เว็บไซต์คืออะไร?

https://www.bangkokhospital.com/center-clinic/mother-child

Moms & Kids by Bangkok Hospital, 2 ซ. ศูนย์วิจัย 7 ถ. เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ, Bangkok (2025)

09/08/2025

🤰 มารู้จักฮอร์โมน AMH: กุญแจสำคัญสู่การวางแผนมีบุตร
ในยุคที่คู่รักหลายคู่ให้ความสำคัญกับการวางแผนครอบครัวและภาวะเจริญพันธุ์ ฮอร์โมน AMH (Anti-Mullerian Hormone) ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยประเมิน "ศักยภาพรังไข่" ของผู้หญิง หรือปริมาณไข่สำรองที่เหลืออยู่ในรังไข่ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับฮอร์โมน AMH จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร หรือผู้ที่กำลังพิจารณาเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก

🤰 ฮอร์โมน AMH คืออะไร?
ฮอร์โมน AMH (Anti-Mullerian Hormone) เป็นฮอร์โมนที่ เซลล์รังไข่ผลิตขึ้น และใช้เป็น ตัวชี้วัดปริมาณฟองไข่ที่เหลืออยู่ในรังไข่ (หรือปริมาณรังไข่สำรอง) ระดับฮอร์โมน AMH จะสูงสุดในช่วงอายุประมาณ 25 ปี จากนั้นจะค่อยๆ ลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น จนกระทั่งตรวจไม่พบเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน

🤰 การตรวจ AMH มีประโยชน์สำคัญคือ
คาดการณ์จำนวนไข่ที่เก็บได้: ช่วยแพทย์ทำนายการตอบสนองของรังไข่ในผู้ที่ทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ทำให้วางแผนการกระตุ้นไข่ได้เหมาะสม
คาดการณ์วัยหมดประจำเดือน: ระดับ AMH ที่ลดต่ำลงมาก อาจบ่งชี้ว่ากำลังจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนภายใน 5 ปี
แม้ AMH จะสำคัญต่อการประเมินปริมาณไข่ แต่ ไม่ได้บ่งชี้ถึงคุณภาพของไข่หรือรับประกันความสำเร็จของการตั้งครรภ์ เพราะการตั้งครรภ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งคุณภาพไข่, อสุจิ, และสภาพมดลูก

👨‍⚕️ หากคู่รักพยายามมีบุตรด้วยวิธีธรรมชาติมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี และสนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสำหรับผู้มีบุตรยาก สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก
LINE : https://line.me/R/ti/p/%40443ptgkf
Tel : 02-3103014- 15
หรือปรึกษาผู้ชำนาญการ
คลิก https://bit.ly/3UUrCan

#เลือก รพ.ที่ใช่...ได้สุขภาพดี #โรงพยาบาลกรุงเทพ #1719

08/08/2025

🤰 การทำ ICSI (Intracytoplasmic S***m Injection) ถือเป็นความหวังสำคัญสำหรับหลายคู่ที่ต้องการมีบุตร การเตรียมความพร้อมของร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำความเข้าใจเรื่อง ฮอร์โมน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จ แพทย์จะมีการตรวจวัดระดับฮอร์โมนที่สำคัญหลายชนิดเพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายคุณผู้หญิง และวางแผนการรักษาให้เหมาะสม ฮอร์โมน 5 ชนิดที่คุณควรรู้จักก่อนทำ ICSI มีดังนี้

🔵ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen): กระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาตัว เตรียมพร้อมการฝังตัวของตัวอ่อน แพทย์จะตรวจช่วง 2-3 วันแรกของการมีประจำเดือน
🔵 ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone): ช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกคงสภาพ และพร้อมรับการฝังตัว แพทย์จะตรวจช่วงกลางรอบเดือน
🔵 ฮอร์โมน Follicle Stimulating Hormone (FSH): กระตุ้นรังไข่ให้ผลิตไข่ แพทย์จะตรวจช่วง 3-5 วันแรกของการมีประจำเดือน
🔵 ฮอร์โมน Luteinizing Hormone (LH): กระตุ้นให้ไข่ตก แพทย์จะตรวจช่วงกลางรอบเดือน
🔵 ฮอร์โมน Anti-Mullerian Hormone (AMH): บ่งบอกจำนวนไข่ที่เหลืออยู่ในรังไข่ หรือปริมาณไข่สำรอง ตรวจได้ทุกช่วงเวลา
การตรวจวัดฮอร์โมนทั้ง 5 ชนิดนี้จะช่วยให้แพทย์ผู้ชำนาญการประเมินศักยภาพการผลิตไข่ ความพร้อมของมดลูก และวางแผนการกระตุ้นไข่ รวมถึงการเตรียมผนังมดลูกได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการทำ ICSI

👨‍⚕️ หากคู่รักพยายามมีบุตรด้วยวิธีธรรมชาติมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี และสนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสำหรับผู้มีบุตรยาก สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก
LINE : https://line.me/R/ti/p/%40443ptgkf
Tel : 02-3103014- 15
หรือปรึกษาผู้ชำนาญการ
คลิก https://bit.ly/3UUrCan

#เลือก รพ.ที่ใช่...ได้สุขภาพดี #โรงพยาบาลกรุงเทพ #1719

07/08/2025

👨‍⚕️ เมื่อลูกมีอาการป่วย คุณพ่อคุณแม่มักสับสนว่าอาการที่เห็นนั้นเป็นสัญญาณของโรคอะไรกันแน่ เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน ลองมาดูความแตกต่างของอาการในแต่ละโรคกัน
😷💉แยกอาการแต่ละโรค: สังเกตอย่างไรเมื่อลูกป่วย
⏩ โรคภูมิแพ้ มีอาการเด่น ได้แก่ จามบ่อย น้ำตาไหล คันตา คัน/คัดจมูก อาจมีน้ำมูกใส ๆ หรือมีผื่นแพ้ตามผิวหนัง
⏩ โรคไข้หวัด มีอาการเด่น ได้แก่ คัดจมูก น้ำมูกใส ไอมีเสมหะ จาม เจ็บคอ เสียงแหบ และอาจมีไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะเล็กน้อย
⏩ โรคไข้หวัดใหญ่ มีอาการเด่น ได้แก่ มีไข้สูงติดต่อกันหลายวัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก ไอแห้ง ๆ เจ็บคอ และอาจมีน้ำมูก
⏩ โรคโควิค-19 มีอาการเด่น ได้แก่ มีไข้ รู้สึกเมื่อยล้า ไอแห้ง ๆ หายใจลำบาก บางครั้งอาจมีอาการเจ็บคอ
หากไม่แน่ใจว่าอาการของลูกเป็นอะไร หรืออาการแย่ลง ไม่ว่าจะปวดหัวหนักขึ้น ไอมากขึ้น หรือมีไข้สูงไม่ลดลง อย่านิ่งนอนใจ ควรพาไปพบแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องทันที การวินิจฉัยที่แม่นยำและรวดเร็วจะช่วยให้ลูกได้รับการดูแลที่เหมาะสม และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจอาการของโรคมากขึ้น สามารถอ่านเพิ่มเติม คลิก https://bkhos.co/u7zepF
👨‍⚕️ หากคุณแม่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพของลูกน้อย สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์กุมารเวช
LINE : https://lin.ee/vkC0Uw8
Tel : 02-3103006
หรือปรึกษาผู้ชำนาญการ
คลิก https://bit.ly/3UUrCan

#ครบทุกมิติดูแลสุขภาพเด็ก #โรงพยาบาลกรุงเทพ #1719

05/08/2025

🩵ในยุคที่อาหารการกินอุดมสมบูรณ์และเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น🩵
"โรคอ้วนในเด็ก" ได้กลายเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพ หลายคนอาจมองข้ามหรือคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่แท้จริงแล้ว โรคอ้วนในเด็กนั้นแฝงไปด้วยอันตรายและผลกระทบระยะยาวที่ร้ายแรงกว่าที่เราคาดคิด มาทำความเข้าใจถึงภัยเงียบนี้ ไปพร้อมกัน

อันตรายจากโรคอ้วนในเด็ก: ภัยคุกคามที่ต้องระวัง
🔴มีความเสี่ยงต่อภาวะเป็นสาวก่อนวัย
🔴ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง กลุ่ม NCD เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวาน ภาวะไขมันพอกตับ
🔴มีปัญหาการหายใจ หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
🔴เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกและข้อ ปวดขา ข้อเสื่อม เหนื่อยง่าย
🔴เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดในระยะยาว
🔴การขาดความมั่นใจ ถูกเพื่อนหรือบุคคลรอบข้างล้อทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าในเด็ก
🔴ระบบผิวหนัง เหงื่ออกมาก ผิวหนังอับชื้น เกิดเชื้อราได้ง่าย
โรคอ้วนในเด็กไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่ควรมองข้าม การตระหนักถึงอันตรายเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ปกครองและผู้ดูแลให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อสุขภาพที่ดีและอนาคตที่สดใสของเด็กๆ และหากไม่สามารถลดน้ำหนักได้ ควรพบแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อตรวจวินิจฉัย เจาะเลือด และรับการรักษาทันที เพื่อให้เข้าใจถึงอันตรายโรคอ้วนในเด็กเพิ่มมากขึ้น

สามารถอ่านเพิ่มเติม คลิก https://bkhos.co/BtjUGz

👨‍⚕️ หากคุณแม่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพของลูกน้อย สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์กุมารเวช
LINE : https://lin.ee/vkC0Uw8
Tel : 02-3103006
หรือปรึกษาผู้ชำนาญการ
คลิก https://bit.ly/3UUrCan

#ครบทุกมิติดูแลสุขภาพเด็ก #โรงพยาบาลกรุงเทพ #1719

01/08/2025

💸 ค่าห้องแทบไม่ต้องจ่าย ลูกป่วยก็อุ่นใจ 💙
เศรษฐกิจแบบนี้ รพ.กรุงเทพขอร่วมดูแลคุณและลูกรักผ่านโครงการ “แอดมิดอุ่นใจ สบายกระเป๋า ลูกรักปลอดภัย”

กับ แพ็กเกจรักษาเด็กแบบผู้ป่วยในสำหรับกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหาร ราคาพิเศษ 25,000 บาท (นอน รพ.2 คืน) รวมส่วนลดค่าห้องพักแล้วลดสูงสุดถึง 80%

วันที่ 1 ส.ค. – 31 ธ.ค. 2568

สอบถามเพิ่มเติมศูนย์กุมารเวช คลิก 📲 LINE https://bkhos.co/6Wywj3
หรือโทร. 0 2310 3006

เงื่อนไข:
-แพ็กเกจราคานี้สำหรับผู้ป่วยเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่นอน รพ.สำหรับกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหาร เท่านั้น
-แพ็กเกจรวมค่าแพทย์/ รวมค่าห้องพัก/ รวมค่ายาและค่าเวชภัณฑ์ตามที่กำหนดในแพ็กเกจ
-การเลือกใช้แพ็กเกจขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
-สำหรับคนไทย และ EXPAT
-ใช้ได้ที่ รพ.กรุงเทพ ซอยศูนย์วิจัย เท่านั้น
-เงื่อนไขเป็นไปตามที่ รพ.กำหนด

29/07/2025

🤰 การตั้งครรภ์ที่ราบรื่น เป็นสิ่งที่คุณแม่ตั้งท้องทุกคนปรารถนา แต่ใครจะรู้บ้างว่า จู่ๆ ก็อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นได้กับทารกในครรภ์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “สายสะดือพันคอทารก” เรามาทำความเข้าใจภาวะนี้กันครับ
♦️ สายสะดือพันคอ คืออะไร ?
👩‍⚕️ สายสะดือพันคอทารก (Nuchal cord) เป็นภาวะที่ส่วนใหญ่คุณแม่ไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ และไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งการตรวจพบอาจมาจากความผิดปกติของอัตราการเต้นหัวใจทารกหรือพบได้จากการอัลตราซาวนด์ทารก สิ่งสำคัญที่สุด คือ คุณแม่ควรสังเกตการดิ้นของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหลังอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ หากลูกในครรภ์ดิ้นน้อยลง ควรรีบมาพบแพทย์ผู้ชำนาญการทันที

♦️ สายสะดือพันคอ มีสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงจากอะไร ?
👩‍⚕️ สายสะดือพันคอทารก เป็นภาวะที่พบได้ สาเหตุอาจมาจากการเคลื่อนไหวที่มากเกินไปของทารกในครรภ์, ความผิดปกติ หรือความยาวที่มากเกินไปของสายสะดือ, ปริมาณน้ำคร่ำมากกว่าปกติ แม้ส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตราย แต่บางครั้งอาจส่งผลให้ทารกได้รับสารอาหารและออกซิเจนไม่เพียงพอจนอาจเกิดภาวะขาดออกซิเจน การสังเกตอาการตนเองด้วยการนับลูกดิ้น และการไปตรวจครรภ์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ จึงมีความสำคัญในการลดความเสี่ยงของภาวะอันตรายจากสายสะดือพันคอ เนื่องจากสัญญาณแรกของการขาดออกซิเจนของทารก คือการดิ้นลดลงนั่นเอง
แม้ว่าภาวะสายสะดือพันคอส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตราย แต่ในบางกรณีอาจส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนที่ส่งไปยังทารกได้ ดังนั้น การดูแลครรภ์อย่างสม่ำเสมอและสังเกตการดิ้นของลูกน้อยในครรภ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากมีความผิดปกติใด ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อรับการวินิจฉัยและการดูแลที่เหมาะสม
ต้องการปรึกษาวางแผนการตั้งครรภ์ การคลอด และการดูแลหลังคลอด สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที ศูนย์สุขภาพสตรี
LINE : https://lin.ee/7ZYvDVB
Tel : 02-3103005, 02-7551005
หรือปรึกษาผู้ชำนาญการ
คลิก https://bit.ly/3UUrCan

#เลือก รพ.ที่ใช่...ได้สุขภาพดี #โรงพยาบาลกรุงเทพ #1719

16/07/2025

👨‍⚕️ สำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษด้านพัฒนาการและพฤติกรรม เช่น เด็กออทิสติก หรือเด็กสมาธิสั้น การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนอนุบาลในช่วงอายุ 3-6 ขวบเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่และเรียนรู้อย่างมีความสุข นี่คือ 6 กิจกรรมที่แนะนำเพื่อใช้เตรียมความพร้อมให้กับเด็กๆ ก่อนเข้าเรียนอนุบาลค่ะ
🔵 Outdoor Activity: กิจกรรมนอกห้องเรียนที่เปิดกว้างความคิดของเด็ก ๆ เพื่อให้สัมผัสถึงความสุขในการใช้ชีวิตและเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย
🔵 Individual Training: กิจกรรมฝึกทักษะการสื่อสาร การเล่น และกิจกรรมบำบัดแบบตัวต่อตัอ จำนวน 4 ครั้ง / คอร์ส เพื่อเพิ่มทักษะที่จำเป็นให้กับเด็กแต่ละคน โดยผู้ชำนาญการเฉพาะทางในแต่ละด้าน
🔵 Special Skill Training: กิจกรรมศิลปะ ดนตรี ทำอาหาร และฝึกการผ่อนคลาย (Art / Music / Cooking / Relaxation Therapy) ช่วยให้เด็กค้นพบวิธีผ่อนคลายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการจัดการอารมณ์ที่หลากหลายของตนเอง
🔵 ADL (Activity of Daily Living) Training: กิจกรรมกลุ่มที่จะช่วยกระตุ้นให้เด็ก ๆ อยากช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น โดยมีครูผู้ชำนาญคอยให้การสนับสนุนเพื่อช่วยให้เด็กแต่งตัว เข้าห้องน้ำ บอกความต้องการ และกินข้าวได้ด้วยตนเอง
🔵 Social Skill Training: กิจกรรม Morning Talk ตอนเช้าและกิจกรรมกลุ่มตลอดทั้งวันกับผู้ชำนาญการปรับพฤติกรรม ช่วยให้เด็ก ๆ ซึมซับทักษะการรอคอย การแบ่งปัน การเคารพกติกา การเห็นอกเห็นใจกัน การสื่อสาร และการแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม รวมทั้งมีส่วนร่วมในสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
🔵 Pre – Academic Skill Training: กิจกรรม Early Childhood Education ที่เลือกให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน ช่วยให้เด็ก ๆ พัฒนาทักษะการอ่านและการคำนวณเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการศึกษาชั้นปฐมวัย

สำหรับทั้ง 6 กิจกรรมนี้อยู่ในโปรแรม Hospital Kindergarten Group เพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กพิเศษวัย 3-6 ขวบ เน้นปรับพฤติกรรม พัฒนาการช่วยเหลือตนเอง และทักษะทางสังคม เป้าหมายคือการคืนเด็กสู่ภาวะปกติและเข้าเรียนในชั้นเรียนปกติได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลิก https://bkhos.co/OMTZY8

👨‍⚕️ หากคุณแม่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพของลูกน้อย สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ คลินิกพัฒนาการเด็ก ศูนย์กุมารเวช
LINE : https://lin.ee/vkC0Uw8
Tel : 02-7551213 02-3103006
หรือปรึกษาผู้ชำนาญการ
คลิก https://bit.ly/3UUrCan

#ครบทุกมิติดูแลสุขภาพเด็ก #โรงพยาบาลกรุงเทพ #1719

14/07/2025

👨‍⚕️ สำหรับคู่รักที่กำลังวางแผนมีบุตร การทำความเข้าใจและคำนวณวันไข่ตกอย่างแม่นยำเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ มาดูกันค่ะว่ามีวิธีนับวันไข่ตกอย่างไรบ้างสำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก
🔵 วิธีคำนวณวันไข่ตกเพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร การทราบวันไข่ตกจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิได้ โดยมีวิธีการคำนวณง่ายๆ ดังนี้
1. คำนวณความยาวรอบเดือน: เริ่มนับจากวันแรกที่มีประจำเดือนในรอบเดือนล่าสุด ไปจนถึงวันแรกที่มีประจำเดือนในรอบเดือนถัดไป ซึ่งจะใช้ความยาวรอบเดือนมาคำคำนวณหาวันไข่ตก
2. หาวันไข่ตกโดยประมาณ: โดยทั่วไป วันไข่ตกจะอยู่ประมาณกึ่งกลางของรอบเดือน หากรอบเดือนยาว 28 วัน ตัวอย่างเช่น ให้นำ 28 หารด้วย 2 จะได้ 14 ดังนั้น วันที่ 14 นับจากวันแรกของประจำเดือนล่าสุด จะเป็นวันไข่ตกโดยประมาณ
เมื่อทราบวันไข่ตกโดยประมาณแล้ว ควรเริ่มมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 1-2 วันก่อนวันไข่ตก และต่อเนื่องไปจนถึง 2-3 วันหลังวันไข่ตก เนื่องจากช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ไข่มีชีวิตอยู่และพร้อมสำหรับการปฏิสนธิกับอสุจิ การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงดังกล่าวจะช่วยเพิ่มโอกาสให้อสุจิได้พบกับไข่ได้มากที่สุดค่ะ

👨‍⚕️ หากคู่รักพยายามมีบุตรด้วยวิธีธรรมชาติมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี และสนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสำหรับผู้มีบุตรยาก สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก

LINE : https://line.me/R/ti/p/%40443ptgkf
Tel : 02-3103014- 15
หรือปรึกษาผู้ชำนาญการ
คลิก https://bit.ly/3UUrCan

#เลือก รพ.ที่ใช่...ได้สุขภาพดี #โรงพยาบาลกรุงเทพ #1719

10/07/2025

🧍‍♂️ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตของคุณผู้ชายหลายๆ ท่าน มาทำความเข้าใจถึงสาเหตุภาวะนี้กันค่ะ 🚨

👨‍⚕️ ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นภาวะที่ความสามารถในการแข็งตัวของอวัยวะเพศลดลง ซึ่งมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่การแข็งตัวในช่วงเช้าลดลง อวัยวะเพศอ่อนตัวขณะสอดใส่ ไปจนถึงขั้นไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นให้แข็งตัว ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุของแต่ละบุคคล

🔵อายุที่มากขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น การทำงานของร่างกายและระบบต่างๆ รวมถึงระบบสืบพันธุ์จะเสื่อมถอยลงตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้
🔵ระดับฮอร์โมนเพศชายลดลง: ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเป็นฮอร์โมนหลักที่มีบทบาทสำคัญต่อสมรรถภาพทางเพศ เมื่อระดับฮอร์โมนนี้ลดลง ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาการแข็งตัวได้
🔵ความเครียดสะสม: ความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะทางจิตใจต่างๆ สามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบประสาทและฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของอวัยวะเพศ
🔵พักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ หรือมีคุณภาพไม่ดี จะส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม รวมถึงสมรรถภาพทางเพศด้วย
🔵สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: สารเคมีในบุหรี่สามารถทำลายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังอวัยวะเพศได้ไม่ดี ในขณะที่การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากก็ส่งผลเสียต่อระบบประสาทและฮอร์โมน
🔵มีโรคประจำตัว: โรคบางชนิดมีความสัมพันธ์กับภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เช่น โรคเบาหวานที่ส่งผลต่อเส้นประสาทและหลอดเลือด โรคไขมันในเลือดสูงและโรคความดันโลหิตสูงที่ทำให้หลอดเลือดตีบตัน ซึ่งส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศ
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและสุขภาพโดยรวมของแต่ละบุคคล การปรึกษาผู้ชำนาญการเพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ พบคำแนะนำในการดูแลคุณภาพอสุจิ อ่านเพิ่มเติมที่นี่ คลิก https://bkhos.co/jS3iZL

👨‍⚕️ หากคู่รักพยายามมีบุตรด้วยวิธีธรรมชาติมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี และสนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสำหรับผู้มีบุตรยาก สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก

LINE : https://line.me/R/ti/p/%40443ptgkf
Tel : 02-3103014- 15
หรือปรึกษาผู้ชำนาญการ
คลิก https://bit.ly/3UUrCan

#เลือก รพ.ที่ใช่...ได้สุขภาพดี #โรงพยาบาลกรุงเทพ #1719

08/07/2025

🤰 อาการกรดไหลย้อนตอนท้องนี่ทรมานไม่น้อยเลยนะครับ มาดูกันว่าทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ถึงเป็น และจะมีวิธีรับมืออาการกรดไหลย้อนได้อย่างไรบ้าง

♦️ ทำไมคนท้องถึงเป็นกรดไหลย้อน ?
👩‍⚕️ กรดไหลย้อนขณะตั้งครรภ์ เป็นอาการที่พบได้บ่อย ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและระบบภายในร่างกายทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะอาหารนานกว่าปกติ รวมถึงการขยายตัวของมดลูก เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก ทำให้กระเพาะอาหารถูกดันขึ้นและเกิดภาวะกรดไหลย้อน คุณแม่มักมีอาการแสบร้อนที่หน้าอก โดยเฉพาะเวลากลางคืนหรือหลังรับประทานอาหาร อาการนี้มักเกิดได้ทุกช่วงของการตั้งครรภ์

♦️ เป็นกรดไหลย้อนตอนท้อง รับมืออย่างไร ?
👩‍⚕️ การรับมือกรดไหลย้อนขณะตั้งครรภ์ ทำได้ดังนี้ครับ
1. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารก่อนนอน: การทานอาหารใกล้เวลานอนจะเพิ่มความเสี่ยงของกรดไหลย้อน เนื่องจากกระเพาะอาหารยังคงทำงานและผลิตน้ำย่อยที่มีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งอาจไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนและปวดแน่นหน้าอกได้ ดังนั้น ควรรออย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงหลังทานอาหารแล้วค่อยเอนตัวลงนอน

2. ใช้ยารักษากรดไหลย้อนตามคำแนะนำของแพทย์: คุณแม่สามารถใช้ยารักษาอาการกรดไหลย้อนได้ แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลและดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้นนะครับ อย่าซื้อยามารับประทานเองโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์

3. ใส่ใจกับอาหารที่รับประทาน: การหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดที่มีแนวโน้มกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อนเป็นสิ่งสำคัญครับอาหารที่ควรลดหรือหลีกเลี่ยง ได้แก่ อาหารหมักดอง, อาหารรสจัด (เผ็ดหรือเปรี้ยวจัด), รวมถึงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ครับ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารสามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการได้

หากคุณแม่มีอาการกรดไหลย้อนขณะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม ห้ามซื้อยามารับประทานเองนะครับ
ต้องการปรึกษาวางแผนการตั้งครรภ์ การคลอด และการดูแลหลังคลอด สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์สุขภาพสตรี

LINE : https://lin.ee/7ZYvDVB
Tel : 02-3103005, 02-7551005
หรือปรึกษาผู้ชำนาญการ
คลิก https://bit.ly/3UUrCan

#เลือก รพ.ที่ใช่...ได้สุขภาพดี #โรงพยาบาลกรุงเทพ #1719

04/07/2025

🤰ท้องแตกลายขณะตั้งครรภ์ เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการขยายตัวของผนังหน้าท้องที่รวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อคุณแม่อายุครรภ์ 5 เดือนขึ้นไป ผิวที่ขาดความยืดหยุ่นและชุ่มชื้น จะเกิดรอยแดงและแตกลายได้ง่ายขึ้นครับ

♦️หน้าท้องแตกลายขณะตั้งครรภ์มีกี่ระดับ ?
👩‍⚕️ หน้าท้องแตกลายในคุณแม่ตั้งครรภ์ จะมีอยู่ 2 ระดับ คือ ระยะเริ่มต้น (striae rubra) ผิวหน้าท้องจะมีรอยแตกลายสีแดงหรือม่วงคล้ำ อาจมีอาการแสบหรือคัน ระยะสุดท้าย (striae alba) ผิวหน้าท้องจะมีรอยแตกลายสีขาว และเกิดริ้วรอยลึก

♦️5 ปราการป้องกันท้องแตกลาย
🔹 บำรุงผิวด้วยครีมและออยล์: ทาครีมบำรุงผิวหรือออยล์สำหรับคุณแม่ท้องเป็นประจำ เช้า-เย็น เน้นบริเวณท้อง หน้าอก สะโพก ก้น และต้นขา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่น
🔹 นวดน้ำมันเบาๆ: นวดบริเวณท้อง เอว สะโพก และต้นขาด้วยน้ำมันธรรมชาติ (เช่น มะกอก มะพร้าว) เช้า-เย็น ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและลดการแตกลาย อีกทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
🔹 เลี่ยงการเกา: เมื่อคัน ห้ามเกา เพราะจะทำให้ผิวอักเสบและแตกง่าย ให้ทาครีมหรือออยล์เบาๆ แทน
🔹 อาบน้ำอุ่นพอดี: หลีกเลี่ยงน้ำร้อนจัดที่ทำให้ผิวแห้งและแตกง่าย ใช้น้ำอุ่นที่ไม่ร้อนจัด และทาครีมบำรุงผิวทันทีหลังอาบน้ำ
🔹 คุมน้ำหนัก: ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เน้นอาหารมีประโยชน์ ลดไขมันและน้ำตาล การที่น้ำหนักขึ้นเร็วเกินไปทำให้ผิวขยายตัวเร็วและแตกลายง่าย ควรดื่มน้ำวันละ 12 แก้ว เพื่อผิวชุ่มชื้นและยืดหยุ่น

แม้ว่าการป้องกันอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงรอยแตกลายได้ทั้งหมด แต่การดูแลผิวอย่างถูกวิธีจะช่วยลดความรุนแรงและทำให้รอยแตกลายจางลงได้ในที่สุด หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรปรึกษาผู้ชำนาญการเพิ่มเติมครับ

หากคุณแม่ต้องการปรึกษาการเรื่องสุขภาพขณะตั้งครรภ์ การคลอด การดูแลสุขภาพหลังคลอด สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที ศูนย์สุขภาพสตรี
LINE : https://lin.ee/7ZYvDVB
Tel : 02-3103005, 02-7551005
หรือปรึกษาผู้ชำนาญการ
คลิก https://bit.ly/3UUrCan

#เลือก รพ.ที่ใช่...ได้สุขภาพดี #โรงพยาบาลกรุงเทพ #1719

25/06/2025

👨‍⚕️ รู้ไหมคะว่า ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรังคือความผิดปกติของรังไข่ที่ส่งผลให้ไข่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ นำไปสู่ปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ และเป็นสาเหตุสำคัญของการมีบุตรยาก แนวทางการรักษาภาวะนี้มุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นการทำงานของรังไข่เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
1. ยากระตุ้นไข่ชนิดรับประทาน: แพทย์อาจสั่งจ่ายยากระตุ้นการตกไข่ ซึ่งบางครั้งอาจใช้ร่วมกับยาอื่น ๆ เช่น Metformin เพื่อเสริมให้รังไข่ตอบสนองต่อยาได้ดีขึ้น

2. ยากระตุ้นไข่ชนิดฉีดขนาดต่ำ: การใช้ยาฉีดในปริมาณน้อยเพื่อกระตุ้นให้เกิดไข่จำนวนจำกัด (น้อยกว่า 3 ใบ) เมื่อไข่เจริญเติบโต อาจแนะนำให้มีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติหากน้ำเชื้อปกติ หรือฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูกหากน้ำเชื้อมีคุณภาพไม่ดีนัก

3. ยากระตุ้นไข่ชนิดฉีดเพื่อการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF): ในกรณีที่ต้องการไข่หลายใบ จะมีการใช้ยากระตุ้นไข่และเก็บไข่เพื่อนำไปผสมกับอสุจิภายนอกร่างกาย (IVF) จากนั้นจะทำการแช่แข็งตัวอ่อน และรอให้ร่างกายพร้อมก่อนย้ายตัวอ่อนกลับสู่โพรงมดลูกในรอบเดือนธรรมชาติ

- แนวทางการรักษาภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรังเพื่อการมีบุตรนั้นมีตั้งแต่การใช้ยากระตุ้นไข่ ไปจนถึงการปฏิสนธิภายนอกร่างกายและการเลี้ยงไข่อ่อน ซึ่งผู้ชำนาญการจะพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

👨‍⚕️ หากคู่รักพยายามมีบุตรด้วยวิธีธรรมชาติมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี และสนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสำหรับผู้มีบุตรยาก สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก

LINE : https://line.me/R/ti/p/%40443ptgkf
Tel : 02-3103014- 15
หรือปรึกษาผู้ชำนาญการ
คลิก https://bit.ly/3UUrCan

#เลือก รพ.ที่ใช่...ได้สุขภาพดี #โรงพยาบาลกรุงเทพ #1719

Moms & Kids by Bangkok Hospital

09/08/2025

08/08/2025

07/08/2025

05/08/2025

01/08/2025

29/07/2025

16/07/2025

14/07/2025

10/07/2025

08/07/2025

04/07/2025

25/06/2025

ที่อยู่

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

ติดต่อ การปฏิบัติ

ทางลัด

แนะนำ

แชร์

ประเภท