12/09/2020
ความสุข ความทุกข์ ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาล
เราเกิดเป็นมนุษย์อย่างนี้แล้วก็อย่าพากันประมาท ให้ทำความเพียรไป แม้ว่าจะไม่บรรลุนิพพานในปัจจุบันนี้ บุญบารมียังไม่เต็ม ก็เป็นอุปนิสัยอันสำคัญที่ทำให้เราบรรลุมรรคผลบนสวรรค์ชั้นฟ้าก็ได้ เราเกิดมาในโลกนี้ เพื่อมาสร้างบารมี ไม่ใช่ว่ามาเกิดเล่น เกิดมาแสวงหาความสุข สนุกชั่วคราว ไม่มีประโยชน์อะไร ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของแน่นอน โลกนี้เป็นแต่ทางผ่านเท่านั้นเองล่ะ เกิดมาเพื่อมาสร้างบารมี อาศัยบุญบารมี นำดวงจิตนี้ให้พ้นจากทุกข์ไปตามลำดับ ท่านใดมีบุญมากขึ้นมาแล้ว ก็สงบ ไม่ชอบวุ่นวาย นี่เป็นลักษณะของผู้มีบุญมาก บุคคลที่เบื่อหน่ายต่อความวุ่นวาย ต่อความเละเทะต่าง ๆ ในโลก แล้วก็ยินดีแสวงหาความสงบทางจิตใจ นี่ อันนี้จึงเป็นที่แน่นอนว่าเป็นคนมีบุญมากจริง ความสุข ความทุกข์ของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย เกิดมีได้เพราะการกระทำโดยแท้จริง ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกดลบันดาลให้เป็นสุขหรือเป็นทุกข์หามิได้ แท้ที่จริงมันเกิดจากการกระทำของตัวเองโดยแท้ ข้อที่เป็นสาระสำคัญทั้งหลายของพวกเรา ที่ได้รับการแนะนำสั่งสอนตักเตือนอยู่ทุกวันนี้ นี่เป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณาและปฏิบัติตัวเองให้เป็นพื้นฐานตลอดไป การปฏิบัติตัวให้เป็นคนดีต่อตัวเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคมส่วนรวม และต่อชาติบ้านเมือง และศาสนาของเรานี้ เป็นเรื่องของเราที่จะรับผิดชอบตัวของเราเอง ด้วยการปฏิบัติดี กำจัดสิ่งชั่วช้าลามกที่เกิดขึ้นภายในตัวของเรา และเกิดขึ้นกับใครก็ตาม ให้มีสติระลึกรู้ว่าสิ่งนี้ชั่วทั้งนั้น ทั้งเกิดภายนอกภายใน ภายนอกคือ นอกจากกายตัวเองไปสู่ส่วนรวม ภายในคือออกจากจิตใจของเรา ให้พากันระมัดระวัง ธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านชี้ลงมาที่จิตใจ เหตุที่จะเกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาตั้งแต่เล็กจนใหญ่สุด เกิดขึ้นจากใจของเราทั้งนั้น จึงเรียกว่า ใจเป็นเหตุ คือ นักก่อเรื่องก่อราวอยู่ที่ใจ ผลทั้งดีทั้งชั่วที่เกิดขึ้นจากเหตุดีชั่วนั้นก็เกิดขึ้นที่ใจ จึงจะต้องระมัดระวังที่นี่ให้มากกว่าอื่น ให้มีสติ ถ้ามีสติแล้วจะรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในใจตัวเอง ทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่วเป็นลำดับไป เมื่อเราใช้ความระมัดระวังอยู่เสมอก็ชินต่อนิสัยของบุคคลที่รับผิดชอบตัวเอง แล้วระมัดระวังตนอยู่เสมอ ๆ ก็กลายเป็นความดีงามขึ้นมาในตัวของเรา สิ่งที่ชั่วช้าลามกทั้งหลายก็จะถูกปัดเป่าออกจากการสำรวมระวังของเรา ให้ห่างไกลไปโดยลำดับ นี่คือธรรมของพระพุทธเจ้า