Bhaisajyashram Life, health and healing Holistic Healing and Health Maintenance through Classical Thai – Ayurveda Wisdom

07/12/2022

ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของอจ.มน. Manow Vichakorn ที่ "กล้า" เสนอ(เป็นคอมเม้นท์ใต้โพ้สต์ของผมเมื่อวาน)ให้เลิกใช้คำว่า "นวดราชสำนัก"
เปลี่ยนเป็นใช้ชื่ออาจารย์ซึ่ง(ในความคิดของผม)​กล่าวได้ว่าเป็น "ปฐมาจารย์วิชานวด" ที่สอนในโรงเรียนอายุรเวทวิทยาลัย

ผมมองว่า การใช้ชื่อครูบาอาจารย์เป็นชื่อเรียกแบบแผนการนวดหนึ่งๆ กล่าวได้ว่าเป็นการแสดงความเคารพ ยกย่อง และบูชาครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้

พูดอีกอย่างว่าเป็นหนึ่งในวิธีการแสดงออกถึงกตัญญุตา​จิตของคนเป็นศิษย์อย่างเป็นรูปธรรม

ดีกว่าการใช้คำกว้างๆ ที่ไม่เจาะจงบ่งบอกว่าเป็นใคร

ทั้งที่ "แบบแผนการนวดราชสำนัก" ตามชื่อที่เรียกกัน เอาเข้าจริงแล้วมีเพียงสำนักหรือโรงเรียนเดียว คือโรงเรียนอายุรเวทวิทยาลัย(ในสมัยนั้น)

ล่าสุดผมได้ทราบจากกัลยาณมิตรรุ่นพี่ซึ่งได้ข้อมูลมาอีกทีว่า อาจารย์หมออวยซึ่งเป็นผู้ริเริ่มและก่อตั้งโรงเรียนอายุรเวทวิทยาลัยและอาจารย์ณรงสักข์ไม่ได้จะให้ใช้ชื่อเรียกนี้ แต่มีผู้เสนอให้ใช้คำว่า "นวดราชสำนัก" ในภายหลัง

ถ้าเป็นไปตามข้อมูลล่าสุดที่ผมทราบจากมิตรรุ่นพี่ ก็น่าจะสืบค้นว่า คนที่เสนอให้ใช้คำว่า "นวดราชสำนัก" มีเหตุผลเช่นใด และทราบหรือไม่ว่าการจำแนกแยกแบ่งเป็น "ราชสำนัก" และ "เชลยศักดิ์" เป็นกรอบอ้างอิงที่พ้นสมัยไปแล้ว

ที่ผมใช้คำว่า อจ. มน. "กล้า" เสนอความคิดเห็นให้ยกเลิกคำเรียกแบบแผนการนวดที่ตัวเองร่ำเรียนและปฏิบัติมา เพราะอาจมีบางคนมองว่าการเสนอให้ "เลิกใช้ชื่อ"​ ที่เคยถูกใช้เรียกสำนักที่ตัวเองศึกษาเรียนรู้มา เท่ากับเป็นการหลบหลู่ครูบาอาจารย์

อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อและมั่นใจว่าอจ.มน.ได้ใช้วิจารณญาน​ของตัวเองหลังจากค้นหาข้อมูลในเชิงลึกเท่าที่จะค้นได้ (สังเกตจากหลักฐานที่เป็นเอกสารเก่าแก่ที่อจ.มน. แปะในคอมเม้นท์)​ และไตร่ตรองโดยรอบคอบถ้วนถี่ดีแล้ว ก่อนที่จะได้ข้อสรุปกับตัวเอง และบอกกล่าวสู่สาธารณะผ่านทางคอมเม้นท์ใต้โพ้สต์ของผมว่า

"ทุกวันนี้ถ้ามีคนมาถามผมว่าผมนวดอย่างไร ผมก็ตอบอย่างภาคภูมิใจนะครับว่า “นวดตามสายอาจารย์ณรงค์สักข์”

ถ้าอจ.มน.กล่าวคำพูดนี้ต่อหน้าใครก็ตาม ผมเชื่อว่าคนฟังจะได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นมั่นใจ และเห็นประกายตาที่ฉายชัดให้เห็นความภาคภูมิใจที่เปี่ยมด้วยความเคารพยกย่องเและเทิดทูนบูชาท่านที่ถูกเอ่ยนาม

06/12/2022

หนึ่งในกัลยาณมิตรรุ่นพี่ที่ผมเคารพรักเล่าให้ฟังว่า มีบางคนมองว่าการแยกประเภทหมอนวดไทยและการนวดไทยเป็นแบบราชสำนักกับเชลยศักดิ์ คือภาพสะท้อนของความหลากหลายของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย แต่ละฝ่ายควรเคารพและให้เกียรติกัน

เราสองคนตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ผมและมิตรรุ่นพี่หยิบยกประเด็นการนวดและหมอนวดราชสำนักกับเชลยศักดิ์มาเขียนโพ้สต์ในช่วงที่ผ่านมา

ผมเสริมว่าความเห็นในลักษณะนี้ชวนให้คิดว่า เราหรือใครก็ตามไม่ควรแตะประเด็นเกี่ยวกับการนวดและหมอนวดไทยแบบราชสำนักและเชลยศักดิ์ ควรจะปล่อยให้ความหลากหลายเช่นนี้ดำรงคงอยู่

พูดอีกอย่างว่าการหยิบยกเรื่องนี้มาพูด(อีก)​เป็นการสร้างความแตกแยกในแวดวงหมอนวดไทย ทั้งเป็นการไม่เคารพภูมิปัญญาของแต่ละฝ่าย

ผมขอเขียนโต้แย้งในโพ้สต์นี้ว่า วิธีคิดเช่นนี้(เหมือนจะตั้งใจ)มองข้ามข้อเท็จจริงที่สำคัญบางอย่างไป

พูดตามความเป็นจริง ความหลากหลายทางภูมิปัญญาในการดูแลสุขภาพและการบำบัดเยียวยาในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ยาหรือการนวดก็ตาม ดำรงอยู่คู่ผู้คนในสังคมนี้มาช้านานตั้งแต่ก่อนที่จะมีการบัญญัติคำว่า "หมอนวดและการนวดแบบราชสำนัก" และ "หมอนวดและหมอนวดและการนวดแบบเชลยศักดิ์" ขึ้นมาด้วยซ้ำ

การที่ผมและกัลยาณมิตรรุ่นพี่หยิบยกประเด็นการจำแนกประเภทของหมอนวดและการนวดไทย ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ตระหนักถึงความหลากหลายของภูมิปัญญาด้านสุขภาพ (ซึ่งในบริบทนี้คือเรื่องของ" การนวดไทย)แต่อย่างใด

ในทางกลับกัน วิธีคิดและวาทกรรมในการจำแนกหมอนวดไทยเป็นหมอนวดราชสำนักและหมอนวดเชลยศักดิ์ต่างหากที่สร้างความเป็นฝักฝ่าย และตีกรอบความหลากหลายขององค์ความรู้และภูมิปัญญาของหมอนวดไทยให้หดแคบเหลือเพียงสองสายหรือสองแบบ

สายหรือแบบแผนหนึ่งมีเพียง one school of Thai Traditional Massage

ในขณะที่สำนัก โรงเรียน และหมอนวดอื่นๆ ที่เหลือ (ไม่รวมหมอนวดพื้นบ้าน)​ ถูกจัดเป็น "หมอนวดเชลยศักดิ์"

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ก่อนหน้าที่จะถูกจัดจำแนกและแยกไปอยู่อีกแบบแผนเดียวกัน หมอนวด สำนัก และโรงเรียนนวดเหล่านี้ ล้วนมีอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของตนเอง เช่นเดียวอีกแบบแผนหนึ่งซึ่งมีเพียงสำนักเดียว

ผมเคยมีประสบการณ์ไปร่วมอบรมนวดไทยซึ่งจัดโดยองค์กร(มูลนิธิ)​ที่ทำงานด้านการนวดไทยหลายครั้ง

ทุกครั้งที่ไปร่วมอบรม จะมีครูหมอนวดไทย(ที่ถูกจัดให้อยู่ในแบบแผนที่เรียกว่า หมอนวดเชลยศักดิ์)​หลายท่านมาสอนการนวดไทยให้แก่ผู้ที่สนใจ

เท่าที่ทราบจากกัลยาณมิตรรุ่นพี่ที่ทำงานในองค์กรนี้ ครูหมอนวดไทยแต่ละท่านที่มาเป็นวิทยากร ต่างก็มีสไตล์ แบบแผน เทคนิคการนวด และกระทั่งการวางมือ(ลงบนจุดนวดเดียวกัน)​ของตัวเอง

เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ลูกศิษย์ลูกหาที่มาเรียนรู้ ครูหมอนวดทุกท่านจะ "แสวงจุดร่วม" แต่ก็ "ไม่ทิ้งจุดต่าง" ในวิถีการนวดของตนเอง

ที่ว่า "แสวงจุดร่วม" ก็คือครูหมอนวดทุกคนจะแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การนวดร่างกายส่วนต่างๆ

เป็นการแลกเปลี่ยนที่ใช้เวลานานนับปีก่อนที่จะตกผลึกและได้ข้อสรุปร่วมกันว่า จะสอนผู้ที่มารับการอบรมให้นวดร่างกายแต่ละส่วนอย่างไร

เทคนิคบางเทคนิค วิธีการนวดร่างกายบางส่วน การวางมือบางลักษณะ ถอดและปรับจากครูคนนั้นบ้างคนนี้บ้าง จนได้ชุดความรู้ในภาคปฏิบัติที่อิงกับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับร่างกายและทฏษฎีที่เชื่อมโยงกับการนวดไทย

สำหรับผมแล้ว นี่คือภาพสะท้อนถึงความเคารพในองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ครูหมอนวดมีให้กันและกันโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอ้างออกมาเป็นคำพูด

มากไปกว่านั้น ครูหมอนวดเหล่านี้ยังเปิดใจกว้างรับฟังและเรียนรู้จากกันและกัน ประหนึ่งแก้วที่ยังสามารถรองรับน้ำแห่งภูมิปัญญาใหม่ๆ ได้อยู่เสมอ

ส่วนที่บอกว่า "ไม่ทิ้งจุดต่าง" ก็คือ เมื่อกลับไปยังสำนัก โรงเรียน หรือสถานเยียวยาของตัวเอง (ซึ่งหลายท่านใช้บ้านเป็นสถานที่นวดคนไข้)

ครูหมอนวดแต่ละท่านก็นวดคนที่มารับหัตถบำบัดตามวิธีและวิถีที่ตัวเองร่ำเรียน ฝึกฝน และปฏิบัติมายาวนาน

กระนั้นก็ตาม เทคนิคบางอย่างของครูหมอนวดคนอื่นๆ ที่ท่านได้ยิน ได้เห็น และได้ทดลองมาด้วยตนเองและพบว่าได้ผลดี ท่านก็เลือกรับมาปรับใช้ร่วมด้วยโดยไม่รู้สึกว่าผิดต่อครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทความรู้และจิตวิญญาณของความเป็นผู้เยียวยามาให้ในเบื้องแรก

"อะไรที่ทำแล้วช่วยให้คนไข้ดีขึ้น เราก็สามารถทำได้หมดแหละ เพียงแต่ขอให้รู้จริง
อย่าลืมว่าพันธกิจของคนเป็นหมอก็คือการเยียวยาคนที่เจ็บไข้ไม่สบาย"

ครูหมอนวดผู้ล่วงลับไปแล้วซึ่งเคยได้รับเชิญให้ไปสอนการนวดไทยให้ therapist ในอินเดีย โดยมีผมติดสอยห้อยตามไปในฐานะผู้แปล พูดกับผมในค่ำคืนหนึ่ง

เช่นนี้เอง ผมจึงมองและเชื่อว่าความหลากหลายแห่งภูมิปัญญาในการนวดไทยมีอยู่คู่สังคมไทยมาช้านานแล้ว และจะอยู่คู่สังคมไทยอย่างมีพลวัตรไปตราบนานเท่านาน

โดยที่คำว่า ความหลากหลายนั้นหมายถึงความมีอัตลักษณ์และเอกลักษณ์แห่งตนหรือสำนัก/โรงเรียนของตน

การสร้าง "นวัตศัพท์" ขึ้นมาเพื่อเป็นเส้นแบ่งสำนักหรือแนวทางหนึ่ง และแยกสำนัก/แนวทางอื่นๆ ไปรวมเป็นอีกประเภทหนึ่งต่างหาก ที่สะท้อนให้เห็นถึงการจำกัดและไม่ยอมรับความหลากหลายแห่งภูมิปัญญาให้หดแคบลงเหลือเพียงสองเส้นทาง

05/12/2022

นวดราชสำนัก นวดเชลยศักดิ์

การบัญญัติคำว่า "การนวดแบบราชสำนัก/หมอนวดราชสำนัก" และ "การนวดแบบเชลยศักดิ์/หมอนวดเชลยศักดิ์" เมื่อราวสามทศวรรษก่อน (ซึ่งเท่าที่ทราบจากผู้คร่ำหวอดในแวดวงการนวดไทย สองคำนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนหน้านั้น)​

จนกลายเป็นการจำแนกประเภทของการนวดไทยที่ถูกใช้ต่อกันมาจนบัดนี้นั้น

ผมคิดว่ากล่าวอย่างถึงที่สุด คำว่า "นวดแบบราชสำนัก" หลักๆ แล้วน่าจะถูกบัญญัติขึ้นมาเพื่อบ่งบอกอัตลักษณ์ของแบบแผนการนวดของสำนักหรือแนวทางหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากแบบแผนหรือวิธีการนวดของสำนักหรือหมอนวดไทยคนอื่นๆ

พูดอีกอย่างว่า เป็นคำที่ใช้เรียก School of Thai Massage หนึ่ง ซึ่งมีอัตลักษณ์(identity)และเอกลักษณ์(uniqueness)​เฉพาะตนแตกต่างจาก School of Thai Massage อื่นๆ

เปรียบได้กับสำนักโยคะหลากหลายสำนักทั่วโลก(ในปัจจุบันสมัย)ซึ่งมีชื่อแตกต่างกันไป

เช่น Ashtanga Yoga ซึ่งก่อตั้งโดย Pattabhi Jois (ซึ่งเป็นคนละอย่างกับ องค์ทั้งแปดของโยคะ -​ ที่กล่าวถึงในโยคสูตระของปตัญชลิ ซึ่งเป็นหนึ่งในตำราโยคะดั้งเดิม แม้จะมีคำว่า Ashtanga เหมือนกัน), Iyengar​ Yoga, Sivananda Yoga และอื่นๆ

สำนัก(โยคะ)ต่างๆ ​เหล่านี้ แม้จะมีคำว่าโยคะห้อยท้าย ทว่าสาระคำสอนในส่วนที่เกี่ยวกับโยคะมาจากแหล่งคือตำราดั้งเดิมเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ เช่น Yoga Suta (เรียบเรียงโดย Patañjali), Haṭha Yoga Pradīpikā (เรียบเรียงโดย Svātmārāma)​ ฯลฯ

เพราะฉะนั้น ในความเห็นของผม แต่ละสำนัก(ที่มีคำว่า Yoga)เหล่านี้ ก็คือ one school of Asana practice หรือสำนักฝึกและสอนการฝึกอาสนะสำนักหนึ่ง ซึ่งมีแบบแผน แนวทาง และวิธีการฝึกอาสนะแตกต่างจากสำนักอื่นๆ

การตั้งชื่อสำนัก(โยคะ)​ที่ต่างกัน มิใช่เป็นการจำแนกประเภทของ(การฝึก)​โยคะที่ต่างกันแต่อย่างใด

ด้วยว่าเมธีแห่งโยคะและโยคาจารย์ได้จำแนกวิถีแห่งโยคะเป็น ๓ แนวทางมาแต่ดั้งเดิมแล้ว

วิถีแห่งโยคะที่ว่า ได้แก่ ภักติโยคะ (bhakti yoga), กรรมโยคะ (karma yoga)​ และชญานโยคะ (jnana yoga)

ว่ากันว่าการจำแนกวิถีแห่งโยคะหรือโยคะมารคะ (yogamarga)​เป็น ๓ แบบ ก็เพื่อให้เหมาะกับจริตของแต่ละคน

กลับมาที่ประเด็นที่ผมมองว่า คำว่า "นวดราชสำนัก" น่าจะถูกบัญญัติขึ้นมาเพื่อบ่งบอกอัตลักษณ์ของแบบแผนการนวดของสำนักหรือแนวทางหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากแบบแผนหรือวิธีการนวดของสำนักหรือหมอนวดไทยคนอื่นๆ

การสร้างคำเรียกขึ้นมาเพื่อบ่งบอกอัตลักษณ์ของตนเป็นเรื่องที่เข้าใจได้และสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง

ทว่าแทนที่จะบัญญัติเพียงคำว่า "นวดราชสำนัก" เพียงคำเดียว เพื่อเป็นชื่อเรียก one school of Thai massage

แต่กลับมีคำว่า "นวดแบบเชลยศักดิ์" ควบคู่มาด้วย

ที่สำคัญกว่านั้นและอาจกล่าวได้ว่าทำให้เกิดปัญหาคาใจในแวดวงหมอนวดไทยมาจนปัจจุบันก็คือ ทั้งสองคำนี้มีนัยถึงสถานภาพที่แตกต่างกัน

(ยิ่งถ้าไปดูคุณสมบัติของหมอนวดสองแบบแผนนี้ในหนังสือคู่มือ ICD 10 การแพทย์แผนไทย ซึ่งจัดพิมพ์โดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ จะเห็นได้ว่าสื่อถึงความแตกต่างในลักษณะที่ฝ่ายหนึ่ง superior กว่าอย่างชัดเจน -​ ซึ่งผมเคยเขียนถึงเรื่องนี้แล้ว)​

มิหนำซ้ำไปๆ มาๆ คำว่า "นวดราชสำนัก" และ "นวดเชลยศักดิ์" กลับกลายเป็นการจำแนกประเภทของการนวดและหมอนวดไทยที่ถูก acknowledged หรือรับรองโดยฝ่ายราชการที่เกี่ยวข้อง

ที่น่าแปลกก็คือ การจำแนกประเภทการนวดไทยเป็น "นวดราชสำนัก" และ "นวดเชลยศักดิ์" นั้น มี school of Thai massage เพียงแห่งเดียวที่จัดอยู่ในประเภทหรือแบบแผนที่เรียกว่า "นวดราชสำนัก"

ส่วน school of Thai massage อื่นๆ ถูกจัดให้กลายเป็น "นวดเชลยศักดิ์"

คำถามมีอยู่ว่า การจำแนกประเภทหรือแบบแผนการนวดและหมอนวดไทยดังกล่าวนี้ ผ่าน "ฉันทามติ" ของหมอนวดไทยส่วนใหญ่แล้วกระนั้นหรือ

ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเป็นการสวมสถานภาพของการเป็น "หมอนวดเชลยศักดิ์" ให้แก่หมอนวดอื่นๆ ที่อยู่คนละ school of Thai massage ในยุคนั้น.

หมายเหตุ : ผมเคยมีโอกาสคุยกับหนึ่งในครูหมอนวดไทยซึ่งเป็นที่เคารพยกย่องในความเมตตาและทักษะความเชี่ยวชาญการนวดของท่านโดยบรรดาครูหมอนวดด้วยกัน (ปัจจุบันท่านล่วงลับไปแล้ว)​ เกี่ยวกับเรื่องหมอนวดราชสำนักและหมอนวดเชลยศักดิ์

สถานะความเป็นหมอนวดของท่านตามการจำแนกแยกแบ่งข้างต้นคง(ถูก)​จัดอยู่ในประเภทหมอนวดเชลยศักดิ์

ท่านบอกว่าโดยส่วนตัวแล้ว ท่านไม่รู้สึกอะไรกับการถูกสวมหมวก "หมอนวดเชลยศักดิ์"

แต่ท่านไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งและไม่สบายใจอย่างมาก ตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการแบ่งและใช้คำสองคำนี้แล้ว

ท่านเห็นว่าการจำแนกแบ่งกลุ่มเช่นนี้ นอกจากไม่มีประโยชน์โพดผลใดแล้ว กลับจะทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่หมอนวดด้วยกัน ทั้งที่หมอนวดที่ถูกแยกเป็นสองแบบต่างก็เป็นหมอนวดไทยเหมือนกัน

ที่อยู่

Phra Nakhon

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Bhaisajyashramผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท