
17/07/2022
😍😍โรคตาเพลียล้าจากคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของเทคโนโลยีปัจจุบัน คอมพิวเตอร์มีอิทธิพลในการดำรงชีวิตอย่างมากและกลายเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่สิ่งที่ตามมาคือ ดวงตาต้องทำงานหนักมากขึ้น ระยะเวลายาวนานขึ้น ทำให้เกิดภาวะสายตาเพลียล้าจากคอมพิวเตอร์ หรือ Computer Vision Syndrome (CVS) คือ อาการที่จ้องอยู่หน้าจอมือถือ, แทบเล็ต หรือ หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อตาล้า จนไม่สามารถเพ่งหน้าจอซึ่งอยู่ในระยะใกล้ได้อีกต่อไป
อาการ
อาการทั่วไป คือ ปวดศีรษะ, เมื่อยตา, เมื่อยคอ, ตาแห้ง, ไม่สบายตา, เห็นภาพซ้อน, เวียนศีรษะ
สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการนี้มากขึ้น คือ การอยุ่ในสิ่งแวดแวดล้อมที่มีแสงน้อยเกินไป หรือ มากเกินไป หรือ มีลมโกรกตาตลอดเวลา อาทิเช่น นั่งอยู่หน้าพัดลม
จากการศึกษาในประเทศมาเลเซีย พบว่า นักศึกษา 795 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 25 ปี แสดงอาการสายตาเพลียล้าจากคอมพิวเตอร์จำนวนถึง 89.9% นับว่าเป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบัน
สาเหตุ เกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน คือ
1. สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม หมายถึง สภาวะความสว่างของแสงที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป ทิศทางและมุมเอียงของแสงของหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มากระทบกับตาเพราะอาจจะทำให้เกิดแสงสะท้อน (glare) ควรปรับหน้าจอให้มีความชัดสูงสุดโดยที่ไม่ให้มีแสงสะท้อนที่มากเกินไป
“ท่านั่ง” ที่ถูกสุขลักษณะ ควรทำให้กระดูกสันหลังตั้งตรง จากเอวไปจนถึงศีรษะ การนั่งหลังค่อมทำให้ปวดหลังและคอ สิ่งแวดล้อมที่สำคัญอีกอย่าง คือ ทิศทางของลมที่โกรกผ่านตาระหว่างการทำงานกับคอมพิวเตอร์ ถ้าลมโกรกมากจะเกิดอาการตาแห้งได้
2. ระยะเวลา
ระยะเวลาที่ใช้ทำงานกับคอมพิวเตอร์ หากใช้ระยะเวลานานๆจะทำให้เกิดอาการสายตาล้าเพลีย จึงควรจะหยุดพักด้วยการหลับตา หรือ มองไปไกลๆ ประมาณ 15-20 วินาที หลังจากทำงานต่อเนื่องมาประมาณ 20 นาที อาการนี้ไม่ได้เกิดจากแสงที่ผิดปกติของจอคอมพิวเตอร์ แต่เกิดจากการเพ่งจ้องที่หน้าจอนานๆโดยไม่กระพริบตา ดังนั้นการกระพริบตาบ่อยๆ ช่วยลดอาการอ่อนล้าลงได้
3. ระยะห่าง
ระยะห่างตากับหน้าจอคอมพิวเตอร์ คือ การที่แสงจากจอคอมพิวเตอร์ไปโฟกัสที่จอประสาทตาของเราพอดี เพราะฉะนั้นระยะห่างจากคอมพิวเตอร์ถึงตาจะต้องประสานกับสายตาของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่เหมือนกัน จะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป
4. ความผิดปกติของตาและสายตา
ความผิดปกติของตาและสายตาเป็นสาเหตุสำคัญของอาการตาล้าเพลีย จึงควรได้รับการตรวจตาอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์ทุกปี ความผิดปกติของตา เช่น จอประสาทตาเสื่อม , ต้อกระจก หรือ ต้อหิน ทำให้เกิดอาการตาเพลียล้าได้ อาการที่พบบ่อยคือ ตาแห้ง ซึ่งอาจใช้น้ำตาเทียม วันละ 3- 4 ครั้งจะช่วยลดอาการตาแห้งลง และควรไปตรวจตากับจักษุแพทย์ เพื่อวินิจฉัยทำการรักษาให้ถูกต้อง น้ำตาเทียมจะไม่มีผลเสียต่อสุขภาพตาแม้จะใช้เป็นเวลานาน
ส่งฟรี บริการเก็บเงินปลายทาง
ให้ #ดีคอนแทค ช่วยดูแลดวงตาคุณนะคะ
สอบถาม/สั่งซื้อ
👉👉โทร: 082 097 8156 ครูแหม่ม