
05/06/2025
การรักษาความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในดิน
คือการรักษาโลก รักษามนุษย์ และรักษาชีวิตอื่น ๆ บนโลกใบนี้
ประโยชน์ของความหลากหลายทางชีวภาพในดิน
ดินเป็นทรัพยากรสำคัญที่หล่อเลี้ยงมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ไม่เพียงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตมากมาย แต่ยังเป็นศูนย์รวมของความหลากหลายทางชีวภาพที่มีบทบาทในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และเชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิตของมนุษย์
ปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต—อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยา—ล้วนมีต้นทางจากดิน
ดิน: แหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
จากงานวิจัยทั่วโลกพบว่า สิ่งมีชีวิตกว่า 40% บนบกมีวงจรชีวิตที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับดิน ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว จุลินทรีย์ แมลง ไส้เดือน ไปจนถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ใช้ชีวิตใต้ผิวดิน
ดินยังเต็มไปด้วยเชื้อรา สาหร่าย มอส และไลเคนที่มีความสัมพันธ์ร่วมกับจุลินทรีย์ รากพืช และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสายใยอาหารที่ถ่ายเทพลังงานและสารอาหารสู่สิ่งมีชีวิตบนผิวดิน
ความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งมีชีวิตในดินกับบนดิน
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในดินมีบทบาทในการเสริมสร้างความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตบนดิน ผ่านการหมุนเวียนสารอาหารและพลังงานจากวัสดุอินทรีย์
สิ่งมีชีวิตในดินช่วยบำบัดมลพิษในดิน โดยกระตุ้นการกรอง ย่อยสลาย และตรึงสารพิษ เช่น ไฮโดรคาร์บอน ด้วยการใช้จุลินทรีย์ พืช และหนอนเพื่อฟื้นฟูดินที่ปนเปื้อน
นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ในดินอย่างไส้เดือน ปลวก และมดยังมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงโครงสร้างดิน ลดการพังทลายจากลมและน้ำ
สิ่งมีชีวิตในดินช่วยสร้างสารอาหารแก่พืช
สิ่งมีชีวิตในดินเป็นแหล่งกำเนิดของธาตุอาหารที่พืชต้องการ โดยพบว่าคาร์บอนในเซลล์แบคทีเรียในดินรวมกันเทียบเท่ากับคาร์บอนในพืชทั้งโลก และยังมีไนโตรเจนและฟอสฟอรัสรวมมากกว่าด้วยซ้ำ
พืชต้องพึ่งพาสารอาหารหลักและรองจากดินในการสร้างชีวมวลและกักเก็บคาร์บอนจากบรรยากาศ ซึ่งเกิดจากจุลินทรีย์ในดินที่ทำหน้าที่เปลี่ยนอินทรียวัตถุเป็นธาตุอาหาร โดยอาศัยปัจจัยแวดล้อมอย่างอุณหภูมิ ความชื้น และความเป็นกรด-ด่าง
จุลินทรีย์ในดินหลายชนิดยังสามารถตรึงไนโตรเจน ช่วยลดต้นทุนและลดการใช้ปุ๋ยเคมี ส่งเสริมความอุดมสมบูรณ์ของดิน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตปุ๋ยไนโตรเจนซึ่งใช้พลังงานสูง
ดินที่มีสุขภาพดีสามารถกักเก็บคาร์บอนได้มาก
สิ่งมีชีวิตในดินมีบทบาทสำคัญในวัฏจักรคาร์บอนและช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตร
ปัจจุบันการเกษตรทั่วโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็น 10–12% ของการปล่อยทั้งหมด โดย 38% มาจากไนตรัสออกไซด์ในดิน และ 11% จากมีเทนในนาข้าว ซึ่งจุลินทรีย์ในดินมีบทบาทในทุกขั้นตอนของกระบวนการเหล่านี้
ดินที่อุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพสามารถกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าที่พืชและชั้นบรรยากาศรวมกัน จึงมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แหล่งกำเนิดยาสำคัญจากสิ่งมีชีวิตในดิน
ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 มียาและวัคซีนหลายชนิดที่ถูกค้นพบจากสิ่งมีชีวิตในดิน เช่น ยาปฏิชีวนะ ยารักษามะเร็ง และยาต้านเชื้อรา
นอกจากนี้ ดินที่ดีและมีความหลากหลายทางชีวภาพยังช่วยให้พืชต้านทานโรค ส่งผลให้เราบริโภคอาหารที่ปลอดภัยและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งมีผลต่อสุขภาพมนุษย์ในเชิงเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและปรับสมดุลฮอร์โมน
ภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพในดิน
กิจกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้สารเคมีในเกษตร การตัดไม้ทำลายป่า มลพิษ และการขยายเมือง ล้วนส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในดิน โดยทำให้สูญเสียชนิดพันธุ์ที่เปราะบาง และลดความหลากหลายของระบบนิเวศใต้ดิน
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้สายพันธุ์เฉพาะถิ่นสูญพันธุ์ และต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการฟื้นฟู
สิ่งที่เราทำได้เพื่อปกป้องดิน
• อนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติ ทั้งในดินและบนดิน โดยเฉพาะป่าไม้และพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในดิน
• ทำเกษตรอย่างยั่งยืน โดยลดการใช้สารเคมี เลือกใช้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ทำลายจุลินทรีย์ในดินและรักษาความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
#ดินมีชีวิต
#ชีวิตเริ่มต้นที่ใต้ดิน