21/04/2023
สาระน่ารู้ดีๆ โรคตาแห้ง
✨สาเหตุของโรคตาแห้ง
🌺 ส่วนใหญ่ไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน แต่มักพบในผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้น ซึ่งการสร้างน้ำตาจะค่อยๆลดลงเอง โดยเฉพาะในวัยหลังหมดประจำเดือน เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกาย และจะพบในผู้ป่วยที่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome ซึ่งมีอาการตาแห้งร่วมกับข้ออักเสบและปากแห้ง
🌺 ยาบางชนิดอาจทำให้กระบวนการสร้างน้ำตาลดลง เช่น ยากลุ่มแอนตี้ฮิสตามีน ใช้รักษาหวัดและภูมิแพ้ ยากล่อมประสาท ยาทางจิตเวช ยาลดความดันโลหิตสูงในกลุ่มที่ออกฤทธิ์โดยการขับปัสสาวะ เป็นต้น หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาสามารถใช้ต่อไปได้ แต่ต้องรักษาอาการตาแห้งร่วมไปด้วย
🌺 ผู้ที่มีเยื่อบุตาอักเสบรุนแรงจากการติดเชื้อ หรือจากการแพ้ยาที่เรียกว่า Stevens-Johnson Syndrome การอักเสบที่รุนแรงและเรื้อรัง อาจไปทำลายต่อมสร้างน้ำตาเล็กๆ ที่เยื่อบุตาขาว ทำให้ผู้ป่วยเกิดตาแห้งชนิดรุนแรงได้
🌺 การใช้คอนแทคเลนส์ทำให้ตาแห้งได้ เนื่องจาก คอนแทคเลนส์จะดึงน้ำที่ตาเพื่อทำให้ตัวคอนแทคเลนส์เองสามารถคงความใสอยู่ได้
- การใช้สายตาเป็นเวลานาน เช่น อ่านหนังสือ ดูโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ(สมาร์ทโฟน) แท็บเล็ต เป็นต้น
🌺 การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือ หลับไม่สนิท ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ส่งผลให้การสร้างน้ำตาลดลงได้
🌺 สิ่งแวดล้อมมีผลทำให้ตาแห้งได้ เช่น เจอสภาพอากาศแห้ง มีความชื่นในอากาศน้อย, อยู่ในห้องแอร์มีอุณหภูมิเย็นแห้ง, ปะทะลมหรือแสงแดดเป็นประจำ เป็นต้น จะทำให้น้ำตาระเหยได้ง่าย
จักษุแพทย์จะวินิจฉัย “โรคตาแห้ง” โดยการซักประวัติ และในบางครั้งอาจใช้วิธีทดสอบโดยการวัดปริมาณน้ำตา ที่เรียกว่า Schrimer’s Test โดยการให้ผู้ป่วยหลับตา แล้วใช้แถบกระดาษกรองมาตรฐาน สอดไว้ที่ซอกเปลือกตาด้านล่างค่อนไปทางหางตา ใช้เวลา 5 นาที แล้วเริ่มวัดระยะความเปียกของกระดาษจากขอบตาออกมาบันทึกไว้ ซึ่งหากปริมาณน้ำตาเป็นปกติจะวัดแถบน้ำตาที่เปียกได้ 10 มิลลิเมตร ขึ้นไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน
❤ด้วยความห่วงใยจาก ชุดีคอนแทค 089103-767