22/07/2025
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับ ภาคเอกชน ยกระดับมาตรฐานตรวจวิเคราะห์ไมทราไจนีน สนับสนุนกระท่อมไทยสู่ตลาดโลก
วันนี้ (28 มกราคม 2568) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าว “ความร่วมมือกับภาคเอกชนในการยกระดับมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์สารไมทราไจนีน (Mitragynine) ในใบกระท่อม” โดยมี นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย นายแพทย์พิเชฐ บัญญัติ นายแพทย์บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายพรชัย ปัทมินทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดร.กระท่อม ไบโออ์ จำกัด (Dr.Kratom Bio) เภสัชกรหญิงศิริวรรณ ชัยสมบูรณ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักยาและวัตถุเสพติด นายสันตกิจ นิลอุดมศักดิ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสมุนไพร นางวิชาดา จงมีวาสนา ผู้อำนวยการสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร นายอัศวชัย ช่วยพรหม ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12 สงขลา และนางสาวนิตยา เพียรทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องประชุม 110 ชั้น 1 อาคาร 100 ปี การสาธารณสุขไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี
นายแพทย์ยงยศ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศความร่วมมือกับ บริษัท ดร.กระท่อม ไบโออ์ จำกัด ในเครือ บริษัท ดร.ซีบีดี จำกัด รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนต่างๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์สารไมทราไจนีนในใบกระท่อม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาคุณภาพผลผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดส่งออก และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายหลัก
ในการสร้างมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารไมทราไจนีนให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยใช้ห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล สำหรับห้องปฏิบัติการทดสอบและสอบเทียบ เพื่อรับประกันความถูกต้อง แม่นยำ และความน่าเชื่อถือของผลการตรวจวิเคราะห์
ภายใต้ความร่วมมือนี้ ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันยกระดับการตรวจวิเคราะห์คุณภาพมาตรฐานใบกระท่อม ไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล มีการฝึกอบรมบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคนิคการตรวจวิเคราะห์ เพื่อให้มั่นใจในความถูกต้องและน่าเชื่อถือของผลการตรวจวิเคราะห์ในทุกขั้นตอน และสร้างระบบฐานข้อมูลที่ทันสมัย มีระบบการรับรองผลการตรวจวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการนำไปใช้ในระดับสากลต่อไป
นายแพทย์ยงยศ กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยและตรวจวิเคราะห์
ไมทราไจนีน ในใบกระท่อมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดทำมาตรฐานวัตถุดิบใบพืชกระท่อมของประเทศไทย เผยแพร่ในตำรามาตรฐานยาสมุนไพรไทย หรือ Thai Herbal Pharmacopoeia ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 รวมทั้งได้ดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เพื่อจัดทำสารมาตรฐานไมทราไจนีนความบริสุทธิ์สูง (มากกว่า 99%) และจัดทำเป็นสารละลายมาตรฐานความเข้มข้น 1.0501 mg/ml เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน มีราคาถูกกว่าสารมาตรฐานจากต่างประเทศ 3 เท่า สามารถลดการนำเข้าได้ไม่น้อยกว่า 7 ล้านบาทต่อรุ่นการผลิต เริ่มเปิดให้บริการ มกราคม พ.ศ.2568 นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารไมทราไจนีน ในวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์จากใบกระท่อม ประกอบด้วย การตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารไมทราไจนีน การตรวจวิเคราะห์ปริมาณความชื้น การตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ การตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนโลหะหนัก ได้แก่ แคดเมียม ตะกั่ว สารหนู และปรอท การตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนยาฆ่าแมลง และการตรวจวิเคราะห์สารพิษจากเชื้อรา ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์กระท่อมของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์ทั้งภายในประเทศ และการส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สามารถสอบถามรายละเอียดหรือส่งตัวอย่างตรวจวิเคราะห์ได้ที่ศูนย์รวมบริการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โทร. 0 2951 0000 ต่อ 99968 หรือศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศ
ด้าน นายพรชัย ปัทมินทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดร.กระท่อม ไบโออ์ จำกัด (Dr.Kratom Bio) กล่าวเสริมว่า บริษัท ดร.กระท่อม ไบโออ์ จำกัด ในเครือ บริษัท ดร.ซีบีดี จำกัด เป็นผู้ประกอบการ ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ ที่ให้บริการครบวงจร โดยมุ่งเน้นในการวิจัย พัฒนา ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากกัญชา กัญชง และกระท่อมในระดับมาตรฐานทางการแพทย์ ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีความร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 ในการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพมาตรฐาน มีความปลอดภัย สามารถสร้างนวัตกรรมสมุนไพรที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ผ่านเครือข่ายในระดับนานาชาติ (global network)ของบริษัท พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการผลักดันพืชกระท่อมให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพในตลาดโลกอย่างยั่งยืน และได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในด้านการพัฒนามาตรฐานการตรวจวิเคราะห์และการศึกษาวิจัยพืชกระท่อมในประเทศไทย ดังนั้น ความร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลทั้งต่อเกษตรกรผู้ปลูกกระท่อม และผู้ประกอบการที่จะได้รับการรับรองคุณภาพผลผลิต สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดส่งออก มีมาตรฐานอ้างอิงในการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ สร้างความน่าเชื่อถือแก่คู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ ลดอุปสรรคทางการค้า ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกพืชสมุนไพร สร้างรายได้เข้าประเทศอย่างต่อเนื่องตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ.2568 ช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างความยั่งยืนให้แก่ภาคเกษตรกรรมและธุรกิจเพื่อสุขภาพของประเทศไทย
---------------------------------------------
Department of Medical Sciences Partners with Private Sector to Enhance Mitragynine (Kratom) Testing Standards, Supporting Thai Kratom on the Global Market
On January 28, 2025, the Department of Medical Sciences, Ministry of Public Health, held a press conference entitled "Collaboration with the Private Sector to Enhance Standards for Testing Mitragyna speciosa (Mitragynine) in Kratom Leaves." Present at the press conference were Dr.Yongyot Thummavudhi, Director-General of Department of Medical Sciences, along with Dr.Phichet Banyati, Deputy Director-General, Department of Medical Sciences ; Mr. Pornchai Padmindra, CEO of Dr. Kratom Bio Co., Ltd.; Ms. Siriwan Chaisomboonpan, Director, Bureau of Drug and Narcotic; Mr. Santakit Ninudomsak, Director of Medicinal Plant Research Institute; Mrs. Wischada Jongmevasna, Director of Bureau of Quality and Safety of Food ; Mr. Aussavashai Shuayprom, Director of Regional Medical Sciences Center 12, Songkhla and Ms.Nittaya Peansub ,Director of Regional Medical Sciences Center 12/1, Trang. The press conference took place in Meeting Room 110, 1st Floor, the 100th Anniversary Building of Public Health, Department of Medical Sciences,
Dr. Yongyot stated that the Department of Medical Sciences, Ministry of Public Health, is delighted to announce a collaboration with Dr. Kratom Bio Co., Ltd., a subsidiary of Dr. CBD Co., Ltd., as well as various government and private sector agencies to elevate the standards of Mitragynine analysis in kratom leaves. This is a significant step in improving product quality, enhancing competitiveness in the export market, and generating income for Thai farmers. The primary objective of this collaboration is to establish internationally recognized standards for Mitragynine analysis, utilizing the Department of Medical Sciences' laboratory, which has been certified to the ISO/IEC 17025 standard, an international standard for testing and calibration laboratories, to guarantee the accuracy, precision, and reliability of analysis results.
Under this collaboration, both parties will jointly develop highly efficient Mitragynine analysis methods for kratom leaves in accordance with international standards, enabling accurate and precise measurement of Mitragynine content. Personnel will be trained in analytical techniques, quality control, and quality assurance to ensure the accuracy and reliability of analysis results at every stage. A modern database system will be created, along with an efficient analysis result certification system to support international use.
Dr. Yongyot further stated that the Department of Medical Sciences has been continuously conducting research and analysis of Mitragynine in kratom leaves, including studying kratom varieties. It was found that Thai kratom leaves have a high content of the key substance Mitragynine (1.2 to 2.0%), and a standard for raw kratom leaf materials in Thailand has been established and published in the Thai Herbal Pharmacopoeia since 2023. Additionally, a collaborative project between the Department of Medical Sciences and the Chulabhorn Research Institute has been initiated to produce high-purity Mitragynine standards (over 99%) and prepare standard solutions with a concentration of 1.0501 mg/ml for convenient use. This is 3 times cheaper than imported standards, reducing imports by at least 7 million baht per production batch. The service will be available starting in January 2028. Furthermore, the department also offers analysis services for the Mitragynine content in raw materials and kratom products, including Mitragynine content analysis, moisture content analysis, microbial contamination analysis, heavy metal contamination analysis (cadmium, lead, arsenic, and mercury), pesticide residue analysis, and mycotoxin analysis. This elevates Thailand's kratom analysis standards, supporting both domestic use and exports to international markets. Entrepreneurs, government agencies, and private sectors can inquire about details or submit samples for analysis at the Department of Medical Sciences Service Center, Tel. 0 2951 0000 ext. 99968, or at medical science centers nationwide.
Mr. Pornchai Padmindra, CEO of Dr. Kratom Bio Co., Ltd., a subsidiary of Dr. CBD Co., Ltd., added that the company is a full-service healthcare business focused on research and development of products using extracts from cannabis, h**p, and kratom at medical standards. In the past, the company has continuously collaborated with the Department of Medical Sciences since 2022 to promote the development of the Thai herbal industry with quality and safety standards, creating innovative herbal products that meet the needs of both domestic and international consumers through the company's global network. Recognizing the potential of the Department of Medical Sciences in developing analytical standards and researching kratom plants in Thailand, this collaboration with the Department of Medical Sciences will benefit kratom farmers and operators immensely by enhancing product quality, building consumer confidence, expanding export opportunities, providing a reference standard for quality control, building trust with domestic and international partners, reducing trade barriers, generate sustainable income for the country in line with the Ministry of Public Health's 2025 policy, stimulate economic growth, and ensure the sustainability of the agricultural and health sectors.
