ยาจิตเวช ง่ายง่าย by เภสัช

ยาจิตเวช ง่ายง่าย by เภสัช เปลี่ยนเรื่องยาจิตเวช ให้เป็นเรื่องง่ายๆ เพื่อใช้ได้จริง

รายชื่อโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์ในประเทศไทย
14/07/2025

รายชื่อโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์ในประเทศไทย

#พบจิตแพทย์ได้ที่ไหนบ้าง

••:::••:::••::••:::••:::••::: ••:::••:::••::: ••:::••

รวมรายชื่อ โรงพยาบาล และ คลินิกที่มีจิตแพทย์ทั่วประเทศ

* จิตแพทย์ทั่วไป ตรวจรักษาผู้ที่มีอายุตั้งแต่18ปี

* ปริมณฑล หมายถึง นครปฐม , นนทบุรี , ปทุมธานี , สมุทรปราการ และ สมุทรสาคร

* ค่าใช้จ่าย : ในเวลาราชการ จะไม่มีค่าตรวจของแพทย์ ไม่ว่าสิทธิ์การรักษาใด แต่จะมีค่าบริการประมาณ 50-100บาท , คลินิกนอกเวลา มีค่าตรวจเหมือนโรงพยาบาลเอกชน

ในส่วนของยา ถ้าสิทธิ์ไม่ครอบคลุม ผู้ป่วยจะต้องจ่ายเอง

ทั้งนี้ทั้งนั้น สิทธิ์การรักษามีหลายอย่าง และรายละเอียดการให้บริการของแต่ละโรงพยาบาลมีความแตกต่างกัน

🔰 #ขอแนะนำให้โทรถามเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่จะไป จะดีที่สุดค่ะ

* ควรโทรติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า เกี่ยวกับตารางการออกตรวจของจิตแพทย์ และ ทำเรื่องนัดหมาย/คิวตรวจ ( วิธีการ ใน รายละเอียด แต่ละโรงพยาบาล ไม่เหมือนกัน )

* ควรเลือกโรงพยาบาลที่คุณจะสามารถไปพบแพทย์ได้สะดวก เพราะกระบวนการรักษาต้องอาศัยความต่อเนื่องค่ะ

1️⃣ รายชื่อโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์ทั่วไปในกรุงเทพและปริมณฑล

1.1 โรงพยาบาลรัฐบาล
https://web.facebook.com/ThaiPsychiatricAssociation/photos/a.499791366791551/3279337925503534/

1.2 โรงพยาบาลเอกชน
https://web.facebook.com/ThaiPsychiatricAssociation/photos/a.499791366791551/3279329002171093

2️⃣ รายชื่อโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์ทั่วไปในต่างจังหวัด (ทั้งรัฐบาลและเอกชน)
https://web.facebook.com/ThaiPsychiatricAssociation/photos/a.499791366791551/3279344245502902

3️⃣ รายชื่อ "คลินิกจิตเวช" ในส่วนของ "กรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล"
https://web.facebook.com/photo/?fbid=726687606167994&set=a.455542326615858

4️⃣ รายชื่อ “คลินิกจิตเวช” ในส่วนของ “ต่างจังหวัด”
https://web.facebook.com/ThaiPsychiatricAssociation/photos/a.499791366791551/3279377692166224

••:::••:::••::••:::••:::••::: ••:::••:::••::: ••:::••

รวบรวม โดย สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
Update จนถึงปัจจุบัน

เครดิตภาพ : https://images.app.goo.gl/QFzsPu3RJahCVstZA

ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของยา alprazolam
11/06/2025

ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของยา alprazolam

🧠🩺 การใช้ยาจิตเวชในโรคทางกายที่สำคัญ : โรคทางเดินอาหาร Considering Psychotropics in the Context of Specific Disease: Gas...
28/05/2025

🧠🩺 การใช้ยาจิตเวชในโรคทางกายที่สำคัญ : โรคทางเดินอาหาร
Considering Psychotropics in the Context of Specific Disease: Gastrointestinal disorders 💊

โรคระบบทางเดินอาหารส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กับความเครียดและ psychopathology นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีโรคทางอายุรกรรมเฉพาะระบบ เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร (GI disorders) จำเป็นต้องมีการพิจารณาเป็นพิเศษเมื่อต้องใช้ยาจิตเวชเนื่องจากอาจมีผลต่อการดูดซึม การกระจาย และการเผาผลาญของยา
🍽️ ประเด็นการดูดซึมยาที่เปลี่ยนแปลง
🔹 ผู้ป่วยที่ได้รับ gastric bypass, มี short-gut syndrome หรือ celiac disease อาจมีการดูดซึมยาลดลง
👉 แนะนำให้ใช้ยารูปแบบ liquid หรือ orally disintegrating tablets (ODTs) แทน extended-release formulations

✅ Antidepressants หลายชนิด มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดเรื้อรังในโรคทางเดินอาหารเหล่านี้ (เช่น TCAs) รวมทั้งมีบทบาทในโรคทางเดินอาหารอื่นๆ
💩 Irritable Bowel Syndrome (IBS)
✔️ SSRIs เหมาะสำหรับ IBS ที่มีอาการท้องผูกเด่น
✔️ TCAs เหมาะสำหรับ IBS ที่มีอาการท้องเสียเด่น
🤢 คลื่นไส้ อาเจียน จาก gastroparesis, การตั้งครรภ์ หรือเคมีบำบัด มียาจิตเวชที่ช่วยการเสริมการรักษา เช่น olanzapine หรือ mirtazapine

🩸 ประเด็นภาวะเลือดออกทางเดินอาหาร (GI bleeding)
⚠️ SSRIs มีความเสี่ยงต่อ upper GI bleeding ต่ำ แต่ควรระวังในผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ประวัติมีเลือดออกใน GI tract มี thrombocytopenia มีการใช้ antiplatelet หรือ anticoagulants ร่วม
💊 การใช้ proton pump inhibitors (PPIs) ร่วมอาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิด GI bleeding ได้

🧪 การเพิ่มขึ้นของค่าการทำงานของตับ (aminotransferase)
📍 การเพิ่มขึ้นของค่า aminotransferase ไม่เกิน 3 เท่าของค่าปกติจาก psychotropic drugs หลายชนิด มักไม่ต้องหยุดยา หากผู้ป่วยไม่มีอาการ
⚠️ Psychotropic-induced hepatotoxicity จัดว่า พบได้น้อย (ยาที่เคยมี black box คือ nefazodone และยาที่ต้อง monitor คือ agomelatine

ดังนั้นจะเห็นว่ามียาจิตเวชหลายชนิดที่สามารถใช้ได้ในผู้ป่วยโรคทางเดินอาหาร การดูแลผู้ป่วยที่มีโรคทางเดินอาหาร ควรใช้ยาจิตเวชอย่างระมัดระวัง โดยพิจารณา รูปแบบยา โรคร่วมและความเสี่ยงจากยาต่าง ๆ เพื่อให้การรักษาได้ผลดีและปลอดภัย

🧠💊 Drug interactions ที่สำคัญ

❗️Antacids ลดการดูดซึมยา psychotropics และเพิ่มการขับ lithium → ควรเว้นระยะห่าง 2–3 ชม.
❗️PPIs (esomeprazole/lansoprazole) เร่งการกำจัด clozapine, olanzapine → ลดระดับยาในเลือด
❗️5-HT3 antagonists (ondansetron ฯลฯ) เสี่ยง QT prolongation มากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับ TCAs, antipsychotics, lithium
รายละเอียดอื่นๆ ดังตาราง

เอกสารอ้างอิง
Levenson J, Ferrando S. Special Report: Prescribing Psychotropic Medicines for the Medically Ill. Psychiatric News. 2025;60(2):19-25.

นอกจากการรักษาด้วยยา การรักษาโดยกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กก็มีบทบาทในทางจิตเวชเช่นกัน
28/05/2025

นอกจากการรักษาด้วยยา การรักษาโดยกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กก็มีบทบาทในทางจิตเวชเช่นกัน

การรักษากระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็ก (rTMS) เป็นหนึ่งในการให้บริการของ Brain Stimulation Center ของ ภาควิชาจิตเวช ซึ่งในขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จึงขอสรุปสาระเบื้องต้นเกี่ยวกับ rTMS เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทางจิตเวชไว้ ณ ที่นี้ค่า 🙂 🧲

🧠 rTMS: คลื่นแม่เหล็กกับการดูแลสุขภาพจิตในปัจจุบันเป็น
อีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาโรคทางจิตเวช

rTMS หรือ repetitive Transcranial Magnetic Stimulation เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ใช้สนามแม่เหล็กกระตุ้นสมองเฉพาะจุด ผ่านหนังศีรษะ โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือให้ยาสลบ

เทคนิคนี้ได้รับการศึกษาวิจัยมาหลายสิบปี และเริ่มนำมาใช้ทางคลินิกในหลายประเทศ โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา

🔍 rTMS ทำงานอย่างไร?

rTMS ใช้คลื่นแม่เหล็กเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กในสมอง เพื่อปรับการทำงานของวงจรสมองบางส่วน
ความถี่ของคลื่นที่ใช้ (สูงหรือต่ำ) จะมีผลแตกต่างกัน เช่น ความถี่สูงอาจกระตุ้นสมองส่วนที่ทำงานน้อยลง ในขณะที่ความถี่ต่ำอาจช่วยยับยั้งสมองส่วนที่ทำงานมากเกินไป

🧩 ข้อบ่งใช้ที่มีหลักฐานสนับสนุน ยึดตามการรับรองจาก US FDA
• โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder)
โดยเฉพาะในรายที่ไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา (treatment-resistant depression)
การกระตุ้นมักทำที่บริเวณสมองส่วนหน้าซ้าย (left dorsolateral prefrontal cortex)
• โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD)
มีการใช้เทคนิคเฉพาะในการกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมพฤติกรรมซ้ำซ้อน
• ภาวะการใช้สารเสพติดบางชนิด เช่น การลดการใช้บุหรี่ แต่เป็นการกระตุ้นแบบ deep TMS ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีเครื่อง dTMS ที่ศิริราช
• ภาวะอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการศึกษา (ยังไม่ได้รับการรับรองจาก US FDA) เช่น โรคจิตเภท (ลดอาการหูแว่ว), PTSD, ภาวะซึมเศร้าในโรคไบโพลาร์, และภาวะการใช้สารเสพติดชนิดอื่นๆ

✅ ประเด็นด้านความปลอดภัย
• ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปวดศีรษะเล็กน้อย หรือรู้สึกไม่สบายบริเวณที่กระตุ้น
• ความเสี่ยงต่อการชักมีน้อยมาก หากไม่มีปัจจัยเสี่ยงชัดเจน
• โดยทั่วไป rTMS ไม่ส่งผลต่อความจำ และสามารถทำเป็นการรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้

🔬 แนวโน้มการพัฒนา
• มีเทคนิคใหม่ เช่น theta burst stimulation (TBS) ที่ใช้เวลาในการกระตุ้นต่อครั้งสั้นลง
• แนวทางล่าสุดเริ่มมีการนำข้อมูลจาก MRI และ AI มาใช้ในการวางตำแหน่งการกระตุ้นให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากขึ้น



rTMS เป็นอีกทางเลือกที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาทางวิชาการและการแพทย์ เพื่อใช้ประกอบการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะทางจิตเวชบางกลุ่ม
หากมีความสนใจเกี่ยวกับการรักษาด้วยเทคนิคนี้ ควรพูดคุยกับจิตแพทย์เพื่อรับข้อมูลที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละบุคคล




นอกจากนี้ ทางศูนย์ยังมีให้บริการทางวิชาการ rTMS workshop อีกด้วยซึ่งมีแผนจะจัดอบรมสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ครั้งที่ 2 เร็วๆนี้ โปรดติดตามข่าวสารได้จากทางเพจค่ะ

เดือนนี้เป็น Mental Health Awareness Month มาเช็คระดับสุขภาพจิตก่อนออกจากบ้านไปเรียนหรือทำงานกัน 1-10 ให้เท่าไหร่ครับ
16/05/2025

เดือนนี้เป็น Mental Health Awareness Month มาเช็คระดับสุขภาพจิตก่อนออกจากบ้านไปเรียนหรือทำงานกัน 1-10 ให้เท่าไหร่ครับ

We’re doing a wellness Check-In, on a scale of 1-10, how’s your mental health today?

🧠💊 Optimizing Psychiatric Medication in Medically Ill Patients: What You Need to Know! Part III: Organ transplantation 💊...
24/03/2025

🧠💊 Optimizing Psychiatric Medication in Medically Ill Patients: What You Need to Know! Part III: Organ transplantation 💊🧠

การให้การปรึกษาทางจิตเวช และการใช้ psychopharmacological treatment อย่างรอบคอบ มีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะอวัยวะล้มเหลวทั้งในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ

🔍 แม้ว่า psychotropic medications จะไม่มีข้อห้ามโดยเด็ดขาดในการใช้กับผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ แต่ควรพิจารณาในด้านของ
✅ ประเภทของอวัยวะที่ล้มเหลว
✅ ระยะของกระบวนการปลูกถ่าย
✅ ชนิดของยาและขนาดยา
✅ ความเสี่ยงของอาการไม่พึงประสงค์
✅ และ drug-drug interactions กับยาอื่น โดยเฉพาะกับยา immunosuppressants
💡 การใช้ยาจิตเวชควรเริ่มต้นด้วย ขนาดยา (dose) ต่ำ และค่อย ๆ ปรับเพิ่ม (titration) อย่างระมัดระวัง
⚠️ ผู้ป่วยที่มี organ failure มักมี cognitive impairment หรือ encephalopathy ซึ่งทำให้ไวต่อผลข้างเคียงทางการรับรู้และอาการง่วงซึม จากยาทางจิตเวช

🧠 ในผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะมักมีอาการของ encephalopathy ซึ่งอาจคล้ายกับ depression, psychosis, mania หรือ anxiety disorders
➡️ การวินิจฉัยที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจทำให้อาการ agitation หรือ confusion แย่ลง
🩺 การเลือกใช้ยาทางจิตเวชในผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรคำนึงถึงข้อบ่งใช้อื่นที่ อาจช่วยบรรเทาอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
🔹 nausea (คลื่นไส้)
🔹 pruritus (อาการคัน)
🔹 restless legs syndrome
🔹 anorexia (เบื่ออาหาร)
🔹 fatigue (อ่อนเพลีย)

📌 หลังการปลูกถ่ายอวัยวะ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งหรือกระตุ้น CYP3A4 เนื่องจากยา immunosuppressants ส่วนใหญ่เป็น CYP3A4 substrates
⚡️ QTc prolongation เป็นภาวะแทรกร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นจากทั้ง immunosuppressants และ psychotropics ดังนั้นควรตรวจสอบและติดตาม ECG อย่างใกล้ชิด
🧠 ในช่วงหลังปลูกถ่ายใหม่ ๆ หากมีอาการทางจิตเวชหรือเปลี่ยนแปลงด้านสภาพจิต ควรพิจารณาว่าอาจเกิดจากผลข้างเคียงของ immunosuppressive medications ซึ่งอาการอาจดีขึ้นเมื่อมีการลดขนาดยาเหล่านี้
📌 คู่ drug-drug interaction ที่พบบ่อยแสดงดังตาราง

Reference
Levenson J, Ferrando S. Special Report: Prescribing Psychotropic Medicines for the Medically Ill. Psychiatric News. 2025;60(2):19-25.

🧠💊 Optimizing Psychiatric Medication in Medically Ill Patients: What You Need to Know! 💊🧠  Part II : Critical care and s...
05/03/2025

🧠💊 Optimizing Psychiatric Medication in Medically Ill Patients: What You Need to Know! 💊🧠
Part II : Critical care and surgery

📌 การป้องกันและรักษา Delirium ในผู้ป่วยวิกฤตและศัลยกรรม
ทำได้โดยการคัดกรองผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงตั้งแต่ระยะแรก ค้นหาและจัดการสาเหตุที่แท้จริงของ delirium มีการใช้การจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อลดความสับสน สำหรับการใช้ยาทางจิตเวชจะใช้เพื่อควบคุมอาการ agitation, hallucinations และ sleep-wake disruptions และควรใช้อย่างระมัดระวัง

⚠️ การใช้ Psychotropic medications ในผู้ป่วยวิกฤตต้องให้ความระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) ผู้ป่วยมักมี Pharmacodynamic และ Pharmacokinetic interactions ที่ซับซ้อนจากการใช้ยาหลายชนิดรวมทั้งมีสภาวะร่างกายที่ไม่คงที่
🔹 Antipsychotics มีการศึกษาพบว่าไม่สามารถป้องกันหรือทำให้การหายจาก Delirium เร็วขึ้น ดังนั้นอาจใช้ Antipsychotics เฉพาะในกรณีที่มีaggression หรือ agitation ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่นเมื่อ nonpharmacologic strategies ไม่ได้ผล
🚨 ควรหยุด Antipsychotics โดยเร็วที่สุด และไม่ควรให้ต่อเนื่องหลังจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลเว้นแต่มีข้อบ่งชี้ชัดเจนซึ่งมีน้อยมาก

💉 Sedation ที่เหมาะสมในผู้ป่วยวิกฤต
✅ Dexmedetomidine เป็นยาที่เหมาะสำหรับ ผู้ป่วยที่ต้องใช้ mechanical ventilation และอาจช่วยลดความเสี่ยงของ Delirium ใน ICU หรือหลังการผ่าตัดใหญ่
❌ หลีกเลี่ยง Benzodiazepines สำหรับจัดการภาวะ Delirium เว้นแต่มีข้อบ่งชี้เฉพาะ เช่น alcohol withdrawal

⚖️ การพิจารณาหยุดหรือให้ Psychotropic medications ก่อนการผ่าตัด
📌 ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล โดยคำนึงถึง
✔️ ลักษณะของการผ่าตัด
✔️ สภาพร่างกายหรือโรคร่วมของผู้ป่วย
✔️ anesthetic agents ที่เลือกใช้
✔️ ระยะเวลาที่ต้องงดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัด
✔️ ความเสี่ยงจากการหยุดใช้ยาทางจิตเวช

😰 การใช้ยาลดความวิตกกังวลก่อนผ่าตัดในผู้ใหญ่และเด็ก
✅ Benzodiazepines เป็นยาที่ใช้กันมากที่สุด
✅ ทางเลือกอื่น: Gabapentin, Clonidine และ Dexmedetomidine

💬 สำหรับยาทาง ICU และ Surgery ที่มีผลต่อยาจิตเวช แสดงในรูปเช่นเคย

Reference
Levenson J, Ferrando S. Special Report: Prescribing Psychotropic Medicines for the Medically Ill. Psychiatric News. 2025;60(2):19-25.

🧠💊 Optimizing Psychiatric Medication in Medically Ill Patients: What You Need to Know! 💊🧠  Part I : Obstetrics and Gynec...
04/03/2025

🧠💊 Optimizing Psychiatric Medication in Medically Ill Patients: What You Need to Know! 💊🧠
Part I : Obstetrics and Gynecology

สวัสดีครับ หลังจากห่างหายไปนานหลายเดือน วันนี้แอดมินมีเปเปอร์ดีๆ ที่เหมาะสำหรับทุกท่าน ว่าด้วยเรื่องการใช้ยาจิตเวชในผู้ป่วยที่มีโรคทางกายนั่นเอง

👨‍⚕️ ปกติแล้วยาจิตเวชจะเป็นคนที่ไปทำอันตรกิริยาหรือ drug interaction กับยาอื่นๆ เช่น fluoxetine เป็น CYP2D6 inhibitors แบบ strong อาจจะไปเพิ่มระดับยาที่เป็น substrate ของ CYP2D6 เช่น propranolol เป็นต้น

⚖️🔬 แต่ถ้าเกิดต้องมีการใช้ยาจิตเวชในคนที่มีโรคทางกายหละ ก็ต้องคำนึงถึงเหมือนกัน นอกจากนั้นยังต้องมีการคิดถึง complex pharmacokinetics, drug interactions รวมไปถึงการป้องกันการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ด้วย

🔹 วันนี้เลยจะมาเล่าถึงการใช้ยาจิตเวชในหญิงตั้งครรภ์และอันตรกิริยาระหว่างยาที่อาจจะพบได้ในแผนกสูติ-นรีเวช

🤰💊 การใช้ยาทางจิตเวชในหญิงตั้งครรภ์ 💊🤱

🔹 สำหรับสตรีวัยเจริญพันธุ์ (child-bearing ages) การเลือกใช้ ยาทางจิตเวชต้องพิจารณาถึงโอกาสในการตั้งครรภ์และควรให้คำแนะนำเกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยาในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร โดยความเสี่ยงของโรคทางจิตเวชที่ไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลต่อแม่ ทารกในครรภ์และทารกแรกเกิด เช่น
✔️ อาการกำเริบหรือโรคกลับมาเป็นซ้ำ
✔️ ความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
✔️ ขาดการฝากครรภ์อย่างเหมาะสม
✔️ คลอดก่อนกำหนด หรือ ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์

🔹 Premenstrual dysphoric disorder (PMDD) ต้องแยกจาก อาการกำเริบของโรคทางจิตเวชอื่น ๆ ก่อนมีประจำเดือน โดยทั่วไปต้องมีการประเมินอาการอย่างน้อย 2 รอบเดือน ก่อนเริ่มการรักษา โดยทางเลือกการรักษา PMDD ที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่
✅ SSRIs และ SNRIs
✅ ยาคุมกำเนิดที่มี drospirenone

🚨 ยาที่ควรหลีกเลี่ยงก่อนและระหว่างตั้งครรภ์
❌ Valproic acid และ Carbamazepine เนื่องจากเสี่ยงต่อ ความผิดปกติแต่กำเนิดและพัฒนาการทางสมองของทารก

👶 การใช้ยาทางจิตเวชขณะให้นมบุตร
ระดับยาที่ทารกได้รับจากนมแม่มักต่ำกว่าการได้รับในครรภ์ ยกเว้นบางชนิด เช่น Lithium, Carbamazepine และ Lamotrigine ซึ่งอาจจะมีระดับยาในน้ำนมมากกว่าขณะอยู่ในครรภ์ นอกจากนี้ยาต้านเศร้าที่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยขณะให้นมบุตร ได้แก่ Sertraline และ Paroxetine

💢 อาการซึมเศร้าในช่วงวัยหมดประจำเดือน
🔹 ความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและการกลับเป็นซ้ำจะสูงขึ้นในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน (perimenopause) แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้นหลังหมดประจำเดือน
🔹 ฮอร์โมนทดแทน (HRT) สามารถช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้ในช่วง perimenopause แต่ไม่แนะนำหลังหมดประจำเดือน
🔹 อาการร้อนวูบวาบ (vasomotor symptoms) อาจตอบสนองต่อ SSRIs, SNRIs และ Gabapentin แต่ประสิทธิภาพต่ำกว่าการรักษาด้วย Estradiol

🔹สำหรับยาที่เกิดอันตรกิริยา แสดงดังรูปเลยครับ

Reference
Levenson J, Ferrando S. Special Report: Prescribing Psychotropic Medicines for the Medically Ill. Psychiatric News. 2025;60(2):19-25.

🎉🎉🎉สวัสดีปีใหม่ 2568 (2025) จากเพจ ยาจิตเวช ง่ายง่าย by เภสัชปีนี้ก็เป็นปีที่เป็นปีแรกของ generation beta ซึ่งมาพร้อมกับ...
01/01/2025

🎉🎉🎉สวัสดีปีใหม่ 2568 (2025) จากเพจ ยาจิตเวช ง่ายง่าย by เภสัช

ปีนี้ก็เป็นปีที่เป็นปีแรกของ generation beta ซึ่งมาพร้อมกับ AI ในทางยาจิตเวชก็ถือว่าเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ดังนั้น content หลักๆ ในปีนี้จะเน้นเกี่ยวกับยาใหม่ๆ และการรักษาด้วยยาที่สำคัญๆ ในโรคต่างๆ รวมถึง guidelines หลายๆ โรคที่จะออกมาในปีนี้
มาคุยกันเรื่องยาทางจิตเวชในปีที่ผ่านมากันดีกว่า หลายๆโรค เช่น heart failure หรือ chronic kidney disease มีการแนะนำ pillars ที่ใช้ในการรักษาแล้ว ทางจิตเวชเองก็มียาไม่กี่กลุ่มที่ใช้ในการรักษาโรคทางจิตเวชที่เยอะมากใน DSM-5 TR ดังนั้นวันนี้จะมาเล่าถึงความก้าวหน้าของ psychopharmacology ตลอด 80 ปีที่ผ่านมากัน โดยข้อมูลมาจาก Psychopharmacolojourney: A Look at How Far We Have Come and Where We Might Go presented by Stephen M Stahl, MD, PhD, DSc (Hon) ในงาน 2024 NEI Congress นั่นเอง

Psychopharmacology แบ่งออกเป็น 3 ยุคสำคัญ ได้แก่
1.ยุคแรกเริ่มต้นในปี 1950 เป็นช่วงที่การค้นพบยาส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เช่น ยากลุ่ม MAOIs (Monoamine Oxidase Inhibitors) และ TCAs (Tricyclic Antidepressants) ซึ่งใช้รักษาโรคซึมเศร้า (major depressive disorders) และโรควิตกกังวล (anxiety disorders) การค้นพบเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากความพยายามในการจัดระบบการวินิจฉัยโรคจิตเวชครั้งแรกผ่านคู่มือ DSM-I (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders, ฉบับที่ 1)

2. ยุคที่สอง (1980–2010) การพัฒนาเป้าหมายของยามีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยเน้นไปที่กลุ่มสารโมโนเอมีน (Monoamine Neurotransmitters) เช่น Serotonin และ Norepinephrine ทำให้เกิดการพัฒนายารุ่นใหม่ เช่น SSRIs (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors) และ SNRIs (Serotonin-Norepinephrine Reuptake Inhibitors) รวมถึงยารักษาโรคจิตเภทกลุ่มที่สอง (Second-generation Antipsychotics) ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ด้าน extrapyramidal symptoms น้อยกว่ากลุ่มแรก (First-generation Antipsychotics)
3. ยุคที่สาม (2020–2030) การพัฒนาเป้าหมายใหม่ในระดับวงจรสมอง เช่น NMDA Receptor Antagonists, Muscarinic Agonists, และ Psychedelics มีความโดดเด่นมากขึ้น ยาเหล่านี้มุ่งเน้นการแก้ไขกลไกผิดปกติของระบบประสาทโดยตรง และมีศักยภาพในการ improve ทั้งอาการของโรคและการป้องกันการดำเนินไปของโรค (Disease Progression) โดยจะเห็นว่ายาในยุคนี้ที่ได้รับการ approved จะมีกลไกใหม่ๆ ที่แตกต่างจากเดิม โดยปีที่ผ่านมามียา Xanomeline-trospium (KarXT) combines xanomeline with the peripherally restricted muscarinic receptor antagonist trospium chloride ที่ได้รับการ approved ใน schizophrenia
ดังนั้นในยุคนี้จะเน้น 3 ประเด็น คือ
1. symptom circuit โดยในอาการเดียวกันในโรคที่แตกต่างกันอาจจะ response ต่อ treatment เดียวกัน เช่น Pain (fibromyalgia, diabetic peripheral neuropathic pain, post herpetic neuralgia, osteoarthritis), Cognition/attention/executive functioning (ADHD, depression, bipolar, schizophrenia, dementia), Sleep (comorbid insomnia in depression, mania, psychosis, anxiety), Psychosis (in schizophrenia, in mania, in each of the dementias), Agitation (in schizophrenia, in each of the dementias), Su***de (in mood disorders and other disorders), Mood (in MDD, in bipolar depression, in mixed features)
2. Nodes in networks, not receptors in the brain เช่น Muscarinic Modulation of Dopamine: Acetylcholine (Surprisingly) Regulates Dopamine in the Psychosis Pathway ซึ่งทำให้มีการพัฒนา cholinergic agonists (M1/M4) และ positive allosteric modulators (PAMs) ในการรักษา psychotic disorders
3. Serendipity Combined with Neuroscience โดยมีการเน้นเรื่อง neuroplasticity มากขึ้น
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในอนาคตการรักษาโรคทางจิตเวชด้วยยาจะมีความจำเพาะเจาะจงกับโรคที่มากขึ้นรวมทั้งมีการพัฒนายาที่ได้ประสิทธิภาพ ลดอาการไม่พึงประสงค์ สามารถชะลอการดำเนินไปของโรค เพื่อให้เกิดการหายจากโรคทางจิตเวชได้มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน

สำหรับ antipsychotics อ่านเพิ่มได้ที่
Biso L, Carli M, Scarselli M, Longoni B. Overview of Novel Antipsychotic Drugs: State of the Art, New Mechanisms, and Clinical Aspects of Promising Compounds. Biomedicines. 2025; 13(1):85.

สำหรับใครที่ต้องการเนื้อหาด้านแนวทางการรักษาด้วยยาหรือข้อมูลยาใดเพิ่มเติมสามารถคอมเมนท์หรือ inbox มาได้เลยหากทีมแอดมินว่างจะมาอัพเดทให้ครับ

📌 เปิดรับลงทะเบียนแล้ว งานประชุมวิชาการ การบริบาลทางเภสัชกรรมผู้ป่วยจิตเวช 2568🗓️วันที่ 19-21 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงพยาบา...
13/12/2024

📌 เปิดรับลงทะเบียนแล้ว งานประชุมวิชาการ การบริบาลทางเภสัชกรรมผู้ป่วยจิตเวช 2568

🗓️วันที่ 19-21 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงพยาบาลศรีธัญญา
(เดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้)
หรือ หากสนใจ online ก็มีเช่นกัน

✅ รายละเอียดกำหนดการและแบบฟอร์มลงทะเบียนสามารถแสกนได้เลยครับ ต้องบอกว่าน่าสนใจมากๆ ทีเดียว

💊หากมีคำถามหรือข้อสงสัย ติดต่อได้ที่ ภญ.ธีรารัตน์ แทนขำ 📞 0863695954 หรือทางอีเมล tppgmentalhealth@gmail.com

📢📢📢 Save The DateThai Psychiatric Pharmacy Groupงานประชุมใหญ่ทางวิชาการประจำปี 2568 ของชมรมเภสัชกรจิตเวช“ Pharmaceutical...
04/12/2024

📢📢📢 Save The Date
Thai Psychiatric Pharmacy Group
งานประชุมใหญ่ทางวิชาการประจำปี 2568 ของชมรมเภสัชกรจิตเวช
“ Pharmaceutical Care in Psychiatric Patients”
วันที่ 19-21 กุมภาพันธ์ 2568
ณ โรงพยาบาลศรีธัญญา
ปีนี้มีหัวข้อน่าสนใจครบทุก service ของการบริบาลทางเภสัชกรรมในโรคทางจิตเวช ประเด็นที่น่าสนใจของยาจิตเวช เหมาะสำหรับเภสัชกรผู้สนใจ มีทั้ง on-site และ online
ติดตามกำหนดการประชุม และ รายละเอียดต่างๆ ได้เร็วๆ นี้นะคะ

สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา**เปิดรับสมัคร การอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมระยะสั้น การบริบาลทางเภสัชกรรม ประกาศนียบัตรวิช...
08/11/2024

สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา
**เปิดรับสมัคร การอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมระยะสั้น
การบริบาลทางเภสัชกรรม ประกาศนียบัตรวิชาชีพเภสัชกรรม
สาขาจิตเวชทั่วไปและจิตเวชเด็กและวัยรุ่นที่ 6 (PG 6)
ระหว่างวันที่ 3 กุมภาพันธ์ - 29 พฤษภาคม 2568 ผู้สนใจ สามารถสมัครได้ตั้งแต่ วันที่ 30 ตุลาคม-15 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดได้ที่ กลุ่มงานเภสัชกรรม
02-4422500 ต่อ 59490 , 59134,59144

#สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา
**เปิดรับสมัคร การอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมระยะสั้น
การบริบาลทางเภสัชกรรม ประกาศนียบัตรวิชาชีพเภสัชกรรม
สาขาจิตเวชทั่วไปและจิตเวชเด็กและวัยรุ่นที่ 6 (PG 6)
ระหว่างวันที่ 3 กุมภาพันธ์ - 29 พฤษภาคม 2568
#ผู้สนใจ สามารถสมัครได้ตั้งแต่ วันที่ 30 ตุลาคม-15 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดได้ที่ กลุ่มงานเภสัชกรรม
02-4422500 ต่อ 59490 , 59134,59144

ที่อยู่

Bangkok
10000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ยาจิตเวช ง่ายง่าย by เภสัชผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์