08/05/2025
ทบทวนเรื่องงูกัดกันครับ
เพิ่มเติมเอกสารอ้างอิงไว้อ่านเพิ่มเติมนะครับ
1. Krait envenomation in Thailand
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30271155/
2. A Retrospective Cohort Study of Cobra Envenomation: Clinical Characteristics, Treatments, and Outcomes
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/37505737/
3. Hematotoxic Manifestations and Management of Green Pit Viper Bites in Thailand
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC7398752/
4. Malayan Pit Viper Envenomation and Treatment in Thailand
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/34876815/
5. Early Adverse Reactions to Snake Antivenom: Poison Center Data Analysis
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/36287963/
ช่วงฤดูฝน สิ่งที่จะมาพร้อมกันคือ เคสผู้ป่วยถูกงูกัด และผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากการกินเห็ด โปรดระมัดระวังกันนะครับ
วันนี้ขอ repost เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยถูกงูกัดเบื้องต้นกันอีกทีนะครับ (ปรับเล็กน้อยจากสี่ปีก่อน)
งูพิษในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
1) งูพิษต่อระบบประสาท ได้แก่ งูจงอาง งูเห่า งูทัยสมิงคลา งูสามเหลี่ยม: ลักษณะอาการเมื่อได้รับพิษจากการถูกกัด จะทำให้มีอาการหนังตาตก พูดไม่ชัด กลืนน้ำลายไม่ได้ อ่อนแรง และอาจหายใจล้มเหลวได้
2) งูพิษต่อระบบโลหิต ได้แก่ งูแมวเซา งูกะปะ งูเขียวหางไหม้: ลักษณะอาการเมื่อได้รับพิษจากการถูกกัด จะทำให้มีเกล็ดเลือดต่ำ การแข็งตัวของเลือดช้าผิดปกติ ทำให้มีเลือดออกง่ายและหยุดยากได้ โดยอาจมีเลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระและปัสสาวะเป็นสีดำ รวมทั้งอาจมีเลือดปน
3) งูพิษต่อระบบกล้ามเนื้อ ได้แก่ งูทะเล: ลักษณะอาการเมื่อได้รับพิษจากการถูกกัด จะทำให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อรุนแรง (rhabdomyolysis) ซึ่งนำไปสู่ภาวะไตวายได้
ในกรณีที่ถูกงูกัด สิ่งที่ควรกระทำได้แก่
1. ตั้งสติ !!
2. พยายามไปโรงพยาบาลใกล้เคียงให้เร็วที่สุด โดยพยายามผู้ถูกกัดเคลื่อนไหวน้อยที่สุด
อย่าวิ่งเพื่อไม่ให้มีการไหลเวียนและกระจายของพิษเร็ว (ตัวพิษดูดซึมทางระบบน้ำเหลืองและกระจายโดยระบบไหลเวียนโลหิต) หากมีการขยับแขนหรือขาที่ถูกกัดมากจะดูดซึมไวขึ้น หากชีพจรไวก็จะมีการกระจายพิษได้ไวขึ้น
หากเป็นไปได้ ผู้ถูกกัดอย่าขับรถเอง เกิดมีอาการอ่อนแรงจากพิษงูอาจจะเกิดอุบัติเหตุก่อนจะถึงโรงพยาบาลได้ อาจโทรเรียกการบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการผิดปกติ) หรือให้เพื่อนไปส่งได้ (หากอาการดี)
3. กรณีที่ผู้ป่วยไม่หายใจ หรือหัวใจหยุดเต้น ให้ช่วยฟื้นคืนชีพเบื้องต้นก่อน หากไม่ทราบวิธีการโทรเรียกการบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 หรือรีบพาส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
4. หากผู้ถูกกัดเริ่มมีอ่อนแรง พูดไม่ชัด หนังตาตก ให้ป้องกันการสำลักและเปิดทางเดินหายใจโดยจัดให้นอนตะแคงหันหน้าไปด้านข้าง
5. หากผู้ถูกกัดมีเลือดออก ให้ห้ามเลือดโดยการเอาผ้าสะอาดกดบาดแผลไว้
6. ไม่ต้องพยายามวิ่งไล่จับงูมานะครับ....เพิ่มความเสี่ยงการถูกกัดซ้ำ หรือเพื่อนที่พยายามจับอาจกลายเป็นผู้ป่วยรายถัดไปได้......งั้นทำไงดี..เมื่อก่อนการจับงูมาช่วยให้เรา identify งูได้โดยคุณหมอ/พยาบาลอาจดูเทียบกับรูปตามแหล่งต่างๆ (บางทีเอามาตัวเป็นๆก็ไม่มีใครกล้าดูกล้าเปิดถุงออกมาอีก บางทีหลุดออกจากถุงมาเลื้อยอยู่กลาง ER อีก -__-")
ปัจจุบันเชื่อว่าเกือบทุกคนมีมือถือที่ถ่ายรูปได้ครับ ให้ถอยห่างๆเดินวนไกลๆถ่ายรูปงูทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ซูมถ่ายส่วนหัวทั้ง 2 ด้าน +/-ด้านข้าง เท่านี้ก็เพียงพอในการช่วย identify แล้วนะครับ หากไม่แน่ใจโทรมาปรึกษาที่ 1367 ศูนย์พิษรามา เพื่อร่วมประเมินอาการและให้คำแนะนำ และส่งรูปปรึกษามาทาง Line ของเราได้ครับ
7. สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ หากท่านได้รับงู หรือถุงใส่งูมาแล้ว ทำให้แน่ใจว่างูตายซะก่อน จะได้ไม่มีเหตุการณ์งูหลุดใน ร.พ. (บางท่านเอารถทับมาเลยก่อนเปิดถุงก็มี) แต่..แม้งูตายแล้วก็อย่าเอามาเล่น อย่าเอามือล้วงไปหยิบ เปิดถุงโดยถุงไม่หันเข้าหาตัว เทออกจากถุง อาจหาอุปกรณ์(ไม้กวาดยาวๆ) ช่วยเขี่ยศพงูออกมา หาก identify เองไม่ได้หรือไม่แน่ใจ โทรเข้ามา+ถ่ายรูปส่งมานะครับ (หลายทีอาการที่เกิด ไม่ตรงกับงูที่จับมาอีก จับงูแพะซะงั้น)
ทำไมต้องกลัวขนาดนั้นงูตายแล้วนี่.....
เรียนให้ทราบว่า งูตายแล้วยังมี reflex อยู่ยังงับได้อยู่นะครับ (เหมือนศพกระตุก) ฉะนั้นอย่าถือเอาไปแกล้งกันเองเดี๋ยวจะถูกกัดจริงๆนะ (บาง ร.พ. มี antivenom ชุดเดียวอีกแล้วให้กับคนไข้ไปแล้ว....ต้องรีเฟอร์เจ้าหน้าที่ที่ถูกกัดไป ร.พ. อื่นแทนอีก -__-")
มีวีดีโอทดสอบด้วยว่าหัวงูที่ตัดออกมาแล้วยังมีรีเฟล็กซ์งับได้นะ...ใครเห็นเลือดเห็นงูไม่ได้ก็อย่าเข้าไปดูนะฮะ
https://www.dailymail.co.uk/video/news/video-1114740/Warning-Graphic-Venomous-snake-heads-bite-severed.html
8. ทำความสะอาดแผลที่ถูกงูกัดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเช่น แอลกอฮอล์หรือทิงเจอร์ไอโอดีน
สิ่งที่ไม่ควรกระทำเวลาถูกงูกัดคือ
1. อย่าดูดพิษจากแผล...มันดูดออกไม่ได้มากพอที่จะสร้างความแตกต่างในการเกิด systemic toxicity และมีความเสียงที่จะทำให้แผลติดเชื้อ..อีกทั้งหากหากดูดพิษออกมาได้พิษก็จะสัมผัส oral mucosa ซึ่งอาจมีแผลเล็กๆอยู่ ผู้ดูดพิษอาจจะได้รับ toxin โดยเฉพาะ local toxin ในงูเห่า งูจงอาง งูกะปะ และงูเขียวหางไหม้ ทำให้ปาก-หน้าบวม upper airway obstruction ได้ (ในหนังมันมั่วครับ พระเอกหนังต้องโดนพิษ local effect ไป หน้าบวมปากบวมไปแล้วสิ)
2. อย่าเอาดิน หรือสมุนไพรโปะแผล รวมถึง อย่าไปเอาน้ำมนต์ น้ำใดๆมาบ้วนหรือเป่าใส่แผล เดี๋ยวจะติดเชื้อ (มีคนทำตามละครแล้วก็.....sepsis DIC กันไป นอน ร.พ กันนานเลยครับ)
3. อย่าเอาไฟจี้ อย่าเอาไฟฟ้ามาช๊อต อย่าเอาน้ำแข็งหรือน้ำแข็งแห้งมาโปะแผล ไม่งั้นจะได้ burn injury กับ frost bite แทน
4. อย่าขันชะเนาะครับ เพราะมันจะกดทับการไหลของในหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดง tissue บวม injury และขาดเลือดมากขึ้น อีกทั้งพอคลายออกขยับแขน-ขา พิษก็ดูดซึมตามระบบน้ำเหลืองต่อไปอยู่ดี
5. อย่ากรีดแผลครับ ไม่ได้ประโยชน์ เจ็บ และ เพิ่มงานต้องมาทำแผลที่กรีด และยังเสี่ยงการติดเชื้อด้วย
6. อย่าพยายามจับงูมา หากจับมาแล้วให้แน่ในว่าตาย แม้ว่าตายแล้วก็อย่าเอามาเล่นนะครับ
7. ไม่ต้องพยายามกินน้ำมะนาว หรือเอาน้ำมะนาวมาหยดแผลครับ ไม่ช่วยครับ (คนแนะนำนี่...เห็นคนไข้เป็นข้าวผัดรึไงกันนี่......)
8. ห้ามดื่มของมึนเมา เนื่องจากอาจเกิดการสำลักและอาเจียน หรืออาจทำให้แยกได้ยากว่าอ่อนแรงจริงหรือเมาแล้วตาปรือ พูดไม่ชัดได้
หากต้องการอ่านเพิ่มเติมการดูแลผู้ป่วยงูกัด สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ website ของศูนย์พิษรามา และหนังสือยาต้านพิษเล่ม 3 ครับ
http://med.mahidol.ac.th/poisoncenter/th/pois-cov/snake
http://med.mahidol.ac.th/poisoncenter/sites/default/files/public/pdf/antidote-book/Antidote%20book3.pdf
และตามไปดูรูปงูพิษสวยๆรวมถึงคำอธิบายจาก website ของสวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทยกันครับ
http://www.saovabha.com/th/snakefarm.asp
แถมรูปงูที่คนตัดต่อให้ออกมาดูน่ารักน่าชังจาก internet ครับ ช่างคิดจริงๆ ^^
https://www.sadanduseless.com/funny-snake-doodles/
#เจอเคสพิษคิดถึงรามา