ศูนย์ดีบูนฟื้นฟูกระดูก ไขข้อ เข่าอักเสบ By ชัช Chatchawan 0939730300

ศูนย์ดีบูนฟื้นฟูกระดูก ไขข้อ เข่าอักเสบ By ชัช Chatchawan 0939730300 ผลิตภัณฑ์บำรุงกระดูก เข่าสื่อม กระ?

ผลิิิตภัณฑ์สมุนไพร "ดีบูน" บำรุงกระดูกเสื่อม กระดูกทับเส้นประสาท เข่าเสื่อม กระดูกพูน กระดูกคอเสื่อม กล้ามเนื้อเส้นเอ็นอักเสบ เก๋าท์รูมาตอยด์ หมอนรองกระดูก ข้อเสื่อม ปวดคอ ปวดเส้น ข้ออักเสบ กระดูกทับเส้น กระดูกทับเส้นประสาท ปวดหลัง ปวดบ่า ปวดเข่า ปวดในข้อ กระดูกสันหลัง ไขสันหลัง โรคเก๊าต์ ยินดีให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

16/05/2022

สามารถ พยัคฆ์อรุณ แนะนำ ดีบูเน่ ดีจริง !!
คลิปรีวิว >> คอมเมนต์

สำหรับท่านที่มีอาการ 👇👇👇
ปวดข้อ ปวดเข่า ‼ เสียงดัง ก๊อบแก๊บ ‼ ปวดหลัง ปวดเอว ปวดสะโพกร้าวลงขา เป็นกระดูกทับเส้น ชาปลายมือ ปลายเท้า ทานดีบูเน่​ ช่วยให้ดีขึ้นได้

💥จัดจำหน่ายมาแล้ว 13ปี
💥มั่นใจได้เลยคับ
💥ติดต่อสอบถามใต้โพสต์ได้เลย
💥หรือทิ้งชื่อเบอร์โทรไว้ได้เลยครับ 👇👇👇👇👇👇👇👇
💥สั่งซื้อ☎️ 0809870838​ (ชัช)​

#ปวดคอ #ปวดบ่า #ปวดไหล่ #ปวดหลัง #ปวดเอว #ปวดเข่า
#ปวดตามข้อ

💢หรือผู้ป่วยที่มีอาการ #นิ้วล็อค #ข้ออักเสบ #ข้อเข่าเสื่อม #หมอนรองกระดูกเสื่อม #หมอนรองกระดูกทับเส้น #กระดูกพรุน #กระดูกบาง #ปวดร้าวลงขา

🎗อาการเหล่านี้ สามารถฟื้นฟูได้ โดยทาน #ดีบูน เพื่อช่วยฟื้นฟูไขข้อกระดูกให้ดีขึ้นได้ #โรคเข่าเสื่อม #ปวดกระดูก #ไขข้อกระดูก #กระดูกทับเส้น #ดีบูน
ช่วยคุณได้

7  พ  ฤ  ติ  ก  ร  ร  ม   ที่  "  เ  สี่  ย  ง  "กับอาการปวดคอ ไหล่ติด สะบักจม มีอะไรบ้าง...มาดูกันค่ะ🔻มักจะเกิดจากพฤติก...
15/11/2021

7 พ ฤ ติ ก ร ร ม ที่ " เ สี่ ย ง "
กับอาการปวดคอ ไหล่ติด สะบักจม
มีอะไรบ้าง...มาดูกันค่ะ
🔻มักจะเกิดจากพฤติกรรมในการชีวิตประจำวัน เช่น
1⃣ นอนหมอนที่ไม่รองรับต่อสรีระบริเวณคอและบ่า เช่น หมอนสูง หรือต่ำ เกินไป
2⃣ สลัดคอแรงๆ บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาเมื่อยมากๆ ยิ่งเมื่อย ยิ่งสะบัดแรง
3⃣ ใช้คอและไหล่หนีบโทรศัพท์เป็นนิสัย หรือก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เป็นเวลานานๆ
4⃣ การทำงานที่จำเป็นต้องเกร็งศีรษะ ค่า บ่า ไหล่ ตลอดเวลา เช่น นั่งพิมพ์งาน ยกของหนัก ขับรถ สะพายกระเป๋าที่มีน้ำหนักมากเกินไป โดยไม่มีการเตรียมพร้อม-ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ และพักระหว่างวันเท่าที่ควร
5⃣ การออกกำลังกายเกินกำลัง หรือออกกำลังกายโดยไม่ยืดหยียดกล้ามเนื้อให้มีความพร้อมก่อนออกกำลัง และไม่ยืดเหยียดผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลัง
6⃣ ชอบนั่งหลับ สัปหงก ทำให้เกิดการกระตุก เกร็งกล้ามเนื้อคอบ่อยๆ
7⃣ อุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวรุนแรง เช่น รถชนท้าย คอกระชากไปหน้า-สะบัดไปหลัง
🔻พฤติกรรมต้นเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งเรามักทำเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัว คือ “ ค ว า ม เ ค รี ย ด ”
(บางคนนั่งทำงานขมวดคิ้ว ย่นหน้าผาก เกร็งใบหน้า ทั้งวัน ไม่ยอมผ่อนคลาย จนเกิดริ้วรอยก่อนวัย)
🔻เนื่องจาก ความเครียดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กล้ามเนื้อ และหลอดเลือดหดเกร็ง นอกจากจะทำให้เกิดอาการเมื่อยล้า ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าแล้ว ความเครียดยังเป็นตัวการสร้างอนุมูลอิสระภายในร่างกาย
เป็นบ่อเกิดของโรคแห่งความเสื่อมทั้งหลาย อย่างเช่น
⭕โรคความดันโลหิต
⭕เบาหวาน
⭕หลอดเลือดสมอง
⭕และหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย
🔻เนื่องจากพฤติกรรมก่อโรคของเรายังคงดำเนินต่อไป เราได้รับการบรรเทาเพียงแค่อาการปวด แต่เรายังไม่ได้ลงมือรักษาเจ้าของร่างกายที่เจ็บปวดกันอย่างจริงจัง
✨และนี่คือทางเลือกใหม่สำหรับคุณ👌
💉ไม่ต้องผ่า ไม่ทรมานกับแผลที่หายช้า🚶
👉ลองดูสิค่ะ..แล้วคุณจะรู้ว่า"เห็นผล"👈
✨สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา
โทรเลย!!! 📞 0809870838 คุณชัช

เอ๊ะ...นั่งอยู่ดีๆ ก็รู้สึก "ชา" ที่ขาเคยสงสัยไหม...ทำไมถึงมีอาการ "ชา"?ถ้าเป็น...แล้วจะ ห า ย ไหม🔔แต่ตอนนี้คงปฏิเสธไม่ไ...
15/11/2021

เอ๊ะ...นั่งอยู่ดีๆ ก็รู้สึก "ชา" ที่ขา
เคยสงสัยไหม...ทำไมถึงมีอาการ "ชา"?
ถ้าเป็น...แล้วจะ ห า ย ไหม
🔔แต่ตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ชีวิตมนุษย์เงินเดือนนั่งทำงานในออฟฟิศหรือแม้การนั่งขับรถอยู่บนท้องถนนเป็นเวลานานๆทำให้เหนื่อยล้าเกินกว่าจะออกกำลังกายเป็นประจำได้ เมื่อเวลาผ่านไปมักมีอาการปวดตามบ่า ไหล่ สะโพก ปวดร้าวถึงปลามือ ปลายขา บางรายชาที่ปลายมือปลายเท้าด้วย ทุกข์ทรมานแสนสาหัสอาการเหล่านี้ทางการแพทย์เรียกว่า “โรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท”
🔻โรคกล้ามเนื้อหนีบเส้นประสาทจะมีอาการปวดร้าวและชา ไปตามแขนหรือขาอาการคล้ายกับ "โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท" แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดกระดูกสันหลังยังแยกสองโรคออกได้ไม่ 1 0 0 %
ถ้าซักประวัติละเอียดจะพบว่าผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อนี้จะมีอาการปวดบริเวณสะโพกนำมาก่อนและค่อยๆ ลามลงขาไปจนถึงปลายเท้า หรือปวดบริเวณคอหัวไหล่ แล้วค่อยๆลามไปถึงปลายแขน อาการรุนแรงกว่า "โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท" เสียอีก
🔻โ ร ค ร้ า ย ! นี้ ไม่สามารถตรวจพบโดยเครื่องมือใดๆ และเป็นโรคที่เป็น “ยาดำ” แฝงตัวอยู่ในภาวะผิดปกติของกระดูกสันหลังส่วนคอและส่วนเองได้เสมอๆต้องระลึกก่อนลงมือผ่าตัด ไม่เช่นนั้น ผู้ป่วยอาจจะต้องเจ็บตัวฟรีๆ คือผ่าตัดแล้วอาการปวดยังเหมือนเดิม
✨และนี่คือทางเลือกใหม่สำหรับคุณ👌
💉ไม่ต้องผ่า ไม่ทรมานกับแผลที่หายช้า🚶
👉ลองดูสิค่ะ..แล้วคุณจะรู้ว่า"เห็นผล"👈
✨สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา
โทรเลย!!! 📞 080 987838 คุณชัช

กระดูกlสื่อมอักเสบคออ่านด้วยนะคะ ดีมากๆคะ รบกวนแชร์...ด้วยนะคะ การปวดหัว ปวดบ่า ปวดคอ คอlสื่อม ปวดร้าวขึ้นศรีษะเหมือนเป็...
06/07/2017

กระดูกlสื่อมอักเสบคออ่านด้วยนะคะ ดีมากๆคะ รบกวนแชร์...ด้วยนะคะ การปวดหัว ปวดบ่า ปวดคอ คอlสื่อม ปวดร้าวขึ้นศรีษะเหมือนเป็นปวดไมเกรน

• ปวดคอ หนักๆ บนบ่าตลอดเวลา บ้างก็บ่นว่าเหมือนมีอะไรนั่งบนบ่า บ้างก็เหมือนมีอะไรขี่คออยู่ นี่เป็นคำบ่นจากเคสที่มีอาการปวดบ่า ปวดคอนะคะ จริงๆ แล้วอาการที่รู้สึกเช่นนี้มาจากกล้ามเนื้อบ่า ซึ่งมีจุดเกาะที่กระดูกคอ โยงลงมาที่บ่านั้น เกร็งตัวค้างอยู่ตลอดเวลา (muscle holding เป็นอาการที่เกร็งค้างไม่มีการคลายตัวออก เคสจึงรู้สึกหนักตลอดเวลา)

สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี
โทรเลย!!! สายด่วน: 📱คุณชัช 093-9730300
🔊คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860

• ปวดก้านคอร้าวไปที่กระบอกตา เหมือนตาจะปิดตลอดเวลา บางครั้งตาพล่ามัว มองไม่ชัด ลืมตาไม่ขึ้น และบางครั้งก็มีหูอื้อด้วย อาการปวดร้าวเข้ากระบอกตานี้พบบ่อยมากค่ะ ปวดก้านคอพร้อมปวดกระบอกตา เนื่องจากเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงในกระบอกตาผ่านเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ ซึ่งเชื่อมกับกล้ามเนื้อบริเวณก้านคอ

และที่สำคัญอาการนี้เป็นอาการปวดร้าวจากความตึงหรือเกร็งตัวมากกว่าปกติของกล้ามเนื้อใต้ฐานกระโหลก (refer pain of suboccipital muscle) กล้ามเนื้อมัดนี้จะเกร็งตัวตลอดเวลาที่เรานั่งทำงานก็ว่าได้ค่ะ เพราะเวลาเรานั่งจ้องจอคอมฯ หรือเพ่งกับงานอะไรบางอย่างบนโต๊ะ คอจะก้มไปด้านหน้า คางจะยื่น นี่เป็นท่าที่กล้ามเนื้อมัดนี้ เกร็งค้างอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ

• ปวดก้านคอร้าวขึ้นขมับ ขึ้นกระโหลกศีรษะ หนักหัว ตึงไปทั้งหัวเหมือนเป็นไมเกรน อาการนี้เป็นปัญหากับหลายๆ เคสค่ะ บางเคสเข้าใจว่าตัวเองเป็นไมเกรนมากว่า 3-4 ปี แต่ก็พึ่งมาพบสาเหตุที่ชัดเจนกับอาการของตัวเองที่เป็นค่ะ อาการปวดร้าวขึ้นขมับหรือปวดร้าวขึ้นศีรษะนี้ เป็นอาการหนึ่งที่เกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อของคอ แล้วไปกดหรือบีบรัดการไหลเวียนของเส้นประสาท (Greater occipital nerve) จึงรู้สึกร้าวขึ้นที่ศีรษะ บางเคสปวดขมับเหมือนเป็นไมเกรน การแยกอาการนี้ออกจากไมเกรนไม่ยากเลยค่ะ

• ตื่นมาเหมือนคนคอตกหมอนบ่อยๆ รู้สึกขัดที่ก้านคอ พาลให้ปวดหัวตอนเช้าๆ หันคอ เอี้ยวคอไม่สุด ปวดเมื่อเคลื่อนไหว แต่พอสายๆ หรือทำโน่นทำนี่อาการขัดๆ ก็บรรเทาลง เคสที่มีอาการเหมือนข้อนี้ มักเสียเงินไปกับการเปลี่ยนที่นอนหรือเปลี่ยนหมอนบ่อยมากค่ะ บางเคสบอกผู้เขียนว่าเขามีหมอนเป็นสิบใบสลับกันนอนอยู่ แต่ก็ไม่หายนะคะ

สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี
โทรเลย!!! สายด่วน: 📱คุณชัช 093-9730300
🔊คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860

✨แนะนำตัวช่วยใหม่...เพื่อ "ขับสารพิษ" ออกจากร่างกายของคุณให้สะอาดช่วยอะไรได้บ้าง...มาดูกันครับ🍏ผลิตภัณฑ์ "D ORO ดีโอโร่"...
29/06/2017

✨แนะนำตัวช่วยใหม่...เพื่อ "ขับสารพิษ"
ออกจากร่างกายของคุณให้สะอาด
ช่วยอะไรได้บ้าง...มาดูกันครับ

🍏ผลิตภัณฑ์ "D ORO ดีโอโร่" ช่วยในระบบ "ขับถ่าย" ให้ทำงานได้ปกติ แก้ปัญหาโรคท้องผูก และป้องกัน "มะเร็งลำไส้" ช่วยทำความสะอาดลำไส้ แบททีเลียที่เป็นโทษต่อร่างกาย และลดการสะสมของสารพิษ ทำให้ระบบการดูดซับสารอาหาร และระบบย่อยในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น 1-2 เท่าตัว

🍃ลำไส้ เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญกับระบบการย่อย ดูดซึม และส่งต่อไปยังอัยวะส่วนต่างๆ

ลำไส้เล็ก : ทำหน้าที่ย่อย ดูดซึมอาหารและน้ำ
ลำไส้ใหญ่ : ทำหน้าที่ดูดซึมอาหารที่หมัก ด้วยแบททีเรียที่มีประโยชน์

🍃หากลำไส้มีปัญหา จะส่งผลต่อร่างกายอย่างมหาศาล การรับประทานอาหาร จำพวก ไขมัน เนื้อสัตว์ และอาหารที่ย่อยยาก จะส่งผงต่อลำไส้ ทำให้ลำไส้อุดตัน และผิดรูปร่าง เช่นเดียวกับท่อที่ตัน มักมีสิ่งสกปรกไปสะสม เป็นเชื้อโรคร้าย เมื่อลำไส้ไม่สะอาดพอ เต็มไปด้วยตะกรัน ร่างกายก็จะดูดซึมอาหารที่ "ไม่ดี"

🍃อาหารที่ผ่านการหมัก จะเน่า จะถูกส่งต่อไปยัง "ตับ" เพื่อขจัดสารพิษ ตับก็จะทำงานหนัก จนอาจทำให้ตับมีปํญหาตามมา รวมทั้งการดูดซึมแต่ของเสีย จะส่งผมต่อสุขภาพกาย และสุขภาพผิว จนทำให้ร้อนใน เป็นไข หรือเป็นสิวได้ เมื่อลำไส้สะสมตะกรันเป็นเวลานาน ไม่ได้ผ่านการดีท๊อกซ์ หรือการชำระล้างให้สะอาด ก็จะทำให้เกิดปัญหากับลำไส้ เช่น มีแผล ลำไส้บวม เนื้องอก และในที่สุดก็จะกลายเป็น "มะเร็งลำไส้"
เป็นโรคร้ายที่ทำให้เสียชีวิตอันดับต้นๆ

💢ใครมีอาการเหล่านี้ ควรทาน "ดีโอโร่" ด่วน!💢

☑ มีปัญหาลำไส้แปรปรวน ปวดท้อง มีแก๊ส ท้องไส้ปั่นป่วน

☑ ท้องผูกเป็นประจำ กินยาระบาย ยาถ่ายประจำ

☑ ท้องผูกสลับท้องเสียติดต่อกันนานเกิน 3 เดือน

☑ อุจจาระเป็นมูก มูกเป็นเลือด สีดำ ดำปนมูก ดำปนเลือด

☑ อ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรง นอนหลับยาก

☑ สัญญาณมะเร็งลำไส้ใหญ่มา

☑ ปวดข้อ ปวดกระดูก

☑ อักเสบทั่วตัว ปวด บวม แดง

☑ มีสิว ฝ้า ลมหายใจมีกลิ่น ร้อนใน มีแผลในปาก

☑ Life Style ทำร้ายร่างกาย ดื่ม สูบ เที่ยวดึก นอนดึก

☑ เบาหวาน หัวใจ ความดัน ไขมันสูง ตับเสื่อม ไตเสื่อม

📣สนใจสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้า เพื่อสุขภาพรองเรา
สายด่วน โทร.📲 คุณชัชวาลย์ 0⃣9⃣6⃣8⃣3⃣6⃣6⃣0⃣4⃣6⃣
https://line.me/R/ti/p/%40owk3699k

"เอ๊ะ...ทำไมรู้สึกเสียวแปล๊บ...ที่ต้นขาอ่ะ"คุณเคยมีอาการแบบนี้หรือไม่ คลิกเลยผมเป็นพนักงานส่งของ ต้องนั่งบนรถตลอด และขับ...
28/06/2017

"เอ๊ะ...ทำไมรู้สึกเสียวแปล๊บ...ที่ต้นขาอ่ะ"
คุณเคยมีอาการแบบนี้หรือไม่ คลิกเลย

ผมเป็นพนักงานส่งของ ต้องนั่งบนรถตลอด และขับรถออกต่างจังหวัดบ่อยๆ จึงต้องขับรถเป็นนานๆ พอจะลงรถแต่ล่ะครั้ัง แทบลุกไม่ขึ้นเลยครับ มันมีอาการปวดสะโพก และปวดก้นด้านซ้ายมาก ปวดต่อเนื่องถึงกลางคืนเลย ขาซ้ายก็มีอาการตึงๆ แล้วก็รู้สึกเสียวแปล๊บๆ ที่ต้นขาตลอด

ไปหาหมอมาหลายที่ ทั้ง รพ แพทย์แผนปัจจุบัน ทั้งหมอนวดจับเส้นเก่ง ๆ รวมถึงไป โยคะ ก็ไม่หาย

คือไปหาหมอที่ รพ หมอก็ให้ไป X-Rey ก็ไม่เจอ หมอยังบอกอีกว่า ร่างกายก็ปกติ ไม่มีปัญหาอะไร
"แล้วที่เสียวแปล็บๆ เวลานั่ง คือมันปวดอะไรอ่ะ"

น้องก็มาเลยปรึกษาผม เหตุผลที่ X-Rey ไม่เจอ
มันมีสาเหตุอยู่ครับ ถ้าได้รู้...อาจจะกลับมาสังเกตุตัวเรา

ยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี โทรเลย!
สายด่วน : 📱คุณชัช 093-9730300

คลิกลิงค์ Line@ เพิ่มเพื่อน เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860d

5 โรคสุดฮิตที่มาจาก ‘รถติด’ มีอะไรบ้างทุกวันนี้เวลาจะไปไหนทีนี่ต้องกะเวลาเผื่อเป็นชั่วโมงเลยนะ แล้วดูเหมือนว่าจะยิ่งต้อง...
28/06/2017

5 โรคสุดฮิตที่มาจาก ‘รถติด’ มีอะไรบ้าง

ทุกวันนี้เวลาจะไปไหนทีนี่ต้องกะเวลาเผื่อเป็นชั่วโมงเลยนะ แล้วดูเหมือนว่าจะยิ่งต้องกะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลยทีเดียว ทำให้เวลาส่วนใหญ่ของเรา หมดไปกับการนั่งรถพอสมควร และการนั่งอยู่ในรถนานๆไม่ได้ขยับไปไหนก็เป็นสิ่งที่อาจทำให้เกิดโรคต่างๆมากมายเลยล่ะ ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง

1. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

หลายคนมักคิดว่าการอั้นปัสสาวะไว้สักแป๊บคงไม่เป็นไร เพราะมันใกล้จะถึงแล้ว แถมห้องน้ำตามปั๊มบางแห่งก็ไม่ค่อยสะอาดทำให้ไม่อยากจะใช้บริการ อาจจะทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้นะ แต่มันก็มีวิธีแก้อยู่นะ คือถ้าปวดปัสสาวะขึ้นมาก็ให้รีบแวะปั๊มทำธุระทันที แล้วก็พยายามดื่มน้ำมากๆระหว่างขับรถนะ เพราะน้ำจะเข้าไปช่วยเจือจางของเสียที่อยู่ในปัสสาวะได้(แม้จะทำให้เข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นก็ตาม)

2. โรคเครียด

เมื่อรถติดก็เกิดอาการเครียด วิตตกกังวลว่าจะไปถึงที่หมายได้ทันเวลาหรือไม่ ทำให้เสียสุขภาพจิตได้ง่ายๆเลยล่ะ ลองเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นดู หรือพยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติดดูนะเหมียว

สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี
โทรเลย!!! สายด่วน: 📱คุณชัช 093-9730300
คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860d

3. ตาล้าหรือเมื่อยตา

การใช้สายตาถือเป็นส่วนสำคัญในการขับรถเลยนะ เพราะเราต้องคอยมองไปทั่วทุกทิศทางเวลาอยู่บนท้องถนน แต่การใช้สายตามากๆก็เป็นปัญหาได้นะ เพราะเมื่อขับรถนานๆ สายตาของเราก็จะไม่มีเวลาได้พักเลย แล้วยิ่งตอนกลางคืนยิ่งหนักเลยล่ะ เนื่องจากม่านตาต้องขยายและสามารถนำไปสู่การหลับในได้ง่ายกว่าในยามขับขี่ แต่ก็มีวิธีแก้นะ คือจอดรถพักสายตาสักครู่หากรู้สึกว่าปวดตา หรือไม่ก็พยายามมองอะไรที่เป็นสีเขียวๆ ก็จะช่วยได้มากทีเดียวล่ะ

4. หมอนรองกระดูกเสื่อม/ทับเส้นประสาท

สาเหตุก็เกิดมาจากการที่เราต้องนั่งท่าเดิมนานๆและไม่เปลี่ยนอิริยาบถเลย ดังนั้นหากต้องนั่งขับรถเป็นระยะเวลานาน ควรทดแทนด้วยการบริหารหรือออกกำลังกายโดนเฉพาะช่วงหลัง จะช่วยได้พอสมควร ซึ่งหากพบอาการปวดหลังเป็นอย่างเรื้อรังควรรีบปรึกษาแพทย์ในทันทีนะเหมียว

5. ปวดคอ

อาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรนะ ก็แค่ปวดคอ แต่อาการปวดคอนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาการกล้ามเนื้อคออักเสบ ซึ่งเกิดจากการไม่ได้ขยับปรับเปลี่ยนท่าเป็นเวลานาน ลองค่อยๆเอี้ยวตัวเบาๆดูอาจจะช่วยได้นะ แต่ถ้ายังไม่หาย เหมียวแนะนำว่าให้ไปพบแพทย์จะดีที่สุดล่ะ

ถ้าจะเดินทางไปไหนมาไหนก็กะเวลาและเลือกเส้นทางดีๆนะเหมียว หรือถ้าไม่อยากเสี่ยงกับโรคพวกนี้ ลองเปลี่ยนมาใช้ขนส่งมวลชนหรือนั่งพวกรถไฟฟ้า ก็ประหยัดเงินและเวลาในการเดินทางไปได้เยอะเลยล่ะ

สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี
โทรเลย!!! สายด่วน: 📱คุณชัช 093-9730300
คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860d

เจ็บหน้าอกบ่อยเสี่ยงเป็น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ใครที่ชอบมีอาการเจ็บหน้าอกอยู่บ่อยๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบรัดหรือเหมือ...
27/06/2017

เจ็บหน้าอกบ่อยเสี่ยงเป็น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

ใครที่ชอบมีอาการเจ็บหน้าอกอยู่บ่อยๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบรัดหรือเหมือนโดนทับ ให้ระวังไว้เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่กำลังเตือนว่าคุณกำลังมีภาวะ “กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด” อยู่ก็ได้

“ต้นเหตุ” สำคัญ ที่ไม่ควรมองข้าม
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เกิดจากการที่หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจเกิดภาวะแข็งตัว (Ateriosclerosis) จากการสะสมของสารต่างๆ ที่มาเกาะบนผนังด้านในของหลอดเลือด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไขมัน ทำให้ผนังหลอดเลือดหนาตัว ตีบแคบหรืออุดตัน ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดลง เลือดไหลผ่านไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้น้อยลง หรือไม่ได้เลย ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตโดยไม่ทันรู้ตัว นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยที่ส่งเสริมให้หลอดเลือดหัวใจตีบได้อีก เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และอายุที่มากขึ้น

สัญญาณอันตราย...เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
อาการสำคัญของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด คือ อาการเจ็บหน้าอกบริเวณกลางอกเหนือลิ้นปี่เล็กน้อย ลักษณะเจ็บแบบจุกแน่น เหมือนมีอะไรบีบรัดหรือของหนักทับหน้าอก มักจะเจ็บร้าวไปที่ไหล่ซ้าย แขนซ้าย ซึ่งมักจะมีอาการระหว่างออกกำลังกาย ทำงานออกแรงมากๆ หรือเวลาที่โกรธ เครียด ตื่นเต้น แต่พอหยุดออกแรงหรือหายจากอารมณ์นั้น อาการเจ็บหน้าอกก็จะเบาลง ซึ่งนี้เป็นอาการของหัวใจขาดเลือดชั่วขณะ แต่ถ้าหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจอุดตันเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่ได้เลย ทำให้มีกล้ามเนื้อหัวใจตายบางส่วน มักมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง เจ็บนาน ญาติควรรีบพาส่งโรงพยาบาลเร็วที่สุด เพราะอาจมีภาวะช็อกและหัวใจวายร่วมด้วย

เชคได้ยังไง ว่ากล้ามเนื้อหัวใจกำลังขาดเลือด
• เริ่มจากดูจากการซักประวัติ โรคประจำตัว ประวัติการรักษาและลักษณะของอาการเจ็บหน้าอก อาการเจ็บสัมพันธ์กับการออกแรงหรือความเครียดหรือไม่ เจ็บนานแค่ไหนและตรวจร่างกายทั่วไป ตรวจความดันโลหิตเพื่อพิจารณาความรุนแรงของโรค

• การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ขณะเดินออกกำลังกายบนสายพาน (Exercise Stress test) เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ขณะออกกำลังกาย เพราะเป็นช่วงที่หัวใจต้องการเลือดไปเลี้ยงมาก หากกล้ามเนื้อหัวใจตายก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้า

• การตรวจเลือด ค่าของสารเคมีในเลือดซึ่งจะบอกได้ว่า มีกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือไม่ วิธีนี้จะสามารถวินิจฉัยความรุนแรงของโรคได้

• การฉีดสีเข้าหลอดเลือดหัวใจ ทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้แน่นอนว่า หลอดเลือดหัวใจตีบหรือไม่ และมากน้อยแค่ไหน

วิธีการรักษา ที่มีมากกว่าหนึ่ง
ในการรักษา แพทย์จะพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัยประกอบการตัดสินใจเลือกวิธีการรักษา โดยปัจจัยหลักที่แพทย์จะพิจารณาก็คือ ความรุนแรงของโรค พยาธิสภาพของหลอดเลือดหัวใจและอาการของผู้ป่วย ซึ่งวิธีการรักษามีทั้งการรักษาด้วยยา การใส่สายสวนหัวใจเพื่อขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน และการผ่าตัดทำบายพาสหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting)

วิธีที่ 1: การรักษาด้วยยา
โดยแพทย์จะทำการให้ยาขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ เช่น ไนโตรกลีเซอลีน (Nitroglycerine) อมใต้ลิ้นทันทีเมื่อเกิดอาการ หรือบางครั้งอาจให้ยาป้องกันลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน รับประทานวันละครั้ง ในรายที่มีโรคประจำตัวที่เป็นต้นเหตุ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง แพทย์จะต้องให้ยาเพื่อรักษาโรคประจำตัวเหล่านี้ควบคู่กันไป

วิธีที่ 2: การใส่สายสวนหัวใจเพื่อขยายหลอดเลือด
แพทย์จะพิจารณาทำในกรณีที่หลอดเลือดหัวใจตีบรุนแรง มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ที่ไม่สามารถรักษาด้วยยาได้ เป็นการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน เพื่อถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจที่ตีบตัน ทำให้เลือดไหลผ่านไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้สะดวก โดยการใส่สายสวนเล็กๆ ผ่านทางหลอดเลือดที่ขาหนีบ ที่ปลายสายสวนมีบอลลูนขนาดจิ๋วที่ยังแฟบอยู่ เมื่อเลื่อนบอลลูนไปจนถึงตำแหน่งของหลอดเลือดที่ตีบตันแล้ว แพทย์จะดันบอลลูนให้ขยายออก บอลลูนจะเบียดคราบหินปูนที่คราบไขมันเกาะผนังหลอดเลือดให้ยุบลงไป หลังจากนั้นแพทย์จะเอาบอลลูนออกมา แต่บางกรณีแพทย์อาจพิจารณาใส่ขดลวดเล็กๆ (Stent) คาไว้ในบริเวณที่หลอดเลือดตีบตัน เพื่อป้องกันการตีบของหลอดเลือดซ้ำอีก

วิธี 3: การผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ (Bypass)
การพิจารณาผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ จะทำในกรณีที่หลอดเลือดหัวใจตีบรุนแรง โดยแพทย์จะพิจารณาจากพยาธิสภาพของหลอดเลือดหัวใจและอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก เป็นการผ่าตัดทำทางเบี่ยงข้ามเพิ่มหลอดเลือดใหม่เข้าไป ต่อข้ามตำแหน่งของหลอดเลือดที่ตีบตัน ทำให้เลือดสามารถไหลผ่านไปเลี้ยงหัวใจด้วยเส้นทางใหม่ ซึ่งโดยปกติจะต่อหลอดเลือดประมาณ 3 – 5 เส้น หลังผ่าตัดต้องรับประทานยาต่อเพื่อป้องกันการตีบซ้ำของหลอดเลือด

เอาหลอดเลือดใหม่มาจากไหน...เพื่อทำบายพาส
การเลือกหลอดเลือดมาทำบายพาส (Graft) แพทย์จะพิจารณาหลายปัจจัยประกอบ เช่น ความยืดหยุ่นและความหนาบางของผนังหลอดเลือด และสภาพร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมใช้หลอดเลือดแดงบริเวณหน้าอก และหลอดเลือดดำที่ขา

“การปฏิบัติตัว” เมื่อเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ผู้ป่วยควรทานยาตามคำสั่งแพทย์ อย่างเคร่งครัด และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นผัก ผลไม้ และหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง และอาหารเค็มจัด หากงดพวกชา กาแฟ และบุหรี่ด้วยได้ก็จะดี อย่าลืมที่จะออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ

“ป้องกันตัวเองได้อย่างไร” ให้ห่างไกลโรค
เราสามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไขมันน้อย มีกากใยมากๆ เช่น ผัก ผลไม้ ปลา ควรออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 วัน ควบคุมน้ำหนัก งดอาหารหวานจัด หลีกเลี่ยงการสูบหรี่ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ รู้จักผ่อนคลายความเครียด ควรตรวจสุขภาพประจำปี หรือถ้าใครมีโรคประจำตัว ควรพบแพทย์และรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น และเมื่อไหร่ที่มีอาการเจ็บหน้าอด ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
นพ.สุวัฒน์ คงดำรงเกียรติ
อายุรแพทย์โรคหัวใจและหัวหน้าศูนย์หัวใจ
โรงพยาบาลพญาไท 3

✨ทางเลือกใหม่สำหรับคุณ✨
🏥ไม่ต้องผ่า ก็สามารถเดินได้🚶
💘ทำเพื่อตัวเราและคนที่คุณรัก💕
👉ลองดูสิครับ..แล้วคุณจะรู้ว่า"เห็นผล"👈

🔊สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี
โทรเลย!!! สายด่วน: 📱คุณชัช 093-9730300
🔊คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860d
https://web.facebook.com/DBooneByChat/

เบื่อมั้ย...กับการกินยาแก้ปวดขนาดนี้!!!ยาพาราเซตามอลพาราเซตามอลเป็นยาแก้ปวดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเมื่อกินอย่างถูกต้อ...
27/06/2017

เบื่อมั้ย...กับการกินยาแก้ปวดขนาดนี้!!!

ยาพาราเซตามอล

พาราเซตามอลเป็นยาแก้ปวดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเมื่อกินอย่างถูกต้อง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการกินยาพาราเซตามอลในปริมาณที่มากเกินไปในระยะเวลานาน อาจทำให้เสียชีวิตได้ เนื่องจากผลเสียร้ายแรงต่อตับ


คุณควรอ่านฉลากหรือเอกสารกำกับยาให้ดีก่อน เพื่อที่จะได้แน่ใจว่าจะไม่กินยาในปริมาณมากเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องกินยาหลายชนิดในเวลาเดียวกันเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยจากหลายโรค นี่เป็นสิ่งสำคัญมาก

การกินยาพาราเซตตามอลตามปริมาณที่กำหนดเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการลดอาการปวด ในฉลากยาได้ระบุไว้แล้วว่าการกินยาพาราเซตตามอลมากเกินไปถึงแม้จะเพียงเล็กน้อย แต่หากกินต่อเนื่องกันนานเกินก็อาจทำให้เสียชีวิตเนื่องจากได้รับยาเกินขนาดได้

กินยาพาราเซตามอลเกินขนาด

ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวเตือนในเรื่องความเสี่ยงในการเกิดภาวะตับวายจากการกินยาพาราเซตามอลเกินขนาดเล็กน้อยอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น เกิดขึ้นมากกว่าการตั้งใจกินเพื่อฆ่าตัวตายเสียอีก

นักวิจัยได้กล่าวว่า การได้รับยาเกินขนาดที่กำหนดไว้ แม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งได้ศึกษารูปแบบการกินยาพาราเซตามอลจากผู้ที่ใช้ยาพาราเซตามอลมากกว่า 600 คนที่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในแผนกปลูกถ่ายตับ ที่ประเทศสก็อตแลนด์มานานกว่า 16 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตับเป็นพิเศษหลังจากที่ได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาดโดยไม่ได้ตั้งใจ

การกินยาพาราเซตามอลเกินขนาดในแต่ละบุคคล หมายถึง การกินยาพาราเซตามอลในขนาดที่อาจก่อให้เกิดพิษต่อตับได้ (มากกว่า 4 กรัมต่อวัน หรือมากกว่า 8 เม็ด ในขนาดเม็ดละ 500 มิลลิกรัม) ภายใน 7 วันก่อนเข้ารับการรักษาที่แผนกปลูกถ่ายตับนี้

การศึกษาที่ตีพิมพ์จากวารสารบริติช เจอร์แนล ออฟ คลินิคอล ฟาร์มาโคโลยี กล่าวว่า ผู้คนที่กินยานี้เพื่อรักษาอาการปวดเรื้อรังอาจไม่ได้ตระหนักว่าเขากำลังกินยามากเกินขนาด หรือไม่ได้ตระหนักถึงอาการผิดปกติเมื่อเกิดการบาดเจ็บต่อตับจากการกินยาเกินขนาด ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้นานๆความเสียหายที่ตับได้รับอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต

การกินยาพาราเซตตามอลเกินขนาด เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะตับวายเฉียบพลันในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเช่นอังกฤษ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยกินยาพาราเซตตามอลหลายๆเม็ดเข้าพร้อมกันในทีเดียว ในขณะเดียวกันแพทย์มีความวิตกกังวลว่าการที่ผู้ป่วยกินยาพาราเซตตามอลเป็นปริมาณมากเกินกว่าที่เหมาะสมไปเพียงเล็กน้อยอาจเป็นความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากปัญหานี้มักไม่ค่อยได้รับการสังเกตหรือสนใจ

ผู้ป่วยอาจเผลอกินยาพาราเซตามอลและยาชนิดอื่นที่มีส่วนผสมของตัวยาพาราเซตามอลพร้อมกันในเวลาเดียวโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่นกินยาพาราเซตามอลในรูปแบบปกติไปพร้อมกับยาแก้ปวดศีรษะ ผู้ป่วยรายนั้นอาจมาโรงพยาบาลเพียงแค่อาการรู้สึกไม่สบาย โดยไม่ได้แจ้งให้แพทย์ทราบว่าได้กินยาเข้าไปแล้วกี่เม็ด

วิธีกินยาพาราเซตามอลอย่างปลอดภัย

ปริมาณที่เหมาะสมของยาพาราเซตามอลนั้นขึ้นอยู่กับอายุของผู้ใช้ พาราเซตามอล 1 เม็ดมักมีปริมาณ 500 มิลลิกรัม

รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด ไม่เกินวันละ 4 ครั้ง แต่ไม่ควรกินเกิน 8 เม็ดใน 1 วัน
ไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 5 วัน ถ้าใช้ยานี้เกินขนาดที่ระบุไว้บนฉลาก จะทำให้เป็นพิษต่อตับได้
หากมีความผิดปกติ หรือมีอาการข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร บวมบริเวณตับ ให้รีบพบแพทย์ทันที
ผู้ที่เป็นโรคตับ โรคไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้
การกินยาเพื่อรักษาโรคต่างๆไม่ว่าจะเป็นยาชนิดใดก็ตาม การกินยาให้ถูกต้องทั้งชนิด ปริมาณ และเวลานั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้การกินยานั้นมีประสิทธิภาพและความ ปลอดภัย

กินยาพาราเซตามอลกับแอลกอฮอล์เป็นพิษต่อตับ

ตับเปรียบเสมือนแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย ดังนั้นผู้คนจำเป็นต้องระวังเกี่ยวกับทุกเรื่องที่อาจทำให้เกิดผลเสียต่อตับ

นี่ก็เป็นเหตุผลเดียวกันว่าทำไมผู้คนจึงได้รับการเตือนเกี่ยวกับการดื่มสุราและแอลกอฮอล์ รวมทั้งไม่ควรกินยาพาราเซตามอลควบคู่ไปกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย

แอลกอฮอล์มีพิษสะสมต่อตับในระยะยาว ในขณะเดียวกัน ตับเป็นอวัยวะหลักในการสลายยาพาราเซตามอลออกจากร่างกาย ซึ่งหมายถึง คนที่ดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากพร้อมกับกินยาพาราเซตามอลคู่กัน เป็นการจับคู่ที่อันตราย

สำหรับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์นั้น เพื่อความปลอดภัยควรลดขนาดยาพาราเซตามอลลงเพื่อให้ตับไม่ต้องทำงานหนักเกินไป

อย่ากินยาพาราเซตามอลโดยไม่จำเป็น

มีคนจำนวนมากที่พยายามกินยาแก้ปวดเพื่อป้องกันอาการปวดล่วงหน้า หรือกินเมื่อคิดว่าอาจจะมีอาการปวดเกิดขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด

ยาแก้ปวดเช่น พาราเซตามอลหรือไอบูโพรเฟน ควรกินก็ต่อเมื่อมีข้อบ่งชี้เท่านั้น ไม่ควรกินยาเหล่านี้ล่วงหน้าเมื่อคิดว่าวันนี้อาจจะต้องมีงานยุ่งจนปวดหัว ซึ่งเป็นการกินยาเกินขนาดและนำไปสู่การบาดเจ็บของตับ

การกินยาพาราเซตตามอลมากกว่าปริมาณที่กำหนดนั้นไม่ได้ช่วยลดอาการปวดได้มากขึ้นกว่าเดิมแต่อย่างใด และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณอย่างร้ายแรง ดังนั้นเมื่ออาการปวดยังไม่หาย แทนที่จะกินยาพาราเซตตามอลเพิ่ม ควรเปลี่ยนเป็นกินยาแก้ปวดชนิดอื่นๆร่วมด้วย หรือไปพบผู้เชี่ยวชาญที่สามารถจะช่วยหาสาเหตุของอาการปวดได้ หากอาการปวดไม่ลดลงหลังกินยาพาราเซตามอลมาแล้วถึง 3 วัน ก็ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลดีกว่า

"การกินยาพาราเซตามอลปริมาณมากในครั้งเดียวอาจทำให้ตับวายและตายไปในที่สุด"

สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี
โทรเลย!!! สายด่วน: 📱คุณชัช 096-8366046

คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860d

สาระดีๆของ โรคไต เป็นภัยเงียบที่ใกล้ตัวโรคไต หรือ โรคที่ผิดปกติทางไต เป็นหนึ่งในโรคร้ายที่มีอัตราผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเรื่...
27/06/2017

สาระดีๆของ โรคไต เป็นภัยเงียบที่ใกล้ตัว

โรคไต หรือ โรคที่ผิดปกติทางไต เป็นหนึ่งในโรคร้ายที่มีอัตราผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราการเพิ่มขึ้นของ Metabolic Syndrome ที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ อัมพาต โรคอ้วน และโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด ซึ่งทุกโรคมีผลกระทบโดนตรงต่อไตและเป็นบ่อเกิดของโรคไตวายในที่สุด

สาเหตุของการเกิดโรค

สาเหตุการเกิดโรคไตมีมากมาย
แต่สาเหตุที่พบมากที่สุดมี 7 กลุ่ม ได้แก่

1.โรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูงนานๆ จะทำให้เส้นเลือดในร่างกายเสียไป
2.โรคความดันโลหิตสูง ความดันสูงนานๆ ทำให้เส้นเลือดที่ไตเสีย ในที่สุดก็เป็นโรคไตวาย
3.การอักเสบของไต ร่างกายสร้างภูมิต้านทานที่ผิดปกติทำลายไต ทำให้เกิดไตวาย
4.เป็นนิ่วอุดตัน โรคเก๊าท์
5.เส้นเลือดอักเสบบางชนิด และไขมันอุดตันเส้นเลือดก็ทำให้ไตเสียได้
6.ติดเชื้อทำให้ไตอักเสบนานๆ
7.ยาและสารเคมีบางชนิดทำให้ไตเสีย

การดูแลป้องกัน

การดูแลป้องกันโรคที่เกี่ยวกับไตนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารไขมันสูง ลดอาหารจำพวกแป้ง ทางผักผลไม้ ทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว ทานปลา และควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ควรลดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ ยังควรที่จะตรวจเช็คร่างกายสม่ำเสมอ ตรวจเช็คเบาหวาน และเช็คความดันโลหิต ไขมันในเลือด

การรักษาทางการแพทย์

การรักษาทางการแพทย์มีอยู่ 3 วิธี ได้แก่
1.ใช้เครื่องฟอกเลือดหรือไตเทียม เพื่อเอาของเสียออกจากร่างกาย ต้องทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
2.การล้างช่องท้องเพื่อให้เลือดสะอาด
3.การเปลี่ยนไต โดยอาไตจากคนอื่นมาข้างหนึ่ง ปลูกเข้าไปในช่องท้อง การบริจาคไต 1 ข้างให้ญาติพี่น้องไม่มีผลต่อสุขภาพของผู้บริจาค ซึ่งการบริจาคไตมีมามากกว่า 50 แล้ว

เกร็ดความรู้

การบริจาคไตจากผู้ที่เสียชีวิตแล้ว เป็นสิ่งที่ได้บุญกุศลที่สุด ในประเทศไทย สภากาชาดไทยจะเป็นผู้รับบริจาค และจะเป็นผู้คัดสรรไตบริจาคนี้ให้กับผู้ป่วยโรคไตด้วยความยุติธรรม ตามอันดับความเหมือนของเนื้อเยื่อและตามระยะเวลาที่รอคอยแก่ผู้รับ

การผ่าตัดเปลี่ยนไต ต้องอาศัยความพร้อมของทีมแพทย์ในโรงพยาบาลร่วม 10 คน ได้แก่ แพทย์ผ่าตัดไต แพทย์ผ่าตัดท่อปัสสาวะ แพทย์ผ่าตัดเส้นเลือดไต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเนื้อเยื่อ แพทย์ดมยาสลบ แพทย์โรคหัวใจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ ดังนั้นผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตควรเลือกโรงพยาบาลที่มีความพร้อมของทีมแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะไตที่ได้รับบริจาคอาจได้รับมาจกสภากาชาดไทยเมื่อใดก็ได้

ข้อมูลจาก : สถาบันเปลี่ยนไต โรงพยาบาลพระรามเก้า

สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี
โทรเลย!!! สายด่วน: 📱คุณชัช 096-8366046

คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860d
https://web.facebook.com/DBooneByChat/

รู้จัก โ ร ค อ อ ฟ ฟิ ศ ซิ น โ ด ร ม ! มั้ยค่ะทำงานหลังขดหลังแข็ง เพื่อรับ"โบนัส"อันน้อยนิดแต่ต้องเอาชีวิตมา"เสี่ยง" กับ...
27/06/2017

รู้จัก โ ร ค อ อ ฟ ฟิ ศ ซิ น โ ด ร ม ! มั้ยค่ะ

ทำงานหลังขดหลังแข็ง เพื่อรับ"โบนัส"อันน้อยนิด
แต่ต้องเอาชีวิตมา"เสี่ยง" กับอาการปวดที่ทรมาน

ทุกวันนี้ยังมีอาการปวดต้นคอ ปวดท้ายทอย เส้นตึงที่บ่า ไหล่ ปวดหัว ปวดหลัง อยู่ตลอด เพราะเป็นมานาน เมื่อก่อนทำงานออฟฟิต อยู่หน้าจอคอมตลอด ต้องนั่งทำงานนานๆ ได้พักแค่ 1ชั่งโมงต่อวัน ในช่วงเวลาทำงาน

จึงขอลาออกจากงาน เพราะทนกับอาการปวดไม่ไหว หลังจากที่ออกมายังมีอาการอยู่ เส้นที่คอ บ่า หลังตึงมาก ยิ่งตรงบ่า เป็นก้อนเลยค่ะ พอกด เส้นนูนชัดเลยค่ะ ที่ ไหล่ ยิ่งขยับ ยิ่งมีเสียงดัง กึกๆ ปวดเมื่อยตามร่างกาย นั่งนานๆ ยิ่งเมื่อยตัว

อาการต่อมา คือ เริ่มปวดกระบอกตา เวลาเหนื่อยๆ เครียดๆ พยายามรักษาโดยการนวดแผนไทยแล้ว ก็ยังไม่ดีขึ้น ไปหาหมอก็ฉีดสเตรอยต์ให้ ได้ยามาทานเพิ่มอีก ก็ได้แค่ลดอาการปวด ยิ่งทานยา ยิ่งกลัวเป็น "โรคไต" เพราะทานยาตลอด

ทุกปัญหา ทุกอาการปวด มันมีสาเหตุค่ะ
ยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี และสอบถามเพิ่มเติม
โทรเลย📱คุณชัชวาลย์ 096-8366046

คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860d

วันนี้ผมจัดส่งของให้แล้วนะคับ เลขที่พัสดุแจ้งในinboxนะคับขอบคุณทุกเสียงตอบรับจากลูกค้าคับขอให้สุขภาพแจ็งแรงนะคับทานดีบูน...
26/06/2017

วันนี้ผมจัดส่งของให้แล้วนะคับ
เลขที่พัสดุแจ้งในinboxนะคับ
ขอบคุณทุกเสียงตอบรับจากลูกค้าคับ
ขอให้สุขภาพแจ็งแรงนะคับ
ทานดีบูน ดีจริง เห็นผลจริง แล้วช่วยบอกต่อด้วยนะคับ

💢ตึงไหล่ ตึงคอ ปวดสะบัก ปวดเรื้อรังมานานหลายปี ไปนวลมาก็ "เจ็บ" เหมือนเดิม แถมเจ็บตัวเพิ่มอีกเฮ้อ...T_T... รำคาญ...กับอา...
24/06/2017

💢ตึงไหล่ ตึงคอ ปวดสะบัก ปวดเรื้อรังมานานหลายปี
ไปนวลมาก็ "เจ็บ" เหมือนเดิม แถมเจ็บตัวเพิ่มอีก
เฮ้อ...T_T... รำคาญ...กับอาการปวดมากครับ

💉ปวดสะบัก ปวดมานานนับ 10 ปี นวดมามาก จัดกระดูก ฝังเข็ม ก็แค่บรรเทา เดี๋ยวก็เป็นอีก เวลานวดจะทนเจ็บปวดเพราะคิดว่าอดทนให้หมอนวดจะได้ทุเลาหมอนวดจนฟกช้ำเลยก็มี....

บางครั้งปวดจนขึ้นหัว ปวดเบ้าตา รู้สึกตึงไหล่ ตึงคอ ท้องแข็งมาก ต้องนวด ต้องทุบกันเลยทีเดียว พอนวด พอทุบก็ดีขึ้น ต้องกินยาลม ดมยาดม ประมาณนี้ ประจำเลยครับ

เป็นเพราะอะไร ก็ไม่ทราบ ตรวจสุขภาพก็ไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่เป็นคนไม่ชอบออกกำลังกาย เวลาปวดมากๆ จะทรมานมาก รำคาญอีกด้วย

💥พฤติกรรมต้นเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งเรามักทำเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัว คือ “ความเครียด” 😬

(บางคนนั่งทำงานขมวดคิ้ว ย่นหน้าผาก เกร็งใบหน้า ทั้งวัน ไม่ยอมผ่อนคลาย จนเกิดริ้วรอยก่อนวัย)

💥เนื่องจาก ความเครียดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กล้ามเนื้อ และหลอดเลือดหดเกร็ง นอกจากจะทำให้เกิดอาการเมื่อยล้า ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าแล้ว ความเครียดยังเป็นตัวการสร้างอนุมูลอิสระภายในร่างกาย เป็นบ่อเกิดของโรคแห่งความเสื่อมทั้งหลาย อย่างเช่น โรคความดันโลหิต เบาหวาน หลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย

✨ทางเลือกใหม่สำหรับคุณ✨
🏥ไม่ต้องผ่า ก็สามารถเดินได้🚶
💘ทำเพื่อตัวเราและคนที่คุณรัก💕
👉ลองดูสิครับ..แล้วคุณจะรู้ว่า"เห็นผล"👈

🔊สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี
โทรเลย!!! สายด่วน: 📱คุณชัช 093-9730300
🔊คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860d
https://web.facebook.com/DBooneByChat/

📎สงสาร พ่อกับแม่ อ่ะ ที่ต้องทำงานหนักเพื่อเรา"พ่อ"ต้องเดินออกไปสวนทุกวัน"แม่"ต้องยืนทำกับข้าวนานๆ ทุกเช้าเย็นทำให้มีอากา...
24/06/2017

📎สงสาร พ่อกับแม่ อ่ะ ที่ต้องทำงานหนักเพื่อเรา
"พ่อ"ต้องเดินออกไปสวนทุกวัน
"แม่"ต้องยืนทำกับข้าวนานๆ ทุกเช้าเย็น
ทำให้มีอาการปวดที่ "ส้นเท้า" เพราะยืนนานๆ

📌อาการปวดส้นเท้า Plantar fasciitis หรือที่รู้จักกันในหมู่นักวิ่งว่า โรครองช้ำ คือโรคที่เกิดจากการอักเสบบริเวณพังผืดใต้ฝ่าเท้า ส่วนใหญ่มักเป็นบริเวณที่พังผืดยึดกับกระดูกส้นเท้า ผู้ป่วยมักมีการเจ็บปวดบริเวณส้นเท้าเวลาลงน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกๆ ของการลงน้ำหนัก เช่น ตื่นนอนตอนเช้า หรือหลังจากการนั่งนานๆ แต่เมื่อเดินไปเรื่อยๆ อาการปวดจะดีขึ้น

ซึ่งในนักวิ่งก็เช่นกัน อาการปวดจะมีมากในช่วงแรกของการวิ่ง เมื่อวิ่งไปได้ระยะหนึ่ง อาการปวดจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่จะกลับมาปวดอีกครั้งเมื่อหยุดวิ่ง เมื่อเป็นมากๆ จะมีอาการปวดตลอดเวลา

📌สาเหตุ และที่มาของโรคเกิดประกอบด้วยหลายปัจจัย
การใช้งานที่มากเกินไปจนร่างกายทนไม่ไหว เช่น

☑การฝึกวิ่งที่หักโหมจนเกินไป หรือการวิ่งในระยะทางที่ไกลเกินไป

☑การวิ่งกระแทกส้น สาเหตุนี้มักพบในคนที่ชอบวิ่งก้าวยาวๆ ทำให้จังหวะลงเท้ามีการกระแทก อย่างรุนแรงที่ส้นเท้า

☑การวิ่งบนพื้นแข็ง หรือใช้รองเท้าที่พื้นบางเกินไป จนไม่สามารถรับแรงกระแทกได้ดีพอ

☑น้ำหนักตัวที่มากเกินไป ในคนอ้วนมีโอกาสเกิดโรคนี้ได้มากกว่า เนื่องจากแรงกระแทก จะมีการแปรผันตามน้ำหนักตัวที่ลงไปบนส้นเท้า

☑โครงสร้างร่างกายผิดปกติ เช่น อุ้งเท้าสูง เท้าแบนและคว่ำ หรือส้นเท้าบิดออกด้านนอก

📌กลุ่มอาการปวดบริเวณส้นเท้า ประกอบด้วย โรคหลาย ๆ โรค ที่ทำให้เกิดลักษณะอาการที่คล้ายคลึงกัน เช่น

⭕เอ็นร้อยหวายอักเสบ

⭕ถุงน้ำกระดูกส้นเท้าอักเสบ
หรือ ถุงน้ำเส้นเอ็นร้อยหวายอักเสบ

⭕กระดูกเท้าบิดผิดรูป

⭕โรครูมาตอยด์

⭕โรคเก๊าท์ หรือ

⭕กระดูกหัก เป็นต้น

⭕ซึ่งในบางครั้งอาจพบหลายโรคพร้อม ๆ กันก็ได้

มีอาการเจ็บบริเวณด้านหลังของส้นเท้า หรือ ด้านหลังข้อเท้า ซึ่งจะมีอาการปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวข้อเท้า เช่น เดินขึ้นลงบันได หรือ วิ่ง

👉อาการปวดข้อ👉ปวดกระดูก👉ข้อเสื่อม
👉ไขข้ออักเสบ👉รูมาตอยด์👉ปวดหลัง
👉ปวดเอว👉ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ👉เคล็ดขัดยอก
👉ออฟฟิศซินโดรม👉โรค เก๊าท์👉นิ้วล็อค
👉กล้ามเนื้ออักเสบ👉เส้นเอ็นอักเสบ👉น่องบวม
👉ไหล่ตึง👉ปวดไหล่👉กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง
👉ข้อเท้าพลิก👉ตะคริว👉เดินไม่ได้👉หกล้ม
👉อุบัติเหตุจากการเล่น กีฬา ฯลฯ

🚩ด้วย...ผลิตภัณฑ์ "ดีบูน D-Boon" เป็นผลิตภัณฑ์
ที่มียอดขายสูงสุด ทั้งในยุโรปและอเมริกา
เป็นผลิตภัณฑ์ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่ง💪
ของกระดูกและข้อต่อ ด้วยส่วนผสมที่ลงตัว
เพื่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนรอบๆข้อต่อ
เอ็นร้อยหวาย และเอ็นยึดข้อ

✨ทางเลือกใหม่สำหรับคุณ✨
🏥ไม่ต้องผ่า ก็สามารถเดินได้🚶
💘ทำเพื่อตัวเราและคนที่คุณรัก💕
👉ลองดูสิครับ..แล้วคุณจะรู้ว่า"เห็นผล"👈

🔊สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี
โทรเลย!!! สายด่วน: 📱คุณชัช 093-9730300
🔊คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860d
https://web.facebook.com/DBooneByChat/

เตรียมส่งคับ ลูกค้าแน่นทุกวัน #มือถือสั่นตลอด  #ยอดสั่งถล่มถลาย  #ดีบูนกล้าการันตรีคุณภาพ ถ้าให้ลอง!!!  #ทุกปัญหาของอากา...
24/06/2017

เตรียมส่งคับ ลูกค้าแน่นทุกวัน
#มือถือสั่นตลอด #ยอดสั่งถล่มถลาย #ดีบูนกล้าการันตรีคุณภาพ ถ้าให้ลอง!!! #ทุกปัญหาของอาการปวดจบที่ดีบูน

#10ปากว่าไม่เท่ากับได้ลองได้สัมผัสด้วยตัวคุณเอง
#ไม่ต้องทนกับอาการ ป ว ด อี ก ต่อ ไป
อาการปวดต้นคอ✔ปวดบ่า✔ปวดไหล่✔
ปวดข้อสอก✔ ข้อมือ-ข้อเท้า✔ ข้อนิ้วมือ-นิ้วเท้า✔
ปวดหลัง✔ปวดเอว✔ก้นกบ✔สะโพก✔ปวดขา✔
ปวดเข่า✔ปวดตามข้อกระดูก✔โรคข้ออักเสบ✔
โรคข้อเข่าเสื่อม✔โรคกระดูกพรุน✔กระดูกบาง✔
โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน✔
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้น✔โรครูมาตอยด์✔
โรคเก๊าต์✔นิ้วล็อค✔
#สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษาฟรี
โทรเลย!!! สายด่วน: 📱คุณชัช 093-9730300
🔊คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860

ปวดหัวไหล่ สะบักจมคืออะไร ? เรามาเรียนรู้กันก่อนว่าอาการสะบักจมเกิดจากอะไร?  ปวดคอ บ่าไหล่ เป็นผังผืด กล้ามเนื้อหดเกร็ง ...
23/06/2017

ปวดหัวไหล่ สะบักจมคืออะไร ?
เรามาเรียนรู้กันก่อนว่าอาการสะบักจมเกิดจากอะไร? ปวดคอ บ่าไหล่ เป็นผังผืด กล้ามเนื้อหดเกร็ง มึนๆหัวไม่โล่ง ปวดขมับกกหู ปวดกราม ยกแขนไม่ได้ ไขว่หลังไม่ได้

อ่านดูได้นะคับ กดแชร์....ได้นะคับ อาการนี้ฟื้นฟูได้นะคับ

สาเหตุอาการที่ทำให้เกิดสะบักจมเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไป แบ่งออกได้หลายสาเหตุดังนี้

1. คนที่ต้องทำงานหนักแบกของหนักเกินไป หรือหาบหามของหนักเกินไป ทำให้ปวดที่บ่าแล้วเจ็บที่สะบัก

2. คนที่ต้องนั่งเขียนหนังสือหรือคนที่ต้องนั่งทำงานจำเจอยู่ในอิริยาบถที่ไม่ ถูกต้องเป็นเวลานานๆ หรือเกิดจากจากการเล่นกีฬา หรือเกิดจากการนอนแล้วตกหมอน

3. อาจมาจากเส้นหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบ ก็ทำให้ปวดไปที่สะบักและหัวไหล่โดยกรณีนี้ห้ามนวด

4. อาจเกิดจากแรงกระแทกแรงบิดที่ทำให้หมอนกระดูกคอทับเส้นประสาท หรือกระดูกคองอก กระดูกเสื่อมถูกปลายประสาท กรณีนี้ห้ามนวด

สาเหตุอีกอย่างคล้ายกัน ของอาการปวดคอ ไหล่ติด สะบักจม

- มักจะเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น
นอนหมอนที่ไม่รองรับต่อสรีระบริเวณคอและบ่า เช่น หมอนสูง หรือต่ำ เกินไป

- สลัดคอแรงๆ บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาเมื่อยมากๆ ยิ่งเมื่อย ยิ่งสะบัดแรง

- ใช้คอและไหล่หนีบโทรศัพท์เป็นนิสัย หรือก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เป็นเวลานานๆ

- การทำงานที่จำเป็นต้องเกร็งศีรษะ ค่า บ่า ไหล่ ตลอดเวลา เช่น นั่งพิมพ์งาน ยกของหนัก ขับรถ สะพายกระเป๋าที่มีน้ำหนักมากเกินไป โดยไม่มีการเตรียมพร้อม-ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ และพักระหว่างวันเท่าที่ควร

- การออกกำลังกายเกินกำลัง หรือออกกำลังกายโดยไม่ยืดหยียดกล้ามเนื้อให้มีความพร้อมก่อนออกกำลัง และไม่ยืดเหยียดผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลัง

- ชอบนั่งหลับ สัปหงก ทำให้เกิดการกระตุก เกร็งกล้ามเนื้อคอบ่อยๆ
- คอกระชากไปหน้า-สะบัดไปหลัง

หลังของคนเรานั้นแบ่งออกเป็น 2 ตอนด้วยกันคือ ช่วงตอนบนนับตั้งแต่หัวไหล่หรือบ่า (เป็นที่ตั้งของคอ) จากช่วงนี้นับลงไปจนถึงสะบัก หรือกระดูกสันหลังข้อที่ 7 นับเป็นหลังตอนบน

ส่วนอันล่างนับจากกระดูกสันหลังข้อที่ 8 ลงไปหรือใต้สะบักจนถึงสะโพกหรือบริเวณเหนือก้นเป็นบริเวณหลังตอนล่างเมื่อ เรารู้แล้วว่าหลังประกอบด้วย 2 ส่วนแล้ว ก็มารู้กันว่า ทั้งตอนบนและตอนล่างมีหน้าที่อะไร และหากเกิดอาการพิการควรจะแก้ไขหรือรักษากันอย่างไร

หลังตอนบนนั้นประกอบด้วยหัวไหล่ บ่า สะบักสะบักเป็นสิ่งหนึ่งที่ อยู่บนแผ่นหลัง อยู่ใต้หัวไหล่ลงมา มีความสำคัญในการช่วยให้แขนเคลื่อนไหวได้ มีกำลังยกของหนัก และเป็นจุดสำคัญของเส้นเอ็นที่ทอดต่อไปยังแขน ซึ่งเส้นที่ทอดไปยังแขนนั้น มีความสัมพันธ์กับหัวไหล่ด้วย คำว่าสะบักจมไม่ใช่กระดูกสะบักจมหายเข้าไปข้างใน หากแต่เป็นการปวดของกล้ามเนื้อ
สนใจสอบถามและยินดีให้คำปรึกษา...ฟรี
โทรเลย!!! สายด่วน: 📱คุณชัช 093-9730300
🔊คลิกลิ้งค์ที่นี่เพื่อดูตัวอย่างผู้ทานเพิ่มเติม
https://line.me/R/ti/p/%40zjb2860

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ศูนย์ดีบูนฟื้นฟูกระดูก ไขข้อ เข่าอักเสบ By ชัช Chatchawan 0939730300ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ศูนย์ดีบูนฟื้นฟูกระดูก ไขข้อ เข่าอักเสบ By ชัช Chatchawan 0939730300:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท