ปันกันสุข

20/07/2021

เดือนมิ.ย. 64
กองทุนปันกันสุขไม่มีรายรับ
และไม่มีรายจ่ายนะ
คงเหลือเท่าเดิม 5,800

15/06/2021

เคยมั้ย
ไม่กล้าลงมือทำอะไร เพราะกลัวทำแล้วไม่สำเร็จ และนำมาซึ่งความผิดหวัง
งั้นไม่ทำดีกว่าจะได้ไม่ผิดหวัง

คุณจะคิดอย่างนั้นก็ได้นะ ถ้าคุณจะไม่มารู้สึกแย่กับตัวเอง
ไม่มัวตำหนิว่าตัวเองไม่ได้เรื่อง ไม่มานั่งเสียดายทีหลัง

หากคุณลงมือ ผลที่จะเกิดมี 2 ทางคือสำเร็จกับพลาด แต่หากไม่ลงมือ ผลที่ออกมามีอย่างเดียวคือไม่สำเร็จ

แล้วถ้าความไม่สำเร็จมันทำให้คุณเจ็บปวด ก็เท่ากับคุณยัดเยียดความเจ็บปวดใส่ตัวเองด้วยการไม่ลงมือทำ

หากคุณยังกลัวๆกล้าๆ ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี เดินหน้าหรือถอยหลัง

เราอยากแนะนำให้คุณลองถามตัวเองดู ว่า

ความผิดหวังที่ไม่ได้ลงมือทำกับทำแล้วไม่สำเร็จ อันไหนเจ็บปวดกว่ากัน

มันก็ทำนองเดียวกับคำพูดที่ว่า “อกหักดีกว่ารักไม่เป็น” อ่ะแหละ

#กล้าไม่กล้าถามใจเธอดู

12/06/2021

ช่วงนี้มีเหตุปัจจัยให้คนทุกข์มากมาย หากเราช่วยผ่อนคลายได้ ให้เราช่วยนะ กองทุนยังมีเงินเหลือพอช่วยได้ เรายินดีนะ

23/04/2021

ติดยังวะ

ช่วงนี้หลายคนคงได้ยินคำนี้อยู่บ่อยๆ
ทั้งในแง่ พูดเล่น ขำๆ
หรือพูดจริงจัง กังวล

บางคนยังไม่อยู่ในกลุ่มที่จำเป็นต้องตรวจ
บางคนไม่กล้าตรวจ บางคนอยากตรวจ
บางคนเสี่ยงสูงต้องตรวจ
หลายคนตรวจแล้ว เจอแล้ว รักษาแล้ว รักษาอยู่

นี่คือสิ่งที่แทบทุกคนรับรู้ข่าวสารในเวลานี้
แต่ มันยังมีอีกบางแง่มุมที่บางคนอาจไม่เคยรู้ ไม่ทันได้นึกถึง
หรืออาจจะพอได้ยินมาบ้าง
คือแง่จิตใจ อารมณ์และความรู้สึกต่อสิ่งนี้

คนยังไม่รู้ ยังไม่เป็น ยังไม่ติด ก็อยู่ในภาวะ กังวล ระวัง
หรือบางคนอาจเฉยๆ ไม่คิดไม่รู้สึกอะไร บางคนอาจคิดแต่จัดการได้
คนที่ยังไม่ติดก็รู้สึกไปประมาณนึง
คนที่ติดแล้วล่ะ รู้สึกอย่างไรกันบ้าง

ก็คงมีหลากหลายเช่นกัน
ตกใจ กลัว กังวล เครียด อันนี้คงมีกันบ้าง มากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละคน
จากการเจ็บป่วยอย่างเดียวคงพอจัดการได้
แต่ถ้าเป็นคำตำหนิ ด่าทอ ถากถางหรือ.... ล่ะ
บางคนบอกช่างมันฉันไม่แคร์ บางคนคงรับไม่ไหว
แต่คงห้ามปากใครไม่ได้หรอก จริงมั้ย
บางคนก็อาจจะเข้าข่ายสมควรถูก...
ก็ว่ากันไป เรื่องนี้เราจะไม่ยุ่ง ตัวใครตัวมัน 555

แต่มีเรื่องนึงที่เราอยากยุ่ง

คือเราได้มีโอกาสดูแลจิตใจคนเจ็บป่วยด้วยโควิด
(มันคือนโยบายจากกระทรวงนะที่ตระหนักดีว่า คนได้รับผลกระทบด้านจิตใจจากเรื่องนี้แน่ๆจึงสั่งการให้ดูแลจิตใจด้วยไม่ใช่เฉพาะร่างกาย เขาทำมาระยะนึงแล้วนะ ต้องให้เครดิตหน่อย)

เจอเคสที่รู้สึกผิด เฝ้าตำหนิตัวเองว่า ประมาท เลินเล่อ ระวังไม่ดีพอ เลยติด
เขารู้สึกผิดต่อตนเอง ต่อคนรอบข้าง และต่อสังคม
จนทำให้รู้สึกหดหู่มาก......
จะบอกว่าอย่ารู้สึกผิดเลย เพราะถ้าคุณรู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ คุณคงไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น ก็อาจจะมีคนด่าเรา เอาเป็นว่ามันก็สมควรที่คุณจะรู้สึกผิดบ้าง แต่หากคุณจะจมอยู่กับความรู้สึกนี้เราก็ไม่เห็นด้วย

แล้วคุณจะออกจากความรู้สึกนี้และแปรเปลี่ยนมันให้เป็นพลังเพื่อสร้างสิ่งที่ดีกว่าได้อย่างไร

เราอยากถามคุณด้วยคำถามนี้

ถ้าคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ไม่ใช่คุณ
แต่เป็นเพื่อนสนิทของคุณ เพื่อนที่คุณรู้จักเขาดี และรักเขามาก
คุณจะพูดกับเขาว่าอะไรเหรอ คุณจะตำหนิเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกมั้ย
หรือคุณจะบอกเขาว่า รู้นะว่าเธอรู้สึกผิด แต่เธอตำหนิตัวเองมามากพอแล้วนะ
เราไม่โกรธเธอหรอก เราเข้าใจและเชื่อว่าอีกหลายๆคนก็เข้าใจและพร้อมให้โอกาสเธอทำใหม่ให้ดีกว่าเดิม เราจะเป็นกำลังใจให้

หากคำตอบของคุณคือแบบที่ 2

เราก็ขอถามคุณต่อว่า

คุณตำหนิตัวเองมากี่วัน กี่คืน กี่ครั้งแล้ว
มันเพียงพอหรือยัง
คุณมีสิทธิ์ที่จะได้รับคำพูดยอมรับ เข้าใจ และให้อภัยเช่นเดียวกับเพื่อนคุณมั้ย
หากคุณให้สิ่งนี้กับเพื่อนคุณได้ แล้วเพราะอะไรจึงจะให้ตัวเองบ้างไม่ได้ล่ะ

คุณตำหนิตัวเองมากเกินพอแล้วนะ
ใจดีกับตัวเองหน่อยได้มั้ย
ให้โอกาสตัวเองได้แก้ตัว
แล้วทำมันให้ดีกว่าเดิม
อย่าลืมนะ พลาสม่าของคุณมีประโยชน์
เอามาใช้ช่วยคนอาการหนักได้
ไหนๆก็พลาดไปแล้ว ลงโทษตัวเองด้วยการตำหนิมากพอแล้ว
ถึงเวลาทำประโยชน์แล้วล่ะ
ลุกขึ้นมาเถอะ

เป็นกำลังใจให้นะ

07/04/2021

หากทุกข์ใจ แต่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย กองทุนยินดีช่วยเหลือนะคะ

02/04/2021

ออทิสติก แม่ช่วยได้

2 เมษายน วันออทิสติกโลก

โรคออทิสติก ภาษาอังกฤษเรียกว่า Autistic Spectrum Disorder (ASD) ในปัจจุบันมักเรียกว่าบุคคลที่มีภาวะออทิสซึ่ม คำว่าสเปกตรัม หมายถึงมีความรุนแรงหรือหนักเบาของอาการแตกต่างกันไป อาการจะเกิดก่อนอายุ 3 ขวบ หากพ่อแม่สังเกตุเห็นเร็ว ได้รับการรักษาเร็วจะช่วยให้ผลการรักษาดี ซึ่งอาการเกิดจากการทำงานผิดปกติของสมอง 3 ด้านใหญ่ คือ

ความผิดปกติทางสังคมและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่หันตามเสียงเรียก ไม่สบตา ไม่มีความสนใจร่วมกับคนอื่น ไม่เข้าหาผู้ใหญ่เวลาร้องไห้ ไม่คลุกคลีกับคนเลี้ยง ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น มักไม่มีเพื่อน ชอบอยู่คนเดียว สนใจสิ่งของมากกว่าคน ทักทายคนด้วยวิธีแปลก เช่น ดมกลิ่น ดึงแว่นตา จ้องที่ฟัน (เหล็กดัดฟัน) เอามือแตะตัว
ความผิดปกติทางภาษาและการสื่อสาร พูดช้าหรือพูดไม่ได้เลย มีภาษาของตัวเองที่คนอื่นไม่เข้าใจ พูดซ้ำๆเช่น ข้อความในโฆษณา พูดซ้ำข้อความคนอื่น พูดคำสลับ ไม่เข้าใจความหมายเชิงนามธรรม ใช้ภาษา/ล้อเล่นไม่ถูกกาลเทศะ สื่อสารโดยใช้ท่าทางไม่เป็น เมื่อต้องการอะไรจะชี้หรือขอไม่เป็นแต่ใช้วิธีดึงมือคนอื่นไปที่ของสิ่งนั้น
ความผิดปกติทางอารมณ์และพฤติกรรม แสดงออกทางอารมณ์น้อยหรือมากเกินไป ชอบทำอะไรซ้ำๆ เช่นโยกตัว โบกมือไปมา ดูการ์ตูน กินอาหาร ทำกิจวัตร ใช้เส้นทางซ้ำๆ หากเปลี่ยนแปลงจะหงุดหงิดอาละวาด ประสาทสัมผัสไวหรือช้ากว่าปกติ เดินเขย่งเท้า หมุนตัว วิ่งไปมาอย่างไร้จุดหมาย เล่นไม่เป็น ชอบของที่หมุนไปมา เอาของเล่นมาดูใกล้ๆตา

การรักษาอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น กระตุ้นพัฒนาการ ปรับพฤติกรรม ใช้ยา จัดการศึกษาเฉพาะบุคคล

พ่อ แม่ ผู้ปกครองมีส่วนช่วยอย่างมากในการฝึกฝน โดยมีหลักสำคัญดังนี้

ตั้งเป้าหมาย
😊 นำเด็กออกจากโลกส่วนตัว เพิ่มการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม
😊 พัฒนาความสามารถของลูก เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตด้วยตนเองในสังคม

ฝึกทักษะด้านต่างๆ
☺️ ทักษะพื้นฐาน เช่นการมองหน้า ฟังและทำตามคำสั่งง่ายๆ การทำงานอย่างมีสมาธิจดจ่อ
ฝึกทำกิจวัตรประจำวัน
☺️ ทักษะสังคม เช่นการเข้าหาผู้อื่น และตอบสนองอย่างเหมาะสม ลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
☺️ ทักษะการสื่อสาร ให้พูดหรือใช้ท่าทางสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
☺️ กระตุ้นประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ

การร่วมมือกันระหว่างทุกคนที่เกี่ยวกข้องกับเด็กมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเด็กอย่างมาก

อย่าลืมช่วยกันสังเกตุเด็กๆเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วนะคะ

30/03/2021

วันไบโพล่าร์โลก

มารู้จักไบโพล่าร์กันเถอะ

ไบโพล่าร์เป็นความผิดปกติทางอารมณ์
ไบโพล่าร์ไม่ใช่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้ ไม่ใช่เป็นบ้า
ไม่ใช่หลายบุคลิก

ไบโพล่าร์เป็นยังไง
ภาษาไทยเรียกว่า “อารมณ์สองขั้ว”
ทำความรู้จักแบบพูดง่ายๆตามชื่อเลย คือ

มีอารมณ์หลักๆ 2 ขั้ว (กลุ่ม)

ขั้วซึมเศร้า (Depress) กับ ขั้วคึกคัก (Mania)

ขั้วซึมเศร้า (อาการเช่นเดียวกับโรคซึมเศร้า)
อาการ เศร้า หดหู่ ร้องไห้ง่าย ซึม พูดน้อย เฉื่อยชา ไม่อยากทำอะไรแม้แต่เรื่องที่เคยชอบ เหม่อลอย หลงลืม หงุดหงิดง่าย กินนอนผิดไปจากเดิม (น้อยหรือมากเกิน) ไม่มั่นใจ มองตัวเองในแง่ลบ มักโทษและตำหนิตนเอง รู้สึกว่าตนไม่มีค่า ไม่มีความหมาย ไม่เป็นที่ต้องการ หากเป็นมากจะมีความคิดไม่อยากมีชีวิต อยากหายไป จนสามารถลงมือฆ่าตัวตาย (ระดับความรุนแรงพัฒนาเป็นลำดับ)

ขั้วคึกคัก
อาการ มีความสุขมาก อารมณ์ดีผิดปกติ พูดจามีอารมณ์ขัน ตลกโปกฮา ล้อเลียนผู้อื่น คึกตะนอง ขาดความยับยั้งชั่งใจ มีความคิดสร้างสรรมาก ความคิดแล่นเร็ว อยากทำโครงการเยอะแยะมากมาย เปลี่ยนความสนใจง่าย เชื่อมั่นตนเองสูงไม่ฟังผู้อื่น คึกคัก มีพลังมาก ขยันมาก พูดมาก ต้องการพักผ่อนน้อย ไม่หลับไม่นอน มีกิจกรรมทางเพศมากใช้จ่ายเงินมาก

ไบโพล่าร์จะมีอาการสลับกันเป็นช่วงสั้นยาวขึ้นกับความรุนแรงของโรค (นานเกินสัปดาห์หรือหลายวัน แต่ไม่ใช่สลับไปสลับมาในเวลาแป้บๆ) ในบางรายอาจมีอาการขั้วคึกคักอย่างเดียวโดยยังไม่แสดงอาการขั้วเศร้าก็จัดอยู่ในไบโพล่าร์ แต่ถ้ามีเพียงขั้วเศร้าแต่ยังไม่มีอาการขั้วคึกคักจะจัดอยู่ในโรคซึมเศร้าไม่ใช่ไบโพล่าร์

โรคอื่นๆที่คนทั่วไปสับสนกับไบโพล่าร์

โรคหลายอัตลักษณ์ หรือโรคหลายบุคลิก หรือ Dissociative Identity Disorder

ผู้ป่วยจะเหมือนมีหลายคนอยู่ในตัวเอง มีลักษณะเฉพาะ นิสัยใจคอ ท่าทาง และชื่อเฉพาะตัวในแต่ละบุคลิก ผู้ป่วยในบุคลิกเดิมมักไม่รู้ตัวว่าตนมีอีกบุคลิกหนึ่ง แต่ขณะอยู่ในอีกบุคลิกหนึ่งอาจรู้ว่ามีบุคลิกแรกอยู่

โรคบุคลิกภาพแปรปรวน (บุคลิกภาพผิดปกติ)

แบ่งเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มแรก ไม่ค่อยส่งผลกระทบกับผู้อื่น จะมีความคิดแปลก แตกต่างจากคนอื่น อาจขี้ระแวง มักคิดว่าคนอื่นจะคิดกับตนไม่ดี อาจเชื่อเรื่องไสยศาสตร์

กลุ่มสอง มักอารมณ์รุนแรง ขี้เหวี่ยงวีน แสดงออกทางอารมณ์มาก ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น

กลุ่มสาม มีความวิตกกังวลมาก ย้ำคิดย้ำทำ ไม่กล้าเข้าหาผู้อื่น

วิธีชวนผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาและช่วยเหลือ หากสังเกตุเห็นความผิดปกติ แต่ผู้ป่วยไม่ตระหนัก ไม่ร่วมมือหรือไม่ยอมไปรักษา

ควรพูดคุยถึงความคิดและความรู้สึกต่อปัญหาที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบแทนการพูดถึงความเจ็บป่วยและเป็นโรค เช่น รู้สึกอย่างไรบ้างที่นอนไม่หลับ การใช้เงินมากจนไม่สามารถจ่ายบัตรเครดิตกระทบอย่างไรต่อชีวิต การพูดคุยอย่างนี้จะช่วยเปิดใจและทำให้ผู้ป่วยอยากแก้ไขปัญหานำไปสู่กระบวนการรักษาได้ อย่างไรก็ตามควรให้เวลาค่อยๆชวนคุยเรื่อยๆโดยไม่บังคับหรือเร่งรัด

สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ป่วยทุกคนต้องการคือความเข้าใจ การยอมรับเขาแบบที่เขาเป็น บางครั้งแค่เพียงกอดหรือการนั่งข้างๆเป็นเพื่อนก็เพียงพอที่จะช่วยเหลือแล้ว

เป็นกำลังใจให้นะคะ

22/03/2021

สายตาที่พ่อแม่ ครูและผู้ใหญ่มองเด็กกำลังสื่อสารว่า เราเชื่อมัรนในตัวเขา เขาก็จะเชื่อมั่นในตัวเอง แต่หากเป็นสายตาแห่งความกังวล ห่วงใย กลัวเขาจะพลาด เขาก็จะรับรู้ถึงความด้อยสามารถในตน ส่งผลให้ขาดความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

21/03/2021

บางครั้งการมองโลกดีเกินไปก็อาจทำให้ทุกข์ได้โดยไม่รู้ตัวนะ ลองฟังดูสิ

แม้จะเครียดจากการทำงานมามากแค่ไหน เราก็ถูกสอนให้พยายามคิดบวกหรือคิดในแง่ดีไว้เสมอ เช่น มีงานทำก็ดีแล้วในยุคนี้ แต่เมื่อถูกบอกให้คิดบวกเอาไว้มากๆ จนเกินความเป็นจริง มันก็กลับกลายเป็นผลลบภายในใจเราที่สร้างปัญหาสุขภาพจิตในเวลาต่อมา หรือที่เรียกกันว่า toxic positivity
พอดแคสต์ในอีพีนี้จะมีนักจิตวิทยามาช่วยหาวิธีพยายามบาลานซ์การคิดบวกยังไงให้ยังคงมีความหวังในชีวิตและไม่กัดกินจิตใจเราในอนาคตต่อไปกันนะ
ใครที่รู้สึกว่ากำลังเกิดปัญหา toxic positivity อยากพูดคุย หรือสนใจดูแลใจ สามารถลองใช้แอพพลิเคชันของ ooca ได้เลยนะ
ติดตามช่องทางต่าง ๆ ของ OOCA ได้ที่ > https://linktr.ee/ooca
🔹 ดาวน์โหลดแอพฯ หรือคุยผ่านเว็บไซต์ > https://ooca.page.link/workheart
🏙 บริการดูแลใจพนักงานในองค์กร > https://ooca.page.link/wh_corporate
สามารถฟัง WORK Heart EP04 ได้ที่นี่เลย
YouTube : https://youtu.be/T3p3Zpf0f7o
Spotify : https://spoti.fi/3s5o8mB
Apple Podcast : https://apple.co/3cTzrbm

08/03/2021

เด็กน้อยที่ถูกกักขังอยู่กับความรู้สึกผิดในอดีต อาจนำพาชีวิตในวัยเติบใหญ่ติดอยู่กับความทุกข์ที่ทำให้ชีวิตเดินหน้าไม่ได้ อาจเป็นการดีที่จะกลับไปให้อภัยและโอบกอดเด็กน้อยในวันนั้น เพื่อปลดปล่อยตนเองจากพันธนาการแล้วเดินไปสู่อนาคตที่มีความสุข

06/03/2021

ดึงคนออกจากความทุกข์ด้วยการฟังกันเถอะ

คนทุกข์ ทุกข์จากอะไรหรือ
พ่อแม่ไม่เข้าใจ
ร้างลาจากคนรัก สามีนอกใจ
คนซึ่งเป็นที่รักจากไปไม่มีวันกลับ
ต้องออกจากงาน
เงินไม่พอใช้แต่ค่าใช้จ่ายรออีกมากมาย
ญาติหรือคนใกล้ชิดป่วยหนัก
ต้องดูแลผู้ป่วยติดเตียง

หรือ

หลากหลายปัญหารุมเร้า ประดังประเด
แต่ต้องเผชิญกับปัญหา/ต่อสู้โดยลำพัง
เหนื่อย ท้อแท้ ผิดหวัง เสียใจ
รู้สึกหมดหวัง หาทางออกไม่ได้
ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรับฟัง

หรือทั้งหมดรวมๆกันจนจัดการไม่ไหว

คนที่ก้าวถึงจุดที่สุดของชีวิตต้องการอะไร

อาจเป็นเพียงใครสักคนยื่นมือมาเพื่อบอกให้รู้ว่าเขายังมีใครคนหนึ่ง
อาจเพียงแค่คนนั่งข้างๆ เป็นเพื่อน ให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
อาจเป็นเพียงกำลังใจที่หยิบยื่นให้

เขาไม่ได้ต้องการให้ใครมาสงสาร

แต่...ต้องการแค่คนฟัง เข้าใจ ยอมรับ ไม่ตัดสิน

และนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าฟังอย่างลึกซึ้ง

เอาภาษาง่ายๆ แค่เพียงนั่งข้างๆ ตั้งใจฟังอย่างสนใจ ไม่รีบร้อนพูดขัด/ซักถามหรือให้คำแนะนำสั่งสอน ไม่คิดแทนหรือตัดสินว่าเขาควรเป็นหรือควรทำอย่างไร ใช้ใจรับรู้อารมณ์ ความรู้สึกของผู้พูด ใช้ภาษากายแสดงการตอบรับให้เขารู้ว่าเราสนใจฟังเขาอยู่ และยอมรับไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นอย่างไร บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูดอะไร แต่เพียงเท่านี้ผู้พูดก็ได้รับการเยียวยาและกลับมีแรงสู้ต่อแล้วหล่ะ

เป็นกำลังใจให้พากันก้าวผ่านนะคะ

04/03/2021

กองทุนนี้ใช้ในการรับบริการที่เพจนี้ได้เช่นกันนะคะ

การให้ส่งต่อได้ไม่สิ้นสุด

มีผู้รับบริการที่เคยเป็นผู้รับการช่วยเหลือจากกองทุนปันกันสุข แล้วก็ย้อนกลับมาเป็นผู้ให้ ไม่ได้ให้เพียงครั้งเดียว ให้เรื่อยๆ นิดบ้างหน่อยบ้างตามกำลัง เป็นความน่ารัก น่าชื่นใจในสังคม ขอบคุณทุกน้ำใจนะคะ

20/02/2021

จริงแท้หรือแค่เรียกร้องความสนใจ

เคยเจอใครทำแบบนี้มั้ย
พูดว่าจะฆ่าตัวตาย ลงมือแต่ไม่สำเร็จ เพียงเพิ่งเกิดขึ้น หรือซ้ำแล้วซ้ำอีก

คุณคิดกับเขายังไง ??

เครียด เศร้า ไม่รู้จะช่วยยังไง น่าสงสาร น่าเห็นใจ อยากช่วยเหลือ น่าเบื่อ เรียกร้องความสนใจ ไม่เข้าใจ สงสัย หรือหลายความรู้สึกปนเปกัน

งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วเราจะคิดหรือทำอย่างไรดี

😔 สมมุติว่า เขาต้องการทำแบบนั้นจริงๆ

มีอยู่ไม่กี่เหตุผลที่นำไปสู่จุดนั้น
😔 รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ไม่มีประโยชน์
😔 รู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่รัก
😔 ไม่มีความหวัง ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
😔 หาเหตุผลในการอยู่ต่อไม่เจอ
😔 ท้ายที่สุด ทุกสิ่งนำไปสู่ความเจ็บปวดที่เกินกว่าจะรับไหวและไม่รู้จะจัดการความเจ็บปวดนั้นยังไง

😔 สมมุติว่า เขาอยากเรียกร้องความสนใจ

เพราะอะไรเขาจึงทำเช่นนั้น
😔 หากเขาเรียกร้องความสนใจ แน่นอนแปลว่าเขาต้องการความสนใจ แล้วเพราะอะไรเขาจึงต้องการความสนใจจนต้องเรียกร้อง ก็เพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความสนใจ แปลให้ลึกลงไปมันแปลว่า ไม่มีใครเห็น (ตัวตน ความทุกข์ ความต้องการของเขา) ไม่มีใครรับฟัง ซึ่งมันแปลได้อีกว่าไม่มีใครรัก ไม่มีใครห่วงใย นั่นคือ ตัวเองไม่มีค่า ไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นที่รัก/ที่ต้องการ
😔 ดังนั้นจึงตามมาด้วยความหมดหวัง
😔 และเจ็บปวดจนเกินกว่าจะรับไหว ไม่รู้จะจัดการ/แก้ไขความเจ็บปวดนั้นยังไง
😔 เขาจึงร้องขอความช่วยเหลือ แบบที่หลายๆคนให้คำจำกัดความว่าเรียกร้องความสนใจ
😔 หากยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ คือรับฟังอย่างเข้าใจ ยอมรับเขา ท้ายที่สุดก็คงไปจบลงที่เรื่องเศร้า

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็เถอะ สิ่งที่เขาต้องการบอกคือ ฉันเจ็บปวด ฉันเหนื่อยล้า ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันไม่รู้จะทำยังไง ช่วยฉันที

ติดตามวิธีรับฟังอย่างเข้าใจเพื่อลดความทุกข์ ความเจ็บปวดในตอนต่อไป

มาร่วมมือกันช่วยดึงคนรอบข้างออกจากความทุกข์กันเถอะ

#อยากให้คนไทยมีความสุข
#นักจิตวิทยา
#ที่ปรึกษา
#ที่ปรึกษาส่วนตัว

18/02/2021

เราได้รู้จักสารเคมี 4 ตัวที่มีผลต่ออารมณ์กันไปแล้ว วันนี้มาเรียนรู้วิธีสร้างสมดุลแบบง่ายด้วยตัวคุณเองกันเถอะ

1. เซโรโทนินซึ่งเป็นสารสำคัญในการทำให้อารมณ์สมดุล มั่นคง มีวิธีเพิ่มดังนี้คือ

😀 กินอาหารที่มีทริปโตเฟนสูงเช่น เนื้อสัตว์ ไข่ปลา ไข่ นม ถั่วเหลือง เต้าหู้ อาหารที่มีโอเมก้า 3 มาก เช่นปลาแซลม่อน ทูน่า นอกจากนี้ยังมีดาร์กช๊อคโกแลต ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ก็สามารถช่วยเพิ่มเซโรโทนินได้
😀 ออกกำลังกายครั้งละ 30-40 นาทีสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มเซโรโทนินและทริปโตเฟนได้
😀 แสงแดดช่วยในการสังเคราะห์เซโรโทนิน ดังนั้นการเปิดบ้านรับแสงแดดยามเช้า หรือการออกไปรับแสงแดดอ่อนๆเป็นประจำ จะช่วยให้อารมณ์สดใสเบิกบานขึ้น
😀 ความเครียดขัดขวางการหลั่งเซโรโทนิน การทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด เช่นดูหนัง ฟังเพลง ช๊อปปิ้ง จะช่วยเพิ่มเพิ่มเซโรโทนินได้
😀 ลดปริมาณน้ำตาลเนื่องจากการทานน้ำตาลมากเกินไป ส่งผลต่อสมดุลของอารมณ์

2. โดปามีนเป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับความพึงพอใจ เป็นฮอร์โมนที่ทำให้กระฉับกระเฉง กระชุ่มกระชวย
😀 เนื่องจากโดปามีนเป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากกรดอะมิโนไทโรซีนที่มีอยู่ในโปรตีน ดังนั้นการกินอาหารประเภทโปรตีน เช่นเนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วเหลือง อัลมอนด์ ธัญพืช และอาหารทะเล สามารถช่วยเพิ่มโดปามีนได้
😀 ลดอาหารประเภทน้ำตาลและไขมันอิ่มตัว เพราะเป็นตัวยับยั้งโดปามีน
😀 ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หากิจกรรมที่ชอบ ท่องเที่ยว นำตัวเองสู่ธรรมชาติ สร้างความเพลิดเพลินให้ชีวิต

3. ออกซิโทซิน เป็นฮอร์โมนแห่งรัก ทำให้มีความเข้าอกเข้าใจ และการรู้สึกผูกพันต่อผู้อื่น
😀 ในเมื่อชื่อก็บอกว่าเป็นฮอร์โมนแห่งรัก ดังนั้นการได้สัมผัส กอด การมีกิจกรรมแห่งรัก คลอดบุตร ตลอดจนการให้นมสามารถเพิ่มออกซิโทซินได้

4. เอนโดฟิน สารเคมีที่ช่วยลดความเจ็บปวด คลายเครียด ร่างกายจะหลั่งเอนโดฟินหลังการออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายที่เล่นเป็นกลุ่ม

โดยสรุปง่ายๆในการเพิ่มสารเคมีทั้ง 4 ชนิดนี้ คือการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ทานอาหารประเภทโปรตีน เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่วเปลือกแข็ง ออกกำลังกายกลางแจ้งเพื่อรับแสงแดด ชื่นชมธรรมชาติทำกิจกรรมสร้างความเพลิดเพลิน แสดงความรักด้วยการกอดรัด สัมผัส เล่นกับลูก เพียงเท่านี้ก็จะสามารถปรับอารมณ์ จิตใจให้สมดุลและมีความสุขมากขึ้นแล้ว

#อยากให้คนไทยมีความสุข
#ที่ปรึกษาส่วนตัว
#ที่ปรึกษา
#นักจิตวิทยา

15/02/2021

เคมีอารมณ์เป็นยังไง มีอะไรบ้าง หาอ่านในเพจ ปันกันสุขนะ

14/02/2021

เคมีฉัน เคมีเธอ เบลอเท่ากันมั้ย

สารสื่อประสาท

รู้หรือไม่ว่าในสมองของคนเรามีสารเคมีสำคัญ 4 ชนิดที่มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึก

1. เซโรโทนิน
หากมีเซโรโทนินต่ำจะทำให้มีอาการซึมเศร้า เครียด วิตกกังวล อยู่ไม่สุข โกรธง่าย หงุดหงิด ก้าวร้าว กระวนกระวาย ขาดสมาธิมีผลต่อการเรียนหรือการงาน นอนไม่หลับ การกินผิดปกติ เจ็บปวดมาก

2. โดพามีน
หากขาดโดพามีนจะทำให้ขาดความพึงพอใจ ไม่อยากทำกิจกรรม ขาดความกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง เบื่อหน่าย หมดหวัง ขาดสมาธิ ความสามารถในการจำ และการเรียนลดลง ความดันต่ำ วิงเวียน ควบคุมอารมณ์ได้ยาก ในผู้สูงอายุอาจมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกได้

3. ออกซิโตซิน
เป็นฮอร์โมนความรัก ช่วยให้เข้าใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้สึกผูกพันและอยากอยู่ร่วมกับผู้อื่น เกิดความเชื่อใจ มองโลกในแง่ดี ลดความเครียด

4. เอ็นโดรฟิน
เป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยลดความเครียด ลดอาการปวด ทำให้ผ่อนคลาย ลดอาการปวด ทำให้เกิดความคิดสร้างสรร

หากสารเคมีเหล่านี้อยู่ในภาวะที่ไม่สมดุลอาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพจิตได้

ชวนมาสำรวจตัวเองกันค่ะ
แล้วมาอ่านวิธีสร้างความสมดุลเพื่อสุขภาวะที่ดีกันต่อนะคะ

#ที่ปรึกษาส่วนตัว
#นักจิตวิทยา
#ที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิต

14/02/2021

สารสื่อประสาท

รู้หรือไม่ว่าในสมองของคนเรามีสารเคมีสำคัญ 4 ชนิดที่มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึก

1. เซโรโทนิน
หากมีเซโรโทนินต่ำจะทำให้มีอาการซึมเศร้า เครียด วิตกกังวล อยู่ไม่สุข โกรธง่าย หงุดหงิด ก้าวร้าว กระวนกระวาย ขาดสมาธิมีผลต่อการเรียนหรือการงาน นอนไม่หลับ การกินผิดปกติ เจ็บปวดมาก

2. โดพามีน
หากขาดโดพามีนจะทำให้ขาดความพึงพอใจ ไม่อยากทำกิจกรรม ขาดความกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง เบื่อหน่าย หมดหวัง ขาดสมาธิ ความสามารถในการจำ และการเรียนลดลง ความดันต่ำ วิงเวียน ควบคุมอารมณ์ได้ยาก ในผู้สูงอายุอาจมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกได้

3. ออกซิโตซิน
เป็นฮอร์โมนความรัก ช่วยให้เข้าใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้สึกผูกพันและอยากอยู่ร่วมกับผู้อื่น เกิดความเชื่อใจ มองโลกในแง่ดี ลดความเครียด

4. เอ็นโดรฟิน
เป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยลดความเครียด ลดอาการปวด ทำให้ผ่อนคลาย ลดอาการปวด ทำให้เกิดความคิดสร้างสรร

หากสารเคมีเหล่านี้อยู่ในภาวะที่ไม่สมดุลอาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพจิตได้

ชวนมาสำรวจตัวเองกันค่ะ
แล้วมาอ่านวิธีสร้างความสมดุลเพื่อสุขภาวะที่ดีกันต่อนะคะ

#ที่ปรึกษาส่วนตัว
#นักจิตวิทยา
#ที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิต

13/02/2021

รัก รัก รัก รักเอยใครว่าหวาน

สามเหลี่ยมแห่งรักประกอบด้วย
ความใกล้ชิด (Intimacy) เสน่หา (Passion)
และความผูกมัด (Commitment)
จากทฎ. ตามหลักจิตวิทยานี้จึงได้รัก 7 แบบ

1. ความหลงใหล เป็นความอยากเข้าใกล้ ใจเต้นแรง มือไม้สั่น มีแต่ passion ล้วนๆ ไม่มีความผูกพัน ความรู้สึกนี้จะหายไปได้อย่างง่าย

2. ความชอบ เกิดขึ้นเมื่อเริ่มสนิทสนมใกล้ชิดกัน (Intimacy) คุยด้วยแล้วรู้สึกดี แต่ยังไม่ถึงขั้นอยากผูกมัด

3. ความรักที่ว่างเปล่า รักแบบนี้มีเพียงหน้าที่ ความรับผิดชอบ ข้อผูกมัด (commitment) ไม่มีความหลงใหล โรแมนติกเหลืออยู่

4. ความรักแบบภาพลวงตา มีทั้งข้อผูกมัดและความใหลหลง แต่ไม่มีความสนิทสนมกลมเกลียว พยายามปรับตัวเข้าหากัน โดยการให้คำสัญญา หรือแบ่งหน้าที่

5. รักโรแมนติก มีความรักใคร่และสนิทสนม ไม่มีข้อผูกมัด ทั้งคู่มองปัจจุบันแต่ไม่ได้คิดไปไกลถึงอนาคต จึงมีความเสี่ยงที่จะเลิกราสูง

6. รักที่เห็นใจกันประกอบด้วยความใกล้ชิดและความผูกมัดแต่ขาดความใคร่ความเสน่หา อยู่กันแบบเพื่อนคู่คิด

7. รักแท้ เป็นความรักสมบูรณ์แบบที่ใครๆก็อยากมี แต่หายาก เป็นรักที่มีทั้ง 3 อย่าง คือความใกล้ชิดสนิทสนม ความเสน่หา และความผูกมัด

ความรักของคุณเป็นแบบไหนอยู่

#รับปรึกษาเรื่องความรัก ความสัมพันธ์
#รับให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยา
#ที่ปรึกษาส่วนตัว