ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช - Siriraj Center of Interventional Radiology

ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช - Siriraj Center of Interventional Radiology ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช
Siriraj Center of Interventional Radiology (SiCIR)

เมื่อมะเร็งลามมาที่ตับ! รู้จัก "รังสีร่วมรักษา" ทางเลือกใหม่ที่ช่วยจัดการได้____________________________________________...
22/09/2025

เมื่อมะเร็งลามมาที่ตับ!
รู้จัก "รังสีร่วมรักษา" ทางเลือกใหม่ที่ช่วยจัดการได้
____________________________________________________

1 - ทำไม 'ตับ' ถึงเป็นจุดหมายของมะเร็งที่แพร่กระจาย?

เมื่อมะเร็งเริ่มแพร่กระจายจากอวัยวะต้นกำเนิดไปยังส่วนอื่นของร่างกาย หรือที่เรียกว่า Metastasis , หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่พบบ่อยที่สุดก็คือ "ตับ" ครับ

สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ตับเป็นอวัยวะเป้าหมายยอดนิยมของมะเร็ง มีอยู่ 2 ข้อดังนี้ครับ
📌 ตับคือ "สถานีหลัก" ของระบบไหลเวียนเลือด
📌 ตับคือ "บ้าน" ที่น่าอยู่ของเซลล์มะเร็ง:

- ตับเป็นอวัยวะที่เต็มไปด้วยสารอาหารและออกซิเจน ทำให้เซลล์มะเร็งมี "อาหาร" ที่พร้อมจะเติบโต .
- ตับมีโครงสร้างหลอดเลือดภายในที่ซับซ้อนและมีพื้นที่มากมาย ทำให้เซลล์มะเร็งสามารถเกาะติดและสร้างอาณาจักรใหม่ได้ง่าย
2- รู้จัก "รังสีร่วมรักษา" ทางเลือกใหม่ที่จัดการได้

หากคุณหรือคนใกล้ชิดได้รับการวินิจฉัยว่ามีมะเร็งที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่นมาที่ตับ (Liver Metastases) ไม่ต้องสิ้นหวังนะครับ เพราะปัจจุบันมีวิธีการรักษาที่ล้ำสมัยและเจ็บตัวน้อย ที่ช่วยให้คุณยังสามารถควบคุมโรคและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้

วิธีการนี้เรียกว่า "การรักษาด้วยวิธีทางรังสีร่วมรักษา (Interventional Radiology - IR)" ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษามะเร็งที่แพร่กระจายมาที่ตับ
3- ปฏิบัติการแบบ "ตรงจุด"

การรักษาด้วย IR มีหลักการคือการใช้เครื่องมือขนาดเล็ก (เช่น เข็ม, สายสวน) เพื่อเข้าถึงก้อนมะเร็งโดยตรง โดยใช้ภาพถ่ายทางการแพทย์เป็นตัวนำทาง ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถโจมตีมะเร็งได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

วิธีการหลักๆ ที่ใช้ในการรักษามะเร็งที่แพร่กระจายมาที่ตับ ได้แก่ การจี้ทำลายก้อน และการอุดหลอดเลือด
4 - การจี้ทำลายก้อน (Ablation)

หลักการ: ใช้ความร้อนสูง (RFA, MWA) หรือความเย็นจัด (Cryoablation) เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งภายในก้อนโดยตรง

เหมาะสำหรับ: ก้อนมะเร็งที่มีขนาดเล็กและมีจำนวนจำกัด
5 - การอุดหลอดเลือด (Embolization)

หลักการ: ใช้สายสวนหลอดเลือดเพื่อนำยาเคมีบำบัด (TACE) หรือสารกัมมันตรังสี (TARE/SIRT) ไปยังก้อนมะเร็งโดยตรง

เหมาะสำหรับ: ก้อนมะเร็งที่มีหลายก้อนหรือมีขนาดใหญ่
6 - IR ไม่ใช่แค่ตัวเลือก แต่คือ "ทางรอด"

การรักษาด้วยวิธีทาง IR มักถูกพิจารณาเป็นทางเลือกที่สำคัญในผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาแบบผสมผสานร่วมกับยาเคมีบำบัดหรือยาแบบมุ่งเป้า

👍เป้าหมายของการรักษา คือการควบคุมการเติบโตของโรค ช่วยยืดอายุของผู้ป่วย บรรเทาอาการต่างๆ และที่สำคัญคือการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นครับ

สามารถติดต่อขอคำแนะนำในการรักษา หรือนัดพบแพทย์ได้ที่
📌ตึก 72ปี ชั้น2 โรงพยาบาลศิริราช
📌โทร 02-419-8731
📌Line official:
📌TikTok:

#มะเร็ง #มะเร็งตับ #รังสีร่วมรักษา #ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช

มะเร็งปอดกลับมา...ต้องทำอย่างไร? มารู้จัก Oligoprogression และแนวทางการรักษาแบบ IR กันครับ______________________________...
19/09/2025

มะเร็งปอดกลับมา...ต้องทำอย่างไร?
มารู้จัก Oligoprogression และแนวทางการรักษาแบบ IR กันครับ

_______________________________________________
1 - Oligoprogression คืออะไร

เมื่อผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ได้รับการรักษาด้วยยาแบบมุ่งเป้าหรือภูมิคุ้มกันบำบัดแล้วมีอาการดีขึ้น แต่จู่ๆ ก็มีก้อนมะเร็งบางส่วนกลับมาโตขึ้นอีกครั้ง ภาวะนี้เรียกว่า Oligoprogression ซึ่งเป็นเหมือนสัญญาณที่บอกว่ามะเร็งเริ่มดื้อยา แต่ไม่ได้หมายความว่าการรักษาล้มเหลวทั้งหมด

ในอดีต แพทย์อาจเปลี่ยนยาใหม่ทันที แต่ปัจจุบันมีแนวคิดใหม่ที่น่าสนใจกว่านั้นครับ
2 - ทำไมแพทย์ไม่อยากเปลี่ยนยาทันที

Oligoprogression คือ ภาวะที่มะเร็งส่วนใหญ่ยังคงตอบสนองต่อยาที่ใช้อยู่ แต่มีก้อนมะเร็งบางก้อน หรือบางตำแหน่งมีการลุกลามที่จำกัด มีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้นที่กลับมาเติบโต เปรียบเหมือน "วัชพืชที่งอกขึ้นมาใหม่" ในสวนที่กำลังสวยงาม ซึ่งถ้าแพทย์เปลี่ยนยาตอนนี้ อาจนำไปสู่การดื้อยาอย่างต่อเนื่อง และเสียโอกาสที่จะเก็บยาที่เป็นท่าไม้ตายไว้ใช้ในยามจำเป็นจริงๆ
3 - แนวทางการรักษาแบบใหม่: ผสมผสานเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา

เมื่อมีภาวะ Oligoprogression แนวคิดในปัจจุบันไม่ได้มุ่งเน้นแค่การเปลี่ยนยาอีกต่อไป แต่เป็นการผสมผสานระหว่างการรักษาเดิมกับการรักษาเฉพาะจุด เพื่อควบคุมก้อนที่เติบโตลุกลามขึ้น ซึ่งมีแนวทางการรักษาดังนี้

📌รักษาด้วยยาเดิมต่อไป: แพทย์ยังคงให้ยาเดิมต่อไปเพื่อควบคุมก้อนมะเร็งส่วนใหญ่ที่ยังตอบสนองอยู่

📌จัดการก้อนดื้อยาแบบตรงจุด: ในขณะเดียวกัน แพทย์จะใช้เทคนิคการรักษาเฉพาะที่ เพื่อทำลายก้อนที่เติบโตขึ้น ก้อนที่ยาเอาไม่อยู่ ซึ่งอาจใช้การฉายแสงแบบเฉพาะจุด (SBRT) หรือการจี้ทำลายด้วยความร้อนหรือความเย็น (Thermal Ablation)
4 - ทำไมต้องรักษาแบบผสมผสาน

การจัดการกับก้อนที่ดื้อยาอย่างตรงจุด จะช่วยให้สามารถใช้ยาเดิมที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้วต่อไปได้นานขึ้น ไม่ต้องรีบเปลี่ยนยา ช่วยยืดอายุของผู้ป่วย และชะลอการเปลี่ยนไปใช้ยาที่อาจมีผลข้างเคียงมากขึ้น

จะเห็นว่าการรักษามะเร็งในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงทางเดียว แต่เป็นการวางแผนอย่างชาญฉลาดและปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุดจากทุกการรักษาครับ

สามารถติดต่อขอคำแนะนำในการรักษา หรือนัดพบแพทย์ได้ที่
📌ตึก 72ปี ชั้น2 โรงพยาบาลศิริราช
📌โทร 02-419-8731
📌Line official:
📌TikTok:

#มะเร็งปอด #รักษามะเร็งปอด #ยามุ่งเป้า #ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช

เจาะชิ้นเนื้อ...ไม่ใช่แค่รู้ว่าเป็นมะเร็ง"คุณภาพ" ของชิ้นเนื้อก็สำคัญไม่แพ้กัน_________________________________1 - ในยุค...
18/09/2025

เจาะชิ้นเนื้อ...ไม่ใช่แค่รู้ว่าเป็นมะเร็ง
"คุณภาพ" ของชิ้นเนื้อก็สำคัญไม่แพ้กัน
_________________________________

1 - ในยุคของ "การแพทย์แม่นยำ" (Precision Oncology) การรักษามะเร็งไม่ได้มีแค่การให้ยาเคมีบำบัดทั่วร่างกายอีกต่อไป แต่แพทย์สามารถออกแบบการรักษาที่ตรงจุดโดยดูจาก "รหัสพันธุกรรม" ของเซลล์มะเร็งแต่ละคน ซึ่งทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นและมีผลข้างเคียงน้อยลง

และก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการรักษานี้ ก็คือการ "เจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ" หรือ Biopsy นั่นเอง

2 - ภารกิจ 'ไขรหัสลับ' ของเซลล์มะเร็ง
ลองนึกภาพว่าก้อนมะเร็งคือ "อาชญากร" ที่มีรหัสลับซ่อนอยู่ การเจาะชิ้นเนื้อก็เหมือนกับภารกิจของนักสืบที่ต้องเก็บหลักฐานมาไขรหัสลับนี้

ทำไมต้องใช้ชิ้นเนื้อ?
การตรวจรหัสพันธุกรรมของมะเร็ง หรือที่เรียกว่า Next-Generation Sequencing (NGS) ต้องใช้ชิ้นเนื้อที่มี "คุณภาพดีและเพียงพอ"

นักสืบต้องใช้ 'หลักฐาน' ที่ถูกต้อง
ชิ้นเนื้อที่นำไปตรวจต้องเป็นส่วนของมะเร็งที่ยังมีชีวิตอยู่และมีการทำงาน หากเป็นชิ้นเนื้อที่ตายแล้ว (necrotic) ก็จะไม่สามารถตรวจหารหัสลับได้

3 - บทบาทของแพทย์รังสีร่วมรักษา หรือ หมอ IR
หมอ IR เปรียบเหมือนนักสืบมือฉมังที่มีความเชี่ยวชาญในการนำทางด้วยภาพถ่ายทางการแพทย์ (เช่น CT Scan) เพื่อเลือก "จุดที่ดีที่สุด" ในการเจาะชิ้นเนื้อ

หลักการคือ
📌เจาะให้ตรงจุด: หลีกเลี่ยงบริเวณที่ตายแล้วของก้อนเนื้อ และมุ่งเป้าไปยังบริเวณที่ยังมีชีวิตอยู่
📌เก็บให้พอ: การเก็บชิ้นเนื้อหลายๆ ครั้ง หรือการใช้เข็มขนาดใหญ่ขึ้น สามารถช่วยให้ได้ปริมาณเนื้อเยื่อที่เพียงพอสำหรับ NGS ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่ผลตรวจจะล้มเหลว

4 - ข้อสรุปที่สำคัญ

การเจาะชิ้นเนื้อในยุคนี้ไม่ใช่แค่การยืนยันการเป็นมะเร็ง แต่เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการรักษา ดังนั้น หากแพทย์แนะนำให้ทำ Biopsy นั่นหมายถึงคุณกำลังจะเข้าสู่เส้นทางการรักษาที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่วงการแพทย์ในปัจจุบันจะทำได้ครับ

สามารถติดต่อขอคำแนะนำในการรักษา หรือนัดพบแพทย์ได้ที่
📌ตึก 72ปี ชั้น2 โรงพยาบาลศิริราช
📌โทร 02-419-8731
📌Line official:
📌TikTok:

#มะเร็ง #เจาะชิ้นเนื้อ #การแพทย์แม่นยำ #รังสีร่วมรักษา #ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช

สรุปสาระสำคัญจากงานวิจัยเรื่อง Prostatic Artery Embolization (PAE): Mid- to Long-Term Outcomes in 1,075 PatientsPAE คืออ...
16/09/2025

สรุปสาระสำคัญจากงานวิจัยเรื่อง Prostatic Artery Embolization (PAE): Mid- to Long-Term Outcomes in 1,075 Patients
PAE คืออะไร?

การทำ Prostatic Artery Embolization (PAE) เป็นเทคนิคใหม่ที่ใช้ในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia – BPH) ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ชาย โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น อาการที่เกิดขึ้น เช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก
การรักษาแบบดั้งเดิม เช่น TURP (การส่องกล้องตัดต่อมลูกหมาก) แม้จะได้ผลดี แต่มีความเสี่ยงเรื่องเลือดออกและผลข้างเคียงทางเพศ ขณะที่ PAE ใช้วิธีใส่สายสวนเข้าไปอุดหลอดเลือดที่เลี้ยงต่อมลูกหมาก ทำให้ต่อมลูกหมากหดตัวและอาการปัสสาวะดีขึ้น เปรียบเหมือนการ “ปิดวาล์วส่งน้ำ” ทำให้ถังน้ำ (ต่อมลูกหมาก) ค่อย ๆ ลดขนาดลง
ผลการศึกษาสำคัญ: งานวิจัยนี้ติดตามคนไข้กว่า 1,075 ราย นานสูงสุดถึง 5 ปี พบว่า

✅อาการดีขึ้นชัดเจนและยาวนาน: คะแนนอาการปัสสาวะ (IPSS) จาก 23 เหลือเพียง 6 ที่ 1 ปี และคงอยู่ราว 9 คะแนน ที่ 4–5 ปี
✅คุณภาพชีวิตดีขึ้น: ผู้ป่วยส่วนใหญ่รายงานว่ารู้สึกสบายขึ้น ไม่รำคาญอาการเหมือนก่อน
✅ผู้ที่ต้องใช้สายสวนปัสสาวะ: 94% ของคนไข้ สามารถถอดสายสวนได้ภายใน 3 เดือน
✅ไม่ต้องพึ่งยา: หลัง 1 ปี คนไข้ประมาณ 2 ใน 3 ไม่ต้องใช้ยารักษาอีก
✅ความปลอดภัยสูง: ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงมีเพียง 0.7% และทั้งหมดรักษาหายโดยไม่ทิ้งผลเสียถาวร
✅ไม่กระทบสมรรถภาพทางเพศ: คะแนนการแข็งตัวของอวัยวะเพศ (IIEF-5) ไม่แย่ลง และบางรายดีขึ้นด้วย
ทำไม PAE ถึงสำคัญ?
ลองจินตนาการว่า “ท่อน้ำ” ในบ้านถูกบีบจากวาล์วน้ำที่แน่นไป (จากต่อมลูกหมากโต) น้ำจึงไหลช้าและติดขัด PAE เปรียบเสมือนการลดแรงดันน้ำโดยทำให้ท่อขยายขึ้น ทำให้น้ำกลับมาไหลได้ปกติ โดยไม่ต้องเจาะทำลายวาล์วน้ำออกทั้งหมด

👍สำหรับผู้ชายสูงอายุที่กังวลเรื่องการผ่าตัดใหญ่หรือผลข้างเคียงทางเพศ PAE เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะช่วยให้อาการดีขึ้นยาวนาน ลดการใช้ยา และปลอดภัย
บทสรุปสำหรับประชาชน

📌โรคต่อมลูกหมากโต เป็นปัญหาที่พบมาก และกระทบชีวิตประจำวันอย่างมาก
📌PAE เป็นวิธีรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ต่อมลูกหมากเล็กลง อาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
📌งานวิจัยใหญ่ในสหรัฐฯ ยืนยันว่า PAE ให้ผลลัพธ์ดี คงทน และปลอดภัย
📌เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่ตอบสนองต่อยา หรือกังวลเรื่องสมรรถภาพทางเพศ

สรุปง่าย ๆ: PAE คือ “วิธีปลดล็อกการปัสสาวะ” ที่ปลอดภัย ยั่งยืน และเป็นความหวังใหม่สำหรับผู้ชายที่มีปัญหาต่อมลูกหมากโต

สามารถติดต่อขอคำแนะนำในการรักษา หรือนัดพบแพทย์ได้ที่
📌ตึก 72ปี ชั้น2 โรงพยาบาลศิริราช
📌โทร 02-419-8731
📌Line official:
📌TikTok:

#ต่อมลูกหมากโต #ปัสสาวะขัด #ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช #สุขภาพ #ผู้ชาย #สูงวัย

Palliative Care: "หมอ IR" กับการดูแลที่ไม่สิ้นสุดเมื่อมะเร็งเข้าสู่ระยะลุกลาม การรักษาหลักที่มุ่งเป้าไปที่การกำจัดมะเร็ง...
15/09/2025

Palliative Care: "หมอ IR" กับการดูแลที่ไม่สิ้นสุด
เมื่อมะเร็งเข้าสู่ระยะลุกลาม การรักษาหลักที่มุ่งเป้าไปที่การกำจัดมะเร็งอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่ยังมีแนวทางการดูแลที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ "การดูแลแบบประคับประคอง" (Palliative Care) ซึ่งไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้ แต่เป็นการดูแลที่เน้นไปที่ "การเพิ่มคุณภาพชีวิต" ให้กับผู้ป่วยและครอบครัว
ในทีม Palliative Care ที่ประกอบด้วยแพทย์หลากหลายสาขา แพทย์รังสีร่วมรักษา (Interventional Radiologist - IR) ก็มีบทบาทสำคัญในการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สบายตัว
บทบาทของหมอ IR ใน Palliative Care
หมอ IR จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านภาพถ่ายทางการแพทย์ (เช่น CT Scan หรืออัลตราซาวด์) เพื่อนำทางเครื่องมือขนาดเล็กเข้าสู่ร่างกาย โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดใหญ่ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดอาการเจ็บปวดและฟื้นตัวได้เร็วกว่า

ให้ลองนึกภาพอาการที่ผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามอาจต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น
📌อาการปวดจากกระดูกลุกลาม: แพทย์ IR สามารถใช้เทคนิคอย่าง Vertebroplasty เพื่อฉีดสารคล้ายซีเมนต์เข้าไปเสริมความแข็งแรงของกระดูกสันหลังที่อ่อนแอจากมะเร็ง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปวดลดลงและเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

📌เมื่อมีภาวะเลือดออกภายใน: มะเร็งอาจทำให้เกิดการตกเลือดภายในร่างกาย แพทย์ IR สามารถทำหัตถการอุดหลอดเลือด (Embolization) เพื่ออุดหลอดเลือดที่กำลังมีเลือดออกได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

📌เมื่อมีของเหลวคั่งในช่องท้องหรือช่องปอด: มะเร็งอาจทำให้เกิดของเหลวส่วนเกินในร่างกาย แพทย์ IR สามารถใส่สายระบายเพื่อระบายของเหลวนั้นออก ซึ่งช่วยลดอาการอึดอัดและทำให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้น

📌เมื่อท่อน้ำดีอุดตัน: มะเร็งตับอาจทำให้ท่อน้ำดีอุดตันจนเกิดภาวะตัวเหลืองดีซ่าน แพทย์ IR สามารถใส่ Stent เพื่อเปิดทางเดินน้ำดีให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ ลดอาการคันตามตัวจากดีซ่าน
เพราะ Palliative Care คือ การเดินเคียงข้างไปจนสุดทาง ไม่ใช่การปล่อยมือกลางทาง

Palliative Care ไม่ใช่การรักษาที่สิ้นหวัง แต่เป็นแนวทางที่มุ่งมั่นจะดูแลผู้ป่วยให้ได้รับความสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา โดยทีมแพทย์ IR จะเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มการดูแลนี้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ผู้ป่วยได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ได้อย่างมีความสุขและมีคุณค่าที่สุดครับ

สามารถติดต่อขอคำแนะนำในการรักษา หรือนัดพบแพทย์ได้ที่
📌ตึก 72ปี ชั้น2 โรงพยาบาลศิริราช
📌โทร 02-419-8731
📌Line official:
📌TikTok:

#ดูแลประคับประคอง #ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช #มะเร็ง #ศูนย์บริรักษ์ศิริราช

Microwave Ablation: ทางเลือกในการรักษามะเร็งไตขนาดเล็กการรักษามะเร็งไตขนาดเล็ก ในปัจจุบันมีทางเลือกที่หลากหลาย นอกจากการ...
12/09/2025

Microwave Ablation: ทางเลือกในการรักษามะเร็งไตขนาดเล็ก
การรักษามะเร็งไตขนาดเล็ก ในปัจจุบันมีทางเลือกที่หลากหลาย นอกจากการผ่าตัดแล้ว Microwave Ablation (MWA) หรือการจี้ทำลายก้อนเนื้อด้วยความร้อนจากคลื่นไมโครเวฟ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง
หลักการทำงานของ Microwave Ablation (MWA)
MWA เป็นหัตถการในกลุ่มรังสีร่วมรักษา (Interventional Radiology) ที่มุ่งเป้าไปที่การทำลายเซลล์มะเร็ง โดยแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กสอดเข้าไปในก้อนเนื้องอกภายใต้การนำทางของภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) หรืออัลตราซาวด์ จากนั้นเข็มจะปล่อยพลังงานคลื่นไมโครเวฟที่สร้างความร้อนสูงไปทำลายเซลล์มะเร็งภายในก้อน เหมือนเตาไมโครเวฟที่เราใช้กันในครัวเรือนเลยครับ
ข้อสรุปที่สำคัญจากการวิจัยล่าสุด
ผลการศึกษาล่าสุดที่รวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยมะเร็งไตขนาดเล็กกว่า 4 เซนติเมตร จำนวน 66 รายที่เข้ารับการรักษาด้วย MWA ยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวิธีนี้อย่างน่าเชื่อถือ:

✅ประสิทธิภาพสูง: อัตราความสำเร็จทางเทคนิคในการทำลายก้อนเนื้ออยู่ที่ 100% โดยอัตราการรอดชีวิตจากมะเร็งโดยเฉพาะ (Cancer-Specific Survival) ในระยะเวลา 3 ปี สูงถึง 100%

✅ความปลอดภัยสูง: มีภาวะแทรกซ้อนเพียงเล็กน้อย (2.8%) และไม่มีรายงานภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง

✅ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว: ผู้ป่วยเกือบทั้งหมด (90.3%) ไม่ต้องการยาแก้ปวดเพิ่มเติมหลังการรักษา และไม่มีผู้ป่วยรายใดต้องใช้ยาแก้ปวดหลังออกจากโรงพยาบาล ผู้ป่วยทุกคนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ภายในวันเดียวกับที่ทำการรักษา

✅ไม่กระทบต่อการทำงานของไต: การรักษามีความจำเพาะเจาะจง ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เสี่ยงต่อการล้างไต
📌ข้อสรุป
การรักษาด้วย Microwave Ablation ภายใต้การให้ยาชาและยานอนหลับอ่อนๆ (moderate sedation) เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสำหรับผู้ป่วยมะเร็งไตขนาดเล็ก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวหลายอย่าง ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหลังการรักษาได้อย่างรวดเร็ว

สามารถติดต่อขอคำแนะนำในการรักษา หรือนัดพบแพทย์ได้ที่
📌ตึก 72ปี ชั้น2 โรงพยาบาลศิริราช
📌โทร 02-419-8731
📌Line official:
📌TikTok:

#ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช #มะเร็ง #มะเร็งไต #จี้ด้วยความร้อน

อ้างอิง: Fisher, et al. Percutaneous Microwave Ablation of Small (

ข้อเข่าเสื่อม...ปัญหากวนใจคนสูงอายุมารู้จัก G*E ทางเลือกใหม่บรรเทาอาการปวดจากข้อเข่าเสื่อมกันครับเมื่อพูดถึง "ข้อเข่าเสื...
11/09/2025

ข้อเข่าเสื่อม...ปัญหากวนใจคนสูงอายุ
มารู้จัก G*E ทางเลือกใหม่บรรเทาอาการปวดจากข้อเข่าเสื่อมกันครับ
เมื่อพูดถึง "ข้อเข่าเสื่อม" หลายคนมักมีปัญหากวนใจจากอาการปวด ไม่ว่าจะเวลาลุกนั่ง หรือเวลาเดิน ถึงปวดพอทนได้ แต่มันก็กวนใจตลอดเวลา ทานยาก็แล้ว ฉีดยาเข้าข้อก็แล้ว ก็ยังไม่ทุเลา แต่ก็ไม่อยากผ่าตัดเปลี่ยนเข่า วันนี้หมอมีทางเลือกการรักษาเพื่อบรรเทาอาการปวดเข่าจากโรคข้อเข่าเสื่อมมาฝากครับ เราเรียกว่า G*E ย่อมาจาก Genicular Artery Embolization
G*E ไม่ต้องผ่าตัด ก็ลดอาการปวดเข่าได้
G*E เป็นหัตถการเฉพาะทางที่ทำโดยหมอ IR ที่มีเป้าหมายเพื่อ "ลดอาการปวด" ที่เกิดจากการอักเสบในข้อเข่า:

✅การหาต้นตอ และลดการอักเสบ: ลดปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณที่ปวด และอักเสบ ก็ลดอาการปวด
✅การอุดหลอดเลือดเฉพาะจุด: โดยใช้สายสวนหลอดเลือดขนาดเล็กสอดเข้าไปในหลอดเลือดแดง แล้วนำทางไปยังหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณที่อักเสบในข้อเข่า จากนั้นจะฉีดอนุภาคขนาดเล็กจิ๋วเข้าไปเพื่อ "อุดกั้น" ไม่ให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นมากเกินไป

เมื่อปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงลดลง อาการอักเสบในข้อก็จะดีขึ้น ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปวดลดลงและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ G*E
✅G*E ไม่ได้ทำให้ข้อเข่าเสื่อมหายขาด: สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ G*E เป็นวิธีการ "บรรเทาอาการปวด" และ "ลดการอักเสบ" แต่ไม่ได้รักษาหรือทำให้ข้อเข่าที่สึกหรอแล้วกลับมาเป็นปกติ
✅เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง: G*E เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดข้อเข่าเสื่อมในระดับปานกลาง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่น เช่น การทานยา, กายภาพบำบัด หรือการฉีดยา
✅ความปลอดภัยสูง: G*E ถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัย โดยมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงน้อยมาก ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นมักไม่รุนแรง เช่น ปวดเล็กน้อยหลังทำ หรือมีรอยช้ำบริเวณที่สอดสายสวน

การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณทราบว่า G*E เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่ และสามารถวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ครับ

#ข้อเข่าเสื่อม *E #รังสีร่วมรักษา #อาการปวดเข่า #ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช #ปวด #ปวดเข่า

รู้จัก "PAE" ทางเลือกใหม่ที่ไม่ต้องผ่าตัดเมื่อคุณหมอบอกว่า "ต่อมลูกหมากโต" หลายคนอาจกังวลถึงการผ่าตัด แต่ข่าวดีคือปัจจุบ...
10/09/2025

รู้จัก "PAE" ทางเลือกใหม่ที่ไม่ต้องผ่าตัด
เมื่อคุณหมอบอกว่า "ต่อมลูกหมากโต" หลายคนอาจกังวลถึงการผ่าตัด แต่ข่าวดีคือปัจจุบันมีวิธีการรักษาแบบใหม่ที่เรียกว่า "Prostatic Artery Embolization (PAE)" ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องสอดอุปกรณ์ผ่านอวัยวะเพศ
ต่อมลูกหมากโต (BPH) คืออะไร?
ต่อมลูกหมากโต หรือ BPH (Benign Prostatic Hyperplasia) เป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ขึ้นตามวัย ซึ่งมักกดทับท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการที่น่ารำคาญ เช่น ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน, ปัสสาวะไม่สุด, หรือปัสสาวะไหลช้า
แล้ว "PAE" ช่วยรักษาได้อย่างไร?
PAE เป็นหัตถการที่มุ่งเป้าไปที่การลดขนาดของต่อมลูกหมาก หลักการทำงานคือ แพทย์จะใช้สายสวนหลอดเลือดขนาดเล็กสอดเข้าไปในหลอดเลือดแดงบริเวณขาหนีบ แล้วนำทางไปยังหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงต่อมลูกหมาก

จากนั้นแพทย์จะฉีดอนุภาคขนาดเล็กจิ๋ว (microspheres) เข้าไปในหลอดเลือด เพื่อ "อุดกั้น" ไม่ให้เลือดไปเลี้ยงต่อมลูกหมาก เมื่อต่อมลูกหมากขาดเลือดเลี้ยง ก็จะค่อยๆ ฝ่อและมีขนาดเล็กลง ทำให้แรงกดต่อท่อปัสสาวะลดลง และอาการต่างๆ ก็จะดีขึ้น
PAE เหมาะกับใคร?
PAE เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการของต่อมลูกหมากโต ที่ไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา หรือไม่ต้องการเข้ารับการผ่าตัด นอกจากนี้ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจากการผ่าตัด

✅ประสิทธิภาพ: PAE ช่วยลดขนาดต่อมลูกหมากและบรรเทาอาการปัสสาวะที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเห็นผลลัพธ์ในระยะสั้นและระยะยาว

✅ความปลอดภัย: PAE เป็นหัตถการที่ปลอดภัยสูง และมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงน้อยกว่าการผ่าตัดแบบมาตรฐานมาก ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยมักไม่รุนแรง เช่น ปัสสาวะแสบขัด หรือมีเลือดออกเล็กน้อยในปัสสาวะ ซึ่งมักจะหายไปเอง

การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณทราบว่า PAE เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่ และสามารถวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ครับ

สามารถติดต่อขอคำแนะนำในการรักษา หรือนัดพบแพทย์ได้ที่
📌ตึก 72ปี ชั้น2 โรงพยาบาลศิริราช
📌โทร 02-419-8731
📌Line official:
📌TikTok:

#ต่อมลูกหมากโต #รังสีร่วมรักษา #สุขภาพผู้ชาย #ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช

Palliative Care: ก้าวสำคัญสู่การดูแลที่ "เข้าใจ" และ "ใส่ใจ"เมื่อมะเร็งตับเข้าสู่ระยะลุกลาม การรักษาหลักที่มุ่งเป้าไปที่...
09/09/2025

Palliative Care: ก้าวสำคัญสู่การดูแลที่ "เข้าใจ" และ "ใส่ใจ"
เมื่อมะเร็งตับเข้าสู่ระยะลุกลาม การรักษาหลักที่มุ่งเป้าไปที่การกำจัดมะเร็งอาจไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมที่สุดเสมอไป แต่ยังมีอีกหนึ่งแนวทางการดูแลที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง นั่นคือ "การดูแลแบบประคับประคอง" (Palliative Care) ซึ่งไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้หรือทอดทิ้งการรักษาครับ
Palliative Care คืออะไร?
การดูแลแบบประคับประคอง คือการดูแลที่มุ่งเน้นไปที่การ "เพิ่มคุณภาพชีวิต" ให้กับผู้ป่วยและครอบครัว โดยมีเป้าหมายหลักคือการดูแลที่ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เมื่อไหร่ที่ Palliative Care มีบทบาท?
ตามแนวทางปฏิบัติของ BCLC (Barcelona Clinic Liver Cancer) การดูแลแบบประคับประคองจะเข้ามามีบทบาทสำคัญใน "ระยะสุดท้าย" ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายของผู้ป่วยอ่อนแอลงมาก การรักษาแบบประคับประคองจะช่วยจัดการอาการต่างๆ ของโรค และยังช่วยลดความเครียดและความกังวลให้กับผู้ป่วยและคนในครอบครัว
เพราะการดูแลที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การรักษา แม้ในยามที่เราไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ทีมแพทย์ พยาบาล และผู้เชี่ยวชาญจะช่วยกันดูแลคุณในทุกๆด้าน:

✅ การจัดการความเจ็บปวด: แพทย์จะช่วยควบคุมและบรรเทาอาการปวดให้ดีที่สุด
✅ การจัดการอาการอื่นๆ: เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หรือท้องบวม
✅ การดูแลด้านจิตใจ: ให้กำลังใจและคำปรึกษา เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวรู้สึกสบายใจและเข้มแข็ง
การดูแลแบบประคับประคองคือการยืนยันว่า "คุณและครอบครัวไม่ได้สู้เพียงลำพัง" แต่มีทีมแพทย์ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้าง และดูแลคุณด้วยความเข้าใจและความใส่ใจในทุกช่วงเวลาของชีวิตครับ

สามารถติดต่อขอคำแนะนำในการรักษา หรือนัดพบแพทย์ได้ที่
📌ตึก 72ปี ชั้น2 โรงพยาบาลศิริราช
📌โทร 02-419-8731
📌Line official:
📌TikTok:

#มะเร็งตับ #การดูแลประคับประคอง #มะเร็งตับระยะสุดท้าย #ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช

หลังทำ TACE แล้ว...ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?  หมอจะเล่าให้ฟังครับการรักษามะเร็งตับด้วย TACE (Transarterial Chemoembolizatio...
08/09/2025

หลังทำ TACE แล้ว...ต้องดูแลตัวเองอย่างไร? หมอจะเล่าให้ฟังครับ
การรักษามะเร็งตับด้วย TACE (Transarterial Chemoembolization) ถือเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการควบคุมมะเร็งตับ แต่หลังการรักษา ผู้ป่วยอาจมีอาการบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถจัดการได้ครับ
อาการที่พบบ่อยหลังทำ TACE หมอจะเรียกว่า Post-embolization Syndrome
ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจมีอาการซึ่งเป็นผลมาจากการที่ก้อนมะเร็งถูกทำลาย อาการเหล่านี้มักไม่รุนแรงและจะดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ได้แก่

📌 มีไข้: อาจมีไข้ต่ำๆ ซึ่งสามารถทานยาลดไข้ได้
📌 ปวดท้อง: อาจรู้สึกปวดหน่วงๆ บริเวณตับ ซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อย สามารถทานยาแก้ปวดที่แพทย์จัดให้ได้
📌 คลื่นไส้ อาเจียน: เกิดขึ้นได้จากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด แพทย์จะให้ยาแก้อาเจียนเพื่อช่วยบรรเทาอาการ
การดูแลตัวเองที่บ้านอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว:
✅ พักผ่อนให้เพียงพอ
✅ ทานอาหารตามคำแนะนำของแพทย์: ควรทานอาหารอ่อนๆ และครบถ้วนตามหลักโภชนาการ
✅ สังเกตอาการผิดปกติ: แม้ TACE จะเป็นวิธีที่ปลอดภัย แต่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่า เช่น มีไข้สูง ปวดท้องรุนแรง หรือตัวเหลืองตาเหลือง ก็อาจเกิดขึ้นได้แม้จะพบได้น้อย หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที
สิ่งสำคัญที่สุดคือการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และไม่กังวลกับอาการที่เกิดขึ้นมากจนเกินไปครับ การทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมจะช่วยให้คุณผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดี

สามารถติดต่อขอคำแนะนำในการรักษา หรือนัดพบแพทย์ได้ที่
📌ตึก 72ปี ชั้น2 โรงพยาบาลศิริราช
📌โทร 02-419-8731
📌Line official:
📌TikTok:

#ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช #มะเร็งตับ #ภาวะแทรกซ้อน #การดูแลตัวเอง #สุขภาพดี

🎯 เมื่อมะเร็งตับบุก...ยา "มุ่งเป้า" จะช่วยจัดการมะเร็งอย่างไร?เมื่อมะเร็งตับเข้าสู่ระยะลุกลาม การรักษาแบบเดิมที่ใช้ยาเคม...
06/09/2025

🎯 เมื่อมะเร็งตับบุก...ยา "มุ่งเป้า" จะช่วยจัดการมะเร็งอย่างไร?
เมื่อมะเร็งตับเข้าสู่ระยะลุกลาม การรักษาแบบเดิมที่ใช้ยาเคมีบำบัดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงกับเซลล์ปกติมากเกินไป แต่ปัจจุบันวงการแพทย์มีแนวทางใหม่ที่เรียกว่า "การรักษาด้วยยาแบบมุ่งเป้า" (Targeted Therapy) ซึ่งเปรียบเหมือน "กระสุนนำวิถี" ที่ฉลาดกว่าและแม่นยำกว่ามาก
Targeted Therapy ทำงานอย่างไร?
มะเร็งเปรียบเหมือน "วายร้าย" ที่มีกลไกพิเศษในการเติบโตอย่างรวดเร็วและสร้างกองทัพของตัวเอง Targeted Therapy จึงไม่ได้โจมตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่จะล็อกเป้าไปที่ "จุดอ่อน" ของวายร้ายเหล่านี้โดยเฉพาะครับ

🎯ปิดเส้นทางเติบโต: เซลล์มะเร็งต้องใช้สัญญาณบางอย่างเพื่อเติบโตและแบ่งตัว ยาแบบมุ่งเป้าจะทำหน้าที่เหมือน "สวิตช์ปิด" เส้นทางส่งสัญญาณเหล่านั้น ทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถเติบโตต่อไปได้

🎯 ตัดเสบียงกองทัพ: มะเร็งต้องการเลือดไปเลี้ยงเพื่อเติบโต ยาแบบมุ่งเป้าบางชนิดจะเข้าไปปิดกั้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ ทำให้เหมือนกับเป็นการ "ตัดขาดเสบียง" ของกองทัพวายร้าย ทำให้ก้อนมะเร็งไม่สามารถขยายขนาดได้
ใครที่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีนี้?
ตามแนวทางปฏิบัติของ BCLC (Barcelona Clinic Liver Cancer) การรักษาด้วยยาแบบมุ่งเป้าเป็นแนวทางหลักสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับใน ระยะลุกลาม (BCLC Stage C) ซึ่งเป็นระยะที่มะเร็งเริ่มลุกลามออกนอกตับแล้ว หรือไม่ตอบสนองต่อวิธีการรักษาอื่นๆ

📌การใช้ยาแบบมุ่งเป้าจึง "ไม่ใช่การรักษาที่ทำให้หายขาด" แต่มีเป้าหมายเพื่อ ควบคุมการเติบโตของมะเร็ง ช่วยยืดอายุของผู้ป่วย และ เพิ่มคุณภาพชีวิต ให้ดีขึ้น

ความแตกต่างจากยาเคมีบำบัด
ถ้ายาเคมีบำบัดเปรียบเหมือนการ "ทิ้งระเบิดทั่วพื้นที่" ที่ทำลายทั้งเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติ ยาแบบมุ่งเป้าก็คือการ "ยิงกระสุนแม่นยำ" ที่พุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนของเซลล์มะเร็งเท่านั้น ทำให้ผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติมีน้อยกว่ามาก

สามารถติดต่อขอคำแนะนำในการรักษา หรือนัดพบแพทย์ได้ที่
📌ตึก 72ปี ชั้น2 โรงพยาบาลศิริราช
📌โทร 02-419-8731
📌Line official:
📌TikTok:

#มะเร็งตับ #รักษามะเร็งตับ #ยาแบบมุ่งเป้า #ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช #รักษามะเร็งตับ #ยามุ่งเป้า #ตรวจคัดกรองมะเร็ง

Y90 TARE: ภารกิจ "จรวดนำวิถี" พิชิตมะเร็งตับ! 🚀เมื่อพูดถึงการรักษามะเร็งตับ มีหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ และล้ำสมัยคล้ายภารกิจท...
05/09/2025

Y90 TARE: ภารกิจ "จรวดนำวิถี" พิชิตมะเร็งตับ! 🚀
เมื่อพูดถึงการรักษามะเร็งตับ มีหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ และล้ำสมัยคล้ายภารกิจทางทหาร นั่นคือ Y90 TARE (Yttrium-90 Transarterial Radioembolization) ซึ่งเป็นการใช้ "กระสุนรังสีนำวิถี" เข้าโจมตีเซลล์มะเร็งโดยตรงจากภายใน
Y90 TARE ทำงานโดยมี ปฏิบัติการ 3 ขั้นตอน
ลองนึกภาพว่าเรากำลังวางแผนส่งกระสุนสายลับไปทำลายฐานทัพศัตรู คล้ายม้าเมิองไม้ทรอย โดย Y90 TARE ก็ทำงานคล้ายกันครับ:

💣"กระสุน" สุดพิเศษ: เม็ด Beads ขนาดเล็กจิ๋ว (microspheres) ที่มีสารกัมมันตรังสี Yttrium-90 (Y90) บรรจุอยู่ ซึ่งจะปล่อยสารกัมมันตรังสีจากในก้อนเนื้องอก

🗺️"เส้นทาง" สุดแม่นยำ: แพทย์จะใช้สายสวนหลอดเลือดขนาดเล็กเป็นเส้นทางนำส่งกระสุน โดยใส่เข้าไปตามหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งตับโดยตรง

🚀"การโจมตี" แบบเฉพาะเจาะจง: เมื่อเม็ดบีดถูกปล่อยออกมาจากสายสวน พวกมันจะเดินทางไปตามกระแสเลือดและติดค้างอยู่ตามหลอดเลือดฝอยในก้อนมะเร็ง จากนั้นจะปล่อยรังสีบีตาในปริมาณสูงออกมา เกิดการทำลายเซลล์มะเร็งอย่างแม่นยำ ตรงจุด ไม่มีที่ให้มะเร็งหนี
TARE vs. TACE: สองภารกิจที่ฟังดูคล้าย แต่แตกต่างกัน เหมือนมุนิน มุตา ที่แม้จะเป็นการรักษามะเร็งตับผ่านหลอดเลือดแดงเหมือนกัน แต่มีกลไกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ

💊TACE: เป็นการโจมตีด้วย เคมีบำบัด และ การอุดหลอดเลือด เพื่อให้ก้อนมะเร็งขาดอาหารและยาออกฤทธิ์ได้นานขึ้น

🚀Y90 TARE: เป็นการโจมตีด้วย กัมมันตรังสี โดยเฉพาะ ทำให้สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยรังสี โดยไม่จำเป็นต้องอุดหลอดเลือดทั้งหมด ซึ่งช่วยลดภาวะแทรกซ้อนได้
แล้ว...Y90 TARE เหมาะกับใคร?

Y90 TARE เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับที่ยังไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยเฉพาะในระยะกลาง และเป็นสะพานเชื่อมไปสู่การรักษาอื่นๆ เช่น การผ่าตัดปลูกถ่ายตับ การรักษาด้วยวิธีนี้ช่วยควบคุมโรค, ยืดอายุ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างดีเยี่ยม

#มะเร็งตับ #รักษามะเร็งตับ #รังสีร่วมรักษา #ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช #รังสีร่วมรักษาศิริราช

ที่อยู่

วังหลัง
Bangkok
10700

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 16:00
อังคาร 08:00 - 16:00
พุธ 08:00 - 16:00
พฤหัสบดี 08:00 - 16:00
ศุกร์ 08:00 - 16:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช - Siriraj Center of Interventional Radiologyผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช - Siriraj Center of Interventional Radiology:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram