อาศรมวิถีธรรม

อาศรมวิถีธรรม กรดไหลย้อน ระบบย่อยมีปัญหา ปรึกษาด่วน

เราจะเน้นการให้ข้อมูลด้านสุขถาพเพื่อการพึ่งตนเองและในพึ่งพากันได้ในครอบครัว เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ซึ่งปัญหาภายในคือปัญหาหลักที่เป็นต้นเหตุของโรคปวดและโรคเสื่อมสารพัด

 #ฉันเป็นคนแบบไหน? และเหมาะที่จะใช้ชีวิตอย่างไร หากรู้ตัวเองว่าเป็นคนแบบไหน ก็อยู่เป็นสุขได้ ไม่ต้องตามใครคนเราหลายคนทุก...
25/08/2025

#ฉันเป็นคนแบบไหน? และเหมาะที่จะใช้ชีวิตอย่างไร
หากรู้ตัวเองว่าเป็นคนแบบไหน ก็อยู่เป็นสุขได้ ไม่ต้องตามใคร

คนเราหลายคนทุกวันนี้ใช้ชีวิตแบบเหนื่อย ๆ งง ๆ เพราะไม่รู้จักตัวเองจริง ๆ มัวแต่ไปมองคนอื่นแล้วก็คิดว่า "ทำไมฉันไม่เหมือนเขา" "ทำไมฉันไม่เก่งอย่างนั้น" หรือ "ทำไมฉันไม่เข้าสังคมเก่งเหมือนเพื่อน" พอคิดแบบนี้นาน ๆ ก็เลยเกิดความสับสน เหมือนใช้ชีวิตแบบไม่เป็นตัวเอง

ความจริงแล้วมนุษย์เราไม่ได้ถูกสร้างมาให้เหมือนกันทุกคน บางคนเป็น อินโทรเวิร์ต (Introvert) บางคนเป็น เอ็กซ์โทรเวิร์ต (Extrovert) คนสองแบบนี้ต่างกันก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าแบบไหนดีกว่ากัน แค่ใช้ชีวิตคนละแนวทาง

อินโทรเวิร์ตคือคนที่ได้พลังจาก "ความสงบ" ชอบอยู่เงียบ ๆ อยู่กับตัวเอง หรือใช้เวลากับเพื่อนสนิทไม่กี่คนก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ใช่คนไม่เก่ง ไม่ใช่คนขี้อาย แต่เป็นคนที่พออยู่กับผู้คนมาก ๆ แล้วจะหมดแรง เพราะพลังของเขาถูกดึงไปกับการปรับตัวตลอดเวลา ถ้าได้อยู่ในที่สงบ ๆ กลับมีแรงคิด มีแรงสร้างสรรค์เต็มที่ หลายผลงานยิ่งใหญ่ในโลกเกิดจากคนแบบนี้ที่นั่งคิดทำงานเงียบ ๆ

ส่วนเอ็กซ์โทรเวิร์ตตรงข้าม เขาได้พลังจาก "ผู้คนรอบตัว" ยิ่งพูดคุย ยิ่งพบเจอ ยิ่งสดชื่น เขาเก่งในการสร้างเครือข่ายและรู้สึกมีชีวิตชีวาเวลาได้ออกไปเจอสังคม ถ้าให้อยู่คนเดียวเงียบ ๆ นาน ๆ กลับจะอึดอัด หดหู่ เหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำ

ปัญหามันอยู่ตรงที่ คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ เลยเอามาตรฐานเดียวกันไปตัดสินทุกคน บอกว่าคนที่เก่งต้องพูดเก่ง ต้องเข้าสังคมได้ หรือไม่ก็คิดว่าคนดีต้องเงียบ ๆ ขรึม ๆ ขยัน ไม่ออกหน้าออกตา ใครไม่ตรงกรอบก็โดนมองแปลก ๆ คนที่เป็นอินโทรเวิร์ตก็พยายามฝืนให้เข้าสังคมจนเหนื่อย คนที่เป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ตก็ฝืนเก็บตัวจนใจหดหู่ ที่จริงไม่ต้องฝืนเลย แค่รู้จักและยอมรับว่าเราเป็นแบบไหนก็พอ

คนเราก็เหมือนต้นไม้ บางต้นต้องแดดถึงจะงาม บางต้นต้องร่มเงาถึงจะเขียว ถ้าเอาต้นไม้ชอบร่มไปตากแดดจัดมันก็เฉา ถ้าเอาต้นไม้ชอบแดดไปขังไว้ในที่มืดมันก็ไม่โต ต้นไม้ไม่ได้ผิด แต่คนที่ไม่เข้าใจมันต่างหากที่เลี้ยงไม่ถูก คนเราก็แบบเดียวกัน ถ้าไม่รู้จักตัวเองก็จะเหนื่อยไปทั้งชีวิต

เพราะฉะนั้น ความสุขจริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่การพยายามเป็นเหมือนใคร แต่คือการรู้ว่า “ฉันเป็นคนแบบนี้” แล้วก็ใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติของเรา อินโทรเวิร์ตก็ให้เวลากับตัวเองมากหน่อย มีมุมสงบไว้พักใจบ้าง เอ็กซ์โทรเวิร์ตก็หาพื้นที่ที่ได้เจอคน ได้พูดคุย ได้แบ่งปันพลังบวกไปกับสังคม พอเราได้อยู่ในที่เหมาะกับตัวเอง ใจก็เบา ชีวิตก็มีความสุขแบบไม่ต้องฝืน

จำไว้ว่าการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นคือทางลัดสู่ความทุกข์ แต่การรู้จักตัวเองและยอมรับในแบบที่เราเป็นคือทางลัดสู่ความสุขแท้จริง ไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหน โลกนี้ก็ต้องการคุณในแบบนั้น ไม่มีใครด้อย ไม่มีใครเกิน มีแต่ "คนที่ไม่เข้าใจตัวเอง" เท่านั้นที่เหนื่อยโดยไม่จำเป็น

ดังนั้น ถ้าวันนี้คุณเริ่มหันกลับมาถามตัวเองว่า ฉันจริง ๆ เป็นคนแบบไหนนะ แล้วก็ยอมรับมัน คุณจะได้เจอคำตอบที่ทำให้ชีวิตเบาลงเยอะเลย

ด้วยรักจากอาจาน.

 #เสียสมดุลจากฐานรากถ้าไม่กลับมาแก้ที่พื้นฐานของร่างกาย ต่อให้รักษาไปทีละโรคก็ไม่จบ เพราะอาการที่เจอทั้งหมด แม้จะกระจัดก...
24/08/2025

#เสียสมดุลจากฐานราก
ถ้าไม่กลับมาแก้ที่พื้นฐานของร่างกาย ต่อให้รักษาไปทีละโรคก็ไม่จบ เพราะอาการที่เจอทั้งหมด แม้จะกระจัดกระจายหลายระบบ แต่จริง ๆ แล้วโยงใยอยู่ที่ ฐานรากสุขภาพเดียวกัน คือ การพักผ่อน การหมุนเวียนเลือดลม การเผาผลาญ และลำไส้

ลองมาดูเป็นภาพเดียวกันครับ

1. การนอนหลับไม่ดี ตะคริว และมึนศีรษะ

ตะคริวกลางคืนบ่งชี้ถึง สมดุลแร่ธาตุเสีย โดยเฉพาะแมกนีเซียม แคลเซียม และโพแทสเซียม

การนอนที่ขาดช่วงจากการลุกไปปัสสาวะ ทำให้สมองพักไม่เต็มที่ พอตื่นเช้าจะมึน ๆ สมองพร่องพลังงาน

บ้านหมุนที่เคยเป็น อาจเกี่ยวกับระบบน้ำในหูชั้นใน ซึ่งเชื่อมกับความสมดุลของเกลือแร่และการไหลเวียนเลือด

2. ไขมันสูง + ไขมันพอกตับ + นิ่วในถุงน้ำดี

LDL 197 และ Cholesterol 278 ถือว่าสูงจริง สะท้อนว่า การเผาผลาญไขมันผิดปกติ

ไขมันพอกตับเกิดจากการที่ตับเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ เพราะเผาผลาญไม่ทัน

นิ่วในถุงน้ำดีเชื่อมกับการไหลเวียนของน้ำดีไม่ดี เกิดการตกผลึก มักพบคู่กับคนที่ไขมันพอกตับ

การใช้ยาลดไขมัน (statin) ช่วยลดตัวเลข แต่ไม่แก้ที่ “ต้นเหตุ” ว่าทำไมตับถึงจัดการพลังงานไม่ไหว

3. ลำไส้แปรปรวน ถ่ายไม่ปกติ ผายลมเรอเยอะ

นี่คือ #รากสำคัญ เพราะลำไส้เสียสมดุล จะทำให้แก๊สมาก อาหารย่อยไม่หมด และกระทบทั้งตับ (รับของเสียเพิ่ม) และสมอง (ผ่านแกนสมอง - ลำไส้)

ส่องกล้องไม่เจอโรคใหญ่ก็จริง แต่ “การทำงาน” ของลำไส้ยังมีปัญหาอยู่

4. ปวดเมื่อยเนื้อตัว

มักสัมพันธ์กับ การอักเสบเรื้อรังระดับต่ำ

พบได้ในคนที่มีไขมันพอกตับ ไขมันสูง และใช้ statin คือ ยิ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า

5. คันหู เจ็บร้าวในหู

อาจเกี่ยวกับ การอักเสบในระบบทางเดินหายใจส่วนต้น และ ลำไส้ เพราะเส้นประสาทเชื่อมโยงกัน (แกนลำไส้ - หู - สมอง)

ถ้าลำไส้อักเสบหรือมีแก๊สกดท้องมาก บางครั้งจะสะท้อนเป็นอาการหูร้าวแปลบ ๆ ได้

หากมองเป็น “ร่างกายเดียว”
จะเห็นว่าทุกอาการ ไม่ว่าจะเป็นการนอน การย่อย การเผาผลาญไขมัน ตะคริว กล้ามเนื้ออ่อนล้า ล้วนเชื่อมกันที่ 3 จุดใหญ่ ๆ คือ

1. ลำไส้ - การย่อย - การดูดซึม
ถ้าพื้นฐานไม่ดี จะขาดสารอาหารเรื้อรังทั้ง ๆ ที่กินดี กินเยอะ

2. ตับ - การเผาผลาญไขมันและพลังงาน
ถ้าตับอ่อนล้า จะเกิดทั้งไขมันพอกตับ ไขมันในเลือดสูง นิ่วในถุงน้ำดี

3. ระบบประสาทอัตโนมัติ - การพักผ่อน
ถ้าพักไม่เต็มที่ ร่างกายไม่ซ่อมแซม ความดันพลังงานตก สมดุลเกลือแร่เสีย

แนวทางฟื้นฟูพื้นฐาน คือ

ปรับอาหาร ลดน้ำตาล แป้งขัดสี ของทอดมันจัด เลี่ยงเครื่องดื่มเย็น หันมาเน้นผักต้ม - นึ่ง และโปรตีนที่ย่อยง่าย (ปลา ไข่ ถั่วไม่มันมาก)

ดูแลลำไส้ ด้วยการเคี้ยวอาหารให้ละเอียด กินทีละน้อยแต่บ่อย เพื่อไม่ให้ลำไส้ถูกกดดันจนเกิดแก๊ส

ดื่มน้ำอุ่นเป็นระยะ เพื่อช่วยให้การไหลเวียนและการขับถ่ายเป็นปกติ

เดินช้า ๆ หลังอาหาร เพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้และถุงน้ำดี

พักผ่อนให้ลึกขึ้น โดยให้ลดคาเฟอีน งดดื่มน้ำมากก่อนนอน และหัดผ่อนคลายหายใจยาว ๆ ก่อนนอน

ตรวจเลือดเป็นระยะ โดยเฉพาะค่าเอนไซม์ตับ น้ำตาล ไขมัน และไต เพื่อประเมินว่าร่างกายตอบสนองต่อการปรับหรือไม่

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำคือ #ชุดงามตับ

ครับ...ปัญหาที่ดูเหมือนหลายโรคนี้ แท้จริงคือการที่ร่างกาย “เสียสมดุลจากฐานราก” ถ้าไม่กลับมาเริ่มที่ การฟื้นลำไส้ - ปรับอาหาร - ลดภาระตับ - พักผ่อนเต็มที่ ก็จะวนอยู่ในวงจรของยาลดไขมัน ยาคลายกล้ามเนื้อ ยานอนหลับ แต่ไม่หายขาด

ด้วยรักจากอาจาน.

 #กล้วยน้ำว้าดิบ อย่าใช้แก้กรดไหลย้อนเวลาพูดถึงสมุนไพรหรืออาหารที่ช่วยเรื่องกระเพาะและกรดไหลย้อน ชื่อที่มักถูกเอ่ยถึงบ่อ...
24/08/2025

#กล้วยน้ำว้าดิบ อย่าใช้แก้กรดไหลย้อน

เวลาพูดถึงสมุนไพรหรืออาหารที่ช่วยเรื่องกระเพาะและกรดไหลย้อน ชื่อที่มักถูกเอ่ยถึงบ่อย ๆ ก็คือ “กล้วยน้ำว้าดิบ” เพราะมีคนเล่าต่อ ๆ กันมาว่า กินแล้วช่วยเคลือบกระเพาะ ลดกรด แก้แสบกลางอกได้ หลายคนเลยลองทำตาม แต่ความจริงที่ต้องบอกไว้ชัด ๆ คือ กล้วยน้ำว้าดิบไม่ใช่คำตอบที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน และในหลายกรณีอาจยิ่งซ้ำเติมปัญหากรดไหลย้อนให้หนักขึ้นกว่าเดิม

กล้วยน้ำว้าดิบมีสารแทนนินและแป้งดิบสูง สารแทนนินมีฤทธิ์ฝาด ช่วยสมานแผลในทางเดินอาหารจริง แต่ฤทธิ์ฝาดนี้เองที่ทำให้ระบบย่อยทำงานช้าลง เคลื่อนไหวช้าลง ส่งผลให้เกิด ท้องอืด ท้องผูก ตามมาได้ โดยเฉพาะคนที่ลำไส้ทำงานไม่ดีอยู่แล้ว หรือมีปัญหาก๊าซสะสมในท้อง เมื่อกินกล้วยน้ำว้าดิบเข้าไป ลมที่มีอยู่ก็ไม่ถูกระบายออก แต่กลับอัดแน่นอยู่ในท้อง ทำให้แน่น อืด และดันกรดให้ไหลย้อนขึ้นมาแรงกว่าเดิม

นอกจากนี้แป้งดิบที่อยู่ในกล้วยน้ำว้าดิบ ร่างกายย่อยยาก ต้องใช้จุลินทรีย์ในลำไส้ช่วยย่อย หมายความว่าคนที่มีจุลินทรีย์ไม่สมดุล หรือระบบย่อยอ่อนแอ จะยิ่งเกิดการหมักบูด เกิดแก๊สมากขึ้น และกลายเป็นภาระหนักต่อกระเพาะและลำไส้โดยไม่รู้ตัว

ตรงนี้เองที่เป็นจุดอันตราย คนจำนวนมากเข้าใจว่ากำลัง “รักษา” แต่แท้จริงคือกำลัง “กด” อาการให้สงบแค่ชั่วคราว ขณะที่ข้างในกลับทำงานหนักขึ้น กรดไหลย้อนจึงไม่หายจริง และบางครั้งกลายเป็นเรื้อรังมากขึ้น

การแก้กรดไหลย้อนให้ถูกทาง จึงไม่ใช่การหาวัตถุดิบอะไรมากดกรด แต่คือการ ปรับสมดุลระบบย่อยและลำไส้ ให้ทำงานอย่างเป็นธรรมชาติ

เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ช่วยลดภาระกระเพาะ

กินมื้อเล็ก แต่บ่อย แทนการกินมื้อใหญ่ ๆ

เลี่ยงอาหารมันจัด เผ็ดจัด หวานจัด และกาแฟ

ดื่มน้ำอุ่นเป็นระยะ ๆ แทนน้ำเย็นหรือน้ำอัดลม

ขยับร่างกายหลังมื้ออาหารเบา ๆ ไม่เอนนอนทันที

รวมถึงการนวดกดสันหลังเพื่อกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติซึ่งมักเป็นปัญหาหลักในการเกิดกรดไหลย้อนของคนยุคปัจจุบัน

เมื่อระบบย่อยกลับมาทำงานราบรื่น กรดที่เคยไหลย้อนก็จะลดลงโดยไม่ต้องพึ่งกล้วยดิบหรือสมุนไพรที่มีฤทธิ์ฝาดจนกดระบบย่อยให้ทำงานผิดธรรมชาติ

ดังนั้น อย่าใช้กล้วยน้ำว้าดิบแก้กรดไหลย้อน เพราะมันไม่ใช่คำตอบระยะยาว และในหลายกรณีกลายเป็นการซ้ำเติมให้ท้องอืด ก๊าซมาก และกรดไหลย้อนหนักกว่าเดิม สิ่งที่ควรทำจริง ๆ คือการเข้าใจว่าอาการเหล่านี้เป็นเสียงเตือนของร่างกาย และการฟื้นฟูที่แท้จริงต้องทำให้ระบบย่อยกลับมาสมดุลด้วยการกินอยู่และใช้ชีวิตที่เหมาะสม เมื่อเราดูแลถูกจุด อาการก็จะค่อย ๆ คลายลง

ส่วน ยาลดกรด ก็อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ “กล้วยน้ำว้าดิบ” คือทำให้เรา รู้สึกดีขึ้นชั่วคราว แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นการซ่อนปัญหาไว้ข้างใน และถ้าใช้ต่อเนื่องนาน ๆ ก็ยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอลง

เวลามีกรดไหลย้อน แพทย์ก็มักให้ยาลดกรดหรือยาลดการหลั่งกรด ซึ่งแน่นอนว่าอาการแสบอก เรอเปรี้ยว หรือแน่นท้องจะบรรเทาได้เร็ว แต่ต้องเข้าใจว่ากรดในกระเพาะไม่ใช่ “ศัตรู” ที่ต้องทำลายหมดสิ้น กรดมีหน้าที่สำคัญคือช่วยย่อยอาหาร ฆ่าเชื้อโรค และเปิดทางให้การดูดซึมแร่ธาตุอย่างแคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก วิตามินบี12 เกิดขึ้นได้

เมื่อเรากินยาลดกรดติดต่อกันนาน ๆ จะเกิดผลเสียตามมา เช่น

อาหารย่อยช้าลง และค้างในกระเพาะนาน ยิ่งทำให้แน่นและเกิดแก๊สมากขึ้น

ดูดซึมสารอาหารไม่ดี และเสี่ยงโลหิตจาง ขาดแคลเซียม กระดูกพรุน เหนื่อยง่าย

จุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล เพราะกรดที่เคยฆ่าเชื้อไม่ทำงานเต็มที่ จึงเปิดโอกาสให้เชื้อราหรือเชื้อก่อโรคเจริญ

ต้องพึ่งพายาเรื่อยไป เพราะหยุดกินเมื่อไรอาการมักกลับมาแรงกว่าเดิม

นี่แหละครับที่ทำให้อาจานเตือนบ่อย ๆ ว่า อย่าพึ่งยาลดกรดเป็นคำตอบระยะยาว

สรุปง่าย ๆ ก็คือ ทั้งกล้วยน้ำว้าดิบและยาลดกรด ต่างก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนดีขึ้น แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง และยังมีโทษซ่อนอยู่ หากใครอยากหายจากกรดไหลย้อน ต้องเลิกฝากชีวิตไว้กับ “การกดอาการ” แต่หันมาฟื้นระบบย่อยและลำไส้ให้กลับมาแข็งแรงต่างหาก

ก่อนจบบทความ ขอขยายความเรื่องกล้วยน้ำว้าดิบอีกสักนิด...

คือ กล้วยน้ำว้าดิบมีฤทธิ์ฝาด จาก แทนนิน จึงช่วย สมานแผล ได้จริงในบางกรณี แต่ต้องแยกให้ออกระหว่าง “แผลในกระเพาะ” กับ “กรดไหลย้อน” เพราะถึงแม้ทั้งสองภาวะจะเกิดในระบบทางเดินอาหารเหมือนกัน แต่กลไกต่างกัน และการใช้กล้วยดิบก็เหมาะสมไม่เหมือนกัน

กรณีแผลในกระเพาะอาหาร เช่น

แผลเกิดจากเยื่อบุกระเพาะถูกกรดกัดกร่อน ทำให้มีแผลถลอกหรืออักเสบ

กล้วยน้ำว้าดิบสามารถใช้ช่วยสมานแผลในระยะ เริ่มต้น ได้ เพราะแทนนินจะไปเคลือบและหดรัดเยื่อบุ ทำให้เลือดหยุดซึมและช่วยให้เนื้อเยื่อซ่อมแซมเร็วขึ้น

แต่การใช้ต้องพอเหมาะ และใช้ควบคู่กับการปรับพฤติกรรม เช่น งดอาหารรสจัด งดแอลกอฮอล์ งดบุหรี่

แต่ไม่แนะนำให้ใช้กล้วยน้ำว้าดิบ ในแผลระยะเรื้อรัง
เพราะแผลที่เป็นมานานมักมีภาวะ เยื่อบุกระเพาะบางลง และการซ่อมแซมช้าลง

ถ้าใช้กล้วยน้ำว้าดิบต่อเนื่องในระยะนี้ แทนนินอาจทำให้ระบบย่อยทำงานช้าลง ท้องอืด และเกิดแก๊สสะสม สุดท้ายจะซ้ำเติมให้การหายของแผลช้าลง

อีกทั้งแผลเรื้อรังส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดแค่จากกรด แต่เกี่ยวกับ เชื้อ H. pylori, ยาแก้ปวด, ความเครียดเรื้อรัง ซึ่งกล้วยดิบไม่สามารถแก้ได้

และกรณีกรดไหลย้อน
ไม่ควรใช้กล้วยน้ำว้าดิบเลย เพราะอาการหลักไม่ได้เกิดจากแผลในกระเพาะ แต่จากความดันลมและการทำงานผิดปกติของหูรูดกระเพาะ เมื่อกินกล้วยดิบจะยิ่งทำให้ท้องอืดและดันกรดขึ้นมามากขึ้น

ย้ำชัดๆกันอีกสักรอบ

1.กล้วยน้ำว้าดิบ ใช้ได้ในกรณีมีแผลกระเพาะระยะเริ่มต้น และต้องไม่มีกรดไหลย้อนร่วมด้วย

2.ไม่ควรใช้ในแผลเรื้อรัง เพราะอาจทำให้ระบบย่อยช้าลงและเกิดภาระเพิ่ม

3.ไม่ควรใช้ในกรดไหลย้อน เพราะจะซ้ำเติมอาการ

ดังนั้น ใครที่คิดจะใช้กล้วยดิบ ต้องเข้าใจโรคของตัวเองให้ชัดก่อน ไม่ใช่ได้ยินว่า “ดีต่อกระเพาะ” แล้วหยิบมาใช้กับทุกกรณี เพราะสุดท้ายอาจได้โทษมากกว่าประโยชน์

ด้วยรักจากอาจาน.

23/08/2025

เครียดง่าย หงุดหงิดไว วิตกกังวลโดยไม่มีเหตุผล สมาธิสั้น คิดไม่ออก นอนไม่หลับ หลับไม่ลึก บางครั้งมีอาการซึมเศร้าแฝง ๆ อาจเพราะร่างกายขาด “สารตั้งต้น” ที่ใช้สร้างฮอร์โมนและสารสื่อประสาทแห่งความสุข 👇👇👇

 #ปวดหัวหลังมีประจำเดือนฟังดูอาจเหมือนเรื่องเล็ก ๆ ที่ใครหลายคนมองข้าม หรือคิดว่าเป็นแค่ “ฮอร์โมนแปรปรวน” หรือ “พักผ่อนไ...
23/08/2025

#ปวดหัวหลังมีประจำเดือน
ฟังดูอาจเหมือนเรื่องเล็ก ๆ ที่ใครหลายคนมองข้าม หรือคิดว่าเป็นแค่ “ฮอร์โมนแปรปรวน” หรือ “พักผ่อนไม่พอ” แต่จริง ๆ แล้วอาการแบบนี้เป็นหนึ่งในสัญญาณที่ร่างกายพยายามจะบอกอะไรบางอย่างกับเรา

ประจำเดือนคือการขับของเสียรูปแบบหนึ่ง โดยเฉพาะของเสียที่เกี่ยวกับเลือด ฮอร์โมน และพลังงานคั่งค้างในร่างกาย ช่วงที่ประจำเดือนออกคือช่วงที่ร่างกายเปิดทางระบายสิ่งที่ไม่ต้องการออกไป และถ้าในช่วงนั้นเราดูแลตัวเองดี พักผ่อนดี กินง่าย ๆ ย่อยง่าย ขับถ่ายดี ทุกอย่างก็จะโล่งเบา และผ่านไปได้แบบไม่มีปัญหาอะไร

แต่ถ้าในช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน ร่างกายไม่ได้รับการพักอย่างเพียงพอ กินอาหารหนักเกินไป ดื่มน้ำน้อย เครียด นอนดึก ขับถ่ายไม่คล่อง หรือสะสมสารพิษไว้มากเกิน ประจำเดือนก็จะกลายเป็นแค่ “การระบายไม่หมด” ของเสียยังค้างอยู่ในระบบ และพอประจำเดือนหยุด ร่างกายจึงต้องหาทางเอาของเสียส่วนที่เหลือออกในรูปแบบอื่น เช่น ปวดหัว มึนหัว ตึงต้นคอ เวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย หรือแม้แต่สิวขึ้น อารมณ์เหวี่ยง และง่วงไม่หาย

อีกเหตุผลหนึ่งที่พบบ่อยมาก คือ “เลือดไม่พอ” หรือคุณภาพเลือดไม่ดีพอ โดยเฉพาะในคนที่กินอาหารไม่หลากหลาย ขาดผักสด ขาดไขมันดี หรือดูดซึมไม่ดีเพราะลำไส้อ่อนแอ พอประจำเดือนหมด ร่างกายสูญเสียเลือดไปชุดหนึ่ง และเมื่อร่างกายยังไม่สามารถสร้างเลือดใหม่ได้เพียงพอ สมองจึงขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้เกิดอาการปวดหัว หน้ามืด หรือรู้สึกโหลงเหลงในหัวคล้ายคนจะเป็นลม

อาการเหล่านี้ไม่ใช่โรค แต่เป็นสัญญาณเตือนของร่างกายว่า “ยังฟื้นไม่พอ” หรือ “ดูแลตัวเองน้อยไป” และสิ่งที่ควรทำไม่ใช่แค่กินยาแก้ปวดแล้วผ่านไปเดือนต่อเดือน แต่ควรมองย้อนกลับว่า ช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเดือน เราได้ดูแลตัวเองดีพอหรือยัง เราได้นอนพักอย่างมีคุณภาพหรือยัง กินอาหารที่ดูดซึมง่ายหรือเปล่า หรือปล่อยให้ลำไส้ต้องรับของหนักจนดูดซึมไม่ทัน

เพราะเลือดไม่ได้สร้างจากยาบำรุงเลือดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีรากฐานมาจาก “การย่อยดี ดูดซึมดี ขับถ่ายดี และนอนหลับลึก” ถ้าระบบเหล่านี้สะดุด การสร้างเลือดก็จะสะดุดไปด้วย แม้กินบำรุงแค่ไหนก็ไม่เห็นผล เพราะร่างกายเอาไปใช้ไม่ได้

แนวทางดูแล คือให้ความสำคัญกับการพักผ่อนก่อนและระหว่างมีประจำเดือน ลดของมัน ของหวาน ของเย็น ของหมักดองหนัก ๆ ดื่มน้ำอุ่นระหว่างวัน กินผักต้ม ผักลวก น้ำซุปใส ย่อยง่าย ขับถ่ายให้คล่อง

#ส่วนเรื่องของน้ำผักเข้มข้นที่ทานแล้วมีผลดีต่ออาการ ขออธิบายคร่าวๆดังนี้

ซีโรโทนิน เป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่เกี่ยวกับความสงบ อารมณ์ที่มั่นคง และการนอนหลับที่ดี ในร่างกายเราต้องอาศัย กรดอะมิโนทริปโตเฟน เป็นวัตถุดิบตั้งต้น เมื่อมีทริปโตเฟนพอ ร่างกายจะนำไปสร้างซีโรโทนินได้อย่างต่อเนื่อง อารมณ์ก็จะผ่อนคลายขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง ระบบไหลเวียนเลือด เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงทุกเซลล์ของร่างกาย รวมถึงสมองด้วย หากเลือดอ่อนแรง ขาดธาตุเหล็กหรือสารอาหารที่ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง สมองก็จะพร่องพลังงาน ทำให้เกิดอาการเวียนหัว ปวดศีรษะ หรืออ่อนเพลีย

เพราะฉะนั้น เมื่อเราได้ดื่ม น้ำผักเข้มข้น ที่อุดมด้วยกรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญ มันจึงทำงานสองทางพร้อมกัน

ทางหนึ่งช่วยให้ร่างกายมี “สารตั้งต้น” เพียงพอสำหรับการสร้างซีโรโทนิน ทำให้ ใจสงบ คลายเครียด ลดความวิตกกังวล และนอนหลับได้ดีขึ้น

อีกทางหนึ่งช่วย บำรุงเลือด ด้วยธาตุเหล็ก โฟเลต และคลอโรฟิลล์ ทำให้เลือดมีคุณภาพดีขึ้น หมุนเวียนไปเลี้ยงสมองและอวัยวะต่าง ๆ ได้มากขึ้น อาการปวดหัวหลังประจำเดือนหรือช่วงที่ร่างกายอ่อนแรงจึงบรรเทาลง

นี่เองที่อธิบายได้ว่า ทำไมการดื่มน้ำผักเข้มข้นเพียงอย่างเดียว ก็สามารถทำให้อาการปวดหัว เวียนศีรษะ หรืออารมณ์แปรปรวนหลังประจำเดือน “ดีขึ้น” ได้อย่างเห็นผล เพราะแท้จริงแล้วเราไม่ได้เพียงแต่ดื่มน้ำผัก แต่กำลังเติม “วัตถุดิบของความสุข” และ “พลังชีวิตของเลือด” กลับคืนให้ร่างกาย

ด้วยรักจากอาจาน.

https://www.facebook.com/share/p/19RrN7HUQP/

พูดให้ง่ายคือ ลำไส้กับหูเชื่อมกันทางเส้นประสาทและแรงดัน เวลาลำไส้ไม่โล่ง เลือดลมไม่เดิน หูก็พลอยแย่ลงด้วย #หูอื้อ  #ประส...
23/08/2025

พูดให้ง่ายคือ ลำไส้กับหูเชื่อมกันทางเส้นประสาทและแรงดัน เวลาลำไส้ไม่โล่ง เลือดลมไม่เดิน หูก็พลอยแย่ลงด้วย

#หูอื้อ #ประสาทหูเสื่อม ถ้าในทางการแพทย์ถือว่าฟื้นยาก แต่ในแนวธรรมชาติ เราแก้ทางอ้อมได้ โดยเริ่มจาก ฟื้นลำไส้ ลดแก๊ส คลายเส้นประสาท และทำให้เลือดลมเดินสะดวก
เมื่อความกดดันในร่างกายลดลง อาการหูอื้อและได้ยินไม่ชัดจะค่อย ๆ เบาลง

https://www.facebook.com/share/1Ymtup62mJ/

โน้น...ไข่เจียวปู ของเจ๊ไฝ นี่ไข่เจียวกะปู๋ ของเจ๊ฝี
22/08/2025

โน้น...ไข่เจียวปู ของเจ๊ไฝ
นี่ไข่เจียวกะปู๋ ของเจ๊ฝี

สิ่งที่เห็นจากหลาย ๆ คนที่เปลี่ยนพฤติกรรม คือพอเขาเริ่มกลับไปสู่ความเรียบง่าย กินอาหารที่อ่อนโยนต่อระบบย่อย เคี้ยวให้ละเ...
22/08/2025

สิ่งที่เห็นจากหลาย ๆ คนที่เปลี่ยนพฤติกรรม คือพอเขาเริ่มกลับไปสู่ความเรียบง่าย กินอาหารที่อ่อนโยนต่อระบบย่อย เคี้ยวให้ละเอียด ดื่มน้ำอุ่น นอนให้พอ และหัดปล่อยวางความเครียด ร่างกายก็ตอบสนองอย่างน่าอัศจรรย์ อาการที่เคยเรื้อรังก็ค่อย ๆ คลายลง เพราะเรายอมเปิดทางให้ร่างกายทำงานตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น

สุขภาพดีจึงไม่ใช่ของไกลตัว ไม่ใช่สิ่งที่ต้องซื้อหาด้วยเงินจำนวนมาก แต่เป็นผลของการเข้าใจกลไกธรรมชาติ และใส่ใจลงมือทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อใครก็ตามเดินตามแนวทางนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงคือร่างกายที่แข็งแรงขึ้น แต่ยังเป็นใจที่สงบและมั่นคงมากขึ้นด้วย

ช็อปสะดวก ไม่สะดุดกับ Shopee! 🛒ใส่โค้ด ใช้ Coin 🪙 จ่ายผ่านบัตร คุ้มสุดๆ"ต้มยำไซเดอร์" เปิดร้านทาง Shopee แล้วนะ 🍋🔥สุขภาพ...
22/08/2025

ช็อปสะดวก ไม่สะดุดกับ Shopee! 🛒
ใส่โค้ด ใช้ Coin 🪙 จ่ายผ่านบัตร คุ้มสุดๆ

"ต้มยำไซเดอร์" เปิดร้านทาง Shopee แล้วนะ 🍋🔥

สุขภาพดีง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว
เลือกซื้อได้เลยที่นี่ 👉 https://th.shp.ee/tpcW1Vk

🧡 ได้ทั้งโปร ได้ทั้งของดี
🛍️ ช็อปสะดวก ส่งถึงบ้าน
🛡️ มั่นใจของแท้จากร้านโดยตรง
🚚 ติดตามสถานะการจัดส่งง่าย สะดวก

ช้อป ต้มยำไซเดอร์ Tomyum Official กับ Shopee ออนไลน์ช้อปปิ้ง ยอดนิยมในไทย การันตีช้อปอย่างปลอดภัย รับเงินคืนถ้าไม่ได้ขอ....

ทาน  #ชุดงามไส้ มา 3 วัน แล้วจากที่เมื่อก่อน 2-3 วันถ่ายครั้ง ตอนนี้ตื่นเช้ามา ถ่ายทุกวัน แต่ลักษณะอุจจาระเป็นน้ำไม่เป็น...
22/08/2025

ทาน #ชุดงามไส้ มา 3 วัน แล้วจากที่เมื่อก่อน 2-3 วันถ่ายครั้ง ตอนนี้ตื่นเช้ามา ถ่ายทุกวัน แต่ลักษณะอุจจาระเป็นน้ำไม่เป็นก้อน ตรงนี้ถือว่าเป็น ช่วงการปรับตัว ของลำไส้ครับ

ทำไมถึงถ่ายเหลว?

1. ลำไส้เริ่มขับของเสียที่ค้างออกมา

เมื่อก่อนถ่ายช้า ของเสียตกค้าง พอสารอาหารไปกระตุ้นการบีบตัว ลำไส้จะเร่งระบายของที่สะสม ทำให้อุจจาระออกมาเหลวหรือน้ำได้ในช่วงแรก

2. จุลินทรีย์ลำไส้กำลังเปลี่ยนสมดุล

ช่วงที่เปลี่ยนอาหารหรือได้รับชุดงามไส้ ระบบย่อย - จุลินทรีย์ดีจะเริ่มปรับใหม่ ระหว่างนี้อาจเกิดถ่ายเหลวบ้าง(เฉพาะบางคน)

3. น้ำในร่างกายถูกดึงมาใช้ในการระบาย

ทำให้อุจจาระไม่จับตัวเป็นก้อน แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อสมดุลลำไส้เข้าที่

ปกติหรือไม่?

ถ่ายทุกวัน ถือว่าดี เพราะช่วยไม่ให้ของเสียตกค้างเหมือนแต่ก่อน

ถ่ายเหลวในช่วงแรก ถือว่าพบได้ และมักจะค่อย ๆ ปรับเป็นกึ่งเหลวกึ่งนิ่ม แล้วกลายเป็นก้อนปกติเมื่อร่างกายเข้าที่ (อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นกับแต่ละคน)

สรุปคือ อาการที่เจอ เป็นปกติในช่วงการเริ่มต้นฟื้นลำไส้ ครับ ให้สังเกตต่ออีกสัก 1-2 สัปดาห์ ร่างกายจะค่อย ๆ ปรับ และการขับถ่ายจะนิ่มเป็นก้อนมากขึ้นเอง

https://www.facebook.com/share/p/19fWfhBkwt/

 #ไตเสื่อม และ  #ความจำเป็นของกรดอะมิโนในการซ่อมสร้างโรคไตเสื่อมถือเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่...
22/08/2025

#ไตเสื่อม และ #ความจำเป็นของกรดอะมิโนในการซ่อมสร้าง

โรคไตเสื่อมถือเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ หลายคนไม่รู้ตัวจนกว่าจะมีอาการบวม อ่อนเพลีย หรือค่าการทำงานของไตผิดปกติในการตรวจเลือดแล้ว แต่แท้จริงแล้วไตเสื่อมไม่ได้เกิดขึ้นทันทีในวันเดียว หากแต่เป็นผลจากการสะสมความเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อเนื้อเยื่อไตมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะจากความดันโลหิตสูง เบาหวาน การกินอาหารเค็มจัด หวานจัด หรือแม้แต่การใช้ยาบางชนิดติดต่อกัน เมื่อเซลล์และเนื้อเยื่อของไตถูกทำลาย ความสามารถในการกรองของเสียก็ลดลงทีละน้อย

สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามในการดูแลผู้ป่วยไตเสื่อมคือ บทบาทของกรดอะมิโน ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของโปรตีน ร่างกายของเราต้องอาศัยกรดอะมิโนเหล่านี้ในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ รวมถึงสร้างเอนไซม์ ฮอร์โมน และสารสื่อประสาทต่าง ๆ โดยเฉพาะในผู้ที่ไตเสื่อม การฟื้นฟูจำเป็นต้องอาศัยกรดอะมิโนมากกว่าปกติ เพราะเซลล์ไตกำลังเสียหายและต้องการ “วัตถุดิบ” เพื่อซ่อมสร้าง

แม้โปรตีนจำเป็นต่อการซ่อมสร้าง แต่ผู้ป่วยไตเสื่อมจำนวนมากกลับถูกจำกัดการกินโปรตีน เพราะไตทำงานลดลง หากได้รับโปรตีนมากเกินไป ไตก็ต้องกรองของเสียมากขึ้น จนอาจทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น นี่จึงเป็นความท้าทายในการรักษา จึงต้องให้ร่างกายได้รับกรดอะมิโนเพียงพอเพื่อซ่อมสร้าง แต่ไม่มากเกินจนกลายเป็นภาระของไต

ไตเสื่อมคือโรคที่ค่อย ๆ ริดรอนคุณภาพชีวิตไปทีละน้อย แต่การเข้าใจ “ปฐมเหตุของการซ่อมสร้าง” จะช่วยให้เราเห็นหนทางฟื้นตัวได้ กรดอะมิโนไม่ใช่เพียงสารอาหารเล็ก ๆ แต่คือกุญแจสำคัญในการสร้างเซลล์ใหม่และซ่อมแซมความเสียหายของไต หากผู้ป่วยได้รับอย่างถูกต้องในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่กับการควบคุมอาหารและการดูแลตนเองในทุกด้าน ร่างกายก็ยังมีโอกาสฟื้นตัว และชะลอความเสื่อมลงได้อย่างมีความหมาย

เพราะฉะนั้น การดูแลผู้ป่วยไตไม่ใช่เพียงการจำกัดอาหาร แต่คือการมองหาสมดุล ระหว่างการลดภาระไต กับการให้วัตถุดิบที่เพียงพอในการซ่อมสร้าง และกรดอะมิโนก็คือหัวใจสำคัญของสมดุลนี้

แนวทางฟื้นไต
https://www.facebook.com/share/1CsacFM2tq/

ที่อยู่

Bangkok
10230

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อาศรมวิถีธรรมผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram