Minivora's Journal

Minivora's Journal Variety Runners, Health and Rehabilitation Advice, medical clinic 🪡🪡

 #เคสที่แปลกที่สุด จากสนามเทรลที่ มนวร เคยเจอมีคนไข้ถามบ่อย ๆ ว่าเคสไหนจากสนามวิ่งเทรลที่แปลกที่สุดที่ มนวรทเคยเจอมามนวร...
07/07/2025

#เคสที่แปลกที่สุด จากสนามเทรลที่ มนวร เคยเจอ

มีคนไข้ถามบ่อย ๆ ว่าเคสไหนจากสนามวิ่งเทรลที่แปลกที่สุดที่ มนวรทเคยเจอมา

มนวร ก็จะคิดถึงเคสนี้ค่ะ
คนไข้มาด้วย

”หุบนิ้วกลางไม่ลง“

🧐😨

----------

📍 สมัยก่อน มนวร มีห้องตรวจบ้าน ๆ ที่รพ. แห่งหนึ่ง

วันหนึ่งคนไข้นามย่อ ฮช ติดต่อมาว่าอยากมาให้ช่วยตรวจหน่อย ออกจากสนามเทรลแล้วมีเจ็บ ไอ้เราก็ไม่ได้อ่านรายละเอียด เลยทำนัดให้ได้มาเจอกัน

เมื่อถึงวันนัด ฮช เดินเข้ามาในห้องตรวจเพราะกับชี้หน้าหมอเบา ๆ ด้วยนิ้วกลางค่ะ 🤣

มนวร : พี่!!! ไปทำไรมา
ฮช : เออ นิ้วมันหดกลับมาไม่ได้
มนวร : ไหนเล่ามาซิ!!

ก็ได้ความว่า

🏃🏻‍♀️ ฮช ทำหน้าที่เป็น staff ในงานแม่สลองเทรลปีหนึ่ง
แล้วก็ได้หน้าที่อันทรงเกียรติในการ #ตัดบิบ นักวิ่งที่วิ่งเข้ามาไม่ทัน cut off

แต่สวรรค์น่าจะลงโทษ เลยโดนกรรไกรตัดเข้าไปที่เนื้อนิ้วกลางพอดิบพอดี ✂️

⛑️ อยู่กลางป่าจะทำแผลยังไงดี?
ก็เลยต้องเอาชุดทำแผลที่เป็นอุปกรณ์บังคับของนักวิ่งเทรลออกมาค่ะ

- กดหยุดเลือด
- ทาเบตาดีน / น้ำเกลือล้างแผล
- ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซ
- พันด้วย adhesive band หรือ COBAN ที่โคตรจะแน่น

พอจบงาน ฮช ก็ต้องเดินเท้าออกมาพร้อมไม้โพลคู่ใจ
ฮช เดินกำโพลแต่หักนิ้วไม่ได้เพราะทำแผลแน่นมาก เลยชูนิ้วแจกมาตลอดทาง 🥹

พอ ฮช กลับถึงบ้าน คลายออก --> พับนิ้วไม่ได้จย้าาาาา~

เลยติดต่อมาหา มนวร ในบัดดล 🤣

----------------

👩🏻‍⚕️ ก็ถือเป็นเคสจากเทรลที่แปลกที่สุดของ มนวร ล่ะ

แต่จะตอบเป็นเคสนี้ให้คนไข้ที่ถามในห้องตรวจก็คงไม่ได้
เลยมาเล่าสู่กันฟังที่นี่ค่ะ 🤣😆

ปล. ใครเคยมีประสบการณ์โดยตัดบิบ อย่าได้โทษโกรธพวกเค้าเลยนะคะ เค้าทำตามหน้าที่ และสวรรค์ก็ลงโทษเรียบร้อยไปแล้ว 🤣

🌟 set ทำแผล สำคัญมาก ๆ นะคะ พกไปเถอะ เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ

🌟 ขอบพระคุณ ฮช ที่อนุญาตให้แบ่งปันเรื่องราวดีย์ ๆ
แถมมีรูปประกอบมาให้ดูด้วย (เชิญในคอมเม้นค่ะ)

#รัก
#หมอแพนและเข็มของเขา
#หมอแพนและคนไข้ของเขา

05/07/2025

เมื่อได้เห็นนักวิ่งที่เคยได้โอกาสดูแลมาก่อน ได้มาส่งต่อแรงบันดาลใจให้นักวิ่งรุ่นใหม่

ก็รู้สึกอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาทันที
ขอบคุณที่ให้โอกาสดูแลนะคะ 🫶🏻❣️

 #วิธีเลือกเส้นทางซ้อมเทรลในแบบฉบับของหมอแพนตั้งแต่หลังสงกรานต์มา พวกเราชาวนักวิ่งเริ่มกลับมาซ้อมในตารางแล้ว และงานวิ่งต...
03/07/2025

#วิธีเลือกเส้นทางซ้อมเทรลในแบบฉบับของหมอแพน

ตั้งแต่หลังสงกรานต์มา พวกเราชาวนักวิ่งเริ่มกลับมาซ้อมในตารางแล้ว

และงานวิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มทยอยจัดกันอย่างต่อเนื่องมากขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาไปยาว ๆ จนสิ้นปี

ชาวเทรล ก็เริ่มเข้าสู่ช่วง #หาเขาซ้อม เพื่อจะซ้อม peak ก่อนวันแข่ง

(ซ้อม peak = การไล่ระดับการซ้อมจากเบาไปช่วงหนักสูงสุดก่อนจะเบาเครื่องเพื่อไปแข่ง)

มนวร ได้คุยกับนักวิ่งหลาย ๆ ท่านที่แวะเวียนมาที่คลินิกแล้วพบปัญหาว่า

“อยากซ้อมไปแข่งเทรลสนามนี้ แต่ไม่รู้ว่าต้องเลือกซ้อมเขาแบบไหน”

📍 มนวร เลยสรุปตามประสบการณ์ของตัวเองออกมาได้เป็นขั้นตอนดังนี้ค่า

1. มนวร จะดู Profile ของสนามที่จะไปแข่งก่อนว่า สนามเทรลที่จะไปแข่งนั้นเป็นแบบไหน

- เป็นป่าทึบดิบ หรือป่าเนิน/ทุ่ง
- กราฟความชัน หรือความสูงสะสมในแต่ละ segmant ของเทรล ที่ผู้จัดแสดงในเพจว่าเป็นยังไง
- สนามเป็นพื้นผิวยังไง เช่น เป็นดิน หินลอย หินน้ำตก ฯลฯ

เป็นต้น

2. จากนั้น (ถ้าสามารถเลือกได้) มนวร จะดูว่าสนามที่ไปซ้อมอันไหน ใกล้เคียงกับสนามที่จะลงแข่งมากที่สุด ก็จะเลือกไปอันนั้น ไม่ว่าจะเป็น การเหมือนที่สภาพพื้นผิว สภาพอากาศ ลักษณะป่า หรือระยะทางต่อความสูงสะสม / ความชัน

มนวร จะพยายามให้มันคล้ายให้ได้มากที่สุดค่ะ

--------

⛰️ มนวร ขอยกตัวอย่าง #เขาฉลาก ค่ะ

รูทที่ปกติ มนวร จะไปซ้อมตั้งแต่เมื่อสมัย 8 ปีก่อนจนถึงตอนนี้จะมีหลัก ๆ แค่ 3 เส้นทางก็คือ

- ถนนดำ (ถนนจากตีนปากทางไปยอดหลัก)
- เทรล A (เส้นจากวัดขึ้นบันไดแดงไปยอดหลัก)
- เทรล E (อาม่า >> เส้นสุสาน)

โดยจะเน้นวัตถุประสงค์คือ

#ถนนดำ 🛣️
สำหรับเรซที่เดิน/วิ่งในทางถนนเยอะ ๆ เช่น เทรลกึ่ง cross country หรือ เส้นทางที่วิ่งขึ้นลงในถนนของหมู่บ้านเยอะ ๆ ค่ะ

เช่น CM หรือโป่งแยงเทรลช่วงที่ผ่านหมู่บ้านชาวดอย เป็นต้น

🏞️
สำหรับเรซที่มีเส้นทางวิบาก หรือเทคนิคอลปานกลางถึงมาก เพื่อฝึก skill การอ่าน line (เส้นทางวิ่ง) ให้แม่นยำ

เนื่องจากในเทรล A มีความหลากหลายของพื้นผิวและความชัน ก็อาจจะเลือก repeat สั้น ๆ ตรงป่าไผ่ / ตรงหินลอยหลังจุดชมวิวส่วนกลาง ฯลฯ ได้

หรือทางอาม่า 🚵
สำหรับเรซที่มีความชันเป็นแบบ Rolling หรือขึ้น สลับลง ในความสูงไม่มากนัก มนวร จะไปเน้นที่เส้นทางนี้เพื่อให้สามารถลองฝึกวิ่งขึ้นลงเนินแบบสั้น ๆ ได้

(เทรล E จะมีบางจุดที่ขึ้นลงยาวหน่อยก็จะได้พักเดินบ้างอะไรบ้าง)

-----------

⚠️ มนวร ไม่ค่อยไปเทรลB ค่ะ เพราะชันมาก อันตราย (สำหรับคนไม่ค่อยแข็งแรงแบบมนวร 555) เลยเสี่ยงต่อการบาดเจ็บค่ะ และสมัยก่อนสัตว์มีพิษค่อนข้างเยอะ (เคยไปมา 2 ที แมงป่องเยอะมาก) 🥹

มนวร ไม่ค่อยอยากให้การซ้อมเพิ่มโอกาสข้อเท้าพลิกหรืออาการบาดเจ็บอื่น ๆ ดังนั้นเลยเลือกจะไม่เข้าไปในจุดที่เสี่ยงอันตรายมาก ๆ

⚠️ ถ้าเจอสนามที่ชันและเทคนิคอลมาก ๆ เช่น เขาแหลม มนวร จะใช้วิธีการ

>> ฝึก skill ในเทรล A และ
>> เวทเทรนนิ่งเสริมกล้ามเนื้อ core/สะโพก/ขา + การทรงตัว เอาค่ะ

เอาให้สามารถกระโดดโลดเต้นในเรซได้ทุกพื้นผิว 5555

** ส่วนเส้นทางอื่น ๆ ในเขาฉลาก มนวร ไม่เคยไปเลยเพราะ ... มนวร แก่แล้ว ตามเก็บเส้นใหม่ ๆ ไม่ไหวแล้วค่า 55555555

-----------

📌 Tips

- ถ้ามนวร จะซ้อมไป CM6 มนวร จะหาโอกาสไปซ้อมที่เขากระโจมค่ะ เพราะระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตรจะได้ความสูงไต่ขึ้นไป 900+เมตร ซึ่งใกล้เคียงเส้นทางขึ้นไปขุนช่างเคี่ยน เลยค่ะ ไปซ้อมให้ขาชินชากับความเหนื่อยนี้ซะ 😆

- ถ้าซ้อมหินน้ำตก ... อาจจะไปที่เขาตีนไก่ หรือก็เคยไปเดินเล่นน้ำตกเก้าโจนเอา (ไกลไปหน่อย 555)

- ถ้าจะ repeat เขาไหน มนวร จะพยายามไม่วิ่งลงถนนคอนกรีตบ่อยค่ะ ยกเว้นเวลาต้อง repeat ถนนดำเขาฉลาก ก็จะพยายามลงให้เบาที่สุด เพราะอยาก safe เข่า

- ถ้าอยู่ในช่วงน้อยกว่า 2 สัปดาห์ก่อนแข่ง มนวร จะไม่ค่อยเข้าป่าแล้วค่ะ เน้นเส้นทางถนนเท่านั้น กลัวข้อเท้าพลิก แล้วซ่อมไม่ทันค่า 🤣

---------

👩🏻‍⚕️🏃🏻‍♀️ อันนี้เปฺนแค่วิธีการ “เลือกเขาซ้อม“ ของมนวร นะคะ

อาจจะไม่ได้มีหลักการอะไร หรือเหมือนกันกับทุก ๆ คนค่า

❣️ แล้วเพื่อน ๆ มีวิธีเลือกสนามซ้อมกันยังไงบ้างคะ
เล่าให้ มนวร ฟังโหน่ยยยยยย

#รัก
#หมอแพนและเข็มของเขา


📌 ซ้อมเยอะ = เจ็บ? หรือมันลึกกว่านั้น…  จากความเดิมตอนที่แล้วกับ part1 👉🏻 https://www.facebook.com/share/p/1BqHDxNjZf/?m...
28/06/2025

📌 ซ้อมเยอะ = เจ็บ? หรือมันลึกกว่านั้น…

จากความเดิมตอนที่แล้วกับ part1

👉🏻 https://www.facebook.com/share/p/1BqHDxNjZf/?mibextid=wwXIfr

เราได้รูักันแล้วว่า
ซ้อมเยอะ / ออกกำลังกายก็เยอะทำไมยังเจ็บ ๆ วน ๆ ไปที่เดิม ๆ

🌟 สรุปสั้น ๆ ว่า

หากเราออกกำลังการจนร่างกายและกล้ามเนื้อแข็งแรงแล้ว อาการเจ็บมักจะไม่ใช่จากการฉีกขาด หรืออักเสบที่ต้องหยุดพัก

แต่มักจะเป็นผลพวงมาจากกล้ามเนื้อที่ทำงานไม่สมดุล หรือ muscle imbalance ทำให้มีกล้ามเนื้อหนึ่งตึงตัวอยู่เสมอ เพราะกล้ามเนื้อหลักไม่ทำงาน จนเกิดปมกล้ามหรือ trigger point ที่แสดงเป็นอาการ “เจ็บปวด” นั่นเอง

--------------

#ตัวอย่างเคส หนึ่งที่เห็นชัดมากว่ามีปัญหาตึงเจ็บกล้ามเนื้อจาก muscle imbalance คือ เคสของพี่เมจิค่ะ

อย่างที่ทราบกันดีคือ พี่เมจิเป็นนักกีฬา performance ที่แข็งแรงมาก และเข้าร่วมการแข่งกีฬาระดับ iron man หรือกีฬาที่ extreme มากมาย

มนวร ได้มีโอกาสดูแลพี่เมจิในการ ‘คลายปม trigger point' ที่กล้ามเนื้อรอบหัวไหล่กลุ่มรอบสะบัก หรือ rotator cuff มาเป็นเวลาหลายปีค่ะ

#อาการนำ

ทุกครั้งพี่เมจิจะมาปรึกษาในช่วงหลังซ้อมหนัก ๆ หรือ หลังแข่ง โดยเฉพาะการแข่งไตรกีฬาที่มีการว่ายน้ำระยะทางไกลและเร็ว เพื่อขอคลายกล้ามเนื้อที่กรำงานหนักมาตลอด season เพราะจะมีอาการตึงจนขยับไปทางไหนก็ตึง แต่ #ไม่เจ็บแปล็บ

มนวร ลงเข็มไปก็คลาย
แต่พอซ้อมว่ายน้ำ หรือแข่งมาหนัก ๆ ก็เจ็บตึงวนไปค่ะ

#เริ่มวางแผนการรักษาใหม่

จนกระทั่งวันหนึ่ง มนวร เห็นว่ามันก็หลายครั้งแล้วที่อาการเจ็บปวดวนมาครั้งแล้วครั้งเล่า เลยลองชวนพี่เมจิเปลี่ยนแผนการรักษาค่ะ จาก

การลดปวดคลายกล้ามเนื้ออย่างเดียว 👉🏻 มาจับผู้ร้ายที่ไม่ทำงาน แล้วกระตุ้นให้กลับมาทำงานสักที

จะได้ผ่อนแรง และตัดวงจรการตึงของกล้ามเนื้อวน ๆ ไปนี้ให้ได้

กล่าวคือ ...

📍ยังคลายกล้ามเนื้อด้วยเข็มนาน ๆ ที
📍เริ่มการประเมินและเทรนเพื่อปรับกล้ามเนื้อกับนักกายภาพร่วมด้วยในเวลาคู่ขนานกันไป

(ก่อนหน้านี้ มนวร เห็นว่า พี่เมจิมีวินัยในการเวทเทรนนิ่งเองอยู่แล้ว มนวร เลยว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่างแน่ ๆ เลยชวนมาออกกำลังกายกับนักกายภาพที่คลินิกค่ะ 🤩)

#เริ่มกระบวนการ

พี่เมจิได้เริ่มพบนักกายภาพเพื่อประเมินกล้ามเนื้อ และพบว่า

- กล้ามเนื้อ lattissimus dorsi (เรียกสั้น ๆ ว่า lats) ขอพี่เมจิไม่ขยับ!!!

ถ้าให้เห็นภาพ คือ พอเทสท่าที่ต้องใช้กล้ามเนื้อนี้ปรากฏว่ากล้ามเนื้อ lats แทบไม่ขยับค่ะ แต่กล้ามเนื้อสะบักทำงานแทนหมดเลย!!!

📌 กล้ามเนื้อ lats ทำหน้าที่หลักในการดันน้ำ stroke ไปทางด้านหลัง หรือท่า แอ่นแขนดันน้ำไปทางด้านหลัง
📌 กล้ามเนื้อ lats มีขนาดใหญ่กว่าสะบักค่ะ ถ้าเค้าออกแรงได้ กล้ามเนื้อสะบักก็ไม่ต้องทำงานหนักจน overload
📌 พอกล้ามเนื้อ lats ไม่ทำงาน กล้ามเนื้อรอบสะบักไหล่ก็เลยพยายามดันน้ำแทนเพื่อให้สามารถ stroke ได้ดีขึ้น จนรัดตัวตึงกลายเป็น trigger point นั่นเอง

และ

📌 เมื่อ lats ไม่เก่ง
เวลาที่เจ้าของร่างกายต้องการทำงานเร่ง performance กล้ามเนื้อรอบไหล่สะบักที่ตื่นตัวอยู่ก็เลยวิ่งชิงมาทำงานก่อนเสมอ lats ก็ยิ่งหลับลึกขี้เกียจกันไปใหญ่

และนี่คือ "muscle imbalance" อย่างนึงนั่นเอง

#ทำกระบวนการเสริมกล้ามเนื้อ lats

พี่เมจิได้ลองมาพบนักกายภาพอย่างต่อเนื่อง (เท่าที่ได้) เพื่อทำการกระตุ้นกล้ามเนื้อ lats ให้ตื่น

โดยทางพี่นักกายภาพได้ใช้ redcord exercise เป็นตัวกระตุ้น ร่วมกับท่าออกกำลังที่สามารถทำเองได้ในยิมมาใช้

📍ข้อดีคือ บน redcord จะแทบไม่สามารถใช้กล้ามเนื้ออื่นนอกจาก lats ในการออกแรงได้เลย และยังกระตุ้นไปพร้อมกับกล้ามเนื้อประสานงานแบบ spiral ได้ด้วย

โดยที่ในกระบวนการกายภาพ จะ #ไม่มีโปรแกรมการใช้เครื่องมือลดปวด ใด ๆ เลยค่ะ

#ผลที่ได้รับเบื้องต้น หลังฝึกครบ 4 ครั้ง

พี่เมจิที่แข็งแรงอยู่เดิมก็เริ่มออกกำลังกายเองแล้วเริ่ม ้ามเนื้อ lats ได้มากขึ้น จากที่เดิมไม่รู้จะ focus ยังไง ก็รู้สึกถึงเค้าได้ง่ายขึ้นเป็นอัตโนมัติ

เนื่องจากกระบวนการกระตุ้นกล้ามโดย redcord และเทคนิคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อช่วยทำให้ร่างกายได้ memory ใส่ในร่างกายใหม่แล้วว่า ถ้าทำท่านี้กล้าม lats ต้องวิ่งมาทำงานด้วยเสมอ!!

📌 ผลคือ
-ปวดตึงสะบักห่างมากขึ้น
-ตึงรั้งอกและคอ (ส่วนหนึ่งของการขยับไหล่) ลดลง
-การฟื้นตัวหลังจากเวทกล้ามเนื้อรอบหัวไหล่ดีขึ้น
-รู้สึกว่าสามารถออกแรงตอนเวท หรือว่ายน้ำได้ดีขึ้น

📌 ส่วนทาง มนวร เองก็มีการนัดพี่เมจิมาลงเข็ม dry needling ห่างขึ้นเรื่อย ๆ และจำนวนเข็มก็ค่อย ๆ ลดลงค่ะ

** เนื่องจากพี่เมจิอาจจะมีธุระ หรือนัดตรงกับทางคลินิกได้ยาก จึงมาได้ราว ๆ 2 สัปดาห์+/ครั้ง แต่พี่เมจิได้นำเอาเทคนิคจากนักกายภาพไปทำเองด้วย พี่เมจิที่แข็งแรงอยู่แล้วจึงเห็นผลได้ค่อนข้างเร็วค่ะ

#แผนระยะยาว

ในระยะยาว ทาง มนวร และทีมงานวางแผนร่วมกับพี่เมจิว่า อยากให้พี่เมจิสามารถนำเอาเทคนิคไปใช้ออกกำลังเอง และมาปักให้ห่างขึ้นจนไม่ต้องมาแล้วในอนาคต 😘

🌟 อาจจะกำหนดเวลาการสัมฤทธิ์ผลได้ไม่ชัด
แต่แนวโน้มหลังจากมากายภาพเทรนนิ่งอย่างต่อเนื่องและวินัยของพี่เมจิเองทำให้มีความหวังว่า แผนนี้จะสำเร็จในไม่ช้าค่ะ

🌟 รอดูผลหลังแข่งรอบหน้า ต้องปังแน่ๆๆๆๆ เย้~

--------------

🙇🏻‍♀️ กราบขอบพระคุณพี่เมจิ ที่ให้โอกาสและอนุญาตให้ทางคลินิกนำมาแบ่งปันให้ทุก ๆ ท่านฟังกันค่ะ

#รัก
#หมอแพนและเข็มของเขา
#หมอแพนและนักกายภาพของเขา


📍 อาการเจ็บแบบไหนที่ควรจะหยุดหรือออกจากเรซ 📍วันก่อน มนวร และพี่เอิ๊กไปวิ่งเล่นที่เขาฉลากมาค่ะวน ๆ เทรล แล้วกลับมาวิ่งลงถ...
26/06/2025

📍 อาการเจ็บแบบไหนที่ควรจะหยุดหรือออกจากเรซ 📍

วันก่อน มนวร และพี่เอิ๊กไปวิ่งเล่นที่เขาฉลากมาค่ะ
วน ๆ เทรล แล้วกลับมาวิ่งลงถนนดำ

ผ่านมา 2 วัน
มนวร หายปวดเมื่อยแล้ว
แต่ #ฝ่าเท้ายังระบมมาก!!!

🤣

ระบมตรงปุ่มกระดูกที่สันเท้าด้านในอ่ะค่ะ
จุดยอดฮิตของนักวิ่งเลย 🥹

------------

🌟 หลายท่านที่มาพบ มนวร เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บมักมีคำถามว่า

⁉️ อาการเจ็บที่ึควรจะหยุดหรือออกจากเรซคะ ⁉️

คำตอบคือ

- เจ็บแปล็บมาก ๆ ร่วมกับ บวม / แดง / ร้อน
- เจ็บจนทุกก้าวจนกะเผลก หรือต้องบิดขาเพื่อหนีความเจ็บนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่เหลือท่าจะวิ่งแล้ว
- เจ็บนัว ๆ เจ็บไม่มาก แต่เจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิน 4-5 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 10)

ถ้ามี 3 ข้อนี้ตั้งแต่ 1-3 ข้อ มนวร จะบอกว่า

>> ถ้าเป็นการซ้อมให้หยุดเถอะ
>> ถ้าเป็นการแข่ง ให้ตัดสินใจ / เผื่อใจไว้สักหน่อยว่าอาจจะ DNF

เพราะถ้าไปต่อ มันอาจจะแย่และบาดเจ็บหนักขึ้นจนพักนานขึ้นได้

⁉️ ให้สังเกตอาการตอนไหน ⁉️

มนวร จะให้ดูอาการภายใน 48 ชั่วโมงค่ะ

((ด้วยหลักการที่ว่า ภาวะล้าจากการวิ่ง / ออกกำลังกาย หรือ DOMs มักจะอยู่ราว ๆ 48 ชั่วโมงนั่นเอง))

โดยที่ มนวร จะให้แบ่งออกเป็น 3 ช่วงค่ะ

1. ช่วงระหว่างวิ่ง
2. ช่วงหลังจากวิ่งเสร็จแต่ยังไม่นอนพัก เช่น ตอนเดินไปเก็บของที่รถ ไปกินข้าว ก่อนนอน ฯลฯ
3. เช้าวันถัดไป

📌ถ้ามีอาการ แต่พัก หรือยืด หรือประคบเย็นแล้วเจ็บลดลงจนหายสนิทภายใน 2-3 วัน อันนี้รอดูได้ และค่อย ๆ เริ่มซ้อมต่อ

📌 ถ้ามีอาการเจ็บชัดเจนมาดขึ้น หรือหนักขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละช่วงเวลา และไม่หายไปเมื่อพัก / ยืด / ประคบ จนเกิน 1 สัปดาห์ ลก็ลองมาหาหมอค่ะ

🌟 ที่สำคัญ!!!

ถ้าร่างกายมันฟ้องด้วยสัญญาณแบบนี้แล้ว
#อย่าเพิกเฉย ต่อสัญญาณเลยค่ะ

--> หยุดพัก แล้วรักษา

จะดีในระยะยาวมากกว่าไปย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ มันค่า

👩🏻‍⚕️ สูตรนี้ มนวร มักให้คนไข้นักวิ่ง และกีฬาอื่น ๆ ใช้สังเกตอาการเบื้องต้นเลย อาจจะไม่เหมือนของคุณหมอท่านอื่น แต่ มนวร ว่าได้ผลค่อนข้างดีเลยค่ะ 💪🏼

-------------

ตอนนี้อาการเจ็บระบมเท้าของ มนวร เข้า ชม. ที่ 49 แล้วค่ะ มันเริ่มดีขึ้นแล้ว
นั่นแสดงว่า....

มนวร “อ่อนแอ” เองค่ะ

555555

คือไม่ได้วิ่งนาน เท้าเลยไม่ชินพื้น เลยงอแงแหละ 😅
ถึงเวลาต้องเทรนนิ่งตัวเองให้แข็งแรงอีกแล้ว

🙋🏼‍♀️🙋🏻‍♂️มีใครอยากมาอัพร่างพร้อม ๆ กับ มนวร ไหมค้าาาาา

#รัก
#หมอแพนและเข็มของเขา

สิ่งที่คนไข้เผลอคิดตอนปัก...//หมอหลบทันตลอดนะ 😆
23/06/2025

สิ่งที่คนไข้เผลอคิดตอนปัก...

//หมอหลบทันตลอดนะ 😆

นัดครั้งถัดมา
..

คนไข้ที่น่ารักสัก 80-90% จะOK กับผลที่ได้หลังจากฝังเข็ม ก็เลยอยากทำต่อ

คราวที่แล้วหมอปักไม่เยอะ เพราะเห็นคนไข้เจ็บ
รอบนี้คนไข้บอกว่า ทนได้แน่นอนคับ!!

แต่แล้ว
...

#อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ

20/06/2025

นั่งเขียนปฏิทินงานวิ่งของคนไข้ แล้วต้องร้อง อื้อหือ อยู่นะ

#วิ่งกันทุกวีค 🤣

ความไม่ยากในหลักการแต่ทำได้ยากในชีวิตจริง...ถ้าไม่ balance ให้ดีล่ะก็...
19/06/2025

ความไม่ยากในหลักการ
แต่ทำได้ยากในชีวิตจริง...ถ้าไม่ balance ให้ดีล่ะก็...

📌 ซ้อมเยอะ = เจ็บ? หรือมันลึกกว่านั้น…

ว่ายน้ำบ่อยก็เจ็บ
วิ่งบ่อยก็เจ็บ
ฟิตเนสบ่อยก็เจ็บ
แล้วพอเจ็บ... ก็จะมีคนบอกว่า

"สงสัยจะออกกำลังกายเยอะเกินไปแล้ว!!"

แต่... มันเป็นเพราะซ้อมเยอะเกินจริงเหรอ?

💡 หรือจริง ๆ แล้ว... กล้ามเนื้อบางมัดกำลัง “ทำงานหนักเกินไป” เพราะอีกมัด “หลับอยู่”?

--------------

🏃🏻‍♀️💨 การเคลื่อนไหวของข้อต่อมนุษย์นั้นประกอบด้วยการทำงานพร้อม ๆ กันของกล้ามเนื้อหลาย ๆ ชิ้นร่วมกัน

เช่น

การจะวิ่งถีบตัวไปข้างหน้าได้ ต้องประกอบด้วยการทำงานของกล้ามเนื้อพร้อมกันคือ

- กล้ามเนื้อน่อง ไว้ให้เท้าดีดไปข้างหน้า
- กล้ามเนื้อหน้าขา (qudriceps) เหยียดเข่าให้เหยียดพุ่งไปได้เร็วขึ้น
- กล้ามเนื้อแอ่นสะโพก (gluteus maximus) ดันให้สะโะกตรงและพุ่งไปข้างหน้ามากขึ้น
- กล้ามเนื้อกางสะโพก (gluteus medius) ช่วยให้สะโพกมั่นคงและส่งเสริมแรงกันถีบไปด้านหน้า
- กล้ามเนื้ออื่น ๆ รอบ ๆ ข้อต่อสะโพก และขา เพื่อรั้งไม่ให้กล้ามเนื้อหลักทำงานมากเกินไปจนข้อต่อบิด
ฯลฯ

แต่!!!

📍 ถ้ามีกล้ามเนื้อใดกล้ามเนื้อหนึ่งทำงานน้อยกว่าเพื่อน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่อนแอ หรือตึงตัวมากจนไม่ขยับ

>> กล้ามเนื้ออื่น ๆ รอบ ๆ ก็ต้องมาช่วยทำงานชดเชย
จนตัวเอง overload และบาดเจ็บ

//อารมณ์มีคนนึงในทีมไม่ทำงาน ลูกทีมคนอื่นก็เลยต้องมาทำแทนเพื่อให้มีงานส่งหัวหน้าให้ได้อ่ะค่ะ 😡

สถานการณ์แบบนี้จะเรียกว่า muscle imbalance หรือกล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุลนั่นเอง

📍 นี่คือสาเหตุว่า ทำไมเวลามาหาหมอแพนจิ้มเข็มคลายก็แล้ว มาหานักกายภาพให้นวดคลายก็แล้ว ทำไมยังเจ็บซ้ำ ๆๆๆๆ อีก

นั่นเป็นเพราะ พอกล้ามที่มีปัญหาปวดมันคลายออก พอไปวิ่ง ไปซ้อม มันก็กลับมาเจ็บตึงอีกค่ะ เพราะเป็น #เดอะแบก อยู่ร่ำไป 🥲

((แบบในรูปนี่ก็เป็นตัวอย่างนึงของนักวิ่งชาว ITB syndrome ด้วยค่ะ))

--------------

แน่นอนว่า ภาวะนี้ไม่ได้จะเกิดแค่กับนักวิ่งหรอกค่ะ
แต่สามารถเกิดได้ในนักกีฬาทุกชนิด เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นซุมบ้า

หรือแม้กระทั่งยังเกิดกับพนักงานออฟฟิศที่ไม่ได้ออกกำลังกายก็ยังได้ --> สาเหตุหลัก ๆ ของ office syndrome นั่นเอง

--------------

👩🏻‍⚕️ การรักษาก็ไม่มีอะไรมากค่ะ

1. คลายกล้ามเนื้อที่ตึงปวดออก
2. ทำให้กล้ามเนื้อที่ไม่ยอมทำงาน กลับมาทำงานดี ๆ และแข็งแรงขึ้น

ผลที่ได้ก็คือ กล้ามที่ตึงปวดซ้ำ ๆ ๆ จนเป็นวงจรอุบาทว์ก็จะได้ผ่อนแรง และกล้ามเนื้อทุกมัดจะได้กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองในสัดส่วนที่เหมาะสม

👩🏻‍⚕️ ฟังเหมือนง่ายใช่ไหมคะ

แต่นั่นก็ต้องอาศัย #วินัย เป็นอย่างมากในการฝึกซ้อมอย่างสมดุล

📍เวทเทรนนิ่ง แต่ละมัดกล้ามให้ถูกต้อง
📍ฝึก functional training หรือเวทเป็นท่าที่มีการใช้กล้ามเนื้อเป็นกลุ่มเป็นแต่ละท่าทาง เช่น การ squat ฯลฯ อย่างถูกวิธี
📍ฝึก skill หรือทักษาทางกีฬา หรือกิจกรรมที่ทำให้ถูกท่า และมีการใช้กล้ามเนื้อถูกมัด
📍ฝึกซ้อมกีฬาอย่างมีแบบแผน มีการ recovery ที่ดี เพื่อไม่ให้ร่างกายอ่อนล้า แล้วต้องชดเชยบางท่าด้วยกล้ามเนื้อที่ไม่ถูกต้อง

พออ่านมาถึงตรงนี้คงรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่า

🌟 การรักษาอาการบาดเจ็บชนิดนี้
กลับเป็นการซ้อม / ออกกำลังกาย มากกว่าการหยุดพักค่ะ 🤭

-----------------

สุดท้ายนี้

🌟 ถ้ามีใครมาบอกเราอีกว่า
“ทำไมออกกำลังกายเยอะจัง ออกเยอะเดี๋ยวบาดเจ็บนะ!!!”

ก็สามารถตอบได้ค่ะว่า
“ก็ถ้าไม่ออกอาจจะเจ็บกว่าเดิมก็ได้นะ 😆”

🌟 ส่วนพวกเรานักวิ่ง นักกีฬาก็อย่าลืมท่องให้ขึ้นใจว่า
“ซ้อมเยอะไม่ได้แปลว่าใช้กล้ามเนื้อถูกตัว!”
ถ้าไม่ระวัง ก็อาจจะบาดเจ็บซ้ำ ๆ วน ๆ ไป ....นะจ๊ะ

🙂‍↕️🫶🏻😍💪🏼

ปล. เดี๋ยว part 2 มนวร จะมาเล่าเคสตัวอย่างให้ฟังกันค่ะ กับปัญหาของพี่นักไตรกีฬาท่านหนึ่งที่ซ้อมว่ายน้ำทีไร ไหล่ก็เจ็บทุกที 🥹

แล้วมาอ่านดูกันค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับกล้ามเนื้อของพี่เขาบ้าง

#รัก
#หมอแพนและเข็มของเขา


📌 ซ้อมเยอะ = เจ็บ? หรือมันลึกกว่านั้น…  ว่ายน้ำบ่อยก็เจ็บวิ่งบ่อยก็เจ็บฟิตเนสบ่อยก็เจ็บแล้วพอเจ็บ... ก็จะมีคนบอกว่า"สงสั...
19/06/2025

📌 ซ้อมเยอะ = เจ็บ? หรือมันลึกกว่านั้น…

ว่ายน้ำบ่อยก็เจ็บ
วิ่งบ่อยก็เจ็บ
ฟิตเนสบ่อยก็เจ็บ
แล้วพอเจ็บ... ก็จะมีคนบอกว่า

"สงสัยจะออกกำลังกายเยอะเกินไปแล้ว!!"

แต่... มันเป็นเพราะซ้อมเยอะเกินจริงเหรอ?

💡 หรือจริง ๆ แล้ว... กล้ามเนื้อบางมัดกำลัง “ทำงานหนักเกินไป” เพราะอีกมัด “หลับอยู่”?

--------------

🏃🏻‍♀️💨 การเคลื่อนไหวของข้อต่อมนุษย์นั้นประกอบด้วยการทำงานพร้อม ๆ กันของกล้ามเนื้อหลาย ๆ ชิ้นร่วมกัน

เช่น

การจะวิ่งถีบตัวไปข้างหน้าได้ ต้องประกอบด้วยการทำงานของกล้ามเนื้อพร้อมกันคือ

- กล้ามเนื้อน่อง ไว้ให้เท้าดีดไปข้างหน้า
- กล้ามเนื้อหน้าขา (qudriceps) เหยียดเข่าให้เหยียดพุ่งไปได้เร็วขึ้น
- กล้ามเนื้อแอ่นสะโพก (gluteus maximus) ดันให้สะโะกตรงและพุ่งไปข้างหน้ามากขึ้น
- กล้ามเนื้อกางสะโพก (gluteus medius) ช่วยให้สะโพกมั่นคงและส่งเสริมแรงกันถีบไปด้านหน้า
- กล้ามเนื้ออื่น ๆ รอบ ๆ ข้อต่อสะโพก และขา เพื่อรั้งไม่ให้กล้ามเนื้อหลักทำงานมากเกินไปจนข้อต่อบิด
ฯลฯ

แต่!!!

📍 ถ้ามีกล้ามเนื้อใดกล้ามเนื้อหนึ่งทำงานน้อยกว่าเพื่อน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่อนแอ หรือตึงตัวมากจนไม่ขยับ

>> กล้ามเนื้ออื่น ๆ รอบ ๆ ก็ต้องมาช่วยทำงานชดเชย
จนตัวเอง overload และบาดเจ็บ

//อารมณ์มีคนนึงในทีมไม่ทำงาน ลูกทีมคนอื่นก็เลยต้องมาทำแทนเพื่อให้มีงานส่งหัวหน้าให้ได้อ่ะค่ะ 😡

สถานการณ์แบบนี้จะเรียกว่า muscle imbalance หรือกล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุลนั่นเอง

📍 นี่คือสาเหตุว่า ทำไมเวลามาหาหมอแพนจิ้มเข็มคลายก็แล้ว มาหานักกายภาพให้นวดคลายก็แล้ว ทำไมยังเจ็บซ้ำ ๆๆๆๆ อีก

นั่นเป็นเพราะ พอกล้ามที่มีปัญหาปวดมันคลายออก พอไปวิ่ง ไปซ้อม มันก็กลับมาเจ็บตึงอีกค่ะ เพราะเป็น #เดอะแบก อยู่ร่ำไป 🥲

((แบบในรูปนี่ก็เป็นตัวอย่างนึงของนักวิ่งชาว ITB syndrome ด้วยค่ะ))

--------------

แน่นอนว่า ภาวะนี้ไม่ได้จะเกิดแค่กับนักวิ่งหรอกค่ะ
แต่สามารถเกิดได้ในนักกีฬาทุกชนิด เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นซุมบ้า

หรือแม้กระทั่งยังเกิดกับพนักงานออฟฟิศที่ไม่ได้ออกกำลังกายก็ยังได้ --> สาเหตุหลัก ๆ ของ office syndrome นั่นเอง

--------------

👩🏻‍⚕️ การรักษาก็ไม่มีอะไรมากค่ะ

1. คลายกล้ามเนื้อที่ตึงปวดออก
2. ทำให้กล้ามเนื้อที่ไม่ยอมทำงาน กลับมาทำงานดี ๆ และแข็งแรงขึ้น

ผลที่ได้ก็คือ กล้ามที่ตึงปวดซ้ำ ๆ ๆ จนเป็นวงจรอุบาทว์ก็จะได้ผ่อนแรง และกล้ามเนื้อทุกมัดจะได้กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองในสัดส่วนที่เหมาะสม

👩🏻‍⚕️ ฟังเหมือนง่ายใช่ไหมคะ

แต่นั่นก็ต้องอาศัย #วินัย เป็นอย่างมากในการฝึกซ้อมอย่างสมดุล

📍เวทเทรนนิ่ง แต่ละมัดกล้ามให้ถูกต้อง
📍ฝึก functional training หรือเวทเป็นท่าที่มีการใช้กล้ามเนื้อเป็นกลุ่มเป็นแต่ละท่าทาง เช่น การ squat ฯลฯ อย่างถูกวิธี
📍ฝึก skill หรือทักษาทางกีฬา หรือกิจกรรมที่ทำให้ถูกท่า และมีการใช้กล้ามเนื้อถูกมัด
📍ฝึกซ้อมกีฬาอย่างมีแบบแผน มีการ recovery ที่ดี เพื่อไม่ให้ร่างกายอ่อนล้า แล้วต้องชดเชยบางท่าด้วยกล้ามเนื้อที่ไม่ถูกต้อง

พออ่านมาถึงตรงนี้คงรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่า

🌟 การรักษาอาการบาดเจ็บชนิดนี้
กลับเป็นการซ้อม / ออกกำลังกาย มากกว่าการหยุดพักค่ะ 🤭

-----------------

สุดท้ายนี้

🌟 ถ้ามีใครมาบอกเราอีกว่า
“ทำไมออกกำลังกายเยอะจัง ออกเยอะเดี๋ยวบาดเจ็บนะ!!!”

ก็สามารถตอบได้ค่ะว่า
“ก็ถ้าไม่ออกอาจจะเจ็บกว่าเดิมก็ได้นะ 😆”

🌟 ส่วนพวกเรานักวิ่ง นักกีฬาก็อย่าลืมท่องให้ขึ้นใจว่า
“ซ้อมเยอะไม่ได้แปลว่าใช้กล้ามเนื้อถูกตัว!”
ถ้าไม่ระวัง ก็อาจจะบาดเจ็บซ้ำ ๆ วน ๆ ไป ....นะจ๊ะ

🙂‍↕️🫶🏻😍💪🏼

ปล. เดี๋ยว part 2 มนวร จะมาเล่าเคสตัวอย่างให้ฟังกันค่ะ กับปัญหาของพี่นักไตรกีฬาท่านหนึ่งที่ซ้อมว่ายน้ำทีไร ไหล่ก็เจ็บทุกที 🥹

แล้วมาอ่านดูกันค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับกล้ามเนื้อของพี่เขาบ้าง

#รัก
#หมอแพนและเข็มของเขา


18/06/2025

ล่าสุดตอนนี้
คนไข้ขอพิกัดเตียงแล้วค่ะ 🙏🏼😂

#ของดีมินิวอร่า 🤣

เราผ่านวิกฤต COVID-19 มา5 ปีกว่าแล้วหรือนี่ช่วงนี่มันก็กลับมานิด ๆ หน่อยๆพอดีเลยอย่าลืมดูแลสุขภาพกันนะคะส่วนใครที่เพิ่งห...
13/06/2025

เราผ่านวิกฤต COVID-19 มา5 ปีกว่าแล้วหรือนี่
ช่วงนี่มันก็กลับมานิด ๆ หน่อยๆพอดีเลย

อย่าลืมดูแลสุขภาพกันนะคะ

ส่วนใครที่เพิ่งหายแล้วกลับมาซ้อมก็ #อย่าใจร้อน ค่ะ

#รัก
#หมอแพนและเข็มของเขา

++++ กลับมาวิ่งใหม่ ... ทำไมไม่เหมือนเดิม ++++

ช่วง 2 สัปดาห์นี้เริ่มมีคนไข้น่ารักๆ กลับมาหามินิวอร่าเยอะขึ้นจากช่วงระบาด COVID-19 ค่ะ

ส่วนมากจะปรึกษาเรื่องคล้ายๆกันคือ

"ช่วงนี้กลับมาวิ่ง พอวิ่งก็เจ็บไปหมด ขนาดไม่ได้วิ่งมาตั้งนาน"

"กลับมาออกกำลังกายแล้วเหนื่อยมาก ทั้งๆที่ก็ทำ HIIT อยู่ที่บ้านนะ"

ฯลฯ

มินิวอร่าขอตอบรวมๆนะคะ

นักกีฬาอย่างเราๆ ในช่วงที่ผ่านมามี 2-3 กลุ่มใหญ่ๆ

1. ซ้อมเต็มที่เหมือนเดิม ทั้งลู่วิ่ง วิ่งในหมู่บ้าน บลาๆ
2. ซ้อมน้อยๆ เน้น Home exercise หรือ เวทวนไป
3. นอนอืดดู series (มนวรนี่นา 😅)

กลุ่ม 1 มินิวอร่าไม่ห่วงมากนักค่ะ Performance ไม่ค่อยลดลง ไม่ค่อยมีปัญหา

แต่กลุ่ม 2,3 ต้องมาคุยกันนิดส์~

----------

เมื่อเราซ้อมน้อยลง หรือหยุดไป ร่ายกายจะเข้าสู่ภาวะ detraining หรือถดถอย คือความเก่งของกล้ามเนื้อหรือหัวใจจะลดลงจนอาจจะเท่ากับช่วงก่อนเริ่มออกกำลังกาย

เช่น ถ้าเราเคยวิ่ง10km (เป็น endurance exercise) พอหยุดวิ่ง ความสามารถของ mitochondria หรือแหล่งพลังงานที่หล่อเลี้ยงการออกกำลังกายระยะยาวก็จะลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 2 สัปดาห์ และต่อมาร่างกายก็จะเริ่มมี VO2Max หรือความสามารถในการจับออกซิเจนมาใช้ลดลงใน 4 สัปดาห์

สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ เราจะไม่ทนทานเหมือนปกติ และเหนื่อยเร็วมากขึ้น

>>>> หลายคนเคยวิ่งเพซ 5 พอหยุดวิ่งมา 2 เดือน พอกลับมาก็อยากวิ่งได้เท่าเดิมเลยอัด... สรุป ไม่ไหว ก็เป็นลมเป็แล้งกันไป

ในส่วนของความแข็งแรงของกล้ามเนื้อนั้น หากเราหยุดเวทเทรนนิ่งไป ความแข็งแรงก็จะลดลง และกล้ามก็ฟีบลง แม้เราจะไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มันก็เกิดขึ้นจริงค่ะ

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ โอกาสการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายก็จะสูงขึ้น ถ้าเราเร่งการซ้อมมากเกินไป

>>>> หลายคนเคยวิ่งเพซ 5 พอหยุดวิ่งมา 2 เดือน กลับมาอยากวิ่งเท่าเดิม ปอดพอไหว แต่กล้ามเนื้อแข็งแรงน้อยลง พอเราเร่งจนเกินศักยภาพ ก็จะบาดเจ็บค่ะ

------------

"แต่หมอคะ ช่วงปิด covid หนูก็เวทนะคะ เล่น HIIT คาร์ดิโอตลอด ทำไมพอไปวิ่งยังเหนื่อยมากขนาดนี้ หนูผิดปกติรึเปล่า"

ไม่ผิดปกติค่ะ แค่การออกกำลังกายแต่ละชนิด มีการใช้ชุดกล้ามเนื้อในคนละสภาวะ

ดังนั้น พอกลับมาวิ่ง ที่ใช้กล้ามเนื้ออีกชุด ในเวลานานๆ ก็จะเหนื่อยกว่าปกติค่ะ

ข่าวดีก็คือ!!!
ถ้าเข้าตารางไม่นาน ก็จะกลับมาปกติ หรือเก่งขึ้นได้เร็วเลย เพราะร่างกายเรามี memory อยู่ ดังนั้น อย่าเพิ่งท้อแท้นะคะ 😃

----------

"หมอคะ WFH ตลอด กลับมาวิ่งก็ไม่เยอะนะทำไมเจ็บล่ะ"

ตอนอยู่บ้าน ส่วนมากเรานั่งเป็นหลักค่ะ แถมไม่ค่อยยืดเหยียดกันมากนัก กล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกายก็จะตึงเยอะขึ้น โดยเฉพาะ Hip flexor หรือ กล้ามเนื้องอสะโพก กล้ามเนื้อ Hamstring หรือ กล้ามเนื้องอเข่า พอเรากลับมาออกกำลังกาย กล้ามเนื้อก็เสียสมดุลย์ไปหมด ก็เลยทำให้บาดเจ็บได้ค่ะ

-------------

"จะเริ่มกลับมาซ้อมยังไงดี"

ก่อนอื่นต้องใจเย็นๆ และ #อยู่กับปัจจุบันค่ะ
ซ้อมตามที่เคยทำ อย่าไปคิดว่า ตอนนั่นทำได้ตั้งเยอะ ทำไมตอนนี้จะทำไม่ได้

ไม่ว่าจะออกกำลังกายชนิดไหน

ลองทำไปสบายๆ เน้นดูว่าร่างกายเหนื่อยแค่ไหน

#เริ่มเบา อย่าหักโหมใส่เวทมาก หรือตั้งเพซต่ำเกินไป เชคก่อนว่าตอนนี้เราแค่ไหน จะได้ไปต่อ
#ไปช้าๆ ค่อยๆเพิ่มน้ำหนัก หรือความเร็วเมื่อพร้อม ไม่ใช่ดูเพื่อนนะคะ ดูตัวเอง
#พักเมื่อเจ็บหรือเหนื่อย อย่ากดดันตัวเองค่ะ แค่ไหนแค่นั้น เราเคยทำได้ ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้อีก
#อย่ายึดติด กับPerformance เดิม อยู่กับปัจจุบัน แล้ว Move on ค่ะ

……………………

ปล. ออกไปข้างนอกก็อย่าลืมล้างมือ ใส่หน้ากากกันนะคะ คุณ COVID-19 ยังไม่สงบ100%

#ดูแลตัวเอง
#ฟังเสียงร่างกายตัวเอง
#เป็นกำลังใจให้นะคะ
#รัก

I'm ok // not ok🥹🤣 #หมอแพนและคนไข้ของเขา
09/06/2025

I'm ok // not ok

🥹🤣

#หมอแพนและคนไข้ของเขา

ที่อยู่

Kamphaeng Phet
Bangkok
10900

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Minivora's Journalผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท