27/08/2025
#อาการปวดท้อง ที่หลายคนคุ้นชินกันเป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่า..ตำแหน่งของการปวดท้องสามารถบ่งบอกถึงโรคและอาการผิดปกติของแต่ละอวัยวะได้ มาดูกันว่าตำแหน่งปวดท้องส่วนไหนบอกถึงโรคได้บ้าง
1.ปวดใต้ลิ้นปี่ : กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับ
มีอาการปวดเวลาหิวหรืออิ่ม อาจเป็นโรคกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ ปวดรุนแรง และคลื่นไส้อาเจียน อาจเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ
2.ปวดชายโครงซ้าย : ม้าม ตับอ่อน ไต
อาการปวดบริเวณนี้ อาจเป็นเพราะม้ามแตก กรวยไตซ้ายอักเสบ หรือนิ่วในไตซ้าย
3.ปวดชายโครงขวา : ตับ ถุงน้ำดี ไต
หากมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง อาจเป็นโรคตับอักเสบ กรวยไตขวาอักเสบ นิ่วในถุงน้ำดี
4.ปวดรอบสะดือ : ลำไส้เล็ก
ปวดแบบมีลมในท้อง เป็นอาการท้องเดิน แต่หากปวดรุนแรงทนไม่ได้ อาจเป็นอาการลำไส้อักเสบ หรือไส้ติ่งอักเสบ
5.ปวดปั้นเอวขวา : ท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่ ปวดเอวด้านหลัง
รวมถึงมีอาการร่วมคือ รู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ มีไข้ หากเคาะเบาๆ ตรงส่วนเอวด้านหลังก็ทำให้เจ็บมากได้
6.ปวดปั้นเอวซ้าย : ท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่ ปวดเอวด้านหลัง
รวมถึงมีอาการร่วมคือ รู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ มีไข้ หากเคาะเบาๆ ตรงส่วนเอวด้านหลังก็ทำให้เจ็บมากได้
7.ปวดเหนือหัวหน่าว : กระเพาะปัสสาวะ มดลูก
ปวดเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะกะปริบกะปรอย อาจเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ปวดเกร็งช่วงมีรอบเดือน ปวดเรื้อรัง หรือคลำพบก้อน ควรพบแพทย์เฉพาะทาง อาจเป็นอาการของมดลูกอักเสบ หรือเนื้องอกมดลูก
8.ปวดท้องน้อยซ้าย : ท่อไต ปีกมดลูกด้านซ้าย
ปวดเกร็ง และร้าวมาที่ต้นขา อาจเป็นนิ่วในท่อไต หรืออาการปวดมีไข้ร่วมด้วย หนาวสั่น มีตกขาว อาจเป็นปีกมดลูกอักเสบ
9.ปวดท้องน้อยขวา : ไส้ติ่ง ท่อไต ปีกมดลูกด้านขวา
หากปวดเกร็งเป็นระยะ ๆ แล้วร้าวมาที่ต้นขา หมายถึงกรวยไตมีความผิดปกติ ปวดเสียด ๆ กดแล้วเจ็บ อาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ หรืออาการปวดมีไข้ร่วมด้วยอาจเป็นปีกมดลูกอักเสบ หรือหากคลำแล้วเจอก้อนเนื้อ เบื้องต้นอาจเป็นก้อนไส้ติ่งหรือรังไข่ผิดปกติ