
09/07/2025
📛 สรุปข้อคิดเห็นด้านจริยธรรมการให้การรักษาด้านความงามที่มากจนเกินงามจากวารสาร JAAD International 2024;16:1-2.
✅ ปัจจุบันจำนวนผู้เข้ารับการรักษาเพื่อความงาม — โดยเฉพาะหัตถการไม่ผ่าตัดอย่างเลเซอร์และการฉีดสารเติมเต็มเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในหลายประเทศ
✅ สาเหตุสำคัญได้แก่ความต้องการคงความอ่อนเยาว์ ค่านิยมทางสังคมที่ยอมรับการ “เสริมสวย” มากขึ้น ตลอดจนปัจจัยทางจิตใจ เช่น body dysmorphic disorder และภาวะเสพติดการทำหัตถการ
✅ เมื่อทำหัตถการซ้ำบ่อย ผู้ป่วยจะเสี่ยงต่อ “perception drift” — การรับรู้ภาพลักษณ์ตนเองค่อย ๆ บิดเบือนจนมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ผิดธรรมชาติของใบหน้า
✅ ในขณะที่สื่อสังคมออนไลน์ก็ยังกระพือมาตรฐานความงามที่เกินจริง ทำให้หลายคนพยายามไล่ตามลุคที่ไม่สอดคล้องกับโครงสร้างใบหน้าจริงของตน
✅ หลักจริยธรรมทางการแพทย์ข้อหนึ่งที่แพทย์ยึดถือคือการที่ไม่ทำการรักษาที่ก่ออันตรายแก่ผู้ป่วย ฉะนั้นแพทย์ควรปฏิเสธหัตถการที่ไม่จำเป็นหรือเสี่ยงต่อสุขภาพกายและใจของผู้ป่วย หรืออาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาเกินความจำเป็นอย่างรุนแรง ตั้งแต่รูปหน้าผิดสัดส่วน แผลเป็น ไปจนถึงแผลไหม้ถาวร
✅ ในปัจจุบันแนวโน้ม “งานแก้” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้ป่วยไปรับบริการจากผู้ให้บริการที่ขาดทักษะ หรือยอมทำตามความต้องการที่เกินจริงของคนไข้
✅ ก่อนตัดสินใจทำหัตถการ ผู้ป่วยควรถามตนเอง (และให้แพทย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา) ว่า 1) ได้ประโยชน์จริงหรือไม่ 2) ยอมรับความเสี่ยงได้หรือไม่ และ 3) ผลลัพธ์จะทำให้ใบหน้าดูผิดธรรมชาติหรือไม่
✅ แม้ผู้ป่วยจะพร้อมจ่ายเงิน แพทย์ควรกล้าปฏิเสธการรักษาที่ไม่สมเหตุผล ถือว่ากำลังปกป้องสวัสดิภาพของผู้ป่วยและยึดมาตรฐานวิชาชีพสูงสุด
✅ การปฏิเสธหัตถการที่ไม่เหมาะสมยังช่วยสร้าง “สัญญาณเตือน” ให้สังคมตระหนักถึงโทษของการทำหัตถการเกินจำเป็น และยืนยันว่าหน้าที่หลักของแพทย์คือการรักษา มิใช่การรองรับความต้องการที่อาจก่ออันตราย