หมอปอ SugarFreedom : เบาหวาน และสุขภาพดีได้ ไม่ใช้ยา

หมอปอ SugarFreedom : เบาหวาน และสุขภาพดีได้ ไม่ใช้ยา เบาหวานหายได้ แค่ปรับการใช้ชีวิต
ทดลองเรียนฟรี!! วิธีรักษาเบาหวานไม่ใช้ยา : Line

22/02/2025

✨ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง กับเบาหวาน คือเรื่องเดียวกัน!! ✨
ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง โดยส่วนใหญ่ สาเหตุเกิดจากการทานอาหาร ทานน้ำตาล ทานคาร์โบไฮเดรต ทานแป้งแปรรูป "ปริมาณมาก" จนเกินไป รวมไปถึงแอลกอฮอล์
พฤติกรรมการกินจุบจิบ
"ร่วมกับ" ขาดการเผาผลาญที่ดี เช่น ไม่ค่อยได้ขยับร่างกายทั้งวัน
นั่งตลอด ขาดการออกกำลังกาย
เมื่อเริ่มแรก ร่างกายจะพยายามกำจัดไขมันออกจากเลือด
ด้วยการนำไปสะสมในรูปของเซลล์ไขมัน
พอนานเข้าๆ จึงเกิดภาวะน้ำหนักเกิน สะสมไขมันส่วนเกิน ทั้งอวัยวะภายใน(เช่น ไขมันพอกตับ ไขมันในช่องท้อง) และใต้ผิวหนังภายนอกร่างกาย ที่เราหยิบได้เป็นพุง เป็นเหนียง
❎ เมื่อเราไม่ทันระวัง จนถึงจุดหนึ่งที่ร่างกายช่วยเหลือตัวเองไม่ไหวแล้ว พื้นที่เก็บสะสมเต็ม (ซึ่งแล้วแต่คน)
จึงสะสมอยู่ในเลือด เกิดภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
เมื่อมองที่สาเหตุ นั้นเป็นสาเหตุเดียวกันกับการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เลย
เพียงแต่ภาวะไตรกลีเซอไรด์สูง เป็นแค่จุดเริ่มต้น ที่อาจนำไปสู่การเป็นเบาหวานได้ในอนาคต
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงแล้วจะเป็นเบาหวาน
และไม่ใช่เบาหวานทุกคนจะมีไตรกลีเซอไรด์สูงนำมาก่อน
เพราะเมื่อเราหยุดโรคที่สาเหตุได้ก่อน โรคที่เรากลัว ก็จะไม่ตามมา
ดังนั้น เมื่อเกิดจากสาเหตุเดียวกัน
การรักษาไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง จึงทำเหมือนการดูแลแบบเดียวกับเบาหวานชนิดที่ 2 เลย
ดังที่หมอปอแนะนำคนไข้มาตลอด ในเรื่องหลัก 3 หัวใจสำคัญ ของการรักษาเบาหวานที่สาเหตุ
❤ คือ 1.ทานสารอาหารให้เหมาะสมกับร่างกายตัวเอง 2.ปรับเวลาอาหารหรือทำ IF และ 3.เพิ่มระบบเผาผลาญด้วยการออกกำลังแบบเวทเทรนนิ่ง
เมื่อคุณดูแลร่างกายตัวเองอย่างถูกวิธี จะเป็นการ "ช่วยเหลือ" ร่างกายตัวเอง
ในการกำจัดไขมันส่วนเกิน ทั้งในหลอดเลือด ในอวัยวะภายใน และไขมันใต้ผิวหนัง ได้โดยธรรมชาติ
โดยไม่ต้องพึ่งยา ไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมใดๆ และสามารถดูแลได้อย่างยั่งยืน
📍เรียนรู้เพิ่มเติมหลัก 3 หัวใจ ของการรักษาเบาหวานที่สาเหตุ ลดน้ำตาลยั่งยืน
ไม่กลับเป็นซ้ำ ฟังความรู้เพิ่มเติมได้ที่ Line เมนู "ทดลองเรียน"

21/02/2025

ทำ IF แล้วน้ำตาลสูงขึ้น เพราะอะไร? ควรตรวจปลายนิ้วตอนไหน?
📍เรียนแนวทางรักษาเบาหวานที่สาเหตุ ลดน้ำตาลยั่งยืน
ฟังความรู้เพิ่มเติมได้ที่
Line https://lin.ee/lGmqrhx
📍สอบถาม/สมัครคอร์ส/นัดคิวปรึกษา
ติดต่อทีมงานทาง Line : :https://lin.ee/lGmqrhx

18/02/2025

เบาหวานอย่าเครียดกับค่าน้ำตาลปลายนิ้วมากจนเกินไป
น้ำตาลในเลือดไม่ได้ขึ้นกับอาหารเพียงอย่างเดียว
ให้โฟกัสที่สุขภาพที่ดีขึ้น และ ค่าน้ำตาลสะสมในเลือด(HbA1C)
เรียนรู้เพิ่มเติม Line
#เบาหวาน #รักษาเบาหวาน #หมอปอเบาหวาน #ลดน้ำตาล #น้ำตาลในเลือดสูง #โรคเบาหวาน #ลดน้ำตาลในเลือด #ลดเบาหวาน

17/02/2025

💡Dawn Phenomenon คือภาวะปกติของร่างกาย เกิดได้ทุกคน💡
เกิดจากตับสร้างน้ำตาลกลูโคสเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมตัวต้อนรับการตื่นนอน
เนื่องจากร่างกายใช้พลังงานไปในระหว่างนอนด้วย แต่เราไม่ได้กินอะไร
ในคนปกติ ค่าน้ำตาล ขึ้น-ลง ตาม 1.การกิน 2.ระบบเผาผลาญ และ 3.ฮอร์โมน
แต่ตรวจหลังงดอาหารได้ค่าปกติ เพราะว่า ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลได้ดี
สำหรับเบาหวานชนิดที่ 2 ปัญหาอยู่ที่ระบบเผาผลาญน้ำตาลของเซลล์ปลายทาง
เกิดภาวะที่เรียกว่า "ดื้ออินซูลิน" ขึ้นมา แต่ร่างกายไม่ได้ขาดอินซูลินจากตับอ่อน
ดังนั้น วิธีการรักษาที่สาเหตุ คือการซ่อมแซมและฟื้นฟู "ระบบเผาผลาญ" ขึ้นมาใหม่
ไม่ใช่การให้อินซูลินทดแทน หรือใช้ยากระตุ้นการหลั่งอินซูลิน หรือยาลดน้ำตาล
(ไม่มียาตัวใดที่จะซ่อมแซมเซลล์ดื้ออินซูลินได้ นอกจากตัวคุณเองที่จะรักษาตัวเอง)
ในช่วงปรับเวลาอาหาร หรือทำ IF ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางลดน้ำตาลที่รวดเร็ว
และเหมาะสำหรับเบาหวานที่ต้องการลดไขมันส่วนเกินร่วมด้วย
การลดแป้ง และปรับเวลาอาหาร จะช่วยให้ร่างกายใช้น้ำตาล และไขมันส่วนเกินได้ดีขึ้น
แต่หากว่าอดนานเกินไป หรือลดแป้งมากจนเกินไป ร่างกายจะหันไปใช้พลังงานจากไขมันก่อน
พอตรวจตอนเช้าหลังตื่นนอน เซลล์ร่างกายยังไม่ทันได้ใช้น้ำตาลจากตับที่ผลิตเพิ่มขึ้นมาช่วงก่อนตื่นนอน
จึงทำให้เจอว่าน้ำตาลหลังตื่นนอน หรือตอนเช้าจึงสูงขึ้นทั้งๆที่ไม่ได้กินอะไร
แต่เมื่อเวลาผ่านไป หากเราดูแลให้ระบบการเผาผลาญดีขึ้นแล้ว
เซลล์ร่างกายที่ดื้ออินซูลินลดลง ก็จะลดระดับน้ำตาลลงมาได้เอง
และเป็นเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง เมื่อยังคงดูแลร่างกายครบถ้วน ตามหลัก 3 หัวใจ ของการรักษาเบาหวานที่สาเหตุ
นั่นคือ สารอาหาร การเพิ่มระบบเผาผลาญ และ IF
เซลล์ดื้ออินอินซูลิน จึงค่อยๆลดลง การเผาผลาญน้ำตาลดีขึ้น ทำให้ค่าน้ำตาลที่ล่องลอยในเลือด
หรือค่า FBS และค่าน้ำตาลปลายนิ้ว ในแต่ละวัน ลดลงอยู่ในเกณฑ์
ส่งให้ผล ค่าน้ำตาลสะสมในเม็ดเลือดแดง หรือ HbA1c จึงละลงตามมา
โดยจะเห็นผลชัดเจนที่สุด 90-120 วัน ตามอายุขัยของเม็ดเลือดแดง
เม็ดเลือดแดงตัวเก่า ที่เคยเกาะน้ำตาลสูงๆในเมื่อก่อน จะตายสลายไป
เม็ดเลือดแดงตัวใหม่ๆ ที่สร้างมาใหม่ช่วงที่เราดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
ก็จะเกาะกับน้ำตาลได้น้อยลง พอไปตรวจครั้งหน้า ค่าน้ำตาลสะสมจึงลดลง
และเข้าสู่เกณฑ์ต่ำกว่าเบาหวาน คือ ต่ำกว่า 6.5% และเริ่มปกติคือ ต่ำกว่า 5.7%
ถึงเส้นชัย เบาหวานโรคสงบ หรือหายได้ นั่นเอง
ใครมีหนังสือปลดล็อกเบาหวานแล้ว อ่านเพิ่มเติมหน้า 252
ท่านที่เรียนในคอร์สเบาหวาน ทบทวน Module 1 "เข้าใจร่างกาย "Know your body" อีกครั้งค่ะ

สักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าสักการะได้ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นี้นะคะ (เตรียมบัต...
11/02/2025

สักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าสักการะได้ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นี้นะคะ
(เตรียมบัตรประชาชนไปแสดงด้วย)

🥰เบาหวานโรคสงบ งดยาเบาหวานได้ 6 เดือน ตรวจอีกทีปกติปรับอาหาร ออกกำลังกาย ตามหนังสือแนะนำ ไม่ได้ทำ IF ขอแสดงความยินดีกับค...
10/02/2025

🥰เบาหวานโรคสงบ งดยาเบาหวานได้ 6 เดือน ตรวจอีกทีปกติ
ปรับอาหาร ออกกำลังกาย ตามหนังสือแนะนำ ไม่ได้ทำ IF
ขอแสดงความยินดีกับคนไข้ท่านนี้ด้วยนะคะ
รักษาเบาหวานที่สาเหตุการเกิดโรค
สิ่งสำคัญเลยที่หมอปอสอนมาตลอดคือ
เรื่องของสารอาหาร และ การเพิ่มระบบเผาผลาญ (แต่ละคนทำไม่เหมือนกัน)
การทำ IF หรือการปรับเวลามื้ออาหาร
เป็นตัวช่วยทางด่วนลดน้ำตาลได้เร็ว
แต่หัวใจหลัก อยู่ที่ความสมดุลของการทานอาหาร และการออกกำลังกาย
เพื่อให้ร่างกายกลับมาเผาผลาญน้ำตาลได้ดีดังเดิม
ฟื้นฟูเซลล์ดื้ออินซูลิน ที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
ดังนั้น เมื่อแก้ไขที่ต้นเหตุ ผลลัพธ์ที่ได้จึงยั่งยืน
ความรู้ในการดูแลตัวเอง อย่างถูกวิธี จึงสำคัญ
หนังสือปลดล็อกเบาหวานด้วยอาหารในชีวิตประจำวัน จะช่วยอะไรคุณได้บ้าง...
✅ เรียนรู้โรคเบาหวาน สาเหตุที่แท้จริงและการรักษาอย่างยั่งยืน ไม่กลับเป็นซ้ำ
✅ วิธีการทานสารอาหารถูกหลัก ถูกต้องกับร่างกายตัวเอง
✅ เมื่อลดน้ำตาลที่สาเหตุได้แล้ว ยาแก้ปลายเหตุก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
✅ หนังสือคู่มือให้ศึกษาและปรับทำตามได้เลย โดยใช้อาหารในชีวิตประจำวันของคุณเอง
✅ไม่ต้องพึ่งยา สมุนไพร หรืออาหารเสริมใดๆ
✅ ความรู้ที่จะช่วยให้คุณกลับมาทานอาหารที่ชอบได้ทุกอย่าง โดยที่น้ำตาลไม่ขึ้น
✅ แนวทางการรักษาใหม่ด้วย IF (Intermittent Fasting) ลดน้ำตาลได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
✅ เทคนิคออกกำลังกายง่ายๆ เริ่ม 10 นาทีต่อวัน ฟื้นฟูระบบเผาผลาญน้ำตาล
และความรู้อื่นๆอีกมากมาย
✨ช่วยให้คุณมีสุขภาพดี อย่างยั่งยืน ห่างไกลโรคแทรกซ้อน
✨ หนังสือเล่มนี้ พิมพ์แล้วกว่า 20,000 เล่ม
พิเศษ! เฉพาะคุณที่สั่งซื้อหนังสือในช่วงนี้
🎁รับราคาพิเศษ พร้อมโบนัส
1.โปรโมชั่น “โอนส่งฟรี” หนังสือ 1 เล่ม ราคา 450 บาท
จัดส่งโดยขนส่งเอกชน ถึงมือคุณภายใน 1-4 วัน
(ชำระปลายทาง เพิ่ม 20 บาท)
2.คลิปสรุปเนื้อหาจากหนังสือ 1 ชั่วโมง ฟรี!! (มูลค่า 1,900 บาท)
แสกน QR Code ท้ายเล่ม หรือขอรับลิงก์จากทีมงาน
****มีรูปแบบ Ebook และ Audiobook ให้เลือก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้
สั่งซื้อ พิมพ์ “สนใจ” หรือทักแชทได้เลยค่ะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม โหลดอ่านฟรี 1 บท
ได้ที่ https://sugarfreedomth.com/book01

06/02/2025

💡ระวังรักษาผิดวิธี หากยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเบาหวานประเภทไหน 💡
วิธีรู้ด้วยตัวเอง ว่าเป็นเบาหวานประเภทไหน และการตรวจยืนยัน
เบาหวานหลักๆมี 2 ประเภท คือ ชนิดที่ 1 ชนิดที่ 2
(และอื่นๆเช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ เบาหวานจากสาเหตุภายนอกอื่นๆ)
การแบ่งประเภท แบ่งเพราะสาเหตุการเกิดแตกต่างกัน
แต่อาการแสดงเหมือนกันคือ "น้ำตาลในเลือดสูง"
ดังนั้น “วิธีรักษา” จึงแตกต่างกัน
การแพทย์ปัจจุบัน มักไม่ค่อยมีการตรวจยืนยันว่าคนไข้เป็นประเภทไหน
เพราะส่วนใหญ่ 95% หากเจอตอนผู้ใหญ่ ก็มักจัดเป็นประเภทที่ 2
การจะส่งตรวจแยกชนิดก็ต่อเมื่อ แพทย์สงสัยว่าคนไข้เป็นชนิดอื่นๆเท่านั้น
อาการของเบาหวานเหมือนกันคือ มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
แต่สาเหตุการเกิดโรคนั้น ต่างกันโดยสิ้นเชิง
📌เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจาก “เซลล์ดื้ออินซูลิน”
(คนไข้ 95% เป็นชนิดนี้) มักน้ำหนักเกิน เจอตอนเป็นผู้ใหญ่ แต่ในเด็กก็เจอได้ หากมีน้ำหนักเกินร่วม หรือไม่อ้วน แต่ผอมและสูงอายุ ก็เป็นชนิดที่ 2 ได้
>> สาเหตุเกิดจากการสะสมอาหารที่ไม่ปกติ หรือมากจนเกินไป และการเผาผลาญที่ลดน้อยลง
เบาหวานประเภทนี้ สามารถดูแลร่างกาย ให้กลับมาเป็นปกติได้ ทุกกรณี
โดยการรักษาที่ภาวะ “เซลล์ดื้ออินซูลิน”
การใช้ยาลดน้ำตาลจึงเป็น วิธี “ลดอาการ” แต่ไม่ได้รักษาที่สาเหตุแท้จริง
📌เบาหวานชนิดที่ 1 หรือ 1.5 มักเจอตั้งแต่เด็ก และเป็นเด็กผอม
หรือเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่มาเจอทีหลังว่าเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 หรือ 1.5
>> สาเหตุเกิดจาก ตับอ่อนไม่ผลิต หรือ ผลิตฮอร์โมน “อินซูลิน” ได้น้อยลง
การรักษาตามสาเหตุ คือการให้ยาอินซูลินนั่นเอง
💡วิธีแยกชนิดของเบาหวาน ที่ชัดเจนที่สุด คือ
การตรวจ “การทำงานของตับอ่อน ในการผลิตอินซูลิน” นั่นคือ Insulin level
หรือ ระดับอินซูลินในเลือดหลังงดอาหาร
เบาหวานชนิดที่ 2 Insulin level มักจะสูงกว่าปกติในช่วงแรก
แต่ถ้าเป็นมานานๆ จะเจอว่ามีค่าปกติได้
หากเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 จะขาดอินซูลิน ตรวจระดับอินซูลินในเลือดจึงต่ำ
แต่กรณีได้ยาอินซูลินแล้ว ก็ต้องไปตรวจค่าอื่น เช่น C-Peptide แทน
ส่วนมาก การตรวจนี้จะไม่ได้ทำทั่วไป หรือส่งตรวจเลยตั้งแต่เจอน้ำตาลสูงในครั้งแรก
โดยมากจะให้การรักษาไปก่อน หรือแพทย์สงสัย ถึงจะให้ส่งตรวจ
📌ดังนั้น หมอปอเลยมีวิธีสังเกตด้วยตัวเอง เบื้องต้นก่อน ว่าเราน่าจะเป็นเบาหวานชนิดไหนกันแน่
1️⃣ พยายามปรับตาม หลัก 3 หัวใจของการรักษาเบาหวานที่สาเหตุ
คือ ในเรื่องการปรับสารอาหาร การทำ IF และออกกำลังเพิ่มการเผาผลาญ
“อย่างถูกต้องตามหลัก และทำถูกทำเหมาะกับร่างกายแล้ว” เคร่งครัดดีแล้ว
แต่ค่าน้ำตาลสะสมไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงเลย
กรณีนี้ แนะนำให้ไปตรวจแยกชนิด ดูระดับอินซูลินเลยค่ะ หากว่าค่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
แสดงว่าไม่น่าใช่ชนิดที่ 2 แล้ว อาจมีชนิดที่ 1 แฝง
หรือเคยเป็น 2 มาก่อนก็จริง แล้วมาเป็น 1 ทีหลัง ก็สามารถเจอได้
2️⃣กรณีอายุน้อย เด็กๆ หรือ 20 กว่าๆ ที่มีไขมันส่วนเกิน หากเจอเบาหวานน้ำตาลสูง
ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป ว่าเป็นชนิดที่ 1
เพราะ 98% ของคนไข้เบาหวานชนิดที่ 2 มักจะมีไขมันสะสมส่วนเกิน นำมาก่อน
ควรลองปรับไลฟ์สไตล์ดูก่อน ตามหลัก 3 หัวใจ
ถ้าทำถูกต้อง ไขมันส่วนเกินจะหายไป น้ำตาลในเลือดจะลดลงเอง เพราะรักษาที่สาเหตุ
แต่ถ้ายังไม่ดีก็ตรวจให้รู้แน่ชัดไปเลย
3️⃣ เบาหวานที่อายุมาก ผอม หรือเป็นเบาหวานมานานๆ มากกว่า 10 ปี
ไม่ได้แปลว่า “ตับอ่อนเสื่อม" หรือกลายเป็นชนิดที่ 1 ไปแล้วเสมอไป
ให้ลองปรับ โดยการเน้นการสร้างระบบเผาผลาญ นั่นคือ
ทานอาหารให้เหมาะสม ถูกต้อง + เวทเทรนนิ่งเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มระบบเผาผลาญ
เพราะเบาหวานชนิดที่ 2 พอเป็นมานานๆ
อายุมากขึ้น กล้ามเนื้อจะเสื่อมสลายหายไป ตามอายุ การเผาผลาญก็ลดลงตาม
ส่งผลให้ แม้ทานเหมือนเดิม แต่การเผาผลาญน้อยลง จึงเกิดการสะสม มากกว่า เผาผลาญ
ทำให้น้ำตาลในเลือดคุมยาก คุมไม่ได้ และคอยจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
หรือเกิดน้ำตาลสวิง เพราะระบบเผาผลาญแย่ลง ต้องปรับยาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จนเข้าใจไปเองว่า ตับอ่อนเสื่อม ทำอะไรยากแล้ว
ก่อนจะเข้าใจแบบนั้น แล้วปล่อยใช้ยาไปเรื่อยๆ จนยากินก็เอาไม่อยู่ เหลือแต่ยาฉีด
หมอปออยากให้ลองปรับตัวเองให้ถูกต้องถูกหลักอย่างเต็มที่ก่อน
ถ้าตับอ่อนยังไม่เสื่อม เมื่อทำถูก น้ำตาลสะสมจะลดลงมาและลดการใช้ยาลงมาได้ค่ะ
เพราะถ้าตับอ่อนเสื่อมจริง ไม่ผลิตอินซูลินแล้วจริง ยังไงก็ยังต้องมียาช่วย
ถ้าอยากแน่ใจ ให้เอาหลักฐานการตรวจการทำงานของตับอ่อนมายืนยัน จะได้ไม่ต้องคิดไปเอง
4️⃣เบาหวานในวัยผู้ใหญ่ วัยทำงาน เจอได้ทั้งชนิดที่ 1 และ 2 เลยค่ะ
📍ชนิดที่ 1 อาจเคยมีประวัติดื่มสุราเรื้อรัง ตับอ่อนอักเสบมาก จนทำงานไม่ดี
หรือเคยติดเชื้อ เคยเจ็บป่วยจากไวรัส ไม่ทราบสาเหตุ
แม้กระทั่งสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ สารเคมีปนเปื้อน หรืออะไรก็ตาม ที่ส่งผลให้ร่างกาย
เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง ไปทำลายเซลล์ตับอ่อนส่วนที่ผลิตอินซูลิน
ทำให้อินซูลินน้อยลงกว่าปกติ
กรณีนี้ มักจะเจอว่า ไม่ว่าจะปรับไลฟ์สไตล์ หรือดูแลตัวเองดีมากขึ้น ถูกหลัก
ค่าน้ำตาลก็มักจะไม่ลง ยังคงต้องพึ่งยาช่วยอยู่
หากว่าสงสัย ก็ควรตรวจการทำงานของตับอ่อนด้วยเช่นกัน
📍สำหรับชนิดที่ 2 ไม่ว่าจะอ้วน หรือผอม เพิ่งเจอเบาหวาน หรือ เป็นมานานแล้ว
ตราบใดที่ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ตามหลัก “3 หัวใจรักษาเบาหวานที่สาเหตุ ไม่ใช้ยา” แล้ว
ค่าน้ำตาลจะลดลง จนเป็นปกติได้อย่างแน่นอน
เพราะเบาหวาน(ชนิดที่ 2) หายได้ ทุกกรณี
เมื่อคุณติดกระดุมเม็ดแรกถูกต้อง และรีบแก้ไขที่ต้นตอสาเหตุของโรค
ศึกษาวิธี และหลักการรักษาเบาหวานที่สาเหตุ ให้เริ่มนำไปใช้ได้เลย
รับชมคลิปเพิ่มเติม ที่ Line
เข้าไปที่เมนู “ทดลองเรียน”
หวังว่าคนไข้เบาหวานทุกคน จะได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี แก้ไขที่สาเหตุ
กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ และมีสุขภาพดีนะคะ
#หมอปอรักษาเบาหวานไม่ใช้ยา #หมอปอเบาหวาน
#เบาหวาน #ลดน้ำตาลในเลือด #ลดไขมัน #น้ำตาลในเลือดสูง #ลดน้ำตาล #รักษาเบาหวาน #ดื้ออินซูลิน #โรคเบาหวาน

05/02/2025

เบาหวานแบบน้ำหนักเกิน ลดไขมันส่วนเกินได้ หายเบาหวาน
เรียนรู้แนวทางรักษาเบาหวานไม่ใช้ยา Line เข้าเมนู "ทดลองเรียน"
#ลดน้ำตาล #เบาหวาน #เบาหวานหายได้ #ลดน้ำตาลในเลือด #ลดเบาหวาน #เบาหวานทานได้ #หมอปอเบาหวาน #โรคเบาหวาน #เบาหวานชนิดที่2 #ลดน้ําหนักปลอดภัย #ลดน้ำหนัก

03/02/2025

ไตเสื่อม ไตวาย จากเบาหวาน รักษาได้ เมื่อดูแลสุขภาพองค์รวมให้ดี
📍รับสูตรลดเบาหวาน เรียนวิธีรักษาที่สาเหตุแท้จริง
เพิ่มเติมที่ Line เลือกเมนู "ทดลองเรียน"
#หมอปอเบาหวาน #ลดเบาหวาน #โรคเบาหวาน #เบาหวาน #ลดน้ำตาลในเลือด #เบาหวานทานได้ #ลดน้ำตาล #ไตวาย #ไตเสื่อม

01/02/2025

📌3 จุดพลาดคนไข้เบาหวานที่หมอปอเจอบ่อย ให้ปรับนิดเดียว น้ำตาลสะสมลดเลย📌
คนไข้เบาหวานที่อยากลดน้ำตาลสะสม อยากลดยา หยุดยา
ขอนัดปรึกษาหมอปอ หรือเข้าคอร์สมารักษาต่อเนื่องกับหมอปอ
หมอปอจะมีให้ตอบคำถามหลายข้อก่อน เพื่อจะได้ประเมินคนไข้
ถึงประวัติการรักษาเดิม สภาพร่างกาย การปฏิบัติที่ทำอยู่ทุกวัน
เพื่อช่วยให้คำแนะนำ และปรับแก้ได้ตรงจุดที่สุด
สิ่งที่หมอปอเจอคนไข้มักจะทำเหมือนๆกัน และเป็นสาเหตุสำคัญ
ที่ทำให้น้ำตาลสะสมไม่ลด หรือลดยา
พอแนะนำให้ปรับ แก้เพียงไม่กี่จุด น้ำตาลก็ลดลงแล้ว
1 สารอาหารไม่พอ
พอรู้ว่าเป็นเบาหวาน ก็พยายามคุมอาหาร แต่คุมผิดวิธี
กลายเป็น "อดอาหาร" หรือกินไม่พอกับที่ร่างกายต้องการ
สมดุลการกินและการเผาผลาญไม่พอดีกัน
ร่างกายคนเราต้องการ “สารอาหาร” ไม่ใช่แค่ “อาหาร”
เช่น ตอนเช้า คุมอาหารด้วย กาแฟ 1 แก้ว ขนมปัง 1 แผ่น
แล้วบอกว่าทานมื้อเช้าแล้ว
หรือบางคน ตอนเย็น กินแต่สลัดผัก ใส่ผลไม้เยอะๆ
ดูเหมือนจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ
แต่หมอปออยากให้ทำความเข้าใจใหม่
ว่า การทานแบบนี้ จะลดเบาหวานได้ยากมาก
การทานน้อยไม่ทำให้อิ่ม
คนไข้เบาหวานควรทานสารอาหารที่มีประโยชน์
หลากหลาย และปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
จะช่วยให้รักษาระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่า ในระยะยาว
คนไข้เบาหวานมักจะติดการทานคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินความจำเป็น
และชอบทานอาหารแปรรูป เพราะง่ายและสะดวก
และอาจได้รับโปรตีนไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
วิธีการปรับ ในช่วงลดน้ำตาลสะสม ก็คือ
พยายามเลี่ยงอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตแปรรูป เช่น เส้น ขนมปัง เบเกอรี่ น้ำผลไม้ แผ่นแป้งต่างๆ โปรตีนแปรรูป เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น แฮม ฯลฯ
คิดง่ายๆ อะไรที่เราผลิตเองไม่ได้ หรือทำเองยาก ใช้หลายขั้นตอน
พยายามเลือกอาหารที่เป็นธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
เช่น ข้าว พืชผัก ธัญพืช ผลไม้สดๆ สามารถทานได้
โดยแนะนำให้อยู่ในปริมาณที่พอดี กับความต้องการของร่างกาย
และพอดีกับการใช้พลังงานในแต่ละวัน ก็จะไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มมาก
ร่างกายได้ใช้น้ำตาลของเก่าไปก่อน
ปรับเพิ่มสารอาหารที่เป็นกลุ่มโปรตีนให้เพียงพอ เนื่องจากร่างกายต้องการโปรตีนทุกวัน
ในคนทั่วไป คือ ควรได้รับโปรตีน 0.8-1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน
เพื่อใช้ซ่อมแซมส่วนที่เสื่อม รวมถึงช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
ที่เป็นระบบเผาผลาญขึ้นมาด้วย
ร่างกายก็จะนำน้ำตาลในเลือดไปใช้ได้ดีขึ้น
น้ำตาลในเลือดจึงลดลงมาเองตามธรรมชาติ
หากคุณทานโปรตีนน้อยไป
ร่างกายจะเรียกร้องหาสารอาหาร คุณจึงหิวบ่อย
โปรตีน ก็ได้แก่ เนื้อสัตว์ทุกชนิด ไข่ ถั่ว เต้าหู้
ข้าว ธัญพืช ก็มีโปรตีน แต่จะมีคาร์โบไฮเดรตด้วย ในช่วงลดน้ำตาลสะสม ต้องจำกัดปริมาณก่อน
และแนะนำให้เลือกทานอาหารที่มีโปรตีนให้อิ่มท้อง
มีความหลากหลาย ไม่ทานอะไรซ้ำๆกันตลอด
ร่างกายคุณก็จะไม่เรียกร้องหาสารอาหารอีกต่อไป
2 กินน้อยๆ แต่บ่อยๆ หลายๆมื้อ เป็นความเข้าใจที่ผิด
เบาหวาน หากกินจุบจิบ กินบ่อย จะยิ่งทำให้เซลล์ดื้ออินซูลิน
คือ ยิ่งซ้ำเติมเบาหวาน ทำให้คุมน้ำตาลได้ยาก
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณทานอาหาร ฮอร์โมนอินซูลินจะหลั่งออกมา
ฮอร์โมนนี้ทำหน้าที่พาสารอาหารต่างๆที่ทาน
โดยเฉพาะน้ำตาลกลูโคส ออกไปจากเลือด
เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน รวมถึงไป “เก็บสะสม” ด้วย
แล้วถ้าทานจุบจิบ ทานบ่อย ทานตลอดเวลา
อินซูลินออกมาตลอดเวลา จะเอาสารอาหารไปเก็บสะสมอยู่ตลอด
แต่เบาหวานเกิดจากเซลล์ดื้ออินซูลิน หมายความว่า
สิ่งที่กินเข้าไป เซลล์ร่างกายนำไปใช้ได้ไม่ดี นั่นคือเผาผลาญไม่ดี
โดยเฉพาะการทานน้ำตาล หรือคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยเป็นน้ำตาลเร็วๆ
ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
รวมไปถึงการทานโปรตีนผงชง นมทุกชนิด เพราะหากเซลล์ปลายทางยังดื้ออินซูลินอยู่เยอะ
นั่นคือ น้ำตาลสะสมยังสูงอยู่ แปลว่าเผาผลาญไม่ดี
การทานโปรตีนแปรรูป หรือโปรตีนที่ย่อยเร็ว
จะกระตุ้นอินซูลินได้เร็วกว่าโปรตีนจากอาหารปกติ
หากจะทานนม คือโปรตีนชง ควรรักษาให้น้ำตาลสะสมดีก่อน และออกกำลังเวทเทรนนิ่งให้เก่ง เพื่อให้เซลล์ปลายทางนำสารอาหารไปใช้ได้ดีขึ้น เผาผลาญดีขึ้นนั่นเอง
ทางแก้ในช่วงลดน้ำตาลสะสม คือ ปรับทานให้เป็นมื้อ ไม่ทานอะไรนอกมื้อ
และเริ่มฝึกปรับเวลาอาหาร หรือทำ IF(Intermittent Fasting)
งดน้ำตาลทราย เลี่ยงการปรุงน้ำตาล
งดอาหารแปรรูปที่ทำให้ย่อยเร็ว ดูดซึมเร็ว
งดจุบจิบ ทานให้อิ่ม เป็นมื้อ จบในมื้อไปเลย
เพื่อไม่ให้อินซูลินออกมามาก และเร็วเกินไป
ระหว่างมื้อดื่มเฉพาะน้ำเปล่า น้ำที่ไม่กระตุ้นอินซูลิน
เช่น กาแฟดำ ชา ชาเขียว แบบไม่ใส่อะไรเลย
กลุ่มนี้สามารถทานได้
3
อาการใจหวิว ใจสั่น 99% มักเกิดจากยาเบาหวาน ไปกดน้ำตาลในเลือดให้ต่ำ
แต่คนไข้ไม่เข้าใจ พอรู้สึกมีอาการ ก็ไปหาของหวาน น้ำหวาน ลูกอม มาทาน
เพราะคิดว่าเป็นเบาหวาน ต้องมีของหวานใกล้ตัว เผื่อน้ำตาลต่ำจากเบาหวาน
พอทานอาหารเหล่านี้เพื่อแก้อาการน้ำตาลต่ำจากยา
น้ำตาลในเลือดก็กลับมาเด้งสูงใหม่
วนลูปกันไป ไม่หายสักที
แต่ความจริงแล้ว ถ้าเราไม่มียาภายนอกไปลดน้ำตาลในเลือด
ไม่มีทางที่ร่างกายจะยอมให้ตัวเองน้ำตาลต่ำ
เมื่อคุณดูแลตัวเอง ปรับวิธีการทาน รู้จักสารอาหารที่เหมาะสม
เบาหวานเริ่มดี น้ำตาลเริ่มลง
ร่างกายดีขึ้น สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
แต่หากยังรู้สึกหิวๆ หวิวๆอยู่ หรือตรวจปลายนิ้ว น้ำตาลต่ำกว่าปกติ
ถ้ายังมียาลดน้ำตาลใช้อยู่
เมื่อนั้น แนะนำปรึกษาหมอ เพื่อปรับลดยาได้แล้วนะคะ
เพราะยาเบาหวานทุกตัว ทำหน้าที่ลดน้ำตาลในเลือด
ซึ่งเป็นตัวช่วยปลายเหตุ และไม่ได้รักษาที่สาเหตุ
ยาเคมีที่ใช้อยู่ มันไม่ได้มาสนใจ ว่าเราจะดูแลตัวเองให้น้ำตาลลดได้เองแต่อย่างใด
มันก็ออกฤทธิ์ตามปกติ คือ ลดน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
แต่ไม่ได้รักษาที่เซลล์ดื้ออินซูลิน
ดังนั้น หากว่าคุณดูแลตัวเองดี ทำตามหลัก 3 หัวใจของการรักษาเบาหวานไม่ใช้ยา
ที่หมอปอนะนำคนไข้มาตลอด คือ สารอาหาร IF และการซ่อมระบบเผาผลาญด้วยการฝึกออกกำลังเวทเทรนนิ่ง ซึ่งเป้นการรักษาที่สาเหตุแท้จริง
จนน้ำตาลในเลือดเริ่มลดลงเอง โดยร่างกายของคุณที่ดีขึ้นเองได้แล้ว
ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า
ยาเบาหวาน ก็เริ่มไม่จำเป็นอีกต่อไป สามารถลดยาได้
จนสามารถงดยา และไม่ต้องใช้ยาได้อีกต่อไป
หากตามเกณฑ์เบาหวานชนิดที่ 2 หายได้
ที่สมาคมเบาหวานนานาชาติประกาศล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา
คือ น้ำตาลสะสม (HbA1c) น้อยกว่า 6.5% ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน โดยที่ไม่ใช้ยา
ด้วยวิธีการรักษาที่ถูกต้อง
คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาลดน้ำตาลอีกต่อไป
สำหรับหมอปอ เวลาที่ให้คำปรึกษาคนไข้ หรือดูแลคนไข้ต่อเนื่องในคอร์ส
ให้ปรับสารอาหารเฉพาะตัวแต่ละคน และซ่อมแซมระบบเผาผลาญขึ้นมาใหม่
ตามหลักการ 3 หัวใจ
จนหายตามเกณฑ์ของคนปกติเลยค่ะ ก็คือ น้อยกว่า 5.7%
ถ้าระหว่างปฏิบัติตัว น้ำตาลเริ่มลดลงมาดี
หมอปอก็จะให้ถอยยา ตั้งแต่เริ่มแรกเลย
ก็จะช่วยแก้ปัญหาน้ำตาลตกใจสั่น และหยุดวงจรของการแก้ปัญหาปลายเหตุ
ที่ทำให้เบาหวานไม่หายสักที
หากว่าตอนนี้ คุณคิดว่า มีเรื่องที่กำลังเข้าใจผิด
หรือไปคุมอาหารแบบผิดๆอยู่
ให้ลองเช็คตาม 3 ข้อนี้ดูนะคะ แล้วลองปรับกันดู
คุณจะได้สัมผัสความสุขในการลดเบาหวานอย่างยั่งยืน
กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ
และมีสุขภาพดีไปตลอดชีวิต
เหมือนที่คนไข้ที่สำเร็จแล้วทุกท่าน
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติม เรื่องวิธีรักษาเบาหวานที่สาเหตุตามหลัก 3 หัวใจ
โดยเพิ่มเพื่อนที่ Line และเลือกเมนู “ทดลองเรียน” ได้เลยค่ะ
#โรคเบาหวาน #น้ำตาลในเลือดสูง #หมอปอเบาหวาน #ลดเบาหวาน #ลดน้ำตาลสะสม #เบาหวาน #ลดน้ำตาล #เบาหวานทานได้ #ลดน้ำตาลในเลือด #ดื้ออินซูลิน

30/01/2025

เมล็ดเจีย มัจฉะ ลดเบาหวาน จริงหรือเปล่า?
ไม่มีอาหารใดบนโลกนี้ ที่กินจะลดน้ำตาลในเลือดโดยตรง
มีแต่กินแล้วเพิ่มหรือไม่เพิ่มน้ำตาลในเลือด / เพิ่มได้มากหรือเพิ่มได้น้อย
สิ่งเดียวที่จะลดน้ำตาลในเลือดโดยตรงคือ เซลล์ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้เอง
ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง จะไม่ทำให้คุณหลงทาง
📍รับสูตรลดเบาหวาน เรียนวิธีรักษาโดยไม่ใช้ยาเพิ่มเติมที่
Line หรือคลิกเข้าไลน์ >> https://lin.ee/lGmqrhx
#หมอปอเบาหวาน #เบาหวาน #โรคเบาหวาน #เบาหวานชนิดที่2 #ลดน้ำตาลในเลือด #ลดเบาหวาน #เบาหวานหายได้ #ดื้ออินซูลิน #ลดน้ำตาล #เบาหวานทานได้ #ลดน้ำตาลสะสม #น้ำตาลในเลือดสูง #รักษาเบาหวาน

เบาหวานไม่ต้องกินยาตลอดชีวิต เมื่อดูแลร่างกายปรับ Lifestyle ให้มีสุขภาพดี เหมือนคนปกติ ที่ไม่เป็นเบาหวานขอแสดงความยินดีก...
16/01/2025

เบาหวานไม่ต้องกินยาตลอดชีวิต เมื่อดูแลร่างกาย
ปรับ Lifestyle ให้มีสุขภาพดี เหมือนคนปกติ ที่ไม่เป็นเบาหวาน
ขอแสดงความยินดีกับท่านผู้อ่าน ที่ประสบผลสำเร็จ
สามารถดูแลตัวเอง จนน้ำตาลสะสมลดลงถึงเกณฑ์เบาหวานไม่ใช้ยา
ที่สมาคมเบาหวานโลกประกาศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563
หนังสือปลดล็อกเบาหวานด้วยอาหารในชีวิตประจำวัน
✅เรียนรู้วิธีกินอย่างถูกหลัก สำหรับลดน้ำตาล เบาหวาน
✅รู้จักการเลือกทานสารอาหาร แล้วคุณจะมีความรู้ใช้ได้กับทุกเมนู
✅เข้าใจการจัดเวลาอาหาร หรือการทำ IF ที่ไม่ได้แปลว่าอดอาหาร
✅รู้วิธีรักษาเบาหวานที่สาเหตุแท้จริง และยั่งยืน ไม่กลับมาเป็นซ้ำ
✅รู้จักร่างกายของตัวเอง เพราะแต่ละคน ทานไม่เหมือนกัน!!
✅คนที่ไม่เป็น ก็อ่านได้ เพื่อเรียนรู้วิธีดูแลสุขภาพให้ดี อย่างมีความสุข และไม่เครียด
เฉพาะคุณที่สั่งซื้อหนังสือในเดือนนี้
รับราคาพิเศษ พร้อมโบนัส
1.โปรโมชั่น “โอนส่งฟรี” หนังสือ 1 เล่ม ราคา 450 บาท
จัดส่งโดยขนส่งเอกชน ถึงมือคุณภายใน 1-4 วัน
(ชำระปลายทาง เพิ่ม 20 บาท)
2.คลิปสรุปเนื้อหาจากหนังสือ 1 ชั่วโมง ฟรี!! (มูลค่า 1,900 บาท)
แสกน QR Code ท้ายเล่ม หรือขอรับลิงก์จากทีมงาน
✨มีรูปแบบ Ebook และ Audiobook ให้เลือกสั่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้
สั่งซื้อ พิมพ์ “สนใจ” หรือทักแชทได้เลยค่ะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม โหลดอ่านฟรี 1 บท ดูรีวิว
ได้ที่ https://sugarfreedomth.com/book01

12/01/2025

เดินเร็วหรือวิ่งเหยาะ อะไรลดเบาหวานดีกว่า
การออกกำลังกายทุกชนิดมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น
การเดินหรือวิ่งเหยาะ เป็นการออกกำลังประเภท Cardiorespiratory
คือช่วยให้หัวใจและปอดแข็งแรง ช่วยการเผาผลาญ
แต่เมื่อทำควบคู่กับการออกกำลังแบบมีแรงต้าน หรือ Resistant training
หรือ เวทเทรนนิ่ง จะช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้ดีขึ้น
เมื่อมวลกล้ามเนื้อแข็งแรง จะทำให้ ระบบ "เผาผลาญเพิ่มขึ้น"
ช่วยรักษาเบาหวานที่สาเหตุ และป้องกันไม่ให้กลับเป็นซ้ำ
ลดน้ำตาลได้อย่างยั่งยืน
เรียนรู้วิธีรักษาเบาหวานที่สาเหตุ ไม่ใช้ยา
เพิ่มเติมที่ Line เมนู "ทดลองเรียน"
สนใจหนังสือ คอร์สเรียนออนไลน์ หรือคอร์สรักษากับหมอปอ
ติดต่อทีมงานได้เลยค่ะ ที่ Line

09/01/2025

หยุดยาเบาหวานแล้ว กลับมาเป็นอีกได้ไหม?
ถ้าไม่อยากเป็นควรทำอย่างไร มาฟังวิธีกันค่ะ
เรียนรู้แนวทางรักษาเบาหวานที่สาเหตุ ลดน้ำตาลยั่งยืน
ฟังคลิปความรู้เพิ่มเติม กดเมนู "ทดลองเรียน" ที่ Line #หมอปอเบาหวาน #โรคเบาหวาน #ลดน้ำตาล #เบาหวาน #เบาหวานชนิดที่2 #ลดเบาหวาน #ลดน้ำตาลในเลือด #ลดน้ำตาลสะสม #ดื้ออินซูลิน #เบาหวานทานได้ #เบาหวานหายได้

สวัสดีปีใหม่ 2568 ค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามและสนับสนุนเสมอมาหมอปอและทีมงาน SugarFreedom ขออวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง...
31/12/2024

สวัสดีปีใหม่ 2568 ค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามและสนับสนุนเสมอมา
หมอปอและทีมงาน SugarFreedom ขออวยพรให้ทุกท่าน
มีสุขภาพแข็งแรง หายเบาหวาน อายุยืนยาว
ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามที่ต้องการนะคะ ❤️

26/11/2024

🍭ใช้อะไรให้ความหวาน แทนน้ำตาลทรายได้บ้าง?
(4 วิธีเลิกเป็นคนติดหวาน กินอะไรก็อร่อย ลดน้ำตาลได้ สุขภาพดีด้วย)

1️⃣ ไม่ใส่เลยหรือใช้ให้น้อยที่สุด
ตามคำแนะนำการปรุงน้ำตาลทรายในอาหารและเครื่องดื่ม
เบาหวาน จำกัดไม่เกินวันละ 3 ช้อนชา (12กรัม)
คนทั่วไป จำกัดไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา (24กรัม)
แต่สำหรับคนไข้เบาหวาน ที่อยากรักษาเบาหวานโดยไม่ใช้ยา
ในช่วงเริ่มต้นดูแล หมอปอจะแนะนำให้ไม่เติมเพิ่มเลย จะดีที่สุดค่ะ
งดปรุงน้ำตาล รวมถึง น้ำผึ้ง และน้ำเชื่อมทุกประเภท ในเครื่องดื่ม
หรือใส่ปรุงในกับข้าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
เพื่อให้ลิ้นของเราปรับตัว “เป็นคนไม่ติดหวาน” ให้ได้ก่อนค่ะ (ใช้เวลาปรับไม่เกิน 1 สัปดาห์)
บางคนแค่ 3 วัน ก็จะไม่ติดหวานได้แล้ว
หากถามว่า ต้องงดไปตลอดชีวิตเลยเหรอ?
ถ้าคุณอยากจะทานของอร่อยแบบสุขภาพดี
คุณต้องรู้จักการใช้ชีวิตอย่างสมดุล ทั้งการกินและการเผาผลาญ
ถ้ารู้ตัวว่าวันไหนทานหวานๆหรือทานเยอะ ก็ต้องออกกำลังกายเพิ่มด้วย
เพื่อให้บาล๊านกัน (สำหรับคนที่เบาหวานดีแล้วนะคะ)
2️⃣ น้ำต้มกระดูก
พอลิ้นหายติดหวานแล้ว เราจะรู้สึกหวานง่ายกว่าเดิม
เพราะฉะนั้น เมื่อเราใช้วิธีปรุงอาหารโดยยึดหลักใช้อาหารจากธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ลดการใช้สารสังเคราะห์ (สารให้ความหวาน)
เราก็จะไม่ได้รู้สึกว่า อาหารนั้นไร้รสชาติ แต่จะรู้สึกถึงความหวานจากธรรมชาติได้อยู่
และทานอร่อยได้ด้วย การใช้น้ำต้มกระดูก มาปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเมนูต้ม หรือผัด
ก็ช่วยให้อาหารอร่อยขึ้นได้ โดยไม่ต้องเติมน้ำตาล หรือผงปรุงรสเลยค่ะ
3️⃣ ใช้ความหวานธรรมชาติจากพืชผักโดยตรง ไม่ต้องปรุงเพิ่ม
สำหรับคนที่ทำอาหารทานเอง หมอปอจะแนะนำให้ใช้ความหวาน จากพืชผักโดยตรง
โดยที่ไม่ต้องปรุงน้ำตาลเพิ่ม
เพราะพืชผักจัดเป็นอาหารที่อยู่ในกลุ่มคาร์โบโฮเดรต
ประกอบด้วยไฟเบอร์ แร่ธาตุ วิตามิน และตัวคาร์โบไฮเดรตเอง ที่จะย่อยและละลายออกมาเป็นน้ำตาล และให้ความหวานตามธรรมชาติ
พืชผักแต่ละชนิด ก็มีคาร์โบไฮเดรตมากน้อย แตกต่างกันไป
ถ้าพืชผักที่มีคาร์โบไฮเดรตมากกว่า ก็จะให้ความหวานมากกว่า ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงกว่า เช่น พืชตระกูลหัว (ฟักทอง เผือก มัน ข้าวโพด) กลุ่มนี้ควรทานแต่พอดี
สำหรับการปรุงอาหาร โดยใช้ความหวานจากผักโดยตรง หมอปอจะแนะนำใช้เป็นผักที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำถึงปานกลาง เพิ่มเข้าไปในเมนู
เช่น หอมหัวใหญ่ แครอท ข้าวโพดอ่อน ดอกกะหล่ำ ถั่วแขก ฟัก หัวไชเช้า ผักกาดขาว มะเขือเทศ
ผักเหล่านี้คาร์บต่ำ ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงมาก แต่ช่วยให้รสชาติหวาน
สามารถใช้ปรุงอาหารโดยไม่ต้องเติมน้ำตาลเพิ่ม หรือลดการใช้น้ำตาลลงได้
จะนำไปต้มเป็นน้ำซุป ใช้ทำซุป นำน้ำซุปไปผัดอาหารต่อ หรือจะนำผักกลุ่มนี้ ไปใส่ในอาหารอื่นๆเพื่อให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ค่ะ
4️⃣ ใช้ความหวานจากหล่อฮังก๊วย และ หญ้าหวาน
แบบนำมาต้มเอง จะปลอดภัยที่สุด
แต่ก็จะได้ความหวานที่สูงกว่าน้ำตาลหลายเท่า
จะมีรสชาติที่เฉพาะตัว อาจจะไม่ได้ถูกปากถูกใจค่ะ
ให้ใช้ปริมาณน้อยๆ แบบที่ยังพอให้ความหวานอยู่
ถ้าจะใส่ในเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ ชา
สามารถใส่ได้ แต่ให้ทานพร้อมในมื้ออาหารไปเลยค่ะ ถ้าจะให้ดีที่สุด คือไม่ต้องใส่ และฝึกตัวเองให้เป็นคนไม่ติดเครื่องดื่มรสชาติหวานๆค่ะ
💡"แล้วพวกสารให้ความหวานหรือน้ำตาลเทียมต่างๆล่ะคุณหมอ ใช้ได้ไหม"
คำตอบคือได้ค่ะ แล้วใช้เมื่อยามจำเป็น เช่น ทำกับข้าวที่ต้องการรสชาติ
ส่วนที่ไม่จำเป็นเช่น น้ำเชื่อมจากน้ำตาลเทียม ที่เราทานแก้อยาก ก็ให้นานๆครั้งพอค่ะ
แต่อย่างที่หมอปอบอกไป ว่าอะไรที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ก็จะดีต่อสุขภาพเรามากกว่า
📌เมื่อปรับตามนี้ได้แล้ว เราจะเลิกเป็นคนติดหวาน
ต่อมรับรส กลับมาทำงานได้ดีขึ้น รู้สึกหวานง่ายขึ้น
เราก็จะทานอะไรที่ไม่หวาน หรือหวานน้อยไปได้เอง โดยที่ไม่รู้สึกทรมานค่ะ
และเมื่อมีความรู้ในการทาน มีเทคนิคเลือกทาน
เพื่อให้ทานได้ทุกอย่าง แบบน้ำตาลไม่ขึ้น
โดยที่เรา “ไม่ต้องอด ก็ลดเบาหวานได้”
#ลดเบาหวาน #ลดน้ำตาล #เบาหวานชนิดที่2 #ลดน้ำตาลในเลือด #เบาหวาน #โรคเบาหวาน #หมอปอเบาหวาน #น้ำตาลเทียม #น้ำตาลเบาหวาน

21/11/2024

🤔💡จะรู้ได้อย่างไร ว่าเป็นเบาหวานชนิด 1 หรือ 2 💡🤔
วิธีสังเกตตัวเอง(แยกตามวัย) และวิธีตรวจให้แน่ชัด อ่านต่อ..👇

📌เบาหวานชนิดที่ 2 มักอ้วน/น้ำหนักเกิน เจอตอนเป็นผู้ใหญ่ เบาหวานชนิดที่ 1 มักผอม เจอตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น…แต่ไม่เสมอไป
หมอปอเคยเจอทั้งเด็กอายุ 10 ขวบ แต่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 พอปรับพฤติกรรม ลดไขมันส่วนเกินได้ก็หาย
หรือเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่มาเจอว่าเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 แฝง หรือเป็นชนิด 1.5
เพราะการจะแยกชนิดของเบาหวานนั้น เราต้องดูที่สาเหตุของการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงค่ะ
>> เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจาก “เซลล์ดื้ออินซูลิน”
(คนไข้ 95-98% เป็นชนิดนี้)
>> เบาหวานชนิดที่ 1 หรือ 1.5 เกิดจาก “ตับอ่อนไม่ผลิต หรือ ผลิตอินซูลินได้น้อยลง”
(เจอน้อยกว่า แต่ก็เจอได้)
เมื่อสาเหตุต่างกัน เพราะฉะนั้น การรักษาจึงต่างกัน
ปัจจุบัน เบาหวานชนิดที่ 2 ไม่ต้องใช้ยาแล้ว
ใช้หลักการ 3 หัวใจสำคัญรักษาเบาหวานที่สาเหตุ ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
ส่วนชนิดที่ 1 ยังคงต้องพึ่งยาช่วยอยู่ แต่การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธ๊ ทำให้ใช้ยาได้น้อยลง ใช้ยาอินซูลินแค่วันละครั้งก็ทำได้
วิธีแยกชนิดของเบาหวาน ที่ชัดเจนที่สุด คือ
การตรวจ “การทำงานของตับอ่อน ในการผลิตอินซูลิน” นั่นก็คือ Insulin level หรือ ระดับอินซูลินในเลือดหลังงดอาหารนั่นเอง
เบาหวานชนิดที่ 2 Insulin level มักจะสูง ในช่วงแรก แต่ถ้าเป็นมานานๆ จะเจอว่าปกติได้
แต่เบาหวานชนิดที่ 1 จะขาดอินซูลิน ระดับอินซูลินในเลือดจึงต่ำ แต่กรณีที่เคยได้ยาอินซูลินแล้ว ก็ต้องไปตรวจค่าอื่น เช่น C-Peptide แทน
แต่….ปกติแล้ว การตรวจนี้จะไม่ได้ทำทั่วไป หรือส่งตรวจตั้งแต่เจอน้ำตาลสูงครั้งแรก
โดยมากจะให้การักษาไปก่อน จนกว่าจะสงสัย
เพราะต้องขอตรวจพิเศษ หรือต้องไปเจาะแล็ปเอกชนเอาเอง
📌ดังนั้น หมอปอเลยมีวิธีสังเกตด้วยตัวเอง เบื้องต้นก่อน ว่าเราน่าจะเป็นเบาหวานชนิดไหนกันแน่

1️⃣พยายามปรับตาม หลัก 3 หัวใจสำคัญ รักษาเบาหวานโดยไม่ใช้ยา ทั้งในเรื่องการปรับสารอาหาร ทำ IF และออกกำลังเวทเทรนนิ่ง
“อย่างถูกต้องตามหลัก และทำถูกทำเหมาะกับร่างกายแล้ว” เคร่งครัดดีแล้ว แต่ค่าน้ำตาลสะสมไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงเลย
กรณีนี้ แนะนำให้ไปตรวจแยกชนิด ดูระดับอินซูลินเลยค่ะ หากว่าค่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด แสดงว่าไม่น่าใช่ชนิดที่ 2 แล้ว อาจมีชนิดที่ 1 แฝง หรือเคยเป็น 2 มาก่อนก็จริง แล้วมาเป็น 1 ทีหลัง ก็เจอได้ค่ะ
2️⃣กรณีอายุน้อย เด็กๆ หรือ 20 กว่า ก็เจอเบาหวานน้ำตาลสูงแล้ว ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป ว่าเป็นชนิดที่ 1 หรือฉีดยาอินซูลินไปตลอด
เพราะ 98% ของคนไข้เบาหวานชนิดที่ 2 มักจะอ้วน หรือมีไขมันสะสมส่วนเกิน นำมาก่อน
ควรจะลองปรับไลฟ์สไตล์ก่อน ตามหลัก 3 หัวใจ
ถ้าทำถูกต้อง ไขมันส่วนเกินจะหายไป น้ำตาลในเลือดจะลดลง
หรือ จะให้ดี ก็ตรวจแยกชนิด ให้รู้แน่ชัดไปเลย
3️⃣ เบาหวานอายุมาก ผอม หรือเป็นเบาหวานมานานๆ ไม่ได้แปลว่า ตับอ่อนเสื่อม หรือกลายเป็นชนิดที่ 1 ไปแล้วเสมอไป
ให้เน้นการสร้างระบบเผาผลาญ นั่นคือ ทานอาหารให้เหมาะสม ถูกต้อง + เวทเทรนนิ่ง เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มระบบเผาผลาญ
เพราะเบาหวานชนิดที่ 2 พอเป็นมานานๆ
อายุมากขึ้น กล้ามเนื้อจะเสื่อมสลายหายไป ตามอายุ การเผาผลาญก็ลดลงตาม
ส่งผลให้ แม้ทานเหมือนเดิม แต่การเผาผลาญน้อยลง เกิดการสะสม มากกว่า เผาผลาญ
ก็ทำให้น้ำตาลในเลือดคุมยาก คุมไม่ได้ และคอยจะสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือเกิดน้ำตาลสวิง เพราะระบบเผาผลาญแย่ลง ต้องปรับยาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จนเข้าใจไปเองว่า ตับอ่อนเสื่อมแล้ว ทำอะไรยากแล้ว
ก่อนจะเข้าใจแบบนั้น แล้วปล่อยใช้ยาไปเรื่อยๆ จนยากินก็เอาไม่อยู่ เหลือแต่ยาฉีด
หมอปออยากให้ลองปรับตัวเองให้ถูกต้องถูกหลักอย่างเคร่งครัดและเต็มที่ก่อน
ถ้าตับอ่อนยังไม่เสื่อม เมื่อทำถูก น้ำตาลสะสมจะลดลงมาและลดการใช้ยาลงมาได้ค่ะ เพราะถ้าตับอ่อนเสื่อมจริง ไม่ผลิตอินซูลินแล้วจริง ยังไงก็ยังต้องมียาช่วย
ให้แน่ใจก็เอาหลักฐานการตรวจการทำงานของตับอ่อนมายืนยันเลย จะได้ไม่ต้องคิดไปเอง
4️⃣เบาหวานในวัยผู้ใหญ่ วัยทำงาน เจอได้ทั้งชนิดที่ 1 และ 2 เลยค่ะ
📍ชนิดที่ 1 อาจเคยมีประวัติดื่มสุราเรื้อรัง ตับอ่อนอักเสบมาก จนทำงานไม่ได้ปกติ
หรือเคยติดเชื้อ เคยเจ็บป่วยจากไวรัส ไม่ทราบสาเหตุ แม้กระทั่งสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ สารเคมีปนเปื้อน หรืออะไรก็ตาม ที่ส่งผลให้ร่างกาย เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง ไปทำลายเซลล์ตับอ่อนส่วนที่ผลิตอินซูลิน ทำให้อินซูลินน้อยลงกว่าปกติ
กรณีนี้ มักจะเจอว่า ไม่ว่าจะปรับไลฟ์สไตล์ หรือดูแลตัวเองดีมากขึ้น ถูกหลัก ค่าน้ำตาลก็มักจะไม่ลง ยังคงต้องพึ่งยาช่วย
หากว่าสงสัย ก็ควรตรวจการทำงานของตับอ่อนด้วยเช่นกัน
📍ชนิดที่ 2 ไม่ว่าจะอ้วน หรือผอม เพิ่งเจอเบาหวาน หรือ เป็นมานานแล้ว ตราบใดที่ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ตามหลัก “3 หัวใจรักษาเบาหวานไม่ใช้ยาแล้ว” ค่าน้ำตาลจะลดลง จนเป็นปกติได้อย่างแน่นอน
เพราะเบาหวาน(ชนิดที่ 2) หายได้ ไม่ต้องใช้ยา
และไม่พึ่งสมุนไพรหรืออาหารเสริมลดน้ำตาลใดๆ
ศึกษาวิธี และหลักการ ให้เริ่มนำไปใช้ได้เลย
รับชมคลิปเพิ่มเติมที่ Line เข้าเมนู "ทดลองเรียน"
#หมอปอรักษาเบาหวานไม่ใช้ยา #หมอปอเบาหวาน

15/11/2024

มะระขี้นกลดเบาหวานได้จริงไหม
อาหารที่เป็นธรรมชาติ ทานได้ทุกอย่าง
ในปริมาณที่เหมาะสม การดูแลเบาหวานที่ต้นเหตุ
ไม่ใช่แค่มุ่งเน้นลดน้ำตาลปลายเหตุ
จะช่วยให้หายอย่างยั่งยืน ไม่กลับเป็นซ้ำ
เรียนรู้วิธีดูแลที่สาเหตุ Line
#หมอปอเบาหวาน #เบาหวานหายได้ #เบาหวาน #ลดน้ำตาลสะสม #ไม่เลี้ยงไข้ #ฟื้นฟูตับอ่อน #เบาหวานชนิดที่2 #ดื้ออินซูลิน #ลดน้ำตาลในเลือด #โรคเบาหวาน #น้ำตาลในเลือดสูง #ลดน้ำตาล #ลดเบาหวาน #เบาหวานทานได้

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หมอปอ SugarFreedom : เบาหวาน และสุขภาพดีได้ ไม่ใช้ยาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง หมอปอ SugarFreedom : เบาหวาน และสุขภาพดีได้ ไม่ใช้ยา:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

เบาหวานเกิดจากอาหาร จึงต้องรักษาด้วยอาหาร ไม่ใช่ยา

จากประสบการณ์การเป็นหมอมา 7 ปี การรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 ด้วยยา เป็นเพียงการประคับประคองอาการเท่านั้น

“การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตคือหนทางเดียวที่จะทำให้คุณหายจากเบาหวาน”

ด้วยกลยุทธ์ LCFF (Less Carb Freestyle Fasting) และหลัก 4 เสากินสลายเบาหวาน

ที่หมอได้รวบรวม และใช้วิธีนี้ในการให้คำแนะนำการรักษาแก่คนไข้เบาหวาน จนสามารถลดการกินยา และหยุดยาได้