23/10/2025
เมื่อจิตใจเติบโตไปพร้อมกับร่างกาย ว่าด้วย ‘ความหลงตัวเอง’ ที่ลดลงตามอายุ ความรับผิดชอบและประสบการณ์ชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น
ในโลกที่การใช้สื่อโซเชียลมีเดียแทบจะกลายเป็นสิ่งจำเป็น ‘การหลงตัวเอง’ ของคนสมัยนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นผลพวงมาจากการพยายามสร้างภาพลักษณ์และโปรโมตความสำเร็จ รวมถึงความเป็นตัวเองผ่านสื่อ จนหลายคนมีความหลงตัวเองมากเกินไป ทำให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้
ทว่างานวิจัยล่าสุดกลับเปิดเผยข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ โดยพบว่าเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นและผ่านประสบการณ์ในชีวิตมามากมาย จะมีแนวโน้มหลงตัวเองลดลง ในขณะที่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นเพิ่มขึ้น
โดยภาวะหลงตัวเอง (Narcissism) เป็นภาวะทางบุคลิกภาพที่บุคคลมักให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง อีกทั้งต้องการการเชิดชูจากผู้คนรอบข้างมากเป็นพิเศษ และขาดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เหมือนดังนาร์ซิสซัส เทพปกรณัมกรีกผู้เป็นรากของคำศัพท์ Narcissism ที่ได้สิ้นใจลงเพราะตกหลุมรักภาพสะท้อนของตัวเองในน้ำ
ภาวะหลงตัวเองนั้นไม่ได้มีเพียงแค่รูปแบบเดียวหรืออยู่ในสถานะที่คงที่ แต่สามารถมองเป็นลักษณะที่มีระดับความรุนแรงแตกต่างกันได้ในแต่ละบุคคล คล้ายกับสเปกตรัมที่ปลายด้านหนึ่งเป็นความหลงตัวเองที่มีประโยชน์ (มีความสมดุลระหว่างความมั่นใจในตัวเองและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น) และที่สุดปลายอีกข้างหนึ่งที่เป็นโทษและอันตราย (ระดับความมั่นใจที่แปรปรวนและขาดความเห็นอกเห็นใจแก่ผู้อื่น)
อีกทั้งภาวะหลงตัวเองยังสามารถแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 มิติด้วยกัน
1 - Agentic Narcissism หรือความต้องการเป็นที่ยกย่องและได้รับการยอมรับ และอยู่เหนือกว่าทุกคนรอบข้าง
2 - Antagonistic Narcissism หรือการขาดความเห็นอกเห็นใจ ชอบเอาเปรียบ และมองคนอื่นเป็นคู่แข่งเสมอ
3 - Neurotic Narcissism หรือการขาดความมั่นใจ อ่อนไหวต่อคำวิจารณ์ และคิดว่าคนอื่นประสงค์ร้ายต่อตัวเอง
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Psychological Bulletin ของ American Psychiatric Association PsychInfo ได้ทำการศึกษาการเปลี่ยนแปลงในระดับของภาวะหลงตัวเองจากคนในแต่ละช่วงวัย โดยได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยก่อนหน้าทั้งสิ้น 51 ชิ้น ซึ่งนับรวมเป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 37,247 คนที่มีอายุตั้งแต่ 8-77 ปี คิดเป็นผู้หญิง 52 เปอร์เซ็นต์ และผู้ชาย 48 เปอร์เซ็นต์ และโดยส่วนมากเป็นชาวยุโรปตะวันตก อเมริกัน และแคนาดา
โดยผลจากการศึกษาพบว่าเมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่ากลุ่มตัวอย่างจะมีเพศหรืออายุต่างกัน ระดับภาวะหลงตัวเองของกลุ่มตัวอย่างมีการลดลงทั้งสามมิติ โดย Agentic Narcissism จะลดลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ Antagonistic Narcissisms และ Neurotic Narcisissism ลดลงปานกลาง
อย่างไรก็ตามในกลุ่มคนที่มีภาวะหลงตัวเองมากกว่าคนทั่วไปในกลุ่มคนที่อายุเท่ากัน แม้เวลาจะผ่านไปและระดับจะลดลง แต่ก็ยังคงมีภาวะหลงตัวเองมากกว่าคนทั่วไปอยู่ดี
ทั้งนี้งานวิจัยได้วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ภาวะหลงตัวเองลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยสรุปออกมาได้เป็น 2 สาเหตุหลักๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของบทบาททางสังคม และการปรับปรุงลักษณะนิสัยให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไป จากเด็กน้อยที่ไม่ได้มีภาระยิ่งใหญ่อะไรก็ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีบทบาททางสังคมมากขึ้นพร้อมกับความรับผิดชอบเต็มบ่า ไม่ว่าจะต่อตัวเอง ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือสังคม ทั้งหมดแล้วล้วนแต่เป็นภาระที่ต้องแบกรับไว้
เมื่อได้เลือกที่จะเดินบนเส้นทางที่ต้องใส่ใจผู้อื่นมากขึ้น และลดอีโก้ของตัวเองลง เพื่อให้สามารถจัดการกับความรับผิดชอบเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้นยังได้สอนให้รู้ซึ้งถึงผลจากความหลงตัวเองและไม่เป็นมิตรต่อผู้อื่น จึงเกิดการปรับตัวทางบุคลิกภาพ แล้วลดเวลาที่เคยใช้ไปกับการสนใจแต่ตัวเองไปสนใจคนรอบข้างมากขึ้นจนภาวะหลงตัวเองที่เคยมีลดระดับลง
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยสนับสนุนว่าเมื่อเวลาผ่านไปมนุษย์เราจะพัฒนานิสัยใจคอให้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงทางอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น มีสติมุ่งมั่นกับการทำงานและความรับผิดชอบของตัวเอง อีกทั้งยังมีความเป็นมิตรต่อผู้คนมากขึ้นอีกด้วย และแน่นอนว่าความหลงตัวเองที่อาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันของความเป็นผู้ใหญ่ก็จะลดลงตามไปด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภาวะหลงตัวเองก็อาจเพิ่มขึ้นได้ในบางกรณีแม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม งานวิจัยเผยว่าเมื่อได้อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจสูงขึ้นไม่ว่าจะในที่ทำงานหรือในความสัมพันธ์ทั่วไป อาจทำให้เกิดความเอารัดเอาเปรียบ และขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งจะทำให้ภาวะหลงตัวเองโดยรวมเพิ่มขึ้นด้วย
ภาวะหลงตัวเองหากอยู่ในระดับที่พอประมาณจะทำให้มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนใดๆ แก่คนรอบข้าง แต่ในบางคนอาจมีระดับความรุนแรงขึ้นไปมากกว่าเพียงภาวะทางบุคลิกภาพ แต่เป็นโรคทางบุคลิกภาพที่เรียกว่า Narcissistic personality disorder (NPD) หรือ โรคหลงตัวเอง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรอบตัวเป็นอย่างมาก และควรได้รับการรักษาและบำบัดอย่างใกล้ชิด
โดยสรุปแล้ว อาจเป็นเรื่องดีที่ภาวะหลงตัวเองจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น แต่ทว่าระดับที่ลดลงนั้นอาจไม่ได้มากเท่าที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในเวลาอันสั้น
ดังนั้นแล้วหากคุณกำลังประสบปัญหาในความสัมพันธ์จากคนที่หลงตัวเองมากเกินไป การจะคาดหวังให้เวลาช่วยทำให้เขาเติบโตอาจไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องและดีต่อตัวคุณเองเท่าไหร่นัก และหากรับมือไม่ไหวการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญก็ถือเป็นตัวช่วยที่ดี