12/03/2021
👉นักวิ่ง นักกีฬา
มีแนวโน้มที่หัวใจจะเต้นผิดจังหวะ? 💓
(บทความโดย นพ.ระวี พล อายุรเเพทย์ด้านหัวใจ)
500 ปีก่อนคริสตการ เมื่อทหารกรีกนายหนึ่งที่ชื่อว่า Phillipines วิ่งมาบอกข่าวชัยชนะของสงคราม จากเมืองมาราธอน มายังกรุงเอเธนส์ เป็นระยะทาง 40 กม หรือ 25 ไมล์ เขาได้เสียชีวิตทันทีหลังบอกข่าวดี อีกเรื่องหนึ่งบางคนอาจะยังไม่หายช็อกกับข่าวการเสียชิวิตอย่างฉับพล้นของ Florence Griffith Joyner นักกีฑาชื่อดัง เมื่อของสหรัฐ 25 ปีก่อน
นี่เป็นที่มาของคำถามที่ว่าคนที่ออกกำลังกายอย่างหนักอาจมีอัตตราการเสียชีวิตมากกว่าคนทั่วไป? คุณจะได้คำตอบหลังจากอ่านบทความนี้จบ
จากการศึกษาทางการแพทย์ที่ผ่านมา เราพบว่าการออกกำลังกายแบบหนักเป็นระยะเวลานาน จะทำให้หัวใจปรับสภาพให้เข้ากับภาวะที่ร่างกายต้องการแรงดันสูงในการปั้มเลือด หัวใจทั้งสี่ห้องจะโตและหนาขึ้น ระบบการนำไฟฟ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดหัวใจเต้นช้าลงและ
บางทีเต้นผิดจังหวะได้ นอกจากนี้ยังพบว่าเซลหัวใจอาจมีการบาดเจ็บหรือตายได้ซึ่งก่อให้เกิดแผลเป็นในหัวใจได้
การเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมาอาจจะเป็นได้ทั้งภาวะปกติของนักกีฬา และไม่จำเป็นที่ต้องการการรักษา แต่บางทีเมื่อนักกีฬาที่มีโรคหัวใจซ่อนเล้นอยู่โดยที่เขาไม่ทราบ การออกกำลังกายอย่างหนักอาจจะเป็นจุดชนวนหรือสาเหตุการเสียชีวิตในนักกีฬากลุ่มนี้ได้ เพราะฉนั้นการตรวจหัวใจโดยการใช้ EKG,Echocardiogram, Exercise stress test หรือ MRI อาจจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ก่อนที่จะเกิดปัญหา ซึ่งในบางกรณีอาจต้องให้ผู้ป่วยหยุดการออกกำลังกายอย่างหนักไปเลย
กรณีที่ไม่มีโรคหัวใจอยู่ก่อน แต่ห้วใจมีการปรับตัวดังที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ เราเรียกว่า Athelete heart บางกรณีก็เกิดปัญหาได้เช่นกัน แต่ขอเน้นย้ำว่าเป็นส่วนน้อยนิดของนักกีฬาแต่มีความสำคัญ!!! อันแรกเลยคือห้วใจเต้นผิดจังหวะแบบ PACs และ PVCs ชึ่งไม่มีความจำเป็นต้อง
รักษาแต่ถ้ามีปริมาณมากก็อาจต้องพักการออกกำลังกายหรือต้องทานยา เราพบอุบัติการการเกิดหัวใจแบบ AF(Atrial fibrillation,Atrial flutter) มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งคนไข้กลุ่มนี้มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษาไม่ว่าจะเป็นการทานยาหรือบางรายต้งจี้ไฟฟ้า( RF ablation) อีกปัญหาหนึ่งคือหัวใจเต้นช้ามาก ชึ่งไม่ต้องการการักษา ยกเว้นบางรายที่ตอนนอนอาจเหลือแค่ 20 ครั้งต่อนาทีและมีอาการ ซึ่งอาจต้องได้รับการใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ(Pace maker) ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างที่สำคัญมากเพราะทำให้เสียชีวิตได้คือการเต้นผิดจังหวะของหัวใจห้องล่างโดยเฉพาะด้านขวา (Ventricular tachycardia ) ซึ่งต้องการการักษาโดยการส่เครื่อง defibrillator
การเต้นผิดจังหวะที่กล่าวมานั้นอาจเกิดตอนใหนก็ได้ ไม่ว่าตอนออกกำลังกายหรือตอนนอน ปัจจุบันเรามีอุปกรณ์ใหม่ที่ชื่อ S patch ผลิตโดยบริษัท Samsung ซึ่งมีขนาดเล็กและเบาเอาใว้ติดที่หน้าอก ถอดอาบน้ำได้ เครื่องจะส่ง
สัญญานไปยังโทรศัพย์มือถือผ่าน Bluetooth และเมื่อครบกำหนดจำนวนวันที่ต้องการบันทึกก็ส่งข้อมูล ทั้งมาขึ้น Cloud server ซึ่งจะมี AI อ่านและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด สุดท้ายจะมีแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจตรวจสอบอีกที ก่อนส่งผลและคำอธิบายให้ผู้ติด เราสามารถติดเครื่องกี่วันก็ได้ แค่ต้องส่งข้อมูลทุก 3 วัน
มาถึงตอนสรุปแล้ว คือคนที่ออกกำลังกายหนักไม่ได้ก่อให้เกิดการเสียชีวิตมากกว่าคนทั่วไป แต่มีความจำเป็นที่จะตัองเช็คร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยปีละครั้ง ที่สำคัญต้องตระหนักว่าการที่เราใช้พลังงานมากเท่าไหร่ร่างกายก็ต้องการสารอาหาร เกลือแร่และวิตามิน ไปเสริมที่เราใช้ไป อีกเรื่องคือการนอนที่เพียงพอ มีวันให้ร่างกายพักบ้างเพื่อซ่อมแซมส่วนของร่างกายที่สึกหลอโดยเฉพาะหัวใจ
บางทีเต้นผิดจังหวะได้ นอกจากนี้ยังพบว่าเซลหัวใจอาจมีการบาดเจ็บหรือตายได้ซึ่งก่อให้เกิดแผลเป็นในหัวใจได้
การเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมาอาจจะเป็นได้ทั้งภาวะปกติของนักกีฬา และไม่จำเป็นที่ต้องการการรักษา แต่บางทีเมื่อนักกีฬาที่มีโรคหัวใจซ่อนเร้นอยู่โดยที่เขาไม่ทราบ การออกกำลังกายอย่างหนักอาจจะเป็นจุดชนวนหรือสาเหตุการเสียชีวิตในนักกีฬากลุ่มนี้ได้ เพราะฉนั้นการตรวจหัวใจโดยการใช้ EKG,Echocardiogram, Exercise stress test หรือ MRI อาจจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ก่อนที่จะเกิดปัญหา ซึ่งในบางกรณีอาจต้องให้ผู้ป่วยหยุดการออกกำลังกายอย่างหนักไปเลย
กรณีที่ไม่มีโรคหัวใจอยู่ก่อน แต่ห้วใจมีการปรับตัวดังที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ เราเรียกว่า Athelete heart บางกรณีก็เกิดปัญหาได้เช่นกัน แต่ขอเน้นย้ำว่าเป็นส่วนน้อยนิดของนักกีฬาแต่มีความสำคัญ!!! อันแรกเลยคือห้วใจเต้นผิดจังหวะแบบ PACs และ PVCs ชึ่งไม่มีความจำเป็นต้องรักษาแต่ถ้ามีปริมาณมากก็อาจต้องพักการออกกำลังกายหรือต้องทานยา เราพบอุบัติการการเกิดหัวใจแบบ AF(Atrial fibrillation,Atrial flutter) มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งคนไข้กลุ่มนี้มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษาไม่ว่าจะเป็นการทานยาหรือบางรายต้งจี้ไฟฟ้า( RF ablation) อีกปัญหาหนึ่งคือหัวใจเต้นช้ามาก ชึ่งไม่ต้องการการักษา ยกเว้นบางรายที่ตอนนอนอาจเหลือแค่ 20 ครั้งต่อนาทีและมีอาการ ซึ่งอาจต้องได้รับการใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ(Pace maker) ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างที่สำคัญมากเพราะทำให้เสียชีวิตได้คือการเต้นผิดจังหวะของหัวใจห้องล่างโดยเฉพาะด้านขวา (Ventricular tachycardia ) ซึ่งต้องการการักษาโดยการส่เครื่อง defibrillator
การเต้นผิดจังหวะที่กล่าวมานั้นอาจเกิดตอนใหนก็ได้ ไม่ว่าตอนออกกำลังกายหรือตอนนอน ปัจจุบันเรามีอุปกรณ์ใหม่ที่ชื่อ S patch ผลิตโดยบริษัท Samsung ซึ่งมีขนาดเล็กและเบาเอาใว้ติดที่หน้าอก ถอดอาบน้ำได้ เครื่องจะส่งสัญญานไปยังโทรศัพย์มือถือผ่าน Bluetooth และเมื่อครบกำหนดจำนวนวันที่ต้องการบันทึกก็ส่งข้อมูล ทั้งมาขึ้น Cloud server ซึ่งจะมี AI อ่านและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด สุดท้ายจะมีแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจตรวจสอบอีกที ก่อนส่งผลและคำอธิบายให้ผู้ติด เราสามารถติดเครื่องกี่วันก็ได้ แค่ต้องส่งข้อมูลทุก 3 วัน
มาถึงตอนสรุปแล้ว คือคนที่ออกกำลังกายหนักไม่ได้ก่อให้เกิดการเสียชีวิตมากกว่าคนทั่วไป แต่มีความจำเป็นที่จะตัองเช็คร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยปีละครั้ง ที่สำคัญต้องตระหนักว่าการที่เราใช้พลังงานมากเท่าไหร่ร่างกายก็ต้องการสารอาหาร เกลือแร่และวิตามิน ไปเสริมที่เราใช้ไป อีกเรื่องคือการนอนที่เพียงพอ มีวันให้ร่างกายพักบ้างเพื่อซ่อมแซมส่วนของร่างกายที่สึกหลอโดยเฉพาะหัวใจ
น.พ ระวี พล อายุรเเพทย์ด้านหัวใจ