Fixme คลินิกเวชกรรมและกายภาพบำบัด

Fixme คลินิกเวชกรรมและกายภาพบำบัด คลินิกเวชกรรมและกายภาพบำบัด
รักษาอาการปวด กล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อ และ เส้นประสาท ทุกชนิด

25/08/2025

ปวดเมื่อยไม่หายสักที? นวดครั้งนี้ให้ #นักกายภาพ ดูแลดีกว่า "ตรงจุดแน่นอน" ค่ะ! ✨

​ที่ Fixme Medical & Physio Clinic เราเชื่อว่าการนวดที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การผ่อนคลาย แต่คือการรักษาและฟื้นฟูร่างกายอย่างถูกหลักกายวิภาค ทีมงานของเราเป็นนักกายภาพบำบัดวิชาชีพที่มีความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างและกล้ามเนื้อแต่ละมัดอย่างแท้จริง

​เรามีบริการนวด 2 รูปแบบที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาของคุณโดยเฉพาะ:

​🏃‍♀️ Sport Massage (ราคา 1,500 บาท / 50 นาที)
เหมาะสำหรับ: นักกีฬา, ผู้ออกกำลังกายเป็นประจำ, ผู้ที่เตรียมตัววิ่งมาราธอน เทรล หรือเล่นเวท
✅ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดกรดแลคติก
✅ คลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
✅ เพิ่มความยืดหยุ่นและฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมสำหรับครั้งต่อไป

​👨‍💻 Deep Tissue Massage (ราคา 2,600 บาท / 50 นาที)
เหมาะสำหรับ: ผู้มีภาวะออฟฟิศซินโดรม, ผู้ที่ปวดตึงกล้ามเนื้อเรื้อรัง, ผู้ที่ใช้งานกล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ
✅ เน้นการคลายกล้ามเนื้อชั้นลึกและพังผืด
✅ ลดอาการปวดจากจุดกดเจ็บ (Myofascial Trigger Points)
✅ แก้ปัญหาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

​ทำไมต้องนวดกับนักกายภาพที่ Fixme?
เพราะเรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการประเมินและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ปลอดภัยและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด

​หมดเงินไปกับการนวดที่ไม่เห็นผล แล้วมาลงทุนกับสุขภาพกล้ามเนื้อของคุณอย่างถูกวิธีกันนะคะ 😊

​สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายล่วงหน้าได้ที่:
📥 Inbox: m.me/FixMeClinic
📞 Tel: 0924296951
📍 Location:
https://maps.app.goo.gl/1mNyvu29UDsBGiLUA
​แล้วพบกันนะคะ!

Keep Move
Fixme We fixyou

ซ้อมดีแค่ไหน ถ้าไม่ “พักและนอน” ให้พอ ร่างกายก็ไม่มีเวลาซ่อมแซมหลาย ๆ คนให้ความสำคัญกับการฝึกซ้อมอย่างมาก จนในบางครั้งอา...
22/08/2025

ซ้อมดีแค่ไหน ถ้าไม่ “พักและนอน” ให้พอ ร่างกายก็ไม่มีเวลาซ่อมแซม

หลาย ๆ คนให้ความสำคัญกับการฝึกซ้อมอย่างมาก จนในบางครั้งอาจจะละเลยการพักผ่อนไป ซึ่งอาจนำไปสู่การบาดเจ็บ และสมรรถภาพทางกายแย่ลง

จากการศึกษาในปี 2023 (ในกีฬาบาสเกตบอล) พบว่า การนอนหลับอย่างเพียงพอ (>8 ชั่วโมงต่อคืน) มีส่วนช่วยลดอัตราการบาดเจ็บของนักกีฬาอย่างมีนัยสำคัญ โดยพบแนวโน้มนี้สอดคล้องกันในหลายประเภทกีฬา เช่น นักกีฬาบาสเกตบอลชายระดับวิทยาลัย, นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง NCAA และนักฟุตบอลชายระดับอาชีพ

ในปัจจุบันมีหลายการศึกษาที่สนับสนุน และให้ความสำคัญกับการพัก และการจัดตารางการซ้อมอย่างเหมาะสม ไม่หนักเกินไป มีการปรับระดับความหนักอย่างเหมาะสม และมีวันที่พัก เพื่อไม่ให้ร่างกายใช้งานหนักเกินไปจนซ่อมแซมไม่ทัน

อีกทั้งการนอนหลับทำให้เกิดกลไกต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายของเราฟื้นฟูตนเองได้ดีมากขึ้น
VLPO (ventrolateral preoptic nucleus) หลั่ง GABA/galanin ทำให้ยับยั้งศูนย์ตื่นต่าง ๆ
เกิดการสังเคราะห์โปรตีนกล้ามเนื้อสูงขึ้น, Satellite cells ทำงาน ทำให้เกิดการซ่อมแซมกระดูก กล้ามเนื้อ และเอ็นต่าง ๆ ที่มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบ
ฮอร์โมนเกิดการปรับสมดุลต่าง ๆ ได้แก่
↑ Growth Hormones เร่งซ่อมกล้ามเนื้อ เอ็น กระดูก และกระตุ้น IGF-1 ที่เกี่ยวกับคอลลาเจน
↑ Testosterone / Prolactin ช่วยซ่อมสร้างเนื้อเยื่อและสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน
เกิดการกำจัดของเสียภายในสมอง ทำให้การทำงานภายในสมองดีขึ้น จดจำทักษะต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น สามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมได้ และช่วยเพิ่มระบบกดความเจ็บปวดจากสมองส่วนบน ส่งผลให้ไม่ไวต่อความเจ็บปวดมากเกินไป

ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการนอนหลับและพักผ่อนให้เพียงพอคือ ช่วยลงอัตราควาามเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และยังช่วยส่งเสริมสมรรถนะทางกายให้ดีมากขึ้น

ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนกันด้วยนะครับทุกคน
ด้วยความห่วงใยจาก

Fixme clinic
คลินิกเวชกรรมและกายภาพบำบัด
ใกล้ BTS Ari
www.fixmeclinic.com
092-4196951

15/08/2025

ปวดเข่าจากข้อเข่าเสื่อม?
ออกกำลังกายแบบไหนดีกว่ากันระหว่าง "โยคะ" กับ "Strength Training" ?

เคยสงสัยไหมครับว่าการออกกำลังกายแบบไหนที่เหมาะกับคนที่มีอาการปวดจากข้อเข่าเสื่อมในระยะเริ่มต้นมากที่สุด วันนี้หมอกรีน จาก Fixme Clinic มีงานวิจัยที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังครับ🌴

งานวิจัยนี้ได้เปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างกลุ่มที่ออกกำลังกายแบบ " #โยคะ" ซึ่งเน้นการเคลื่อนไหวข้อต่อร่วมกับการทำสมาธิ กับกลุ่มที่ออกกำลังกายแบบ " " เพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบเข่าและสะโพก

ผลลัพธ์ที่ได้น่าสนใจมากครับ‼️
พบว่า...ทั้งสองวิธีสามารถช่วยลดอาการปวดในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมได้ "ไม่แตกต่างกัน"‼️

#ข้อสรุปสำคัญจากงานวิจัยนี้คือ:
ไม่ว่าคุณจะเลือกออกกำลังกายแบบไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "ความต่อเนื่อง" และ "ความเหมาะสม" เลือกในสิ่งที่คุณชอบและสะดวก เพื่อให้สามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะการสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อรอบเข่าอย่างต่อเนื่อง คือหัวใจของการรักษาและป้องกันอาการปวดในระยะยาว

เลือกการออกกำลังกายที่ใช่สำหรับคุณ แล้วสุขภาพเข่าที่ดีจะอยู่กับเราไปอีกนานครับ

หากมีอาการบาดเจ็บ ปวดเข่า หรือต้องการคำแนะนำในการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ สามารถปรึกษานักกายภาพบำบัดได้ที่

Fixme Clinic
092-429-6951
www.fixmeclinic.com
ใกล้ BTS Ari
#กายภาพบำบัด #ปวดเข่า #ข้อเข่าเสื่อม #ออกกำลังกาย #โยคะ #รักษาอาการปวด #ออฟฟิศซินโดรม #คลินิกกายภาพ

ขอเชิญเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ "Management of the Cervical Radiculopathy"​จัดโดย Fixme Medical & Physio Clinic​อัปเดตค...
15/08/2025

ขอเชิญเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ "Management of the Cervical Radiculopathy"

​จัดโดย Fixme Medical & Physio Clinic

​อัปเดตความรู้และเทคนิคสุด Exclusive ที่นักกายภาพบำบัดไม่ควรพลาด! เจาะลึกทุกมิติของการจัดการภาวะรากประสาทส่วนคอถูกกดทับ (Cervical Radiculopathy) ตั้งแต่การวินิจฉัยจนถึงการฟื้นฟูที่เห็นผลจริง

​ในคอร์สนี้คุณจะได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติจริงกับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ทั้งเทคนิคการรักษาด้วยมือ (Joint Mobilization Technique) และการออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายเพื่อการฟื้นฟู (Rehabilitation Exercise) ที่สามารถนำไปปรับใช้กับเคสของคุณได้อย่างมั่นใจ

​เนื้อหาที่คุณจะได้เรียนรู้:
​สาเหตุและการระบาดวิทยา (Aetiology & Prevalence)
​การวินิจฉัยแยกโรค (Differential Diagnosis)
​กระบวนการให้เหตุผลทางคลินิก (Clinical Reasoning)
​การตรวจร่างกายที่สำคัญ (Physical Tests)
​การจัดการและการฟื้นฟู (Management and Rehabilitation)
​รายละเอียดการอบรม:
​📅 วันที่: วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2568
​📍 สถานที่: Fixme Medical & Physio Clinic (พหลโยธิน ซอย 5)

​👥 รับจำนวนจำกัดเพียง 29 ที่นั่งเท่านั้น! เพื่อการเรียนรู้ที่เข้มข้นและทั่วถึง

​ค่าลงทะเบียน:
​🔥 Early Bird: 4,500 บาท (เมื่อสมัครและชำระเงินภายในวันที่ 19 กันยายน 2568)
​ราคาปกติ: 4,900 บาท
​พิเศษ! ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับคะแนนการศึกษาต่อเนื่องสำหรับนักกายภาพบำบัด (PTCU) 7-10 คะแนน
​โอกาสดีๆ ที่จะได้เรียนรู้เทคนิคเชิงลึกแบบเจาะจงในกลุ่มเล็กมาถึงแล้ว!

​สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
​Tel: 092 429 6951
​Line:
​แล้วพบกันในคลาสเรียนนะคะ!

10/08/2025

🔎ทำความรู้จัก “Achilles Tendinopathy” – เอ็นร้อยหวายอักเสบ ไม่ใช่เรื่องเล็ก!
Achilles Tendinopathy คือภาวะบาดเจ็บหรืออักเสบเรื้อรังของ “เอ็นร้อยหวาย” (Achilles tendon) ซึ่งเป็นเส้นเอ็นขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อระหว่างกล้ามเนื้อน่องกับกระดูกส้นเท้า

✅ อาการที่พบบ่อย
* ปวดบริเวณหลังข้อเท้า หรือตรงเอ็นร้อยหวาย โดยเฉพาะตอนเช้า หรือตอนเริ่มเคลื่อนไหว
* เอ็นร้อยหวายบวม หนา หรือสัมผัสแล้วเจ็บ
* รู้สึกตึงเวลาเคลื่อนไหวข้อเท้า
* ปวดมากขึ้นหลังออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ใช้แรงกดเท้ามาก

❗️ใครบ้างที่เสี่ยง?
* นักวิ่ง หรือผู้ที่ออกกำลังกายแบบใช้แรงซ้ำ ๆ
* ผู้ที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายหนักเกินไป โดยไม่มีการวอร์มอัพ
* คนที่มีโครงสร้างเท้าผิดปกติ เช่น เท้าแบน
* อายุ 30-50 ปีขึ้นไป (เอ็นเริ่มเสื่อมตามวัย)
* ใส่รองเท้าไม่เหมาะสม ไม่มีแรงซัพพอร์ต

⚙️ การลดแรงกดที่เอ็นร้อยหวายส่วนปลาย (Insertion)
มีผลอย่างไรต่อการฟื้นฟูอาการเอ็นร้อยหวายอักเสบ?
Insertional Achilles Tendinopathy คือภาวะอักเสบของเอ็นร้อยหวายบริเวณที่เกาะกับกระดูกส้นเท้า (ตรง "ปลายเอ็น") ซึ่งต่างจากบริเวณกลางเอ็น (Midportion) ตรงที่มี “แรงกดหรือแรงบีบ” เข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่า โดยเฉพาะขณะเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกาย

🔍 แล้วการ “ลดแรงกด” ช่วยฟื้นฟูได้จริงหรือไม่?
งานวิจัยในช่วงหลังพบว่า:
✅ การลดแรงบีบ/แรงกดของเอ็นต่อกระดูกส้นเท้า�สามารถช่วยให้การฟื้นตัวจากอาการอักเสบแบบเรื้อรังใน insertional Achilles tendinopathy มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดอาการเจ็บปวดได้ดี
ตัวอย่างกลยุทธ์ในการลดแรงกด เช่น:
* ❌ หลีกเลี่ยงท่าออกกำลังกายที่ทำให้ข้อเท้าหย่อนลงต่ำกว่าขอบพื้น (เช่น eccentric heel drop บนขอบขั้นบันได)
* ✅ เปลี่ยนมาใช้ eccentric exercise บนพื้นเรียบ แทน
* 👟 ใช้รองเท้าหรือแผ่นเสริมรองส้นเท้า เพื่อลดการยืดของเอ็นร้อยหวายมากเกินไป
* 🧘‍♂️ เลือกโปรแกรมยืดเหยียดและบริหารที่ "ไม่เพิ่มแรงกดแนวดิ่ง" มากเกินไป
* ทั้งนี้ขึ้นกับการตรวจประเมินเฉพาะบุคคล

FixmeClinic
คลินิกเวชกรรมและกายภาพบำบัด
ใกล้ BTS ARi
092-429-6951
www.fixmeclinic.com

จากงานวิจัย "The Core of the Issue: Plank Performance and Pain in the Lower Back"  ้นาน ไม่ได้แปลว่าหลังแข็งแรง? งานวิจั...
02/08/2025

จากงานวิจัย "The Core of the Issue: Plank Performance and Pain in the Lower Back"

้นาน ไม่ได้แปลว่าหลังแข็งแรง? งานวิจัยใหม่เผยความจริงเรื่องแกนกลางลำตัวกับอาการปวดหลัง

หลายคนเชื่อว่าท่า "แพลงก์ (Plank)" คือสุดยอดท่าบริหารแกนกลางลำตัว และการทำค้างไว้นานๆ คือเครื่องพิสูจน์ความแข็งแกร่งที่ช่วยป้องกันอาการปวดหลังได้ แต่งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร

Journal of Clinical Medicine เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2025 ได้เผยผลลัพธ์ที่อาจประหลาดใจ และ เปลี่ยนมุมมองการออกกำลังกายเพื่อรักษาหรือป้องกันอาการปวดหลัง

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการทำท่าแพลงก์กับอาการปวดหลังส่วนล่าง (Low Back Pain - LBP) โดยมีผู้เข้าร่วมทดลอง 117 คน อายุระหว่าง 20-61 ปี

ผลลัพธ์คือ: คนปวดหลังกลับแพลงก์ได้นานกว่า!
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มคนที่มีประวัติปวดหลังกับกลุ่มที่ไม่มีอาการปวดหลัง ผลปรากฏว่า

กลุ่มคนที่มีอาการปวดหลังสามารถทำท่าแพลงก์ค้างไว้ได้นานกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

ผลลัพธ์นี้อาจจะขัดแย้งกับความเชื่อที่คนมักคิดว่าคนปวดหลังน่าจะมีแกนกลางลำตัวที่อ่อนแอกว่า นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า ปรากฏการณ์นี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น:

1. การใช้กล้ามเนื้อมัดอื่นมาทดแทน: คนที่มีอาการปวดหลังอาจพัฒนากลยุทธ์การ "เกร็ง" หรือใช้กล้ามเนื้อมัดตื้น (Superficial Muscles) มาช่วยพยุงตัวระหว่างการแพลงก์ ซึ่งทำให้ค้างอยู่ได้นานขึ้น แต่ไม่ได้สะท้อนถึงการทำงานของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวส่วนลึก (Deep Core Muscles) ที่มีหน้าที่สร้างความมั่นคงให้กระดูกสันหลังอย่างแท้จริง

2. ท่าแพลงก์เน้นกล้ามเนื้อส่วนหน้ามากเกินไป: ท่าแพลงก์กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อหน้าท้อง (Re**us Abdominis) มากกว่ากล้ามเนื้อหลังส่วนลึก (Lumbar Multifidus) ถึง 8.6 เท่า การมีกล้ามเนื้อส่วนหน้าที่ทนทานเพียงอย่างเดียวจึงอาจไม่เพียงพอต่อการสร้างสมดุลให้กระดูกสันหลัง

#แต่จริงๆแล้ว "ความสมดุล" คือหัวใจสำคัญ ไม่ใช่แค่ความทนทาน
นักวิจัยไม่ได้หยุดอยู่แค่ท่าแพลงก์ แต่ได้ทำการทดสอบเพิ่มเติมในกลุ่มผู้ที่มีอาการปวดหลังจำนวน 54 คน โดยให้ทำท่า

"Single-Leg Bridge" เพื่อวัดความทนทานของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวส่วนหลัง (Posterior Chain) เช่น กล้ามเนื้อสะโพกและต้นขาด้านหลัง

จากนั้นนำเวลาที่ทำได้มาคำนวณเป็น

"อัตราส่วนความทนทานระหว่างท่าบริดจ์ต่อท่าแพลงก์ (Bridge-to-Plank Ratio)" เพื่อประเมินความสมดุลของกล้ามเนื้อส่วนหน้าและส่วนหลัง

ผลการวิเคราะห์พบความสัมพันธ์ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ:

ผู้ที่มีอัตราส่วน "Bridge-to-Plank" สูงกว่า (หมายถึงมีความทนทานของกล้ามเนื้อส่วนหลังสูงเมื่อเทียบกับส่วนหน้า) มีแนวโน้มที่จะรายงานว่าอาการปวดหลังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันน้อยกว่า

พูดง่ายๆ คือ

ความแข็งแรงที่สมดุลกันของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวด้านหลังและด้านหน้า มีความเชื่อมโยงกับปัญหาความเจ็บปวดที่ลดลงมากกว่าการทำแพลงก์ได้นานๆ เพียงอย่างเดียว

เราควรปรับการออกกำลังกายอย่างไร?

ผลการศึกษานี้ไม่ได้บอกว่าท่าแพลงก์ไม่ดี แต่ชี้ให้เห็นว่าเราไม่ควรยึดติดกับการเพิ่มเวลาแพลงก์เพียงอย่างเดียว เพื่อสุขภาพหลังที่ดีและแกนกลางลำตัวที่แข็งแรงอย่างแท้จริง ควรปรับโปรแกรมการออกกำลังกายโดยให้ความสำคัญกับ "ความสมดุล" มากขึ้น:

สร้างสมดุลให้โปรแกรม: อย่าเน้นแต่ท่าที่บริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง (เช่น แพลงก์, ครันช์) ควรเพิ่มท่าที่บริหารกล้ามเนื้อส่วนหลัง สะโพก และด้านข้างลำตัวเข้าไปด้วย ซึ่งสอดคล้องกับ Mcgrill test การทดสอบความสมดุลแกนกลางที่เน้นให้กล้ามเนื้อหลังสำคัญที่สุด ในกลุ่มกล้ามเนื้่อแกนกลางลำตัว

เพิ่มท่าบริหารกล้ามเนื้อส่วนหลัง (Posterior Chain): ลองเพิ่มท่าเหล่านี้เข้าไปในโปรแกรมของคุณ เช่น

Glute Bridges (ท่าบริดจ์ธรรมดา)

Single-Leg Bridges (ท่าบริดจ์ขาเดียว)

Hip Thrusts

Bird-Dog

เน้นการควบคุม ไม่ใช่แค่เวลา: แทนที่จะโฟกัสว่าจะทำค้างได้นานแค่ไหน ให้ใส่ใจกับการควบคุมท่าทางให้ถูกต้อง การหายใจ และการเกร็งกล้ามเนื้อให้ถูกมัดตลอดการเคลื่อนไหว

สรุป: การมีแกนกลางลำตัวที่แข็งแรงและปราศจากอาการปวดหลัง ไม่ได้มาจากการทำลายสถิติแพลงก์ของตัวเอง แต่มาจากการสร้าง "ความสมดุล" ที่แข็งแกร่งรอบทิศทางให้กับลำตัวของเรา การใส่ใจดูแลกล้ามเนื้อส่วนหลังให้แข็งแรงทัดเทียมกับส่วนหน้า เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว

 #ปวดหลัง? หมอนรองกระดูกทับเส้น? นั่งทำงานนานทีไรทรมานทุกที? 😫 แล้วต้องทำยังไง?เคยได้ยินไหมว่า "เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้น...
02/08/2025

#ปวดหลัง? หมอนรองกระดูกทับเส้น? นั่งทำงานนานทีไรทรมานทุกที? 😫 แล้วต้องทำยังไง?

เคยได้ยินไหมว่า "เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้น ต้องเลี่ยงการนั่ง" แต่ชีวิตจริงมันเลี่ยงไม่ได้! โดยเฉพาะชาวออฟฟิศอย่างเราๆ

✨ ข่าวดี! งานวิจัยยุคใหม่มีคำตอบที่เปลี่ยนความเข้าใจผิดเดิมๆ ไปเลย!

💥 ความเชื่อเก่า: นั่ง = แย่กว่ายืนเสมอ
✅ ความจริงใหม่จากงานวิจัย: รูปทรงของกระดูกสันหลัง (geometry)" และ "การเปลี่ยนแปลงความโค้งและการเคลื่อนที่ (kinematics)" เมื่อมีการเปลี่ยนท่าทาง" สำคัญมากกว่า ท่าทาง

งานวิจัยเรื่อง การประเมินความเป็นไปได้ในการใช้ภาพจากเครื่องสะท้อนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ร่วมกับแบบจำลองไฟไนต์เอลิเมนต์ (Finite Element - FE) เพื่อทำนายความดันและความเค้นที่เกิดขึ้นในหมอนรองกระดูกสันหลังของแต่ละบุคคลในท่าทางต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การยืนและการนั่ง "Intervertebral Disc Stress and Pressure in Different Daily Postures: A Finite Element Study" Sahand Zanjani-pour 2016 พบว่า
#แรงกดของหมอนรองส่วนใหญ่อาจมากในท่านั่งในบางคนและบางคนจะมากในท่ายืนมากกว่านั่ง และในบางคนจะไม่ต่างกัน แต่เมือมีการเปลี่ยนท่าทางแรงกดต่อหมอนรองจะลดลง

#หลักการกายภาพ สมัยใหม่ คือ Focus เรื่องท่านั่ง และ การขยับบ่อยๆ

👑 หัวใจสำคัญของการนั่งสำหรับผู้ป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้นที่สุดคืออะไร?

👉 การรักษาส่วนโค้งเว้าตามธรรมชาติของ "หลังส่วนล่าง" (Lumbar Lordosis) ไว้นั่นเอง!

#ท่านั่งหลังค่อม หลังงอ อาจเป็น "ตัวร้าย" เพราะจะเพิ่มแรงกดบนหมอนรองกระดูก และอาจผลักให้หมอนรองกระดูกปลิ้นออกมาทับเส้นประสาทมากขึ้น 😱

งานวิจัยใหม่ๆสนับสนุนเรื่อง"การนั่งแบบมีการเคลื่อนไหว" (Dynamic Sitting)

ร่างกายเราไม่ได้ถูกสร้างมาให้อยู่นิ่งๆ! ท่านั่งที่ดีที่สุด ก็คือ "ท่าต่อไป" ครับ! ไม่ใช่การนั่งแช่ท่าเดิมนานๆ แม้จะเป็นท่าที่ดีก็ตาม

ลองใช้หลักการง่ายๆ ที่ทำได้เลยที่โต๊ะทำงาน:

หลักการนั่งให้ฉลาด & ขยับให้บ่อย
จัดท่านั่งพื้นฐานให้เป๊ะ:

1.นั่งให้ก้นชิดพนักพิง

2.ใช้หมอนรองหลังหรือพนักพิงช่วยให้ "หลังส่วนล่างเว้า"

3.เท้าวางราบกับพื้น เข่าระดับเดียวกับสะโพกหรือต่ำกว่าเล็กน้อย

4.ขยับตัวทุก 30 นาที:

ตั้งนาฬิกาเตือน! ลุกขึ้นยืน 1-2 นาที, เดินไปดื่มน้ำ, หรือยืดเส้นยืดสายง่ายๆ

การทำแบบนี้จะช่วยลดแรงกดที่กระทำต่อเนื่องและเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปที่หมอนรองกระดูก

ออกกำลังกายบำบัดบนเก้าอี้ (ทุกๆ 1-2 ชั่วโมง):

🧘 ขยับอุ้งเชิงกราน (Pelvic Tilt): นั่งตัวตรง ค่อยๆ แอ่นหลัง (ให้หลังเว้า) สลับกับงอหลัง (ให้หลังกลม) เบาๆ 10-15 ครั้ง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนในหมอนรองกระดูก

🤸‍♂️ ยืดกล้ามเนื้อก้น (Piriformis Stretch): นั่งไขว่ห้างเป็นรูปเลข 4 แล้วค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้าจนรู้สึกตึงที่ก้น ค้างไว้ 30 วินาที ทำสลับข้าง (ท่านี้ดีมาก เพราะกล้ามเนื้อนี้มักจะหนีบเส้นประสาทได้)

🦵 ดึงเข่าชิดอก (Knee-to-Chest): นั่งตรงๆ แล้วดึงเข่าทีละข้างเข้าหาอก ค้างไว้ 20-30 วินาที ช่วยยืดกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง

👌การยืดเส้นประสาท เพื่อลดอาการตึงหรือชา (Nerve flossing)
https://www.youtube.com/shorts/BLpQnr9Iu3c

#สาระสำคัญจริงๆคือ ไม่มีท่านั่งที่ "สมบูรณ์แบบ" เพียงท่าเดียว ร่างกายมนุษย์ถูกออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนไหว เป้าหมายสำหรับผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทไม่ใช่การพยายามนั่งนิ่งในท่าที่ "ถูกต้อง" ตลอดเวลา แต่คือการสร้างกระดูกสันหลังที่แข็งแรงและยืดหยุ่น ซึ่งต้องได้จากกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวที่แข็งแรง, การจัด ergonomic ที่ดี, และความเข้าใจในร่างกายของตนเองอย่างลึกซึ้ง มุมมองต้องเปลี่ยนจากการหลีกเลี่ยงการนั่งด้วยความกลัว ไปสู่การส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนไหว

แนวทางนี้จะเปลี่ยนการนั่งจากการเป็นภาระ ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถจัดการได้ของชีวิตที่จะลดการบาดเจ็บและให้เราใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ


คลินิกเวชกรรมและกายภาพบำบัด
ใกล้ BTS Ari
www.fixmeclinic.com
092-429-6951

Fixme Clinic ร่วมสนับสนุนทหารหาญผู้กล้าด้วยความตระหนักถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่และความเสียสละของเหล่าทหารหาญที่ปฏิบัติหน้าที่...
31/07/2025

Fixme Clinic
ร่วมสนับสนุนทหารหาญผู้กล้า
ด้วยความตระหนักถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่และความเสียสละของเหล่าทหารหาญที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ Fixme Clinic ขอประกาศมอบ บริการรักษาฟรี ให้แก่ทหารผู้บาดเจ็บจากการรบทุกนาย ไม่ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บทางกระดูกและกล้ามเนื้อหรือผู้ที่ต้องรับการฟื้นฟูจากทุพพลภาพ

เพราะความเสียสละของคุณ คือความภาคภูมิใจของเรา
เราเชื่อว่าการสนับสนุนด้านการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุด จะช่วยให้ทหารผู้กล้าเหล่านี้ได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การรักษาฟรีนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เราอยากตอบแทนความกล้าหาญและความเสียสละของพวกเขา ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ

เงื่อนไขและขั้นตอนการขอรับบริการ
ทหารผู้บาดเจ็บจากการรบทุกนาย สามารถติดต่อขอรับบริการรักษาฟรีได้ที่ Fixme Clinic โดยมีขั้นตอนง่ายๆ เพียงแสดงหลักฐานการเป็นทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ เราพร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ขอขอบคุณสำหรับความเสียสละของทุกท่าน

ทีมงาน Fixme Clinic

เมื่อวานได้มีโอกาสคุยกับโค้ชที่ทำ Squat New PB แล้วแรงไปออกข้อเท้าซะงั้น ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเคสที่พบได้ไม่บ่อย แต่อยากให้...
31/07/2025

เมื่อวานได้มีโอกาสคุยกับโค้ชที่ทำ Squat New PB แล้วแรงไปออกข้อเท้าซะงั้น ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเคสที่พบได้ไม่บ่อย แต่อยากให้ระวังไว้

🚨 Squat หนักจนข้อเท้าพลิก? เรื่องจริงที่คนเล่นเวทต้องระวัง! 🚨

หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าการ Squat เพื่อทำลายสถิติใหม่ (New PB) มีความเสี่ยงทำให้ "ข้อเท้าพลิก" ได้! 😱

จากการศึกษาทางชีวกลศาสตร์ที่ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS One ซึ่งวิเคราะห์แรงกดที่ข้อต่อต่างๆ ของนักกีฬายกน้ำหนักระดับอีลิท (Elite Powerlifters) พบว่า:

ขณะทำการ Squat ที่ความหนัก 90% ของน้ำหนักสูงสุดที่ยกได้ 1 ครั้ง (1-RM) แรงกดสูงสุดเฉลี่ยที่ "ข้อเท้า" สามารถสูงถึง 11.5 เท่าของน้ำหนักตัว (Body Weight)

ทำไมแรงกดถึงสูงกว่าน้ำหนักที่ยกจริง?

แรงที่ข้อต่อรับ ไม่ใช่แค่ "น้ำหนักตัว + น้ำหนักบนบาร์" เท่านั้น แต่มันคือ "แรงปฏิกิริยาร่วม" (Joint Reaction Force) ซึ่งเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อที่ดึงรั้งกระดูกเพื่อสร้างการเคลื่อนไหวและรักษาความมั่นคงเพื่อต้านกับแรงโน้มถ่วงและน้ำหนักภายนอก ดังนั้น แรงที่เกิดขึ้นภายในข้อต่อจึงสูงกว่าน้ำหนักที่เราเห็นภายนอกหลายเท่าตัว

ตัวอย่างเช่น ถ้านักกีฬาหนัก 80 กิโลกรัม แรงกดที่ข้อเท้าอาจสูงถึง 920 กิโลกรัมในชั่วขณะที่ย่อตัวลงไปลึกที่สุด!

ทำไม Squat ที่หนักถึงเสี่ยงข้อเท้าพลิกได้?

1. ธรรมชาติของท่า: เวลาเราย่อตัวลงในท่า Squat ข้อเท้าจะมีการบิดเข้าด้านในเล็กน้อย (inversion) ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเราใช้น้ำหนักที่มากเกินไป กล้ามเนื้อรอบๆ ข้อเท้าและสะโพกอาจไม่แข็งแรงพอที่จะควบคุมการเคลื่อนไหว ทำให้ข้อเท้าบิดเข้าด้านในมากเกินไปจนพลิกได้

2. ขาดความยืดหยุ่น: หากข้อเท้ามีความยืดหยุ่นน้อย (Dorsiflexion หรือการกระดกข้อเท้าขึ้นมีจำกัด) ร่างกายจะพยายามชดเชยโดยการบิดข้อเท้าหรือส่วนอื่นๆ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

3. กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอ: กล้ามเนื้อรอบข้อเท้า (Ankle Stability) และกล้ามเนื้อสะโพก (Glutes) มีหน้าที่สำคัญในการรักษาสมดุลของร่างกายขณะ Squat หากกล้ามเนื้อเหล่านี้ไม่แข็งแรงพอ ก็จะไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของข้อเท้าได้ดีพอเมื่อต้องรับน้ำหนักมากๆ

แล้วเราจะป้องกันอย่างไร?

1. วอร์มอัพและยืดเหยียด: ก่อนเล่น Squat ควรวอร์มอัพและยืดเหยียดกล้ามเนื้อรอบข้อเท้าและน่องให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและการเคลื่อนไหวของข้อเท้า

ท่า Warm mobility ของข้อเท้า

Ankle Mobility Routine for Squats
https://www.youtube.com/watch?v=4GW6QdSaQ6U

2.เพิ่มการฝึก Ankle Stability: จัดตารางฝึกความมั่นคงให้ข้อเท้าอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 วัน ท่าที่แนะนำ เช่น

Strength your Ankle and Foot
https://www.youtube.com/watch?v=S5xKokqeOb4

Banded Ankle Exercises: ใช้ยางยืดออกกำลังกาย (Resistance Band) เพื่อสร้างแรงต้านในทิศทางต่างๆ (Dorsiflexion, Plantarflexion, Inversion, Eversion)

Single leg Balance ยืนขาเดียวให้นิ่งที่สุด อาจเพิ่มความท้าทายโดยการหลับตา หรือยืนบนพื้นผิวที่ไม่มั่นคง

Calf Raises: เขย่งปลายเท้าขึ้น-ลงช้าๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงรอบข้อเท้า และเพิ่มความยืดหยุ่นน่อง

3. รองเท้า Weight Lifting เสริมส้น หรือ มี heel cup (เบ้ารองส้น) ร้องเท้าที่ออกแบบมาเพิ่มลดข้อจำกัดของการ Squat เช่นลดการ Limit ankle dorsiflexion หรือ เพิ่มความมั่นคงส้นเท้าไม่ให้ขยับ ป้องกันการบิดตัวของเท้า และ ลดการยุบตัว

อย่างไรก็ตาม Squat เป็น Compound movement การหมั่นตรวจสอบ Mobility และ การวางโปรแกรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ก็จะช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บได้

ขอให้ PB ได้อย่างเเข็งแรง ไม่เจ็บ นะครับทุกคน

มีงานวิจัยใหม่ล่าสุด (ส.ค. 2024)  จากวารสาร Frontiers in Sports and Active Livin เรื่องเจ็บ ITB เจ็บเข่าด้านนอกเวลาวิ่ง?...
27/07/2025

มีงานวิจัยใหม่ล่าสุด (ส.ค. 2024) จากวารสาร
Frontiers in Sports and Active Livin เรื่องเจ็บ ITB

เจ็บเข่าด้านนอกเวลาวิ่ง? 🏃‍♀️💥 ปวดแปล๊บๆ จนต้องหยุดวิ่งบ่อยๆ ใช่ไหม? คุณอาจกำลังเจอกับ หรือ #เอ็นข้างเข่าอักเสบ หนึ่งในอาการบาดเจ็บสุดฮิตของชาวนักวิ่ง!

แต่ไม่ต้องกังวล!

มาสรุป "วิธีพิชิต ITBS" ที่ได้ผลจริง! เพื่อไม่ให้หลงทางรักษาผิดๆ

📌 สรุป 4 คีย์สำคัญที่นักวิ่งต้องรู้:

🏋️‍♂️ ออกกำลังกายสะโพกด้านข้างคือ "พระเอก" ตัวจริง!

งานวิจัยเกือบทั้งหมดชี้ตรงกันว่า การเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อสะโพกส่วนข้าง (Hip Abductor Strengthening) คือหัวใจของการรักษา เพราะมันช่วยให้สะโพกนิ่งขึ้น ลดการบิดของขาที่ทำให้ IT Band ไปกด หรือ เสียดสีกับกระดูกเข่า ท่าง่ายๆ เช่น Side-lying leg raises, Clamshells, Single-leg squats คือสิ่งที่ต้องทำ!

🤝 ยิ่งทำหลายอย่างยิ่งดี! (Combined Approach)
การรักษาแบบ "จัดเต็ม" หลายๆ อย่างพร้อมกัน เช่น ออกกำลังกาย + ทำกายภาพบำบัดด้วยเครื่องมือ ให้ผลดีกว่าทำแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง งานวิจัยพบว่าวิธีผสมผสานช่วยลดปวดได้ถึง 71% เลยทีเดียว!

⚡️ "ตัวช่วย" เสริมทัพสุดเวิร์ค

Shockwave Therapy: คลื่นกระแทกที่ช่วยลดปวดและซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้ดีเมื่อทำคู่กับออกกำลังกาย

Manual Therapy: การคลายกล้ามเนื้อและพังผืดโดยนักกายภาพก็ช่วยได้มาก

Gait Retraining (ปรับท่าวิ่ง): แนวทางใหม่ที่น่าจับตา อาจช่วยแก้ปัญหาที่ต้นตอได้เลย

🤔 แล้ว "ยืดกล้ามเนื้อ" ล่ะ?
แม้จะฮิต แต่การยืดกล้ามเนื้ออย่างเดียวอาจไม่เห็นผลชัดเจนเท่าไรนัก ควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายสร้างความแข็งแรงจะดีที่สุดครับ

ข้อแนะนำ: อาการบาดเจ็บของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทางที่ดีที่สุดคือปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับเราที่สุดนะครับ!

#วิ่ง #นักวิ่ง #อาการบาดเจ็บ #เจ็บเข่า #กายภาพบำบัด #ออกกำลังกาย #รักสุขภาพ #วิ่งน้อยแต่วิ่งนะ

FixmeClinic
คลินิกเวชกรรมและกายภาพบำบัด
ใกล้ BTS Ari
www.fixmeclinic.com
092-429-6951

ที่อยู่

ห้อง 3A, ชั้น 3, ราชครู เมดิคอลเซนเตอร์, พหลโยธิน ซ.5, ถ.พหลโยธิน, สามเสนใน, เขตพญาไท, กรุงเทพฯ 10400
Bangkok
10400

เวลาทำการ

จันทร์ 10:00 - 20:00
อังคาร 10:00 - 20:00
พุธ 10:00 - 20:00
พฤหัสบดี 10:00 - 20:00
ศุกร์ 10:00 - 20:00
เสาร์ 10:00 - 20:00
อาทิตย์ 10:00 - 20:00

เบอร์โทรศัพท์

+66924296951

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Fixme คลินิกเวชกรรมและกายภาพบำบัดผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Fixme คลินิกเวชกรรมและกายภาพบำบัด:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท