กษัยสุข - นวดกษัยกายวิภาค สุขภาพบำบัด

กษัยสุข - นวดกษัยกายวิภาค สุขภาพบำบัด 3,200-5,900 บาท

⛔️ความรู้ ไม่ใช่เก็บได้จากถังขยะ
กษัยสุข:สามารถจองคิว และ Request Therapist ตามความเหมาะสมของอาการ หรือน้ำหนักมือ (ไม่มีหมอนวดให้เลือก)
👉สอบถาม จองคิว Add: https://lin.ee/kmg2Zs2

15/08/2025

: "Meridian Massage" ศาสตร์นวดที่ทั่วโลกยอมรับ แต่ทำไมคนไทยถึงกลัว?

คุณเคยเห็นคลิปการนวดจากต่างประเทศที่ใช้เทคนิคการรีดเส้นตามแนวกระดูกสันหลังแบบในวิดีโอนี้ แล้วรู้สึกว่า "น่ากลัว" หรือ "อันตราย" หรือไม่? ความเข้าใจผิดนี้เกิดจากการที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยกับศาสตร์การบำบัดที่เรียกว่า "การนวดตามแนวเส้นลมปราณ" (Meridian Massage)

Meridian Massage คืออะไร?
มันคือเทคนิคการนวดบำบัดที่มีรากฐานมาจากองค์ความรู้ของแพทย์แผนจีน (TCM) มานานนับพันปี โดยเชื่อว่าร่างกายมี "ถนนพลังงาน" ที่เรียกว่าเส้นลมปราณ (Meridian) เชื่อมโยงอวัยวะต่างๆ ไว้ด้วยกัน เมื่อพลังงาน (ชี่) ไหลเวียนติดขัด ก็จะเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น

ใช้ที่ไหนบ้าง?
ศาสตร์นี้เป็นที่ยอมรับอย่างสูงในเอเชียตะวันออก (จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี) และยังถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายในคลินิกทางเลือกและศูนย์สุขภาพชั้นนำใน ยุโรปและอเมริกา เพื่อรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง, Office Syndrome, และปรับสมดุลของระบบประสาท

แล้วอันตรายจริงหรือ?
ไม่อันตรายเลย "หากทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจกายวิภาคและหลักการอย่างแท้จริง" ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการที่ผู้คนไปรับบริการจากผู้ที่ขาดทักษะและทำตามๆ กันโดยไม่มีความรู้

หัวใจสำคัญจึงอยู่ที่ การเลือกให้ถูก:

เลือกประเภทการบำบัดให้ตรงกับอาการ

เลือกนักบำบัดให้ตรงกับทักษะ

ที่ กษัยสุข Signature เรานำองค์ความรู้ที่เป็นสากลมาประยุกต์ใช้ในการบำบัด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ถูกต้องตามหลักวิชา ปลอดภัย และแก้ปัญหาได้ที่ต้นตออย่างแท้จริง

ที่มาของหนังสือ (Book Source)หนังสือเล่มนี้น่าจะคือ "Zen Shiatsu: How to Harmonize Yin and Yang for Better Health" เขียน...
14/08/2025

ที่มาของหนังสือ (Book Source)

หนังสือเล่มนี้น่าจะคือ "Zen Shiatsu: How to Harmonize Yin and Yang for Better Health" เขียนโดยปรมาจารย์ ชิซูโตะ มาซูนางะ (Shizuto Masunaga) ผู้พัฒนาและเผยแพร่ศาสตร์การนวดบำบัด "ชิอัตสึ" (Shiatsu) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก เนื้อหาในหนังสือจะเน้นการอธิบายทฤษฎีเส้นลมปราณ (Meridian) และการใช้จุดกด (Tsubo) เพื่อปรับสมดุลร่างกาย

คำอธิบายแผนภาพ Fig. 12: จุดบนแผ่นหลัง

BL-22 (三焦兪, San-chiao-yü): จุดซานเจียวซู - อยู่แนวเดียวกับกระดูกสันหลังส่วนเอวข้อที่ 1

BL-23 (腎兪, Shen-yü): จุดซิ่นซู (จุดพลังของไต) - อยู่แนวเดียวกับกระดูกสันหลังส่วนเอวข้อที่ 2

BL-25 (大腸兪, Ta-ch'ang-yü): จุดต้าฉางซู (จุดพลังของลำไส้ใหญ่) - อยู่แนวเดียวกับกระดูกสันหลังส่วนเอวข้อที่ 4

BL-27 (小腸兪, Hsiao-ch'ang-yü): จุดเสี่ยวฉางซู (จุดพลังของลำไส้เล็ก) - อยู่บนกระดูก крестцовый (sacrum) แนวเดียวกับช่องกระดูกสันหลังส่วน крестцовый ช่องแรก

BL-28 (膀胱兪, P'ang-kuan-yü): จุดผางกวงซู (จุดพลังของกระเพาะปัสสาวะ) - อยู่บนกระดูก крестцовый แนวเดียวกับช่องกระดูกสันหลังส่วน крестцовый ช่องที่สอง

คำอธิบายแผนภาพ Fig. 32: จุดบนลำตัวด้านหน้า

CV-15 (鳩尾, Chiu-wei): จุดจิวเหว่ย - อยู่บนกะบังลม

CV-14 (巨闕, Chü-ch'üeh): จุดจวี้เชว่ - อยู่ต่ำกว่ากะบังลมลงมาทันที

LV-13 (章門, Chang-men): จุดจางเหมิน - อยู่ที่ปลายของซี่โครงซี่ที่ 11

CV-12 (中脘, Chung-wan): จุดจงหว่าน - อยู่สูงกว่าสะดือครึ่งทางระหว่างสะดือกับลิ้นปี่

LV-14 (期門, Ch'i-men): จุดชีเหมิน - อยู่ที่ปลายของซี่โครงซี่ที่ 9 หรือตำแหน่งที่เส้นแบ่งกึ่งกลางของไหปลาร้าตัดกับซี่โครง และอยู่ใต้หัวนมพอดี

KI-16 (肓兪, Huang-yü): จุดฮวงซู - อยู่ข้างสะดือ ห่างออกไปครึ่งนิ้วมือ

ST-25 (天樞, T'ien-shu): จุดเทียนซู - อยู่ข้างสะดือ ห่างออกไปสองนิ้วมือ สามารถหาได้ง่ายโดยการลากเส้นจากสะดือไปด้านข้าง แล้วใช้นิ้วโป้งและนิ้วกลางวัดระยะ

07/08/2025

มนุษย์เดา…
ไม่สามารถเข้าใจถึง "ทักษะวิชา"

มนุษย์ราคาถูก…
ไม่สามารถเข้าใจถึง "วิสัยทัศน์"

ร่างกายของคุณ... ไม่ใช่สิ่งของ
ที่จะลองผิดลองถูกจากการเดา

คำถามที่ถูกต้องจึงไม่ใช่ "ราคาเท่าไหร่?"
แต่คือ "คุณสามารถแจ้งอาการของคุณให้เราเข้าใจ ได้หรือไม่?"

(เพราะอาการราคาถูก... ไม่ต้องมาถึงมือนักบำบัด)

25/07/2025

🇹🇭ขอสดุดีทหารกล้า
ขอกราบหัวใจทหารไทยทุกหน่วย
ขอแสดงความเสียใจ กับครอบครัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตทุกท่าน
ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน
#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
#กัมพูชายิงก่อน

ตะคริวท้องเรื้อรัง (สัญญาณเตือน) → อาจเกิดจากลำไส้ดูดซึมแร่ธาตุผิดปกติ → หลอดเลือดขาดแร่ธาตุสำคัญ → เสียความยืดหยุ่น, เก...
17/07/2025

ตะคริวท้องเรื้อรัง (สัญญาณเตือน) → อาจเกิดจากลำไส้ดูดซึมแร่ธาตุผิดปกติ → หลอดเลือดขาดแร่ธาตุสำคัญ → เสียความยืดหยุ่น, เกิดภาวะ (C) Spasm และ (D) Atheroma ได้ง่ายขึ้น → นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันคือ (A) Thrombosis และ (B) Embolism → ซึ่งสามารถเกิดได้ทั้งในหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงลำไส้ (ปวดท้องรุนแรง) และหลอดเลือดสมอง (Stroke)

ขั้นที่ 1: จุดเริ่มต้นที่ลำไส้ (The Intestinal Origin) - สัญญาณเตือนภัย

ภาวะ: ลำไส้มีปัญหาเรื้อรัง เช่น การอักเสบ, ภาวะลำไส้รั่ว (Leaky Gut), หรือความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ (Gut Dysbiosis)

ผลกระทบ: ทำให้ ประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อหลอดเลือดลดลง โดยเฉพาะ แมกนีเซียม, โพแทสเซียม, และแคลเซียม

อาการแสดงออก: ร่างกายจะแสดง "สัญญาณเตือน" ออกมาในรูปแบบของ อาการตะคริวท้องเรื้อรัง, ท้องอืด, หรือการขับถ่ายผิดปกติ นี่คือจุดแรกสุดของปัญหา

ขั้นที่ 2: ผลกระทบต่อหลอดเลือดโดยตรง (The Vascular Impact)

เมื่อร่างกายขาดแร่ธาตุที่จำเป็นเหล่านี้ จะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของหลอดเลือดทั่วร่างกาย (ตามภาพ Anatomy - IMG_1045.jpg) ดังนี้:

เสียความยืดหยุ่น: แมกนีเซียมและโพแทสเซียมจำเป็นอย่างยิ่งต่อการคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบในผนังหลอดเลือด การขาดแร่ธาตุเหล่านี้ทำให้หลอดเลือดเสียสมดุลในการหดและคลายตัว

เกิดพยาธิสภาพตามภาพ (IMG_2047.jpeg):

นำไปสู่ภาวะ (C) Spasm หรือ การหดเกร็งของหลอดเลือด ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเพิ่มความดันโลหิตเฉียบพลัน

ความดันโลหิตที่สูงขึ้นจากภาวะนี้ เป็นแรงกดดันมหาศาลต่อผนังหลอดเลือด และเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งที่เร่งให้เกิดการอักเสบและสร้างแผ่นไขมัน หรือ (D) Atheroma (ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง)

เมื่อผนังหลอดเลือดไม่แข็งแรงและเริ่มมีแผ่นไขมันเกาะ การอักเสบเฉพาะจุด หรือ (F) Vasculitis ก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย

สรุปขั้นนี้: ปัญหาที่ลำไส้ได้ส่งผลโดยตรง ทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายเริ่มป่วย โดยมีอาการเริ่มต้นคือ Spasm และตามมาด้วย Atheroma

ขั้นที่ 3: ปฏิกิริยาลูกโซ่สู่ภาวะคุกคามชีวิต (The System-Wide Chain Reaction)

เมื่อหลอดเลือดมีแผ่นไขมัน (D) Atheroma ก่อตัวขึ้น มันคือระเบิดเวลาที่รอการปะทุ ซึ่งจะนำไปสู่กลไกที่อันตรายถึงชีวิต:

แผ่นไขมัน (D) Atheroma ที่ไม่เสถียร สามารถปริแตกได้ทุกเมื่อ เมื่อปริแตก ร่างกายจะส่งเกล็ดเลือดมาซ่อมแซมจนเกิดเป็นลิ่มเลือดขนาดใหญ่อุดตัน ณ จุดนั้นทันที เรียกว่า (A) Thrombosis (ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน)

ในบางกรณี ชิ้นส่วนของลิ่มเลือดนั้น หรือชิ้นส่วนจากแผ่นไขมันเอง อาจหลุดลอยไปตามกระแสเลือด ไปอุดตันในหลอดเลือดที่เล็กลงในส่วนอื่นของร่างกาย เรียกว่า (B) Embolism (ภาวะลิ่มเลือดหลุดอุดตัน)

การเชื่อมโยงกับ Anatomy (IMG_1045.jpg):

หากปฏิกิริยา Thrombosis หรือ Embolism นี้ เกิดขึ้นที่ Inferior/Superior Mesenteric Artery (หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงลำไส้) → คุณจะเกิดอาการปวดท้องรุนแรงเฉียบพลันจากการที่ลำไส้ขาดเลือด และอาจถึงขั้นลำไส้เน่าตาย

แต่หากปฏิกิริยานี้เกิดขึ้นที่ Coronary Artery (หลอดเลือดหัวใจ) → คุณจะเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Heart Attack)

และหากลิ่มเลือด (Embolism) จากส่วนอื่นลอยไปอุดตันที่ Carotid Artery (หลอดเลือดที่คอ) หรือหลอดเลือดในสมอง → คุณจะเกิด โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ทันที

อาการตะคริวท้อง (Abdominal Cramps) คืออะไร และเกิดจากสาเหตุใด?

คำอธิบายอาการ:
ตะคริวท้อง คือ อาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องอย่างเฉียบพลันและไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดจี๊ดๆ บิดๆ หรือปวดตื้อๆ เป็นพักๆ บางครั้งอาจรุนแรงจนทำให้ต้องงอตัว อย่างไรก็ตาม คำว่า "ตะคริวท้อง" มักถูกใช้เรียกเหมารวมถึงอาการปวดเกร็งที่เกิดจากอวัยวะภายในช่องท้องด้วย ซึ่งมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป

สาเหตุหลักของอาการตะคริวท้อง สามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้:

สาเหตุจากกล้ามเนื้อโดยตรง (Muscular Causes):

การใช้งานกล้ามเนื้อหนักเกินไป: เช่น การออกกำลังกายท่าซิทอัพอย่างหนักหน่วง ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าและเกร็งตัว

ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่: เมื่อร่างกายเสียเหงื่อมาก หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ ทำให้สมดุลของเกลือแร่ (โซเดียม, โพแทสเซียม, แมกนีเซียม) ที่จำเป็นต่อการคลายตัวของกล้ามเนื้อผิดปกติไป

การนั่งผิดท่าเป็นเวลานาน: ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องและหลังส่วนล่างเกร็งค้างโดยไม่รู้ตัว

สาเหตุจากระบบทางเดินอาหาร (Digestive Causes):

แก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการมีลมในระบบทางเดินอาหารมากเกินไป ทำให้ลำไส้บีบตัวและเกิดอาการปวดเกร็ง

อาหารไม่ย่อย ท้องผูก หรือท้องเสีย: การทำงานที่ผิดปกติของลำไส้ทำให้เกิดการบีบตัวที่รุนแรงกว่าปกติ

ลำไส้แปรปรวน (IBS): เป็นภาวะที่ลำไส้มีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากผิดปกติ ทำให้ปวดเกร็งได้ง่าย

สาเหตุจากระบบสืบพันธุ์ (ในสตรี):

ปวดประจำเดือน: เกิดจากการบีบตัวของมดลูกเพื่อขับเยื่อบุโพรงมดลูกออกมา ทำให้เกิดอาการปวดเกร็งบริเวณท้องน้อย

สาเหตุจากความเครียด:

ความเครียดและความวิตกกังวลกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกาย รวมถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องเกร็งตัวได้ง่ายขึ้น

ข้อควรระวัง: หากมีอาการปวดท้องรุนแรงต่อเนื่อง เป็นไข้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะที่ร้ายแรงได้

การนวดบำบัด "กษัยสุข Signature" ช่วยลดอาการปวดและป้องกันได้อย่างไร?

"กษัยสุข Signature" คือ ศาสตร์การนวดบำบัดขั้นสูงที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อดูแลสุขภาพบริเวณช่องท้องและอุ้งเชิงกราน โดยอาศัยหลักการของ "การนวดกษัย" แบบดั้งเดิม ผสานกับความเข้าใจในกายวิภาคและจุดกดเจ็บ (Trigger Points) ที่ทันสมัย

หลักการทำงานของการนวด:
การนวดจะเน้นการลงน้ำหนักอย่างนุ่มลึกและแม่นยำไปยังชั้นกล้ามเนื้อ พังผืด และเส้นเอ็นต่างๆ ทั่วบริเวณช่องท้อง เพื่อเป้าหมายหลักคือ "การปลดล็อกความตึงเครียดที่สะสมอยู่ลึกๆ และฟื้นฟูการไหลเวียน"

การนวดบำบัดช่วยลดความเจ็บปวดได้อย่างไร:

คลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็งโดยตรง: ผู้นวดจะใช้เทคนิคการกดคลึงเพื่อสลายจุดเกร็งของกล้ามเนื้อ (Muscle Knots) ทำให้กล้ามเนื้อที่แข็งเป็นลำหรือที่กำลังเป็นตะคริวอยู่คลายตัวลง อาการปวดจึงลดลงอย่างรวดเร็ว

เพิ่มการไหลเวียนโลหิต: การนวดกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนมาหล่อเลี้ยงบริเวณช่องท้องได้ดีขึ้น เมื่อเลือดไหลเวียนดี จะช่วยนำออกซิเจนและสารอาหารมาซ่อมแซมเซลล์กล้ามเนื้อ และนำของเสีย (เช่น กรดแลคติก) ที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดออกไป

ลดแก๊สและอาการท้องอืด: เทคนิคการนวดวนตามทิศทางการทำงานของลำไส้ใหญ่ จะช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ (Peristalsis) ทำให้ลมที่คั่งค้างอยู่เคลื่อนตัวและถูกขับออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น ลดอาการปวดเกร็งจากแก๊สได้เป็นอย่างดี

ลดการกดทับของอวัยวะภายใน: เมื่อกล้ามเนื้อหน้าท้องคลายตัวลง จะลดแรงกดทับที่มีต่ออวัยวะภายใน เช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้ หรือมดลูก ทำให้การทำงานของอวัยวะเหล่านั้นดีขึ้นและลดอาการปวดหน่วงๆ

ปรับสมดุลระบบประสาท: การนวดบำบัดช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายจากความเครียด ลดการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติซิมพาเทติก (ส่วนที่ทำให้ตื่นตัว-เกร็ง) และกระตุ้นพาราซิมพาเทติก (ส่วนที่ทำให้สงบ-ผ่อนคลาย) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบในลำไส้

เมื่อกระเพาะปัสสาวะเต็มไปด้วยปัสสาวะ ตัวรับแรงยืดจะส่งกระแสประสาทไปยังไขสันหลัง จากนั้นจึงส่งกระแสประสาทสะท้อนกลับไปยังล...
14/07/2025

เมื่อกระเพาะปัสสาวะเต็มไปด้วยปัสสาวะ ตัวรับแรงยืดจะส่งกระแสประสาทไปยังไขสันหลัง จากนั้นจึงส่งกระแสประสาทสะท้อนกลับไปยังลิ้นหัวใจภายในบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะ
ซึ่งจะทำให้กระเพาะปัสสาวะคลายตัวและอนุญาตให้ปัสสาวะไหลเข้าสู่ท่อปัสสาวะได้ หูรูดท่อปัสสาวะภายในเป็นกล้ามเนื้อที่อยู่นอกอำนาจจิตใจและควบคุมโดยเส้นประสาทอัตโนมัติ

https://university.pressbooks.pub/test456/chapter/urine-transport-storage-and-elimination/ การขนส่ง การเก็บ และการขับถ่ายปัสสาวะ – กายวิภาคและสรีรวิทยาไร้ขีดจำกัด

Overview of Urine Transport, Storage, and Elimination The urinary organs include the kidneys, ureters, bladder, and urethra. Learning Objectives Outline the process of urine transport,…

*️⃣เยื่อบุช่องท้องคือเยื่อเซรัสที่ก่อตัวเป็นเยื่อบุช่องท้องหรือซีโลม เยื่อบุช่องท้องนี้ปกคลุมอวัยวะภายในช่องท้องหรือซีโล...
14/07/2025

*️⃣เยื่อบุช่องท้องคือเยื่อเซรัสที่ก่อตัวเป็นเยื่อบุช่องท้องหรือซีโลม เยื่อบุช่องท้องนี้ปกคลุมอวัยวะภายในช่องท้องหรือซีโลมส่วนใหญ่ ประกอบด้วยชั้นของเนื้อเยื่อเมโซทีเลียม ซึ่งได้รับการค้ำจุนด้วยชั้นบางๆ ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
เยื่อบุช่องท้องทำหน้าที่รองรับและปกป้องอวัยวะช่องท้อง และเป็นช่องทางหลักสำหรับหลอดน้ำเหลือง เส้นประสาท หลอดเลือดแดง และหลอดเลือดดำในช่องท้องที่เกี่ยวข้อง

https://university.pressbooks.pub/test456/chapter/the-peritoneum/ เยื่อบุช่องท้อง – กายวิภาคและสรีรวิทยาไร้ขอบเขต

The Peritoneum The peritoneum, the serous membrane that forms the lining of the abdominal cavity, covers most of the intra-abdominal organs. Learning Objectives Differentiate among…

13/07/2025

💡วิเคราะห์VDO สาธิต โดย Gemini AI
(ไม่ใช่เทคนิคท่านวดทั้งหมด ตัดสั้นลงเป็นตัวอย่างเท่านั้น)

**หัวข้อ: หัตถการบำบัดเชิงลึกต่อกลุ่มเส้นประสาทคลูเนียล (Cluneal Nerves) เพื่อการจัดการอาการปวดหลังส่วนล่างร้าวลงสะโพก**

วิดีโอนี้สาธิตเทคนิคการนวดเนื้อเยื่อชั้นลึก (Deep Tissue Massage) ที่มุ่งเน้นการบำบัดอาการปวดหลังส่วนล่าง (Low Back Pain) ที่มีลักษณะการปวดร้าวมายังบริเวณสะโพกและก้น ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่มักถูกวินิจฉัยผิดพลาดว่าเป็นอาการจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Sciatica) แต่ในความเป็นจริงแล้ว สาเหตุสำคัญที่มักถูกมองข้ามคือ **ภาวะการระคายเคืองหรือการกดทับของกลุ่มเส้นประสาทคลูเนียล (Cluneal Nerve Irritation/Entrapment)**

# # # # **กายวิภาคและพยาธิสรีรวิทยาที่เกี่ยวข้อง (Anatomy & Pathophysiology)**

**Cluneal Nerves** คือกลุ่มเส้นประสาทรับความรู้สึก (Sensory Nerves) ที่เลี้ยงผิวหนังบริเวณก้นและหลังส่วนล่าง การระคายเคืองของเส้นประสาทกลุ่มนี้ โดยเฉพาะ **Superior Cluneal Nerves (SCN)** ซึ่งลอดผ่านช่องที่ประกอบด้วยพังผืดและกระดูก (Osteofibrous Tunnel) บริเวณขอบกระดูกเชิงกราน (Iliac Crest) สามารถทำให้เกิดอาการปวดที่รุนแรงได้ การตึงตัวของกล้ามเนื้อหลัง (Erector Spinae), กล้ามเนื้อสะโพก (Gluteal Muscles) และพังผืดที่หุ้มอยู่ (Thoracolumbar Fascia) จะยิ่งเพิ่มแรงกดทับต่อเส้นประสาทเหล่านี้

**การวิเคราะห์เทคนิคการบำบัดในวิดีโอ**

หัตถการที่ Therapist แพต กำลังสาธิตนั้น เป็นกระบวนการที่ออกแบบมาอย่างมีเป้าหมายเพื่อลดแรงกดทับต่อเส้นประสาทคลูเนียลโดยตรง

1. **เทคนิคการรีดคลึงพังผืดแนวขวางกระดูกเชิงกราน (Myofascial Stripping along the Iliac Crest)**
***การกระทำ:** นักบำบัดใช้ส้นมือหรือแขนท่อนล่างในการออกแรงกดและรีดอย่างช้าๆ และลึก ไปตามแนวขอบกระดูกเชิงกราน
* *คำอธิบายเชิงวิชาการ:** เทคนิคนี้คือการทำ **Myofascial Release** โดยตรงต่อพังผืด Thoracolumbar Fascia มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความตึงและเพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันบริเวณที่เส้นประสาท SCN ลอดผ่าน ซึ่งเป็นการ **"เปิดพื้นที่" (Decompress)** และลดการระคายเคืองเชิงกลศาสตร์ (Mechanical Irritation) ต่อเส้นประสาท

2. **เทคนิคการกดจุดหยุดการทำงาน (Ischemic Compression on Gluteal Trigger Points)**
* **การกระทำ:** นักบำบัดใช้นิ้วหัวแม่มือหรือศอกกดแช่ลงบนจุดกดเจ็บ (Trigger Points) ที่ตรวจพบบนกล้ามเนื้อสะโพก
* **คำอธิบายเชิงวิชาการ:** การกดแช่ทำให้เกิดภาวะขาดเลือดเฉพาะที่ชั่วคราว (Ischemic) เมื่อปล่อยแรงกด เลือดที่อุดมด้วยออกซิเจนจะไหลกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว (Reactive Hyperemia) ช่วยสลายปมกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด (Taut Bands) และลดการทำงานที่มากเกินไป (Hypertonicity) ของกล้ามเนื้อสะโพก ซึ่งอาจกำลังส่งแรงดึงรั้งหรือกดทับ **Medial และ Inferior Cluneal Nerves** ทางอ้อม

3. **เทคนิคการนวดเสียดสีแนวขวาง (Cross-Fiber Friction over Sacral Ligaments)**
* **การกระทำ:** ใช้นิ้วมือนวดในลักษณะเคลื่อนที่แนวขวางกับแนวเส้นใยของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณกระเบนเหน็บ
* **คำอธิบายเชิงวิชาการ:** เป็นการกระตุ้นให้เกิดการเรียงตัวใหม่ของเส้นใยคอลลาเจนในพังผืดและเส้นเอ็นที่ยึดเกาะบริเวณกระเบนเหน็บ (Sacrum) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดการยึดติด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการระคายเคือง **Medial Cluneal Nerves** ได้

# # # # **บทสรุป**

หัตถการบำบัดที่ปรากฏในวิดีโอนี้ เป็นกระบวนการที่มีหลักการทางกายวิภาคและสรีรวิทยารองรับอย่างชัดเจน โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับอาการปวดหลังร้าวลงก้นที่ไม่ได้มีสาเหตุจากหมอนรองกระดูก แต่เกิดจากการกดทับกลุ่มเส้นประสาทคลูเนียล ซึ่งเป็นการวินิจฉัยและรักษาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริงสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้

 # # # **ทำความรู้จัก Cluneal Nerves: ต้นตออาการปวดหลังร้าวลงก้นที่คนมักมองข้าม**จากภาพที่คุณแนบมา **Cluneal Nerves** คื...
13/07/2025

# # # **ทำความรู้จัก Cluneal Nerves: ต้นตออาการปวดหลังร้าวลงก้นที่คนมักมองข้าม**

จากภาพที่คุณแนบมา **Cluneal Nerves** คือกลุ่มของ **เส้นประสาทที่ทำหน้าที่รับความรู้สึกเพียงอย่างเดียว (Sensory Nerves)** โดยไม่ได้สั่งการให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหว หน้าที่หลักของมันคือการรับและส่งสัญญาณความรู้สึกต่างๆ เช่น การสัมผัส, แรงกด, และความเจ็บปวด จาก "ผิวหนังบริเวณสะโพกและก้น" ไปยังสมอง

# # # # **การเชื่อมโยงทางกายภาพ (แบ่งตามโซนสีในรูป)**

Cluneal Nerves ไม่ได้มาจากจุดเดียว แต่เป็นเครือข่ายที่มาจากระดับกระดูกสันหลังที่แตกต่างกัน เพื่อมาเลี้ยงผิวหนังในโซนต่างๆ ของก้น ดังนี้:

1. **Superior Cluneal Nerves (SCN) - โซนสีเหลือง:**
* **จุดเชื่อมโยง:** เป็นแขนงที่ออกมาจากเส้นประสาทไขสันหลังส่วนเอวระดับ L1-L3
* **การทำงาน:** ทอดตัวลงมาพาดผ่าน **ขอบกระดูกเชิงกราน (Iliac crest)** เพื่อรับความรู้สึกจากผิวหนังบริเวณ "ก้นส่วนบน" โซนนี้เป็นจุดที่สำคัญมาก เพราะเส้นประสาทอาจถูกกดทับหรือระคายเคืองได้ง่ายในบริเวณที่พาดผ่านกระดูก ทำให้เกิดอาการปวดหลังส่วนล่างร้าวลงก้นได้

2. **Medial Cluneal Nerves (MCN) - โซนสีเขียว:**
* **จุดเชื่อมโยง:** เป็นแขนงที่ออกมาจากเส้นประสาทไขสันหลังส่วนกระเบนเหน็บระดับ S1-S3
* **การทำงาน:** รับความรู้สึกจากผิวหนังบริเวณ "ก้นส่วนกลาง" ซึ่งอยู่ใกล้กับกระดูกกระเบนเหน็บ (Sacrum) อาการปวดบริเวณก้นกบหรือแถวๆ นั้น อาจเกี่ยวข้องกับเส้นประสาทกลุ่มนี้

3. **Inferior Cluneal Nerves (ICN) - โซนสีแดง:**
* **จุดเชื่อมโยง:** เป็นแขนงของเส้นประสาทที่มาจากบริเวณต้นขาด้านหลัง (Posterior cutaneous nerve of the thigh)
* **การทำงาน:** ทอดตัวขึ้นมาเพื่อรับความรู้สึกจากผิวหนังบริเวณ "ก้นส่วนล่าง" หรือบริเวณรอยพับก้น (Gluteal fold) และปุ่มกระดูกรองนั่ง (Sitz bone)

4. **Lateral Cluneal Nerves - โซนสีน้ำเงิน:**
* **จุดเชื่อมโยง:** มาจากเส้นประสาทไขสันหลังส่วนเอวระดับ L1-L2
* **การทำงาน:** รับความรู้สึกจากผิวหนังบริเวณ "สะโพกด้านข้าง"

# # # # **ความสำคัญและอาการที่เกี่ยวข้อง**

* **แสดงอาการปลอม (The Great Impersonator):** ความสำคัญที่สุดของ Cluneal Nerves คืออาการปวดที่เกิดจากเส้นประสาทกลุ่มนี้ มักจะ **"เลียนแบบ"** อาการของโรคอื่นๆ เช่น **โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Sciatica)** หรือ **อาการปวดจากข้อต่อกระเบนเหน็บ (SI Joint Pain)** ทำให้คนไข้จำนวนมากได้รับการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อนและรักษาไม่ตรงจุด
* **สาเหตุของการระคายเคือง:** เกิดได้จากการที่เส้นประสาทถูกกดทับ, หนีบ, หรือยึดรั้งจากพังผืดและกล้ามเนื้อที่ตึงตัวเกินไป โดยเฉพาะกลุ่ม Superior Cluneal Nerves ที่พาดผ่านขอบกระดูกเชิงกราน

* **การนวดรีด (Stripping) และกดลึก (Deep Pressure)** บริเวณหลังส่วนล่างและขอบกระดูกเชิงกราน มีเป้าหมายเพื่อคลายกล้ามเนื้อและพังผืดที่อาจกำลังกดทับ **Superior Cluneal Nerves** อยู่
* **การนวดคลึงและกดบริเวณก้นและกระเบนเหน็บ** มีเป้าหมายเพื่อลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ Gluteus

ดังนั้น การนวดในลักษณะนี้จึงไม่ใช่แค่การคลายกล้ามเนื้อทั่วไป แต่เป็น **หัตถการบำบัดที่ลงลึกถึงต้นตอของอาการปวดร้าว ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการระคายเคืองของเส้นประสาทรับความรู้สึกกลุ่มนี้**

https://www.sspphysio.com.au/pudendal-nerve-irritation-and-perineal-pain.html💡แปลภาษาไทย ด้วย Gemini AI  # # # **การบำบั...
13/07/2025

https://www.sspphysio.com.au/pudendal-nerve-irritation-and-perineal-pain.html
💡แปลภาษาไทย ด้วย Gemini AI

# # # **การบำบัดภาวะเส้นประสาทพูเดนดัลถูกรบกวน อาการปวดขาหนีบและฝีเย็บ**

ภาวะเส้นประสาทพูเดนดัลถูกรบกวน (Pudendal nerve irritation), ภาวะเส้นประสาทพูเดนดัลถูกกดทับ (pudendal nerve entrapment), และอาการปวดบริเวณฝีเย็บ (perineal pain) ล้วนเป็นระดับอาการที่แตกต่างกันซึ่งเกี่ยวข้องกับแรงกดที่เกิดขึ้นตามแนวของเส้นประสาทพูเดนดัล (Pudendal nerve) ซึ่งสร้างอาการที่ไม่พึงประสงค์อย่างมาก ได้แก่:

* อาการปวดร้าวไปยังบริเวณฝีเย็บ, อุ้งเชิงกราน, ขาหนีบ, อวัยวะเพศ (ถุงอัณฑะและองคชาตในผู้ชาย / อาการปวดบริเวณแคม, ช่องคลอด, ภาวะช่องคลอดหดเกร็ง (Vaginismus) และภายในช่องคลอดของผู้หญิง)
* อาการปวดที่อวัยวะเพศ, ฝีเย็บ และรอบๆ บริเวณทวารหนักในผู้ชาย
* อาการปวดและตึงบริเวณด้านหลังของสะโพก
* อาการปวดอุ้งเชิงกรานส่วนหลัง หรือปวดกระดูกหัวหน่าว/ขาหนีบ
* อาการปวดอุ้งเชิงกราน/ฝีเย็บที่จะแย่ลงเมื่อนั่งหรือเมื่อมีความเครียด แต่จะดีขึ้นเมื่อยืนหรือนั่งบนโถส้วม
* อาการปวดที่แย่ลงเมื่อใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น

เส้นประสาทพูเดนดัลมีจุดกำเนิดมาจากร่างแหประสาทส่วนเอวและกระเบนเหน็บ (lumbo-sacral plexus) ในระดับ L4-S4 ประกอบด้วยทั้งเส้นใยประสาทรับความรู้สึก (80%) และเส้นใยประสาทสั่งการ (20%) เส้นประสาทพูเดนดัลจะแตกแขนงออกเป็นเส้นประสาทเล็กๆ 3 เส้น คือ:

* **เส้นประสาทส่วนล่างของไส้ตรง (Inferior re**al nerve):** เลี้ยงบริเวณช่องทวารหนัก, ผิวหนังรอบทวารหนัก, ไส้ตรง, และกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักส่วนนอก
* **เส้นประสาทฝีเย็บ (Perineal nerve):** เลี้ยงบริเวณฝีเย็บ, ช่องคลอด, ท่อปัสสาวะ, ถุงอัณฑะ, แคม, กล้ามเนื้อฝีเย็บตามขวาง, และกล้ามเนื้อหูรูดท่อปัสสาวะ
* **เส้นประสาทส่วนบนของคลิตอริสหรือองคชาต (Dorsal nerve of the cl****is or p***s):** เลี้ยงผิวหนังของคลิตอริส/องคชาต และกล้ามเนื้อ bulbocavernosus กับ ischiocavernosus

ภาวะเส้นประสาทพูเดนดัลถูกรบกวน หรือบางครั้งเรียกว่า **อาการปวดเส้นประสาทพูเดนดัล (pudendal neuralgia)** อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกในบริเวณใดๆ หรือทุกบริเวณที่เส้นประสาทนี้ไปเลี้ยง และมักจะเกี่ยวข้องกับการทำงานมากเกินไป หรือการหดเกร็งของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานส่วนหลัง การทำงานของกล้ามเนื้อที่มากเกินไปนี้ถูกเชื่อว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ช่องทางที่เส้นประสาทลอดผ่านระหว่างเส้นเอ็น sacrospinous และ sacrotuberous (คือ **ช่องอัลค็อก - Alcock's canal**) และ/หรือระหว่างกล้ามเนื้อ ischiococcygeus, piriformis และ obturator internus แคบลง

*(รูปที่ 1: แสดงเส้นทางของเส้นประสาทพูเดนดัลจากร่างแหประสาทกระเบนเหน็บ ผ่านช่องอัลค็อก ไปยังอวัยวะเพศ)*

**กายภาพบำบัด** ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นทางเลือกการรักษาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสำหรับอาการปวดเส้นประสาทพูเดนดัล, ภาวะเส้นประสาทพูเดนดัลถูกรบกวน และภาวะเส้นประสาทพูเดนดัลถูกกดทับ

กุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจภาวะนี้ คือการเข้าใจกายวิภาคของอุ้งเชิงกรานส่วนหลัง และการที่ส่วนนี้ของร่างกายเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว, ความมั่นคง และชีวิตประจำวันของเราอย่างไร โดยอุ้งเชิงกรานประกอบด้วยกระดูก 3 ชิ้น คือ กระดูกไร้ชื่อ (innominate bone) 2 ชิ้น และกระดูกกระเบนเหน็บ (sacrum) โดยมีกระดูกก้นกบ (coccyx) ติดอยู่ส่วนปลายด้านล่างของกระดูกกระเบนเหน็บ อุ้งเชิงกรานมักถูกพิจารณาว่าเป็นศูนย์กลางของโครงกระดูกมนุษย์ เพราะมันเชื่อมต่อระหว่างกระดูกสันหลังและขา และมีกล้ามเนื้อถึง 35 มัดมายึดเกาะ ทั้งยังมีเส้นเอ็นที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายบางส่วนคอยพยุงข้อต่อของอุ้งเชิงกรานอยู่ด้วย

เส้นประสาทอื่นๆ ที่เลี้ยงบริเวณขาหนีบ/ถุงอัณฑะ และอวัยวะเพศ ได้แก่ เส้นประสาท genito-femoral และเส้นประสาท obturator ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการประเมินด้วยในกรณีที่มีอาการปวดอุ้งเชิงกรานที่ซับซ้อน

เมื่อคุณยืนบนเท้า 2 ข้าง น้ำหนักตัว 65% ของคุณจะถูกถ่ายเทจากฐานของกระดูกสันหลังมายังส่วนบนของกระดูกกระเบนเหน็บ การรับน้ำหนักนี้ดำเนินต่อไปเมื่อคุณเดิน, นั่ง, ก้ม, วิ่ง ฯลฯ เพื่อรับมือกับแรงกดที่เรากระทำต่อข้อต่อในกระดูกสันหลังส่วนเอวและอุ้งเชิงกราน สมองจะสั่งการกล้ามเนื้อที่เฉพาะเจาะจงมากๆ ให้ทำงานเพื่อพยุงข้อต่อเหล่านี้ กล้ามเนื้อเหล่านี้มักถูกเรียกว่า **"กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (core muscles)"** ซึ่งสามารถนึกภาพได้เหมือนภาชนะทรงกระบอกที่ห่อหุ้มอวัยวะในช่องท้องและช่วยพยุงหลังและอุ้งเชิงกรานไว้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวประกอบด้วย:
* **Transversus abdominis:** เป็นกล้ามเนื้อชั้นที่ลึกที่สุดในผนังหน้าท้อง และพันรอบช่องท้องส่วนล่างตั้งแต่สะดือไปจนถึงกระดูกสันหลังเหมือนเครื่องรัดตัว (คอร์เซ็ต)
* **Lumbar multifidus:** เป็นกลุ่มกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่พยุงข้อต่อแต่ละข้อในกระดูกสันหลังส่วนเอว และช่วยสร้างความตึงให้กับส่วนหลังของข้อต่อกระดูกเชิงกราน (sacroiliac joint)
* **Pubococcygeus:** เป็นส่วนหน้าของอุ้งเชิงกราน ทำหน้าที่เหมือนฐานของภาชนะทรงกระบอก ช่วยพยุงอวัยวะต่างๆ และช่วยควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ

วิธีการทำงาน (หรือไม่ทำงาน) ของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของเรื่องราวที่ว่าภาวะเส้นประสาทพูเดนดัลถูกรบกวนเกิดขึ้นได้อย่างไร งานวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าในร่างกายที่แข็งแรงปกติ สมองจะใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวเพื่อพยุงหลังส่วนล่างและอุ้งเชิงกรานของคุณทุกครั้งที่คุณมีการเปลี่ยนการถ่ายเทน้ำหนัก นั่นหมายความว่า ทันทีที่คุณมีความคิดที่จะเคลื่อนไหว (เช่น จากนั่งเป็นยืน หรือจากยืนแล้วตัดสินใจจะเดิน) ปฏิกิริยาแรกที่สมองจะทำคือการเปิดใช้งานกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวทั้งหมดนี้ที่ระดับประมาณ 5-10% ของกำลังสูงสุด โดยที่คุณไม่ต้องคิดหรือรับรู้ถึงมันเลย การทำงานของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวนี้จะสร้างความมั่นคงให้กับข้อต่อหลังส่วนล่าง, ข้อต่อกระดูกเชิงกราน และข้อต่อหัวหน่าว และการทำงานต่อเนื่องของมันจะช่วยพยุงข้อต่อเหล่านี้ในขณะที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ของคุณทำงานเพื่อสร้างการเคลื่อนไหว เราต้องพึ่งพาความรู้สึกมั่นคงที่ได้จากกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวที่ทำงานโดยที่เราไม่รู้ตัว

พฤติกรรมท่าทางที่ไม่ดี โดยเฉพาะในการนั่ง, ความเครียด, และอาการปวดหลัง ทั้งหมดนี้สามารถยับยั้งการทำงานที่ควรจะเป็นของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวได้ เมื่อสมองของเรารับรู้ว่ากล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวไม่ทำงาน มันจะเริ่มมองหาทางเลือกอื่นเพื่อพยุงร่างกายเราไว้ กลยุทธ์การชดเชยที่พบบ่อยคือการที่สมองเริ่ม "เกร็ง" กล้ามเนื้อก้นชั้นลึก โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ ischiococcygeus และ obturator internus เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้เริ่มทำงานหนักเกินไปและตึงเครียดตลอดทั้งวัน ก็มีโอกาสที่จะเกิดแรงกดดันต่อโครงสร้างที่ลอดผ่านช่องอัลค็อก (Alcock's Canal) ซึ่งรวมถึงเส้นประสาทพูเดนดัลด้วย

นักกายภาพบำบัดที่ Sydney Spine and Pelvis Centre มีความตระหนักดีถึงกลไกต่างๆ ที่สามารถนำไปสู่ภาวะเส้นประสาทพูเดนดัลถูกรบกวน และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการปรับปรุงการวินิจฉัยและการรักษาภาวะที่เจ็บปวดนี้ แผนการรักษาของเราประกอบด้วยการประเมินอุ้งเชิงกรานและกระดูกสันหลังส่วนเอวเพื่อหาความผิดปกติของข้อต่อหรือกล้ามเนื้อ, การคลายกล้ามเนื้อที่ทำงานมากเกินไปและเส้นเอ็นที่ตึงอย่างเฉพาะเจาะจง และสอนวิธีให้คุณ "ปิดการทำงาน" ของกล้ามเนื้อที่ทำงานหนักเกินไปเหล่านั้น เพื่อให้แรงกดดันต่อเส้นประสาทสามารถเริ่มฟื้นตัวได้

---

**ท่าออกกำลังกายเพื่อคลายกล้ามเนื้อ Ischiococcygeus และกระตุ้นการทำงานของ Pubococcygeus**

* ให้จินตนาการถึงรูปสามเหลี่ยมที่มียอดแหลมอยู่ที่กระดูกหัวหน่าวของคุณ และฐานด้านหลังของสามเหลี่ยมเชื่อมระหว่าง **ปุ่มกระดูกรองนั่ง (sitz bones)** ทั้งสองข้างของคุณ
* ขั้นตอนแรกคือ **ผ่อนคลายก้นของคุณ** ลองจินตนาการว่าก้นของคุณคือช็อกโกแลตแท่งหนึ่ง และคุณกำลังนอนอยู่บนชายหาดในวันฤดูร้อน ทรายร้อนมากจนทำให้ช็อกโกแลตของคุณละลาย **ปล่อยให้ก้นของคุณ "ละลาย" หรือผ่อนคลายลง** หากจินตภาพการละลายไม่ได้ผล ให้ลองคลำหาปุ่มกระดูกรองนั่งของคุณขณะนอนลง และจินตนาการว่ากระดูกเหล่านี้กำลังขยายกว้างออกจากกัน (หรือจินตนาการว่าฐานด้านหลังของสามเหลี่ยมที่คุณนึกภาพไว้กำลังกว้างขึ้น อย่าเกร็งก้นและอย่าให้ปุ่มกระดูกรองนั่งบีบเข้าหากันเด็ดขาด!!)
* ตอนนี้ ให้รักษาฐานด้านหลังของสามเหลี่ยมของคุณให้กว้างไว้ และจินตนาการถึงการค่อยๆ **"ยก" ยอดของสามเหลี่ยม (คือกระดูกหัวหน่าวของคุณ) ขึ้นไปทางสะดือ** จินตนาการว่ามีเชือกเชื่อมกระดูกหัวหน่าวกับสะดือของคุณซึ่งกำลังค่อยๆ ดึงขึ้นอย่างนุ่มนวล ลองดูว่าคุณสามารถทำค้างไว้โดยที่ก้นไม่เกร็ง และหายใจไปด้วยได้หรือไม่

ลองดูว่า "จินตภาพ" แบบไหนที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายก้นได้ดีที่สุด ฝึกทำเช่นนี้ทุกครั้งที่คุณรู้สึกว่าก้นของคุณเกร็ง และลองดูว่าคุณสามารถรักษความรู้สึกของการผ่อนคลายฐานด้านหลังของสามเหลี่ยมนี้ไว้ได้หรือไม่ทั้งในท่านั่งและท่ายืน

ขอให้โชคดี!

📌 บันทึกโพสไว้ด้วยนะคะ กษัยแปลว่า…“ความเสื่อม”"กษัย" ไม่ใช่โรค แต่คือสภาวะ "ความเสื่อม" ของแกนกลางร่างกายที่คุณอาจไม่รู้...
04/07/2025

📌 บันทึกโพสไว้ด้วยนะคะ กษัยแปลว่า…“ความเสื่อม”

"กษัย" ไม่ใช่โรค แต่คือสภาวะ "ความเสื่อม" ของแกนกลางร่างกายที่คุณอาจไม่รู้ตัว

คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า "กษัย" เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางเพศเท่านั้น แต่ในทางการแพทย์แผนไทยและกายวิภาคศาสตร์ประยุกต์ "กษัย" คือสภาวะการเสื่อมถอย (Degeneration) ของระบบต่างๆ ที่เป็นรากฐานของร่างกาย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณอุ้งเชิงกรานและช่องท้องส่วนล่าง

ลองจินตนาการว่าร่างกายเรามี "ศูนย์บัญชาการ" อยู่ที่บริเวณกระดูกกระเบนเหน็บชิ้นที่ 2-4 (S2-S4) ซึ่งเป็นที่อยู่ของเครือข่ายเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อและอวัยวะสำคัญทั้งหมดในบริเวณนั้น เมื่อศูนย์บัญชาการนี้ทำงานผิดปกติเพราะถูกรบกวน สภาวะ "ความเสื่อม" ก็จะเริ่มต้นขึ้น

ความเสื่อมเกิดขึ้นได้อย่างไร? จากมุมมองกายวิภาค

1. กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Pelvic Floor) เสื่อมสภาพ:
กล้ามเนื้อกลุ่มนี้ทำหน้าที่เหมือน "เปลญวน" ที่คอยพยุงอวัยวะในช่องท้องและควบคุมการขับถ่าย เมื่อเรานั่งนานๆ หรือมีท่าทางที่ไม่ถูกต้อง กล้ามเนื้อกลุ่มนี้จะเกิดภาวะ ตึงเครียดจนเกร็งค้าง หรือ อ่อนแรงจนย้วย สิ่งนี้จะไปสร้างแรงกดทับและรบกวนโดยตรงต่อเครือข่ายประสาท S2-S4 ที่อยู่ติดกัน เปรียบเสมือนการตัดการสื่อสารของศูนย์บัญชาการ

2. พังผืดรั้งและจุดเจ็บ (Fascia Adhesion & Trigger Points):
เมื่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและกล้ามเนื้อขาหนีบ (Groin Muscles) ตึงตัวเป็นเวลานาน ร่างกายจะสร้างพังผืด (Fascia) ขึ้นมาห่อหุ้มและยึดรั้งจนขาดความยืดหยุ่น เกิดเป็น "Trigger Point" หรือจุดกดเจ็บ ที่ส่งความปวดร้าวไปยังบริเวณอื่น เช่น ปวดหลังส่วนล่างลึกๆ ปวดร้าวลงขา หรือปวดหน่วงที่อวัยวะเพศ นี่คือสัญญาณของเนื้อเยื่อที่กำลังเสื่อมสภาพเพราะขาดการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจน

3. ระบบประสาทช่องท้อง (Abdominal Nerve Plexus) ทำงานรวน:
ความตึงเครียดจากอุ้งเชิงกรานจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังช่องท้อง ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมการย่อยอาหารและการทำงานของลำไส้เกิดภาวะสับสน นำไปสู่อาการท้องอืด ลมในท้องเยอะ หรือท้องผูกเรื้อรัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของความเสื่อมในการทำงานของอวัยวะภายใน

4. มวลกล้ามเนื้อลดลง (Muscle Atrophy):
เมื่อเส้นประสาทถูกรบกวนและการไหลเวียนเลือดไม่ดี กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง เช่น กล้ามเนื้อก้น กล้ามเนื้อต้นขา และกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว จะไม่ได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มที่ นานวันเข้าก็จะเกิดภาวะ มวลกล้ามเนื้อลดลง ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ขาไม่ค่อยมีแรง และทรงตัวได้ไม่ดี ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของ "ความเสื่อม" ที่เห็นได้ชัดที่สุด

สรุป: อาการเหล่านี้คือสัญญาณของ "กษัย" หรือ "ความเสื่อม"

ปวดหลังส่วนล่างลึกๆ ที่หาสาเหตุไม่เจอ

ปัสสาวะไม่สุด กะปริดกะปรอย เกิดซากเซลล์ที่ค้างในระบบเมเทบบอลิซึม

ท้องอืด ท้องผูก หรือรู้สึกว่าระบบย่อยอาหารไม่ดี มีอาการกรดไหลย้อน

รู้สึกขาอ่อนแรง กำลังวังชาถดถอย

สมรรถภาพทางเพศลดลง

✡️ตามหลักโหราศาสตร์ไทย ธาตุทองมีความสัมพันธ์กับราศีดังต่อไปนี้:🎗️ราศีพฤษภ (14 พฤษภาคม - 13 มิถุนายน):ราศีพฤษภเป็นราศีธาต...
24/03/2025

✡️ตามหลักโหราศาสตร์ไทย ธาตุทองมีความสัมพันธ์กับราศีดังต่อไปนี้:

🎗️ราศีพฤษภ (14 พฤษภาคม - 13 มิถุนายน):
ราศีพฤษภเป็นราศีธาตุดิน แต่มีความเกี่ยวข้องกับดาวศุกร์ ซึ่งเป็นดาวที่เกี่ยวข้องกับความงาม ความมั่งคั่ง และความสุข ซึ่งสอดคล้องกับคุณสมบัติของทองคำ
ดังนั้น น้ำมันนวดทองคำจึงอาจเป็นประโยชน์สำหรับชาวราศีพฤษภในการเสริมสร้างความงามและความผ่อนคลาย
🎗️ราศีตุลย์ (17 ตุลาคม - 15 พฤศจิกายน):
ราศีตุลย์เป็นราศีธาตุลม แต่ก็อยู่ภายใต้การปกครองของดาวศุกร์เช่นกัน
ชาวราศีตุลย์มักให้ความสำคัญกับความสมดุลและความงาม ดังนั้น น้ำมันนวดทองคำอาจช่วยเสริมสร้างความสมดุลและความผ่อนคลายให้กับพวกเขาได้

น้ำมันนวดทองคำมีประโยชน์หลายประการต่อร่างกายและจิตใจ
โดยเชื่อว่าทองคำมีคุณสมบัติในการปรับสมดุลพลังงานในร่างกายตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยและศาสตร์อื่นๆ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ

ประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ:

ปรับสมดุลพลังงาน: ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย ทองคำเชื่อว่ามีพลังงานที่ช่วยปรับสมดุลธาตุในร่างกาย ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ: การนวดด้วยน้ำมันทองคำช่วยคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อย และส่งเสริมการผ่อนคลาย
กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต: การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ช่วยขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย
ลดความเครียด: กลิ่นหอมอ่อนๆ และสัมผัสที่นุ่มนวลของน้ำมันทองคำ ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและลดความเครียด

ประโยชน์ต่อผิวพรรณ:

บำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง กระจ่างใส: ทองคำมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้น ส่งผลให้ผิวดูสดใสและมีชีวิตชีวา
ต้านอนุมูลอิสระ: ทองคำมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และมลภาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยและความเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว
ลดการอักเสบของผิวหนัง: ทองคำมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองและรอยแดงของผิวหนัง
ฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: ทองคำช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอย
ช่วยผลักสารบำรุงลงสู่ผิว: ทองคำสามารถเป็นตัวนำพาครีมหรือน้ำมันบำรุงผิวให้ซึมลึกลงสู่ชั้นใต้ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น

ที่อยู่

เลียบทางด่วน ซอยโยธินพัฒนา
Bangkok

เวลาทำการ

จันทร์ 10:00 - 22:00
อังคาร 10:00 - 22:00
พุธ 10:00 - 22:00
พฤหัสบดี 10:00 - 22:00
ศุกร์ 10:00 - 22:00
เสาร์ 10:00 - 22:00
อาทิตย์ 10:00 - 22:00

เบอร์โทรศัพท์

+66840292633

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ กษัยสุข - นวดกษัยกายวิภาค สุขภาพบำบัดผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram