MasterPeace "Meet & Embrace Your True Self"
Counseling & Psychological Services

เมื่อครั้งตอนเป็นเด็กที่เริ่มจำได้ว่าพ่อแม่อายุเท่าไหร่ จำได้ไหมว่าตัวเลขอายุเหล่านั้นช่างดูเป็นวัยแห่งความเป็นผู้ใหญ่เส...
14/07/2025

เมื่อครั้งตอนเป็นเด็กที่เริ่มจำได้ว่าพ่อแม่อายุเท่าไหร่ จำได้ไหมว่าตัวเลขอายุเหล่านั้นช่างดูเป็นวัยแห่งความเป็นผู้ใหญ่เสียเหลือเกิน 🌅
แต่รู้ตัวอีกที ตอนนี้เราก็อายุเท่าพวกเขาเสียแล้ว รู้ตัวอีกทีเราก็ก้าวเข้าสู่ “วัย” ที่เราเคยคิดว่าควรทำสิ่งต่างๆ นานา แต่กลายเป็นว่าเมื่อถึงตัวเลขอายุเท่านั้นจริงๆ หลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป รวมถึงมุมมองของเราเองด้วยที่มีต่อตัวเลขอายุ ⏳
ความเปลี่ยนผ่านตรงนี้เอง ที่วันนี้เราอยากชวน 4 ผู้คนมาลองสำรวจตัวเองกัน ว่าเมื่อครั้งอดีต พวกเขาเคยคิดถึงพ่อแม่ที่อายุเท่ากับตัวเองตอนนี้ว่าอย่างไรบ้าง และพอตัวเองเดินทางมาถึงอายุดังกล่าวจริงๆ พวกเขาค้นพบความแตกต่างของมุมมองบ้างไหม และอย่างไร
ในวันที่แก่เท่า มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง? รับฟังพวกเขาได้ในโพสต์นี้ : ) 💭
เรื่อง : ฆฤณ ถนอมกิตติ
ภาพ : พนิดา มีเดช
___________________

🍁 สำหรับใครที่อยากสัมผัสและตระหนักถึง “วัยอันควร” ผ่านประสบการณ์แบบ Immersive Experience นิทรรศการ ‘ก่อนถึงวัยอันควร - Coming of Aging’ จะพาทุกคนออกเดินทางผ่านฤดูแห่งวัยสูงอายุเพื่อให้ได้เข้าใจ เตรียมใจ และไม่กลัวหากวันหนึ่งเราเองจะแก่ชรา โดยด้านในงานมีประสบการณ์ทั้งหมด 3 โซนให้เราฟัง ดู และคิดหาคำตอบด้วยตัวเอง
📌 งานเปิดให้เข้าชมฟรี ลงทะเบียนได้ที่หน้างาน นับถอยหลัง 3 วันสุดท้าย ถึงวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ณ River City Bangkok ชั้น 2 สอบถามหรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Eyedropper Fill และ River City Bangkok
#ก่อนถึงวัยอันควร

ผ่านพ้นไปแล้วกับงานที่รวมเอากิจกรรมที่ทั้งได้สำรวจใจและผ่อนคลายตัวเอง สร้าง mindfulness ให้เกิดขึ้นในใจเรา อย่าง neera m...
09/07/2025

ผ่านพ้นไปแล้วกับงานที่รวมเอากิจกรรมที่ทั้งได้สำรวจใจและผ่อนคลายตัวเอง สร้าง mindfulness ให้เกิดขึ้นในใจเรา อย่าง neera mindful connections หรือ nmc'25 ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 - 29 มิถุนายนที่ผ่านมาค่ะ 🌿🪷
MasterPeace ได้ร่วมจัดกิจกรรมแทบจะตลอดช่วงเวลาที่พักอยู่ที่ neera retreat hotel กันเลยทีเดียวค่ะ ❤
✍🏼 เริ่มด้วยเวิร์กช็อป Expressive Writing : Reminder for Your Soul ที่ชวนกันเข้าใจหลักการเขียนสะท้อนความคิดความรู้สึก ก่อนจะนำข้อความที่มาจากภายในมาสร้างกรอบรูป Reminder แบบง่ายๆ เพื่อย้ำเตือนถึงพลังที่เรามีภายใน 🌅
📚 ต่อด้วย Book Talk ในหัวข้อ Self-compassion กับ Bloom your inspiration ที่เราได้พูดคุยกันสบายๆ และป้ายยาหนังสือดีต่อใจของแต่ละคน แม้แต่ทีม MasterPeace เองก็ได้ชื่อหนังสือให้ไปตามอ่านต่อเหมือนกัน!
🎬 ส่วนช่วงกลางคืนก็กลายเป็นค่ำคืนอบอุ่นใจ เมื่อเราได้ล้อมวงดูหนังเรื่อง A Dog's Purpose แล้วสรุปสิ่งที่ได้ตกตะกอนกันสั้นๆ ก่อนแยกย้ายเข้านอน คนจัดก็ติดใจบรรยากาศนี้เช่นกัน ไว้เราหาจังหวะมาเจอกันแบบนี้อีกนะคะ 🌝
💕 สุดท้ายเราได้ชวนคุยและสนทนากับคุณมะเฟืองจาก Beautiful Madness by Mafuang และคุณซันจู ผู้ก่อตั้ง Sati ในทอล์ก 'Healthy Relation เคียงข้างกันอย่างไรในวันที่ใจไม่ไหว' ระหว่างทางฝนก็ตกหนักลงมา ก่อนจะค่อยๆ ซาลงจนกลายเป็นความผ่อนคลายและโปร่งโล่งใจในยามเย็น ก่อนปิดจบเทศกาล 🌼
นอกจากจะอิ่มหนำกับอาหาร นอนเต็มอิ่มกับที่พัก เติมใจผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ งานนี้เป็นอีกความหวังที่ทำให้เราได้รู้ว่ายังมีผู้คนมากมายอยู่บนเส้นทางเดียวกัน เส้นทางแห่งการเรียนรู้ ดูแลใจกาย เป็นเพื่อนกับตัวเองอย่างมีสติ เห็นแบบนี้แล้วความอุ่นใจก็บังเกิด 🙂
ชาร์จพลังช่วงครึ่งปีกันไปเรียบร้อย หวังว่าครึ่งปีหลังจากนี้เราจะก้าวต่อกันแบบ mindful นะคะ ขอบคุณโรงแรม neera retreat สำหรับโอกาสและมิตรภาพ รวมถึงขอบคุณทีมงานทุกคนที่ดูแลและจัดงานนี้ให้เกิดขึ้นค่ะ
📌 และสำหรับใครหรือองค์กรไหนที่สนใจกิจกรรมลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเวิร์กช็อป วงคุย วงเสวนา ที่มีนักจิตวิทยาร่วมวงหรือรันกิจกรรม สามารถติดต่อเข้ามาสอบถามกันที่กล่องข้อความ หรือที่อีเมล contact@masterpeacemindcare.co ได้เลยนะคะ 🫶🏼
🙏🏼 ขอบคุณภาพจาก neera retreat hotel



ถ้าได้หายใจในความขจี ลมหายใจของคุณนี้จะสดชื่นขึ้นบ้างไหม?   [ 🌿 Giveaway! บัตรเข้างานนิทรรศการพื้นที่เชิงบำบัด ‘พาใจกลับ...
04/07/2025

ถ้าได้หายใจในความขจี ลมหายใจของคุณนี้จะสดชื่นขึ้นบ้างไหม?
[ 🌿 Giveaway! บัตรเข้างานนิทรรศการพื้นที่เชิงบำบัด ‘พาใจกลับบ้าน' เลื่อนลงไปอ่านกติกาด้านล่างกันนะ : ) ]
อยากให้แถวบ้านมีสวนสาธารณะไหมคะ? ถ้านี่เป็นงานวิจัย คงมีบรรทัดเล็ก ๆ ให้คุณเติมคำตอบ แต่นี่เป็นเพียงบทความ ดังนั้นคุณตอบพวกเราในใจก็แล้วกัน ถ้าตอบว่าใช่ บทความนี้เป็นของคุณ ถ้าตอบว่าไม่ บทความนี้ก็ยิ่งเป็นของคุณค่ะ
สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับความเจริญคือเขม่าควันที่มากขึ้นและธรรมชาติที่น้อยลง และกรุงเทพเมืองเทพสร้างที่แรงงานเดินกันขวักไขว่ ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของประโยคนี้ คนทำงานตัวจ้อย ลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบกับเพดานห้อง เริ่มวันก็ขึ้นเดินทางกลางความอึกทึก และนั่งจ่อมอยู่ในออฟฟิศกลางมหานครคอนกรีต
พวกเราอยากจะชวนคุณฝันไปด้วยกันสักครู่ ลองจินตนาการถึงเงาไม้สูงเหนือศีรษะ เสียงใบไม้เสียดสีกัน เสียงนกแว่วมาจากทางซ้าย เสียงน้ำไหลมาจากทางขวา เห็นดอกไม้สีสดใสที่ปรายตา ทุกย่างก้าวที่คุณเดินไป มีสีเขียวรายล้อม มีลมเย็นทักทาย แล้วคุณช่วยตอบกันในใจอีกหนหนึ่ง ว่าเมื่อเทียบกับตึกระฟ้าทั้งหลาย ภาพเหล่านี้ทำให้คุณสงบขึ้นหรือไม่ เพราะสำหรับบางคนแล้วนั้น นั่นคือสวรรค์ค่ะ
ในปี 2567 ในคนกรุงเทพ 4-5 แสนคนที่ได้รับการตรวจสุขภาพจิตมี 10% ที่มีภาวะความเครียดในระดับน้อยจนถึงมาก บางคนอาจจะมองว่าเรื่องเหล่านี้มาจากระดับปัจเจก แต่หากว่ากันในมุมของจิตนิเวศน์ (Ecological Psychology) แล้วสิ่งเหล่านี้อาจมีส่วนมาจากสิ่งแวดล้อมที่แยกกันไม่ขาดจากมนุษย์เรา ฉะนั้นบางทีการที่ชาวเมืองเครียด อาจไม่ได้มาจากภาระงาน การเมือง และหนี้สินอย่างเดียว แต่เป็นเพราะความสัมพันธ์ที่เรามีต่อละแวกบ้าน ความที่หันไปที่ไหนก็เจอแต่ตึกแต่ห้าง ความที่ที่พักผ่อนหย่อนใจในในกรุงเทพมีน้อยนิดเหลือเกิน แล้วจะแก้ได้อย่างไรกันนะ นอกจากการสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิต และโชคดีที่มีงานวิจัยหลายฉบับที่ชี้ว่าพื้นที่สีเขียวสามารถช่วยในจุดนี้ได้
ในฝั่งตะวันตกมีวิธีการบำบัดแบบหนึ่งที่เรียกว่าการสั่งจ่ายยาด้วยกิจกรรมทางสังคม (Social Prescribing) ซึ่งเป็นวิธีการบำบัดแบบพึ่งพาชุมชน ที่จะเน้นเชื่อมโยงคนไข้ที่มีปัญหาด้านกายใจเข้ากับกลุ่มคนและกิจกรรมที่จะช่วยเติมเต็มความต้องการทางสังคมและอารมณ์ เช่น กิจกรรมจิตอาสา กลุ่มทำงานศิลปะ ทำสวน หรือทำอาหาร รวมไปถึงการสนับสนุนให้คนไข้ใช้ชีวิตที่ถูกสุขอนามัยมากขึ้น
โดยหนึ่งในวิธีที่เริ่มแพร่หลายในระยะหลังนี้คือการจ่ายยาด้วยธรรมชาติ (Green Social Prescribing) โดยหมอจะให้ผู้ป่วยไปใช้เวลาในพื้นที่สีเขียว ทำสวน ทำไร่ หรือมีปฎิสัมพันธ์กับสัตว์ แต่ที่สำคัญคือ ควรจะเป็นพื้นที่ที่ “ใกล้บ้าน” โดยเจ้าการจ่ายธรรมชาตินี้ถูกพบว่าช่วยเสริมสร้างเครือข่ายทางชุมชนให้คนไข้ เพิ่มสุขภาวะ ลดความเครียดและอารมณ์เศร้าซึมได้ แต่พูดแบบนี้คุณอาจไม่เชื่อ พวกเราเลยจะขอเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง อาจวิชาการเสียหน่อย แต่อยากให้คุณได้เข้าใจ
มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายความเกี่ยวข้องระหว่างธรรมชาติกับใจเรา บ้างบอกว่ามันช่วยเพิ่มความเพลิดเพลิน (Hedonic happiness) บ้างก็บอกว่ามันช่วยปรับการทำงานของระบบสมองส่วนหน้าที่ใช้ควบคุมอารมณ์ หรือลดความเหนื่อยล้าทางจิตใจ เติมเต็มทรัพยากรทางสมองที่เราใช้ไปกับกิจกรรมชวนเหนื่อยหน่ายระหว่างวัน บ้างก็เสนอว่าเราอาจจะมีความชอบในธรรมชาติแต่กำเนิดเพราะบรรพบุรุษเราอยู่ในป่า
แต่ที่ถูกยกมากล่าวถึงบ่อยเป็นพิเศษ คือทฤษฎีที่ว่ามันช่วยเพิ่มความรู้สึกเชื่อมโยงที่เรามีต่อธรรมชาติ (Nature Connectedness) โดยเจ้าสิ่งนี้จะไปเพิ่มสุขภาวะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความผูกพันที่เรามีต่อพื้นที่นั้น ๆ (Place Attachment)
ยิ่งผูกพันมากเท่าไหร่ สมองก็ยิ่งหลั่งสารแห่งความผ่อนคลาย (Oxytocin) ที่มักจะถูกหลั่งออกมาในที่ที่เรามองว่าสวยและปลอดภัย ออกมามากเท่านั้น ยิ่งผูกพันมากเท่าไหร่ เรายิ่งรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติ นำไปสู่สุขภาวะที่ดีขึ้นในที่สุด ซึ่งจะมีที่ไหนที่เราผูกพันได้มากกว่าพื้นที่ที่เราไปได้บ่อย ๆ นอกจากนี้ความเข้าถึงง่ายของมันจะส่งผลถึงความรู้สึกเป็นอิสระที่เราได้รับ และเป็นที่หลบภัยฉุกเฉินที่สงบและสันโดษให้คนเครียดๆ ได้เอาตัวเองออกจากงานและบ้านมาพักอย่างเร่งด่วนอีกด้วย
งานวิจัยในต่างประเทศมากมายก็ออกมายืนยันถึงผลดีของธรรมชาติ อย่างเช่นในอังกฤษ ได้มีการพบว่าประชากรที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติในรูปแบบใดก็ตามเป็นเวลา 120 นาทีต่อสัปดาห์มีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี และสำหรับกลุ่มที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตนั้น หากได้มีกิจกรรมทางธรรมชาติต่อเนื่องกัน 5 - 8 สัปดาห์ก็จะช่วยลดอาการของโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลได้
ที่ Walsall ก็นับการเข้าถึงธรรมชาติเป็นทั้งตัวชี้วัดและแนวทางในการส่งเสริมสุขภาวะในรายงานสาธารณสุขประจำปีของเมือง และในอังกฤษก็มีศูนย์ที่เปิดเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่สีเขียวและคนในชุมชน ว่ามันช่วยเรื่องสุขภาวะจริงหรือไม่ และให้โอกาสชาวบ้านได้เข้ามามีส่วนร่วมในพื้นที่ของตน ที่ประสบความสำเร็จแล้วมากถึงเจ็ดจุด
บริษัทประกันชีวิตในสหรัฐอเมริกาก็เริ่มลงทุนกับการจ่ายยาด้วยธรรมชาติมากขึ้น ในเยอรมันนีเองก็มีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยทีมนักวิจัยให้ผู้ป่วยเข้าร่วมโปรแกรมการบำบัดด้วยธรรมชาติควบคู่ไปกับโปรแกรมมาตรฐานอื่นๆ โดยการบำบัดจะจัดขึ้นสามครั้งต่อสัปดาห์ หนละหนึ่งชั่วโมง ในสวนที่เดินเพียง 150 เมตรจากเรือนนอนผู้ป่วย โดยผู้ป่วยจะได้เดินรอบ ๆ กับกลุ่ม พูดคุยแลกเปลี่ยน ทำสวนรวมกันและเรียบรู้เกี่ยวกับธรรมชาติในบริเวณ ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยได้มีปฎิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เสริมสร้างความผูกพันต่อสังคม สถานที่ และธรรมชาติ ได้พิจารณาว่าการเติบใหญ่ของต้นไม้ก็เหมือนการเติบใหญ่ทางจิตใจ ที่ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลง ฝ่าฟันอุปสรรค และถึงจะเคยโรยในหน้าหนาว ก็ยังผลิบานใหม่ได้เมื่อถึงหน้าร้อน
โดยรวมแล้วการจ่ายยาด้วยธรรมชาตินี้อาจเป็นที่กิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับผู้ป่วยระหว่างที่รอคิวนัดยาว ๆ เพื่อเข้ารับบำบัด หรือเครื่องมือติดชุมชนในยุคที่ความต้องการทางด้านจิตใจสูงกว่าความสามารถที่ระบบจะรับมือได้ทันท่วงที
คุณว่าในกรุงเทพมีที่แบบนั้นหรือยังคะ ต้นไม้ริมทางก็ร่อยหรอ ถึงจะมีสวนสาธารณะดี ๆ อยู่บ้างแต่ก็ต้องนั่งรถไฟฟ้าไปหา ต้องแต่งตัว ต้องหอบสัมภาระออกไป ซึ่งสำหรับบางคนแล้วอาจจะไม่ได้ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายขนาดนั้น
แล้วก็นอกเหนือจากผลของงานวิจัยทั้งหลายที่เล่าไป บางทีการมีสวนสาธารณะดี ๆ ใกล้บ้าน อาจหมายถึงการได้มีพื้นที่ให้เราได้หนีไป “ว่าง” โดยไม่รู้สึกผิด เพราะทุกวันนี้เราไม่ได้หายใจไปในอากาศ แต่เราหายใจไปในธุระปะปังทั้งหลายที่พันรอบตัวเราเหมือนออกซิเจน ไปทำงานที่ออฟฟิศ ขับรถบนถนน ซื้อของที่ห้าง หาหมอที่โรงพยาบาล กินข้าวที่ร้าน อ่านหนังสือในห้องสมุด มีที่ใดบ้างที่จะดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องยึดโยงกับธุระใด ๆ ให้เราได้หายใจทิ้งไปเปล่า ๆ เท่าสวนสาธารณะ ที่คุณสามารถไปวิ่ง เดิน นั่ง นอน จูงสัตว์ อ่านหนังสือ ปั่นจักรยาน คุณจะทำอะไรก็ได้ หรือไม่ทำอะไรก็ได้ เป็นอิสระอย่างแท้จริง
เพราะที่เดียวในเมืองที่ยังยึดโยงอยู่กับการว่าง คือที่ของธรรมชาติที่โลกาภิวัตน์พรากไปจากเรา และบางทีเฟืองในระบบทุนนิยมอย่างเรา ๆ ที่ทุกวันเดินอยู่บนสายพาน ในสังคมที่การไม่ “พัฒนาตัวเอง” หรือหาเงิน อาจก่อให้เกิดความรู้สึกผิด
ถ้าได้ไปเดินกลางหญ้า เฟืองจะลิ้มรสอิสระขึ้นมาแล้วระลึกว่าตนยังเป็นคนอยู่ได้มากขึ้นหรือไม่ แต่ถ้าไม่ลอง ก็คงจะไม่รู้
พวกเราเลยอยากเชิญชวนให้คุณได้ไปสัมผัสดู มอบป่าให้ดวงใจที่เหนื่อยล้า แล้วค่อยตอบพวกเราว่าถ้าได้หายใจในความขจี ลมหายใจของคุณนี้สดชื่นขึ้นบ้างไหม?
บทความโดย ศศิภาณุ์ เติมศรีสุข
ภาพประกอบโดย พนิดา มีเดช
[ 🫶🏼 #บัตรพาใจกลับบ้าน ]
สำหรับใครก็ตามที่อยากพาตัวเองมาอยู่ท่ามกลางบรรยากาศจากธรรมชาติที่ดูแลออกแบบโดยนักออกแบบประสบการณ์และนักจิตวิทยา เนื่องในโอกาสที่งาน พาใจกลับบ้าน Homecoming จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ เราเลยอยากชวนมาสัมผัสบรรยากาศภายในงานกันแบบเต็มอิ่มโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
📌 #กติกา
1️⃣ comment บอกเราใต้โพสต์หน่อยว่า "ธรรมชาติเยียวยาหัวใจของคุณอย่างไรบ้าง?"
2️⃣ กด share โพสต์นี้ (ในช่องทาง FB หรือ IG ได้ตามสะดวก)
3️⃣ ร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 12.00 น. ของวันที่ 10 กรกฎาคม 2568
4️⃣ รับบัตรเข้างานนิทรรศการพาใจกลับบ้านจาก MasterPeace ทั้งหมด 5 รางวัล รางวัลละ 2 ใบ ชวนคนสนิทไปพักใจและพูดคุยกับใจตัวเองในบรรยากาศโอบอุ้มได้จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคมนี้เลย 🙂
5️⃣ กลับมาเล่าให้เราฟังหน่อยว่าไปงานพาใจกลับบ้านมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้รวบรวมฟีดแบ็กนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดพื้นที่ดูแลใจในสังคมในลักษณะเดียวกันนี้มากขึ้น
ขอบคุณสำหรับการเป็นส่วนหนึ่งที่มาร่วมประสบการณ์พาใจกลับบ้านกับพวกเราด้วยนะ : )
[ #สำหรับใครที่อยากสร้างพื้นที่แบบนี้ให้เกิดขึ้นในองค์กรหรือชุมชน ทีมนักจิตวิทยา MasterPeace พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อสร้างพื้นที่ส่วนกลางที่ช่วยดูแลสุขภาพจิตและเติมพลังใจพนักงาน ติดต่อเราได้ทางข้อความเพจหรืออีเมล contact@masterpeacemindcare.co ค่ะ 🦋 ]
'พาใจกลับบ้าน Homecoming' เปิดให้บริการทุกวัน ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม นี้ 11.00 - 20.00 น.
ที่ MMAD ชั้น 2 โซน MunMun ซีคอน ศรีนครินทร์
ซื้อตั๋วเข้าชมได้ที่หน้างาน
Therapeutic Space Design by Eyedropper Fill
Affiliated with MunMun Srinakarin
Partnership with MasterPeace
Powered by Fujifilm, Thailand
Sponsored by Thailife and Ooca - อูก้า แอปฯจิตวิทยา
#พาใจกลับบ้าน

"อย่างน้อยมันคือพื้นที่ที่กระซิบกับเราว่า “เธอไม่ต้องอดทนตลอดเวลาก็ได้นะ” มันเหมือนภาษารูปแบบใหม่ ที่คนในพื้นที่ควรได้เร...
02/07/2025

"อย่างน้อยมันคือพื้นที่ที่กระซิบกับเราว่า “เธอไม่ต้องอดทนตลอดเวลาก็ได้นะ” มันเหมือนภาษารูปแบบใหม่ ที่คนในพื้นที่ควรได้เรียนรู้ร่วมกัน ว่าการดูแลใจตัวเองไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่มันคือความกล้าหาญในอีกรูปแบบต่างหาก"
นี่คือเรื่องเล่าจากอาซูรี ยูโซะ หญิงสาวนักเล่าเรื่องจากนราธิวาส ที่เฝ้ามองความเคลื่อนไหวเรื่องจิตใจในภาคใต้ จนได้ไปพบกับงานเล็กๆ งานหนึ่งในหาดใหญ่ชื่อ PICNIC Mental Heart ที่พาให้คนได้มามีบทสนทนาเรื่องจิตใจในบรรยากาศสบายๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่วัฒนธรรมภาคใต้แต่ดั้งเดิมอาจไม่คุ้นเคย มากกว่าการเป็นอีเวนต์หนึ่ง มันจึงเป็นความหวังในสายตาคนพื้นที่ภาคใต้อย่างซูรีด้วย
ชวนอ่านบทความ 'ปิกนิกกับใจตัวเอง ในวันที่ใจอยากพูด : พื้นที่เล็กๆ กลางเมืองหาดใหญ่ที่เปิดให้ใจได้พัก และชวนคุณมาสำรวจสขภาพใจอย่างอ่อนโยน' ภายใต้ซีรีส์ 'MindfulWaves คลื่นความเคลื่อนไหวของหัวใจ : ชวนมองนิทรรศการศิลปะและอีเวนต์ที่ว่าด้วยจิตใจและความเป็นอยู่ที่ดี' 🌊💙 ซีรีส์ที่อยากเล่าถึงงานและความเคลื่อนไหวในแวดวงศิลปะที่กำลังสื่อสารเรื่องจิตใจและชีวิต ทั้งในและนอกกรุงเทพโดยสมาชิก PeaceMaker รุ่นที่ 1 by MasterPeace ทีมฝึกงานที่ประกอบไปด้วยส่วนผสมหลากหลาย แต่มีจุดร่วมที่ความตั้งใจอยากสื่อสารเรื่องจิตใจให้เข้าถึงคนหมู่มากยิ่งขึ้น
📝 เรื่อง : อาซูรี ยูโซะ
🌷 ภาพ : เพจ ดวงอาทิตย์ ท้องฟ้า ภูเขา
🦋 ออกแบบภาพ : ธิดารัตน์ เข็มกลัด
#คลื่นความเคลื่อนไหวของหัวใจ

‘พาใจกลับบ้าน’ เป็นงานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้คนที่กำแพง มีคำถามมากมาย ตระเตรียมไว้ เพื่อให้ทุกคนที่ผ่านไปผ่านมา ได้...
01/07/2025

‘พาใจกลับบ้าน’ เป็นงานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้คน
ที่กำแพง มีคำถามมากมาย ตระเตรียมไว้
เพื่อให้ทุกคนที่ผ่านไปผ่านมา ได้พูดคุยกับตัวเอง
หลายข้อความเต็มไปด้วยความรู้สึก
หลายข้อความอาจมีน้ำตา
ไม่ว่าคุณจะผ่านมาเจอในวันที่เหนื่อยล้า หรือสุขใจ
เราต้อนรับทุกอย่าง
และมีบางข้อความที่เราอยากเขียนจดหมายถึง
เป็นจดหมายจากนักจิตวิทยา จากเพื่อนคนหนึ่ง
ถึงคุณ
ถึงเราทุกคน
แวะไปมอบคำตอบและเติมกำลังใจให้ข้อความจากใครบางคน
ได้ที่นิทรรศการพื้นที่เชิงบำบัด 'พาใจกลับบ้าน Homecoming'
เปิดให้บริการทุกวัน ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นี้
11.00 - 20.00 น. ที่ MMAD ชั้น 2 โซน MunMun ซีคอน ศรีนครินทร์
ซื้อตั๋วเข้าชมได้ที่หน้างาน
สำหรับใครที่อยากสร้างพื้นที่แบบนี้ให้เกิดขึ้นในองค์กรหรือชุมชน ทีมนักจิตวิทยา MasterPeace พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อสร้างพื้นที่ส่วนกลางที่ช่วยดูแลสุขภาพจิตและเติมพลังใจพนักงาน : ) ติดต่อเราได้ทางข้อความเพจหรืออีเมล contact@masterpeacemindcare.co
Therapeutic Space Design by Eyedropper Fill
Affiliated with MunMun Srinakarin
Partnership with MasterPeace
Powered by Fujifilm, Thailand
Sponsored by Thailife and Ooca - อูก้า แอปฯจิตวิทยา
[ ภาพประกอบโดย ธิดารัตน์ เข็มกลัด ]
#พาใจกลับบ้าน

🎬 บางฉากชีวิต อาจคลี่คลายได้ด้วยการดูหนังบางเรื่องที่ถูกต้องกับใจเราในขณะนั้นๆ 💭ถัดจากชวนแชร์หนังสือ เราชวนผู้ร่วมก่อตั้...
25/06/2025

🎬 บางฉากชีวิต อาจคลี่คลายได้ด้วยการดูหนังบางเรื่องที่ถูกต้องกับใจเราในขณะนั้นๆ 💭
ถัดจากชวนแชร์หนังสือ เราชวนผู้ร่วมก่อตั้ง MasterPeace ทุกคนมาแชร์ภาพยนตร์ในใจภายใต้ธีม 'Movies that make you bloom within' ว่าใครมีลิสต์หนังเรื่องไหนที่ช่วยให้ได้สำรวจตัวเองหรือค้นพบบางคำตอบที่ช่วยให้เติบโตบ้าง
แต่การแลกเปลี่ยนยังไม่จบแค่นี้ ใครอยากมาแจมดูหนังกันเพลินๆ แล้วแชร์มุมมองกับนักจิตวิทยาในงาน neera mindful connections ที่ neera retreat hotel ค่ำคืนวันที่ 28 มิถุนายนนี้ เราก็อยากเชิญชวนมาใช้เวลาสบายๆ ด้วยกันในวง Movie Talk at Night ที่เราจะชวนกันดูเรื่อง A Dog Purpose’s ก่อนแยกย้ายเข้านอน ตั้งแต่ 20.00 - 22.00 น. (อาจมีต่อเวลาเล็กน้อยถ้าคุยกันติดลม 😉 แอบใบ้ว่าบรรยากาศดีสุดๆ)
**กิจกรรมนี้ FREE ไม่มีค่าใช้จ่าย**
📌 ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมวงคุยได้ที่
https://forms.gle/ytHrbM9vQ9QkYhtS7
และถ้าใครอยากมาจอยกิจกรรมแบบเต็มอิ่ม ในงานนี้ยังมีเวิร์กช็อปอีกมากมายที่พร้อมพาเรากลับสู่การตระหนักรู้และเติมพลังใจให้ตัวเอง รายละเอียดเพิ่มเติมที่เพจ neera mindful connections นะคะ 🪷

📚 ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของชีวิต ภายในเรายังเติบโตอยู่เสมอจากหนังสือบางเล่มที่ผ่านเข้ามา 🌿เราชักชวนเพื่อนนักจิตวิทยาผู้...
24/06/2025

📚 ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของชีวิต ภายในเรายังเติบโตอยู่เสมอจากหนังสือบางเล่มที่ผ่านเข้ามา 🌿
เราชักชวนเพื่อนนักจิตวิทยาผู้ร่วมก่อตั้ง MasterPeace ทุกคนมาแชร์หนังสือในธีม 'Books that make you bloom within' เพราะในฐานะนักอ่านคนหนึ่ง เราทุกคนเชื่อในพลังของหนังสือที่อาจมีบางข้อความรอให้เราไปพบ และเราก็อยากแบ่งปันลิสต์หนังสือนั้นกับใครสักคน 🫶🏼
แต่นอกจากหนังสือในโพสต์นี้แล้ว ทั้งกัญและน้ำผึ้ง จะแวะไป #เปิดวงชวนคุยและป้ายยาหนังสือดีต่อใจ ใน 2 ธีมด้วยกัน ที่งาน neera mindful connections ที่ neera retreat hotel ในวันที่ 28-29 มิถุนายนนี้ ใครสนใจวงไหน ปักลง calendar ไว้ได้เลย
**กิจกรรมนี้ FREE ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ 🙂
❤️‍🩹 Book Talk : Self-compassion ชวนคุยเรื่องหนังสือที่พาให้เราใจดีกับตัวเอง
วันที่ 28 มิถุนายนนี้ เวลา 16.30 - 18.00 น.
ตัวอย่างหนังสือที่จะพูดถึง : The Gift ชีวิตคือของขวัญ และ The Gifts of Imperfection ชีวิตสุขล้นของคน(ไม่)สมบูรณ์แบบ
💐 Book Talk : Bloom your Inspiration ชวนคุยเรื่องหนังสือที่เติมแรงบันดาลใจให้เรา
วันที่ 29 มิถุนายนนี้ เวลา 10.30 - 12.00 น.
ตัวอย่างหนังสือที่จะพูดถึง : Meditations for Mortals สี่สัปดาห์ฉุกคิดเพราะชีวิตมีแค่สี่พันสัปดาห์ และ The Power of Strangers พลังของคนแปลกหน้า
เพื่อนหนังสือที่ช่วยประคองใจอาจมีความหมายมากยิ่งขึ้นเมื่อเราได้ส่งต่อ ชวนกันมาแนะนำ ป้ายยาและแบ่งปันประสบการณ์จากหนังสือด้วยกันนะคะ ☺️
📌 ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมวงคุยได้ที่
https://forms.gle/ytHrbM9vQ9QkYhtS7
และถ้าใครอยากมาจอยกิจกรรมแบบเต็มอิ่ม ในงานนี้ยังมีเวิร์กช็อปอีกมากมายที่พร้อมพาเรากลับสู่การตระหนักรู้และเติมพลังใจให้ตัวเอง รายละเอียดเพิ่มเติมที่เพจ neera mindful connections นะคะ 🪷

"นี่คงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ลองวางโลกภายนอก แล้วเดินกลับมาหาตัวเราที่อยู่ข้างใน คงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้มองเห็น สั...
24/06/2025

"นี่คงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ลองวางโลกภายนอก แล้วเดินกลับมาหาตัวเราที่อยู่ข้างใน คงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้มองเห็น สัมผัส ไถ่ถาม และเรียนรู้ความรู้สึกของตัวเองบ้าง และคงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง แม้เพียงเสี้ยววินาที"
เวลากว่า 3 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่น่าเชื่อ กับบทสนทนาระหว่าง ปั้น-วิกาวี รัตตมณี บัณฑิตจากรั้วมหาวิทยาลัยศิลปะและคนตรงหน้า นาวิน ตันธนะเดชา ศิลปินที่ใช้ศิลปะเป็นสื่อทำความเข้าใจสภาวะอันละเอียดอ่อนในจิตใจ นี่คือการสนทนาระหว่างสองคนที่เชื่อในพลังของศิลปะ
ภายใต้ภาพ abstract ที่ดูเรียบง่ายของนาวิน เราได้ค้นพบทั้งความเงียบ เสียงอันดังก้อง ความว่างเปล่า มวลความรู้สึกแต่ละวินาที ไปจนถึงเรื่องราวการเดินทางแต่ละก้าวบนภูสอยดาวที่เรียกร้องความกล้าหาญและการอยู่กับปัจจุบันจากเขาอย่างยิ่งยวด และเราอยากให้คุณได้ลองออกเดินทางไปกับพลังที่ซ่อนอยู่ในรูปภาพเหล่านี้ด้วยกัน
'Navin's Lost and Found หลงเพื่อรู้ อยู่เพื่อรู้สึก : พื้นที่ที่ชวนเราไปสำรวจความไม่แน่นอน และค่อยๆ หาทางออกสู่พื้นที่ปลอดภัยในใจ ในงานศิลปะชุด Layer of Reflection' คือบทความชิ้นที่ 3 จากซีรีส์ ' คลื่นความเคลื่อนไหวของหัวใจ : ชวนมองนิทรรศการศิลปะและอีเวนต์ที่ว่าด้วยจิตใจและความเป็นอยู่ที่ดี' 🌊💙 ซีรีส์ที่อยากเล่าถึงงานและความเคลื่อนไหวในแวดวงศิลปะที่กำลังสื่อสารเรื่องจิตใจและชีวิต ทั้งในและนอกกรุงเทพโดยสมาชิก PeaceMaker รุ่นที่ 1 by MasterPeace ทีมฝึกงานที่ประกอบไปด้วยส่วนผสมหลากหลาย แต่มีจุดร่วมที่ความตั้งใจอยากสื่อสารเรื่องจิตใจให้เข้าถึงคนหมู่มากยิ่งขึ้น
📝 เรื่อง : วิกาวี รัตตมณี
🌷 ภาพถ่าย : นาวิน ตันธนะเดชา
🦋 ออกแบบภาพ : ธิดารัตน์ เข็มกลัด
#คลื่นความเคลื่อนไหวของหัวใจ

 #การปลดปล่อยและเติมพลังที่ง่ายงาม 🤍“ทำงานที่เกี่ยวกับการเยียวยาผู้คน ต้องรับฟังเรื่องราวของคนอื่น ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?” ...
19/06/2025

#การปลดปล่อยและเติมพลังที่ง่ายงาม 🤍
“ทำงานที่เกี่ยวกับการเยียวยาผู้คน ต้องรับฟังเรื่องราวของคนอื่น ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?” คำถามนี้เป็นคำถามที่เชื่อว่าคนทำงานสายดูแลใจเกือบทุกคนต้องเคยได้ยิน
เมื่อก่อนฉันจะตอบว่า “ไม่เหนื่อย เพราะไม่ได้เก็บมาเป็นเรื่องราวของตัวเอง” การฟังเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาของอีกฝ่าย ทำให้เราไม่ได้เอาใจตัวเองไปผูกไว้กับเรื่องราว เป็นเพียงผู้อยู่ข้างๆ ในชั่วขณะหนึ่ง
แต่ในวันหนึ่ง ฉันก็เข้าใจว่าหากจะมีความเหนื่อยเกิดขึ้น ความเหนื่อยนั้นอาจไม่ได้เกิดจากช่วงเวลาที่เรารับฟังใครสักคนอย่างตั้งใจหรอก ความเหนื่อยที่แท้จริงเกิดจากการที่เราเผลอไผลและหลงลืมตัวเอง จนไม่ได้ปลดปล่อยหรือระบายออกเองบ้างต่างหากล่ะ
บางครั้งเรามักคิดไปว่า เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น รับมือสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเรามีทักษะล้มแล้วลุกเก่งขึ้นตั้งเยอะ เราโอเคแล้วแหละ
เป็นไปได้ไหมว่าการงานที่ทำ ความเชื่อที่ถือไว้ หรือความเกรงใจ บางทีก็ค้ำใจไม่ให้เรายอมรับตรงๆ ว่าใช่ ฉันอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ไหว และต้องการใครสักคนมารับฟังเหมือนกัน
บางครั้งที่ไม่ได้แสดงออกไป ก็เพราะแอบคิดเหมือนกันว่าเราก็ไม่ได้อยากพ่นความรู้สึกจนดูขี้บ่น หรือดูเป็นคนที่ประคองความรู้สึกตัวเองไม่ได้ แต่ยิ่งคิดแบบนั้น เราก็ยิ่งกดทับบางส่วนในตัวเองเอาไว้ ทั้งที่มันยังมีทางเลือกการปลดปล่อยที่ดีต่อทั้งตัวเราและคนรอบข้าง
การปลดปล่อยที่ให้มวลอารมณ์ภายในได้หลั่งไหลออกมาในพื้นที่ปลอดภัย และในขณะเดียวกัน เราก็ได้ทำความเข้าใจตัวเองไปด้วย
ฉันนึกถึงวันเวลาเก่าๆ ที่เคยยกโทรศัพท์หาเพื่อนสนิท ใช้เวลาด้วยกันสัก 30 นาทีแล้วทุกอย่างในใจก็ดูสงบลง กลับมาตั้งหลักได้ ในปัจจุบันที่เราต่างมีภารกิจมากมายในชีวิต ถ้าไม่ใช่การพูดคุยกับเพื่อน ยังมีทางไหนไหมที่ช่วยให้เราได้ปล่อยน้ำหนักที่ถือไว้บนบ่าและในใจ จนมีพื้นที่รับพลังดีๆ เข้ามา
คำตอบคือมี และนี่คือสิ่งที่ฉันอยากชวนทุกคนมาลองสำรวจวิธีที่ฉันเคยลองทำไปด้วยกัน
🦋 1. ชวนยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ไม่หนีหน้าความรู้สึกในใจตัวเอง
แม้แต่คนที่เคยเรียนและฝึกที่จะทำงานกับความรู้สึก ก็ยังมีช่วงเวลาที่ไม่ได้เท่าทันและยอมรับว่ากำลังรู้สึกอย่างไร เป็นยังไงอยู่บ้าง บันไดขั้นแรกที่จะช่วยให้เราเบาสบายคือการไม่ต้องฝืน ไม่ต้องพยายามลืม สบตากับความรู้สึกอย่างที่มันเป็น
🦋 2. ถ้าการยอมรับยังยากหรือท้าทายใจ โอบอุ้มใจตัวเองไว้กับความใจดี
บางครั้งความคาดหวังหรือความเชื่อบางอย่างอาจเป็นกำแพง ทำให้เราไม่อาจปล่อยตัวเองให้รู้สึกตามที่เป็นจริง ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ต้องต่อว่าตัวเองซ้ำ เพราะเราผ่านชีวิตและเหตุการณ์มาหลากหลาย เมตตาตัวเองและทำเท่าที่ทำได้
🦋 3. ฝึกผ่อนคลายตัวเองด้วยวิธีที่ตรงใจ ตอบโจทย์ร่างกายของเรา
ทุกวันนี้มีหลากหลายวิธีที่เรานำมาฝึกผ่อนคลายตัวเองได้ อย่างเช่นการอยู่กับลมหายใจ การรับรู้ความรู้สึกในส่วนต่างๆ ของร่างกาย การทำสมาธิ ทำโยคะอย่างง่าย ลองให้เวลาตัวเองได้ฝึกฝนจนจิตใจและร่างกายต้อนรับ คุ้นเคยกับวิธีการดังกล่าว ช่วงแรกๆ ที่ไม่คุ้นเคยอาจจะรู้สึกแปลกหรือเขินบ้าง ค่อยๆ ลองทำ ลองสำรวจจนเจอวิธีที่ใช่
🦋 4. มอบช่วงเวลาแห่งการปลดปล่อยให้ตัวเอง โดยไม่ต้องเกรงใจหรือรู้สึกผิด
ฉันเชื่อว่าแต่ละคนมีหนทางสู่การปลดปล่อยที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าสื่อที่คนคนนั้นถนัดเป็นรูปแบบไหน ฉันเคยรู้จักคนที่ชอบวาดรูป คนที่ชอบออกกำลังกาย คนที่ลุกขึ้นมาทำอาหาร ขอให้เราได้ปลดปล่อยอย่างปลอดภัยและเรียนรู้ตัวเองจากมันก็พอ
สำหรับฉัน วิธีการนั้นคือการเขียน ซึ่งความจริงแล้วจะเป็นการเขียนรูปแบบไหนก็ได้ แต่ฉันชอบแนะนำการเขียนแบบ Expressive writing ให้คนรู้จัก มันคือการเขียนที่เราสะท้อนความคิดความรู้สึกของเราออกมาอย่างซื่อสัตย์
การเขียนช่วยให้เราค่อยๆ ได้เผชิญหน้ากับตัวเอง เราจะเห็นตั้งแต่จุดที่เราพยายามหลบซ่อน จุดที่ติดอยู่ในใจซ้ำๆ รวมไปถึงจุดที่มีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ หากเรารู้จักวิธีการเขียนและเชื่อใจตัวเองที่จะไปกับมือที่กำลังถ่ายทอดออกมา ผ่านดินสอ ปากกา หรือคีย์บอร์ดก็ได้
แต่สิ่งสำคัญไม่ว่าจะทำกิจกรรมปลดปล่อยตัวเองแบบไหน ฉันคิดว่าเราควรอนุญาตให้ตัวเองมีพื้นที่ที่ไม่ต้องกลัวถูกผิด เกรงจะถูกตัดสิน ภายใต้เงื่อนไขของชีวิต ฉันคิดว่าเรายังอนุญาตให้ตัวเองมีอิสระในพื้นที่ปลอดภัยนั้นได้ และมันจะอยู่กับเราเสมอหากเราต้องการ
ช่วงเวลาที่ได้ปลดปล่อยออกมาอย่างแท้จริง หลายครั้งนอกจากรู้สึกปลอดโปร่ง ฉันมีความรู้สึกอุ่นใจที่ได้เป็น ‘ใครคนนั้น’ ให้กับตัวเอง ใครคนนั้นที่เฝ้ามองว่าเราโอเคอยู่ไหม เป็นอย่างไรบ้าง โกรธหรือเสียใจเรื่องอะไรอยู่ และเปิดให้เราได้เป็นตัวเองอย่างแท้จริง
เพียงรู้ว่าฉันได้กลับมาเป็นตัวฉัน และในขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้ตัวเองไปด้วย เมื่อนั้นสิ่งที่ปลดปล่อยออกไป ก็หมุนเวียนกลับมาเป็นปุ๋ย เป็นพลังงานดีๆ ที่เติมใจเรา
วิธีการปลดปล่อยไหนที่ง่ายงามสำหรับคุณ มาเล่าสู่กันฟังได้นะ : ) 🪷🌅
✍🏼💐 และหากสนใจอยากลองเขียนเพื่อปลดปล่อยและเติมพลังใจ ชวนมาพบกันที่ : Reminder for Your Soul เวิร์กช็อปที่จะเกิดขึ้นที่ neera mindful connections ณ neera retreat hotel ช่วงเวลาและสถานที่แห่งการผลิบานที่กลางใจ
นำกิจกรรมโดย ฝ้าย-กันตพร สวนศิลป์พงศ์ นักเขียน นักจิตวิทยาการปรึกษา และผู้ร่วมก่อตั้ง MasterPeace ที่มีประสบการณ์ดูแลตัวเองด้วยการเขียน และทำวิจัยเกี่ยวกับการเขียนสะท้อนความคิดความรู้สึก
📆 หากใครสนใจอยากเรียนรู้เครื่องมือการดูแลตัวเองเบื้องต้นที่ทำได้อย่างไม่ซับซ้อน ไม่ต้องมีอุปกรณ์มากมาย พกมาเพียงใจและมือที่พร้อมออกเดินทางไปกับดินสอปากกา ลงทะบียนเวิร์กช็อปแล้วมาพบกันในวันที่ 28 มิถุนายน 2568 เวลา 13.00 - 15.00 ที่ neera retreat hotel สามพราน นครปฐม 🚙💨
📌 รายละเอียดเพิ่มเติมในการลงทะเบียนที่ neera mindful connections
รีบหน่อยนะ โค้งสุดท้ายแล้ว : )
ข้อเขียนโดย กันตพร สวนศิลป์พงศ์




"เราต่างก็ขะมักเขม้นใช้ชีวิตกันไป จนบางครั้งบางทีลืมฟังร่างกายตัวเองร้องเรียก การได้กลับมานั่งนิ่งๆ ฟังเสียงหัวใจที่กำลั...
17/06/2025

"เราต่างก็ขะมักเขม้นใช้ชีวิตกันไป จนบางครั้งบางทีลืมฟังร่างกายตัวเองร้องเรียก การได้กลับมานั่งนิ่งๆ ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ในอก ฟังเสียงความรู้สึกที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ฟังความคิดที่ล่องลอยหาแก่นสาระไม่ได้ นั่งอยู่ตรงนั้น นั่งฟัง ฟังตัวเองจากข้างใน การมีพื้นที่หนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องมาปลอบใจก็ได้ ไม่ต้องมายิ้มให้ก็ได้ แค่มีพื้นที่นั้นอยู่ตรงนั้น ให้เราได้เข้าไปหลบอยู่สักพัก ครุ่นคิดสักหน่อย เหมือนมีเพื่อนข้างๆ ก็อุ่นใจคล้ายเหงา มันคงจะดีไม่น้อย"
หนึ่งในสิ่งคลาสสิกที่เข้าถึงใจหลายคนอยู่เสมอคือโปสการ์ด กระดาษแผ่นเล็กที่บรรจุเอาความรู้สึกขนาดกะทัดรัดออกเดินทางไปหาใครบางคน
แจน-แกมทอง เนียมเรี่ยม นักอยากเล่าเรื่องที่ชอบตกตะกอนและแบ่งปันข้อความจากหนังสือ ได้พูดคุยกับ พี่วิภว์ บูรพาเดชะ ผู้ใหญ่ใจดีจาก happening mag ที่สนับสนุนแวดวงศิลปะมาเนิ่นนาน เกี่ยวกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นในงาน Postcard from a Stranger 'สิ่งที่ไม่เคยบอก' ที่ไม่เพียงแต่ชวนคนมาแลกโปสการ์ดกับคนแปลกหน้า แต่ยังทำให้คนแปลกหน้าหลายคนได้มาเปิดใจคุยกันร่วมกับศิลปิน ซึ่งพี่วิภว์แชร์ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวงนั้นบางครั้งก็ลึกซึ้งจนรู้สึกเซอร์ไพรส์ ในโลกที่หมุนไว สายตาของแจนมองเห็นอะไรในปรากฏการณ์นี้บ้าง และโปสการ์ดแผ่นไหนกันนะที่สื่อสารกับใจของเธอ?
นี่คือ "พื้นที่ปลอดภัยทางใจ รอใครสักคนไปพบ : นิทรรศการ Postcard from a stranger ‘สิ่งที่ไม่เคยบอก'" บทความชิ้นที่ 2 จากซีรีส์ 'MindfulWaves คลื่นความเคลื่อนไหวของหัวใจ : ชวนมองนิทรรศการศิลปะและอีเวนต์ที่ว่าด้วยจิตใจและความเป็นอยู่ที่ดี' 🌊💙 ซีรีส์ที่อยากเล่าถึงงานและความเคลื่อนไหวในแวดวงศิลปะที่กำลังสื่อสารเรื่องจิตใจและชีวิต ทั้งในและนอกกรุงเทพโดยสมาชิก PeaceMaker รุ่นที่ 1 by MasterPeace ทีมฝึกงานที่ประกอบไปด้วยส่วนผสมหลากหลาย แต่มีจุดร่วมที่ความตั้งใจอยากสื่อสารเรื่องจิตใจให้เข้าถึงคนหมู่มากยิ่งขึ้น
📝 เรื่อง : แกมทอง เนียมเรี่ยม
🌷 ภาพถ่าย : happening mag
🦋 ออกแบบภาพ : ธิดารัตน์ เข็มกลัด
#คลื่นความเคลื่อนไหวของหัวใจ

"ส่งต่อทีละเล็กละน้อย แล้วทำให้เรื่องใจกลายเป็นเรื่องของเราทุกคน" 💙ฉันชอบเฝ้ามองวงกระเพื่อมของน้ำ มันทำให้รู้สึกถึงความเ...
16/06/2025

"ส่งต่อทีละเล็กละน้อย แล้วทำให้เรื่องใจกลายเป็นเรื่องของเราทุกคน" 💙
ฉันชอบเฝ้ามองวงกระเพื่อมของน้ำ มันทำให้รู้สึกถึงความเบาสบาย แต่ก็เป็นสิ่งที่นำพาพลังงานดีๆ บางอย่างติดสอยห้อยตามไปด้วย และเมื่อน้ำกระทบกับบางสิ่ง ก็จะส่งแรงเบาๆ กลับมาที่จุดกำเนิด
ในชีวิตจริง บางครั้งการส่งต่อบางสิ่ง ก็เกิดขึ้นในลักษณะนั้น
ตัวอย่างโมเมนต์สำหรับฉันคือบางคำพูดของเราที่แค่อยากเขียนหรือพูดออกมาเพื่อบอกตัวเองในบางวัน กลับกลายเป็นวงกระเพื่อมเบาๆ ที่แผ่ออกไปสู่ภายนอก
“สิ่งที่เธอทำได้ช่วยฉันไว้” เคยไหม เวลาที่ได้ยินประโยคทำนองนี้ เรามักสงสัยว่า สิ่งที่เราทำอย่างเล็กน้อย ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ทำไมมันจึงมีผลกับอีกคน ถึงขั้นที่ช่วยให้เขาผ่านวันยากๆ มาได้
และในวันที่ถ้อยคำเหล่านั้นหมุนเวียนกลับมาที่เรา ใจของเราก็ชุ่มชื่น หรือฟื้นคืนจากความเหนื่อยล้าที่แห้งผาก ไม่ต่างจากวงกระเพื่อมของน้ำ
ชีวิตสอนเรานับครั้งไม่ถ้วน ถึงพลังของการมีอยู่ของสิ่งเล็กๆ ที่เราลงมือทำ อย่าได้ดูถูกมัน และอย่าได้ดูแคลน
หากเราตั้งคำถามว่า ทำไมสิ่งเล็กๆ ในชีวิตจึงสำคัญ? คงมีคำตอบเชิงความรู้มากมายที่เป็นตัวอย่างให้เราได้
อย่างเช่นว่า แม้แต่อารมณ์ของเราก็ส่งผ่านถึงกันได้ การที่คนคนหนึ่งมีรอยยิ้ม มันอาจช่วยให้ผู้รับรอยยิ้มนั้น ยิ้มออกมาได้ง่ายขึ้น การแสดงออกทางอารมณ์ของเราเผื่อแผ่พลังงานของตัวเองออกไปเสมอ แม้แต่กับคนแปลกหน้าก็ตาม ในวินาทีเล็กๆ นั้นเราเลือกได้ว่าจะส่งผ่านอะไรออกไป หรืออยู่ตรงไหนเพื่อรับสิ่งใดเข้ามา ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตรงนั้น
อย่างเช่นว่า คนเราทุกคนเติบโตมากับสมองที่มีแนวโน้มจะจดจำเรื่องไม่ดีที่เกิดกับเรา เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องร้ายในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น วิธีการหนึ่งที่ช่วยให้เราไม่เลือกจดจำแต่สิ่งแย่ๆ คือการมอบความสนใจให้สิ่งดีๆ เล็กๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันเช่นกัน ฝึกฝนจนการจดจำกอบเก็บเรื่องที่ดีกลายเป็นความคุ้นเคยในที่สุด แต่ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นตรงนั้น ตรงวินาทีที่เราตัดสินใจจะ ‘มองเห็น’ สิ่งที่เคยมองข้าม
หากจะมีสักคำตอบง่ายๆ ที่อธิบายว่าสิ่งเล็กๆ สำคัญอย่างไร ในโลกที่ทุกอย่างเรียกร้องให้เรากระโจนไปข้างหน้าให้ว่องไวกว่านี้ สำเร็จให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ เยียวยาตัวเองให้ดีกว่านี้
คำตอบง่ายๆ ที่เป็นเรื่องจริงที่สุด
คือเพราะการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากมาย หลายครั้งก็เกิดจากสิ่งเล็กๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ อย่างไม่ย่อท้อ
ขนาดตัวเราเองที่พยายามกับแต่ละวัน หลายครั้งก็มีวันที่รู้สึกว่าตัวเองไปไม่ถึงไหน แต่สิ่งเล็กๆ ที่เราทำก็กลับมาประกอบเป็นความหมายในใจเราในวันหนึ่ง เช่นเราอาจจะเห็นว่าเราลุกขึ้นยืนได้ไวขึ้นกว่าเก่าเมื่อผ่านพ้นเรื่องราวที่ท้าทาย หรือวิธีการพูดคุยกับตัวเองของเราไม่ได้ใจร้ายอย่างหลายปีก่อนแล้ว
แม้แต่เราเองยังเปลี่ยนแปลงได้ทีละเล็กละน้อย แล้วถ้าเราส่งต่อสิ่งดีๆ และความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลใจออกไปสู่ภายนอกและคนรอบข้างเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เรานึกได้ล่ะ อะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเราทุกคน?
ในวันนี้ ฉันได้เห็นวงกระเพื่อมของการเปลี่ยนแปลงที่เล็กๆ แต่ยั่งยืนนั้น ทั้งกับตัวเองและคนรอบข้าง
ฉันในวัยเด็ก เคยเฝ้าฝัน จินตนาการว่าจะมีผู้ใหญ่สักคนมาปลอบโยนเรื่องร้ายที่ฉันเจอ หรือช่วยดูแลแก้ไขเรื่องยากที่เพื่อนของฉันต้องเผชิญลำพัง ในวันนี้ที่ฉันเติบโตขึ้น ฉันได้เห็นว่าเพื่อนของฉันที่เคยผ่านเรื่องราวยากๆ ในวัยเด็กมา กลายมาเป็นคนที่ช่วยเหลือ ดูแล แนะนำเด็กๆ ในความดูแล ให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้
ฉันในวัยรุ่น อยากมีหัวหน้างานที่ใจดีและเข้าใจเรื่องสุขภาพจิต ในวันนี้ที่ฉันได้อยู่ในตำแหน่งนั้น ฉันได้ให้ความสำคัญและสื่อสารกับผู้ร่วมงานที่อายุน้อยกว่า ว่าใจของเราเป็นเรื่องสำคัญ ถ้ามีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ อยากให้ได้แบ่งเบาออกมา
ฉันที่เริ่มอายุมากขึ้น อยากเยียวยาบาดแผลจากความสัมพันธ์ในครอบครัว และเริ่มได้แบ่งปันความรู้ความเข้าใจง่ายๆ กับคนรุ่นพ่อแม่ที่ก็เติบโตผ่านบาดแผลมาเช่นกัน จนเริ่มเชื่อมต่อกันได้มากขึ้น
หากเราส่งต่อวงน้ำที่ชะโลมใจนั้นออกไป พวกเขาจะไปส่งต่อสิ่งไหนต่อให้คนรอบข้างอีกนะ ทั้งนักเรียนที่ได้รับความเข้าใจ คนทำงานรุ่นใหม่ที่กำลังค้นหาเส้นทางชีวิต หรือผู้สูงวัยที่เข้าสู่ช่วงตกตะกอนและใช้ชีวิตให้มีคุณค่าในเวลาที่เหลืออยู่ พวกเขาจะส่งต่อพลาสเตอร์ทำแผลให้คนที่ต้องการ และมอบดอกไม้เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
จากหนึ่งคนไปสู่อีกหลายต่อหลายคน ในครอบครัว ในโรงเรียน ในที่ทำงาน ในโรงพยาบาล ในสวนสาธารณะ บนถนน บนรถประจำทาง ทุกที่ที่เราอาจได้สัมผัสชีวิตกันและกัน เหมือนวงกระเพื่อมที่แตะกันเบาๆ แล้วออกเดินทางไปต่อ
ฉันไม่ได้พูดถึงเพียงสิ่งสวยงามในความรู้สึก แต่หมายความรวมถึงการเปลี่ยนเชิงสังคมที่เป็นรูปธรรมด้วย
เด็กๆ รุ่นถัดไปจะโตมาอย่างไรหากไม่ได้รับการปลูกฝังเรื่องจิตใจตั้งแต่วันนี้ คนอีกมากมายจะเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตอย่างไรหากไม่มีคนคิดเผื่อพวกเขา คนที่ยังต้องการความเข้าใจและยอมรับในความแตกต่างจะใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและความเคารพเท่าเทียมได้อย่างไร หากไม่มีคนสื่อสารให้นึกถึงใจเขาใจเรา
ฉันอยากบอกว่า ไม่มีสิ่งไหนที่คุณลงมือทำไปแล้วไร้ความหมาย ขอให้มั่นใจว่าความหมายนั้นจะทบทวีเมื่อวงกระเพื่อมของน้ำออกเดินทางไปข้างหน้า
วันนี้ คุณให้ความหมายในสิ่งเล็กๆ ที่คุณกำลังส่งต่ออย่างไรบ้าง?
มาเป็นจุดเริ่มต้นของวงกระเพื่อมที่ชื่นเย็นด้วยกันนะ

__________________

ปีนี้ MasterPeace ยินดีมากที่เราได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน 𝐧𝐦𝐜’25 💙
งานสำคัญในปีนี้จาก neera retreat hotel
ที่เต็มไปด้วยหลากหลายเวิร์กช็อปและกิจกรรมจากหลากหลายกระบวนกร และอยากชวนคุณมาเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางนี้ค่ะ : )
ในปีนี้ ‘นีรารีทรีท’ ตั้งใจชวนคุณกลับมาเชื่อมโยงกับตัวเอง ผ่านเวิร์กชอปและกระบวนการดูแลกายใจอย่างอ่อนโยน
ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่ออกแบบเพื่อฟื้นสมดุลภายใน เยียวยาอารมณ์ เติมเต็มจิตใจ และโอบรับจิตวิญญาณของคุณอย่างลึกซึ้ง
blooming within – ฟื้นพลังใจให้ผลิบาน🌱🌼
เพราะเราเชื่อในพลังของการเปลี่ยนแปลงจากภายใน
𝐧𝐞𝐞𝐫𝐚 𝐦𝐢𝐧𝐝𝐟𝐮𝐥 𝐜𝐨𝐧𝐧𝐞𝐜𝐭𝐢𝐨𝐧𝐬 2025
🗓️ ศุกร์ 27 – อาทิตย์ 29 มิถุนายน 2568
📍 neera retreat hotel, ไร่ขิง นครปฐม
𝐧𝐦𝐜’25 journey:
✨ 𝐫𝐞𝐥𝐞𝐚𝐬𝐞 ชวนให้คุณกลับมาตระหนักรู้ในอารมณ์ ยอมรับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้น และฟังเสียงจากภายในอย่างลึกซึ้ง
🌱 𝐫𝐞𝐛𝐚𝐥𝐚𝐧𝐜𝐞 พักเยียวยาใจ ปรับสมดุล ปล่อยวางความเครียด ให้สภาวะรอบตัวและธรรมชาติเยียวยา ผ่านการเปิดประสาทสัมผัส และการอยู่กับปัจจุบัน
🌸 𝐫𝐞𝐟𝐫𝐞𝐬𝐡 เติมพลังให้กายใจกลับมาสดชื่น ให้คุณกลับมารู้สึกมีชีวิตชีวา พร้อมเริ่มต้นใหม่ และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
🌞 𝐫𝐞𝐟𝐢𝐥𝐥 เสริมสร้างพลังภายใน บูสวิตามินให้ร่างกายและหัวใจให้กลับมาแข็งแรงและมั่นคง ด้วยพลังงานดี ๆ ที่ค่อย ๆ เติมเต็มใจให้สมบูรณ์อีกครั้ง
⭐️ ในปีนี้ nmc’25 ได้เลือกแบ่งปันรายได้ให้แก่ Sati (สติแอพ) เพื่อนำไปสมทบทุนสนับสนุนการเข้าถึงการดูแลสุขภาพจิตผ่านการให้บริการ "การรับฟังอย่างปลอดภัย" โดยไม่ตัดสินและไม่เปิดเผยตัวตน
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ neera mindful connections
ข้อเขียนโดย กันตพร สวนศิลป์พงศ์ หนึ่งในทีม MasterPeace ที่จะไปร่วมจัดกิจกรรมเวิร์กช็อป Expressive Writing: Reminder for Your Soul
หวังว่าเราจะได้พบกัน และขอให้คุณได้พบประสบการณ์ที่งดงาม : )

ที่อยู่

Bangkok

เวลาทำการ

จันทร์ 10:00 - 18:00
อังคาร 10:00 - 18:00
พุธ 10:00 - 18:00
พฤหัสบดี 10:00 - 18:00
ศุกร์ 10:00 - 18:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ MasterPeaceผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง MasterPeace:

แชร์