Prapatsorn Engineering Supply Co., Ltd.

Prapatsorn Engineering Supply Co., Ltd. www.prapatsorn.co.th Prapatsorn Engineering Supply Co., Ltd is a company located on Rama VI Soi 4 Road, Bangkok Thailand.

Since 2010, it became one of famous companies distributing a premium selection of physical therapy diathermy including Electrotherapy, combination therapy, radial and focus shockwave, PMS, traction therapy, gait training, TECAR therapy, CPM, cryotherapy, Passive trainer, ceiling hoist system, patient transfer and more.

✨ บริษัท ประภัสสร เอ็นจิเนียริ่ง ซัพพลาย จำกัด✨รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับ รางวัลและการรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุ...
30/09/2025

✨ บริษัท ประภัสสร เอ็นจิเนียริ่ง ซัพพลาย จำกัด✨รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับ รางวัลและการรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำปี 2568
ซึ่งได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีเชิดชูเกียรติธุรกิจที่ผ่านเกณฑ์การรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ

📅 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568
📍 ณ.ห้องพีโอนี่ โรงแรม ทีเค. พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ

รางวัลนี้เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส มีคุณธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน 💙

❄️❄️ หลักชีวฟิสิกส์ของการทำให้เนื้อเย็น (Biophysical Principles of Tissue Cooling)ลองจินตนาการถึงผู้ป่วยที่เข้ามาในห้องฉ...
29/09/2025

❄️❄️ หลักชีวฟิสิกส์ของการทำให้เนื้อเย็น (Biophysical Principles of Tissue Cooling)

ลองจินตนาการถึงผู้ป่วยที่เข้ามาในห้องฉุกเฉินด้วยข้อเท้าพลิกจากการเล่นกีฬา พยาบาลรีบหยิบถุงน้ำแข็งมาประคบ การกระทำง่าย ๆ นี้ ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นเท่านั้น แต่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคือหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน — หลักชีวฟิสิกส์ของการทำให้เนื้อเย็น

🩸 การเผชิญหน้าครั้งแรก: การบาดเจ็บกับความเย็น

เมื่อเกิดการบาดเจ็บ ร่างกายตอบสนองด้วยเลือดออก บวม และเจ็บปวด ความเย็นเข้ามาเป็น “ผู้พิทักษ์” คนแรก:

💢 หลอดเลือดหดตัว (vasoconstriction) ลดการเสียเลือด

💢 อัตราการเผาผลาญ (metabolism) ลดลง ลดสารก่อการอักเสบ เช่น histamine และ kinins

💢 เกณฑ์การทนต่อความเจ็บปวดเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปวดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม ความเย็นก็เหมือนดาบสองคม ถ้าใช้นานเกินไป ความหนืดของเนื้อเยื่อจะเพิ่ม ความยืดหยุ่นลด ทำให้ข้อติดแข็งและการเคลื่อนไหวลำบาก

🎼 ออร์เคสตราที่ซ่อนอยู่: ระบบไหลเวียนโลหิต

ภายใต้ผิวหนัง การไหลเวียนของเลือดทำงานราวกับวงดนตรีที่มี เส้นเลือดเป็นวาทยากร เมื่อเส้นเลือดตีบแคบลง การไหลเวียนช้าลง เลือดไปเลี้ยงเนื้อน้อยลง

⏱️ ช่วงแรก 15 นาที หลอดเลือดหดตัวอย่างต่อเนื่อง

🧠 เกิดจากผลโดยตรงของความเย็นต่อกล้ามเนื้อเรียบ การลดสารสื่อประสาทที่ขยายหลอดเลือด และการตอบสนองของระบบประสาทอัตโนมัติ

แต่เมื่ออุณหภูมิลดต่ำกว่า 10°C เรื่องราวกลับพลิกผัน ร่างกายเกิด Lewis hunting response — การหดตัวและขยายตัวสลับกันราวกับไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะ “แข็งตัว” หรือ “ต่อสู้กลับ” อย่างไรก็ตาม ในทางคลินิก ผลหลักยังคงเป็นการ ลดการไหลเวียนเลือด ซึ่งเหมาะต่อการควบคุมการอักเสบช่วงเฉียบพลัน

⚔️ สนามรบหลังการบาดเจ็บ: บวมน้ำและการอักเสบ

หลังการบาดเจ็บ 24–48 ชั่วโมงแรก ความเย็นทำหน้าที่เหมือนโล่และดาบในเวลาเดียวกัน:

- ลดการรั่วของของเหลวเข้าสู่เนื้อเยื่อ

- ลดการเผาผลาญ ป้องกันภาวะเซลล์ขาดออกซิเจนทุติยภูมิ

- ลดปฏิกิริยาการอักเสบและจำนวนเม็ดเลือดขาวในพื้นที่

งานวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า การใช้ความเย็นในระดับปานกลาง ช่วยจำกัดการบวม แต่ถ้า ใช้ความเย็นจัดนานเกินไป อาจกลับทำให้บวมมากขึ้นจากการ reperfusion injury

⚡ การสนทนากับเส้นประสาท: ระบบประสาทส่วนปลาย

เมื่อความเย็นสัมผัสกับเส้นประสาท มันจะเปลี่ยนวิธีการส่งสัญญาณ:

- เส้นใยขนาดเล็กมีปลอกไมอีลินถูกยับยั้งก่อน

- สัญญาณความเจ็บปวด (A-delta fibers) เงียบไปก่อนที่เส้นใยควบคุมกล้ามเนื้อจะถูกกด

- อุณหภูมิ 10–15°C ชะลอการนำกระแสประสาท เพิ่มเกณฑ์ความเจ็บปวด

แต่หากใช้ต่อเนื่องนาน การนำสัญญาณประสาทอาจลดลงยาวนาน แม้ยกน้ำแข็งออกไปแล้วก็ตาม

💪 กล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหว: พลังงานใต้ความเย็น

คำถามที่นักกีฬามักถามคือ: “ควรประคบเย็นก่อนกลับไปเล่นหรือไม่?”

คำตอบมีสองด้าน:

ความเย็นระยะสั้น อาจช่วยเพิ่มแรงกล้ามเนื้อชั่วคราว จากการกระตุ้นเส้นประสาทและแรงจูงใจ

ความเย็นนานกว่า 10–20 นาที จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เคลื่อนไหวช้าลง สมรรถภาพในการกระโดด วิ่ง และการทรงตัวลดลง

ดังนั้น แม้ข้อเท้าจะรู้สึกดีขึ้นหลังประคบเย็น แต่ความสามารถในการเล่นกีฬาอาจลดลง

หน้าต่างสู่ระบบประสาท: ผลต่อโรคทางระบบประสาท

ในผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อเกร็ง เช่น multiple sclerosis หรือ cerebral palsy ความเย็นสามารถเป็น “ผู้ช่วย” ชั่วคราว ลด clonus และเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว

การศึกษาแสดงว่าเสื้อกักเก็บความเย็น (cooling vest) ช่วยให้ผู้ป่วยเดินได้นานขึ้น อ่อนเพลียน้อยลง และมีความมั่นใจมากขึ้นในการทำกิจกรรมประจำวัน

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ได้ผล — สำหรับบางคน ความเย็นกลับทำให้อาการแย่ลง แสดงให้เห็นว่าการบำบัดต้องปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล

บทสรุป: ความเย็นในฐานะดาบสองคม

ความเย็นไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์แบบ มันคือ เครื่องมือที่ต้องใช้ด้วยความสมดุล:

✅ ใช้ในระยะต้น → ลดอักเสบ บวม และปวด

❌ ใช้มากเกินไป → เพิ่มความแข็ง ลดสมรรถภาพ และเพิ่มความเสี่ยง

เรื่องราวของความเย็นคือการหาสมดุลระหว่าง การปกป้องกับการเสี่ยง, การหดตัวกับการขยายตัว, และ การบรรเทากับการจำกัดการเคลื่อนไหว — เรื่องราวที่ยังคงถูกเล่าซ้ำทุกครั้งที่มีถุงน้ำแข็งวางลงบนบาดแผล

ขอบคุณบทความต้นฉบับ
Michlovitz, Susan L., James W. Bellew, and Thomas P. Nolan Jr. 2016. Modalities for Therapeutic Intervention. 5th ed. Philadelphia: F.A. Davis Company.

⚡🧬 Pulsed Shortwave Therapy (PSWT): จาก Diathermy สู่พลังงานชีวภาพระดับเซลล์ในปี ค.ศ. 1945 เมื่อเครื่อง diathermy ถูกใช้...
26/09/2025

⚡🧬 Pulsed Shortwave Therapy (PSWT): จาก Diathermy สู่พลังงานชีวภาพระดับเซลล์

ในปี ค.ศ. 1945 เมื่อเครื่อง diathermy ถูกใช้กับข้อศอกที่บาดเจ็บ ภาพนั้นได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคที่การรักษาด้วยคลื่นสั้นยังคงเน้นไปที่ ความร้อน หรือการ “ผ่านความร้อน” ตามรากศัพท์กรีกของคำว่า diathermy แต่เมื่อเวลาผ่านไป แนวคิดเรื่องการใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในทางกายภาพบำบัดได้ก้าวข้ามกรอบเดิม และเกิดสิ่งที่เราเรียกว่า Pulsed Shortwave Therapy (PSWT)

✅ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

PSWT ใช้ความถี่เดียวกับ shortwave diathermy แบบดั้งเดิม คือ 27.12 MHz แต่ความแตกต่างสำคัญอยู่ที่การทำงานเป็น pulse — พลังงานถูกปล่อยออกมาเป็นช่วงสั้น ๆ (on-time) แล้วเว้นว่างยาว (off-time) ส่งผลให้แม้ peak power จะสูงถึง 150–200 วัตต์ แต่ mean power ที่ร่างกายได้รับกลับต่ำมาก สิ่งนี้เปิดโอกาสให้แพทย์และนักกายภาพสามารถปรับค่ากำลังและรูปแบบการปล่อยพลังงานได้อย่างยืดหยุ่น

ไม่เหมือนกับการรักษาแบบ diathermy ที่เน้นความร้อน PSWT ไม่ได้มุ่งหมายเพียงเพื่อให้เนื้อเยื่อร้อนขึ้น หากแต่ต้องการกระตุ้นการตอบสนองระดับเซลล์โดยตรง

✅ พลังงานที่ซ่อนอยู่ในสนามแม่เหล็ก

อุปกรณ์สมัยใหม่ส่วนใหญ่ส่งพลังงานผ่าน monode applicator หรือที่ผู้ใช้รู้จักในชื่อ “drum applicator” สนามแม่เหล็กแบบพัลส์นี้สามารถแทรกซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อ เส้นประสาท และเนื้อเยื่อที่มีน้ำหรือเลือดมาก เช่น บริเวณที่มี oedema หรือ hematoma

ผลที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงการอุ่นเนื้อเยื่อชั่วคราว แต่คือการส่งสัญญาณให้เซลล์ที่กำลังอักเสบ กลับมามีศักย์ไฟฟ้า (membrane potential) ปกติ อีกครั้ง การรักษาด้วย PSWT จึงเปรียบเสมือนการ “รีเซ็ต” เซลล์ที่อ่อนล้าให้กลับมาทำงานได้สมบูรณ์

✅ เรื่องเล่าภายในเซลล์

เซลล์ปกติรักษา membrane potential ไว้ที่ประมาณ –70 mV โดยอาศัยการทำงานของปั๊มโซเดียม–โพแทสเซียม แต่ในภาวะอักเสบ ศักย์ไฟฟ้านี้ลดลง ทำให้การขนส่งไอออนและแรงดันออสโมซิสผิดปกติ

เมื่อใช้ PSWT งานวิจัยเสนอว่า พลังงานที่ส่งไปยังเยื่อหุ้มเซลล์จะช่วยกระตุ้นให้ ion pumps และ gated channels กลับมาทำงาน หรืออย่างน้อยก็ปรับสมดุลการเคลื่อนที่ของ Na⁺, K⁺ และ Ca²⁺ กลับเข้าสู่สภาวะใกล้เคียงปกติ ผลลัพธ์คือการลดอาการบวม ลดอักเสบ และฟื้นฟูหน้าที่ของเซลล์

ที่น่าสนใจคือ เซลล์ที่ปกติแข็งแรงอาจไม่ตอบสนองต่อพลังงานระดับต่ำ แต่ เซลล์ที่เจ็บป่วยหรือติดเชื้อจะตอบสนองไวกว่า นั่นทำให้ PSWT กลายเป็นการรักษาที่ “เลือก” ทำงานกับเซลล์ที่ต้องการการฟื้นฟูมากที่สุด

✅ ระหว่างความร้อนกับความไม่ร้อน

แม้ว่า PSWT จะสามารถสร้าง tissue heating ได้เมื่อใช้พลังงานเฉลี่ยเกิน 5 วัตต์ แต่จุดแข็งของมันอยู่ที่ non-thermal effects งานวิจัยในยุค 1980s ชี้ว่าผลที่เด่นชัดที่สุดเกิดขึ้นหลังการรักษาไปแล้วหลายชั่วโมง ซึ่งบ่งบอกว่ากระบวนการในเซลล์ยังคงดำเนินต่อไป แม้เครื่องจะถูกปิดไปแล้ว

ดังนั้นนักกายภาพจึงต้องเลือกให้ชัดเจน — หากต้องการ non-thermal treatment ต้องรักษาระดับพลังงานต่ำกว่า 5 วัตต์ แต่หากเป้าหมายคือการใช้ thermal effect เช่นเพิ่มการไหลเวียนหรือการยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ ก็สามารถปรับขึ้นสูงกว่าได้

✅ ผลลัพธ์ทางคลินิก

นักวิจัย เช่น Goldin และคณะ (1981) ได้บันทึกผลลัพธ์ของ PSWT ไว้อย่างน่าสนใจ ได้แก่

❄️🔥 กระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวและไฟโบรบลาสต์

❄️🔥 เร่งการกระจายของของเหลวและ hematoma

❄️🔥 ลดการอักเสบและกระตุ้นการจัดเรียงคอลลาเจน

❄️🔥 ส่งเสริมการซ่อมแซมกระดูกและระบบประสาทส่วนปลาย

แม้บางข้อยังรอการยืนยันเพิ่มเติม แต่แนวโน้มที่ PSWT ช่วยเร่งการซ่อมแซมเนื้อเยื่อก็ถือว่าน่าจับตามอง

⭐บทสรุป

จากเครื่อง diathermy ในทศวรรษ 1940s จนถึง PSWT ในปัจจุบัน เราได้เห็นวิวัฒนาการของการใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในทางการแพทย์ ไม่ใช่เพียงเพื่อสร้างความร้อน แต่เพื่อ ปลุกการทำงานของเซลล์ในระดับลึก PSWT จึงไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทคโนโลยีและชีววิทยา ที่ทำให้แนวทางการรักษาในกายภาพบำบัดมีมิติใหม่ที่ละเอียดและตรงจุดมากขึ้น

ขอบคุณบทความต้นฉบับ
Physiopedia. (n.d.). Pulsed Shortwave Therapy. Retrieved September 22, 2025

🙏ขอขอบคุณ โรงพยาบาลนครธน 2 ที่ไว้วางใจเลือกใช้ เครื่อง Traction ET800 & EU300 จากบริษัทของเรา เรามุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์...
25/09/2025

🙏ขอขอบคุณ โรงพยาบาลนครธน 2 ที่ไว้วางใจเลือกใช้ เครื่อง Traction ET800 & EU300 จากบริษัทของเรา เรามุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านสุขภาพและกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง ✨💙

📞 สนใจสอบถามหรือสั่งซื้อ ติดต่อเราได้ที่
📍 [www.prapatsorn.co.th / LINE: / 026116500]

🙏ขอขอบคุณ โรงพยาบาลราษีไศล ที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้ เครื่อง RWST ยี่ห้อ LIKAMED จากบริษัทของเรา เราพร้อมมุ่งมั่นส่งมอบ...
24/09/2025

🙏ขอขอบคุณ โรงพยาบาลราษีไศล ที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้ เครื่อง RWST ยี่ห้อ LIKAMED จากบริษัทของเรา เราพร้อมมุ่งมั่นส่งมอบคุณภาพและบริการที่ดีที่สุด เพื่อสนับสนุนงานด้านการแพทย์และการฟื้นฟูอย่างเต็มความสามารถ ✨💙

📞 สนใจสอบถามหรือสั่งซื้อ ติดต่อเราได้ที่
📍 [www.prapatsorn.co.th / LINE: / 026116500]

🙏 ขอขอบคุณ มหาวิทยาลัยพะเยา ที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้ เครื่องPMS และ เตียงปฏิบัติการทางกายภาพบำบัดปรับระดับได้ รุ่น CA1...
23/09/2025

🙏 ขอขอบคุณ มหาวิทยาลัยพะเยา ที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้ เครื่องPMS และ เตียงปฏิบัติการทางกายภาพบำบัดปรับระดับได้ รุ่น CA140 จากบริษัทของเรา เรามุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและคุณภาพการบริการ เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนและการทำงานทางการแพทย์และกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง ✨💙

📞 สนใจสอบถามหรือสั่งซื้อ ติดต่อเราได้ที่
📍 [www.prapatsorn.co.th / LINE: / 026116500]

💪ในทุกการเคลื่อนไหว ตั้งแต่การกะพริบตาไปจนถึงการวิ่งมาราธอน มีกระบวนการมหัศจรรย์ซ่อนอยู่เบื้องหลัง นั่นคือ การหดตัวของกล...
22/09/2025

💪ในทุกการเคลื่อนไหว ตั้งแต่การกะพริบตาไปจนถึงการวิ่งมาราธอน มีกระบวนการมหัศจรรย์ซ่อนอยู่เบื้องหลัง นั่นคือ การหดตัวของกล้ามเนื้อ (muscle contraction) กล้ามเนื้อโครงร่างไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการเคลื่อนที่เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่สำคัญในการ รักษาสมดุลของร่างกาย (maintain posture) ต้านทานแรงโน้มถ่วง ป้องกันการเคลื่อนไหวที่มากเกินไปของกระดูกและข้อต่อเพื่อ รักษาความมั่นคงของโครงสร้างกระดูก นอกจากนี้ยังปกป้องอวัยวะภายในจากภายนอก และควบคุมการเคลื่อนไหวของสารต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น การกลืน การขับถ่าย และแม้กระทั่ง สร้างความร้อนเพื่อรักษาสมดุลอุณหภูมิของร่างกาย (homeostasis) เมื่อ ATP สลายตัวเพื่อสร้างพลังงาน

🕺เรื่องราวของการหดตัวของกล้ามเนื้อเริ่มต้นจากโครงสร้างที่ซับซ้อนแต่เป็นระเบียบของมัน กล้ามเนื้อโครงร่างประกอบด้วย เส้นใยกล้ามเนื้อ (myofibers) ซึ่งเป็นเซลล์ขนาดใหญ่ที่มีหลายนิวเคลียส เซลล์เหล่านี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุดถึง 100 ไมโครเมตร และยาวได้ถึง 30 เซนติเมตร ภายในเส้นใยกล้ามเนื้อนี้ มีองค์ประกอบพิเศษที่ชื่อว่า ซาร์โคเลมมา (sarcolemma) ซึ่งเป็นเยื่อหุ้มเซลล์พลาสมา และ ซาร์โคพลาซึม (sarcoplasm) ซึ่งเป็นไซโตพลาซึมของเซลล์กล้ามเนื้อ ที่สำคัญคือ ซาร์โคพลาสมิก เรติคูลัม (sarcoplasmic reticulum หรือ SR) ซึ่งเป็นเอนโดพลาสมิก เรติคูลัมชนิดพิเศษที่ทำหน้าที่เก็บ ปล่อย และเรียกคืน แคลเซียมไอออน (Ca++) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการหดตัว

🧐 แต่ผู้เล่นหลักในเรื่องราวนี้คือหน่วยการทำงานที่เรียกว่า ซาร์โคเมียร์ (sarcomere) ซาร์โคเมียร์เป็นหน่วยพื้นฐานที่จัดเรียงตัวเป็นรูปแบบลายทาง (striations) ที่เห็นได้ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ โดยซาร์โคเมียร์จะเรียงซ้อนกันเป็นรูปแบบที่จัดระเบียบอย่างสูงตลอดทั้งเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ภายในเซลล์กล้ามเนื้อหนึ่งเซลล์อาจมีซาร์โคเมียร์ได้หลายพันหน่วย

❤ ส่วนประกอบหลัก ซาร์โคเมียร์หนึ่งหน่วยประกอบด้วย ไมโอฟิลาเมนต์ (myofilaments) สองชนิดที่จัดเรียงตัวขนานกัน ได้แก่:
◦ แอคติน (Actin) หรือที่เรียกว่า เส้นใยบาง (thin filament)
◦ ไมโอซิน (Myosin) หรือที่เรียกว่า เส้นใยหนา (thick filament)
◦ นอกจากนี้ยังมี โปรตีนค้ำจุน (support proteins) อื่นๆ
◦ Z discs (หรือ Z bands) เป็นโครงสร้างที่อยู่ปลายด้านข้างของแต่ละซาร์โคเมียร์ ซึ่งแอคตินจะยึดติดอยู่กับโครงสร้างเหล่านี้

🤸 กลไกการหดตัว (Sliding Filament Theory)
◦ แก่นแท้ของการหดตัวของซาร์โคเมียร์คือการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างไมโอซินและแอคติน
◦ ตามทฤษฎีเส้นใยเลื่อน (Sliding Filament Theory) ในระหว่างการหดตัวของกล้ามเนื้อ เส้นใยไมโอซิน (เส้นใยหนา) จะเลื่อนผ่านเส้นใยแอคติน (เส้นใยบาง) ในขณะที่ความยาวของเส้นใยทั้งสองกลุ่มยังคงค่อนข้างคงที่
◦ นักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตว่า "A band" ซึ่งประกอบด้วยไมโอซิน (เส้นใยหนา) จะมีความยาวคงที่ในระหว่างการหดตัว แต่ "I band" ซึ่งอุดมไปด้วยแอคติน (เส้นใยบาง) จะเปลี่ยนความยาวพร้อมกับซาร์โคเมียร์
◦ เนื่องจากแอคตินยึดติดกับ Z discs ที่ปลายซาร์โคเมียร์ การที่เส้นใยแอคตินเลื่อนเข้าหากันจะส่งผลให้ซาร์โคเมียร์และกล้ามเนื้อโดยรวมหดสั้นลง
• การควบคุมการหดตัว
◦ แคลเซียมไอออน (Ca++) และ ATP เป็นปัจจัยสำคัญในการหดตัวของเซลล์กล้ามเนื้อ
◦ เมื่อกล้ามเนื้ออยู่ในภาวะพักผ่อน โปรตีนสองชนิดคือ โทรโปนิน (troponin) และ โทรโปไมโอซิน (tropomyosin) จะทำหน้าที่ควบคุมการหดตัว โดยโทรโปไมโอซินจะขัดขวางไม่ให้ไมโอซินจับกับแอคติน
◦ เมื่อมีสัญญาณกระตุ้น แคลเซียมไอออนจะถูกปล่อยออกมา จากซาร์โคพลาสมิก เรติคูลัม (SR) และไป จับกับโทรโปนิน
◦ การจับกันนี้ทำให้ โทรโปนินเคลื่อนโทรโปไมโอซินออกไป จากตำแหน่งที่หัวไมโอซินจะเข้าจับกับแอคตินได้
◦ เมื่อตำแหน่งสำหรับจับถูกเปิดออก และมี ATP เพียงพอ ไมโอซินจะเข้าจับกับแอคติน และเริ่มกระบวนการวัฏจักรสะพานเชื่อม (cross-bridge cycling) ทำให้ซาร์โคเมียร์หดสั้นลง ซึ่งนำไปสู่การหดตัวของกล้ามเนื้อ

กระบวนการหดตัวของกล้ามเนื้อสามารถสรุปได้เป็น 6 ขั้นตอนที่น่าสนใจ:
1. การปล่อยแคลเซียมไอออน: แคลเซียมไอออนถูกปล่อยออกมาจากซาร์โคพลาสมิก เรติคูลัม ไปยังเส้นใยแอคติน
2. การก่อตัวของสะพานเชื่อม: แคลเซียมไอออนทำให้เกิดการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเส้นใยแอคตินกับหัวไมโอซิน
3. หัวไมโอซินเลื่อน: เอนไซม์ ATPase ที่ผลิตโดยหัวไมโอซินจะใช้ ATP ทำให้หัวไมโอซินเลื่อนไปในทิศทางของเส้นใยแอคติน
4. การหดตัวของกล้ามเนื้อ: การหดตัวนี้เกิดจากการที่ ATP ถูกปล่อยออกมา ทำให้เส้นใยแอคตินเลื่อนผ่านไมโอซินและหดสั้นลง
5. สะพานเชื่อมแตก: ATP ส่วนเกินจะทำให้หัวไมโอซินแยกออกจากเส้นใยแอคติน
6. การกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม: โทรโปนินจะจัดเรียงแอคตินกลับสู่ตำแหน่งเดิม และ ATP จะถูกเปลี่ยนกลับเป็น ADP โดย ATPase หัวไมโอซินจะกลับสู่ตำแหน่งเริ่มต้น
การหดตัวของกล้ามเนื้อมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงความยาวและแรงที่เกิดขึ้น:
⭐ Isokinetic contractions: การหดตัวที่ความเร็วคงที่
⭐ Isotonic contractions: การหดตัวที่แรงตึงคงที่ในขณะที่ความยาวของกล้ามเนื้อเปลี่ยนไป ซึ่งแบ่งเป็น concentric (กล้ามเนื้อสั้นลง) และ eccentric (กล้ามเนื้อยืดออก)
⭐ Isometric contractions: การหดตัวที่ความยาวของกล้ามเนื้อไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยังคงสร้างแรงตึง

ในเชิงกลศาสตร์ชีวภาพ (biomechanics) เรายังมีการศึกษาคุณสมบัติของกล้ามเนื้ออย่าง ความสามารถในการยืดตัว (extensibility) ซึ่งคือความสามารถในการยืดออก และ ความยืดหยุ่น (elasticity) ซึ่งคือความสามารถในการกลับคืนสู่ความยาวปกติหลังจากถูกยืดออกไป กล้ามเนื้อถือเป็น medium ที่มีทั้งความยืดหยุ่นและความหนืด (viscoelastic medium) นอกจากนี้ ยังมี สมการของ Hill (Hill's equation) ซึ่งเป็นแบบจำลองที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง แรงตึง (F) ในกล้ามเนื้อกับ ความเร็วในการหดตัว (υ) สมการนี้แสดงให้เห็นความสัมพันธ์แบบไฮเปอร์โบลา: ยิ่งมีแรงตึง (โหลด) กระทำต่อกล้ามเนื้อมากเท่าไหร่ ความเร็วในการหดตัวก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น และในทางกลับกัน การที่แรงตึงในกล้ามเนื้อลดลงเมื่อความเร็วในการหดตัวเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากการสลายตัวของสะพานเชื่อมในองค์ประกอบการหดตัว และรองลงมาคือความหนืดของของเหลวในทั้งองค์ประกอบการหดตัวและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

✅ ดังนั้น การหดตัวของกล้ามเนื้อจึงเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนและน่าทึ่ง ตั้งแต่ระดับโมเลกุลไปจนถึงการแสดงออกในระดับร่างกายทั้งหมด ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของทุกการเคลื่อนไหว การทรงตัว การป้องกัน และการรักษาสมดุลของชีวิตเรา

ขอบคุณบทความต้นฉบับ
PATRICK F. DILLON. Biophysics. A Physiological Approach. Published in the United States of America by Cambridge University Press, New York. 2012.

⭐🤸 โครงการประชุมวิชาการชมรมกายภาพบำบัดระบบหายใจ หัวใจและหลอดเลือดแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568“Physical Therapy management ...
20/09/2025

⭐🤸 โครงการประชุมวิชาการชมรมกายภาพบำบัดระบบหายใจ หัวใจและหลอดเลือดแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568
“Physical Therapy management in patients on mechanical ventilation and medical devices”
วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 12 โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร

❤รับจำนวน 300 คน ❤

✅ไม่มีค่าลงทะเบียน แต่ต้องเป็นสมาชิกชมรมฯ
โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทประภัสสร เอ็นจิเนียริ่ง ซัพพลาย จำกัด***
!!!หน่วยคะแนน อยู่ระหว่างดำเนินการขอคะเเนน!!!

✅สมัครสมาชิกชมรมฯ
https://docs.google.com/.../1FAIpQLSc3ANeWnHM7HO.../viewform
ตรวจสอบรายชื่อสมัครสมาชิกชมรมฯ
https://docs.google.com/.../1AcJbcvMpEPvT72nm.../htmlview...
🌟⭐️เริ่มเปิดลงทะเบียนวันที่ 22 กันยายน 2568 เวลา 13.00น

มาเจอกันเยอะๆนะครับ

😇 ลองจินตนาการถึงอวัยวะที่มีน้ำหนักเพียงสามปอนด์เท่านั้นในผู้ใหญ่โดยเฉลี่ย แต่กลับเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในตัวคุณ ต...
19/09/2025

😇 ลองจินตนาการถึงอวัยวะที่มีน้ำหนักเพียงสามปอนด์เท่านั้นในผู้ใหญ่โดยเฉลี่ย แต่กลับเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในตัวคุณ ตั้งแต่ความคิดที่ซับซ้อนที่สุด ความทรงจำที่ลึกซึ้งที่สุด ไปจนถึงการเคลื่อนไหวที่แม่นยำที่สุด และแม้กระทั่งการหายใจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่คือ สมอง ออร์แกนที่ซับซ้อนและน่าทึ่ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบประสาทส่วนกลางร่วมกับไขสันหลัง มันคือศูนย์บัญชาการที่ทำให้คุณเป็นคุณ

⭐โครงสร้างและความลับภายใน⭐
สมองไม่ได้เป็นกล้ามเนื้ออย่างที่บางคนอาจเข้าใจผิด แต่มันคือส่วนผสมของไขมันกว่า 60% และอีก 40% เป็นน้ำ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเกลือ ภายในสมองประกอบด้วยหลอดเลือดและเส้นประสาทมากมาย รวมถึงเซลล์ประสาทหรือที่เรียกว่า นิวรอน และเซลล์เกลีย (glial cells)
เมื่อมองดูสมอง เราจะเห็นสองส่วนหลักที่แตกต่างกันคือ เนื้อเทา (gray matter) และ เนื้อขาว (white matter) เนื้อเทาซึ่งเป็นส่วนนอกที่เข้มกว่าในสมอง (แต่กลับกันในไขสันหลัง) นั้นประกอบด้วยเซลล์ประสาทส่วนใหญ่ (somas) เป็นเสมือน "ศูนย์ประมวลผล" ที่รับผิดชอบการประมวลผลและตีความข้อมูล ส่วนเนื้อขาวที่อยู่ด้านในและมีสีอ่อนกว่านั้นส่วนใหญ่ประกอบด้วยแอกซอน (axons) ซึ่งเป็นเส้นใยยาวที่เชื่อมต่อนิวรอนเข้าด้วยกัน และถูกห่อหุ้มด้วยไมอีลิน (myelin) ซึ่งเป็นเยื่อหุ้มป้องกัน เนื้อขาวนี้ทำหน้าที่เป็น "เครือข่ายส่งข้อมูล" ที่ส่งข้อมูลที่ประมวลผลแล้วไปยังส่วนอื่นๆ ของระบบประสาท รอยพับและร่องลึกบนผิวสมองที่เรียกว่า gyri และ sulci นั้นช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวของเนื้อเทา ทำให้สมองสามารถประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้น

⭐การสื่อสารอันรวดเร็ว: ทางหลวงในร่างกาย⭐
สมองทำงานด้วยการส่งและรับสัญญาณเคมีและไฟฟ้าไปทั่วร่างกาย สัญญาณเหล่านี้ควบคุมกระบวนการที่แตกต่างกันออกไป ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย หรือรู้สึกเจ็บปวด ระบบทางหลวงอันซับซ้อนของเส้นประสาทเชื่อมโยงสมองกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ทำให้การสื่อสารเกิดขึ้นได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ลองนึกถึงความเร็วที่คุณดึงมือกลับจากเตาร้อนจัดดูสิ การสื่อสารนี้อาศัยนิวรอนหลายพันล้านเซลล์ ซึ่งส่งและรับสัญญาณประสาทผ่านแรงกระตุ้นไฟฟ้า เมื่อนิวรอนถูกกระตุ้น แรงกระตุ้นจะเคลื่อนไปยังปลายของแอกซอน ทำให้เกิดการปล่อยสารเคมีที่เรียกว่า สารสื่อประสาท (neurotransmitters) ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสาร สารสื่อประสาทเหล่านี้จะเดินทางข้ามช่องว่างระหว่างเซลล์ประสาทสองเซลล์ที่เรียกว่า ไซแนปส์ (synapse) และจับกับตัวรับบนเซลล์ที่รับสัญญาณ ทำให้เกิดการสื่อสารเป็นเครือข่ายที่ซับซ้อน ทำให้คุณสามารถเคลื่อนไหว คิด รู้สึก และสื่อสารได้
⭐สามส่วนหลักของอาณาจักรสมอง⭐
สมองสามารถแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ สมองส่วนหน้า (cerebrum), ก้านสมอง (brainstem) และ สมองน้อย (cerebellum)
1. สมองส่วนหน้า (Cerebrum): ศูนย์บัญชาการแห่งการคิด สมองส่วนหน้า เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของสมอง อยู่ด้านหน้าสุด มีบทบาทสำคัญในการเริ่มต้นและประสานงานการเคลื่อนไหว ควบคุมอุณหภูมิ และยังเป็นศูนย์กลางของการพูด การตัดสินใจ การคิดและให้เหตุผล การแก้ปัญหา อารมณ์ และการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการมองเห็น การได้ยิน การสัมผัส และประสาทสัมผัสอื่นๆ
2. ผิวชั้นนอกของสมองส่วนหน้าเรียกว่า เปลือกสมอง (cerebral cortex) ซึ่งเป็นเนื้อเทาที่มีรอยพับจำนวนมาก เปลือกสมองแบ่งออกเป็นสองซีก หรือ ซีกสมอง (hemispheres) ซีกสมองซ้ายควบคุมร่างกายซีกขวา และซีกสมองขวาควบคุมร่างกายซีกซ้าย ซีกทั้งสองนี้สื่อสารกันผ่านโครงสร้างเนื้อขาวขนาดใหญ่รูปตัว C ที่เรียกว่า คอร์ปัส แคลโลซัม (corpus callosum)
3. แต่ละซีกสมองยังแบ่งออกเป็นสี่กลีบ (lobes) ที่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจง:
🏵 กลีบหน้าผาก (Frontal Lobe): กลีบที่ใหญ่ที่สุดและอยู่ด้านหน้าสุด มีบทบาทในลักษณะบุคลิกภาพ การตัดสินใจ การวางแผน การจัดระเบียบ การแก้ปัญหา ความจำระยะสั้น และการเคลื่อนไหว การรับรู้กลิ่นมักเกี่ยวข้องกับส่วนนี้ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Broca's area ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสามารถในการพูด เรื่องราวที่มีชื่อเสียงของ Phineas Gage ช่างก่อสร้างทางรถไฟที่รอดชีวิตจากการถูกเหล็กแทงทะลุสมองส่วนหน้าในปี 1848 แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของกลีบนี้ในการควบคุมอารมณ์ การวางแผน และบุคลิกภาพ
🏵 กลีบข้าง (Parietal Lobe): อยู่ตรงกลางสมอง ช่วยในการระบุวัตถุและทำความเข้าใจความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ กลีบนี้ยังเกี่ยวข้องกับการตีความความเจ็บปวดและการสัมผัสในร่างกาย ความสามารถในการแยกแยะวัตถุสองชิ้นที่สัมผัสผิวหนังใกล้กัน (two-point discrimination) ก็เป็นหน้าที่ของกลีบนี้ Wernicke's area ซึ่งช่วยให้สมองเข้าใจภาษาพูด ก็อยู่ในกลีบนี้เช่นกัน
🏵 กลีบท้ายทอย (Occipital Lobe): อยู่ด้านหลังสุดของสมอง มีหน้าที่หลักในการมองเห็นและประมวลผลภาพจากดวงตา
🏵 กลีบขมับ (Temporal Lobe): อยู่ด้านข้างของสมอง มีบทบาทในความจำระยะสั้น การพูด จังหวะดนตรี และการรับรู้กลิ่นบางส่วน นอกจากนี้ยังประมวลผลข้อมูลจากประสาทสัมผัสของการได้ยินและช่วยในการจดจำภาษา รวมถึงประมวลผลข้อมูลภาพที่ซับซ้อน เช่น ใบหน้าและฉากต่างๆ
4. ก้านสมอง (Brainstem): เสาหลักแห่งชีวิต ก้านสมอง อยู่ตรงกลางสมอง ทำหน้าที่เชื่อมสมองส่วนหน้ากับไขสันหลัง ก้านสมองเป็นส่วนสำคัญต่อการอยู่รอด เนื่องจากควบคุมการทำงานที่จำเป็นต่อชีวิต เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ การไหลเวียนของเลือด และระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกาย นอกจากนี้ยังผลิตการตอบสนองแบบสะท้อนกลับ เช่น การจาม การอาเจียน การไอ และการกลืน ก้านสมองประกอบด้วยสามส่วนย่อย ได้แก่ สมองส่วนกลาง (midbrain), พอนส์ (pons) และเมดัลลา (medulla)
5. สมองน้อย (Cerebellum): ผู้ประสานงานการเคลื่อนไหว สมองน้อย หรือ "สมองเล็ก" มีขนาดเท่ากำปั้น อยู่ที่ด้านหลังศีรษะ มีสองซีกเช่นเดียวกับเปลือกสมอง หน้าที่หลักของมันคือการประสานงานการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อโดยสมัครใจ และรักษาสมดุลของร่างกาย เมื่อคุณเรียนรู้การเล่นเปียโน สมองน้อยจะมีบทบาทสำคัญ การศึกษาใหม่ๆ ยังสำรวจบทบาทของสมองน้อยในความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมทางสังคม รวมถึงความเกี่ยวข้องกับภาวะเสพติด ออทิซึม และโรคจิตเภท
โครงสร้างลึกลับภายในสมองส่วนลึก
นอกจากส่วนหลักเหล่านี้แล้ว สมองยังมีโครงสร้างที่อยู่ลึกเข้าไปภายใน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของเรา:
• ต่อมใต้สมอง (Pituitary Gland): บางครั้งเรียกว่า "ต่อมต้นแบบ" เป็นโครงสร้างขนาดเท่าเมล็ดถั่วที่อยู่ลึกเข้าไปในสมอง ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของต่อมอื่นๆ ในร่างกาย โดยควบคุมการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไต รังไข่ และอัณฑะ
• ไฮโปทาลามัส (Hypothalamus): ตั้งอยู่เหนือต่อมใต้สมอง ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย ประสานรูปแบบการนอนหลับ ควบคุมความหิวและความกระหาย และมีบทบาทในด้านความจำและอารมณ์บางส่วน
• อะมิกดะลา (Amygdala): โครงสร้างเล็กๆ รูปอัลมอนด์ที่อยู่ใต้สมองแต่ละซีก ควบคุมอารมณ์และความจำ และเกี่ยวข้องกับระบบรางวัลของสมอง ความเครียด และการตอบสนองแบบ "สู้หรือหนี" เมื่อรับรู้ถึงภัยคุกคาม
• ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus): อวัยวะรูปม้าน้ำโค้งงอใต้กลีบขมับแต่ละซีก สนับสนุนความจำ การเรียนรู้ การนำทาง และการรับรู้เชิงพื้นที่ มีบทบาทในการส่งความทรงจำไปเก็บไว้ในส่วนอื่นๆ ของสมองส่วนหน้า และเรียกความทรงจำเหล่านั้นกลับมาใช้ในภายหลัง
• ต่อมไพเนียล (Pineal Gland): ตอบสนองต่อแสงและมืด และหลั่งเมลาโทนิน ซึ่งควบคุมจังหวะการนอนหลับ-ตื่น

✅ การปกป้องและหล่อเลี้ยงสมอง ✅
สมองและไขสันหลังถูกห่อหุ้มด้วยชั้นป้องกันสามชั้นที่เรียกว่า เยื่อหุ้มสมองและไขสันหลัง (meninges):
1. ดูรา มาเตอร์ (Dura mater): ชั้นนอกสุดที่หนาและเหนียว
2. อแรกนอยด์ มาเตอร์ (Arachnoid mater): ชั้นบางๆ คล้ายใยแมงมุม
3. เพีย มาเตอร์ (Pia mater): เยื่อหุ้มบางๆ ที่แนบชิดกับพื้นผิวของสมอง อุดมไปด้วยเส้นเลือด
ภายใต้ชั้นอแรกนอยด์ มาเตอร์ มีของเหลวที่เรียกว่า น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (cerebrospinal fluid หรือ CSF) ของเหลวนี้ผลิตโดยโพรงสมอง (ventricles) ซึ่งทำหน้าที่รองรับและปกป้องระบบประสาทส่วนกลางทั้งหมด ทำความสะอาดของเสียและสิ่งสกปรก และส่งสารอาหาร
สมองยังได้รับเลือดและออกซิเจนจากหลอดเลือดสองชุดหลัก: หลอดเลือดแดงเวอร์เทบรัล (vertebral arteries) และ หลอดเลือดแดงคาโรติด (carotid arteries) และมี "วงกลมแห่งวิลลิส (circle of Willis)" ซึ่งเป็นวงแหวนของหลอดเลือดที่เชื่อมต่อหลอดเลือดแดงหลัก เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปยังส่วนต่างๆ ของสมองได้อย่างทั่วถึง
เครือข่ายเส้นประสาทที่เชื่อมโยง
ภายในกะโหลกศีรษะมี เส้นประสาทสมอง (cranial nerves) 12 คู่ ซึ่งมีบทบาทหลากหลาย:
• เส้นประสาทสมองคู่ที่ 1 (Olfactory nerve): รับกลิ่น
• เส้นประสาทสมองคู่ที่ 2 (Optic nerve): ควบคุมการมองเห็น
• เส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 (Trigeminal nerve): เป็นเส้นประสาทสมองที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุด ทำหน้าที่ทั้งรับสัมผัสจากใบหน้า ฟัน ขากรรไกร และควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคี้ยว
• เส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 (Vagus nerve): รับสัมผัสรอบหูและระบบย่อยอาหาร และควบคุมการเคลื่อนไหวของหัวใจ ลำคอ และระบบย่อยอาหาร
เส้นประสาทสมองสองคู่แรกมีต้นกำเนิดจากสมองส่วนหน้า ส่วนอีกสิบคู่ที่เหลือมาจากก้านสมอง นอกจากนี้ยังมี ระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral nervous system) ที่ประกอบด้วยเส้นประสาททั้งหมดที่อยู่นอกสมองและไขสันหลัง ซึ่งทำหน้าที่ส่งข้อมูลระหว่างสมองกับอวัยวะส่วนปลาย เช่น แขน ขา
สมองของเราเป็นผลงานชิ้นเอกทางวิศวกรรมชีวภาพที่ซับซ้อนอย่างน่าอัศจรรย์ ทุกส่วนทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน ตั้งแต่เซลล์ประสาทขนาดเล็กไปจนถึงกลีบสมองขนาดใหญ่ ก่อให้เกิดประสบการณ์ชีวิต ความคิด และตัวตนของเราเองทั้งหมด การทำความเข้าใจสมองจึงเป็นการทำความเข้าใจถึงแก่นแท้ของการเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง

บทความอ้างอิง
• Brain basics: Know your brain. National Institute of Neurological Disorders and Stroke. https://www.ninds.nih.gov/health-information/public-education/brain-basics/brain-basics-know-your-brain # . Accessed Jan. 10, 2024.
• Anatomy of the brain. American Association of Neurological Surgeons. https://www.aans.org/en/Patients/Neurosurgical-Conditions-and-Treatments/Anatomy-of-the-Brain . Accessed Jan. 10, 2024.
• Brain anatomy and functions. National Cancer Institute. https://www.cancer.gov/rare-brain-spine-tumor/tumors/anatomy/brain-anatomy-functions . Accessed Jan. 10, 2024.
• Overview of peripheral nervous system disorders. Merck Manual Professional Version. https://www.merckmanuals.com/professional/neurologic-disorders/peripheral-nervous-system-and-motor-unit-disorders/overview-of-peripheral-nervous-system-disorders . Accessed Jan. 10, 2024.
• Ciurleo R, et al. Parosmia and neurological disorders: A neglected association. Frontiers in Neurology. 2020; doi:10.3389/fneur.2020.543275

🙏ขอขอบคุณ โรงพยาบาลกลาง ที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้ เครื่องตรวจสมรรถภาพปอดระดับสูง Bodybox จากบริษัทเรา เรามุ่งมั่นพัฒนาก...
18/09/2025

🙏ขอขอบคุณ โรงพยาบาลกลาง ที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้ เครื่องตรวจสมรรถภาพปอดระดับสูง Bodybox จากบริษัทเรา เรามุ่งมั่นพัฒนาการบริการและนำเสนอเครื่องมือแพทย์ที่มีคุณภาพ เพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยและยกระดับมาตรฐานด้านสุขภาพของไทยต่อไป 💙✨

📞 สนใจสอบถามหรือสั่งซื้อ ติดต่อเราได้ที่
📍 [www.prapatsorn.co.th / LINE: / 026116500]

🙏ขอขอบคุณ โรงพยาบาลปาดังเบซาร์ ที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้ เครื่องตรวจสมรรถภาพปอด (Spirometer) ยี่ห้อ ndd รุ่น Easy on PC...
17/09/2025

🙏ขอขอบคุณ โรงพยาบาลปาดังเบซาร์ ที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้ เครื่องตรวจสมรรถภาพปอด (Spirometer) ยี่ห้อ ndd รุ่น Easy on PC จากบริษัทของเรา เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบเครื่องมือแพทย์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานสากล เพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพและเพิ่มศักยภาพในการบริการผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น ✨💙

📞 สนใจสอบถามหรือสั่งซื้อ ติดต่อเราได้ที่
📍 [www.prapatsorn.co.th / LINE: / 026116500]

✨บริษัท ประภัสสร เอ็นจิเนียริ่ง ซัพพลาย จำกัด✨มีความยินดีที่ได้เข้าร่วมโครงการประชุมพัฒนาทักษะวิชาชีพและงานวิจัยทางกายภา...
16/09/2025

✨บริษัท ประภัสสร เอ็นจิเนียริ่ง ซัพพลาย จำกัด✨มีความยินดีที่ได้เข้าร่วมโครงการประชุมพัฒนาทักษะวิชาชีพและงานวิจัยทางกายภาพบำบัด เขตสุขภาพที่ 1 เรื่อง“การฟื้นฟูสมรรถภาพและการทรงตัวในผู้ที่มีปัญหาจากโรคหินปูนในหูชั้นในหลุด” โดยมี กภ.วัชรินทร์ ทายะติ นักกายภาพบำบัดชำนาญการพิเศษ รพ.ตรัง เป็นวิทยากร และมีนักกายภาพบำบัดเข้าร่วมจำนวน 75 คน

📅 เมื่อวันที่ 21–22 สิงหาคม 2568
📍 ณ ห้องประชุมจันทรา รร.เวียงลคอร อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง

🙏บริษัทฯ ขอขอบคุณที่เปิดโอกาสให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมครั้งนี้ พร้อมทั้งขอขอบคุณคณาจารย์บุคลากรและทุกท่านที่แวะเยี่ยมชมบูธของเราทุกกำลังใจและการสนับสนุนคือแรงผลักดันให้เรามุ่งมั่นพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง 🌿🤝✨

#กายภาพบำบัด #ฟื้นฟูสมรรถภาพ #การทรงตัว #งานวิจัยกายภาพบำบัด #พัฒนาทักษะวิชาชีพ #งานประชุมวิชาการ

ที่อยู่

25 Rama VI Soi 4 (Rongmuang Soi 2), Rongmuang, Pathumwan
Bangkok
10330

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 17:30
อังคาร 08:30 - 17:30
พุธ 08:30 - 17:30
พฤหัสบดี 08:30 - 17:30
ศุกร์ 08:30 - 17:30

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Prapatsorn Engineering Supply Co., Ltd.ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Prapatsorn Engineering Supply Co., Ltd.:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

Our Story

บริษัท ประภัสสร เอ็นจิเนียริ่ง ซัพพลาย จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่าย และนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจาก บริษัทผู้ผลิต จำหน่ายเครื่องมือและอุปกร์ทางการแพทย์ชั้นนำ ทั้งจากสหรัฐอเมริกา , ยุโรป และเอเซีย โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้น คัดสรรเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงมีความปลอดภัยสูงสำหรับผู้ป่วย ซึ่งผลิตโดยผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่มีประสบการณ์สูง อีกทั้งยังมีความน่าเชื่อถือ และยอมรับจากทั่วทุกมุมโลก

บริษัทฯ ได้ให้การบริการแก่ลูกค้าทั้งภาครัฐบาล รวมถึงโรงพยาบาลในภาคเอกชน โดยปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ มุ่งเน้นการให้การบริการ และดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีนโยบายส่งเสริม รวมทั้งสนับสนุนด้านวิชาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดสัมมนา, การจัดประชุมวิชาการ และการประชุมเชิงปฏิบัติการ ให้กับแพทย์–พยาบาล และผู้ปฎิบัติงานสนับสนุนทางด้านการแพทย์ฝ่ายอื่น ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มมาตรฐานให้กับวงการแพทย์ในประเทศให้มีคุณภาพ และมีมาตรฐานทัดเทียมกับนานาประเทศ