เมื่อโอ๋เป็นStroke

  • Home
  • เมื่อโอ๋เป็นStroke

เมื่อโอ๋เป็นStroke เมื่ออยู่ดีๆ คนในครอบครัวก็เป็น Stroke ?

จำไม่ได้ว่าเคยเห้นมาก่อนไหม  2 ปี ผ่านไป ก้ยังคิดว่าน่าสนจอยู่นะ
20/05/2025

จำไม่ได้ว่าเคยเห้นมาก่อนไหม 2 ปี ผ่านไป ก้ยังคิดว่าน่าสนจอยู่นะ

พุธ-ไซแอนซ์

ตอนนี้ก็ผ่านไป 2 ปีแล้วนับจากวันที่ผ่าตัดสมองไป ... เสาร์นี้จะไปทำ MRI สมอง และ หลอดเลือด เพื่อดูว่าผ่านมา 2 ปีแล้ว เป็น...
20/05/2025

ตอนนี้ก็ผ่านไป 2 ปีแล้วนับจากวันที่ผ่าตัดสมองไป ... เสาร์นี้จะไปทำ MRI สมอง และ หลอดเลือด เพื่อดูว่าผ่านมา 2 ปีแล้ว เป็นไงบ้าง ... ก็จะได้คุยกับคุณหมอสมองรอบที่ 1 .. แล้วพอเดือนหน้า ก็เอาผลไปศิริราข ไปพบคุณหมอผ่าตัด เพื่อดูว่า Cavanoma ของโอ๋จะเป็นไงบ้าง

มารอดูกันว่าผลจะเป็นอย่างไร ^___^

2.7.2567 ... ก็สองปีแล้วสินะ ...... ย้อนหลังกลับไป บ่ายสามโมงของวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฏาคม 2565 เรื่องที่เลวร้ายที่สุดก็เกิ...
02/07/2024

2.7.2567 ... ก็สองปีแล้วสินะ ......
ย้อนหลังกลับไป บ่ายสามโมงของวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฏาคม 2565 เรื่องที่เลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้น ...... โอ๋ เป็น Stroke !!!
คิดย้อนหลังกลับไป ยังคงจำรายละเอียดวันนั้นได้ดีเหมือนกับว่า เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ... จำได้ว่า วันนั้น โอ๋เคลียงานเสร็จ ปิดคอม แล้วก็เดินขึ้นห้องไปพักผ่อน ... ขึ้นไปได้สักชั่วโมงกว่าๆ ได้ยินเสียงดังตึ้งจากจากข้างบน ก็เลยตะโกนเรียก โอ๋เปิดประตูห้องให้ นั่งอยู่บนเก้าอี้คอมพิวเตอร์ แล้วบอกว่า อุ๋ย ชั้นว่ามีอะไรผิดปรกติแล้ว ข้างขวาไม่มีแรงเลย ... ภาพที่เห็นคือน้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ เหงือ่ออกเต็มตัว ไม่รู้เลยว่าเพราะห้องร้อนหรือว่าอะไร ... จำได้ว่าใจนึงคิดว่า ... ถ้าไม่ไหวพักก่อนดีไหม.. แต่วันนั้น มองหน้ากันสามคน ... ไป ไม่เอา ไม่นอน ไปโรงบาลเลย ..... แต่ว่า เราจะไปกันไงอ่ะ ....
ปัญหาคือ ตอนนั้น โอ๋นั่งอยู่บนชั้น 2ของบ้าน จะเอาโอ๋ลงมาไง น้องตัวใหญ่กว่า สูงกว่า ... ในขณะที่กำลังคิด น้องบอกว่า อุ๋ยกับแม่ลงไปรอเลย เดี๋ยวลงไปเอง แม่รีบลงบันไดไปหาเสื้อให้โอ๋ใส่ อุ๋ยลงมาเปลี่ยนเสื้อ ตัดสินใจว่า จะขับรถไปเอง ไม่อยากเสียเวลารอรถพยาบาล ... ลงมาหากุญแจรถ สักแป๊ป โอ๋มานั่งอยู่ที่บันได้ขั้นสุดท้ายแล้ว ... วันนั้นโอ๋ลงบันได้โดยการนั่ง แล้วเอาตัวถัดลงบันไดมาเรื่อยๆ ก็ยี่สิบกว่าขั้น ... แล้วก็ค่อยๆถัดมาตามพิ้น จนถึงทีพืห้องรับแขก .. ใส่เสื้อที่แม่เตรียมให้ .. มองหน้ากัน .. ถามว่า .. จะไปขึ้นรถยังไง.. ตกลงกันว่า... อุ๋ยไปสตาร์ทรถ โอ๋ไถตัวไปตามห้องรับแขก ไปเจอกันที่ประตูโรงรถ ... นับ 1..2..3.. ประคองโอ๋ลุกขึ้นยืน เพราะซ้ายยังมีแรง อุ๋ยเข้าประคองด้านขาว ค่อยๆ ก้าวไปขึ้นรถ ที่จอดอยู่ 10 เมตรห่างไป .... ก่อนออกจากบ้าน บอกแม่ว่า ... เตรียมเสือ้ผ้าไว้นะ คงได้ไปเฝ้าน้อง ...
ขับรถออกจากบ้านมา โอ๋นั่งอยู่กลางเบาะหลังรถ ... เราคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น ... โอ๋บอกว่าอาการอย่างนี้ Stroke แน่ๆ ... ระหว่างทางที่ขับรถไปขึ้นทางด่วนเพื่อจะไปโรงบาล .... นั่งคุยกันไป โอ๋เริ่มจะพูดไม่ชัด ... แต่ก็ยัง มีสติ สั่งการว่า ... อุ๋ย โทรไปโรงบาล แจ้งห้องฉุกเฉิน มีคนไข้ชื่อนี้นี้ มีอาการอ่อนแรงข้างขวา คิดว่าน่าจะเป็น Stroke กำลังไปโรงบาล อีก 20 นาทีถึง .... ให้เตรียมหมอไว้ด้วย โชคดีที่มันเป็นบ่ายแก่ๆ วันอาทิตย์ รถบนทางด่วนไม่ติด ...ขับรถไป ตั้งสติไป รีบก็ต้องรีบ ทางก็ต้องดู พร้อมกับนั่งคุยกับน้องไปตลอดทาง ... ใจก็กลัวเหมือนในหนังว่า ... ถ้าปล่อยให้น้องหลับไป เราจะไม่ได้คุยกันอีกเลย .... เราใช้เวลานับจาก เสียงดังตึ้งที่ห้องโอ๋ จนถึงห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลให้เวลา 45 นาที ถ้าใครที่รู้จักโรคนี้จะรุู้ว่า โรคนี้มี Golden time เกิดแล้ว รู้เร็ว ถึงหมดเร็ว โอกาสที่จะแก้ไขก็มีสูง ... 45 นาทีถือว่าโอ๋โชคดีมากๆ เลยที่มาถึงโรงบาลได้อย่างรวดเร็ว
มาถึงโรงพบาบาล แป๊ปเดียวคุณหมอฉุกเฉินมา คุณหมอสมองมา .. ไม่นานโอ๋ก็ได้เข้าไปสแกนสมอง .... เริ่มจาก .... MRI .... หมอบอกว่า .... จากภาพที่เห็น ... ไม่น่าจะตีบ ... แต่แตก.... โอ๋เป็นหลอดเลือดในสมองแตก .... วันนั้น ..ตอนนั้น... หมดแรงเลย ไปไม่ถูกเลย แล้วจะต้องทำไงต่อไป .... เค้าเข็นโอ๋ออกมาจากห้องสแกน .... เล่าให้โอ๋ฟัง... น้องไม่ได้ดูตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิดเท่าไหร่ ..... สุดยอดเลย... คงพูดไม่ได้ว่ชิลล์ แต่ก็สงบได้อย่างประหลาด ... รอสมทบจนแม่มา .... เค้าก็เข็นพาโอ๋ไป เข้าห้อง ICU เค้าให้ขึ้นไปส่งด้วย ไปคุยกัน จนถึงเวลาหกโมงกว่า ๆ .... ก็ร่ำลากัน พาแม่กลับบ้าน .....
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ กำลังจะครบรอบ 2 ปี มันเป็นเวลา 2 ปีที่เปลี่ยนบ้านเราไปอย่างมากมาย .... ความเจ็บป่วยของโอ๋คราวนี้ ... ผ่านไปได้ด้วยดี โอ๋กลับมาใช้ชีวิตได้ ในระดับหนึ่ง เพราะความมีสติของโอ๋ ... และการเตรียมพร้อมรับมือเรื่องเหล่านี้เอาไว้ล่วงหน้า ....
วันนี้ ความยากลำบากหลายๆ อย่างเริ่มจะดีขึ้นแล้ว ... ทุกวันนี้ถ้าไม่บอก ก็อาจจะดูไม่ออกว่าโอ๋เป็น Stroke เพราะเดินดูเหมือนปรกติ ถึงแม้ขวายังคงมีอาการอ่อนแรง ( เล็กน้อย ) และสายตาที่ไม่เหมือนเดิม ... ตอนนี้ ... สามารถหยิบเรื่องนี้มาเล่า เพื่อยินดีกับความสำเร็จในการ Recover ของโอ๋ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อของความพยายาม ทั้งของโอ๋เอง และทีม Support ทั้งหมดตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ... ตอนนี้อุ๋ยก็อยากเล่ารให้ใครๆ ก็ตามที่มีโอกาสได้อ่านข้อความนี้ว่า ... อย่าละเลยกับการการเตือนแม้เพียงเล็กน้อยของ Stroke ... เพราะการแก้ไข มันใช้พลังเยอะมาก ..... ยิ่งถึงมือหมอช้า การฟื้นตัวก็ยิ่งลำบาก ... แต่นะ ... โอ๋ก็ผ่านมาได้แล้ว .... ไม่ว่าจะยากลำบากขนาดไหน ... ก็ผ่านมันมาได้อย่างดี ....
ปล ... ขอบคุณความเข้มแข็งของโอ๋มากๆ ที่พยายาทสู้กับทุกอย่างที่ผ่านมาอย่างอดทน ^_____^

30/04/2024

ความตื่นเต้นกลับมา เมื่อผ่านไป 1 ปีกับ 1 เดือน ..^___^

สมองโอ๋ เหมือนกัน แล้วทำไมมันดูต่างกันอ่ะ  จริงๆ อันนี้ ควรจะเป็นภาคแรกที่หยิบมาเขียนเกี่ยวกับเรื่องผลของ MRI เลย ทำไมนะ...
10/04/2024

สมองโอ๋ เหมือนกัน แล้วทำไมมันดูต่างกันอ่ะ

จริงๆ อันนี้ ควรจะเป็นภาคแรกที่หยิบมาเขียนเกี่ยวกับเรื่องผลของ MRI เลย ทำไมนะเหรอ ก็เพราะว่า ถ้าพอจะเข้าใจภาพทีเห็นจาก MRI ก็จะพอเข้าใจได้ว่าจริงๆ กำลังเกิดอะไรขึ้นกับคนที่เราดูแล มันดีหรือมันแย่ยังไงบ้าง

เอาจริงๆ ตอนแรกๆ ก็ไม่รู้อะไรเลย เวลาหมอเปิดอะไรให้ดูก็พยายามทำความเข้าใจ ทำได้แค่จำภาพที่เห็น แต่หลังจากที่พยายามจดจำรูปที่คุณหมอเปิดให้ดูแล้วเอามาเทียบกับรูปในเน็ตเลยทำให้เขาใจว่า ก็เลยค่อยๆ เข้าใจว่า ทำไมรูปMRI แต่ละรูปมีความต่างกัน ก็เพราะว่าในการทำ MRI นั้น คุณหมอจะสั่งให้ทำด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน เพื่อดูรอยโรคในมุมมองที่แตกต่างกัน

รูปที่เอามาลงไว้ตรงนี้ รูปที่ 1 เป็น MRI ที่เป็น T2W TSE ส่วนรูปที่ 2 เป็นรูปที่เป็น T2W FLAIR ภาพบนจะเป็นภาพตอนที่โอ๋แตกครั้งแรก จะเห็นว่าสีขาวๆ มีเล็กน้อย อยู่รอบๆ บริเวณจุดที่แตก
ส่วนรูปล่างคือการแตกครั้งที่ 2 จะเห็นว่ามีพื้นี่สีขาวมากมายในจุที่แตกครั้งที่ 2
มันดูแย่กว่าการแตกครั้งแรก ที่อยากเอามาเล่าก็เพราะว่า แตกครั้งแรกอ่ะ โอ๋อ่อนแรงซีกขวาไปเลย แต่ว่า พอผ่านไป สองวีค เลือดก็ค่อยๆ เริ่มแห้ง บวกกับการ กายยภาพอย่างหนักหน่วง เพื่อให้สมองได้เรียนรู้เส้นทางเดินใหม่ ๆทุกอย่างก็เริ่มกลับมา

แต่ครั้งที่สองมันต่างกัน โอ๋แย่ลงไปเรื่อยๆ จากที่เดินได้ มีแรง เขียนหนังสือได้ ก็อ่อนแรงลงเรื่อยๆ ตอนแรกนึกว่าเป็นผลข้างเคียงขอยาสเตียรอยด์ ที่ได้ปริมาณมากๆเป็นเวลานาน ก่อนไปผ่าตัด โอ๋แทบไม่มีแรง เดินแทบไม่ได้ แถมลานสายตาก็แย่ ลงมาก ทุกอย่างมันไม่ดีเลย ... ถ้าดูในฟิลม์... จะเห็นเลย คำตอบอยู่ในนั้น ... คำตอบคือ ก็สมองของโอ๋อักเสบมากขึ้นไง มันอักเสบลามจากด้านซ้านไปด้านขวา มันก็เลยทำให้อาการทรุดลงไป ... ที่นี้เลยอ่อนแรงมันทั้งตัวเลย .... เพราะภาพนี้แหละ ....คุณหมอเลยบอกว่า.. มันไม่ปรกติแล้ว มันมีอะไรที่ทำให้การอักเสบเกิดขึ้น ( พื้นที่สีขาวใน white matter ) และตอนนี้มันเริ่มลามแล้ว ต้องหาให้ได้ว่ามันคืออะไร ... มันเลยเกิดความคิดในการไปทำ Biopsy เพื่อดูว่ามันมีอะไรอยู่สมองของโอ๋ จะได้จัดการได้

ทีนี้ กลับมาว่ากันด้วยเรื่องของผลที่เห็น T2W-SE (spin echo) vs FLAIR (Fluid Attenuated Inversion Recovery) คืออะไร

ข้อมูลที่ไปหามา ( หวังว่าจะเข้าใจถูก ) เค้าบอกว่า T2 weight image เป็นลักษณะภาพที่สามารถบ่งชี้รอยโรคที่เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อต่างๆ ได้ดีเนื่องจากT2W-SE ของเหลว (รวมถึงน้ำ) จะเกิด signal hyperintensity ทำให้เกิดเป็นสีขาวขึ้นในภาพ ในกรณีที่มีการอักเสบหรือบวมน้ำของเนื้อเยื่อประสาท ก็จะเห็นได้ ในรูปนี้

แต่ว่าในสมองเรามีน้ำไขสันหลัง ซึ่งเป็นสารน้ำชนิดหนึ่งในร่างกาย ใสไม่มีสี หล่ออยู่ในช่องใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางและระบบโพรงสมอง อยู่ด้วย ( CSF - CerebroSpinal Fluid) อยู่ด้วย การใช้ T2W FLAIR ทำให้ CSF ซึ่งเป็น free flow fluid จะถูกกด ขณะที่รอยโรคต่างๆ ยังสามารถมองเห็นยังปรากฏใน MRI ได้ตามปกติ เข้าใจว่าจะช่วยให้เห็นการบวมน้ำชัดเจนขึ้น

ใน FB Neurologist P ( t.ly/i3p4N )โพสต์ไว้ว่า
T2 weighted (T2WI) MRI image -> T2FLAIR แม้ T2 จะดูรอยโรคในWhite mater ได้ดี แต่ก็มีข้อจำกัดในการดูรอยโรคใกล้ๆ ventricle เนื่องจาก CSF ก็ขาวเหมือนกัน
** ฉะนั้นแล้วจึงมีการปรับเทคนิคโดยการปรับให้เฉพาะน้ำและ CSF กลายเป็นสีดำ ในขณะที่เนื้อ Grey และ White mater เป็นเหมือนเดิม (เหมือน T2)เรียก Technic นี้ว่่า T2FLAIR ทำให้ดู lesion ใกล้ๆ ventricle ได้ดีขึ้น

ก่อนจะจบแล้ว Grey และ White mater คืออะไรอ่ะ
ก็จากที่อ่านมา เค้าบอกว่า เนื้อเยื่อสมองนั้นประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักคือ
- สมองเนื้อสีเทา (grey or gray matter) คือเนื้อเยื่อสมองที่อยู่ส่วนด้านนอกประกอบด้วยเซลล์ประสาท (neuron), เดนไดรต์, แอกซอน, เซลล์ค้ำจุนระบบประสาท (glial cells) และหลอดเลือดฝอย มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ และการให้ความรู้สึก ทั้งประสาทสัมผัส ความนึกคิด ความจำ การเห็น การพูด และการได้ยิน
- และสมองเนื้อสีขาว (white matter) เป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ด้านใน เป็นเนื้อเยื่อที่ไม่มีเซลล์ประสาท มีแต่เซลล์ค้ำจุนระบบประสาท และแอกซอน โดยทำหน้าที่หลัก ในการช่วยส่งสัญญาณ/ กระแสประสาทที่ออกจากเซลล์ประสาทในบริเวณของสมองเนื้อสีเทา ซึ่งเนื้อเยื่อสมองทั้ง 2 ส่วนจะต้องทำงานสัมพันธ์กันเพื่อให้การทำงานของสมองโดยรวมเป็นไปอย่างราบรื่น
t.ly/mchqp

พอเราเข้าใจแล้วว่าเรากำลังดูอะไร จะได้เข้าใจ ตามคุณหมอได้ ^____^

โอ๋’s mri …ภาคปลาย … Look like … mulberry ….เป็นอย่างนี้นี่เอง แปะไว้ก่อนเหมือนกัน ^____^
09/04/2024

โอ๋’s mri …ภาคปลาย …

Look like … mulberry ….เป็นอย่างนี้นี่เอง แปะไว้ก่อนเหมือนกัน ^____^

โอ๋’s mri …. ภาคกลาง …..แปะไว้ก่อน ^_____^
09/04/2024

โอ๋’s mri …. ภาคกลาง …..

แปะไว้ก่อน ^_____^

โอ๋’s MRI ….. ภาคต้น….ก็ผ่านมาราวๆ 1ปีเต็มๆ ที่โอ๋ หย่าขาดจากการเข้าๆออกโรงพยาบาล เพื่งมีโอกาสได้เห็นว่าโอ๋เอาผล mri ของ...
09/04/2024

โอ๋’s MRI ….. ภาคต้น….

ก็ผ่านมาราวๆ 1ปีเต็มๆ ที่โอ๋ หย่าขาดจากการเข้าๆออกโรงพยาบาล เพื่งมีโอกาสได้เห็นว่าโอ๋เอาผล mri ของตัวเองโพสต์ลง fb ก็เลยได้เล่าเรื่องที่อยากจะเล่า ฉลองครบปีพอดีเลย

รูปทั้งสามที่เห็น เป็นผล mri ของโอ๋ใน day1 คือ 2กค2022 และ 5กค2022 อีก2รูป

รูปแรก เป็นรูปที่คุณหมอทำ mri ครั้งแรก ทำเสร็จคุณหมอออกมาบอกว่า …เอ่อ คาดว่าคุณภูวเดชจะเป็นสโตรกแบบแตก คงต้องขอทำ CT Scan เพื่อคอนเฟิร์มขนาดของเลือดที่ออก ….คุณหมอสรุปว่า…จุดเลือดออกขนาด 2.02 x 2.33 ครบคลุมสมองหลายส่วนเลย .. วันนี้ สรุปได้ว่า ส่วนที่กระทบ ได้แก่ …..

ปล ยังเขียนไม่จบ แต่ไปนอนก่อนละ

จากวันนั้น ... จนถึงวันนี้ .... วันที่ต้องใช้ไม้เท้า ... วันที่ต้องเดินเข็นรถเข็น ... มาถึงวันที่ออกเดินทาง ...  ภาพเบื้...
25/03/2024

จากวันนั้น ... จนถึงวันนี้ .... วันที่ต้องใช้ไม้เท้า ... วันที่ต้องเดินเข็นรถเข็น ... มาถึงวันที่ออกเดินทาง ... ภาพเบื้องหลัง .... มันช่าง .... so PROUD of you !!!

ปล .... ก็ลงไว้เพื่อให้รู้ว่า 1 ปีที่ผ่านมา น้องก้าวหน้าไปขนาดไหน ^_____^

25.3.24 ... นับ 1 +1  ......24.3.23 วันแห่งการเปลี่ยนชีวิตของ...การผ่าตัดสมองครั้งแรกในชีวิต ... มาจนตอนนี้ เวลาผ่านไปเร...
25/03/2024

25.3.24 ... นับ 1 +1 ......

24.3.23 วันแห่งการเปลี่ยนชีวิตของ...การผ่าตัดสมองครั้งแรกในชีวิต ... มาจนตอนนี้ เวลาผ่านไปเร็วมากๆ วันนี้ 25/3/24 ผ่านมา1 ปีกะอีก1วันแล้ว ถึงแม้ว่า อะไรหลายๆ อย่างจะไม่เหมือนเดิม แต่ที่ได้พบเจอและเป็นอยู่ตอนนี้ ก็ถือว่าโอ๋โชคดีมาก มากแล้ว ^____^

จากวันที่แทบจะเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นไปทำบัตรประชาชน แขนขวาก็แทบจะไม่มีแรงเขียนหนังสือก็ไม่ได้ แสงไฟที่วิ่งวนอยู่ในตา หรือมองเห็นตัวหนังสือล้ม ไม่รู้ว่าตาจะบอดไหม ... มาจนวันนี้ วันที่เราหิ้วกระเป๋าออกเดินทางไปด้วยกัน ทั้งเชียงใหม่ เชียงราย นคร สุราษ ทั้งขึ้นรถไฟ ลงเรือ ไปเหนือ เล่องใต้ .... เราก็ไปกันมาแล้ว ....

ทุกๆคนที่ได้รับฟังเรื่องราวของโอ๋ บอกว่าโอ๋โชคดีมาก... ตอนนี้โอ๋ไม่ได้ดูเหมือนคนที่เป็น Stroke เลย ... อยากบอกทุกๆคนว่า โอ๋โชคดีจริงๆ โชคดีมากๆ ด้วย ... แต่นอกจากโชคแล้ว ความพยายามเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้โอ๋กลับมาได้ถึงจุดนี้ ... ความพยายาม การไม่ยอมแพ้ ไม่ย่อท้อต่อการทำกายภาพบำบัด มาเป็นเวลาเกือบ20 เดือน ... ทำให้โอ๋กลับมาได้แทบจะสมบูรณ์ขนาดนี้ ...

ในวาระที่เรื่องที่หนักที่สุดเรื่องนึงของชีวิต ได้ผ่านรอบ 1 ปีไปแล้ว ก็เลยอยากจะอัพเดทภาพเหล่านี้เป็นบันทึกความทรงจำเก็บเอาไว้ ^____^

วันที่โอ๋ออกเดินเดี่ยว .... 18/10/2023 วันนี้ บอกตัวเองว่าจะต้องบันทึกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ได้ .... เมื่อเช้าราวๆ 8...
18/10/2023

วันที่โอ๋ออกเดินเดี่ยว .... 18/10/2023

วันนี้ บอกตัวเองว่าจะต้องบันทึกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ได้ .... เมื่อเช้าราวๆ 8.20น เเม่โทรมา...บอกว่า.. ตอนนี้น้องออกไปเดินแล้วนะ ไปคนเดียว ไม่ให้แม่ไปด้วย แม่เป็นห่วงนะ ... แต่ว่า ... ก็เดินกะน้องไม่ไหว ... ถามแม่ไปว่า น้องเอาเงินไปไหม เอาโทรศัพท์ไปไหม ...แม่บอกว่าเอาไป.. เลยบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วงนะ ถ้ามีไร เดี๋ยวใครเค้าคงโทรมา ... แต่ว่า น้องไม่เป็นไรหรอก เรื่องข้ามถนน ระหว่างซอยก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะเค้ารู้จังหวะว่าต้องระวังอะไรตอนไหน

นั่งทำงานไป วันนี้ราวๆ 9 โมง โอ๋บอกว่าตอนนี้อยู่แถวๆ โค้งวัดลาดพร้าว ... อ่า สบายใจไปเปราะหนึ่ง... น้องยังปลอดภัยดี... โอ๋ตั้งคำถามว่า รู้ไหมว่าชั้นใช้เวลาเท่าไหร่ ในการเดิน จากบ้านมาถึงตรงทีที่โทรศัพท์อยู่ .... จำได้ว้าแม่โทรมาราวๆ 8 ครึ่ง โอ๋โทรมาตอน 9 โมง เลยตอบน้องไปว่า 30 นาทีใช่ไหม .... น้องเลยถามต่อว่า ... แล้วทำไมไปเดินด้วยกันถึงใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย ...
ตอบน้องไปว่า.... ก็เดินไป คุยกันไป เวลาโอ๋เดินคุย จะใช้ความคิด การก้าวขาจะสั้นลง แล้วก็ช้าลง ทำให้ใช้เวลาเดินมากขึ้น .... น้องก็เงียบไป คิด่าคงเข้าใจ

ก่อนวางสาย บอกไปว่า ถ้าถึงบ้าน ช่วยถ่ายรูปกับแม่มาให้หน่อยจะได้รู้ว่าถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ... รูปที่ส่งมาให้ก็อันนี้เลย .... ว่าแต่ นี่เรารู้เรื่องกันใช่ไหม 555555 ..... ^____^

ปล ... แม่บอกว่า เดี๋ยวแม่เตรียมตัวให้พร้อม ใส่ร้องเท้าผ้าใบรอนะ ใครโทรมาจะได้รีบไป 555555 ดูออกนะว่า เป็นห่วง ^_____^

ว่าด้วยเรื่องของความจำ ( Part1 )หลังจากผ่าสมองก็ผ่านมา 6เดือนแล้ว คิดว่าทุกอย่างกำลังค่อยๆเข้าที่ ดีบ้างไม่ดีบ้างก็ค่อยๆ...
04/10/2023

ว่าด้วยเรื่องของความจำ ( Part1 )

หลังจากผ่าสมองก็ผ่านมา 6เดือนแล้ว คิดว่าทุกอย่างกำลังค่อยๆเข้าที่ ดีบ้างไม่ดีบ้างก็ค่อยๆ ปรับตัวกันไป ตอนนี้ปัญหาของโอ่ที่ยังคงมีอยู่ และดุว่าจะเป้นมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือเรื่องวามทรงจำระยะสั้น เพราะโอ่จำชื่อคนไม่ได้ โดยเฉพาะชื่อน้องๆ ที่ทำกายภาพให้ วันนี้เลยคิดว่า คงต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้กันก่อน ที่จะลงมือทำอะไรกันไป

ความจำทำงานอย่างไร
ความจำในสมองประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลัก ๆ
- ความจำระยะยาว : เป็นที่ที่เก็บข้อมูลต่าง ๆ ในชีวิต เปรียบเสมือนคลังข้อมูลที่เราจะสามารถดึงมาใช้ได้ในอนาคต สามารถเก็บข้อมูลได้ไม่จำกัด ข้อมูลเหล่านี้ยากที่จะถูกทำลาย หรือลบเลือนไป ซึ่งประกอบไปด้วย
1. ความจำที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
เป็นความจำที่สามารถเรียกคืนกลับโดยอัตโนมัติ (Implicit Memory) ซึ่ง ได้มาจากการฝึกทำซ้ำ ๆ เช่น การปั่นจักรยาน, การขับรถ เป็นต้น
2. ความจำที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเอง
เป็นความจำที่เรียกคืนโดยใช้ความคิดระดับสูง (Explicit Memory) ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และความเข้าใจของบุคคลนั้น ๆ
- ความจำระยะสั้น และ Working memory : คือความจำในช่วงระยะสั้นเป็นความจำช่วงสั้น โดยเราจะบันทึกข้อมูลนั้นลงบนพื้นที่ว่างในสมองทันที
ความแตกต่างระหว่างความจำสองแบบนี้ก็คือ
- ความจำระยะสั้น อาจจะอธิบายได้ว่าเป็นการจดจำบางอย่างไว้ ณ ชั่วขณะ หนึ่งก่อนที่เราจะลืมหรือส่งต่อไปที่ความจำระยะยาว อย่างเช่น การจำหมายเลขโทรศัพท์ให้นานพอที่จะเขียนมันลงไปในกระดาษ
- working memory ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูลเพียงอย่างเดียวแต่รวมไปถึงการจัดการข้อมูลอย่างคล่องแคล่วด้วย เช่น การจำหมายเลขโทรศัพท์แล้วต้องท่องหมายเลขเหล่านั้นจากหลังไปหน้าให้ถูกต้อง

ในเว็ปหลายๆเว็ปบอกไว้ว่า เพื่อจะพัฒนาความ ก็ให้ทำสิ่งเหล่านี้ เพื่อช่วยพัฒนาการทำงานของสมอง

1. การออกกำลังกายช่วยเรื่องการทำงานของสมอง
- ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ปริมาณของออกซิเจนและสารอาหารที่ไปเลี้ยงสมองลดลงตามไปด้วย

2. อย่าเครียด เพราะมันส่งผลเสียต่อการจดจำ
- อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียดจนเกินไป เพราะเมื่อเครียดร่างกายจะหลั่งสาร Cortisol ออกมามากขึ้น ซึ่งหากสารนี้อยู่บริเวณสมองที่เกี่ยวกับความทรงจำระยะสั้นจำนวนมาก ก็จะทำลายความสามารถในการจดจำสิ่งใหม่ ๆ

3. นอนหลับให้ได้ 7 – 8 ชั่วโมง
- นอนหลับให้สนิท เพราะระหว่างหลับสมองจะเอาข้อมูลใหม่ ๆ มาเก็บเป็นความทรงจำระยะสั้นและพัฒนาต่อไปเป็นความทรงจำระยะยาว

4. จดบันทึก และบอกเล่าเรื่องราวหรือสิ่งที่เรียนรู้มาเป็นประจำ
- จดบันทึกหรือเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้คนอื่นฟัง เพื่อดึงเอาความทรงจำในเรื่องนั้น ๆ กลับมาอีกรอบ ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจและจดจำได้ดีขึ้น

5. กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง
- รับประทานอาหารที่ประกอบไปด้วยไขมันดี เพราะสมองมีไขมันอยู่ถึง 50 - 60 % ไขมันดีที่เราได้รับเข้าไปจะช่วยในการพัฒนาความทรงจำ

6. จดจำเป็นรูปภาพ
- จำเป็นภาพ หรือใช้ปากกาสีต่าง ๆ ในการช่วยจำ จะทำให้เราสามารถจดจำได้ง่ายขึ้น

7. ทำกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาสมองและความจำ
- อ่านหนังสือ หรือเล่นเกมฝึกสมองต่าง ๆ รวมไปถึงการฟังเพลงก็ช่วยได้เช่นกัน เพราะดนตรีสามารถดึงเอาความทรงจำต่าง ๆ กลับมา

ก็เพราะปัญหาของโอ๋ เป็นเรื่องของความทรงจำระยะสั้น เดี๋ยวจะมาเล่าถึงข้อมูลที่เจอมาเพื่อให้ช่วยฝึกสมองเรื่องความทรงจำระยะสั้นละกันนะ ^____^

Address


Telephone

+66819213643

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when เมื่อโอ๋เป็นStroke posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

  • Want your practice to be the top-listed Clinic?

Share

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram