
27/11/2019
หนึ่งในความแตกต่างระหว่างวัชรยานกับมหายานคือ คำสอนวัชรยานเข้าใจว่า แม้แต่ความจริงโลกย์ๆ ก็เป็นอะไรที่ใช้การได้ และเปี่ยมด้วยปัญญาญาณ
ในขั้นความจริงสัมพัทธ์หรือความจริงโลกย์ๆ (kundzop) ธรรมทั้งปวงถูกมองว่าสำคัญเท่ากันหมดและอยู่ในภาวะกลางๆ เราไม่ได้มองโลกธรรมในแง่ของการเลือกปฏิบัติ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงนั้นถูกมองในฐานะโลกของความเป็นจริง ส่วนภาวะกลางๆ (equilibrium) หมายถึงความเท่ากันที่รับรู้และเข้าใจได้ หากมีสีดำ นั่นก็ไม่ได้ดีเยี่ยมอะไรเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับที่สีขาวก็ไม่ได้ดีเป็นพิเศษ หรือสีเหลือง สีเขียวก็เช่นกัน ทุกสิ่งถูกมองว่าเท่ากัน ในแง่การรับรู้ทางประสาทสัมผัส สิ่งที่เธอกำลังรับรู้ ไม่เคยถูกมองว่าสูงกว่าหรือต่ำกว่า ทุกสิ่งอยู่ในระดับปรากฏการณ์พื้นฐานที่เกิดขึ้นอยู่โดยตลอด
ธรรมชาติของวัชรยานคือการมองคุณลักษณะของความเท่ากันที่ว่านั้น เป็นการสัมพันธ์กับโลกปรากฏการณ์อย่างเข้าใกล้ยิ่งขึ้น และสัมพันธ์กับความจริงสัมบูรณ์ (tondam) ในฐานะผลพลอยได้ที่ตามมา
ในมหายาน เราพบปัญหาหนึ่ง นั่นคือการมองว่าความจริงสัมบูรณ์ สูงกว่าหรือแจ๋วกว่า ดังนั้นเราจึงมีแนวโน้มที่จะบ่มเพาะประสบการณ์ในขั้นนั้นมากกว่า และมองโลกทางกายภาพในฐานะสิ่งธรรมดาสามัญที่ไม่น่าสนใจอะไร
ทว่าในวัชรยาน แนวทางเช่นนั้นกลายเป็นปัญหา วัชรยานพัฒนาความเข้าใจที่มีต่อโลกธรรมดาสามัญ และเรียนรู้หนทางที่มันเกิดขึ้นจริงๆ เราเรียนรู้วิธีทอดไข่ดาว การที่ยางรถรั่ว การถูกล้อเลียนในงานเลี้ยง การถูกคนรักหักอก การที่มีใครบางคนเกลียดเราทั้งชีวิต...
เชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช
จาก "The Ta***ic Path of Indestructible Wakefulness: The Profound Treasury of the Ocean of Dharma vol.3"