลักการภาวนาไม่ได้ใช่การบังคับกายบังคับใจตัวเองหรอก ไม่ได้ว่าจะต้องทำอะไรที่ยากเกินมนุษย์ทั่วไปนะ เพราะจริงๆ ธรรมะเป็นของธรรมดามากๆ เลย กายเป็นยังไงรู้อย่างที่เขาเป็น จิตใจเป็นยังไงรู้อย่างที่เขาเป็น อาศัยสติคอยรู้ทันไป เราฝึกตรงนี้ ต้องฝึกให้ได้บ่อยๆ เบื้องต้น ‘มีศีล’ ไว้ คนมีศีลใจจะปกติถึงจะภาวนาได้ ถ้าขาดศีลสักตัวเดียวนะ จิตใจจะฟุ้งซ่านหรือไม่ก็เศร้าหมอง ถ้าคนภาวนาไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นว่าศีลสำคัญ เพราะแค่ว่าเราผิดศีลนิดนึงนะ ใจก็จะเศร้าหมองเลย อย่างเช่นเราโกรธคนนั้นคนนี้แล้วเราพูดไม่ดีกับเขา...ใจเราก็จะตกเลย หรือว่าใจเราจะเศร้าหมองเลย...สมาธิจะเสีย ถ้าเราฝึกถูกต้องนะ มันไม่ได้ยากเกินไป

เบื้องต้นมีศีลนี่แหละ ศีลเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เราค่อยๆ ก้าวขึ้นไปเป็นลำดับไป มีศีลปึ๊บเนี่ยเราใช้ ‘สติ’ ค่อยๆ รู้ทันจิตใจเราเอง การรักษาศีลเบื้องต้นที่เราจงใจที่จะรักษาเนี่ย…มันจะไม่ต้องจงใจ มันจะไม่ต้องข่มใจละ เราใช้สติรู้ทันไปเรื่อยๆ รู้ทันกิเลสตัวเราเอง เราก็จะไม่เผลอทำตามกิเลสนะ ส่วนใหญ่ก็ไปโกรธเขาก็ไปว่าเขาอะไรอย่างนี้ เรามีสติรู้ทัน...ใจก็จะไม่หลงไปตามนั้นล่ะ กิเลสดับจากการมีสติเราก็ไม่ต้องไปพูดจาไม่ดี มันก็จะมีศีลอัตโนมัติขึ้นมา เบื้องต้นข่มใจ เบื้องต้นจงใจรักษา แต่พอเราฝึกสติที่หลวงพ่อสอนไว้เนี่ย แค่เรามีสติ...ศีลมันก็มีอัตโนมัติขึ้นมานะ

พอเรามีศีลอัตโนมัติขึ้นมาใจเราเริ่มปกติ เราคอยรู้ทันจิตใจที่หลงไปนะ ใจที่ไม่ตั้งมั่น...เรารู้ทันใจที่มันหลงไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือความคิด หรือใจต่างๆ เรารู้ทันไป...จิตก็จะตั้งมั่นขึ้นมา พอจิตตั้งมั่นขึ้นมา เรามีสมาธิที่ถูกต้องแล้วนะ สมาธิที่ถูกต้องบางคนก็ยังอยู่เฉยๆ ครูบาอาจารย์ก็จะให้เราเจริญปัญญาคือ ‘มาเห็นกายเห็นใจลงไตรลักษณ์’ เบื้องต้นเห็นว่ามันไม่ใช่เรานะ เห็นจิตใจที่มันไม่ใช่เรา ใจเราค่อยๆ เริ่มเดินปัญญาได้ เนี่ยเราฝึกมันไม่ได้ยากเลย มันเปิดเผยอยู่ตลอดเวลา

แต่คนส่วนใหญ่ไปปรุงแต่งจิตใจให้ผิดปกติ ผิดปกติไปก็ไม่สามารถเห็นความจริงของกายของใจได้ มันยากตรงนี้ คนทั่วไปที่มาเรียนธรรมะในประเทศไทยส่วนใหญ่ละเลย ละเลยคืออะไร...ละเลยสติ ส่วนใหญ่จะไปทำแต่รูปแบบ เห็นคอร์สหลายๆ คอร์ส เมื่อก่อนที่เขาเปิดภาวนากันก็จะมีรูปแบบมีหลักสูตร บางครั้งครูบาอาจารย์ท่านไม่อยู่ ของแต่ละที่เขาก็เปิดเทปกันให้เรียนแล้วก็มันไม่มีตัววัดผล ไม่มีตัววัดผลบางคนไปวัดผลในเรื่องของนิมิตก็ผิดทางอีกนะ จริงๆ เราวัดผลที่จิตใจของเราว่าศีลเราดีขึ้นไหม สติเราดีขึ้นไหม สมาธิเราดีขึ้นไหม ปัญญาเรามีมากขึ้นไหม เราวัดจากตรงนี้ แต่บางคนไปวัดที่นิมิต ไปวัดที่ว่าเห็นนู่นเห็นนี่หรือเปล่า ก็เป็นทางของเขาแหละ ก็ดีแบบของเขา

แต่ถ้าเราจะเอาเป็นของทางชาวพุทธจริงๆ นะ เราต้องเห็นว่ากิเลสเรายังมีอยู่เท่าไหร่ กิเลสเราลดละไปเท่าไหร่ อันนี้มันถึงจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นมาได้ แต่ถ้าเราคิดว่าเห็นแต่สิ่งที่เราคิดว่ามันถูก อย่างเช่นนิมิตต่างๆ บางคนก็จะไปวัดที่นิมิตว่าต้องเห็นเทวดา เห็นคนนั้น เห็นคนนี้ อะไรอย่างนี้ เห็นสวรรค์ เห็นนรก อะไรพวกนี้ มันไม่ได้ตอบโจทย์จริงๆ กับการภาวนา เพราะว่าบางครั้งกิเลสเรามากขึ้นต่างหาก จิตใจเราอาจจะมีมานะเพิ่มขึ้น กิเลสเพิ่มขึ้นนะ มันไม่ได้ทำให้จิตใจเราพ้นทุกข์ได้

แก่นของธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ท่านสอนถึง ‘ความบริสุทธิ์หลุดพ้น’ แต่เบื้องต้นที่เราจะมาเข้าถึงคือ ‘เราจะเห็นกายเห็นใจไม่ใช่เรา' อันนี้เป็นสิ่งที่พวกเราต้องภาวนาให้ถึง คือพระโสดาบันนะ อันนี้เราตั้งเป้าตรงนี้ แต่ตั้งเป้าแล้วก็วางไว้เลย แล้วเราก็มาฝึกเจริญสติอย่างที่หลวงพ่อสอน อย่างที่หลวงพ่อสอนครูบานะท่านสอนในเบื้องต้น ท่านสอน ‘ให้รู้สภาวะ’ เบื้องต้นที่เจอท่านนะ ท่านสอนว่า “อ่ะ...เสื้อสีส้ม (ตอนนั้นครูบาใส่เสื้อสีส้ม) เสื้อสีส้มเกร็งไปแล้วนะ” เนี่ยมันมีสภาวะเกร็ง เกร็งมันมีความเกร็งที่ร่างกายกับเกร็งที่จิตใจ ครูบาก็เห็นว่าอ้อ...มันเกร็งอยู่ เบื้องต้นยังเห็นจิตใจไม่ได้หรอก เห็นร่างกายมันเกร็ง กล้ามเนื้อมันเกร็งนะ จิตใจมันสั่นๆ อะไรแค่นั้นแหละ

แล้วพออีกรอบหนึ่ง หมายถึงว่าช่วง 2 ที่ท่านสอน ท่าน...เห็นไหมว่าเสื้อสีส้มเกร็งลดลงท่านบอกอย่างนี้ ครูบาก็ดูสภาวะตรงนั้นน่ะ เบื้องต้นท่านสอนให้ครูบาเห็นสภาวะ คือมีสติรู้ทันสภาวะอย่างที่มันเป็น ท่านนำร่องให้เรียนรู้สภาวะต่างๆ ที่เราเห็นได้ตรงนั้นน่ะ ถ้าเราเห็นสภาวะได้นะ พอเราไปเจริญสติในประจำวัน โลภ โกรธ หลง อะไรพวกนี้เราก็จะพอค่อยๆ เห็นได้ แต่บางคนเห็นจิตใจไม่ได้ เห็นร่างกายไป ดูจิตได้ก็ดูจิต ดูจิตไม่ได้ก็ดูร่างกายไป เราค่อยๆ ฝึกตรงนี้บ่อยๆ

แต่ปัญหาของนักภาวนาคือไปบังคับกายบังคับใจนะ พอครูบาเริ่มเห็นสภาวะได้อย่างที่หลวงพ่อสอนแรกๆ เราก็อยากเห็นบ่อยๆ พออยากเห็นบ่อยๆ ก็ไปบังคับตัวเอง คือไปดูว่า เอ๊ะ...มันเป็นยังไงนะ จิตใจตอนนี้เป็นยังไงนะ คอยไปดู เมื่อก่อนที่หลวงพ่อบอก ดูจนปวดตา ครูบาก็เคยเป็นมาแล้ว คือเราคิดว่าการดู ต้องดูด้วยตา จริงๆ มันใช้ความรู้สึกเอา ตอนแรกเราก็พยายามดูว่า เอ๊ะ...จิตใจตอนนี้เป็นไง ก็พยายามจ้องมัน พอจ้องไปมันก็เพ่ง เพ่งนะมันก็อึดอัดที่กลางอกนะ ครูบาก็เคยเป็นอย่างหลายๆ คนนะ แน่นอยู่ตั้งช่วงหนึ่งเป็นเดือนเลย เป็นปีเลยแหละ แต่อาศัยค่อยๆ ฝึกรู้ทันใจที่มันเพ่งไปเรื่อยๆ พอเรารู้ทันได้บ่อยๆ เนี่ย อาการเพ่งมันค่อยๆ คลายลง บางครั้งพอมันเพ่งปุ๊บใจมันไม่ชอบก็รู้ทันว่าไม่ชอบนะ แล้วเราก็ดูสภาวะไปต่อ พอดูสภาวะไปต่อเรื่อยๆ เราก็เห็นการเพ่ง มันก็เพ่งมากบ้างน้อยบ้าง เราฝึกที่จะรู้ทันสภาวะแบบนี้ไปนะ แล้วก็พอไปนานๆ เราจะเริ่มเห็นความจงใจละ เห็นเบื้องหลังของการเพ่งนะ คือความจงใจ ความจงใจนะเป็นตัวที่จะผลักดันทำให้เราภาวนา มาจงใจภาวนา อันนี้ครูบาก็เริ่มเห็นแล้ว อ๋อ...ใจมันอยาก พอใจมันอยากนะ ความอยากดับ ความ ‘ตัวรู้’ ก็เกิดขึ้นมา

ฝึกที่เราจะรู้ทันสภาวะให้ได้ ไม่ได้ยากเกินความสามารถของพวกเราหรอก ครูบาฝึกตั้งแต่เป็นฆราวาส ฝึกตั้งแต่ตอนที่เป็นนิสิตด้วยซ้ำ ตั้งแต่เรียนกับหลวงพ่ออายุ 22 ปี ท่านสอนให้รู้สภาวะแบบนี้ แล้วก็มีเวลาครูบาก็ไปวัดเรื่อยๆ ช่วงนั้นท่านมาอยู่ที่วัดสวนสันติธรรมเเล้วนะ ตอนนั้นยังเป็นสวนสันติธรรมเฉยๆ อยู่ ยังเป็นสำนักสงฆ์ยังไม่ได้เป็นวัด ก็พยายามเทียวมาเรื่อยๆ เทียวมาทุกอาทิตย์หนึ่ง ครั้งหรือ 2 ครั้ง อะไรอย่างนี้นะ ตอนนั้นท่านสอน 3 วันหรือ 4 วัน ครูบามีโอกาสก็อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งไปกราบท่านนะ ไม่ใช่ส่งการบ้านทุกวันหรอก ทุกครั้งที่ไปบางครั้งไม่ได้ส่งหรอกก็เหมือนฟังธรรมอย่างพวกเรา ตรงฟังไปท่านสอนหรือว่าท่านสอนคนอื่นนะเราก็ค่อยๆ มารู้สภาวะไป พอแค่เห็นหน้าท่านใจเราตื่นเต้น เราตื่นเต้นเราก็รู้ว่าตื่นเต้นนะ บางครั้งเมื่อก่อนที่ไปเรียนเนี่ยท่านส่งไมค์ ท่านให้ส่งไมค์ไปส่งการบ้านทุกคน พอไมค์เริ่มใกล้ให้เข้ามานะตื่นเต้น ตื่นเต้นเหมือนพวกเรานะ พอตื่นเต้นนะใจมันปรุงว่าจะส่งอะไรดีคิดตรงนั้นคิดตรงนี้อะไรอย่างนี้ หรือบางครั้งมันก็เพ่งขึ้นมาก็แค่รู้ทันสภาวะไป

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไมค์ส่งมาเรื่อยๆ ครูบาก็เห็นใจอยากส่งอะไรนะ พอเรามันคิดขึ้นมาเราหลงไปคิดเรารู้ทันใจมันก็ตั้งมั่นขึ้นมา แล้วก็หลงไปอีกแล้วก็รู้ทัน ใจมันก็ตั้งมั่นขึ้นมา พอไมค์มาถึงครูบานะหลวงพ่อบอก “ผ่านไปได้เลย” คือไม่ต้องส่งแล้ว คือเราเห็นสภาวะแล้ว ท่านไม่ต้องบอกอะไรกับครูบาแล้ว เพราะเราเห็นสภาวะตัวของเราเองได้ สำคัญคือตรงนี้ ‘สำคัญคือถ้าเราเห็นสภาวะได้’ เราก็จะภาวนาได้ เห็นสภาวะได้ก็คือจะมีสติได้นั่นแหละ

มันไม่ได้ยากอย่างที่บอก เพราะว่าครูบาฝึกตั้งแต่ตอนที่เป็นฆราวาสนะ แค่รักษาศีล 5 อย่างที่บอกเมื่อกี้นะ ครูบาก็ตั้งใจรักษาศีล เบื้องต้นเรามาภาวนา เรารู้ว่าถ้าจะมาฝึกอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ท่านสอนเรื่องไตรสิกขา หนึ่งคือรักษาศีล เบื้องต้นเราก็จงใจรักษาก่อน ตั้งใจรักษาก่อนนะ ศีล 5 นะเราก็พยายามไม่ผิด แต่เป็นฆราวาสจะรักษาให้มันสมบูรณ์มันยาก อย่างครูบามีนิสัยอย่างหนึ่งคือชอบพูดเล่น ชอบแซวอะไรอย่างนี้ ตอนเป็นฆราวาส เป็นวัยรุ่นนะ เจอเพื่อนก็แซวนู่นแซวนี่ไปตามภาษานะ เราก็จะผิดศีลข้อ 4 ได้ง่าย พอหลวงพ่อท่านสอนว่า “ต้องรักษาศีลนะ” ครูบาก็ไปฝึก ก็ตั้งใจว่าจะไม่แซวอะไรอย่างนี้ แต่มีพลาดไหม...มี เพราะว่าเราชอบพูดเพ้อเจ้อ แซวมันเป็นเพ้อเจ้อ บางครั้งเราไปแซวคนอื่นเขา เขาก็เสียใจหรือบางครั้งเขาก็โกรธเราอะไรอย่างนี้นะ เราทำให้อกุศลเขาเพิ่มขึ้น อันนี้เราก็บาปแล้ว

พอเราเห็นปฏิกิริยาของเขาแล้วว่าเขาไม่ค่อยชอบสิ่งที่เราพูด อะไรอย่างนี้ เราก็รู้ทันใจไป เอ้ย!...ใจเราเศร้าหมองแล้วนะ แล้วเราตั้งใจว่าเราจะไม่ทำอีกนะ เบื้องต้นก็ตั้งใจไปก่อน แต่พอหลังๆ เรามา ‘เจริญสติ’ เจริญสติเนี่ยเราเห็นใจที่อยาก อยากพูดนะ เห็นใจที่มันอยากพูด เห็นคนนะแล้วเราแบบขอแซวหน่อย เห็นใจมันอยาก ความอยากมันดับ ตัวรู้ก็เกิดขึ้นมา มันไม่พูดแล้วนะ จำเป็นต้องพูดตามภาษาเพื่อนอะไรอย่างนี้ ก็พูดไปแต่เราไม่ได้พูดด้วยความคะนองแล้วนะ สมควรพูดก็พูด ไม่อย่างนั้นเขาคิดว่าเราจะเป็นพวกเครียดไปหรือเปล่าอะไรแบบนี้ พวกเข้าวัดอะไรอย่างนี้ ครูบาเข้าวัดก็จริงนะ แต่คนไม่ได้รู้สึกว่าครูบาเข้าวัดเท่าไหร่เพราะนิสัยเป็นคนขี้เล่นนะ เป็นคนที่ขี้เล่นแต่รักษาศีล

ตอนเรียนตอนนั้นอายุ 22 ปี มันเพิ่งเข้ามหาลัยนะ คณะสัตวแพทย์จุฬาฯ มันเพิ่งเข้า ครูบาเพิ่งเข้าไปประมาณ 3 ปี คือพวกเพื่อนๆ พวกรุ่นพี่เขาก็จะกินเหล้ากัน ช่วงแรกๆ ก็มีกิน แต่น้อยครั้งนับครั้งได้ แต่พอเรียนกับหลวงพ่อปุ๊บ ครูบาก็ตั้งใจละข้อ 5 นะจะไม่เอา เพราะว่าเราเห็นโทษ เคยกินเคยดื่มแล้ว มันรู้สึกว่าเราดื่มมันทำไมอะไรอย่างนี้ เพราะว่าตื่นขึ้นมาแล้วมันมึน มันมึนมันเบลอ แล้วเรารู้สึกว่า...เนี่ยเราต้องไปเสียเวลากินด้วย เสียเงินด้วย แล้วก็เสียสุขภาพตัวเอง ครูบาก็เลยเลิก ตั้งใจเลิกก่อนเจอหลวงพ่อด้วยซ้ำแต่พอมาเจอหลวงพ่อเราก็ตั้งใจมากขึ้น อย่างเพื่อนชวนไปเที่ยวไปอะไรอย่างนี้ก็ไม่ไป

เหมือนคนเข้าวัดนะรักษาศีลแต่ไม่ได้เคร่งเครียด แต่เรารู้ว่างานกรรมฐานมันเป็นงานของใจ งานของใจเราภาวนาได้ในชีวิตประจำวันนี้เลย ตอนที่ครูบาภาวนานะเพื่อนๆ ไม่รู้หรอกว่าครูบาภาวนา เขาก็คิดว่าก็เป็นเหมือนคนทั่วไปนี่แหละนะ มีกิเลสแต่เราก็ค่อยๆ รู้ทัน ตั้งแต่ตอนเรียนเราเห็นสภาวะได้เรื่อยๆ ตั้งแต่ตื่นนะ ไปเรียน เจอเพื่อน เจออาจารย์ ใจเป็นอย่างไรครูบาค่อยๆ เรียนรู้ตรงนี้ รู้ใจเราเรื่อยๆ ฝึกที่จะรู้ใจไปมันก็ค่อยๆ เห็นได้มากขึ้น จากเดิมที่นานๆ จะเห็นทีหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นนะมันเห็นจากใจที่มันหลงไปคิดก่อน หลงไปคิดเพราะครูบาคิดเก่ง เป็นพวกที่ชอบฟุ้งซ่านนั่นแหละ ฟุ้งซ่านมากมันก็คิดเยอะ พอคิดเยอะมันก็ไม่อยู่กับกายกับใจแต่เราอาศัยสิ่งที่เรามีคือใจที่มันหลงไปคิดนะ คอยรู้ทันตรงนี้บ่อยๆ บางครั้งมันรู้ทันจิตไม่ได้ก็มารู้ร่างกายเดินไป อย่างที่หลวงพ่อสอนว่า “ดูจิตได้ดูจิต ดูจิตไม่ได้ดูร่างกาย ทำอะไรไม่ถูก ทำความสงบไว้” คือทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง แล้วคอยรู้ทันจิตใจ ช่วงนั้นน่ะครูบาสนใจกับจิตใจตัวเองเยอะ ก็คอยสังเกตจิตใจตัวเองว่าตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงยังไง แต่ไม่ใช่มาจ้องนะ คือให้มันเกิดขึ้นก่อนแล้วมันค่อยๆ รู้ทัน แต่ช่วงไหนที่เราอยากจะเห็นบ่อยๆ มันก็จงใจไปเพ่ง ธรรมดานะ เหมือนพวกเราหลายๆ คนมันก็มีเพ่งบ้าง เผลอบ้างเป็นธรรมดา

บางคนเพ่งนานหน่อยเพราะว่ายังคิดว่าการภาวนาเนี่ยมันจะต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ครูบาก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ช่วงแรกๆ ของการภาวนา เราเห็นว่าต้องทำกรรมฐานใช่ไหม เราก็ต้องแบบไปเค้นจิตอ่ะ บางครั้งก็ไปเค้นจิตไปจงใจดูจิต มันก็สุดโต่งเหมือนกันแหละ แต่ค่อยๆ อาศัยสติ รู้ทันไปเรื่อยๆ มันค่อยๆ คลาย ค่อยๆ คลายออกนะ ดังนั้นพวกเราก็ค่อยๆ ทำไป ไม่ได้ต้องลำบากยากเย็นอะไร แล้วก็พอมีเวลาทำในรูปแบบทุกวัน"

พระธนุสรณ์ จิรสรโณ (ครูบาม่อน)
วัดสวนสันติธรรม จังหวัดชลบุรี
1 กันยายน 2567
ณ บ้านจิตสบาย

©️มูลนิธิสื่อธรรมหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช

ที่มาคลิป: https://youtu.be/RQqeJHH0qHc

หรือติดตามได้ที่: https://jitsabuy.com/articles/tns/

#หลักภาวนาที่สำคัญคือมีสติ #หลักของการภาวนา #มีสติ #ครูบาม่อน #หลวงพ่อปราโมทย์ปาโมชฺโช #หลวงพ่อปราโมทย์ #พระธนุสรณ์จิรสรโณ #พระธนุสรณ์ #หลวงปู่ปราโมทย์ปาโมชฺโช #หลวงปู่ปราโมทย์ #รู้ทันสภาวะ #ธรรมะเป็นของธรรมดา #กายเป็นยังไงรู้อย่างที่เป็น #จิตใจเป็นยังไงรู้อย่างที่เขาเป็น #สติคอยรู้ทัน #มีศีล #รู้ทันกิเลส #ศีลอัตโนมัติ #จิตตั้งมั่น #สมาธิที่ถูกต้อง #เจริญปัญญา #รู้ทันจิต #เห็นกายเห็นใจลงไตรลักษณ์ #เห็นกายเห็นใจไม่ใช่เรา #ความบริสุทธิ์หลุดพ้น #กรรมฐาน #บ้านจิตสบาย

ดีนะ ตั้งใจภาวนา มาภาวนาครูบาไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรสำคัญเท่ากับธรรมะนะ ตั้งแต่ได้เจอหลวงพ่อ อดทนภาวนามา.....

08/09/2025

ประกาศยกเลิกกิจกรรม
ธรรมะภาคปฏิบัติกับ คุณมาลี ปาละวงศ์ (ครั้งที่ 25)
และ กิจกรรมผู้ร่วมรับฟัง จำนวน 80 ท่าน
ธรรมะภาคปฏิบัติกับคุณมาลี ปาละวงศ์ (ครั้งที่ 25)
วันเสาร์ที่ 27 กันยายน 2568
ณ บ้านจิตสบาย

ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้
🔸ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมครั้งต่อไปได้ที่เฟซบุ๊ก (Facebook) บ้านจิตสบาย สถานเรียนรู้สู่ความรู้แจ้งอริยสัจ หรือไลน์

08/09/2025

นักภาวนาคือคนมีสติ

"ตอนไหนที่เราจะคิดถึงการภาวนา
เราก็จะปรุงแต่งให้มันนิ่ง ๆ
เพราะคิดว่านักภาวนาจะต้องนิ่ง ๆ
อันนี้ไม่ใช่หรอก

นักภาวนานะ เป็นไปตามจริตนิสัยแต่ ‘มีสติ’ เฉย ๆ
บางคนก็อาจจะไม่ได้เรียบร้อย แต่ก็มีสติได้
เราไม่ต้องปรุงแต่งจิตของเราให้มันนิ่ง ๆ
ถึงจะเป็นนักภาวนา ไม่ใช่นะ อันนั้นเป็นส่วนเกิน
เราคอยรู้ทันไป ถ้าเราทำอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ
กิเลสมันจะถูกทับถมไว้
พอเราปล่อยจากคลายจากความนิ่ง
กิเลสมันจะแรงขึ้นอีก เราไปรู้ทันเอา"

พระธนุสรณ์ จิรสรโณ (ครูบาม่อน)
วัดสวนสันติธรรม จังหวัดชลบุรี
3 ธันวาคม 2566
ณ บ้านจิตสบาย

©️ มูลนิธิสื่อธรรมหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช

ที่มา: https://youtube.com/shorts/T9TYdWorF9c
ที่มาคลิปเต็ม: https://www.youtube.com/live/OBegUSmGR88?si=3hHcykUElsX0F0xX

หรือติดตามได้ที่: https://jitsabuy.com/articles/tns/

#นักภาวนาคือคนมีสติ #ปรุงแต่งให้นิ่ง #ครูบาม่อน #พระธนุสรณ์จิรสรโณ #พระธนุสรณ์ #ตามจริตนิสัย #มีสติ #ไม่ต้องปรุงเเต่ง #เราคอยรู้ทันไป #กิเลสมันจะถูกทับถม #การเจริญสติ #รู้ทัน #บ้านจิตสบาย

ตอนไหนที่เราจะคิดถึงการภาวนา เราก็จะปรุงแต่งให้มันนิ่งๆ เพราะคิดว่านักภาวนาจะต้องนิ่งๆ อันนี้ไม่ใช่หรอ...

07/09/2025

การแสดงธรรมจาก หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ณ บ้านจิตสบาย
วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2568

🙏ทีมงานบ้านจิตสบาย ขอกราบอนุโมทนาและกราบขอบพระคุณ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ที่เมตตาเดินทางมาแสดงธรรม
🙏ขออนุโมทนากับญาติธรรมที่เดินทางมาฟังธรรมทุกท่าน

สามารถรับชมการแสดงธรรมย้อนหลังได้ที่
ลิงก์: https://youtu.be/haDYpBoxDJw?si=OJ3zUvfrFqY1Nrok
©️ มูลนิธิสื่อธรรมหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช

การจำแนกขันธ์ 5หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโชวัดสวนสันติธรรม จังหวัดชลบุรี17 สิงหาคม 2568ณ บ้านจิตสบาย©มูลนิธิสื่อธ...

05/09/2025

📢 ประกาศ
บ้านจิตสบายขอปิดการให้บริการ 1 วัน
ในวันที่ 12 กันยายน 2568
เนื่องด้วยมีความจำเป็นในการใช้สถานที่เพื่อจัดคอร์สปฏิบัติธรรม
และจะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 13 กันยายน 2568
บ้านจิตสบายขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ 🙏
------------------
ท่านสามารถติอต่อบ้านจิตสบายได้ที่
Line (มี@)

05/09/2025

การแสดงธรรมจาก
คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร
วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2568
เวลา 13.00 – 14.00 น.
(เปิดเช็กอินเข้าสถานที่ 11.30 น.)

⏰ตารางกิจกรรม
เวลา 11.30 – 12.30 น. เช็กอินเข้าร่วมกิจกรรม
และเขียนคำถาม
เวลา 12.45 น. ปิดการเข้าออกทางขึ้นชั้น 2 อาคารเจริญธรรม เพื่อเตรียมพร้อมการรับฟังการแสดงธรรม
เวลา 13.00 – 14.00 น. การแสดงธรรมจาก
คุณแม่ชีอรนุช สันตยากร
(ผู้มาหลังจากเวลา 12.45 น. สามารถฟังธรรมได้ที่อาคารเจริญธรรม ชั้น 1)

📌ท่านสามารถนำปัจจัยเเละไทยธรรม มาวางรวมกันไว้ที่โต๊ะที่จัดเตรียมไว้ เเละทางทีมงานจะนำถวาย คุณแม่ชีอรนุช เพื่อดำเนินการตามเเนวทางของวัดสวนสันติธรรมต่อไป
📌ขอให้แน่ใจว่ามาฟังธรรมได้ จึงลงทะเบียน เพื่อไม่เป็นการปิดกั้นโอกาสของญาติธรรมท่านอื่น

คุณสมบัติของผู้ส่งการบ้าน
1. ภาวนาในรูปแบบทุกวันไม่เคยขาดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เเละภาวนาในรูปแบบทุกวันต่อเนื่องไปไม่ขาดตามที่ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช สอน
2. ไม่มีโอกาสส่งการบ้านกับท่านผู้ช่วยสอนของ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

ต้องการลงทะเบียนล่วงหน้า
🔸สามารถเพิ่มเพื่อนใน Line
หรือกดลิงก์ https://lin.ee/pa3cg30
🔸เลือกเมนูคำว่า “ลงทะเบียนกิจกรรม”
🔸หากท่านลงทะเบียนสำเร็จ
จะมีคำว่า “ลงทะเบียนกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว” ปรากฏขึ้น