สัมมนาสุขภาพดีดี

สัมมนาสุขภาพดีดี ประชาสัมพันธ์และสำรองที่นั่งกิจกร?

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว๒๘ กรกฎาคม ๒...
28/07/2022

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า ทีมแอดมินเพจ #สัมมนาสุขภาพดีดี

9 เทคนิคสุขภาพดี...😊1. จิบน้ำบ่อยๆสมองประกอบด้วยน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์ เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่...
09/07/2022

9 เทคนิคสุขภาพดี...😊

1. จิบน้ำบ่อยๆ
สมองประกอบด้วยน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์ เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ
2. กินไขมันดี
คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวันจำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่างปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดีที่ทำให้เซลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่นค่ะ
3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ (ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน)
4. ใส่ความตั้งใจ
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆเพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอนเดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ
6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา ฯลฯเพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอนเดอร์ฟินและโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง
8. เขียนบันทึก Graceful Journal
ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึกเช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข ฯลฯ เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก
พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
9. ฝึกหายใจลึกๆ
สมองใช้ออกซิเจน 20-25 เปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์...
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า m.me/Goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492

 #หัวใจคืออวัยวะสำคัญของชีวิตดังนั้นเราควรต้องหมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย....โรคหัวใจเป็นโรคที่พบบ่อย โด...
06/07/2022

#หัวใจคืออวัยวะสำคัญของชีวิต
ดังนั้นเราควรต้องหมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย....
โรคหัวใจเป็นโรคที่พบบ่อย โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบซึ่งพบว่าเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิตเฉียบพลัน นอกจากนี้โรคหัวใจยังรวมถึง โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ โรคเยื่อหุ้มหัวใจ
โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลกถึง 1 ใน 3 ของผู้ที่เสียชีวิต ทั้งหมดในแต่ละปี โรคหัวใจและหลอดเลือดนับเป็นสาเหตุการตายอันดับ 3 รองมาจากโรคมะเร็งและอุบัติเหตุ และมีแนวโน้ม สูงขึ้นเรื่อยๆ
สัญญาณเตือน...ว่าคุณมีความเสี่ยงโรคหัวใจหรือไม่ ‼️
1.ใจสั่น
2.เหนื่อยง่าย
3.ขาบวม
4.เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก
5.หน้ามืด วูบ เป็นลมบ่อย
6.ตื่นกลางดึกเพราะหายใจลำบาก
7.เมื่อนอนหงายแล้วหายใจลำบาก
8.ชอบเข้าห้องน้ำกลางดึก
การดูแลตนเองและการป้องกันโรคหัวใจ
ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจ สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจแม้ไม่มีสาเหตุเฉพาะเจาะจงชัดเจน มีปัจจัยหลายอย่างที่หากเราควบคุมได้ดีจะช่วยลดโอกาสโรคหลอดเลือดหัวใจลงได้มาก เช่น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ควบคุมความดันโลหิตไม่ให้สูงเกินมาตรฐาน ควบคุมคอเลสเตอรอล และเบาหวาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีเกลือและไขมันอิ่มตัวต่ำ ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินมาตรฐาน ลดความเครียด ฝึกสุขอนามัยที่ดี
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า m.me/Goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492

สัมมนาเชิงสุขภาพ รอบวันเสาร์ที่ 2 กค.นี้  ยังรับอีก 5 ที่นั่งนะคะสนใจเข้าร่วมสัมมนาฟรีสามารถแจ้ง ชื่อ-นามสกุล  พร้อมเบอร...
30/06/2022

สัมมนาเชิงสุขภาพ รอบวันเสาร์ที่ 2 กค.นี้ ยังรับอีก 5 ที่นั่งนะคะ
สนใจเข้าร่วมสัมมนาฟรี
สามารถแจ้ง ชื่อ-นามสกุล พร้อมเบอร์โทร.ติดต่อได้เลยค่ะ

แอดมินรีบลงทะเบียนสำรองที่นั่งให้ค่ะ

รู้ทัน...สัญญาณเตือน  #โรคเบาหวานโรคเบาหวาน เกิดจากความบกพร่องของตับอ่อนในกระบวนการสร้างอินซูลินและความผิดปกติของกระบวนก...
29/06/2022

รู้ทัน...สัญญาณเตือน #โรคเบาหวาน
โรคเบาหวาน เกิดจากความบกพร่องของตับอ่อนในกระบวนการสร้างอินซูลินและความผิดปกติของกระบวนการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ส่งผลให้มีการสะสมระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นโรคเบาหวาน และเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเรื้อรังอื่นๆ มากมายแล้ว ปัจจุบันโรคเบาหวานยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผู้ติดเชื้อ COVID-19 มีอาการรุนแรงจนถึงกับเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ นอกจากการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด เรายังสามารถสังเกตอาการเพื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงของการเป็นโรคเบาหวาน จากสัญญาณต่อไปนี้

1. ปัสสาวะบ่อยมาก
‣ จากภาวะที่น้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากไตไม่สามารถกรองน้ำตาลส่วนเกินกลับคืนสู่เลือดได้หมด จึงปล่อยให้น้ำตาลออกมาพร้อมปัสสาวะ ผู้ป่วยเบาหวานจึงปัสสาวะบ่อยและมีปริมาณมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืนมักต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ

2. คอแห้ง กระหายน้ำ
‣ เกิดจากร่างกายเสียน้ำไปกับการปัสสาวะบ่อยและในปริมาณมาก ทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ส่งผลให้มีอาการคอแห้งกระหายน้ำบ่อย

3. หิวบ่อย กินจุ
‣ เนื่องจากร่างกายขาดพลังงาน จึงทำให้รู้สึกหิวบ่อยจนต้องกินมากขึ้นกว่าเดิม

4. น้ำหนักลด
‣ ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้ และการขาดน้ำจากการปัสสาวะบ่อย ร่างกายจึงจำเป็นต้องนำโปรตีนและไขมันที่เก็บสะสมไว้มาใช้แทน จนทำให้น้ำหนักตัวลดลงโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าเกิดจากการเป็นเบาหวาน

5. ชาปลายมือปลายเท้า
‣ เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนทำลายเส้นประสาทส่วนปลาย ส่งผลให้อวัยวะบางส่วนชา หรืออาจมีอาการที่ใกล้เคียงกัน คือความรู้สึกจากการสัมผัสลดลงจนไม่เหลือความรู้สึกบริเวณปลายประสาท

6. แผลหายช้า
‣ เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง จนทำให้การทำงานของหลอดเลือดผิดปกติ เลือดจึงไม่สามารถหล่อเลี้ยงแผลได้เพียงพอ กระบวนการในการซ่อมแซมร่างกายที่ผิดปกติ ส่งผลให้แผลหายช้า หากดูแลรักษาไม่ดีอาจกลายเป็นแผลเรื้อรัง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย

7. ตาพร่ามัว มองไม่ชัด
‣ สายตาที่พร่ามัวเกิดจากระดับของน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ส่งผลให้มีปริมาณน้ำตาลคั่งในเลนส์ตา และยังสามารถทำให้เกิดปฏิกิริยากับดวงตาจนทำให้เส้นเลือดประสาทตา (Retina) ผิดปกติ โดยอาการตาพร่ามัวอาจรุนแรงจนถึงขั้นตาบอดได้

8. ผิวหนังแห้งและคัน
‣ เกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน จึงปัสสาวะบ่อยจนทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้ง หรือมีอาการคันตามผิวหนังโดยไม่พบรอยโรค

ดังนั้น ใครก็ตามที่มีอาการหรือสัญญาณเตือนเหล่านี้ ก็บ่งบอกได้ว่าน่าจะมีภาวะเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานอยู่ ดังนั้นเมื่อสงสัยในความผิดปกติที่เกิดขึ้นร่างกาย จงอย่าชะล่าใจ! ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจ “คัดกรองเบาหวาน” จะได้ผลการวินิจฉัยที่ถูกต้องแม่นยำ เพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที

เพราะ “โรคเบาหวาน” เป็นโรคที่เราสามารถป้องกันได้ เพียงแค่ปรับพฤติกรรม รักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย ดูแลอาหารการกินให้ดี เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอก็ลดโอกาสที่จะไม่เป็นผู้ป่วยเบาหวานได้แล้ว! แต่หากมีอาการเมื่อไหร่ ควรรีบพบแพทย์
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า m.me/Goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492
#โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง #เบาหวาน #รู้ก่อนป้องกันได้ #สัมมนาสุขภาพดีดี

 #ความดันโลหิตสูง เป็น ภัยเงียบ ค่ะ เพราะส่วนใหญ่จะไม่มีอาการเลย..ไม่ปวด ไม่มึนศีรษะเลย ถึงแม้ความดันจะสูงมาก.ไม่วัดก็จะ...
23/06/2022

#ความดันโลหิตสูง เป็น ภัยเงียบ ค่ะ เพราะส่วนใหญ่จะไม่มีอาการเลย..ไม่ปวด ไม่มึนศีรษะเลย ถึงแม้ความดันจะสูงมาก.ไม่วัดก็จะไม่ทราบ..แม้กระทั่งวัดแล้วพบว่าสูง หลายคนยัง เข้าใจผิดคิดว่าความดันสูงเป็นปรกติของตัวเอง เพราะไม่รู้สึกผิดปกติ

แต่การที่ไม่มีอาการนี่แหละคะ..ถ้าทิ้งไว้โดยไม่รักษานานเข้า จะทำให้ หัวใจโต ตามด้วย..หัวใจวายล้มเหลวเฉียบพลัน..หลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน..หลอดเลือดสมองแตกหรือตีบจนเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต..ไตวาย..จอประสาทตาเสื่อมจนตาบอด ได้เลยทีเดียว

การวินิจฉัยว่าเป็น ความดันโลหิตสูง
ใช้เกณฑ์ 140/90 ขึ้นไป (ตัวบน 140 และ/หรือ ตัวล่าง 90 ขึ้นไป) จึงเรียกว่าเป็น ความดันโลหิตสูงค่ะ
• 140-159/90-99 คือ ความดันโลหิตสูงระดับที่ 1
• 160-179/100-109 คือ ความดันโลหิตสูงระดับที่ 2
• 180/110 ขึ้นไป คือ ความดันโลหิตสูงระดับที่ 3
ใครบ้างที่จะต้องเริ่มกินยาลดความดันเลย และ ใครบ้างที่จะให้เวลาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูก่อน

จำง่ายๆค่ะ..เริ่มกินยาเลยทุกคนที่ความดัน 140/90 ขึ้นไป..ยกเว้น แค่ 3 กลุ่ม คือ..
กลุ่มแรก คือ คนที่ความดันโลหิตสูงระดับที่ 1 ที่ไม่มีโรคเบาหวาน, ไม่มีโรคไต, ไม่มีโรคหัวใจ, ไม่มีโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต, ไม่มีภาวะแทรกซ้อนในจอประสาทตา และ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น อายุไม่เกิน 45 (ชาย) หรือ 55 (หญิง), ไม่สูบบุหรี่, ไม่มีไขมันผิดปรกติ และ ไม่มีประวัติครอบครัวพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคหลอดเลือดตีบก่อนวัยอันควร
กลุ่มนี้จะให้เวลาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 3-6 เดือน ก่อนค่ะ โดยงดอาหารเค็ม ถ้าอ้วนน้ำหนักเกินให้ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักและพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้ายังลงไม่ถึงเป้าหมาย แพทย์จึงจะเริ่มให้รับประทานยา
กลุ่มที่สอง คือ คนที่อายุ 80 ปีขึ้นไป..กลุ่มนี้แพทย์จะเริ่มทานยาเมื่อ ความดันตัวบน 160 ขึ้นไป และ/หรือ ตัวล่าง 90 ขึ้นไป เท่านั้น
กลุ่มที่สาม คือ คนไข้ที่เป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต(ที่พ้น 3 วันแล้ว) หรือ เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ..กลุ่มนี้ บางราย แพทย์อาจจะให้ทานยาเลยตั้งแต่ ความดัน 130/85 ขึ้นไป
อย่าลืมว่าคนที่เป็น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน, โรคอัมพฤกษ์อัมพาต หรือ โรคไตวายจนต้องฟอกไต นั้น ส่วนใหญ่ มีต้นเหตุมาจาก ความดันโลหิตสูงมาก่อน แล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องค่ะ
การหมั่นวัดความดันโลหิตเสมอๆ และปรึกษาเเพทย์เมื่อมีความผิดปกติและเข้ารับการดูแลรักษาแต่เนิ่นๆ ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรละเลยนะคะ เพื่อป้องกันโรคหัวใจ หลอดเลือด สมองและไต อวัยวะที่สำคัญของเราให้แข็งแรงอยู่คู่กับเราไปนานๆ ค่ะ
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า m.me/Goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492

 #โรคหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular diseases) เป็นกลุ่มโรคที่เกิดกับระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมัน ...
09/06/2022

#โรคหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular diseases) เป็นกลุ่มโรคที่เกิดกับระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมัน โปรตีน และแร่ธาตุในผนังหลอดเลือด จนเกิดการตีบตันและแคบลง ทําให้มีความต้านทานการไหลของเลือด หลอดเลือดขาดความยืดหยุ่น และเปราะบางมากขึ้น
🫀สาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด
ปัจจุบันยังมีหลายโรคในกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ยังบอกสาเหตุได้ไม่ชัดเจน แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงที่บ่งชี้ว่า อาจเป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ แบ่งเป็น 3 ปัจจัย ดังนี้
👉 ปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เช่น การได้รับข้อมูลที่ผิด การอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงอาหารคุณภาพได้ยาก ฐานะทางการเงิน อาชีพเสี่ยง และระดับการศึกษา
👉 ปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรม เช่น การรับประทานอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย ขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และความเครียด
👉 ปัจจัยเสี่ยงด้านสภาวะโรค เช่น โรคอ้วน ภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และภาวะไขมันผิดปกติ
🫀อาการของโรคหัวใจและหลอดเลือด
• เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก คล้ายมีของหนักทับ มีอาการเจ็บใต้กระดูกด้านซ้าย อาจเจ็บร้าวไปถึงแขนข้างซ้ายได้
• หอบ เหนื่อยง่ายผิดปกติ โดยเป็นเวลาออกแรง เช่น การเดิน วิ่ง หรือทำงาน แต่ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเหนื่อยขณะพักได้
• ใจสั่น เป็นการที่หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เต้นผิดจังหวะ เต้นไม่สม่ำเสมอ หรือเต้นๆหยุดๆ
• ขาบวม เกิดจากการที่หัวใจด้านขวาทำงานลดลง เลือดไม่สามารถไหลเข้าสู่หัวใจด้านขวาได้ จึงมีเลือดค้างอยู่ที่ขามากขึ้น
• เวียนศรีษะ หน้ามืดจะเป็นลม หรือหมดสติ อาจเกิดขึ้นได้จากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
🤗 วิธีการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคหัวใจและหลอดเลือดจัดเป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non communicable disease หรือ NCDs) ที่สามารถป้องกันได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการบริโภคอาหาร ซึ่งสามารถทำได้ ดังนี้
✔ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
• เลือกรับประทานข้าว/แป้งไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขนมปังโฮลวีท
• เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูปและเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง
• รับประทานผักให้มากขึ้นในแต่ละมื้อ
• ประกอบอาหารด้วยวิธีต้ม นึ่ง ตุ๋น อบ ยำ แทนการทอดหรือผัดที่ใช้น้ำมันเยอะๆ
• ลดการเติมเครื่องปรุงต่างๆเพิ่มลงไปในอาหาร และหลีกเลี่ยงการวางเครื่องปรุงไว้ที่โต๊ะอาหาร
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

✔ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
• เริ่มด้วยกิจกรรมเบาๆแล้วค่อยๆเพิ่มตามที่ร่างกายตัวเองไหว
• ออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกาย อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน หรือ 150 นาทีต่อสัปดาห์
• ลดเครื่องทุ่นแรงในชีวิตประจำวันให้น้อยลง เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ ปั่นจักรยานแทนการขับเครื่องยนต์เมื่อไปซื้อของใกล้ๆ
• ผ่อนคลายความเครียด วิธีจัดการหรือผ่อนคลายความเครียดของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเครียดหรือไม่สบายใจ ก็ให้พักสิ่งนั้นเอาไว้ แล้วไปทำกิจกรรมตามที่ตัวเองชอบหรือสนใจ
🚭 งดการสูบบุหรี่
ด้วยความห่วงใย จาก สัมมนาสุขภาพดีดี
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า m.me/goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492
#เข้าใจปัญหาเสริมการรักษาด้วยความรู้ #สัมมนาสุขภาพดีดี #โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง #โรคหัวใจและหลอดเลือด

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus: DM) เป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin)...
07/06/2022

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus: DM) เป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) หรือการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้กระบวนการดูดซึมน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานของเซลล์ในร่างกายมีความผิดปกติหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนเกิดน้ำตาลสะสมในเลือดปริมาณมาก หากปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะนี้เป็นเวลานานจะทำให้อวัยวะต่าง ๆ เสื่อม เกิดโรคและอาการแทรกซ้อนขึ้น
🔹️อาการของโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานในระยะแรกจะไม่แสดงอาการผิดปกติ บางรายอาจตรวจพบโรคเบาหวานเมื่อพบภาวะแทรกซ้อนขึ้นแล้ว อาการของโรคเบาหวานแต่ละชนิดอาจมีความคล้ายกัน ซึ่งอาการที่พบส่วนใหญ่ คือ กระหายน้ำมาก ปากแห้ง ปัสสาวะบ่อย หิวบ่อย น้ำหนักลดหรือเพิ่มผิดปกติ สายตาพร่ามัว เห็นภาพไม่ชัด รู้สึกเหนื่อยง่าย มีอาการชาโดยเฉพาะมือและขา บาดแผลหายยาก เป็นต้น
🔹️สาเหตุของโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานมีหลายประเภท สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
- เบาหวานประเภทที่ 1 (Type 1 Diabetes) เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้
- เบาหวานประเภทที่ 2 (Type 2 Diabetes) เกิดจากการที่ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ หรือเกิดภาวะการดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance)
- เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) เป็นโรคเบาหวานที่พัฒนาขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์จากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน โดยที่ผู้ป่วยไม่เคยเป็นโรคเบาหวานมาก่อน
นอกจากโรคเบาหวานทั้ง 3 ประเภทแล้วยังมีโรคเบาหวานที่พบได้ไม่บ่อยอย่างโรคเบาหวานที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือแบบโมโนเจนิก (Monogenic Diabetes) อีกทั้งยังมีโรคเบาหวานจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การใช้ยา หรือเกิดจากโรคชนิดอื่นอย่างโรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) ด้วย
🔹️การป้องกันโรคเบาหวาน
สิ่งสำคัญของการป้องกันโรคเบาหวานทุกชนิด คือ ต้องคอยหมั่นระวังระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอลให้อยู่เกณฑ์ปกติ เน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสารอาหารครบถ้วน มีกากใยสูง หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากเป็นสตรีมีครรภ์ควรเข้ารับการฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ และได้รับการตรวจคัดกรองเบาหวานหากมีความเสี่ยง เพื่อสามารถตรวจพบโรคเบาหวานได้ในระหว่างการตั้งครรภ์
ด้วยความห่วงใย จาก สัมมนาสุขภาพดีดี
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า m.me/goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492
#เข้าใจปัญหาเสริมการรักษาด้วยความรู้ #สัมมนาสุขภาพดีดี #โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง #เบาหวาน

หลายคนส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมการกินการดื่มที่ไม่ถูกต้อง จนบ่อยครั้งหลงลืมไปว่าร่างกายได้รับผลกระทบไปด้วย รู้ตัวอีกทีก็เกิด...
06/06/2022

หลายคนส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมการกินการดื่มที่ไม่ถูกต้อง จนบ่อยครั้งหลงลืมไปว่าร่างกายได้รับผลกระทบไปด้วย รู้ตัวอีกทีก็เกิดอาการป่วยโดยไม่รู้ตัวไปแล้วด้วยซ้ำก็มี ซึ่งโรคเหล่านี้ก็เป็นผลมาจากนิสัยของเรานี่เอง ก่อนที่ร่างกายจะป่วยด้วยกลุ่มโรค NCDs นั้น วันนี้เรามีวิธีการกินอย่างไรให้ห่างไกลจากกลุ่มโรค NCDs มาฝากค่ะ

• กินหวาน มัน เค็ม แนะนำหลักการกินในแต่ละวัน 6:6:1 คือ กินน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา น้ำมันไม่เกิน 6 ช้อนชา เกลือไม่เกิน 1 ช้อนชา ซึ่งจะทำให้ห่างไกลโรค NCDs

• กินผลไม้วันละ 1-2 ผล เช่น กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล ชมพู่ ฝรั่ง แทนคุกกี้หรือขนมกรุบกรอบ หากทำอย่างสม่ำเสมอจะได้ปริมาณอาหารในกลุ่มนี้ครั้งละ 100 – 150 กรัม ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม (ผัก 3 ส่วน ผลไม้ 2 ส่วน)

• การกินไขมัน ควรเลือกเนื้อสัตว์ประเภทไก่ หรือปลาในการนำมาประกอบอาหาร นอกจากในเนื้อสัตว์แล้ว เรายังได้รับไขมันจากพืชได้อีกด้วย โดยไขมันจะพบมากในพืชตระกูลถั่ว อะโวคาโด เป็นต้น

• กินในปริมาณที่พอเหมาะ โดยกลุ่มที่ต้องการพลังงานน้อย 1,600 กิโลแคลอรี่/วัน ได้แก่ เด็กอายุ 6 – 13 ปี หญิงวัยทำงาน อายุ 25 – 60 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มที่ต้องการพลังงานปานกลาง 2,000 กิโลแคลอรี่/วัน ได้แก่ วัยรุ่นหญิง-ชาย อายุ 14 – 25 ปี ชายวัยทำงาน อายุ 25 – 60 ปี และกลุ่มที่ต้องการพลังงานมาก 2,400 กิโลแคลอรี่/วัน ได้แก่ ผู้ใช้แรงงานและนักกีฬา

• กินอาหารอย่างถูกวิธี โดยกินช้า เคี้ยวให้ละเอียด กินถูกเวลา หนักมื้อเช้า เบามื้อเที่ยง เลี่ยงมื้อเย็น งดมื้อดึก เลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ก่อนกินอาหาร

พฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกต้องอาจนำพาไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้นะคะ หากเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเสียใหม่ กินให้ถูก เสียตั้งแต่วันนี้ ย่อมห่างไกลจากโรคนี้อย่างแน่นอนค่ะ
🙇‍♀️ ขอบคุณข้อมูลจาก รพ.วิชัยยุทธ
ด้วยความห่วงใย จาก สัมมนาสุขภาพดีดี
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า m.me/goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492
#เข้าใจปัญหาเสริมการรักษาด้วยความรู้ #สัมมนาสุขภาพดีดี #โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

NCDs (Non-Communicable Diseases) หมายถึง กลุ่มโรคที่เกิดจากพฤติกรรมของคนคนนั้นเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ และไ...
05/06/2022

NCDs (Non-Communicable Diseases) หมายถึง กลุ่มโรคที่เกิดจากพฤติกรรมของคนคนนั้นเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ และไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ เป็นกลุ่มโรคประเภทไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน, โรคมะเร็ง, โรคความดันโลหิต, โรคถุงลมโป่งพอง เป็นต้น
สิ่งที่คนส่วนใหญ่นั้นเข้าใจผิดสำหรับโรคในกลุ่ม NCDs คือ การที่เข้าใจว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับคนที่สูงอายุ หรือคนที่มีฐานะดีเท่านั้น ซึ่งแท้ที่จริงแล้วสาเหตุของการเกิดโรค มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนคนนั้นเกือบ 100% จากสถิติข้อมูลทางการแพทย์พบว่าจาก 1 ใน 4 ของการเสียชีวิตด้วยโรค NCDs นั้น พบว่ามีอายุน้อยกว่า 60 ปี โดยสาเหตุคือ พฤติกรรมของคนคนนั้นในวัยหนุ่มสาว ที่ไม่ใส่ใจสุขภาพจนทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิต ฯ จนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในอายุยังน้อยในเวลาต่อมา
พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคในกลุ่ม NCDs
1. การทานอาหารในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมดจนทำให้เกิดการสะสมของไขมันในร่างกาย

2. ดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง สารชูกำลัง เป็นระยะเวลานาน จนเกิดการสะสมสารเหล่านั้นในร่างกาย

3. สูบบุหรี่ ทำให้เป็นสาเหตุของอวัยวะภายในบกพร่องและผิดปกติ เช่น ปอด หัวใจ สมอง เป็นต้น

4. พักผ่อนไม่เพียงพอเป็นประจำ

5. ติดหวาน พฤติกรรมการบริโภคที่ชอบทานของหวาน หรืออาหารหวานมาก ๆ จะทำให้ตับเราทำงานหนักจนกลายเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน

6. มีพฤติกรรมที่ชอบบริโภคอาหารที่เป็นไขมันมากเกินไป จนเป็นสาเหตุของโรคด้านไขมันต่าง ๆ

7. เครียดอยู่เสมอ เมื่อเราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ออกมาทำให้ร่างกายขาดน้ำตาล ขาดออกซิเจน จนเป็นสาเหตุให้เซลล์ในร่างกายตายเร็ว แล้วความเครียดก็เป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย
เมื่อเราทราบแล้วว่าโรคภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดจากโชคชะตา ฟ้าลิขิตแต่อย่างใด แต่เกิดจากพฤติกรรมของเราเองล้วนๆ ดังนั้นแล้วเราจึงควรหันกลับมาใส่ใจสุขภาพ ทั้งภายในและภายนอก ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และเสริมสุขภาพจิตให้มีความสุขอยู่เสมอ เพียงเท่านี้เราก็จะห่างไกลจากโรคร้าย แถมยังทำให้คนรอบข้างเรามีความสุขตามไปได้อีกด้วย
ด้วยความห่วงใย จาก สัมมนาสุขภาพดีดี
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า m.me/goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492
#เข้าใจปัญหาเสริมการรักษาด้วยความรู้ #สัมมนาสุขภาพดีดี #โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

ความรุนแรงของโรคไตเรื้อรัง แบ่งการป่วยออกเป็น 5 ระยะ คือโรคไตเรื้อรังระยะที่ 1 ไตยังทำงานปกติ แต่ตรวจพบความปกติของไต เช่...
03/06/2022

ความรุนแรงของโรคไตเรื้อรัง แบ่งการป่วยออกเป็น 5 ระยะ คือ
โรคไตเรื้อรังระยะที่ 1 ไตยังทำงานปกติ แต่ตรวจพบความปกติของไต เช่น พบโปรตีนรั่วในปัสสาวะ หรือ พบเม็ดเลือดขาวเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ อาจเรียกได้ว่า “ไตเริ่มผิดปกติ”
โรคไตเรื้อรังระยะที่ 2 ไตทำงานเหลือ 60-90% หรือไตเรื้อรังระยะเริ่มต้น
โรคไตเรื้อรังระยะที่ 3 ไตทำงานเหลือ 30-60% หรือไตเรื้อรังระยะปานกลาง
โรคไตเรื้อรังระยะที่ 4 ไตทำงานเหลือ 15-30% หรือไตเรื้อรังรุนแรง
โรคไตเรื้อรังระยะที่ 5 ไตทำงานเหลือน้อยกว่า 15% หรือไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
ด้วยความห่วงใย จาก สัมมนาสุขภาพดีดี
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า
m.me/goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492
#เข้าใจปัญหาเสริมการรักษาด้วยความรู้ #สัมมนาสุขภาพดีดี #โรคไต

02/06/2022

สัมมนาสุขภาพดีดี ร่วมกับ Wellness Club จัดกิจกรรมงานสัมมนาเชิงสุขภาพ มีผู้ที่สนใจลงทะเบียนร่วมรับฟังกว่า 100 ที่นั่ง ณ อาคาร วรรณสรณ์ พญาไท
ทีมงานของเก็บภาพบรรยากาศมาฝากค่ะ
สัมมนาสุขภาพดีดีครั้งถัดไปจะจัดในวันไหน ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า
m.me/goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492
#เข้าใจปัญหาเสริมการรักษาด้วยความรู้ #สัมมนาสุขภาพดีดี

มาเช็ค 6 อาการสัญญาณเตือนโรคไตกันนะคะ​ โรคไต เป็นภัยเงียบอย่างหนึ่ง เพราะในระยะเริ่มแรกอาจไม่มีอาการเตือนให้ทราบ จะมีอาก...
02/06/2022

มาเช็ค 6 อาการสัญญาณเตือนโรคไตกันนะคะ​ โรคไต เป็นภัยเงียบอย่างหนึ่ง เพราะในระยะเริ่มแรกอาจไม่มีอาการเตือนให้ทราบ จะมีอาการออกมาเมื่อไตเสื่อมไปมากแล้ว
ด้วยความห่วงใย จาก สัมมนาสุขภาพดีดี
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า
m.me/goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492
#เข้าใจปัญหาเสริมการรักษาด้วยความรู้ #สัมมนาสุขภาพดีดี

🍏3 สูตรลับ น้ำผัก-ผลไม้ สำหรับคนอยากพุงลด !❎ไม่ใช้ผักหรือผลไม้ที่มีรสชาติหวานเกินไป❎ไม่ดื่มน้ำผัก-ผลไม้ชนิดเดิมซ้ำ ๆ ทุก...
02/06/2022

🍏3 สูตรลับ น้ำผัก-ผลไม้ สำหรับคนอยากพุงลด !
❎ไม่ใช้ผักหรือผลไม้ที่มีรสชาติหวานเกินไป
❎ไม่ดื่มน้ำผัก-ผลไม้ชนิดเดิมซ้ำ ๆ ทุกวัน
❎ไม่ควรดื่มหมดภายในรวดเดียว ค่อยๆ จิบไปเรื่อยๆ
❎ไม่ควรใส่ผักที่มีสีเขียวเข้มลงไปมากเกิน
❎ไม่ผสมผัก-ผลไม้แบบมั่ว ๆ
ดื่มน้ำผัก-ผลไม้ตอนที่ท้องว่าง
✅ควรล้างผักหรือผลไม้ให้สะอาดก่อนนำมาใช้
✅ดื่มน้ำผัก-ผลไม้ทันทีที่ทำเสร็จ ไม่ทำค้างไว้นานจนเกินไป
:
#สูตรที่1 :สูตรน้ำผัก-ผลไม้ : แอปเปิลเขียว + ผักกาดหอม
😋 สูตรเน้นขับถ่ายดี สวยจากภายใน
ส่วนผสม
-แอปเปิลเขียว 1 ลูก
-ผักกาดหอม 4-5 ใบ
-ใส่น้ำเล็กน้อย
😋 ปั่นให้ละเอียดเข้ากัน อร่อย กินง่ายกว่าที่คิด
:
#สูตรที่2 :สูตรน้ำผัก-ผลไม้ : น้ำเสาวรส + สับปะรด + โยเกิร์ต
😋 สูตรย่อยง่าย ใครมีปัญหาระบบขับถ่ายจัดเลย พุงยุบแน่นอน!
ส่วนผสม
-น้ำเสาวรส 2 ลูก
-สับปะรดหั่นแช่แข็ง 3-4 ชิ้น
-โยเกิร์ตแช่เย็นครึ่งถ้วย
-เกลือป่นเล็กน้อย
😋 นำทุกอย่างปั่นรวมกัน พร้อมดื่มเตรียมตัวผอมได้เลย!
:
#สูตรที่3 : สูตรน้ำผัก-ผลไม้ : กล้วยหอม+สตรอว์เบอร์รี+โยเกิร์ต+นม
😋 สูตรลดพุง อิ่มอยู่ท้อง
ส่วนผสม
-กล้วยหอมแช่แข็งครึ่งลูก
-สตรอว์เบอร์รีแช่แข็ง 5-6 ลูก
-โยเกิร์ตแช่เย็นครึ่งถ้วย
-นมไขมันต่ำแช่เย็นครึ่งแก้ว
😋 ประโยชน์มากมายขนาดนี้เสียดายถ้าไม่ลองกินน้า !
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า
m.me/goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492
#เข้าใจปัญหาเสริมการรักษาด้วยความรู้ #สัมมนาสุขภาพดีดี

ค่าความดันโลหิตแบ่งออกเป็น 2 ค่า คือค่าความดันโลหิตตัวบน (Systolic Blood Pressure) คือค่าความดันโลหิตในหลอดเลือดที่เกิดข...
02/06/2022

ค่าความดันโลหิตแบ่งออกเป็น 2 ค่า คือ
ค่าความดันโลหิตตัวบน (Systolic Blood Pressure) คือค่าความดันโลหิตในหลอดเลือดที่เกิดขึ้นขณะที่หัวใจบีบตัว
ค่าความดันโลหิตตัวล่าง (Diastolic Blood Pressure) คือค่าความดันของเลือดที่ขณะที่หัวใจคลายตัว
โดยในประเทศไทยกำหนดค่าความดันโลหิตปกติคือค่าความดันโลหิตตัวบนไม่เกิน 140 และตัวล่างไม่เกิน 90 มิลลิเมตรปรอท โดยค่าความดันโลหิตสูงแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
ระดับที่ 1 ตัวบนเกิน 140 มม.ปรอท หรือตัวล่างเกิน 90 มม.ปรอท
ระดับที่ 2 ตัวบนเกิน 160 มม.ปรอท หรือตัวล่างเกิน 100 มม.ปรอท
ระดับที่ 3 ตัวบนเกิน 180 มม.ปรอท หรือตัวล่างเกิน 110 มม.ปรอท
ทั้งนี้ การวัดค่าความดันโลหิตเพียงครั้งเดียวยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง จำเป็นต้องวัดซ้ำ 2 – 3 ครั้ง และตรวจติดตามเป็นระยะเพราะค่าความดันโลหิตเป็นตัวเลขที่มีปัจจัยหลายอย่างมากระทบได้ง่าย เช่น ความเหนื่อย ความเครียดหรือกังวล เป็นต้น
ด้วยความห่วงใย จาก สัมมนาสุขภาพดีดี
ท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสัมมนาเชิงสุขภาพ และสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ได้ทางเพจนี้เลยนะคะ
ติดต่อสอบถาม/ลงทะเบียนสำรองที่นั่งล่วงหน้า
m.me/goodhealthyseminar
โทร.096-713-3492
#เข้าใจปัญหาเสริมการรักษาด้วยความรู้ #สัมมนาสุขภาพดีดี #ความดันสูง #ความดันโหิตสูง

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+66967133492

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สัมมนาสุขภาพดีดีผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง สัมมนาสุขภาพดีดี:

แชร์