12/05/2023
ข้อมูลทางการแพทย์เกี่ยวกับอาหารเสริมสำหรับต่อมลูกหมาก และสุขภาพเพศชาย
อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หมายถึง การมีปัญหาเกี่ยวความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของทั้งผู้ป่วย คู่นอนและครอบครัว โดยภาวะดังกล่าวเป็นภาวะที่พบได้บ่อยมากถึงร้อยละ 30-50 ของเพศชายที่มีอายุมากกว่า 40ปี และจากการคาดคะเนจากข้อมูลในปัจจุบันพบว่าในปี พ.ศ. 2568 อาจมีผู้ป่วยเสื่อมสมรรถภาพทางเพศสูงถึง 322ล้านคนทั่วโลก อย่างไรก็ตามในปัจจุบันด้วยวัฒนธรรมของชาวเอเชียที่มักเขินอายในการรับปรึกษาเกี่ยวกับภาวะดังกล่าวจึงทำให้ผู้ป่วยบางส่วนเลือกที่ทำการรักษาด้วยการใช้อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์, การแพทย์ทางเลือก หรือการปรับพฤติกรรม ซึ่งยังมีข้อมูลเชิงประจักษ์ค่อนข้างน้อย เพื่อดูแลสุขภาพทางเพศแทนเพราะสามารถเข้าถึงได้ง่ายและราคาไม่แพง
ในปัจจุบันอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลสุขภาพทางเพศที่มีขายในท้องตลาด มักมีองค์ประกอบหลักจาก โสม, แปะก๊วย, โยฮิมไบน์ (yohimbine), ถั่งเช่า(catapillar fungus), วิตามิน, แอล-อาจีนิน (L-arginine), Dehydroepiandrosterone sulfate (DHEA), แร่ธาตุ(mineral and trace element) ซึ่งอาหารเสริมเหล่านี้ยังมีข้อมูลการศึกษาในมนุษย์อยู่อย่างจำกัด และมีความเสี่ยงในการปลอมแปลงของสารองค์ประกอบหรือปนเปื้อนได้มาก ในบางการศึกษาพบว่าอาหารเสริมบางชนิดที่มีจำหน่ายในท้องตลาด มีสารองค์ประกอบอยู่ในตัวผลิตภัณฑ์มากถึง 33 ชนิด โดยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสมุนไพรเหล่านี้ในปัจจุบันยังมีข้อมูลการศึกษาในมนุษย์อยู่อย่างจำกัด หรือมักมีขั้นตอนการดำเนินการวิจัยที่ไม่รัดกุม ซึ่งข้อมูลเท่าที่มีอยู่และเชื่อถือได้ มักให้ผลการศึกษาส่วนมากไปในทิศทางที่ไม่มีผลต่อการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการรักษาตามมาตรฐาน
ในส่วนของการปรับพฤติกรรมเป็นรูปแบบการรักษาที่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ในมนุษย์จำนวนมาก โดยจากการศึกษา แนะนำให้
1. ออกกำลังกายในระดับสูง (High physical activity) ซึ่งสามารลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ และเพิ่มความสามารถในการมีบุตรของเพศชายได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยจากการศึกษาแนะนำให้ออกกำลังในกลุ่ม moderate หรือ vigorous intensity ประมาณ 5ครั้ง /สัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที อย่างไรก็ตามการที่ออกกำลังโดยการวิ่งที่มากกว่า 160 กิโลเมตร/สัปดาห์ กลับพบมีผลเสียระดับฮอร์โมนเพศชายและความสมบูรณ์ของน้ำอสุจิได้
2. ปรับเรื่องการรับประทานอาหาร โดยจากการศึกษาส่วนมากแนะนำให้ทานอาหารในกลุ่มเมริเตอเรเนียน โดยผลการศึกษาพบว่าหลังจากการทานอาหารในกลุ่มดังกล่าวประมาณ 2 ปี สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยอาหารในกลุ่มเมริเตอเรเนียนจะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจาก plant-based และ healthy fats
ได้แก่ ผัก ผลไม้ ธัญพืช น้ำมันมะกอก ถั่ว เครื่องเทศ เนื้อปลา โดยเฉพาะเนื้อปลาที่มีโอเมกา 3 ปริมาณมาก และจำกัดอาหารจำพวกสัตว์ปีก ไข่ เนย โยเกิร์ต เนื้อแดงและของหวาน นอกจากนี้การลดน้ำหนัดในผู้ชายที่มีภาวะอ้วนด้วยการรับประทานอาหาร แบบ low calorie หรือ low fat สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้อย่างมีนัยสำคัญ
3. การฝึกโยคะ จากการศึกษาในประเทศอินเดียพบว่าการฝึกโยคะในท่าอาสนะ และปราณยามะ นาน 1 ชั่วโมง/วัน ร่วมกับการฝึกท่ามหามุทรา 15-20 ครั้ง/วัน ทุกวันต่อเนื่องนาน 8 สัปดาห์ สามารถช่วยเพิ่มในระยะเวลาผู้ป่วยโรคหลั่งเร็วได้
4. การปรับพฤติกรรมโดยหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ โดยจากการศึกษาในมนุษย์พบว่าการสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และโรคหลั่งเร็ว และยังมีผลที่ไม่ดีต่อความสมบูรณ์ของน้ำอสุจิ โดยความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณและระยะเวลาที่ได้สูบบุหรี่
5. การปรับพฤติกรรมในการดื่มแอลกอฮอล์ พบว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก (มากกว่า 1-3 ดื่ม/วัน หรือ 8 ดื่ม/สัปดาห์ ) มีผลกระทบให้เกิดการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
6. หลีกเลี่ยงการสัมผัสต่อความร้อนในระดับสูงเป็นระยะเวลานานๆ เช่น การใช้งานคอมพิวเตอร์บนหน้าตัก การใส่กางเกงรัดรูป การนั่งนานๆโดยไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ
สำหรับอาหารที่สามารถช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ในปัจจุบันมักนิยมพูดถึงไลโคปีน(lycopene) ซึ่งมักพบได้มากในมะเขือเทศ และสามารถดูดซึมได้ดีมากขึ้นถ้าถูกปรุงสุกแล้ว หรือรับประทานพร้อมกับไขมัน แต่อย่างไรก็ตามจากผลการศึกษาของวิเคาระห์อภิมาน (meta-analysis) ยังพบมีข้อมูลที่ขัดแย้งกัน จึงทำให้ยังไม่ถูกแนะนำเป็นมาตรฐานโดยองค์กรณ์ที่เกี่ยวข้องต่าง เพื่อใช้ในการป้องกันในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
อาจารย์นายแพทย์กัญจน์ ศิริโสภณา
สาขาศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ
ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี