กายใจคลินิก Body&Mind Clinic

กายใจคลินิก Body&Mind Clinic "กายใจคลินิก"ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงเทพ ให้บริการโดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ Mental health

ในปัจจุบันที่การพบนักจิตบำบัดเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นกว่าเมื่อหลายปีก่อน และผู้คนก็พูดถึงเรื่องสุขภาพจิตกันมากขึ...
05/05/2025

ในปัจจุบันที่การพบนักจิตบำบัดเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นกว่าเมื่อหลายปีก่อน และผู้คนก็พูดถึงเรื่องสุขภาพจิตกันมากขึ้น รวมทั้งการเติบโตด้านการให้บริการทางด้านสุขภาพจิตก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

มี tips สั้นๆ นำมาฝากเป็นข้อคำนึงถึงสำหรับท่านที่สนใจอยากจะพบนักจิตบำบัด หรือกำลังพบอยู่ เพื่อลองดูว่า tips เหล่านี้จะมีส่วนประกอบในการตัดสินใจเลือกนักจิตบำบัดเพื่อเดินเคียงข้างการดูแลสุขภาพจิตของท่านเอง

1. หนึ่งในหน้าที่สำคัญของนักจิตบำบัด คือ “ช่วยให้คุณมองเห็นความเป็นไปได้ที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลงภายในตัวเอง” และเดินทางร่วมกับคุณสู่การเปลี่ยนแปลงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายและข้อจำกัดหลายอย่าง
2. เมื่อคุณรู้สึกใจสลาย โดดเดี่ยว นักจิตบำบัดจะช่วยอยู่กับอารมณ์แตกสลายนี้ด้วยกัน และเมื่อคุณพร้อม ก็จะพาคุณค่อยๆ สำรวจว่า เกิดอะไรขึ้น อะไรเป็นสาเหตุและปัจจัยอะไรบ้างที่พาให้คุณมาอยู่จุดนี้ได้ และค่อยๆ ช่วยกันคิดว่า คุณจะดึงตัวเองกลับมา หรือเยียวยาตัวเองอย่างไรได้บ้าง
3. นักจิตบำบัดอยู่เคียงข้างคุณเวลาคุณทบทวนตัวเองโดยไม่ตัดสิน แม้คุณอาจจะตัดสินโทษตัวเอง สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ นักจิตบำบัดจะต้องให้พื้นที่คุณได้อ่อนไหว เปราะบาง พูดถึงสิ่งที่คุณอาจจะค้างคาใจ รู้สึกผิดต่อตัวเอง ต่อคนอื่น มองตัวเองไม่ดี หรือความรู้สึกและมุมมองที่เล่าให้คนอื่นฟังไม่ได้ และใช้พื้นที่นี้พาคุณสำรวจ ทำความเข้าใจ และหาทางเลือกอื่นๆ เพื่อให้คุณได้เลือกสิ่งใหม่ที่คุณต้องการเลือกให้ตัวเอง
4. ในกระบวนการบำบัด นักจิตอาจจะถามคำถามที่ตรงไปตรงมา หรือคำพูดอื่นๆ เป้าหมายเพื่อชวนคุณคิดในมุมมองอื่น ทำความเข้าใจ และมองหาทางเลือกอื่นๆให้ตัวเอง ไม่ใช่ถามคำถาม หรือคำพูดที่มุ่งเน้นจะทำให้คุณรู้สึกอาย หรือโทษคุณ แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกว่า คุณเหมือนกำลังถูกตำหนิจากนักจิตบำบัด คุณสามารถสอบถาม ตรวจสอบกับนักจิตบำบัดของคุณได้เสมอทุกครั้งที่คุณสงสัย เพื่อที่คุณจะได้มีพื้นที่ที่ปลอดภัยที่จะสำรวจโลกภายในของตัวเอง เพราะหากพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยแล้ว การสำรวจโลกภายในของคุณจะกลายเป็นความอึดอัดและไม่สบายใจ
5. ความสามารถในการเยียวยาจิตใจนั้นอยู่ในตัวของคุณเองเสมอ นักจิตบำบัดเป็นเพียงคนที่อยู่เคียงข้างให้คุณได้ใช้พื้นที่ที่ปลอดภัยนี้สำรวจและเยียวยาจิตใจของคุณ หากคุณไม่รู้สึกถึงบรรยากาศที่ปลอดภัย หรือไม่รู้สึกว่า ตัวเองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น คุณสามารถเลือกพื้นที่ใหม่ที่คุณรู้สึกปลอดภัยสำหรับสุขภาพใจของคุณเองได้

กระบวนการเยียวยาจิตใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ใช้แรงพลังมาก และต้องการการอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย ดังนั้นการเลือกคนร่วมทางเคียงข้างจึงเป็นเรื่องสำคัญ หวังว่า tips สั้นๆ นี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยคำนึงถึงการเลือกนักจิตบำบัดที่อยู่เคียงข้างคุณแบบปลอดภัยนะคะ

Reference:
Symington, N. (2002). How to Choose a Psychotherapist. London: Karnac Books.
#คุณณิชา
#กายใจคลินิก

#นักจิตบำบัด
Photo credit: www.pixabay.com

สุขสันต์วันสงกรานต์ ขอให้ทุกๆ ท่านเดินทางปลอดภัยนะคะท่านสามารถส่งข้อความให้เจ้าหน้าที่ทาง Line OA ของคลินิกได้นะคะ เจ้าห...
12/04/2025

สุขสันต์วันสงกรานต์
ขอให้ทุกๆ ท่านเดินทางปลอดภัยนะคะ

ท่านสามารถส่งข้อความให้เจ้าหน้าที่ทาง Line OA ของคลินิกได้นะคะ เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับให้เร็วที่สุดตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน เป็นต้นไปค่ะ

#กายใจคลินิก

กายใจคลินิกหยุดให้บริการในเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 13-16 เมษายน 2567 และเปิดให้บริการอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 2567 เวลา 13.00-20.00 น. ค่ะ
We will close for Songkran Festival between April 13 -16th and re-open again on April 17th, 2023 1pm-8pm.
Happy Holidays!

#กายใจคลินิก

วันนี้กายใจคลินิกเปิดให้บริการตามปกตินะคะWe are back to regular services today. #กายใจคลินิก
29/03/2025

วันนี้กายใจคลินิกเปิดให้บริการตามปกตินะคะ
We are back to regular services today.

#กายใจคลินิก

https://www.facebook.com/share/p/1AEnvDtSYd/?mibextid=wwXIfr
28/03/2025

https://www.facebook.com/share/p/1AEnvDtSYd/?mibextid=wwXIfr

กรมสุขภาพจิตแนะรับมืออย่างมีสติ และไม่ตะหนก💞

Be Alert, Not Alarmed!
ตระหนักไม่ตระหนก เตรียมตัวจิตใจสำหรับสถานการณ์แผ่นดินไหว

#กรมสุขภาพจิต
#แผ่นดินไหว

……………………………………………….

The Department of Mental Health advises staying mindful and not panicking when dealing with earthquakes. 💞

Be Alert, Not Alarmed!
Stay aware, do not panic—prepare your mind for an earthquake situation.


กายใจคลินิกปิดให้บริการในวันนี้เนื่องจากสถานการณ์แผ่นดินไหวท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Line OA:  นะคะทางคลินิก...
28/03/2025

กายใจคลินิกปิดให้บริการในวันนี้เนื่องจากสถานการณ์แผ่นดินไหว

ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Line OA: นะคะ

ทางคลินิกขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ และขอให้ทุกท่านเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยนะคะ

#กายใจคลินิก

⛔️ Emotional Suppression ⛔️คุณเคยรู้สึกไหมว่า…การไม่รู้สึกอะไรเลย อาจจะง่ายกว่า หลายครั้งเราเลือกที่จะเก็บกดความรู้สึกไว...
25/03/2025

⛔️ Emotional Suppression ⛔️

คุณเคยรู้สึกไหมว่า…
การไม่รู้สึกอะไรเลย อาจจะง่ายกว่า

หลายครั้งเราเลือกที่จะเก็บกดความรู้สึกไว้ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ สาเหตุหลักๆ ได้แก่

• กลัวความเปราะบาง: ความรู้สึกบางอย่างยากที่จะรับมือ เช่น ความเศร้า ความกลัว ความโกรธ หรือความรู้สึกผิด จึงเลือกที่จะไม่รู้สึกเลยดีกว่า

• การเรียนรู้ในอดีต: การถูกสอนในวัยเด็ก เช่น อย่าร้องไห้หรือแสดงความโกรธ การถูกตำหนิหรือถูกปฏิเสธเวลาแสดงความรู้สึกออกมา ทำให้เราเรียนรู้ที่จะเก็บมันไว้

• กลัวถูกตัดสิน: กลัวคนอื่นจะมองว่าเราอ่อนแอ หรือแปลกไปจากที่พวกเขาคาดหวัง

• ทัศนคติเชิงบวกที่เป็นพิษ: การมองแง่บวกตลอดเวลา ทำให้เราไม่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกเชิงลบที่เกิดขึ้น

• โหมดการเอาตัวรอด: บางครั้งการไม่รับรู้หรือไม่สนใจความรู้สึก ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้

🎈เรามักจะทำอย่างไรเพื่อเก็บกดความรู้สึก

• ยุ่งอยู่กับงานหรือกิจกรรมอื่นๆ

• เบี่ยงเบนความสนใจ เช่น เล่นมือถือ กิน ดื่ม หรือใช้สารเสพติด

• พยายามหาคำอธิบายให้กับความรู้สึก แทนการปล่อยให้ตัวเองรู้สึกตามธรรมชาติ

• หลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือแสดงความรู้สึก

🎈อะไรคือผลที่ตามมาของการเก็บกดความรู้สึก

• ปัญหาสุขภาพ: ปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือเจ็บปวดเรื้อรัง

• ปัญหาทางจิตใจ: รู้สึกว่างเปล่า รู้สึกแย่โดยไม่ทราบสาเหตุ หรืออาจส่งผลให้เกิดโรคทางจิตเวช เช่น วิตกกังวล หรือซึมเศร้า

• ปัญหาการจัดการอารมณ์: รับมือกับความรู้สึกเชิงลบได้ยาก ส่งผลต่อความสุขในการใช้ชีวิต

• ปัญหาความสัมพันธ์: เมื่อเราไม่สามารถเข้าใจและยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้ จึงยากที่จะสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจ ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

‼️ถ้าไม่เก็บไว้ แล้วจะทำอย่างไร‼️

✅ ให้เวลาตัวเอง: ใช้เวลาอย่างน้อย 5-10 นาทีของวัน สำรวจว่าวันนี้ ฉันรู้สึกอะไร ฉันคิดอะไร อาจจะนั่งเงียบๆ คุยกับตัวเอง หรือเขียนบันทึกก็ได้

✅ ใจดีกับตัวเอง: รับฟังความรู้สึกของตัวเอง โดยไม่ตัดสิน “มันโอเคนะ ที่ฉันรู้สึกแบบนี้“

✅ เป็นมิตรกับความรู้สึก: ความรู้สึกของเราไม่ใช่ศัตรูที่จะต้องรีบกำจัดหรือวิ่งหนีไป แต่ความรู้สึกคือข้อมูลสำคัญที่จะนำเราไปสู่การรับรู้ เข้าใจตัวเอง และการปรับเปลี่ยนไปยังชีวิตที่เบาสบายมากขึ้น

✅ พูดคุยกับคนที่รู้สึกปลอดภัย เชื่อใจได้: ครอบครัว เพื่อนสนิท จิตแพทย์ หรือนักจิตบำบัดเพื่อช่วยทำความเข้าใจ และรับมือกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น

การรับรู้และยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นการแสดงออกถึงความเข้มแข็ง และความต้องการที่จะเติบโตทางด้านจิตใจ เมื่อความรู้สึกของเราถูกได้ยิน ถูกทำความเข้าใจ เราจะรู้สึกเบาสบายขึ้น เมื่อเราจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างจะดีขึ้น และการจัดการเรื่องต่างๆในชีวิตจะง่ายขึ้นไปด้วย

ลองหยุดสักครู่ หายใจลึกๆ แล้วถามตัวเองว่า
ตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกอย่างไร 😢😡😤😔🥹😊😓

#คุณพัชรินทร์
#กายใจคลินิก

#โรคซึมเศร้า #วิตกกังวล #สุขภาพจิต
#จิตบำบัด #นักจิตวิทยา #นักจิตบำบัด
Photo credit: www.pixabay.com

กายใจคลินิกหยุดให้บริการในเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 13-16 เมษายน 2567 และเปิดให้บริการอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 256...
20/03/2025

กายใจคลินิกหยุดให้บริการในเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 13-16 เมษายน 2567 และเปิดให้บริการอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 2567 เวลา 13.00-20.00 น. ค่ะ
We will close for Songkran Festival between April 13 -16th and re-open again on April 17th, 2023 1pm-8pm.
Happy Holidays!

#กายใจคลินิก

 #ภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด (Baby Blues/ Postpartum Blues)        เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็วในช่วง 48 ชั่...
14/03/2025

#ภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด (Baby Blues/ Postpartum Blues)
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็วในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังคลอด โดยระดับฮอร์โมนEstrogen และ Progesterone จะลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน Prolactin และOxytocin เพื่อกระตุ้นการสร้างน้ำนม ส่งผลให้อารมณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น มีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคซึมเศร้า ปัญหาการเงิน ความสัมพันธ์กับสามี สุขภาพของบุตรหลังคลอด ความเหนื่อยล้าจากการดูแลบุตรหลังคลอด ความกังวลเรื่องการเลี้ยงดูบุตร
ทั้งนี้ครึ่งหนึ่งของสตรีหลังคลอด (50-70%) อาจเกิดภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอดขึ้นได้ ซึ่งมักเกิดขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์หลังคลอด (มักมีอาการมากที่สุดในวันที่ 4-5 หลังคลอด) และค่อยๆดีขึ้นได้เองในวันที่ 10-14 หลังคลอด ทำให้สตรีหลังคลอดมีอารมณ์แปรปรวน เศร้า ร้องไห้บ่อย วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ ขาดสมาธิ
เนื่องจากภาวะนี้เกิดขึ้นชั่วคราว สามารถดีขึ้นได้เอง บุคลลรอบข้างสามารถช่วยได้โดยการพูดคุยให้กำลังใจ ให้คำแนะนำในการดูแลบุตร อาจมีบุคคลในครอบครัวช่วยสลับเปลี่ยนมาช่วยดูแลบุตร เพื่อให้ผู้ที่มีภาวะดังกล่าวได้มีเวลาพักผ่อน หรือทำกิจกรรมส่วนตัวบ้าง
หากสังเกตว่าอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากในบางรายอาจพัฒนากลายเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้

#ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression)
พบได้ประมาณ 4-10% จะมีอาการรุนแรงและระยะเวลาที่เป็นยาวนานกว่า โดยอาการกินเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือน มักเกิดภายใน 6-8 สัปดาห์หลังคลอด ผู้ป่วยมักมีอารมณ์เศร้า ไม่มีความสุข ร้องไห้บ่อย รู้สึกว่าตนเป็นแม่ที่ไม่ดีพอ หงุดหงิดง่าย ไม่สนุกสนานกับการทำกิจกรรมที่เคยชอบ นอนไม่หลับหรือนอนมากผิดปกติ เบื่ออาหารหรือทานมากผิดปกติ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับบุตรหรือครอบครัว บางครั้งอยากทำร้ายตัวเองหรือทำร้ายลูกได้
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้ป่วยและทารก ไม่สามารถหายเองได้ จึงจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งการรักษาประกอบด้วย
- การทำจิตบำบัด ช่วยให้ผู้ป่วยได้ระบายผ่อนคลายความวิตกกังวล พูดคุย ให้คำปรึกษาแนะนำ การปรับวิธีคิด และร่วมกันหาวิธีเพื่อรับมือกับสถานการณ์และอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม
- การรักษาด้วยยา แพทย์อาจให้ผู้ป่วยรับประทานยาต้านเศร้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสามารถรับประทานยาต้านเศร้าในช่วงให้นมบุตรได้โดยไม้เป็นอันตรายต่อบุตร

#ภาวะโรคจิตหลังคลอด (Postpartum Psychosis)
พบได้น้อยประมาณ 0.1-0.2% แต่เป็นอาการที่รุนแรงเนื่องจากอาจเกิดอันตรายต่อตนเองและบุตรได้ เป็นภาวะฉุกเฉินทางจิตเวช จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน อาการอาจเกิดภายใน 2-3 วันหลังคลอดไปจนถึงหลายสัปดาห์หลังการคลอด
อาการของภาวะโรคจิตหลังคลอด ได้แก่ หลงผิด หวาดระแวง งุนงงสับสน มีหูแว่วได้ยินเสียงที่ไม่มีอยู่จริง ประสาทหลอน มีพลังในการทำสิ่งต่างๆมากผิดปกติ หรือมีอาการที่อันตราย เช่น ได้ยินเสียงสั่งให้ทำร้ายตนเองหรือทำร้ายบุตร ผู้ป่วยไม่สามารถรับรู้ถึงอาการที่ผิดปกติได้
การรักษาทำได้โดยใช้ยาต้านเศร้าและลดอาการโรคจิต โดยมักจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน หากผู้ป่วยยังไม่ตอบสนองต่อการรักษาก็อาจใช้การรักษาวิธีอื่นต่อไป เช่น การรักษาด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive therapy หรือ ECT)
ซึ่งจะทำให้อาการค่อยๆดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ค่ะ

#หมอฐานิยา
#กายใจคลินิก

Photo credit: www.pixabay.com

 #ใจดีกับตัวเองในวันที่โลกใจร้ายกับเราบ้างนะ ในยุคปัจจุบัน เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และสังคมที่เปลี่ยนแปลง...
06/03/2025

#ใจดีกับตัวเองในวันที่โลกใจร้ายกับเราบ้างนะ

ในยุคปัจจุบัน เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และสังคมที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สภาพภูมิอากาศ หรือวิกฤตทางสังคมต่างๆ ความเร่งรีบและการแข่งขันกลายเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง ทำให้เรารู้สึกกดดัน และขาดความมั่นใจกับการใช้ชีวิต หากต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า คงจะดีไม่น้อยหากมีใครสักคนใจดีกับเราในวันที่โลกใจร้าย และคนๆ นั้นไม่ใช่ใคร หากแต่เป็นตัวเรานั่นเอง ด้วยแนวความคิดการเมตตากรุณาต่อตนเอง (Self-compassion)

การเมตตากรุณาต่อตนเอง (Self-compassion) เป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในวงการสุขภาพจิต การเมตตาต่อตัวเอง คือ วิธีที่เราปฏิบัติต่อตนเองอย่างอ่อนโยนและเข้าใจ เมื่อเผชิญกับความทุกข์โดยไม่ตัดสินตัวเองไปก่อน (Neff, 2003b) แทนที่การตำหนิและลงโทษตนเอง โดยแนวคิดนี้ได้รับอิทธิพลจากความเมตตาต่อตนเองและผู้อื่นตามหลักของพระพุทธศาสนา โดย Kristin Neff นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้กล่าวถึงองค์ประกอบหลักของการเมตตากรุณาต่อตนเองไว้ 3 อย่าง (Neff, 2011)

1) การใจดีต่อตนเอง (Self-Kindness) คือ การพูดและปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความกรุณาและเมตตา เหมือนที่เราปฏิบัติกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ทุกความทุกข์สมควรได้รับความเมตตาและความเข้าใจ การที่เราสามารถมอบความใจดีให้กับตัวเอง ก็ถือเป็นการช่วยสนับสนุนและปลอบโยนตนเองเช่นกัน

2) การมองตัวเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง (Common Humanity) เพราะความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่เราทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะมีความรู้สึกเช่นนี้ หากเราเข้าใจในมุมที่ไม่สมบูรณ์แบบนี้ คงช่วยให้เราโล่งใจขึ้น

3) การมีสติและตระหนักรู้กับปัจจุบันขณะ (Mindfulness) คือ ความสามารถที่เราใส่ใจและสัมผัสอยู่กับปัจจุบันว่าตอนนี้เรารู้สึกอะไร กำลังเกิดอะไรขึ้นในใจเรา โดยไม่ยึดติดกับความคิดหรืออารมณ์ของตนเอง ให้อารมณ์เป็นเพียงสิ่งที่ผ่านเข้ามาและผ่านออกไป

หลายครั้งที่เราจะวิพากษ์วิจารณ์และตำหนิตนเองอย่างหนัก (Self-criticism) เมื่อเกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง เช่น เรามันห่วย เป็นได้แค่ไอ้ขี้แพ้ เป็นต้น ความคิดเชิงลบเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราดีขึ้น แต่ทำให้แรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ ลดลง เกิดการเปรียบเทียบ และรู้สึกผิดต่อตนเองมากขึ้นต่างหาก ในทางกลับกันหากเรานำแนวคิดการเมตตากรุณาต่อตนเอง โดยการอยู่กับความรู้สึกที่เกิดขึ้นแทนที่การจมอยู่กับความรู้สึกด้านลบ ห่วงใยต่อความทุกข์ของตนเอง ซึ่งทุกคนต่างก็มีช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ ถึงแม้จะล้มแต่ไม่ได้หมายความว่าเราล้มเหลว การพ่ายแพ้ก็เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ที่ทุกคนรู้สึกเช่นเดียวกัน แด่ตัวเราที่กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก มันคงจะดีกว่าถ้าตัวเราได้รับความกรุณาและความเข้าใจจากตัวเราเอง

มีงานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าการเมตตาและใจดีต่อตนเอง ช่วยให้สุขภาพจิตของเราดีขึ้น เนื่องจากเราไม่ต้องจมอยู่กับอารมณ์ด้านลบ และมองอารมณ์ของตนเองได้อย่างเป็นกลาง ทำให้สัมผัสได้ถึงความสุข และเกิดทัศนคติที่อ่อนโยนต่อตนเอง รวมถึงเกิดความเข้มแข็งและยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบาก นอกจากนั้นในบางการศึกษาพบว่าการเสริมแนวคิดเมตตาต่อตนเองในการทำจิตบำบัด เช่น การทำจิตบำบัดปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavior Therapy :CBT) ช่วยลดอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าในผู้ป่วยที่มีแนวโน้มวิพากษ์วิจารณ์ตนเองได้ (Kelly et al., 2021) เป็นต้น หรือการฝึกเมตตาต่อตนเองด้วยการรู้สึกตัว (Mindful Self-Compassion :MSC) ควบคู่กับการทำจิตบำบัดปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม สามารถช่วยลดความเครียดและเพิ่มความมั่นใจในตนเองได้เช่นกัน (Neff & Germer, 2023)

ในฐานะนักจิตวิทยาคลินิก เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องยากที่เราจะยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง และอยู่กับความบกพร่องนั้น เมื่อเราเติบโตมาในสังคมที่เร่งรีบและมีการแข่งขันสูง บางคนอาจกังวลว่าการเมตตาต่อตนเองอาจทำให้พัฒนาตัวเองได้ยากขึ้น หรือประสบความสำเร็จได้ล่าช้ากว่าคนอื่น อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน การตำหนิตัวเองไม่ได้ช่วยให้เกิดแรงผลักดันในการพัฒนาตนเองเสมอไป และไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ทำพลาดอีก อย่างน้อยขอให้เรามองเห็นตัวเองที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น ยอมรับในข้อดีและข้อเสียในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ใจดีกับตัวเองบ้างในวันที่ทำผิด ตำหนิตัวเองน้อยลง ปลอบใจและเป็นเพื่อนกับตัวเองได้มากขึ้นแค่นั้นก็พอ

เพราะฉะนั้น ในวันที่แย่ๆ อย่าลืมรับรู้ความรู้สึกของตัวเองด้วยความใส่ใจ และปฏิบัติต่อตัวเองเหมือนที่เราปฏิบัติต่อเพื่อนสนิทยามที่เขามีปัญหานะคะ การให้ความกรุณาต่อความทุกข์ของตัวเอง เปรียบเสมือนการเปิดโอกาสให้เราจัดการกับความเจ็บปวดในใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงเท่านี้ เราก็จะรู้สึกเบาใจและมีความสุขมากขึ้นผ่านการเมตตากรุณาต่อตนเอง

#นักจิตวิทยาคลินิกปุณยวีร์
#กายใจคลินิก


Photo credit: www.pixabay.com

 #เพราะความกังวลเป็นธรรมชาติของชีวิตเราในฐานะนักจิตวิทยาที่พอจะมีประสบการณ์ในการทำจิตบำบัดอยู่บ้างนั้น มักจะบอกกับผู้เข้...
28/01/2025

#เพราะความกังวลเป็นธรรมชาติของชีวิตเรา

ในฐานะนักจิตวิทยาที่พอจะมีประสบการณ์ในการทำจิตบำบัดอยู่บ้างนั้น มักจะบอกกับผู้เข้ารับการบำบัดเสมอว่า “ความกังวลเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด” การที่เรารู้สึกกังวลเวลาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย หรือ เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่รู้สึกไม่ปลอดภัย เช่น การทำงานที่เราไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ทุกอย่างได้ตามใจต้องการ หรือการตัดสินใจบางอย่างโดยที่เราไม่สามารถคาดเดาผลลัพธ์ล่วงหน้าได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวกระตุ้นความกังวลและเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ฉะนั้นอย่ามองความกังวลว่าเป็นศัตรู อย่าผลักไสมักออกไปไกลตัวหรือพยายามต่อสู้จนเหนื่อยล้า เพราะสุดท้ายแล้วผู้พ่ายแพ้จะเป็นตัวเราเอง ในขณะที่ความกังวลยังคงอยู่และยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

ในเชิงวิทยาศาสตร์ สมองมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเหล่านี้ โดยเฉพาะส่วน Amygdala ซึ่งทำหน้าที่คล้ายสัญญาณเตือนภัยในสมอง หากเรารับรู้ถึงสิ่งที่ดูเหมือนอันตราย Amygdala จะส่งสัญญาณไปยังส่วนอื่นของสมอง เช่น Hypothalamus เพื่อกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System) ทำให้ร่างกายตอบสนอง เช่น หัวใจเต้นเร็วขึ้น หรือรู้สึกหายใจถี่ สิ่งนี้เป็นการเตรียมพร้อมให้เรารับมือกับภัยคุกคาม (Threat) อย่างไรก็ตาม หาก Amygdala ส่งสัญญาณมากเกินไป สมองส่วน Prefrontal Cortex ที่ทำหน้าที่ควบคุมการประเมินสถานการณ์และการตอบสนองอย่างมีเหตุผลจะทำงานได้ไม่เต็มที่ทำให้เรามองว่าสถานการณ์นั้นรุนแรงหรืออันตรายกว่าความเป็นจริงส่งผลให้เกิดความกังวลมากขึ้น

หลายคนอาจรู้ว่าความกังวลสร้างความทุกข์ทรมานอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเราไม่สามารถทำให้มันสงบลงได้ ซึ่งความกังวลของแต่ละคนมีต้นตอที่หลากหลาย เช่น พันธุกรรมที่ผู้ให้กำเนิดมีแนวโน้มเป็นคนวิตกกังวล หรือประสบการณ์ในวัยเด็ก เช่น การมีผู้เลี้ยงดูที่ตอบสนองต่อความต้องการของเราอย่างไม่สม่ำเสมอ (Attachment Style) ทำให้เราเกิดความไม่มั่นคงและเรียนรู้ที่จะประเมินสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเกินควร บางคนอาจมีเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจในอดีตจนหลงเหลือความกังวลฝังลึกมาถึงปัจจุบัน ไม่ว่าต้นตอของความกังวลจะมาจากอะไร สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือความกังวลจะไม่สงบจนกว่าจะมั่นใจได้ว่า “ฉันปลอดภัยแล้ว”

เมื่อสำรวจที่มาของความกังวลจะพบว่า มันมักเกิดจากการที่จิตใจเราทนต่อความไม่แน่ไม่นอนไม่ได้ เช่น การคิดว่า “ฉันต้องมั่นใจด้วยการมีแบบแผนก่อนลงมือทำ” หรือความต้องการความสมบูรณ์แบบ “ทุกอย่างต้องดีที่สุด ไม่มีข้อผิดพลาด” แม้แต่ความกังวลเกินไปกับความรู้สึกและความคาดหวังของผู้อื่น หากวิเคราะห์ความวิตกกังวลผ่านมุมมองจิตบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavior Therapy) มองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากอคติทางความคิดในความวิตกกังวล (Cognitive Bias in Anxiety) เช่น การประเมินภัยคุกคามเกินจริง (Overestimation of Threats) มองว่าสิ่งเลวร้ายมีโอกาสเกิดขึ้นสูง (Probability) และจะรุนแรงมาก (Magnitude) ในขณะเดียวกันก็มองข้ามความสามารถของตัวเอง (Underestimate Self-Resource) และปัจจัยสนับสนุนรอบข้าง (Neglect Coping Strategies and Rescue Factors) เช่น การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

การทำความเข้าใจตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ อาจเริ่มจากการฝึกระบุและท้าทายความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลเหล่านั้น เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามกับความคิดเชิงอคติที่เกิดขึ้น เช่น “สิ่งที่ฉันกังวลมีหลักฐานอะไรที่สนับสนุนหรือคัดค้านความคิดนี้” หรือ “มีวิธีมองสถานการณ์นี้ในมุมที่สมเหตุสมผลมากขึ้นหรือไม่” นอกจากนี้ การฝึกแยกแยะระหว่างข้อเท็จจริงและการตีความจากความรู้สึก (Fact or Opinion) จะช่วยลดการประเมินภัยคุกคามเกินจริง และเพิ่มการตระหนักรู้ถึงทรัพยากรหรือทักษะที่เรามี เช่น การระลึกถึงวิธีการแก้ไขปัญหาที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต การพัฒนากลยุทธ์นี้จะช่วยให้เรารับมือกับความกังวลได้ดีขึ้น และปรับเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์ที่เคยทำให้รู้สึกวิตกจนเกินเหตุ อ่านแล้วคงดูเหมือนง่าย แต่การจัดการอารมณ์เป็นทักษะที่ต้องการการฝึกฝนอย่างตั้งใจและสม่ำเสมอ เมื่อเรามีแรงจูงใจมากพอที่จะเปลี่ยนแปลง “อะไรที่ยากก็มักเกิดขึ้นได้เสมอ”

บทความนี้ตั้งใจที่จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องของความกังวล เพื่อเป็นพื้นฐานในการรู้จักและเข้าใจตัวเอง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ความกังวลเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราอาจไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ทั้งหมด ไม่ว่าเราจะรู้สึกชอบหรือไม่ชอบตัวเองที่เป็นคนขี้กังวล แต่นั้นก็คือตัวตนของเรา สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนกับความกังวล ด้วยการค่อย ๆ ทำความเข้าใจ ยอมรับ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างมีสติ ไม่ใช่ด้วยการต่อสู้หรือผลักไสมันไปให้ไกล

อยากบอกอีกครั้งว่า “ความกังวลไม่ใช่ศัตรู” แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความกังวลอย่างสมดุล จะช่วยให้เรารับมือกับมันได้อย่างสงบ และสามารถสร้างสุขภาพจิตที่ดีขึ้นให้กับตัวเองได้ในระยะยาว

#คุณรัชดาภรณ์
#กายใจคลินิก


Photo Credit: Pixabay.com

เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2568 หมอขออนุญาตเป็นตัวแทนของ ทีมเจ้าหน้าที่ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตบำบัด นักจิตวิทยา และจ...
31/12/2024

เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2568 หมอขออนุญาตเป็นตัวแทนของ ทีมเจ้าหน้าที่ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตบำบัด นักจิตวิทยา และจิตแพทย์ทุกคนของกายใจคลินิก เพื่อสวัสดีปีใหม่แก่ ผู้รับบริการและครอบครัวของเราทุกท่าน พวกเราขอขอบคุณในความไว้วางใจที่ให้โอกาสเราในการร่วมดูแลฟื้นฟูจิตใจและร่างกายของท่านและคนที่ท่านรัก หากมีข้อผิดพลาดประการใดในปีที่ผ่านมา หมอขออภัยใน ณ ที่นี่ และขอรับข้อแนะนำต่าง ๆ มาไว้เพื่อการพัฒนาการดูแลและบริการให้ที่ดีขึ้นต่อไปครับ

ปีที่ผ่านมา เราพยายามขยายขนาดของทีมผู้ให้บริการของกายใจคลินิกให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ช่วงเวลาระหว่างทำนัดและการเข้ารับบริการครั้งแรกสั้นลง โดยยังรักษาคุณภาพและระยะเวลาการรักษาต่อครั้งตามมาตรฐานขั้นสูง เราเพิ่มความยืดหยุ่นในการตรวจรักษาหลังปีโควิด-19 ด้วยการรับปรึกษาปัญหาสุขภาพทางไกลในรูปแบบที่หลากหลาย ตามความจำเป็นของผู้ป่วย เรามีทีมจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญปัญหาจิตเวชทั้งทางกว้างและทางลึก ครอบคลุมในทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ เราสามารถวินิจฉัยและดูแลปัญหาทางความคิด อารมณ์ พฤติกรรมพื้นฐาน ไปจนถึงให้การประเมินอย่างละเอียดสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง ยากต่อการรักษา หรือ ผ่านการรักษามาหลายแห่ง (second-opinion evaluation for treatment-resistant/difficult to treat conditions)

มากไปกว่านั้น ทีมจิตแพทย์ยังทำงานร่วมกับทีมนักจิตวิทยา/นักจิตบำบัด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับบริการของเราจะได้รับการรักษาที่เหมาะสมตรงปัญหาที่สุด เพราะข้อมูลจากการศึกษาวิจัยมากมายทางจิตเวชศาสตร์สนับสนุนว่าการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ร่วมกับการตัดสินใจร่วมกันระหว่างแพทย์และผู้ป่วยเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยเฉพาะการรักษาผสมผสานร่วมกันทั้งทางร่างกาย (biological treatment เช่น การใช้ยา หรือ การกระตุ้นสมอง) และทางจิตสังคม (psychosocial treatment เช่น การให้คำปรึกษา การทำจิตบำบัด) จะให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด โดยทีมนักจิตวิทยา/นักจิตบำบัด รวมทั้งจิตแพทย์ของเราสามารถให้การบำบัดได้หลากหลายรูปแบบ เช่น supportive psychotherapy, psychodynamic psychotherapy, cognitive-behavioral therapy (CBT), cognitive-behavioral therapy for insomnia (CBT-I), eye movement desensitization and reprocessing therapy (EMDR), couple/family therapy, art therapy, play therapy, และ mindfulness-based therapy

กายใจคลินิกพยายามเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาอย่างต่อเนื่อง ดังที่กล่าวไปเกี่ยวกับทีมแพทย์และทีมจิตบำบัด เรามียาต้านเศร้า หรือยาออกฤทธิ์ทางจิตประสาทรุ่นใหม่เข้ามาทุกปี เช่น ยา intranasal esketamine ซึ่งเป็นยาต้านเศร้ารุ่นใหม่สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคซึมเศร้าที่ยากต่อการรักษา หรือ โรคซึมเศร้ารุนแรงที่มีความเสี่ยงในการทำร้ายตัวเองสูง เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ เพื่อยืนยันว่า ทีมกายใจคลินิกรักษาพันธะสัญญาที่ให้ไว้ตั้งแต่วันแรก ว่าเราจะมุ่งมั่นให้การดูแลรักษาท่านและคนที่ท่านรักอย่างเต็มที่ เราจะสื่อสารกัน รับฟังกัน ให้กำลังใจและแนะนำซึ่งกันและกัน เชื่อมโยงกันเพื่อให้ผลการรักษาฟื้นฟูออกมาได้ดี ... สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพกายใจที่ดีในปี 2568 นี้ครับ

#หมอพร

#กายใจคลินิก

กายใจคลินิกปิดให้บริการเทศกาลปีใหม่ วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2567 - วันพุธที่ 1 มกราคม 2568 และเปิดให้บริการอีกครั้งในวัน...
16/12/2024

กายใจคลินิกปิดให้บริการเทศกาลปีใหม่ วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2567 - วันพุธที่ 1 มกราคม 2568 และเปิดให้บริการอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม 2568 ค่ะ
We will be closed for New Year (Dec 30th 2024 - Jan 1st 2025) and will resume on Thursday 2nd January 2025

Happy Holidays!


#กายใจคลินิก

ที่อยู่

Chamchuri Square Building, Phayathai Road
Bangkok
10330

เวลาทำการ

จันทร์ 16:30 - 20:00
อังคาร 16:30 - 20:00
พุธ 16:30 - 20:00
พฤหัสบดี 16:30 - 20:00
ศุกร์ 16:30 - 20:00
เสาร์ 10:00 - 16:00
อาทิตย์ 10:00 - 18:00

เบอร์โทรศัพท์

+66933322511

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ กายใจคลินิก Body&Mind Clinicผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง กายใจคลินิก Body&Mind Clinic:

แชร์