Siam Land Of Smile Dispensary

Siam Land Of Smile Dispensary ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Siam Land Of Smile Dispensary, การแพทย์และสุขภาพ, Bangkok.

High Season Wellness: Leading the Wellness Revolution in Thailand's New Cannabis EraIntroduction:As Thailand ushers in a...
12/01/2024

High Season Wellness: Leading the Wellness Revolution in Thailand's New Cannabis Era

Introduction:

As Thailand ushers in a new era with its transformative cannabis laws, High Season Wellness Medical Cannabis Dispensaries is at the forefront, embodying the spirit of these changes. Our ethos, "I don't smoke w**d to escape reality, I smoke w**d to enjoy reality even more," encapsulates our commitment to enhancing wellness through the medicinal benefits of cannabis. This article explores the alignment of the new laws with our mission and how we are uniquely positioned for this historic transition.

Thailand's Cannabis Law Reform:

The shift in Thailand's cannabis legislation to a medicinal-centric approach brings significant changes:

Imposing restrictions on cannabis sale
locations and prohibiting recreational use.
Emphasizing the role of cannabis in medicinal, research, and educational applications.
Introducing stringent measures against impaired driving due to cannabis use.

High Season Wellness: A Commitment to Enhanced Reality:

The ethos of High Season Wellness has always been about enhancing the reality of wellness. Our focus is not on escapism but on amplifying the quality of life through the therapeutic properties of cannabis. The new laws align perfectly with our vision, allowing us to continue providing peak wellness experiences through quality, medicinal-grade cannabis.

Adapting to the New Regulations:
Our dispensaries are adapting in several key ways:

Ensuring Regulatory Compliance: We're committed to upholding the highest standards in line with the new regulatory landscape, ensuring safe and legal access to medicinal cannabis.

Shifting Focus to Medicinal Cannabis: Aligning with our ethos, we're intensifying our focus on medicinal cannabis, recognizing its potential to elevate and enhance reality.

Ramping Up Education and Training: We believe in educating both our staff and customers about the positive, reality-enhancing qualities of cannabis.

Our Readiness for the New Era:

Flexibility and Experience: Our expertise in the cannabis industry equips us with the agility needed to navigate these regulatory changes effectively.
Commitment to Education: Staying true to our belief in the positive aspects of cannabis, we see education as key to transforming perceptions and emphasizing its wellness-enhancing qualities.
Innovative Wellness Approach: Our pioneering integration of modern and traditional wellness practices aligns seamlessly with the medicinal cannabis emphasis of the new laws.
Strong Community Engagement: Our longstanding commitment to community trust and education places us in a leading position in the shift to a wellness-oriented approach to cannabis.

Conclusion:

The new cannabis laws in Thailand resonate deeply with the core beliefs and mission of High Season Wellness. Our motto has always reflected a commitment to using cannabis as a means to enhance and appreciate the reality of wellness. Embracing these changes, High Season Wellness is ready to lead in the medicinal cannabis space, staying true to our vision of enhancing reality, not escaping it.

งานวันกัญชาโลก 2023 : Green Cannabis Krabi 420เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอเรียนเชิญทุกท่านสัมผัสโลกของกัญชาในวาระงานวัน...
11/04/2023

งานวันกัญชาโลก 2023
: Green Cannabis Krabi 420

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอเรียนเชิญทุกท่านสัมผัสโลกของกัญชาในวาระงานวันกัญชาโลกประจำปี 2023 ภายใต้การจัดงานชื่อว่า Green Cannabis Krabi 420 ในปีนี้มีเป้าหมายสำคัญยิ่งของการขับเคลื่อนให้ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงกัญชาในฐานะความมั่นคงทางยา

วาระ 420 ในปีนี้จึงถือเป็นการร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ของประชาชนไม่ให้นำกัญชากลับสู่ยาเสพติด ด้วยการการรณรงค์ภายใต้แคมเปญ ‘1ล้านรายชื่อไม่เอากัญชากลับสู่ยาเสพติด’ และเป็นจุดเริ่มต้นของการรณรงค์จัดทำร่าง พ.ร.บ.ควบคุมกัญชา กัญชง พ.ศ.... จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกันในวาระสำคัญนี้

Green Cannabis Krabi 420 เป็นงานที่จะเสนอรูปธรรมการใช้กัญชาของประชาชนตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยในวาระนี้เราได้ร่วมกันสืบค้นการใช้กัญชาในวิถีหมอพื้นบ้านภาคใต้พบว่าหลายพื้นที่ใช้กัญชาทำยารักษามาอย่างยาวนาน ทั้งปรากฎหลักฐานการใช้โดยการบอกเล่าสืบสานและปรากฎในหนังสือโบราณเรียกว่าหนังสือบุด หมอพื้นบ้านและผู้อาวุโสเหล่านี้ได้ร่วมกันต่อสู้ให้กัญชาอยู่คู่กับประชาชนมาตั้งแต่ครั้งอดีต ในวาระเปิดงานครั้งนี้เราจึงเรียนเชิญ 3 ผู้อาวุโสในฐานะบุคคลที่ต่อสู้และสืบสานกัญชามาเป็นผู้เปิดงาน

เป้าหมายหลักของการจัดงาน Green Cannabis Krabi 420 ในปีนี้คือ ‘การเข้าถึงกัญชาในฐานะความมั่นคงทางยาของประชาชน’ ในวาระสำคัญนี้เราได้เรียนเชิญ โกดำ ในฐานะผู้อาวุโสในวงการกัญชา ผู้พัฒนาสายพันธุ์และใช้กัญชารักษาผู้คนมานานมาเป็นผู้ปาฐกถาเพื่อแสดงให้ว่ากัญชาควรเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชน

โลกของกัญชานั้นหลากหลายและกว้างขวาง ในงาน Green Cannabis Krabi 420 ครั้งนี้มีการแสดงผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากกัญชา ทั้งยา เครื่องสำอางค์ อาหาร รวมทั้งการแสดงต้นกัญชาหลากหลายสายพันธุ์ เพื่อทำให้ผู้ร่วมงานเห็นถึงความกว้างขวางของกัญชาที่สามารถนำไปเป็นส่วนผสมที่หลากหลายในการดูแลและรักษาสุขภาพรวมทั้งความหลากหลายทางพันธุกรรม

เพื่อเป็นการสนับสนุนยุทธศาสตร์ให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองในงาน
Green Cannabis Krabi 420 จะมีการอบรมการทำยากัญชาเพื่อเป็นองค์ความรู้ให้กับประชาชนพึ่งพาตนเองรวมทั้งผลิตภัณฑ์พื้นฐานอื่นๆที่ประชาชนสามารถใช้กัญชาเป็นส่วนผสมในการดูแลสุขภาพของตนเอง

เพื่อขับเคลื่อนไปสู่สิทธิของประชาชนเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยและภาคีหลากหลายภาคส่วนจะได้ร่วมกันแถลงการณ์ครั้งสำคัญเพื่อการขับเคลื่อนกัญชาสู่สิทธิพื้นฐานของประชาชน

จึงขอเรียนเชิญทุกท่านมาร่วมกันที่จังหวัดกระบี่ในวาระสำคัญนี้เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้กัญชาเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชน เพื่อต่อสู้กับ 4 พรรคการเมืองที่แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในการนำกัญชากลับไปสู่ยาเสพติดหลังการเลือกตั้ง

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอยืนยันว่ากัญชาต้องเป็นสิทธิพื้นฐานทางยาของประชาชน

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย
10 เมษายน 2566

ขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจ
เข้าร่วมงาน GREEN CANNABIS KRABI 420
วันที่ 20 เมษายน 2566 (วันกัญชาโลก)
ตั้งแต่เวลา 13.00-24.00 น.
ณ.ถนนเจ้าฟ้า ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่
#เขียนอนาคตกัญชาไทย

Good job
25/11/2022

Good job

 **dnesday 💚🌍🌈
02/11/2022

**dnesday 💚🌍🌈

Psychedelic downtempo meets deep dubby bass lines It is a match made in Heaven Look deeper in the about section to learn more about Tryptology and the Intent...

  💚🌍
07/10/2022

💚🌍

To artists/labels: Uploads are for promotional purposes, no intended copyright infringement. If you wish your copyrighted material to be removed, send me a p...

  🌈🚦"I'm always trying to get my mind at peace. I know I hit my best when everything is chill."Cliff Floyd
27/09/2022

🌈🚦
"I'm always trying to get my mind at peace. I know I hit my best when everything is chill."
Cliff Floyd


Hello friends, we make this Mix available for download in high quality (WAV), plus Artwork + Tracklist!Download link (we request a small donation to help the...

 👍👍   🚦at
22/09/2022

👍👍 🚦at

[00:00] 01. Bon Voyage[00:42] 02. L'aventure Fantastique[03:44] 03. Dear Mr. Salesman[07:57] 04. Bachelor Pad (F.P.M. Edit)[12:43] 05. Fantastic Plastic Worl...

  ช่วงหน้าฝนแบบนี้ หลายๆคนอาจเลือก นั่งดูถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ/get high หรือปาร์ตี้กับเพื่อนอยู่ที่บ้านมากกว...
20/08/2022



ช่วงหน้าฝนแบบนี้ หลายๆคนอาจเลือก นั่งดูถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ/get high หรือปาร์ตี้กับเพื่อนอยู่ที่บ้านมากกว่าจะออกไปแฮงค์ตามคลับผับบาร์และสถานที่โปรดต่างๆ ในช่วงสุดสัปดาห์แบบนี้
ดนตรีเลาจน์ เป็นอีกแนวดนตรีเต้นรำที่สนุกคึกคักแต่ไม่หนักกระโหลกหนักอกหรือหนักใจ เพราะ จังหวะจะเนิบๆไม่ต่างจากฮิปฮอปสักเท่าไหร่ ซึ่งเหมาะกับการนั่งชิลล์และดูดสูดกลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้ง ได้อย่างมีความสุข
คืนนี้เรายก ดนตรีเลาจน์สุดเท่จากเซียงไฮ้มาให้คุณได้รื่นรมย์กันทั้งคืน 🚦

Provided to YouTube by Universal Music GroupDeng Zhe Ni Hui Lai (Waiting 4 You) · Guang BaiShanghai Lounge Divas℗ 2003 EMI (HK) Ltd.Released on: 2004-01-01St...

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะวิธีใช้กัญชา🌿 ในระหว่างทำเคมีบำบัด 👨‍⚕️🌿 ในวัฒนธรรมสมัยนิยม หรือวัฒนธรรมร่วมสมัย คำว่า "กัญชา" (Cann...
24/07/2022

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะวิธีใช้กัญชา🌿 ในระหว่างทำเคมีบำบัด 👨‍⚕️
🌿 ในวัฒนธรรมสมัยนิยม หรือวัฒนธรรมร่วมสมัย คำว่า "กัญชา" (Cannabis) และ "การรักษามะเร็ง" (cancer treatment) มักจะไปด้วยกันในความคิดโดยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
🌿 งานวิจัย – มีหลักฐานที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อการสนับสนุนการใช้กัญชาในการรักษาโรคมะเร็งและอาการที่เกิดร่วม เช่น ความเจ็บปวด อาการคลื่นไส้และเบื่ออาหาร น่าเสียดายว่าด้วยข้อจำกัดสถานะทางกฎหมายของกัญชาควบคู่ไปกับการมีแพทย์ไม่เพียงพอที่ศึกษาด้านกัญชาเฉพาะจึงเป็นเหตุให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา (oncologists) หลายคนลังเลที่จะแนะนำกัญชาให้กับผู้ป่วย ด้วยเหตุนี้ผู้ป่วยจึงมักใช้กัญชากันเองโดยไม่แจ้งให้แพทย์ทราบ
🌿 ในปี 2018 จากการสำรวจผู้ป่วยโรคมะเร็ง พบว่า 1ใน 8 ของจำนวนผู้ป่วยรายงานว่าได้ใช้กัญชาเพื่อรักษาอาการมะเร็ง ซึ่งในการสำรวจเดียวกันมีผู้ป่วยเพียง 15% เท่านั้นที่เห็นด้วยกับข้อความว่า “ กัญชารบกวนยาตัวอื่นๆ” ความเห็นนี้เป็นความเข้าใจผิดๆ เป็นแนวคิดที่คลาดเคลื่อนซึ่งเป็นอันตราย ตามที่ Dr. Joseph Rosado แพทย์ด้านกัญชา, อาจารย์ผู้บรรยายและผู้เขียนหนังสือ Hope and Healing: The Case for Cannabis อธิบายว่ากัญชามีปฏิกิริยาเกิดผลกับยาทุกตัวที่ผ่านกระบวนการทางตับ รวมถึงยาเคมีบำบัดทุกชนิด และสิ่งที่ควรรู้คือ จนถึงปัจจุบัน Dr. Rosado ได้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยยากัญชาเกือบ 400 ราย จากการพูดคุยกับ Dr. Rosado เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกัญชาและยาเคมีบำบัด
🌿 กัญชามีปฏิกิริยากับยาเคมีบำบัดได้อย่างไร?
🌿 เมื่อบริโภคกัญชาเข้าไปในร่างกายทางช่องปาก สารแคนนาบินอยด์ (cannabinoids) ในกัญชา เช่น THC และ CBD จะมีปฏิกิริยากับยาตัวอื่นๆ ที่ดำเนินการโดยไซโตโครม P450 (CYP) ซึ่งเป็นเอนไซม์ในตับ ปฏิกิริยาที่มีต่อกันนี้จะมีผลทำให้ระดับของยาตัวอื่นๆ เพิ่มขึ้น ลดลง หรือเพิ่มขึ้นแล้วก็ลดลง ร่างกายของเราใช้เอนไซม์ CYP ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในกระบวนการเปลี่ยนแปลงสภาพของยา (Drug metabolism) เพื่อเผาผลาญยาส่วนใหญ่ที่เราบริโภคที่วางตลาด 60% รวมไปถึงยาเคมีบำบัดทั้งหมด และยาต้านโรคลมชัก, ยารักษาโรคหัวใจและยาต้านเชื้อรา (ยาที่ชื่อลงท้ายด้วย “azole”)
🌿 ยาเคมีบำบัด (ยาคีโม) เป็นพิษต่อเซลล์ ซึ่งหมายความว่าพวกมันเป็นพิษต่อเซลล์ที่มีชีวิตทั้งหมด จุดมุ่งหมายของการทำเคมีบำบัด คือการฆ่าเซลล์มะเร็งให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้พร้อมกับลดการตายของเซลล์ที่มีเม็ดเลือดดี เนื่องจากการมีปฏิกิริยากับเอนไซม์ CYP ผู้ป่วยที่ใช้ยากัญชาพร้อมกับการทำเคมีบำบัดจะมีความเสี่ยงต่อการมีความเข้มข้นของสารเคมีที่เป็นพิษที่แตกต่างกันในเลือดมากกว่าที่คาดไว้ ทำให้กัญชาและเคมีบำบัดเป็นส่วนผสมที่อาจเกิดอันตรายขึ้นได้
🌿 ผู้ป่วยที่รักษาด้วยเคมีบำบัดสามารถใช้กัญชาได้หรือไม่?
🌿 ข่าวดีอ้างอิงจาก Dr. Rosado ที่อธิบายว่ากัญชาสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยร่วมกับการรักษาด้วยเคมีบำบัด ปฏิกิริยาในตับที่มีต่อกันกับยา สามารถหลีกเลี่ยงได้ง่ายโดยเปลี่ยนวิธีการจัดการกับการให้ยากัญชาของผู้บริโภค
🌿 ปฏิกิริยาของเอนไซม์ CYP ในตับส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการบริโภคยาทางช่องปาก (ยาเม็ด, ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา(edibles), ทิงเจอร์) และการให้ยาโดยการอมใต้ลิ้นหรือหยดใต้ลิ้น (sublingual administration) Dr.Rosado กล่าวว่า “ ตับสามารถหลีกเลี่ยงการมีปฏิกิริยาได้หากมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการให้ยา เช่นให้ยาด้วยวิธีการสูดดม หรือ inhalation (ไอระเหย, สูบบุหรี่, ยาสูดพ่น), การใช้ผลิตภัณฑ์ทาผิวหนังเฉพาะที่ เช่นแผ่นปะและครีม, ยาให้ทางทวารหนัก, การให้ยาผ่านเยื่อบุช่องคลอดภายใน (สอดช่องคลอด,ยาเหน็บ)
🌿 จากวิธีการเหล่านี้ Dr. Rosado แนะนำให้ใช้วิธีสูดดม (inhalation) เขากล่าวว่า “มันเป็นเรื่องของการดูดซึมยา (absorption) เข้าสู่ร่างกาย เมื่อคุณสูดดม ยากัญชา 100% จะถูกดูดซึมภายใน 3 ถึง 5 นาที ผ่านการแลกเปลี่ยนก๊าซในปอด โดยสาร Cannabinoids ผูกกับเซลล์เม็ดเลือดแดงโดยตรงทำให้เส้นทางของยาเข้าสู่กระแสเลือดทันที ด้วยเหตุนี้ผู้ป่วยจะได้ผลคุ้มค่ากว่าจากการใช้กัญชาด้วยวิธีสูดดม (inhalation)”
🌿 Dr. Rosado อธิบายว่า การสูดดมจะปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อผู้ป่วยใช้ Cannabinoids ในรูปแบบกรด (ไม่ถูกกระตุ้น) เช่น CBDA (Cannabidiolic Acid) ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้เกิดการเผาผลาญในลักษณะเดียวกับ Cannabinoids ที่ไม่เป็นกรด
🌿 เพื่อให้แน่ใจว่าสาร Cannabinoids ไม่ได้ถูกกระตุ้น Dr. Rosado แนะนำว่าผู้ป่วยควรตั้งค่าอุณหภูมิความร้อนของอุปกรณ์สูดดมกัญชาในรูปของไอระเหย (vaporize cannabis flowers) ที่ 131°F (5 °C) หรือต่ำกว่านั้น เขายังแนะนำให้สูดดมกัญชาในรูปของไอระเหยมากกว่าการสูบในรูปของบุหรี่ซึ่งเป็นควัน การสูบบุหรี่กัญชามีผลกระทบเชิงลบซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ดีสำหรับการใช้ยา
🌿 ผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้กัญชาด้วยวิธีสูดดม จะทำอย่างไร?
🌿 Dr. Rosado กล่าวว่าผู้ป่วยไม่ควรใช้กัญชาทางช่องปาก (oral) หรือหยดใต้ลิ้น อมใต้ลิ้น (sublingual) ในระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัดและห้ามรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วน (edible) ผสมภายใน 1.5-2 ชั่วโมงของการรักษา เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาที่เป็นอันตราย นอกจากนี้เขายังแนะนำว่าผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งตับจะต้องไม่บริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา (edible) เพราะมะเร็งตับจะไปลดความสามารถของตับในการเผาผลาญกัญชาซึ่งไม่ต้องพูดถึงความเป็นพิษที่เกิดจากเคมีบำบัด
🌿 Dr. Rosado ได้แนะนำให้ผู้ป่วยดื่มชาอุณหภูมิต่ำที่ทำมาจากดอกกัญชาสด (ดอกตูม) หากผู้ป่วยไม่สามารถสูดดมกัญชาได้ ไม่ว่าจะใช้กัญชาทางการแพทย์ด้วยวิธีใดก็ตาม ผู้ป่วยต้องเปิดเผยข้อมูลการใช้ยารักษาด้วยตนเองเบื้องต้นนี้ให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งทราบด้วยอย่างละเอียด มะเร็งบางชนิดต้องการการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อใช้กัญชา ตัวอย่างเช่น สาร THC อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป ตัดสินไม่ได้) ด้วยเหตุนี้แพทย์จึงให้ความสนใจมากกับระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่ผลิตฮอร์โมน (เช่น มะเร็งรังไข่, มะเร็งเต้านม, มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งอัณฑะ) และการใช้กัญชา
🌿 กัญชาทางการแพทย์ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งหันมาใช้ในการรักษา ขณะเดียวกันหากใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจเกิดโทษมหันต์ ส่งผลร้าย เกิดอันตราย ทั้งนี้การใช้กัญชาในการบำบัดโรคต่างๆ ผู้ใช้ต้องศึกษาให้ดี รอบคอบ และควรแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบข้อมูลโดยละเอียด รวมทั้งขอคำปรึกษาและคำแนะนำในเรื่องผลกระทบเชิงลบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อร่างกาย
ที่มา : Cannhealth

ไม่ใช่แค่ ๑๖ ตำรับ แต่มีมากถึง ๑๖๒ ตำรับยาแผนไทยของชาติที่มี “กัญชา” เป็นส่วนผสม ดาวน์โหลดได้ฟรีแล้วที่ลิงค์ด้านล่างนี้ ...
21/07/2022

ไม่ใช่แค่ ๑๖ ตำรับ แต่มีมากถึง ๑๖๒ ตำรับยาแผนไทยของชาติที่มี “กัญชา” เป็นส่วนผสม ดาวน์โหลดได้ฟรีแล้วที่ลิงค์ด้านล่างนี้ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

หนังสือ “ตำรับยาแผนไทยของชาติที่เข้าตัวยากัญชา” ซึ่งอยู่ในชุดตำราภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ฉบับอนุรักษ์ จัดทำโดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุข พิมพ์ครั้งที่ ๑ เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๖๔ จำนวน ๖๕๐ เล่มเท่านั้น [๑]

ตำรับยาไทยในตำรายาไทยทั้งหลายนั้น เป็นรูปแบบ “การวิจัย” อีกรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้ “ชีวิตมนุษย์” เป็นเดิมพัน สิ่งได้ผลจึงได้ถูกบันทึกต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่นนับร้อยๆปี

โดยการแพทย์แผนไทยนั้นมีประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน มีความรู้อย่างองค์รวม มีทักษะและเวชปฏิบัติที่อยู่บนฐานของทฤษฎี มีความเชื่อและประสบการณ์จากท้องถิ่นที่ผสมผสานกับทางวัฒนธรรม โดยใช้สำหรับการดูและรักษาสุขภาพ ควบคู่ไปกับการป้องกัน การวินิจฉัย รวมถึงการพัฒนาการบำบัดรักษาทั้งร่างกายและจิตใจ

อนามัยโลกได้ยอมรับและสนับสนุน “การแพทย์ที่สืบทอดมาทางวัฒนธรรมและการแพทย์ทางเลือก” (Traditional and Complementary Medicine) และให้มีการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นระบบ[๒]

จากการรวบรวมขององค์การอนามัยโลกถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๒ พบว่าร้อยละ ๘๘ ของประเทศสมาชิกได้รับทราบในการแพทย์ที่สืบทอดทางวัฒนธรรมและการแพทย์ทางเลือก และมีประเทศที่ตอบรับกับการแพทย์กลุ่มมากถึง ๑๗๐ ประเทศ ทั้งการพัฒนาในเชิงนโยบาย กฎหมาย กฎระเบียบ โครงการหรือแผนงาน และสำนักงานหน่วยงานเฉพาะที่มีหน้าที่ดูแล โดยมีประเทศที่เห็นด้วยกับการใช้การแพทย์ที่สืบทอดทางวัฒนธรรมและการแพทย์ทางเลือกมากขึ้นเรื่อยๆ[๒]

โดยเฉพาะเพราะการวิจัยในรูปแบบยาแผนปัจจุบันนั้น ได้กำหนดวิธีปฏิบัติคือ เริ่มต้นตามขั้นตอน จาก หลอดทดลอง สัตว์ทดลอง(ขั้นตอนนี้ใช้เงินมากขึ้น) การทดลองในมนุษย์กลุ่มเล็ก การทดลองในมนุษย์กลุ่มใหญ่ขึ้น กว่าจะทดลองเสร็จใช้เวลาประมาณ ๑๗ ปี [๓]-[๕]

ลักษณะของยาแผนปัจจุบันจึงต้องใช้เงินอย่างมหาศาล จึงถูกผูกขาดโดยระบบให้มีแต่บริษัทยายักษ์ใหญ่เท่านั้นที่จะทำได้ และเมื่อวิจัยเสร็จจึงได้มีการจดสิทธิบัตรส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายของยาจึงมีราคาแพงมาก

ดังนั้นการที่ประเทศไทยนั้นได้รื้อฟื้นตำรับยาที่มีการเข้า “กัญชา” และใช้กัญชาทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ รวมถึงแม้กระทั่งความพยายามจะให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกัญชาและพึ่งพาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการถูกล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจสุขภาพ

ประเทศไทยเราเสียรู้กลุ่มทุนบริษัทยาข้ามชาติมาอย่างยาวนาน ด้วยเพราะอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. ๑๙๖๑ ที่ประเทศไทยเข้าร่วมอยู่ด้วยนั้น “ไม่เคยห้ามการใช้กลุ่มพืชเสพติดในทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์”

แต่สำหรับประเทศไทยกลับ “ยกเลิก”ตำรับยาไทยที่เข้าตัวยา “ฝิ่น” และ “กัญชา” ทั้งหมด ในทางตรงกันข้ามบริษัทยาในต่างประเทศกลับเดินหน้าในการวิจัยเตรียมมาขายยากัญชาที่จดสิทธิบัตรมาขายผ่านกลุ่มทุนแพทย์และเภสัชในประเทศไทยได้ ส่วนประเทศไทยเพิ่งจะยอมให้ตำรับยาไทยที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมหลังปี พ.ศ. ๒๕๖๒ นี้เอง ภายหลังจากเริ่มคลายล็อกกัญชาภายใต้ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒

แม้แต่กระท่อมซึ่งไม่เป็นยาเสพติดในอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. ๑๙๖๑ เลย แต่ประเทศไทยก็กลับบัญญัติให้เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๕ เช่นกัน

“ฝิ่น กัญชา กระท่อม” เป็นพืชที่ออกฤทธิ์ในการ “ระงับการปวด”ซึ่งเป็นหนึ่งในลักษณะการแก้อาการธาตุลมกำเริบหรือ “วาโยธาตุกำเริบ” ที่ทรงพลานุภาพที่สุดในโลก จึงมีคุณค่าอย่างมหาศาลในการระงับอาการปวดที่รุนแรง การระงับอาการปวดที่รุนแรงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่อาการหนักทุกคน โดยหากเกิดการผูกขาดด้วยระเบียบวิธีการวิจัยยุคงใหม่ได้ ย่อมมีผลทำให้เกิดความร่ำรวยได้เฉพาะบริษัทยาไม่กี่แห่งได้ด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันฝิ่นได้ถูกพัฒนาสกัดออกมาเป็น “มอร์ฟีน” ซึ่งมีความแรงและเข้มข้นยิ่งกว่า “ยาฝิ่น” แต่ให้ใช้สำหรับแพทย์แผนปัจจุบันบางกลุ่มเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมียามอร์ฟีนส่วนใหญ่ของฝิ่นผูกขาดกับการผลิตยายักษ์ใหญ่เท่านั้น และยาที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากฝิ่นก็ได้รับอนุญาตจดสิทธิบัตรมาขายในเมืองไทยด้วยราคาแพงๆอีกจำนวนมาก

แต่จวบจนถึงปัจจุบันตำรับยาไทยที่เข้าฝิ่นก็ยังถูกยกเลิกและห้ามใช้ต่อไปเช่นเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก

เพราะตำรับยาไทยที่ได้มีการยอมรับในปัจจุบันมีเพียง ๑๖ ตำรับ ในขณะที่ตำรับยาที่เข้าตัวยาที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาว่าเป็น “ตำรับยาแผนไทยของชาติ”มีมากถึง ๑๖๒ ตำรับ ส่วนตำรับยาที่ยังคงถูกตัดทิ้งไปด้วยเหตุผลเพราะมีการผสมตัว “ยาฝิ่น”

ความจริงแล้วตำรับยาไทยนั้นมีความแยบคาย ด้วยเพราะฝิ่น หรือแม้กระทั่งมอร์ฟีน นั้นมีอันตรายอยู่ด้วย จึงใช้กัญชาเพื่อถ่วงดุลฤทธิ์ซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังช่วยลดอาการข้างเคียงของฝิ่นที่ต้องใช้มาก จึงช่วยบรรเทาการติดฝิ่นอีกด้วย โดยกัญชาเมื่อเร่ิมแรกที่ใช้ความดันโลหิตจะลดลง หัวใจเต้นเร็ว[๖]-[๗] แต่เมื่อใช้ติดต่อไปนานจะส่งผลตรงกันข้ามกันทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้[๗] ส่วนฝิ่นเมื่อเริ่มแรกใช้อาจจะความดันโลหิตจะสูงขึ้น[๘] รวมทั้งการใช้ฝิ่นทำให้ลดการรับประทานอาหาร[๙] แต่กัญชากลับทำให้เจริญอาหารขึ้น[๑๐]

ข้อสำคัญคือตำรับยาไทยที่ใช้สำหรับการ “อดฝิ่น” โดยมีตัว ขี้ยาฝิ่น ผสมกัญชาและกระท่อมเป็นส่วนผสมด้วย ปรากฏตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณเล่ม 3 ของ ขุนโสภิตบรรณรักษ์ (อำพัน กิตติขจร) กำหนดตำรับยา “อดฝิ่น” ความว่า

“ยาทำให้อดฝิ่น เอาขี้ยา 2 สลึง เถาวัลย์เปรียงพอประมาณ กันชาครึ่งกรัม ใบกระท่อม เอาให้มากกว่ายาอย่างอื่น ต้มกิน ให้กินตามเวลาที่เคยสูบฝิ่น เมื่อกินไป 1 ถ้วย ให้เติมน้ำ 1 ถ้วย ให้ทำดังนี้จนกว่าจะจืด เมื่อกินจนน้ำจืดแล้วยังไม่หาย ให้ต้มกินหม้อใหม่ต่อไป”[๑๑]

แต่ด้วยเหตุที่ประเทศไทยก็ยังคงยกเลิกตำรับกัญชาที่มีส่วนผสมของฝิ่นอยู่ทั้งหมด ตำรับยาไทยอันทรงคุณค่าที่ใช้เพื่อการอดฝิ่น หรือลดปัญหายาเสพติดร้ายแรงก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกเช่นกัน

แต่เราต้องรอให้ฝรั่งมามาบอกว่า ผ่านงานวิจัยในวารสาร Clinical Pharmacology & Therapeutics เมื่อปี พ.ศ.​๒๕๕๔ ตีพิมพ์การวิจัยในมนุษย์พบว่า การใช้กัญชาควบคู่ไปกับกลุ่มยาที่มาจากฝิ่น จะช่วยทำให้ลดผลข้างเคียงและลดการปริมาณใช้ยาจากกลุ่มฝิ่นลง[๑๒]

แสดงให้เห็นว่าภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยที่มีการใช้ฝิ่นควบคู่กับไปกัญชานั้น มีรากฐานความเข้าใจในการใช้ฝิ่นผสมผสานกับกัญชาอย่างแยบคายและลึกซึ้งมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว แล้วเหตุใดเราจะทิ้งรากเหง้าภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยในอดีตเสียเอง ด้วยการยอมจำนนยกเลิกยาที่มีกัญชาและฝิ่นของไทยเสียเอง?

สำหรับ “ตำรับยาแผนไทยของชาติที่เข้าตัวยากัญชา” ในหนังสือเล่มนี้มีความหนาถึง ๔๕๔ หน้า มีสถานภาพถูกรับรองโดยกฎหมาย โดยอาศัยพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๑๕๔๒ ตามมาตรา ๑๗ ว่าหมายถึง

“มีการใช้ประโยชน์หรือมีคุณค่าในทางการแพทย์หรือการสาธารณสุขเป็นพิเศษ”[๑๓]

โดยในหนังสือเล่มนี้มีการถ่ายภาพการบันทึกเอกสารโบราณต้นฉบับ ลายมือหรือตัวอักษรต้นฉบับสำหรับการอ้างอิงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ศิลาจารึก สมุดไทย ใบลาน หนังสือ ฯลฯ ซึ่งไปถ่ายที่หอสมุดที่ไม่ให้คนทั่วไปได้เข้ามีโอกาสได้เห็น จึงถือเป็นเอกสารที่มีคุณค่ายิ่ง

ตำรับยาแผนไทยของชาติที่เข้าตัวยากัญชา ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบไปด้วย ๑๖๒ ตำรับ โดยจำแนกตามกลุ่มโรค หรือ อาการ ๑๓ กลุ่มโรค ได้แก่

กลุ่มโรคกษัยกล่อน ๑๐ ตำรับ, กลุ่มโรคลม ๔๓ ตำรับ, กลุ่มโรคเด็ก ๒ ตำรับ
กลุ่มโรคริดสีดวง ๑๘ ตำรับ, กลุ่มอาการนอนไม่หลับ ๒๗ ตำรับ, กลุ่มยาบำรุง ยาอายุวัฒนะ ๖ ตำรับ, กลุ่มอาการท้องเสีย ท้องเดิน บิด ป่วง ๒๔ ตำรับ, กลุ่มโรคฝี ๕ ตำรับ, กลุ่มไข้ ๘ ตำรับ, กลุ่มอาการไอ ๓ ตำรับ, กลุ่มโรคสตรี ๑ ตำรับ, กลุ่มโรคตา ๑ ตำรับ และกลุ่มโรคอื่นๆ ๑๓ ตำรับ[๑]

โดยในขณะที่เราห้ามใช้ในเด็กต่ำกว่าอายุ ๒๐ ปี แต่ในหนังสือเล่มนี้ให้ตำรับยากัญชาใน “เด็กเล็ก” ได้ด้วยถึง ๒ ตำรับ ยาตำรับหนึ่งชื่อ “ไฟอาวุธ” ความว่า :

“ ๏ ยาชื่อไฟอาวุธ ขนานนี้ท่านให้เอา ผลจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู โกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ ชะเอมเทศ กัญชา แก่แสมทะเล เอาสิ่งละส่วน อุตพิต สมุลแว้ง ดีปลี ใบพิมเสน เอาสิ่งละ ๒ ส่วน รากจิงจ้อ รากส้มกุ้ง รากเปล้าน้อย รากเปล้าใหญ่ รากสะค้าน รากพาดไฉน เอาสิ่งละ ๓ ส่วน หัสคุณเทศ ๔ ส่วน บุกรอ ๙ ส่วน พริกไทย ขิงแห้ง เจตมูล เอาสิ่งละ ๑๖ ส่วน รวมยา ๓๒ สิ่งนี้ ทำเป็นจุณเอาน้ำมะนาวเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้กิน

แก้ทรางทั้ง ๗ จำพวก แก้ตานโจรทั้ง ๑๒ จำพวก แก้หืดน้ำนมทั้ง ๗ จำพวก แก้ไอผอมเหลือง แลแก้ไส้พองท้องใหญ่ แก้พุงโร แลลมจุกเสียด แลแก้ป้าง แก้ม้าม แลดานเสมหะให้ปวดมวนเสียดแทง แลแก้อุจจาระเป็นเสมหะโลหิต ระคนกัน มักให้ถอยกำลังแลมักให้เป็นไข้ไม่รู้สึกตัว ให้ลงเป็นโลหิตแลไข้เพื่อเสมหะ ลมโหด ถ้าได้กินยาขนานนี้ หายสิ้นทุกประการวิเศษนัก๚”[๑๔]

นอกจากนั้นยังมีตำรับยาว่าด้วย “ธาตุลม”ในพระคัมภีร์ชวดาน ในการรักษาโรคตานทราง โดเพื่อทำให้เด็กกินข้าวได้ กินนมได้ นอนหลับ โดยนอกจากจะมีกัญชาเป็นส่วนผสมแล้ว บางกรณียังมีฝิ่นเล็กน้อยโดยโดยนิ้วชี้และโป้งเรียกว่า “รำหัด” เป็นส่วนประกอบด้วย ความว่า

“๏ ยาแก้ทรางกินข้าวมิได้ กินนมมิได้ มิให้นอนหลับ เอา ถั่วพู ๑ โกฐ ๑ กัญชา ๑ น้ำตาลทราย 1 บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำกิน ถ้าลงท้องเอาฝิ่นรำหัดลง แก้พิการ ตานทรางทั้งปวงแล๚”[๑๕]

นอกจากนั้นในขณะที่แพทย์แผนปัจจุบันระบุว่า “กัญชาทำให้เกิดโรคจิต” แต่ในหนังสือเล่มนี้กลับได้ระบุว่ามีตำรับ “ยาแก้โรคจิต” ด้วย ปรากฏตามตำรายาเกร็ดความว่า

“๏ ยาแก้โรคจิต เอาเปลือกกุ่มน้ำ ๒ บาท เปลือกมะรุม ๖ บาท แห้วหมู เปล้าน้อย เปล้าใหญ่ รางแดง จันทน์เทศ เปลือกมะตูม ก้านกัญชา บอระเพ็ด เปลือกโมกมัน หญ้าขันกาด สนเทศ สิ่งละ ๑ บาท ระย่อมเท่ายาทั้งหลาย รวมตำผง ละลายน้ร้อนแทรกพิมเสน กินครั้งแรกหนัะก ๒ ไพ ถ้านอนไม่หลับ ให้ทวียาขึ้นไปถึง ๑ สลึง๚”[๑๖]

นอกจากนี้ยังมีตำรับยาที่น่าสนใจอีกหลายตำรับที่ระบุในหนังสือเล่มนี้ เช่น ยาแก้องคชาติตาย ปรากฏในตำรายาเกร็ดความว่า

“๏ ถ้าองคชาติตายไป เอา ดีปลี ๑ ลูกช้าพลู ๑ พริก ๑ ขิง ๑ ลูกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ รากสะแก ๑ กัญชาเท่ายาทั้งหลาย ตำเป็นผงละลายน้ำผึ้งกิน จำเพาะะองค์ชาตินายแลฯ”[๑๗]

นอกจากนั้นยังปรากฏตำรับยาที่น่าสนใจอื่นๆอีกมาก เช่น ยาแก้ฝีในมดลูก[๑๘] ยาต้มแก้โลหิตเน่าร้ายในกลุ่มสตรี[๑๙] ยาอายุวัฒนะ[๒๐] ฯลฯ

โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านทั่วประเทศสามารถเข้าถึงได้แล้ว ด้วยดาวน์โหลดฟรีตั้งแต่เช้าวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ตามลิงค์ด้านล่างนี้

https://www.dtam.moph.go.th/E-Book/ptmk/ptmk-ganja/ptmk-ganja.pdf

ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต
โฆษกคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ กระทรวงสาธารณสุข

โรคไทรอยด์เป็นพิษ กับกัญชาทางการแพทย์โดย ดร. สุชาติ มั่นคงพิทักษ์กุลนักวิชาการ นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์กัญชาทางการแพทย์...
20/07/2022

โรคไทรอยด์เป็นพิษ กับกัญชาทางการแพทย์
โดย ดร. สุชาติ มั่นคงพิทักษ์กุล
นักวิชาการ นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์กัญชาทางการแพทย์ ( Cannabiologist, CannaEngineer )

ไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism, Overactive Thyroid) คือภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนออกมามากเกินไป ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานมากขึ้น เป็นสาเหตุทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วแบบผิดปกติ หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดปกติ เหงื่อออกง่าย และหงุดหงิด ฉุนเฉียว เป็นต้น

ต่อมไทรอยด์ เป็นต่อมที่อยู่ส่วนหน้าของบริเวณลำคอใต้ลูกกระเดือก และติดกับหลอดลม มีลักษณะคล้ายผีเสื้อ ลักษณะทางกายภาพของต่อมแบ่งเป็นทั้งหมด 2 ซีก คือ ซีกซ้ายและซีกขวา ซึ่งต่อมทั้ง 2 ซีกจะเชื่อมกันด้วยเนื้อเยื่ออิสมัส (Isthmus) โดยต่อมไทรอยด์จะทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนไทโรซีน (Thyroxine - T4) และฮอร์โมนไทรไอโอโดไทโรนีน (Triiodothyronine - T3) ซึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมการเผาผลาญของร่างกายและฮอร์โมนแคลซิโทนิน (Calcitonin) ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในระบบไหลเวียนของเลือด ซึ่งถ้าหากเกิดความผิดปกติจนทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป ฮอร์โมนไทโรซีน และฮอร์โมนไทรไอโอโดไทโรนีน ก็จะถูกผลิตออกมามากจนกลายเป็นพิษ

อาการที่พบได้มากที่สุดในคนที่มีอาการไทรอยด์เป็นพิษก็คือ อาการคอพอก ซึ่งเป็นอาการที่ต่อมไทรอยด์โตขึ้น ผู้ป่วยจะรู้สึกหรือเห็นก้อนขนาดใหญ่ที่บริเวณคอ ซึ่งบางครั้งแพทย์ก็อาจสามารถตรวจพบอาการคอพอกได้

นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากโรคไทรอยด์เป็นพิษได้ เช่น อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว นอนหลับยาก มีปัญหาสายตา เช่น ตาโปน เห็นภาพซ้อน เป็นต้น สุขภาพผมเปลี่ยนไป ผมเปราะบางขาดง่าย และมีอาการผมร่วง ผู้หญิงมีรอบเดือนผิดปกติ ประจำเดือนมีสีจางและมาไม่สม่ำเสมอ กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะบริเวณต้นขาและต้นแขน เล็บยาวเร็วผิดปกติ หัวใจเต้นเร็วมากกว่า 100 ครั้ง/นาที โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ มือสั่นตลอดเวลา มีอาการคัน เหงื่อออกมาก ผิวหนังบาง น้ำหนักลด แต่มีความอยากอาหารมากขึ้น และ อาจพบเต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้นในเพศชาย

ทั้งนี้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะทำให้เกิดอาการกำเริบรุนแรง ส่งผลให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายแปรปรวนอย่างมาก จนเกิดอาการทางระบบประสาทสับสน เพ้อ เห็นภาพหลอน จำใครไม่ได้ รวมทั้งอาการหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ หัวใจหยุดเต้นชั่วขณะ และอาจทำให้หัวใจล้มเหลวได้ นอกจากนี้ ยังอาจพบอาการทางระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการดีซ่าน ตับอักเสบ ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน การควบคุมอุณหภูมิร่างกายผิดปกติ ทำให้มีไข้สูง ชัก บางรายอาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้

การรักษาไทรอยด์ที่มีสาเหตุมาจากต่อมไทรอยด์ทำงานมากเองโดยทั่วไปทำได้ 3 วิธี คือ การใช้ยาชนิดรับประทานเพื่อควบคุมการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ให้ปกติ การกลืนแร่รังสีไอโอดีน และการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ ทั้งนี้ โรคไทรอยด์เป็นพิษ เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ดังนั้น การเป็นคนช่างสังเกต และใส่ใจสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาอย่างถูกต้อง

สารสกัดกัญชา CBD มีส่วนช่วยอาการดังกล่าวข้างต้นได้ เช่น ช่วยบรรเทาความปวด ลดความวิตกกังวล มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ

อาการปวด ที่เกิดจาก โรคเกรฟวส์ (Graves' Disease) จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนไทโรซีนออกมามากผิดปกติจนกลายเป็นพิษ การรักษาแบบดั่งเดิม ทำให้มีผลอาการข้างเคียง ปวดตามข้อ การวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า กัญชาช่วยลดอาการปวดได้อย่างมีนัยสำคัญ สายพันธ์กัญชาจำนวนมากมีคุณสมบัติดังกล่าว สายพันธ์กัญชา Indica มีคุณสมบัติด้านบรรเทาอาการปวดได้ดีกว่าสายพันธ์กัญชา Hybrid และ Sativa เช่น สายพันธ์กัญชา Afghan Kush และ Granddaddy Purple แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สายพันธ์กัญชา Hybrid และ Sativa จะไม่ได้ช่วยอาการปวด แต่ก็บรรเทาได้ดีเช่น สายพันธ์กัญชา Girl Scout Cookies และ Jack Herer

อาการต้านการอักเสบ ( anti-inflammatory) ภาวะที่มีการอักเสบของต่อมไทรอยด์ ( thyroiditis )
สารแคนนาบินอยด์มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกับยาต้านการอักเสบ สายพันธ์กัญชาที่แนะนำ เช่น สายพันธ์ ACDC, Harlequin และ Cannatonic

อาการน้ำหนักลดลง เราทราบดีว่า กัญชามีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมทางด้านการเจริญอาหาร ถ้ามีอาการน้ำหนักลดลงจากโรคไทรอยด์ สายพันธ์กัญชาที่เหมาะสม เช่น Cherry Pie, Super Silver Haze และ Chocolope

อาการวิตกกังวลและซึมเศร้า ผู้ป่วยบางรายจะเกิดอาการกังวลและซึมเศร้า ซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต สายพันธ์กัญชาที่ช่วยได้ดี เช่น สายพันธ์กัญชา Pineapple Express, Cinex และ Granddaddy Purple

การปรับสมดุลของฮอร์โมนไทรอยด์ จากงานวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า สารแคนนาบินอยด์ ในกัญชาช่วยในการรักษาผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ ( hyperthyroidism ) โดยทำการปรับสมดุลพลังงานในร่างกาย ในระบบต่อมไร้ท่อ (endocrine system ) ซึ่งสารแคนนาบินอยด์สามารถตอบสนองได้ดีในร่างกายโดยธรรมชาติ ปกติไทรอยด์เป็นพิษจะทำให้ร่างกายขาดความสมดุล แต่สาร CBD ช่วยทำให้เกิดสมดุลของฮอร์โมนไทรอยด์ได้ สายพันธ์กัญชาที่เหมาะสมเช่น Cannatonic (hybrid), Blue Dream (hybrid), และ Pineapple Kush (hybrid)

จากงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Endocrinology ในปี 2002 แสดงหลักฐานให้เห็นว่า ฟังชั่นการทำงานตัวรับของไทรอยด์ ในหนู สามารถเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน T3 และ T4 โดยสามารถลดฮอร์โมนลงได้ถึง 30% หลังจากการให้สารสกัดกัญชา CBD ภายใน 4 ชั่วโมงเท่านั้น

อาการคลื่นไส้และอาเจียน มีหลักฐานชัดเจนที่ กัญชาสามารถช่วยเรื่องดังกล่าวได้ สายพันธ์กัญชาที่ดีเช่น สายพันธ์ Blue Diesel, Lavender และ Grapefruit

อาการเมื่อยล้า และอ่อนแรง สายพันธ์กัญชา Sativa ช่วยกระตุ้นการเพิ่มพลังงานในร่างกายได้ดี สายพันธ์ที่ดี เช่น สายพันธ์กัญชา Juicy Fruit, Durban Poison และJack Herer

อย่างไรก็ดี ไทรอยด์เป็นพิษขั้นวิกฤต หากมีการควบคุมระดับไทรอยด์ที่ไม่ดี อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น หรือเป็นอันตรายต่อชีวิต ซึ่งสัญญาณที่บอกว่าไทรอยด์เป็นพิษเข้าขั้นวิกฤตคือ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ มีไข้สูงเกินกว่า 38 องศาเซลเซียส ท้องเสีย อาเจียน ตัวเหลือง ตาเหลือง มีอาการสับสนมึนงงอย่างรุนแรง และอาจถึงขั้นหมดสติได้ โดยสาเหตุที่อาจทำให้อาการเข้าสู่ภาวะวิกฤต ได้แก่ การติดเชื้อ การรับประทานยาไม่สม่ำเสมอ การตั้งครรภ์ และความเสียหายของต่อมไทรอยด์

โดยภาวะไทรอยด์เป็นพิษขั้นวิกฤติเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้
ไม่เพียงเท่านั้น ในกลุ่มสตรีที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ โรคไทรอยด์เป็นพิษอาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้ เช่นครรภ์เป็นพิษ อาการแท้ง คลอดก่อนกำหนด เด็กทารกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่าปกติ

ดังนั้นผู้ป่วยที่มีการวางแผนว่าจะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อที่แพทย์จะได้วางแผนในการควบคุมอาการไม่ให้รุนแรงในระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงแพทย์จะพิจารณาเปลี่ยนวิธีการรักษาให้เหมาะสมต่อไป
ไทรอยด์เป็นความผิดปกติของร่างกายที่ไม่สามารถป้องกันได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องคอยหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย

นอกจากนี้ในกรณีที่ผู้ป่วยเคยป่วยด้วยโรคไทรอยด์เป็นพิษหากสิ้นสุดการรักษาแล้ว การติดตามผลในระยะยาวก็อาจเป็นสิ่งที่จำเป็น ขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค เพื่อไม่ให้โรคไทรอยด์เป็นพิษกลับมาเป็นซ้ำอีก หากสูบบุหรี่ก็ควรหลีกเลี่ยงเพราะการสูบบุหรี่จะทำให้ความเสี่ยงโรคไทรอยด์เป็นพิษมากขึ้น โดยในการติดตามผล แพทย์จะสั่งให้ตรวจเลือดเป็นระยะ ๆ เพื่อเฝ้าระวังอาการและเตรียมรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่อยู่

Bangkok
10700

เบอร์โทรศัพท์

+66813977529

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Siam Land Of Smile Dispensaryผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram