ยาสมุนไพร ศ.ดร. โสภณ เริงสำราญ

ยาสมุนไพร ศ.ดร. โสภณ เริงสำราญ ยาสมุนไพรดร.โสภณ เริงสำราญ
https://drsophonherbalmedicines.myportfolio.com/
email:order@drsophon.com,

Founded by Prof.Dr.Sophon Roengsumran, the Dr.sophon limited company offers products containing 100% effective and natural ingredients based on over 40 years research experiences in organic chemistry of Dr.Sophon and his expertise. we've produced and distributed herbal medicines more than 20 years.-visit our official website on www.drsophon.com/tel.022150657

10/04/2025

* แจ้งวันหยุดสงกรานต์ 2568 *
❌ร้านปิด 12-16 เมษายน
✅เปิดทำการ 17 เมษายน ค่ะ

https://drsophonherbalmedicines.myportfolio.comสนใจสอบถาม ติดต่อสั่งซื้อ: ◈ Line :  ◈ ข้อความส่วนตัวทางเฟสบุ๊ก fanpage (...
10/04/2025

https://drsophonherbalmedicines.myportfolio.com

สนใจสอบถาม ติดต่อสั่งซื้อ:
◈ Line :
◈ ข้อความส่วนตัวทางเฟสบุ๊ก fanpage (inbox)
หรือ ◈ โทร 02-2150657 (เบอร์ร้านที่สามย่าน ยูเซ็นเตอร์)

10/04/2025

3 เรื่องต้องรู้ ป้องกันเบาหวาน ✨
#สสส #สื่อสารสุข #ลดเสี่ยงโรค

08/04/2025

หน้าร้อนแต่ก็ยังเจอฝน!! แจก 5 วิธีป้องกันอันตรายจากการใช้ไฟฟ้าในบ้าน 🏠 ช่วงฝนตกหนัก‼
#สสส #สื่อสารสุข #รับมือพายุ #ฝนตก

08/04/2025

ค่าบริการและค่ายา - ปรึกษาหมอออนไลน์ คิดค่าบริการเริ่มต้น 800 บาท/30 นาที - กรณีต้องการยาตามที่คุณหมอแนะนำ รับส....

08/04/2025

🥦💧🏃 8 แนวทางป้องกันและดูแล
"สุขภาพตับ" ให้แข็งแรง 👍🏿
การดูแลสุขภาพของตับเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากตับเป็นอวัยวะที่มีหน้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการกรองสารพิษ การสร้างโปรตีนและเอนไซม์ รวมถึงการเก็บพลังงาน การดูแลตับให้แข็งแรงจะช่วยลดความเสี่ยงจากการสะสมของสารพิษต่างๆ รวมถึงสารไนโตรซามีนที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ นี่คือแนวทางที่จะช่วยเสริมสุขภาพของตับให้แข็งแรงได้ค่ะ
1. รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงตับ 🥦
- ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น เบอร์รี ส้ม แคร์รอต ที่ช่วยลดการสะสมของสารพิษในตับและเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย
- ผักประเภทหัว เช่น กะหล่ำปลี ซึ่งมีกลูตาไธโอน (Glutathione) ช่วยล้างสารพิษและบำรุงตับ
- บรอกโคลี มันเทศ มีกลูโคซิโนเลต (Glucosinolate) ช่วยกระตุ้นให้ตับผลิตเอนไซม์ต่อต้านสารพิษ
- ธัญพืชที่มีเส้นใยสูง เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และถั่วชนิดต่างๆ ช่วยในการย่อยอาหารและลดความเสี่ยงต่อการสะสมของสารพิษในร่างกาย
2. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ 💧
การดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น และช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับกิจกรรมและสภาพอากาศ เพื่อช่วยให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ลดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 🍷
แอลกอฮอล์สามารถทำลายเซลล์ตับและทำให้ตับทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้เกิดโรคตับแข็ง (Cirrhosis) หรือโรคตับอื่นๆ การลดการดื่มแอลกอฮอล์หรือหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องสุขภาพของตับ
4. หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ 🏃
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงตับด้วย การออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือโยคะ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วนและโรคเมตาบอลิซึม ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคตับ
5. เสริมอาหารเมื่อร่างกายขาด 💊
- กลูตาไธโอน (Glutathione): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทสำคัญในการล้างสารพิษในตับ การเสริมกลูตาไธโอนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดสารพิษและช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับที่ถูกทำลาย
- วิตามินและแร่ธาตุ: การรับประทานวิตามินซี วิตามินอี และซีลีเนียม จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและลดความเสี่ยงต่อการอักเสบของตับ
6. ไปตรวจสุขภาพประจำปี 🏥
การตรวจสุขภาพประจำปีช่วยให้คุณทราบถึงสถานะของตับและสุขภาพทั่วไปของคุณ การตรวจคัดกรองเป็นระยะจะช่วยให้สามารถตรวจพบปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในระยะเริ่มต้น และสามารถรับการรักษาได้ทันท่วงที
7. หลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินขนาด 💊
การใช้ยาบางชนิดมากเกินไปอาจทำให้ตับทำงานหนักและเกิดความเสียหาย การใช้ยาเกินขนาดหรือใช้ยาโดยไม่จำเป็นสามารถทำให้เกิดการสะสมของสารพิษในตับ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตับอักเสบ (Hepatitis) หรือภาวะตับวาย (Liver Failure) ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร และหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น
8. พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดหลับอดนอน 😴
การพักผ่อนที่เพียงพอมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูร่างกาย รวมถึงตับ การนอนหลับที่เพียงพอช่วยให้ตับมีเวลาในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ที่ถูกทำลาย นอกจากนี้การพักผ่อนยังช่วยลดระดับความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคตับได้
การดูแลสุขภาพของตับเป็นการลงทุนในสุขภาพของเราในระยะยาว อย่าลืมให้ความสำคัญกับการดูแลตับเพื่อให้ร่างกายของเราสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยจากโรคภัยต่างๆ ค่ะ
#อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ #ตับ #สารพิษในตับ #ดื่มแอลกอฮอล์ #บำรุงตับ

08/04/2025
08/04/2025

"ผลไม้ 1 คาร์บ 🍎🍌🍊 กินได้แค่ไหน?"

รู้หรือไม่? ปริมาณผลไม้ที่กินได้ใน 1 คาร์บมีความแตกต่างกัน! 🍇🍍
🔸 ผลไม้บางชนิดกินได้หลายชิ้น 🍉
🔸 แต่บางชนิด กินแค่ครึ่งผลก็ครบ 1 คาร์บแล้ว! 🍌

วางแผนมื้อผลไม้ให้พอดีกับสุขภาพของคุณ 🍏✨
เช็กเมนูอื่นๆ ได้ที่ 👉 www.nubcarb.com/menu

#นับคาร์บลดโรคNCDs #รู้ค่าคาร์บก่อนกิน #นับคาร์บ #สสส #กระทรวงสาธารณสุข

15/06/2024

แจ้งวันหยุดชั่วคราวค่ะ
พุธ 18 มิ.ย.-พุธ 26 มิ.ย. 67
(ร้านปิด & งดส่งพัสดุ)
💟💟

พรรณไม้ 7 ประเภท ที่ควรค่าในการปลูกเพื่อช่วยดักจับฝุ่น PM2.5https://www.pptvhd36.com/news/ไลฟ์สไตล์/159951?fbclid=IwAR1M...
23/01/2024

พรรณไม้ 7 ประเภท ที่ควรค่าในการปลูกเพื่อช่วยดักจับฝุ่น PM2.5

https://www.pptvhd36.com/news/ไลฟ์สไตล์/159951?fbclid=IwAR1MGg100l6tfoLAKAdh0bfaP2G5A2wMfyN_4SMrsI8kXDb5BhGt7SkW6co

ฝุ่น PM2.5 ถือเป็นปัญหาสภาพแวดล้อมที่เมืองไทยต้องประสบมาอย่างต่อเนื่องและยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้หลาย....

23/01/2024

🤦🏻‍♀️ เช็กให้ชัวร์ "ปวดหัว" แบบไหน
ร่างกายกำลังบอกอะไรเรา❓
🤦‍♂️🤦🏻‍♀️สภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตในปัจจุบันทำให้เราต้องประสบกับความเครียด ความกดดัน มีเรื่องให้ต้องคิดหนัก คิดเยอะกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งนั้นอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกอาการปวดหัวนั้นจะมาจากความเครียดเสมอไป แต่อาจมาจากสาเหตุที่รุนแรงกว่านั้นก็เป็นได้ค่ะ!
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า อาการปวดหัวที่เรากำลังเป็นอยู่นั้นมีสาเหตุมาจากอะไร? วันนี้เราชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับลักษณะอาการปวดหัวต่างๆ เพื่อช่วยให้เราเข้าใจถึงสาเหตุและแนวทางการบรรเทาอาการปวดหัวได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
1️⃣ปวดหัวรอบศีรษะ...อาจเกิดจาก "ความเครียด"
⛔ เป็นสาเหตุของอาการปวดหัวที่พบบ่อยที่สุด ก็คือมีสาเหตุมาจากความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือใช้สายตามาก สิ่งเหล่านี้จะทำให้กล้ามเนื้อรอบศีรษะตึงตัว ทำให้รู้สึกปวดจากผากไปถึงขมับทั้งสองข้าง รวมถึงปวดศีรษะด้านหลัง ลามไปถึงคอ บ่า และไหล่
✅ แนวทางรับมือ : หยุดพักจากงานชั่วคราว หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เครียด เพื่อให้สมองได้พักผ่อน หากปวดมากยาแก้ปวดก็สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ค่ะ
2️⃣ ปวดหัวที่ขมับ ปวดหัวข้างเดียว...อาจเกิดจาก "ไมเกรน"
⛔ ใครๆ ก็อยากหลีกเลี่ยงไมเกรน เพราะเป็นอาการปวดหัวที่ทรมานมาก เมื่อเป็นแล้วก็ยากที่จะควบคุมอาการได้ มักปวดหัวข้างเดียวที่ขมับ และอาจจะปวดร้าวลงมาถึงกระบอกตา ร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และเวียนศีรษะ ยิ่งถ้าถูกกระตุ้นโดยแสงสว่าง หรือเสียงดัง อาการจะรุนแรงขึ้น
✅แนวทางรับมือ : หลีกเลี่ยงสิ่งเร้า เช่น แสง เสียง กลิ่น นอนพักในที่มืดสนิท หากปวดมากสามารถใช้ยาแก้ปวด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือพาราเซตามอล แต่หากมีอาการเป็นรุนแรงหรือเรื้อรัง ก็ควรปรึกษาแพทย์นะคะ
3️⃣ปวดตรงโหนกแก้ม กลางใบหน้า...อาจเกิดจาก "ไซนัสอักเสบ"
⛔ รู้สึกปวดรุนแรงตั้งแต่โหนกแก้ม หน้าผาก รวมถึงจมูก คิ้ว และหัวตา มักมาพร้อมกับอาการคล้ายหวัด เช่น หายใจติดขัด ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูกสีเขียว เป็นไข้ และรู้สึกอ่อนเพลีย สาเหตุมักจะเกิดจากไวรัสหรือแบคทีเรียในโพรงไซนัส
✅ แนวทางรับมือ : ใช้น้ำเกลือล้างจมูก เพื่อทำความสะอาดโพรงไซนัส แต่ถ้าเป็นเพราะแบคทีเรีย อาจต้องรับประทานยาฆ่าเชื้อด้วย และหากมีอาการเรื้อรัง ก็ควรไปปรึกษาแพทย์จะดีกว่าค่ะ
4️⃣ปวดหัว ปวดใบหู ปวดกราม…อาจเกิดจาก “โรคข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อบดเคี้ยว”
⛔ ถ้าคุณรู้สึกปวดบริเวณหน้าใบหู กราม หรือขากรรไกร โดยเฉพาะในตอนเช้าหลังจากที่ตื่นนอน หรือมีปัญหาในการเปิดปาก หรือเคี้ยวอาหาร คุณอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อบดเคี้ยว ข้อต่อขากรรไกร หรือการกัดฟันระหว่างการนอน
✅ แนวทางรับมือ : ใช้น้ำอุ่นประคบที่มีอาการปวด นานประมาณ 20 นาที ประคบ 3-5 ครั้งต่อวัน และรับประทานยาแก้ปวด เพื่อช่วยลดอาการปวด พยายามทานอาหารที่อ่อนนิ่ม และหลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็งด้วยค่ะ
5️⃣ ปวดหัวรุนแรง ฉับพลัน…อาจเกิดจาก “โรคอันตรายทางสมอง”
⛔ หากคุณมีอาการปวดหัวข้างเดียวอย่างรุนแรง ปวดรอบดวงตา ซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และไม่เคยเป็นมาก่อน อาจต้องระวังปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเยื่อหุ้มสมอง หรือสมองส่วนไฮโบทาลามัส ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของ "เนื้องอกในสมอง" หรือ "โรคหลอดเลือดสมอง"
✅ แนวทางรับมือ : หากมีอาการเหล่านี้ ต้องรีบไปหาหมอทันที เพราะถึงแม้ว่าจะปวดหัวเพียงครั้งเดียว แต่ก็อาจเป็นสัญญาณการเตือนว่าระบบประสาทของคุณกำลังถูกทำลาย การไปหาหมออย่างรวดเร็วจะช่วยให้คุณได้รับการวินิจฉัยอาการและเริ่มการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงทีนะคะ
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับอาการปวดหัวที่ตนเองหรือคนรู้จักกำลังประสบอยู่นะคะ หากใครสนใจเรื่องราวน่ารู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพ ก็กดติดตามเพจเราได้เลย! 🥰
#อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ #ปวดหัว #ไมเกรน #ไซนัสอักเสบ

23/01/2024

อาการส่อ! วิตามิน D ในร่างกายต่ำ❗️

⚠️ป่วยบ่อย เหนื่อยง่าย
⚠️ปวดกระดูก
⚠️ข้ออักเสบ
⚠️ผมร่วง

อ่อนเพลีย ปวดหลัง แผลหายช้า ปวดกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว นอนไม่หลับ มีภาวะซึมเศร้า อาจเป็นสัญญาณเตือนได้ ว่า คุณกำลังขาดวิตามิน D หรือมีวิตามิน D ต่ำ ปกติวิตามิน D จะได้รับจากแสงแดด แต่ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่สัมผัสแสงแดดน้อยลง อาจเพราะเจอแดดที่ร้อนจนแสบผิว บางคนกลัวผิวดำ บางคนใช้ครีมกันแดดที่ SPF สูงๆ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ได้รับวิตามิน D ไม่เพียงพอ หากไม่อยากโดนแดดสามารถรับประทานอาหารที่มีวิตามิน D เช่น ไข่แดง นม เนย ตับ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาดีน แต่ก็มีวิตามิน D ปริมาณน้อยและอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จึงอาจพิจารณาเสริมวิตามิน D ในรูปแบบอาหารเสริมเพื่อให้เพียงพอต่อระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย ทั้งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันกระดูกบางกระดูกพรุน ต้านซึมเศร้าได้
#อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ #วิตามินดี #ป่วยบ่อย #ซึมเศร้า #ปวดกระดูก

ที่อยู่

Bangkok

เวลาทำการ

จันทร์ 10:00 - 17:00
อังคาร 10:00 - 17:30
พุธ 10:00 - 17:30
พฤหัสบดี 09:00 - 17:30
ศุกร์ 10:00 - 17:30
เสาร์ 10:00 - 17:00

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ยาสมุนไพร ศ.ดร. โสภณ เริงสำราญผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ยาสมุนไพร ศ.ดร. โสภณ เริงสำราญ:

แชร์