เรื่องเล่าก่อนจะเป็นเมย์คลินิก
หลายปีก่อนทำงานโรงพยาบาลเอกชนด้วยพลังงานที่ขับเคลื่อนเพียงตัวเอง ขอเพียงให้คนไข้ที่เรารักษาหายดีกลับไปใช้ชีวิตได้ก็รู้สึกดีแล้ว ทำงานภายใต้ความรู้สึกกตัญญูรู้คุณอาจารย์ที่เคารพรัก ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ความกดดันต่างๆ ภาระงานที่ต้องรับผิดชอบส่วนใหญ่ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างมากแม้ว่าต้องแลกกับความเครียดอย่างมากด้วยก็ตาม
จน 4 ปีก่อนที่ได้เริ่มออกวิ่ง ทำให้การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปมากขึ้น มีโอกาสได้ออกวิ่งมากขึ้น ปรับการใช้ชีวิตที่ต้องทำแต่งานลดลง จนมาถึงระยะเวลาที่ทำงานก้าวคนละก้าว ช่วงบางสะพานได้เพียงวางแผนการให้แต่ลาไปทำภารกิจแบบทีมตลอด 10 วันไม่ได้ ในระยะนั้นได้เพื่อนหลายคนที่คอยช่วงรับส่งระยะทางกรุงเทพบางสะพาน ในระยะนั้นเองการเติบโตของโรงพยาบาลเอกชนได้เตรียมตัวสร้างตึกใหม่ และได้มีการประชุมทีม “B” โดยที่ทีม A ไม่ทราบเรื่องราวการประชุมนั้น ถึงแม้ว่าเป็นเพียงบุคคลาการเล็กๆในโรงพยาบาลเท่านั้นก็รู้สึกถึงการแบ่งแยกทีมออกเป็นสองฝ่าย ส่งผลทำให้เป็นข้อสงสัยที่ไม่เกิดการชี้ความกระจ่างที่แท้จริงได้
จนมาถึงช่วงก้าวคนละก้าว เบตงแม่สาย ภาระหน้าที่ยังต้องเป็นแพทย์ประจำที่รพเอกชน แต่ด้วยความที่รักวิ่งและชอบความท้าทาย รวมถึงศักยภาพทีมงานจึงได้มีหนังสือขอตัวจากโรงพยาบาลพระมงกุฎให้ส่งตัวให้มาร่วมทีมได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้พร้อมกับระบุในจดหมายว่าไม่รับเงินเดือนจากโรงพยาบาลเอกชน พร้อมทั้งให้โลโก้ของโรงพยาบาลเป็นเครื่องหมายว่าได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนได้อย่างสมเกียรติ แต่โชคไม่ดีที่ไม่ได้รับการอนุมัติในขึ้นตอนแรกจึงทำให้ต้องผิดกฎระเบียบของโรงพยาบาลไปกับทีมก้าวคนละก้าวทั้งที่ยังเป็นแพทย์ประจำและรับเงินเดือนปกติ รวมถึงทีมนักกายภาพบำบัดทั้งหมดด้วย การไปเบตงในครั้งนี้ทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากกับทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูรพ.พระมงกุฎ เพราะต้องส่งแพทย์มาประจำการที่รพเอกชนตามเวลาเดิมที่เคยออกตรวจ แม้ว่าจะได้กล่าวขอบคุณ ขอโทษ และชดเชยแพทย์ทุกท่านแล้วก็ตาม ต้องกราบขออภัยความผิดความไม่พึงพอใจที่กระทำต่อทุกท่านและทุกสถาบันไว้ ณ ที่นี้ด้วยอีกครั้งค่ะ
เริ่มจากคลินิกเล็กมีกันอยู่สามคน หมอ แม่หมอ และนักกายภาพบำบัด ทดลองทำงานกันสองวันต่อสัปดาห์ ทำทุกอย่างกันเองตั้งแต่รับนัดจนกระทั้งเชคเอาท์ ด้วยความต้องการนำความรู้ประสบการณ์ที่มีอย่างออกมาช่วยเหลือคนในรูปแบบที่สบายใจไม่ต้องมีกรอบ พบว่าตกค่ำพวกเรายังมีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะให้กันอยู่เลย จนวันที่ได้รับข้อความไลน์ส่วนตัวมาว่า ทำผิดกฎของโรงพยาบาลเอกชนที่ไปเปิดคลินิกเองในวันหยุด ... ความเงียบครอบงำ เสียงหัวเราะกลายเป็นความผิด
...
คงไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการได้ทำงานกับทีมที่รู้ใจ ทำแล้วมีความสุข ตื่นเช้ามาอยากไปที่ทำงานในทุกวัน...ในวันที่หัวใจห่อเหี่ยว คำเหยียดหยามในวันก่อน ที่ยังดังก้องในหัวว่าจากที่นี่ไปคงไม่มีใครกล้ารับเข้าทำงาน...แต่มันคือเชื้อเพลิงขั้นสุด ที่ทำให้เราทำงานได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย รอบ 700 กว่าวันที่ทำงานทุกวันถึงสองสามทุ่ม.
เชื่อไหมว่าการเติบโตอย่างกระโดดก้าวในครั้งนี้ ปลิดชีวิตแบบเก่าๆไปอย่างสิ้นเชิง การเดินทางครั้งใหม่ของพวกเราทีมคลินิกหมอเมย์ เต็มไปด้วยพลังงานบวก เจตคติที่พัฒนาเติบโต และไม่ได้ทำเพื่อตัวเองอีกต่อไปแล้ว..
ขอบคุณทุกชีวิตที่ผ่านมา และทุกชีวิตที่จะเคียงข้างกันไป ขอบคุณทุกรอยยิ้ม ทุกศรัทธา และโชคชะตาที่จะพาพวกเรามาได้เจอกัน
รัก :)
หมอเมย์