Run Along Now วิ่งตามโลก

Run Along Now วิ่งตามโลก ออกกำลัง-กิน-นอน-ไม่เครียด เพื่อชีวิตที่มีคุณภาพ Keep it simple

“เริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการใช้มือถือให้น้อยลง”อยากให้อ่านบทความเต็มครับhttps://anontawong.com/2025/10/27/new-life-less-ph...
27/10/2025

“เริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการใช้มือถือให้น้อยลง”

อยากให้อ่านบทความเต็มครับ

https://anontawong.com/2025/10/27/new-life-less-phone/?fbclid=IwZnRzaANr1p9leHRuA2FlbQIxMQABHu8gcUGMz15zPN-QRzteBBqSjqEaQbnATJ9uLTOLrGg4Pyuzo7iAgXFngH32_aem_2mTOt9jbOObleCRePIYNsA

สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเหมือนจะมี “จังหวะสวรรค์” ที่เข้ามาเตือนให้ผมตระหนักและตั้งใจที่จะใช้มือถือให้น้อย....

27/10/2025

นิสัยเพื่อสุขภาพที่ดี
ของคุณ มีอะไรบ้าง ลองแบ่งปันกัน

1203.นิสัยเพื่อสุขภาพ Wellness habits ที่ฉันอยากเริ่มทำตั้งแต่เร็วกว่านี้ 1• เข้าซาวน่าเป็นประจำทุกวัน→ ช่วยกระตุ้นการไห...
26/10/2025

1203.

นิสัยเพื่อสุขภาพ Wellness habits ที่ฉันอยากเริ่มทำตั้งแต่เร็วกว่านี้
1• เข้าซาวน่าเป็นประจำทุกวัน
→ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด, การขับเหงื่อ, และการดีท็อกซ์ (detoxification) ของร่างกาย

2• ดื่มน้ำก่อนดื่มกาแฟ
→ เพื่อเติมน้ำให้ร่างกายหลังตื่นนอนและลดภาวะขาดน้ำที่กาแฟอาจทำให้เกิด

3• ทา ไขมันวัวบริสุทธิ์ beef tallow หลังอาบน้ำ
→ Beef tallow เป็น moisturizer ธรรมชาติที่อุดมด้วยวิตามิน A, D, E, K ใช้บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

4• กลิ้งลูกกลิ้งน้ำแข็งบนหน้าในทุกเช้า
→ ช่วยลดอาการบวม กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และทำให้ผิวตื่นตัว

5• ดื่มชา peppermint หลังอาหารเย็น
→ Peppermint tea ช่วยย่อยอาหารและลดอาการแน่นท้อง

6• เปิดไฟสีแดง 20 นาที ก่อนเข้านอน
→ การบำบัดด้วยแสงสีแดง Red light therapy กระตุ้นการสร้างไมโทคอนเดรีย mitochondria และช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพ circadian rhythm เพื่อให้หลับลึกขึ้น

7• ใส่มะนาว เกลือ และแร่ธาตุในน้ำดื่ม
→ เติม เกลือแร่ electrolytes ที่จำเป็น เพื่อช่วยการทำงานของเซลล์และสมดุลน้ำในร่างกาย

8• ดื่มน้ำมันมะกอกแบบ extra virgin ทุกเช้า
→ ช่วยลดการอักเสบและบำรุงหัวใจ

9• รับประทานแมกนีเซียมทุกวัน
→ Magnesium ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลระบบประสาท และส่งเสริมการนอนหลับ

10• ปิดปากด้วยเทปเวลานอน
→ เพื่อฝึกให้หายใจทางจมูก nasal breathing ลดการกรน และเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ

11• เคี้ยว mastic gum ระหว่างออกกำลังกายและหลังอาหาร
→ Mastic gum (ยางไม้จากต้นพิสตาเชีย) ช่วยเสริมสุขภาพเหงือก กระตุ้นน้ำลาย และช่วยย่อยอาหาร

12• ตื่นเวลาเดียวกันทุกวัน (โดยเฉพาะก่อน 8 โมงเช้า)
→ เพื่อปรับสมดุลนาฬิกาชีวภาพ circadian rhythm และเสริมสุขภาพเมตาบอลิซึม

13• เข้านอนภายใน 3 ทุ่มครึ่ง
→ เพื่อให้ร่างกายได้พักในช่วงหลับลึก deep sleep ของคืน

14• ไม่ใช้แสงไฟประดิษฐ์หลัง 6–7 โมงเย็น
→ ลดการรบกวนการหลั่งเมลาโทนีน melatonin - ฮอร์โมนช่วยให้นอนหลับ)

15• ฝึกพิลาทิสทุกวัน
→ เพิ่มความแข็งแรงของแกนกลาง core strength และความยืดหยุ่นของร่างกาย

16• สวดมนต์ แสดงความขอบคุณ และเขียนบันทึกทุกวัน
→ ช่วยเสริมสุขภาพจิต ลดความเครียด และทำให้มีสติรู้ตัวมากขึ้น

Cr : https://x.com/savannahvicario/status/1838241511147761893?s=61

26/10/2025

นาฬิกาชีวภาพ Circadian Rhythms - ผู้ควบคุมสุขภาพของเรา

1202.+ นี่คือ Satchin Panda เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านชีววิทยา biology professor ที่ศึกษาเรื่อง วงจรชีวภาพรายวัน circadian r...
25/10/2025

1202.

+ นี่คือ Satchin Panda เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านชีววิทยา biology professor ที่ศึกษาเรื่อง วงจรชีวภาพรายวัน circadian rhythms (บางคนแปลว่า จังหวะชีวิต หรือ นาฬิกาชีวภาพ) มานานกว่า 20 ปี

สาระสำคัญของเขา:
+ ร่างกายของคุณมี “นาฬิกาภายใน internal clock“ และการเพิกเฉยต่อมัน จะนำไปสู่
~ เบาหวาน diabetes,
~ น้ำหนักเกิน weight gain และ
~ ความชราก่อนวัย early aging

+ นี่คือ 6 กลเม็ดด้านเวลา เพื่อปรับ circadian rhythm ของคุณให้สอดคล้อง:

1/
+ Panda เป็นศาสตราจารย์ที่ Salk Institute ในแคลิฟอร์เนีย ในปี 2002 เขาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมค้นพบ Melanopsin ซึ่งเป็น โปรตีนตรวจจับแสงสีฟ้า (blue-light sensing protein) ในดวงตาที่ควบคุมนาฬิกาชีวภาพหลักของคุณ (master biological clock)

+ การค้นพบนี้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน “10 การค้นพบสำคัญของโลก” โดยนิตยสาร Science

+ โปรตีนตรวจจับแสงสีฟ้า ที่ชื่อ Melanopsin บอกสมองของคุณว่า ตอนนี้เป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน โดยตรวจจับแสงสีฟ้า blue light

+ มันจะกระตุ้นการหลั่ง melatonin ในตอนกลางคืน (ทำให้คุณง่วง) และยับยั้งมันในตอนเช้า (ทำให้คุณตื่นตัว)

2/
+ แต่ชีวิตสมัยใหม่กำลังทำลายจังหวะนี้ เราถูกแสงจ้าในเที่ยงคืน, เราอยู่ในร่มตอนกลางวัน, เรากินตอน 5 ทุ่ม แล้วก็กินอีกครั้งตอน 6 โมงเช้า

ผลลัพธ์?
+ ร่างกายของคุณ “ไม่รู้เลยว่าตอนนี้คือเวลาไหน”

+ เกือบ 80% ของ ยีน (genes) ในร่างกาย จะเปิด–ปิดตามช่วงเวลาของวัน เมื่อ “นาฬิกาชีวภาพ” เสีย (clock breaks) โรคต่างๆ ก็จะตามมา

3/
+ งานวิจัยของ Panda เชื่อมโยงความผิดปกติของ circadian rhythm เข้ากับ
~ โรคเบาหวาน diabetes,
~ โรคอ้วน obesity,
~ โรคหัวใจและหลอดเลือด cardiovascular disease,
~ ภาวะซึมเศร้า depression,
~ มะเร็ง cancer และ
~ การชราที่เร่งขึ้น accelerated aging

+ แต่ต่อมาเขาค้นพบสิ่งหนึ่ง ที่ “พลิกทฤษฎีโภชนาการแบบเดิมทั้งหมด”

4/
+ ในงานทดลองของเขา หนูทดลองถูกให้อาหารไขมันสูง (high-fat diet)
~ กลุ่มหนึ่งสามารถกินได้ตลอด 24 ชั่วโมง
~ อีกกลุ่มกินได้เฉพาะภายในช่วงเวลา 8–12 ชั่วโมง

+ ปริมาณแคลอรีเท่ากัน อาหารชนิดเดียวกัน ต่างกันแค่ “เวลาในการกิน”

+ ผลลัพธ์ทำให้ทุกคนตกใจ…
• หนูกลุ่มที่กินได้ทุกเวลา → อ้วน, เป็นเบาหวาน, ตับเสื่อม
• หนูกลุ่มที่กินภายใน 8–12 ชั่วโมง → ผอม, สุขภาพดี, คอเลสเตอรอลปกติ

+ “เมื่อไหร่ที่พวกมันกิน” สำคัญกว่า “พวกมันกินอะไร”

5/
+ Panda จึงค้นพบแนวคิด Time-Restricted Eating (TRE) หรือ “การกินแบบจำกัดเวลา”

+ เขาทดลองในมนุษย์ที่มีภาวะการเผาผลาญผิดปกติ metabolic syndrome (กลุ่มอาการเผาผลาญผิดปกติ รวมโรคอ้วน, น้ำตาลสูง, ความดันสูง, ไขมันสูง)

+ 19 คนกินเฉพาะภายในช่วงเวลา 10 ชั่วโมง ต่อเนื่อง 12 สัปดาห์ โดยไม่ต้องนับแคลอรีเลย แค่เปลี่ยน “เวลา”

+ ผลลัพธ์:
• น้ำหนักลดกว่า 8 ปอนด์ (≈3.6 กก.)
• คอเลสเตอรอลลดลง 11%
• ความดันโลหิตดีขึ้น
• น้ำตาลในเลือดกลับสู่ปกติ
และกว่า 75% ยังคงทำต่อเนื่องได้แม้ผ่านไป 1 ปี

6 🕐 TIMING TRICK #1 & #2:
1️⃣ เข้านอนในช่วงเวลาเดิมทุกคืน (ภายในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง)

2️⃣ อยู่บนเตียงให้ครบ 8 ชั่วโมง

+ หลังตื่นนอน รอ 1–2 ชั่วโมง ก่อนกินแคลอรีแรกของวัน เพื่อให้ melatonin ลดลง และ cortisol เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ

+ ☕ กาแฟดื่มได้ เพราะมันช่วย “รีเซ็ตนาฬิกาชีวภาพ” ได้เหมือนแสงแดดตอนเช้า

7 🕑 TIMING TRICK #3:
3️⃣ กินอาหารทั้งหมดภายในช่วงเวลา 8–10 ชั่วโมง

+ ตัวอย่าง: เริ่มคำแรกตอน 8 โมงเช้า → คำสุดท้ายตอน 6 โมงเย็น

+ สิ่งนี้ทำให้ร่างกายได้พักและอดอาหาร 14–16 ชั่วโมง เพื่อซ่อมแซมเซลล์และกำจัดของเสีย (cellular repair & cleanup)

+ อวัยวะต่าง ๆ จะซิงค์กับจังหวะเวลานี้

8 🕒 TIMING TRICK #4 & #5:
4️⃣ รับแสงแดดสว่าง (bright daylight) 30–60 นาที ภายใน 2 ชั่วโมงหลังตื่น แม้วันเมฆครึ้มก็ได้ผล

5️⃣ หยุดกินก่อนนอน 2–3 ชั่วโมง เพราะการกินดึกจะรบกวนการนอน และทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง ในเวลาที่ร่างกายควรอยู่ในช่วง “อดอาหาร”

9 🕓 TIMING TRICK #6:
+ หรี่แสงให้สลัว (dim lights) 2–3 ชั่วโมงก่อนนอน เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจอ (blue light) จะหลอกสมองให้คิดว่า “เช้าแล้ว”

+ สิ่งนี้จะยับยั้ง melatonin และทำให้หลับช้า

+ ใช้ night mode บนอุปกรณ์ หรือ แว่นกรองแสงสีฟ้า หลัง 2 ทุ่ม จะช่วยได้มาก

10/ ลองนึกถึงบรรพบุรุษของเรา:

+ พวกเขาตื่นพร้อมพระอาทิตย์ขึ้น, กินในช่วงกลางวัน, หยุดกินเมื่อพระอาทิตย์ตก และหลับในความมืด รูปแบบนี้ดำรงอยู่มานานกว่า 250,000 ปี

+ เพิ่งในช่วง 150 ปีหลังเท่านั้น ที่เรามีไฟฟ้าและอาหารให้เข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ ยีนของเรายังไม่ทันปรับตัว

11/❓แล้วทำไมแนวคิดนี้ถึงยังไม่แพร่หลาย?

+ เพราะแพทย์ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฝึกใน “ศาสตร์แห่งวงจรชีวภาพ circadian medicine“ ไม่มีรหัสประกันสุขภาพสำหรับการรักษาแบบ “กินภายใน 10 ชั่วโมง” และบริษัทยาไม่สามารถ “จดสิทธิบัตรแสงแดดหรือการอดอาหาร” ได้

+ แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจนมาก
=> “วงจรชีวภาพของคุณ คือผู้ควบคุมสุขภาพของคุณ”

Cr : https://x.com/karlmehta/status/1980636046808473647?s=61

25/10/2025

แนวทาง การฟื้นฟู-สมานกระดูก

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ธ สถิตในดวงใจตราบนิรันดร์24 ตุลาคม 2568
24/10/2025

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
ธ สถิตในดวงใจตราบนิรันดร์

24 ตุลาคม 2568

1201.ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมการสมานกระดูก/ ทำให้การสมานกระดูกล่าช้า“Factors That Promote / Delay Bone Healing”== เริ่มจากฝ...
24/10/2025

1201.

ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมการสมานกระดูก/ ทำให้การสมานกระดูกล่าช้า
“Factors That Promote / Delay Bone Healing”

== เริ่มจากฝั่งขวาก่อนนะ ==
🦴 ปัจจัยที่ทำให้การสมานกระดูกล่าช้า (Factors that delay bone healing)

1️⃣ อายุที่มากขึ้น Aging
+ เมื่ออายุมากขึ้น การทำงานของ osteoblasts (เซลล์สร้างกระดูก) ลดลง
+ ระดับฮอร์โมนฝั่งการสร้าง anabolic เช่น ฮอร์โมนเจริญเติบโต growth hormone, ฮอร์โมนเพศชาย testosterone, ฮอร์โมนเพศหญิง estrogen ลดลง
+ ระบบไหลเวียนเลือดไปยังเนื้อเยื่อสมานกระดูกก็ลดลง

+💡 อธิบายเพิ่ม : ในผู้สูงอายุ กระบวนการ “remodeling” ของกระดูก (สร้าง–สลาย) ช้าลงมาก ทำให้แม้กระดูกหักไม่รุนแรงก็ใช้เวลาสมานเป็นเดือนหรือเป็นปี

+ 👉 แนวทางช่วย:
• เพิ่มโปรตีนในอาหาร
• รับแสงแดดเช้า เพื่อกระตุ้นวิตามิน D
• ฝึกเวทเบาๆ หรือยืดแรงต้าน resistance training

2️⃣ โรคกระดูกพรุน Osteoporosis
+ เป็นภาวะที่มวลกระดูกลดลงและโครงสร้างภายในกระดูกเปราะ
+ เมื่อหักจะเกิด “microfracture” เพิ่มและสมานช้า
+ เกิดจากฮอร์โมนเพศต่ำ หรือ ขาดแคลเซียม และวิตามิน D

+💡 อธิบายเพิ่ม : ในภาวะนี้ เซลล์สลายกระดูก osteoclast ทำงานมากกว่า เซลล์สร้างกระดูก osteoblast → สมดุลของกระดูกเสียดุล (ขาดทุน)

+ 👉 แนวทางช่วย:
• เสริม Calcium + Vitamin D + K2
• ออกกำลังแบบมีแรงกด weight-bearing exercise
• รักษาระดับฮอร์โมนเพศให้สมดุล (โดยแพทย์กำกับ)

3️⃣ การติดเชื้อ Infection
+ เชื้อแบคทีเรียในบริเวณกระดูกหักจะหลั่ง toxins ที่ทำลายเซลล์เนื้อเยื่อ
+ ทำให้กระบวนการอักเสบยืดเยื้อ (chronic inflammation)
+ ลดการสร้างหลอดเลือดใหม่ (angiogenesis)

+💡 อธิบายเพิ่ม: โดยเฉพาะการติดเชื้อ Staphylococcus aureus ที่พบบ่อยในกระดูก (osteomyelitis) จะทำให้กระดูกไม่ติด หรือกลายเป็นหนอง

+ 👉 แนวทางช่วย (เมื่อมีบาดแผลถึงกระดูก) :
• รักษาความสะอาดบริเวณแผล
• ใช้ยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่งอย่างครบคอร์ส
• เพิ่มอาหารต้านการอักเสบ เช่น ขมิ้น (curcumin), กระเทียม, โอเมก้า 3

4️⃣ โรคเบาหวาน (เข้าถึงกระดูก) Diabetes mellitus
+ ระดับน้ำตาลสูงทำให้เลือดหนืดและไหลเวียนลดลง
+ เมื่อมีการอักเสบระดับต่ำเรื้อรัง (chronic low-grade inflammation) ทำลายการสร้างคอลลาเจน
+ การซ่อมแซมเนื้อเยื่อช้ากว่าปกติ

+💡 อธิบายเพิ่ม: ในเบาหวานรุนแรง เส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงกระดูกจะเสื่อม → แผลหายช้าและกระดูกติดช้า

+ 👉 แนวทางช่วย:
• คุมระดับน้ำตาลให้นิ่ง
• ออกกำลังเบาๆ สม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นเลือด
• เสริมวิตามิน C และ zinc เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

5️⃣ โภชนาการไม่ดี / ขาดสารอาหาร Poor nutrition
+ ขาดโปรตีน = ขาดคอลลาเจน
+ ขาดวิตามิน C, D, K2, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส = กระบวนการสร้างแร่กระดูกหยุดชะงัก

+💡 อธิบายเพิ่ม: การสมานกระดูกต้องใช้กรดอะมิโน (จากโปรตีน), วิตามิน, แร่ธาตุครบชุด หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ชะงักได้ทั้งระบบ

+ 👉 แนวทางช่วย:
• เพิ่มโปรตีนคุณภาพสูง เช่น ปลา ไข่ ถั่ว
• เสริมวิตามิน C (ช่วยสร้างคอลลาเจน)
• เสริมวิตามิน D + K2 (ช่วยให้แคลเซียมไปที่กระดูก)

6️⃣ การสูบบุหรี่ Smoking
+ นิโคติน และคาร์บอนมอนอกไซด์ ทำให้เส้นเลือดหดตัว
+ ลดออกซิเจนในเนื้อเยื่อกระดูก
+ กดการทำงานของเซลล์สร้างกระดูก osteoblast และเพิ่มการสลายกระดูก

+💡 อธิบายเพิ่ม: การสูบบุหรี่ยังทำให้ร่างกายขาดวิตามิน C และลดการดูดซึมแคลเซียมอีกด้วย

+ 👉 แนวทางช่วย:
• หยุดสูบ (แม้แค่ 2–4 สัปดาห์ก่อนผ่าตัดกระดูกจะช่วยให้ผลดีขึ้นมาก)
• เสริมสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C, NAC

7️⃣ ยาสเตียรอยด์ Corticosteroids
+ ยากลุ่มนี้ (เช่น Prednisolone) กดภูมิคุ้มกันและลดการสร้างโปรตีน
+ ทำให้เซลล์สร้างกระดูก osteoblast หยุดทำงาน และเพิ่มเซลล์สลายกระดูก osteoclast
+ ส่งผลให้มวลกระดูกลดลง และสมานช้า

+💡 อธิบายเพิ่ม: ผู้ที่ใช้สเตียรอยด์ระยะยาว เช่น โรคหืด, โรคแพ้ภูมิตัวเอง มักเสี่ยงกระดูกพรุนและหักง่าย

+ 👉 แนวทางช่วย:
• ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับขนาดยา
• เสริมแคลเซียม + วิตามิน D
• เพิ่มการออกกำลังที่มีการลงน้ำหนัก

8️⃣ เลือดไปเลี้ยงไม่ดี Poor blood supply
+ ถ้าเลือดมาเลี้ยงบริเวณกระดูกไม่เพียงพอ → ขาดออกซิเจนและสารอาหาร
+ กระบวนการสมานหยุดชะงัก โดยเฉพาะในกระดูกชิ้นยาว (tibia, femur)

+💡 อธิบายเพิ่ม: บางคนมีเส้นเลือดตีบ หรือได้รับบาดเจ็บจนหลอดเลือดขาด ทำให้ กระดูกขาดเลือดและตาย “avascular necrosis”

+ 👉 แนวทางช่วย:
• กระตุ้นการไหลเวียนด้วยการขยับเบา ๆ หรือทำกายภาพ
• เสริม L-arginine, nitric oxide boosters เพื่อขยายหลอดเลือด

9️⃣ การตรึงกระดูกไม่มั่นคง Inadequate immobilization (ขณะรักษากระดูกหัก/ร้าว)
+ ถ้ากระดูกขยับบ่อยระหว่างการสมาน จะเกิด “micro-motion” ที่รบกวนการสร้าง เนื้อกระดูกอ่อนใหม่ callus
+ ผลคือ กระดูกไม่สมานตัว “non-union” หรือ สมานตัวช้า “delayed union”

+💡 อธิบายเพิ่ม: ในระยะสมาน 4–6 สัปดาห์แรก กระดูกต้องนิ่งพอให้เซลล์เรียงตัวได้ถูก

+ 👉 แนวทางช่วย:
• ใช้อุปกรณ์ตรึง (splint, cast, plate) ตามคำแนะนำแพทย์
• อย่าถอดเฝือก หรือขยับเองก่อนเวลา

🔟 ช่องว่างระหว่างปลายกระดูก Gap between fragments
+ ถ้าปลายกระดูกไม่ชิดกัน จะเกิด “fibrous tissue” แทรกแทนกระดูกจริง ทำให้กระดูกไม่เชื่อมติด non-union

+💡 อธิบายเพิ่ม: ในทางศัลยกรรมกระดูก จะพยายาม “reduce” หรือจัดแนวให้ปลายกระดูกแนบสนิทที่สุดเพื่อลดช่องว่างนี้

+ 👉 แนวทางช่วย:
• ผ่าตัดจัดแนวและตรึงให้มั่นคง
• ใช้การปลูกกระดูกเสริม bone graft ในกรณีมีช่องว่างมาก

== ทีนี้มาฝั่งซ้ายบ้าง ==
🦴 ปัจจัยที่ส่งเสริมการสมานกระดูก (Factors that promote bone healing)

1️⃣ ฮอร์โมนการเจริญเติบโต Growth hormone
+ ฮอร์โมนนี้ ผลิตจาก ต่อมใต้สมอง (pituitary gland)
+ กระตุ้นให้เซลล์สร้างกระดูก (osteoblasts) ทำงานมากขึ้น
+ ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนในเนื้อเยื่อรอบกระดูก
+ เพิ่มการดูดซึมแคลเซียมและฟอสเฟตไปสร้างเนื้อกระดูก

+💡 อธิบายเพิ่ม: คนอายุน้อยที่มีระดับ growth hormone สูง มักสมานกระดูกได้เร็วกว่า เพราะกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่เกิดได้ไวกว่า

2️⃣ ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ Thyroid hormones และ Calcitonin
+ ผลิตจาก ต่อมไทรอยด์ (thyroid gland)
+ Thyroid hormones (T3, T4) ช่วยกระตุ้นการเมแทบอลิซึมของเซลล์ทั่วร่างกาย รวมถึงเซลล์กระดูก
+ Calcitonin ช่วยลดระดับแคลเซียมในเลือด โดยนำแคลเซียมไปสะสมในกระดูก → ส่งเสริมการสร้างเนื้อกระดูกใหม่

+💡 อธิบายเพิ่ม: สมดุลของฮอร์โมนไทรอยด์สำคัญมาก ถ้าไทรอยด์ต่ำ กระบวนการซ่อมแซมจะช้าลง แต่ถ้ามากเกินไปอาจทำให้กระดูกบาง

3️⃣ อินซูลิน Insulin
+ ผลิตจาก ตับอ่อน (pancreas)
+ อินซูลินช่วยให้เซลล์รับพลังงาน (กลูโคส) ได้ดีขึ้น → เซลล์สร้างกระดูกมีพลังงานเพียงพอในการทำงาน
+ มีบทบาทร่วมกับ IGF-1 (insulin-like growth factor) ในการกระตุ้น osteoblast

+💡 อธิบายเพิ่ม: ผู้ที่เป็นเบาหวาน (อินซูลินทำงานไม่ดี) มักสมานกระดูกช้ากว่าคนปกติ เพราะกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อต้องใช้พลังงานสูงมาก

4️⃣ ฮอร์โมนฝ่ายกระตุ้นการสร้าง Anabolic hormones
+ เช่น ฮอร์โมนเพศชาย testosterone (จากอัณฑะ) และ ฮอร์โมนเพศหญิง estrogen (จากรังไข่)
+ ช่วยกระตุ้น osteoblasts และลดการสลายกระดูก (osteoclast activity)

+💡 อธิบายเพิ่ม: หลังหมดประจำเดือน ผู้หญิงมีระดับ estrogen ลดลง → กระดูกเปราะง่าย และสมานช้ากว่าช่วงวัยเจริญพันธุ์

5️⃣ การดูดซึมสารอาหารได้ตามปกติ Normal absorption of nutrients
+ อาศัยระบบทางเดินอาหาร (GI tract) ที่แข็งแรง เพื่อดูดซึม
+ โปรตีน → สร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่
+ แคลเซียม, ฟอสฟอรัส → สร้างโครงกระดูก
+ วิตามิน D, C, K และแร่ธาตุอื่น ๆ → ควบคุมการสร้างเนื้อกระดูก

+💡 อธิบายเพิ่ม: ถ้ามีปัญหาดูดซึม เช่น โรค celiac หรือการอักเสบลำไส้เรื้อรัง จะทำให้กระดูกสมานช้าลงอย่างมาก

6️⃣ การกระตุ้นกระดูกด้วยไฟฟ้า Electric stimulation of bone
+ กระตุ้นให้ osteoblast สร้างเนื้อกระดูกใหม่
+ ใช้ในทางคลินิกสำหรับผู้ที่กระดูกหักแล้วสมานช้า

+💡 อธิบายเพิ่ม: เมื่อกระดูกได้รับแรงกด หรือไฟฟ้าอ่อนๆ จะเกิด “กระแสไฟฟ้าไพโซ (piezoelectric effect)” กระตุ้นการงอกของกระดูกบริเวณนั้น

7️⃣ วิตามินดี Vitamin D
+ ช่วยดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้
+ ส่งเสริมการสร้างกระดูก promotion of calcification

+💡 อธิบายเพิ่ม: วิตามินดีมีบทบาทสำคัญในกระบวนการการสะสมเกลือแร่ในกระดูก mineralization ถ้าวิตามินดีไม่พอ จะทำให้กระดูกอ่อนหรือหักง่าย

8️⃣ วิตามินซี, กรดเรติโนอิก Vitamin C, Retinoic acid , TGF-β, BMP
+ Vitamin C จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนในกระดูก
+ Retinoic acid (วิตามิน A) มีส่วนในการแบ่งตัวของเซลล์กระดูก
+ TGF-β (Transforming Growth Factor-beta) และ BMP (Bone Morphogenetic Proteins) เป็นโปรตีนสัญญาณที่กระตุ้นเซลล์สร้างกระดูก osteoblast ให้สร้างกระดูกใหม่

+💡 อธิบายเพิ่ม: BMP ใช้ในทางการแพทย์ในการช่วยให้กระดูกติดในผู้ที่มีกระดูกหักรุนแรงหรือสมานช้า

9️⃣ การออกกำลังกายและลงน้ำหนัก Exercise and weight bearing
+ การรับแรงกดบนกระดูกช่วยกระตุ้น osteoblast
+ กระตุ้นการเจริญของกระดูกตามกลไกของร่างกาย physiologic bone growth

+💡 อธิบายเพิ่ม: แรงกดจากการเดิน วิ่ง หรือยกน้ำหนัก ทำให้เกิด “สัญญาณกล mechanical signal” ส่งให้เซลล์กระดูกสร้างเนื้อใหม่เพื่อรองรับแรงนั้น จึงช่วยให้กระดูกแข็งแรง

🔟 วัยหนุ่มสาว Youth
+ ในวัยเด็กหรือวัยรุ่น กระดูกอยู่ในช่วงเจริญเติบโตเร็ว (rapid bone growth)
+ เซลล์กระดูกและระดับฮอร์โมนอยู่ในจุดสูงสุด

+💡 อธิบายเพิ่ม: เด็กและวัยรุ่นมักมีกระดูกหักแล้วติดเร็วกว่า เพราะระบบสร้างเนื้อเยื่อยังทำงานเต็มที่ ต่างจากผู้สูงอายุที่กระบวนการสมานช้าลงตามอายุ

🧩 สรุปภาพรวม
+ การสมานกระดูกที่ดีต้องอาศัย “พลังจากสามระบบหลัก”
1️⃣ ฮอร์โมน — ควบคุมการสร้างและซ่อมแซม
2️⃣ สารอาหารและวิตามิน — เป็นวัตถุดิบและตัวเร่ง
3️⃣ แรงกายและสิ่งกระตุ้น — เช่น การออกกำลังหรือไฟฟ้า

Cr : X ลืมก็อปลิงค์

24/10/2025

แสงแดง Red Light,
แสงฟ้า Blue Light
vs ไมโตคอนเดรีย Mitochondria

เดินรับอรุณ ได้สวัสดีทักทายยามเช้ากับเพื่อนบ้านและคนในชุมชน มานั่งตากแดดในสวน รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ พร้อมกับเอาเท้าเปล...
24/10/2025

เดินรับอรุณ ได้สวัสดีทักทายยามเช้ากับเพื่อนบ้านและคนในชุมชน

มานั่งตากแดดในสวน รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ พร้อมกับเอาเท้าเปล่าสัมผัสพื้นโลก

จิบกาแฟไปพร้อมกับสนทนายามเช้า

ความสุขง่ายๆ ของลุงเช้านี้ อรุณสวัสดิ์ครับ

1200.+ ดร. Glen Jeffery ใช้เวลากว่า 10 ปี ศึกษาเรื่อง  “แสง” มีผลกระทบกับ “ไมโตคอนเดรีย” อย่างไร+ แสงฟ้า จากหลอด LED (Bl...
23/10/2025

1200.

+ ดร. Glen Jeffery ใช้เวลากว่า 10 ปี ศึกษาเรื่อง “แสง” มีผลกระทบกับ “ไมโตคอนเดรีย” อย่างไร

+ แสงฟ้า จากหลอด LED (Blue LEDs) ทำลายไมโตคอนเดรีย mitochondria อย่างรุนแรง ถึงขั้นที่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทดลองในมนุษย์ ด้วยเหตุผลด้านจริยธรรม

+ ในทางกลับกัน แสงแดงและแสงอินฟราเรด Red & Infrared light กลับช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น และลดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ

และนี่คือ สิ่งที่ ดร. เจฟฟรีย์ เล่าให้ฟัง

== เราเริ่มกันที่ แสงแดง Red light ก่อน ==
1️⃣ ตลอดหลายล้านปี มนุษย์อาศัยอยู่ใต้ “แสงอาทิตย์” และ “แสงจากกองไฟ”

+ ซึ่งแสงทั้งสองชนิด มีแสงแดง และอินฟราเรด Red + Infrared เต็มไปหมด แม้แต่ หลอดไส้ incandescent bulbs รุ่นเก่าก็ยังมีสเปกตรัมคล้ายแสงธรรมชาติ

+ แต่เมื่อ 20 ปีก่อน เราเปลี่ยนมาใช้ หลอด LED สีฟ้า สมดุลระหว่างแสง ฟ้า–แดง (blue-red balance) ที่มนุษย์วิวัฒนาการมาให้สอดคล้องกับร่างกายก็หายไป

+ 👉 ผลกระทบจึงเกิดขึ้นต่อระบบชีวภาพทั้งหมด

2️⃣ แสงอาทิตย์ Sunlight มีช่วงคลื่นตั้งแต่ 280–3000 นาโนเมตร (nm)

• แสงยูวี UV (Ultraviolet): 280–400 nm
• แสงฟ้า Blue: 400–500 nm
• แสงแดง Red: 600–700 nm
• แสงอินฟาเรด Infrared (IR): 700–3000+ nm (มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า)

+ แต่แสงจาก LEDs สมัยใหม่ ปล่อยแสงแค่ช่วง 420–450 nm (คือ ช่วงฟ้า-น้ำเงิน) และแทบไม่มีอะไรเกิน 650 nm เลย

+ ครึ่งหนึ่งของพลังงานจากแสงอาทิตย์ คือ พลังงานจากอินฟราเรด Infrared energy แต่หลอด LED ได้ “ลบมันออกไป”

3️⃣ แสงอินฟราเรด Infrared light ทะลุผ่านร่างกายได้

+ ดร. เจฟฟรีย์ ทดลองติดตามเส้นทางของแสงอาทิตย์ในเนื้อเยื่อมนุษย์ พบว่า
• แสงฟ้าและเขียว (Blue & Green) กระจายอยู่แค่ผิวตื้นๆ
• แสงใกล้อินฟราเรด Near-Infrared (NIR) ช่วง 800–870 nm แทรกลึกถึง
→ ผิวหนัง
→ กล้ามเนื้อ
→ ผ่านเสื้อผ้า
→ เข้าถึงเลือด อวัยวะ และ “น้ำในเซลล์ intracellular water“

4️⃣ แสงแดง และแสงใกล้อินฟราเรด NIR “ชาร์จพลัง” ให้ไมโตคอนเดรีย

+ ช่วงคลื่น 650–900 nm ถูกดูดซับโดย เอนไซม์ในไมโตคอนเดรีย ชื่อ cytochrome c oxidase ช่วยให้
→ เพิ่มศักย์ไฟฟ้าของ เยื่อไมโตคอนเดรีย membrane potential
→ เพิ่มการสร้างพลังงาน ATP
→ ลดการเกิดความเครียดออกซิเดชัน oxidative stress

+ 🧬 สรุป: แสงแดง และแสงใกล้อินฟราเรด NIR = “การชาร์จแบตเตอรี่ชีวภาพ”

5️⃣ แสงแดง ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ 27%

+ ดร. เจฟฟรีย์ ฉายแสง 670 nm นาน 15 นาที แล้วทดสอบวัดค่าน้ำตาลในเลือด
→ พบว่า กราฟน้ำตาล glucose spike เพิ่มขึ้นน้อยกว่าเดิม และลดลงเร็วกว่า
→ รวมแล้ว ระดับกลูโคสลดลง 27% ภายใน 2 ชั่วโมง
→ กลุ่มควบคุม placebo ที่ไม่ได้รับแสง กราฟเหมือนเดิม แทบไม่เปลี่ยนแปลง

+ 📉 แสงแดงช่วยให้ไมโตคอนเดรีย “เผาน้ำตาล” เป็นพลังงานได้ดีขึ้น

6️⃣ แต่แสงแดง “ใช้ได้ผลเฉพาะตอนเช้า” เท่านั้น

+ ผลการทดลองพบว่า แสง 670 nm กระตุ้นการหายใจของไมโตคอนเดรีย mitochondrial respiration ได้เฉพาะตอนเช้า, ส่วนตอนบ่ายไม่ได้ผล เพราะเซลล์ทำงานเต็มที่แล้ว

+ ☀️ ตอนเช้า = ไมโตคอนเดรียในยามเช้า ก็เหมือนแบตตารี่ที่ใกล้หมด จึงมีที่ว่างรับพลังงาน → รับพลังจากแสงได้ดีสุด

7️⃣ ทำไมได้ผลเฉพาะตอนเช้า?

+ ระบบพลังงานของเซลล์ ทำงานตาม จังหวะนาฬิกาชีวภาพ circadian rhythm
• เช้า: ไมโตคอนเดรียพร้อมรับพลังงาน (ชาร์จ ATP)
• บ่าย: การหายใจสูงสุดเต็มกำลัง peak respiration → อยู่ในโหมดพร้อมใช้งาน
• กลางคืน: กลับหันมาใช้การเผาผลาญน้ำตาลแบบไม่มีออกซิเจน glycolysis → ประสิทธิภาพลดลง

8️⃣ แสงแดง ทำงานเหมือน “สวิตช์”

+ แสงแดง ไม่ใช่ว่ายิ่งมากยิ่งดี, มันต้องถึงจุดเปิด activation threshold เท่านั้น
• รับแสงแดง น้อยกว่า 1 นาที: ไม่ได้ผล
• รับแสงแดงนาน 3 นาที: ได้ผลเต็มที่ เท่ากับรับแสงนาน 20 นาที
• และผลนั้นอยู่ได้ ถึง 5 วัน

9️⃣ รับแสงที่จุดเดียว แต่ได้ผลกระทบทั่วร่างกาย

+ เมื่อ ดร. เจฟฟรีย์ ฉายแสง 670 nm ที่หลังของผู้ร่วมทดลอง โดยปิดตาไว้
→ การมองเห็นดีขึ้น แม้ไม่มีแสงกระทบที่ดวงตา
→ และ ยิ่งได้ผลดียิ่งขึ้น ถ้าไม่ปิดตา

+ 🧠 หมายความว่า ไมโตคอนเดรียทั่วร่างทำงานเป็น “เครือข่ายเดียวกัน” กระตุ้นจุดหนึ่ง ระบบทั้งหมดตอบสนอง

🔟 แสงแดง ช่วย “ผึ้ง” จากพิษยาฆ่าแมลง

+ ผึ้งที่ได้รับพิษจากยาฆ่าแมลง จะสูญเสียพลังงานและหยุดเคลื่อนไหว

+ เมื่อเจฟฉายแสงแดง 670 nm ให้ผึ้งที่ได้รับพิษ → พวกมันฟื้นตัวเคลื่อนไหวได้ และมีชีวิตรอดเท่ากับผึ้งปกติ

+ ปัจจุบันเกษตรกรในสหรัฐ ใช้ไฟสีแดงติดตั้งใน “รถขนรังผึ้ง”

11️⃣ แสงแดง ย้อนวัยให้สายตาได้

+ เรตินา retina ใช้พลังงานสูงกว่าสมองหรือหัวใจ เพราะมีไมโตคอนเดรียหนาแน่นมาก และเสื่อมไวตามอายุ

+ ทดลองฉายแสงสีแดง 670 nm แค่ 3 นาที
→ ATP เพิ่มขึ้น
→ การมองเห็นสี ดีขึ้นเฉลี่ย 17% จากสัปดาห์ก่อน
→ สายตาที่ดีขึ้น ได้ผลอยู่ได้ 1 สัปดาห์
→ เห็นผลชัดในคนอายุเกิน 40 ปี

== ทีนี้มาดูแสงฟ้า Blue light กันบ้าง ==
12️⃣ แสงฟ้า Blue light ทำลายประสิทธิภาพของไมโทคอนเดรีย

+ ไมโทคอนเดรียดูดซับแสง ได้แรงสุดที่ช่วงของแสงฟ้า 420 nm
→ สร้าง ROS (Reactive Oxygen Species) และลดการผลิตพลังงาน,
→ มันทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันลดลง และเซลล์เกิดความเครียด

+ ในแสงอาทิตย์ มีแสงอินฟราเรดมาช่วยสร้าง “สมดุล” ลดผลกระทบจากแสงฟ้า, แต่ในหลอด LED มีแต่แสงฟ้า ไม่มีแสงแดงมาช่วยสมดุล

13️⃣ แสงฟ้า ทำให้เป็นเบาหวานระยะเริ่มต้น pre-diabetic และแก่เร็วขึ้น

+ นักบินอวกาศกลับจากอวกาศ ด้วยสภาวะเบาหวานระยะเริ่มต้น “pre-diabetic” และใบหน้าดูแก่ลงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะฟิตมาก

+ NASA พบว่า นี่คือ “ปัญหาของไมโทคอนเดรีย”เพราะที่สถานีอวกาศใช้ไฟ LED สีขาวแรงมาก

+ ผลคือ แสงฟ้า → ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่ง → เร่งความแก่

14️⃣ แสงฟ้า ทำให้หนูอ้วน

+ หนูที่ถูกโดนแสงฟ้า 420–450 nm (ระดับเดียวกับหลอด LED ในบ้าน)
~ มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์
~ ไซโตไคน์ cytokines (สารส่งสัญญาณภูมิคุ้มกัน) เปลี่ยนแปลง
~ ระบบเผาผลาญ metabolism เสียสมดุล และ
~ เกิดพฤติกรรมคล้ายความวิตกกังวล

สรุป: แสงคลื่นสั้น short wavelength พังระบบทั้งตัว

15️⃣ แสงฟ้าทำลายจอประสาทตา retina

+ แสง 420 นาโนเมตร (ที่ความเข้มเท่ากับแสงกลางวันปกติ) ทำให้
~ ไมโทคอนเดรียในจอประสาทตาเสียสมดุล (ในหนูทดลอง)
~ ความเครียดสะสมภายใน 1 ชั่วโมง และยังคงอยู่ต่ออีก 1 ชั่วโมงหลังจากปิดไฟ
~ จอประสาทตาไม่สามารถฟื้นตัวได้ทันที

16️⃣ งานวิจัยส่วนใหญ่ใช้ “แสง LED” ในห้องแล็บ

+ ปัญหาใหญ่คือ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ทำกับหนูที่อยู่ในห้องแล็บและใช้ไฟ LED ไม่มีการควบคุมแสง หรือพิจารณาผลกระทบของแสงเทียมต่อผลการทดลอง

+ เจฟฟรีย์ตั้งคำถามว่าคือ “เรากำลังศึกษาชีววิทยา ในสภาพแวดล้อมที่รบกวนชีววิทยา” เสียเอง, แล้วงานวิจัยจำนวนเท่าไรที่อาจผิดเพี้ยนเพราะ “แสงในห้องแล็บ” ?

17️⃣ คุณไม่จำเป็นต้องใช้แผงไฟสีแดง แบบที่ใช้ทำ red light therapy

+ คุณไม่จำเป็นต้องซื้อแผงไฟสีแดง red light panel แค่ออกไปข้างนอกก็พอ แม้วันที่มีเมฆครึ้ม ก็ยังมีอินฟราเรดมาก (อ้าว ลุงซื้อแผงไฟสีแดงมาแล้ว เสียสตางค์โดยไม่จำเป็น)

+ ต้นไม้สะท้อนอินฟาเรด (นั่นคือ เหตุผลที่อยู่ใต้ร่มไม้แล้ว รู้สึกเย็นแม้วันที่อากาศร้อน)

+ หรือ เปลี่ยนจากหลอดไฟในบ้านจาก LED เป็น หลอดไส้ incandescent bulbs
เพราะหลอดไส้มีสมดุลของระหว่างแสงแดงและแสงฟ้า ใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์

+ รับแสงอาทิตย์ ดีกว่า แผงไฟราคาแพง

18️⃣ แล้วทำไมยังไม่มีใครลงมือแก้ปัญหาจริงจัง?

+ เพราะ ดร. Jeffery ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการทดลองที่ “ฉายแสงฟ้า LED ต่อมนุษย์” ได้ (เพราะมันอันตรายเกินไป และขัดจริยธรรมการวิจัย)

+ แต่ในชีวิตจริง เรากลับอาบแสงนั้นทุกวันเกิน 12 ชั่วโมง จากหลอดไฟ LED โดยไม่มีแสงอินฟราเรดมาช่วยสมดุล

+ รัฐบาลห้ามแบนการใช้หลอดไส้ เพื่อประหยัดพลังงาน, สิ่งที่เราได้ คือ “ประหยัดไฟ” แต่ที่เราจ่ายแทน คือ “สูญเสียสุขภาพ”

19️⃣ TLDR สรุป :

+ แสงฟ้า Blue LEDs
→ ทำลายไมโทคอนเดรีย
→ เพิ่มกลูโคส
→ ทำให้ตาเสื่อม
→ ชะลอการเผาผลาญ

+ แสงแดง และอินฟราเรด
~ ช่วยซ่อมไมโทคอนเดรีย → แต่เราขาดมันจากไฟสมัยใหม่
✅ ออกไปกลางแจ้งทุกวัน
✅ เปลี่ยนหลอด LED เป็นหลอดไส้
✅ แสงอาทิตย์ยามเช้า ดีกว่าแผงไฟสีแดงตอนบ่าย

+ เพราะมนุษย์วิวัฒนาการภายใต้ “แสงครบสเปกตรัม” ของธรรมชาติ 🌞

Cr : https://x.com/the_no_mind/status/1976371428015698366?s=61

23/10/2025

คำแนะนำล่าสุด ให้กินโปรตีนวันละ 1.6 กรัมต่อ กก.นน.ตัว

คุณกินโปรตีนต่อวันเพียงพอหรือยัง

ที่อยู่

M. BannRomMai, Soi WatYaiRom Rama2-33 Road Thakham Bangkhuntien
Bangkok
10150

เบอร์โทรศัพท์

+66818295551

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Run Along Now วิ่งตามโลกผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Run Along Now วิ่งตามโลก:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram