Seven Zeed อาหารเสริมสำหรับผู้ชาย

Seven Zeed อาหารเสริมสำหรับผู้ชาย ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Seven Zeed อาหารเสริมสำหรับผู้ชาย, Bangkok.

ประโยชน์ของ “น้ำเปล่า” สุขภาพดีสร้างได้ด้วยการดื่มน้ำ“น้ำ” ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากต่อการดำรงชีวิต เพราะร่างกายมนุษย์ปร...
21/02/2018

ประโยชน์ของ “น้ำเปล่า” สุขภาพดีสร้างได้ด้วยการดื่มน้ำ

“น้ำ” ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากต่อการดำรงชีวิต เพราะร่างกายมนุษย์ประกอบไปด้วยน้ำถึง 70% คนเราอาจจะมีชีวิตอยู่ได้หลายวันถึงแม้จะขาดอาหารแต่หากขาดน้ำเราจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น หลายๆ คนคงเคยได้ยินมาว่าให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้วหรือวันละ 2 ลิตรหรือดื่มน้ำมากๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากร่างกายไม่ว่าจะเป็น ปัสสาวะ เหงื่อ หรือแม้แต่ลมหายใจ ได้ยินอย่างนี้แล้ว...มาดูกันดีกว่าว่า ประโยชน์ของน้ำเปล่า มีอะไรบ้าง และควรดื่มอย่างไร มากแค่ไหนเพื่อให้มีสุขภาพดี
ในหนึ่งวันคนเราควรได้รับ "น้ำเปล่า" ในปริมาณที่เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการต่อวัน เพราะน้ำจะทำให้เซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ โดยปริมาณน้ำที่ดื่มไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับเพศ อายุ น้ำหนักตัว และรูปร่างทางด้านร่างกาย รวมถึงกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันนั้นซึ่งมีผลทำให้เกิดอัตราการสูญเสียน้ำไม่เท่ากัน จึงทำให้ต้องการดื่มน้ำไม่เท่ากันนั่นเอง และเพราะร่างกายประกอบไปด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ น้ำจึงถือว่าเป็นกุญแจดอกสำคัญดอกหนึ่งสำหรับการมีสุขภาพที่ดีเลยทีเดียว

12 สรรพคุณดีๆ ของน้ำเปล่า
1. ประโยชน์ของน้ำเปล่าช่วยให้ผิวสวย เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ทำให้ผิวชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้านจึงมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นต่างๆ ชะลอความชรา

2. น้ำเปล่าช่วยปรับสมดุลในร่างกาย น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกาย ถ้าร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการต่อวัน จะช่วยให้เซลล์และอวัยวะต่างๆในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ

3. น้ำเปล่าช่วยบำรุงดวงตา ทำให้ดวงตาไม่แห้งและสดใสอยู่เสมอ

4. ประโยชน์ของน้ำเปล่าทำให้ร่างกายผ่อนคลาย สดชื่น ลดความเครียด ทำให้มีสมาธิและสมองสามารถทำงานได้ดีขึ้น

5. น้ำเปล่าช่วยทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น

6. ประโยชน์ของน้ำเปล่าทำให้ข้อต่อต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เคลื่อนไหวได้สะดวก ลดอาการปวดหลัง ปวดบั้นเอวหรือปวดตามข้อในบริเวณอื่นๆ ป้องกันการเจ็บปวดหรือเคล็ดขัดยอกรวมทั้งป้องกันการเป็นตะคริว

7. น้ำเปล่าช่วยรักษาโรคบางโรคได้ เช่น ปวดหัว ไข้หวัด เป็นต้น การดื่มน้ำจะบรรเทาอาการเจ็บป่วยลงและทำให้หายไวขึ้น

8. ประโยชน์ของน้ำเปล่าช่วยระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ช่วยย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูก ทำให้อุจจาระนิ่ม ขับถ่ายได้สะดวก

9. ประโยชน์ของน้ำเปล่าทำให้ไตแข็งแรงและป้องกันการเป็นโรคนิ่วในไต

10. น้ำเปล่ามีประโยชน์ในการควบคุมน้ำหนัก หากดื่มน้ำมากเพียงพอจะช่วยลดไขมันในร่างกาย ช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น

11. น้ำเปล่ามีสรรพคุณช่วยสร้างภูมิคุ้มที่ผิวหนัง ป้องเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง

12. ประโยชน์ของน้ำเปล่าช่วยขับสารพิษในร่างกาย ของเหลวส่วนเกินต่างๆ ที่ร่างกายขับออกมาเช่น เหงื่อหรือปัสสาวะ มีส่วนประกอบหลักๆ ซึ่งก็คือน้ำ การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายขับถ่ายของพิษ สารพิษตกค้างได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยป้องกันการติดเชื้อบางชนิดอย่างการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้อีกด้วย

ประโยชน์ของการดื่มน้ำ
5 ประโยชน์ของน้ำ...ที่หลายๆ คนอาจมองข้าม
1.ประโยชน์ของน้ำใช้ในชีวิตประจำวันเช่น การซักล้าง การประกอบอาหาร

2. ประโยชน์ของน้ำใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตอาหาร การผลิตไฟฟ้า การถลุงเหล็ก

3. ประโยชน์ของน้ำใช้เป็นเส้นทางการคมนาคมขนส่ง

4. ประโยชน์ของน้ำเป็นแหล่งอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลกจากการทำประมง

5. ประโยชน์ของน้ำใช้ในการทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์

โทษของการดื่มน้ำมากเกินไป
1. การดื่มน้ำปริมาณมากในช่วงระยะเวลาสั้นๆ อาจะทำเกิดภาวะน้ำเป็นพิษได้ ซึ่งจะทำให้ร่างกายเสียสมดุล อาจจะก่อให้เกิดอันตรายขนถึงแก่ชีวิตได้

2.การดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหาร หรือดื่มทันทีหลังรับประทานอาหาร อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

วิธีดื่มน้ำที่ถูกต้องเพื่อสุขภาพที่ดี
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้จำกัดตายตัวเนื่องจากแต่ละคนมีน้ำหนักที่ไม่เท่ากันแต่ในแต่ละวันควรดื่มให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้วขึ้นไป

2. ไม่ควรดื่มน้ำคราวละมากๆ ในครั้งเดียว เพราะอาจจะก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าประโยชน์ วิธีการดื่มน้ำที่ถูกต้องคือ ดื่มทีละแก้วหรือจิบเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน

3. ดื่มน้ำในอุณหภูมิห้อง อุณหภูมิของน้ำไม่มีความจำเป็นมากนักแต่จะให้ดีที่สุดควรดื่มน้ำในอุณหภูมิห้อง แต่ในช่วงเช้าหากดื่มน้ำอุ่นๆ ก่อนจะไปทำกิจวัตรอื่นๆ หรือก่อนนอน จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น

4. ไม่ดื่มน้ำระหว่างรับประทาน หรือดื่มน้ำตามทันทีหลังรับประทานอาหาร เพราะจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่เนื่องจากจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง

5. ดื่มน้ำ1 แก้วก่อนและหลังรับประทาน 30-45 นาที ทุกมื้ออาหาร (ไม่ดื่มตามทันที) แล้วในช่วงท้องว่างระหว่างเช้า กลางวัน เย็นก็ดื่มอีกครั้งละ 1 แก้ว

6. งดดื่มน้ำเย็นจัดในช่วงมีประจำเดือน เพราะน้ำเย็นจัดอาจมีผลทำให้คุณผู้หญิงบางท่านมีอาการปวดประจำเดือนที่รุนแรงมากขึ้นได้

ประโยชน์ของการดื่มน้ำเปล่า มีมากจริงๆ เรียกว่ามีมากกว่าอาหารเสียอีก ดังนั้นทุกๆ คนควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง การดื่มน้ำไม่มีปริมาณตายตัวเนื่องจากร่างกายแต่ละคนแตกต่างกัน การที่ร่างกายขาดน้ำอาจจะพอสังเกตได้จากการที่ผิวแห้ง ริมฝีปากแห้งหรือปัสสาวะมีสีเหลือง หากมีอาการดังกล่าว ควรดื่มน้ำเพิ่มขึ้น ผลพลอยได้นอกจากสุขภาพดีแล้วการดื่มน้ำยังทำให้ผิวดี ชุ่มชื่นสดใสและช่วยบำรุงดวงตาอีกด้วย สำหรับใครที่ดื่มน้ำน้อยหรือไม่ชอบดื่มน้ำเพราะขี้เกียจเข้าห้องน้ำ หากอ่านบทความนี้จบแล้ว คุณอาจจะอยากไปหาน้ำมาดื่มสักแก้วเลยก็เป็นได้

“เมนทอล” สรรพคุณและประโยชน์หอมเย็นชื่นใจ ช่วยคลายความเครียดสำหรับใครที่ชอบพกยาดม ยาหอมต่างๆ "เมนทอล" (menthol) เป็นอีกคำ...
21/02/2018

“เมนทอล” สรรพคุณและประโยชน์หอมเย็นชื่นใจ ช่วยคลายความเครียด

สำหรับใครที่ชอบพกยาดม ยาหอมต่างๆ "เมนทอล" (menthol) เป็นอีกคำที่หลายๆ คนคุ้นเคยเนื่องจากเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งนั่นเอง แต่จริงๆ แล้วเมนทอลมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประวันของคนเรามากกว่าที่คิดเพราะสรรพคุณในด้านกลิ่นรสที่หอมเย็นของเมนทอลมีประโยชน์มากๆ ในด้านการแต่งกลิ่นรสอาหาร ยาและผลิตภัณฑ์ต่างๆ นอกจากแต่งกลิ่นให้หอมเย็นชื่นใจแล้ว เมนทอลยังมีสรรพคุณทางยาดีๆ อีกหลายอย่าง อยากรู้ว่าเมนทอลมีดีอย่างไร มาทำความรู้จักกับเมนทอลให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ

เมนทอลคืออะไร?
"เมนทอล" หรือ เกล็ดสะระแหน่ คือสารชนิดหนึ่งที่พบในน้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากพืชบางชนิดเช่น สะระแหน่ไทย มินท์ หรือสะระแหน่ฝรั่ง เป็นต้น เมนทอลมีลักษณะเป็นผลึกสีขาว กลิ่นและรสชาติหอมเย็น ในใบมินท์พบสารเมนทอลอยู่มากถึง 80-89% เลยทีเดียว เนื่องจากเมนทอลมีกลิ่นหอมและมีสรรพคุณทางยาหลายอย่างจึงมักถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการปรุงแต่งกลิ่นอาหาร ขนมหวาน ขนมขบเคี้ยวต่างๆ รวมไปถึงอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและวงการผลิตยาด้วย

สรรพคุณและประโยชน์ของเมนทอล
1. เมนทอลมีฤทธิ์เย็น ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย อาการเมารถเมาเรือต่างๆ คลื่นไส้อาเจียน ช่วยให้ร่างกายสดชื่นตื่นตัวมากมากขึ้น

2. เมนทอลช่วยบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก แก้ไข้ แก้ไอ ลดการอักเสบในลำคอ บรรเทาอาการปวดศีรษะ แก้กระหายน้ำ

3. เมนทอลมีฤทธิ์เป็นยาชาอย่างอ่อน ลดอาการปวดบวม ลดการบวมของเส้นเลือดที่จมูก บรรเทาอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นตามร่างกาย

4. เมนทอลช่วยขับลม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นกระเพาะอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีมากขึ้น

5. เมนทอลมีสรรพคุณช่วยคลายเครียด การดมกลิ่นเมนทอลในขณะนอนหลับ ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ผ่อนคลายความเครียดและช่วยให้ความจำดีขึ้น

6. เมนทอลช่วยลดการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดประจำเดือน ช่วยขับประจำเดือนและขับปัสสาวะ

7. รสหอมเย็นซ่าของเมนทอลช่วยลดกลิ่นปากได้เป็นอย่างดี

8. เมนทอลช่วยให้สดชื่น ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า ลดความโกรธ ทำให้ใจเย็นขึ้น

ประโยชน์ของเมนทอล
1. ประโยชน์ของเมนทอลใช้แต่งกลิ่นรสยา เช่น ยาเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร

2. เมนทอลใช้ประกอบอาหาร โดยใช้ใบมินท์ใส่ลงไปได้เลย ไม่จำเป้นต้องใช้เมนทอลสกัดเนื่องจากในใบมินท์มีเมนทอลอยู่ปริมาณมาก ช่วยแต่งกลิ่นรสอาหาร ดับกลิ่นคาวจากเนื้อสัตว์ ทำให้อาหารหอมอร่อยน่ารับประทานมากขึ้น

3. ประโยชน์ของเมนทอลใช้เป็นส่วนผสมสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลฟัน เช่น ยาสีฟัน ลูกอม หมากฝรั่ง เมนทอลช่วยดับกลิ่นปากได้เป็นอย่างดี ทำให้ลมหายใจหอมสดชื่น

4. ประโยชน์ของเมนทอลใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องหอมต่างๆ เช่น ยาดม ยาหม่อง พิมเสนน้ำ การบูรหอมสำหรับแขวนตามตู้เสื้อผ้า เป็นต้น

ข้อควรระวังในการใช้เมนทอล
1. เมนทอลเป็นสารที่ส่งผลต่อระบบประสาท ดังนั้นไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ เพราะอาจจะทำให้เกิดการเสพติดได้

2. สำหรับเด็กเล็กๆ เมนทอลมีรสเย็นจัด การรับประทานลูกอมหรือขนมที่มีส่วนผสมของเมนทอล อาจจะทำให้ทางเดินอาหารและเยื่อบุทางเดินอาหารเกิดการระคายเคืองได้

3. การสูดดมยาดม ยาหม่องที่มีส่วนผสมของเมนทอลที่มีความเข้มข้นสูงเป็นระยะเวลานานๆ มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ อาจทำให้ปอดอักเสบได้

4. หากเมนทอลสัมผัสถูกผิวหนัง โดยปกติแล้วหากสัมผัสในปริมาณเล็กน้อย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ แต่ถ้าสัมผัสในปริมาณ อาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวหนังแดง ผิวหนังไหม้ แสบและคันได้ หากผิวมีรอยแตกอาจซึมเข้าผิวหนังได้

ข้อควรระวังในการใช้เมนทอล
จากสรรพคุณและประโยชน์ของ เมนทอล ล้วนเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันเราไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ขนม ลูกอม ของใช้ในชีวิตประจำวันอีกหลายๆ อย่างมักมีเมนทอลผสมอยู่ หลายคนอาจจะชอบกลิ่นรสเมนทอลเพราะความเย็นสดชื่นและกลิ่นหอมๆ ของมัน โดยทั่วไปเมนทอลมีโทษน้อยมากๆ แต่สำหรับใครที่ชอบดมยาดมหรือเสพติดการดมยาดม ควรระมัดระวังเล็กน้อยเพราะหากดมมากเกินไปเป็นเวลานาน อาจจะทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจระคายเคืองหรือหนักกว่านั้นคืออาจจะปอดอักเสบได้

คุณจะกินน้ำแก้วไหน
13/02/2018

คุณจะกินน้ำแก้วไหน

คุณเกิดเดือนไหน
09/02/2018

คุณเกิดเดือนไหน

 #สูตรน้ำใบย่านาง...หากดื่มน้ำใบย่านางเป็นประจำ ก้อนมะเร็งจะฝ่อและเล็กลง ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันการเกิดโ...
07/10/2017

#สูตรน้ำใบย่านาง...หากดื่มน้ำใบย่านางเป็นประจำ ก้อนมะเร็งจะฝ่อและเล็กลง ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ

ความรู้ทั่วไปสุขภาพอาหารการกินเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพน้ำใบย่านาง โดย fakyaw - ตุลาคม 6, 2017 0 1 แบ่งปันบนเฟสบุ๊ค ทวีตบนทวิตเตอร์ ใบย่านาง ในตำราสมุนไพรจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก จึงช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วและความแก่ชราอย่างได้ผล         ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคในร่างกา...

04/10/2017
กินหอมแดงช่วยป้องกันมะเร็ง
06/09/2017

กินหอมแดงช่วยป้องกันมะเร็ง

หัวหอมแดง นอกจากจะเป็นผักที่เพิ่มรสชาติของอาหารให้น่ารับประทานมากขึ้นแล้ว ก็ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากด้วย ซึ่งผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Guelph ในแคนาดา พบว่า การกินหัวหอมแดงมากๆ สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากในแต่ละปีได้ด้วย

โดยศาสตราจารย์สุเรช นีธิราชัน หัวหน้าทีมวิจัยดังกล่าว ทดลองสกัดฟลาโวนอยด์ สารพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ จากหัวหอมพันธุ์ต่างๆ 5 ชนิด ที่ปลูกในเมืองออนตาริโอ แคนาดา ซึ่งในหอมแดงจะมีสารฟลาโวนอยด์ที่เรียกว่า “เคอร์ซิติน” อยู่จำนวนมาก

จากนั้นได้ทำการทดลองในห้องแล็บ ด้วยการนำเซลล์มะเร็งลำไส้มาสัมผัสกับเคอร์ซิตินที่สกัดออกมาจากหัวหอมโดยตรง และพบว่าหอมแดงมีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมในการฆ่าเซลล์มะเร็ง และยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ได้ หลังจากก่อนหน้านี้เคยทดสอบได้ผลกับเซลล์มะเร็งเต้านมมาแล้ว
นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่าหอมแดงยังอุดมไปด้วยสารแอนโธไซยานิน ที่มีคุณสมบัติต้านอนมูลอิสระและทำให้ผักผลไม้มีสีต่างๆ ด้วย ซึ่งส่วนที่เป็นสีแดงเข้มที่สุดของหัวหอม คือส่วนที่มีฤทธิ์ในการสู้กับเซลล์มะเร็งมากที่สุด

Cr. ชมรมรักษ์สุขภาพ

8/8/60
08/08/2017

8/8/60

รู้จักอัลไซเมอร์ โรคสมองเสื่อม โดย นพ.กิตติ์ เชื้อเพชระโสภณทุกท่านคงเคยได้ยิน ได้ฟัง เกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ เช่น มีประกา...
10/06/2017

รู้จักอัลไซเมอร์ โรคสมองเสื่อม

โดย นพ.กิตติ์ เชื้อเพชระโสภณ

ทุกท่านคงเคยได้ยิน ได้ฟัง เกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ เช่น มีประกาศหรือโฆษณาทางโทรทัศน์ ตามหาคุณปู่ คุณตา หรืออาม่า หายไปจากบ้าน เรารู้จักโรคนี้กันมากและน้อยแค่ไหน สงสัยว่าตนเองหรือญาติป่วยเป็นโรคนี้หรือไม่ และจะทำอย่างไรต่อไป มาทำความรู้จักกับโรคนี้กันนะครับ

อัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่ง ซึ่งพบได้บ่อยที่สุด โดยจะมีการเสื่อมของเซลล์สมองทุกๆส่วน ผู้ป่วยจะมีความผิดปกติของการทำงานของสมองหลายๆ ส่วน เช่น ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ตัวเอง ไม่สามารถแยกแยะถูกผิด มีปัญหาในเรื่องการใช้ภาษา การสื่อสาร สูญเสียความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน ความจำเสื่อม ในระยะท้ายของโรคจะสูญเสียความจำทั้งหมด และเสียชีวิตในที่สุด จากสถิติโลกพบได้ในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ในร้อยละ 10 และเริ่มพบผู้ป่วยขยายมายังกลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า 60 ปีด้วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ป่วยด้วยโรคที่นำไปสู่ความผิดปกติของหลอดเลือด ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และไขมันสูง

โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) สามารถแบ่งระยะของโรคได้ 3 ระยะ ได้แก่
ระยะเริ่มแรก ผู้ป่วยจะรับรู้ว่าขี้ลืม ลืมปิดเตารีด ลืมปิดประตู ลืมชื่อคน ลืมรับประทานยา ต้องให้คนช่วยเขียนรายการที่จะต้องทำ

ระยะที่สอง ผู้ป่วยจะสูญเสียความจำโดยเฉพาะความจำที่เพิ่งเกิดใหม่ๆ โดยอาจจะจำเรื่องราวในอดีต และเริ่มใช้คำพูดไม่ถูกต้อง อารมณ์จะผันผวน มีปัญหาเรื่องวันเวลาสถานที่ และอาจหลงทางกลับบ้านไม่ถูก ลืมชื่อญาติสนิท หวาดระแวง สับสน โดยเฉพาะกลางคืนอาจไม่นอนทั้งคืน จะออกนอกบ้าน และมีพฤติกรรมก้าวร้าว บางคนก็กลับเปลี่ยนไปเป็นไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว

ระยะที่สาม ผู้ป่วยจะสับสน ไม่รู้วันรู้เดือน บางรายมีอาการหลงผิด หรือเกิดภาพหลอน บางรายอาจจะก้าวร้าวรุนแรง ปัสสาวะราด ไม่สนใจตนเอง กลั้นปัสสาวะ อุจจาระไม่ได้ ต้องมีคนดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้ป่วยจะเสียชีวิตในเวลา 2-10 ปี โดยเฉลี่ย 10 ปี ด้วยโรคแทรก เช่น ติดเชื้อจากปอดบวม หรือแผลกดทับ

การรักษาโรคอัลไซเมอร์
การรักษาแผนปัจจุบันจะมุ่งเน้นที่รักษาตามอาการ ปัจจุบันยาที่ใช้ส่วนใหญ่ช่วยเพิ่มปริมาณของสารอะเซติลโคลีนในสมอง ยานี้ช่วยให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ มีอาการดีขึ้นได้เล็กน้อย แต่ไม่สามารถชะลอการทรุดลงของโรคได้และไม่ทำให้โรคหายขาด

การแพทย์บูรณาการกับโรคอัลไซเมอร์
กำจัดสารพิษและโลหะหนัก ออกจากร่างกายอย่างปลอดภัย โดย การทำคีเลชั่นบำบัด (Chelation) เป็นการฟื้นฟูหลอดเลือดและลดอัตราเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดอุดตัน

การรักษาโดยใช้สารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งหมดเป็นสารธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพในการลดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย

การรักษาเพื่อลดการอักเสบภายในร่างกาย โดยใช้ Oxidation Therapy

การรักษาด้วยสารอาหาร ที่มีงานวิจัยสนับสนุนว่ามีส่วนช่วยฟื้นฟูเซลล์สมอง ได้แก่ กรดอะมิโนจำเป็น วิตามิน กรดไขมันจำเป็น แร่ธาตุ และสารสกัดจากพืชที่มีประโยชน์

การใช้ฮอร์โมนในผู้ป่วยที่มีการขาดหรือพร่องฮอร์โมน

การรักษาด้วยเปปไทด์ (Organ-specific peptide Therapy) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการซ่อมและสร้างเซลล์สมองในส่วนที่เสียหาย

การรักษาด้วยเซลล์ (Cell Therapy)
การรักษาแบบบูรณาการ หมายถึง การรักษาที่มุ่งพยายามรักษาโรคที่ต้นเหตุ โดยพยายามกำจัด หรือลดสาเหตุที่เป็นไปได้ในการเกิดโรคให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ควบคู่ไปกับการควบคุมอาการ เพื่อให้คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และฟื้นฟูการทำงานของร่างกายไปพร้อมกัน โดยมองว่าร่างกายของมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถในการฟื้นฟูตนเอง เพราะทุกองค์ประกอบของร่างกายต้องทำงานร่วมกัน ประสานกัน แบ่งแยกกันไม่ได้ จำเป็นต้องแก้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน โดยยึดหลักความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก และไม่ทำร้ายคนไข้ ดังนั้นการรักษาส่วนใหญ่จะเป็นการใช้สารธรรมชาติ หลีกเลี่ยงสารสังเคราะห์หรือสารเคมี เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่จะเกิดกับผู้ป่วยในระยะยาว เป็นการรวมการรักษาทั้งการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์ยุโรป การแพทย์จีน และอื่นๆ ร่วมกัน เพื่อพยายามในการรักษาผู้ป่วยเป็นรายบุคคลให้จำเพาะเจาะจงกับโรคที่เกิดและเหมาะสมกับผู้ป่วยตามความจำเป็น
..........................................................................................................
รู้จักอัลไซเมอร์ โรคสมองเสื่อม |

โรคเซ็กส์เสื่อมในผู้ชาย" อันตรายถ้าไม่รีบดูแลตัวเอง     นาน ๆ จะได้เขียนเรื่องผู้ชายกันบ้าง เพื่อให้สาว ๆ เข้าใจหนุ่ม ๆ ...
31/05/2017

โรคเซ็กส์เสื่อมในผู้ชาย" อันตรายถ้าไม่รีบดูแลตัวเอง

นาน ๆ จะได้เขียนเรื่องผู้ชายกันบ้าง เพื่อให้สาว ๆ เข้าใจหนุ่ม ๆ และหนุ่ม ๆ เข้าใจตัวเองบ้างไง เพราะจริง ๆ โรคน่ากลุ้มใจของผู้ชายก็มีเยอะ ผู้หญิงเราเองมีวัยหมดประจำเดือน หรือปัญหาเรื่องฮอร์โมน ผู้ชายเองก็มีปัญหาเยอะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ฮอร์โมนเพศชายต่ำ, ต่อมลูกหมากโต, ผมร่วง และลงพุง!!

แต่ที่หนักหนาสาหัสจนคุณพี่ทั้งหลายต้องไปพึ่งพาน้องโมนาลิซ่า น้องนาตาลี ไปจนถึงเทพเจ้าโพไซดอน ที่สถิตอยู่บนถนนรัชดาภิเษกนั้น คือเรื่องของ น้องชายไม่ทำงาน หรือ อาการ ED (Erectile Dysfunction) นั่นเอง.....

สาว ๆ ต้องเห็นใจค่ะ ส่วนหนุ่ม ๆ ก็ต้องพยายามทำความเข้าใจตัวเองด้วย เชื่อไหมคะว่าในประเทศไทยเรา จากสถิติผู้ชายวัย 40-70 ปี มีหนุ่ม ๆ ที่มีปัญหานี้ถึง 37% แต่ไปพบหมอเพียงประมาณ 1% เท่านั้นเอง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ต้องพบแพทย์เพราะจริง ๆ แล้วมันอาจแก้ไขได้ง่ายมากแต่ไม่ไปเจอหมอก็เลยไม่ยอมแก้ น้องชายก็หงอย ๆ ต่อไปสิคะ

โรคเซ็กส์เสื่อมในผู้ชาย
cr photo : epainassist.com
ปัญหาของอาการ ED เกิดได้จาก
การกินยาบางประเภท
อาการจากจิตใจ เช่นโรคซึมเศร้า หรือเครียดเรื้อรัง
ออกกำลังกายน้อย ดื่มจัด สูบบุหรี่เยอะ
โรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น เบาหวาน โรคหลอดเลือด ความดัน ต่อมลูกหมาก
เคยได้รับการผ่าตัดอุ้งเชิงกราน ท่อปัสสาวะ และไขสันหลัง
ปัญหาสุดท้าย คือ ตามวัยค่ะ
นอกจากการพบแพทย์แล้ว เรามักจะได้ยินว่าบุรุษนั้นพากันเฟ้นหายาสมุนไพรเพื่อความแข็งแกร่งของน้องชายกันมายาวนานมาก รวมถึงของแพงอย่าง ถั่งเช่า แต่นั่นก็แพงเกินไป และถ้าไม่อยากเฟ้นหาสมุนไพร ก็ควรพบแพทย์และปฏิบัติตัวให้ได้ตามนี้ค่ะ

ดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้ "โรคเซ็กส์เสื่อม" คุกคาม
สูบบุหรี่จัดก็ต้องเบา ๆ ลงบ้าง แล้วสุขภาพจะดีขึ้น
ขยันปลุกน้องชายให้แข็งแรง ด้วยการกระตุ้น เช่น ช่วยตัวเองบ้างเป็นบางครั้ง
อย่าดื่มหนักจนเกินไป การดื่มนิดหน่อยไม่ได้มีผลอะไรแต่คนติดเหล้าหนักๆแบบต้องตั้งวงแต่วันทุกวันนี่ต้องเลิกถ้าไม่อยากมีปัญหา ED
ดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดของมัน ลดเกลือและรับประทานอาหารที่มีกากด้วย
ออกกำลังกายเป็นประจำ แน่นอนว่าการออกกำลังกายทำให้คุณพี่อึดนะคะ แข็งแรงสุขภาพดี สู้ได้ทุกกระบวนท่าโดยไม่ต้องพึ่งไวอะก้า และโดยสถิติพบว่าคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำมีปัญหานี้น้อยกว่าคนไม่ออกกำลังกาย
ทานสมุนไพร ปัจจุบันคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คิดค้นสูตรช่วยขึ้นมาได้ ว่ากันว่าเห็นผลด้วย ต้องไปลองกันดู มีส่วนผสมของกระชายดำ ปอกกระสา ผลว่านขันหมาก เมล็ดกุ้ยช่าย ดอกคำฝอย และน้ำผึ้ง โดยทั้งหมดนี้จะไปช่วยขยายหลอดเลือดทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว แม้จะกระตุ้นได้นานไม่เท่าพวกไวอะกร้า ที่ออกฤทธิ์นานกันข้ามวันข้ามคืน 72 ชม. และเป็นอันตรายนะคะ แต่ประมาณ 3-4 ชม.ก็น่าจะเพียงพอ เค้าทดสอบมาแล้วกับหนุ่มๆอายุ 30-60 ปี จำนวน 120 คน Note นะ ช่วยได้สำหรับคนที่เป็นในระยะแรกถึงระยะกลาง เป็นหนักพบแพทย์ค่ะ มีวิธีช่วยหลายทาง

นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความเข้าใจของคนข้างกาย อันนี้แถมให้เลย มันสำคัญมากที่สาว ๆ จะต้องเข้าใจผู้ชายของคุณด้วย บางทีคุณพี่เขาเครียด อย่าไปงอแง ดูแลสุขภาพจิต สุขภาพกายให้ดีก่อน แล้วการบ้านค่อยว่ากันนะคะ

เรียบเรียงข้อมูลโดย : เว็บรีวิวเครื่องสำอาง cosmenet.in.th
นาน ๆ จะได้เขียนเรื่องผู้ชายกันบ้าง เพื่อให้สาว ๆ เข้าใจหนุ่ม ๆ และหนุ่ม ๆ เข้าใจตัวเองบ้างไง เพราะจริง ๆ โรคน่ากลุ้มใจของผู้ชายก็มีเยอะ ผู้หญิงเราเองมีวัยหมดประจำเดือน หรือปัญหาเรื่องฮอร์โมน ผู้ชายเองก็มีปัญหาเยอะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ฮอร์โมนเพศชายต่ำ, ต่อมลูกหมากโต, ผมร่วง และลงพุง!!

แต่ที่หนักหนาสาหัสจนคุณพี่ทั้งหลายต้องไปพึ่งพาน้องโมนาลิซ่า น้องนาตาลี ไปจนถึงเทพเจ้าโพไซดอน ที่สถิตอยู่บนถนนรัชดาภิเษกนั้น คือเรื่องของ น้องชายไม่ทำงาน หรือ อาการ ED (Erectile Dysfunction) นั่นเอง.....

สาว ๆ ต้องเห็นใจค่ะ ส่วนหนุ่ม ๆ ก็ต้องพยายามทำความเข้าใจตัวเองด้วย เชื่อไหมคะว่าในประเทศไทยเรา จากสถิติผู้ชายวัย 40-70 ปี มีหนุ่ม ๆ ที่มีปัญหานี้ถึง 37% แต่ไปพบหมอเพียงประมาณ 1% เท่านั้นเอง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ต้องพบแพทย์เพราะจริง ๆ แล้วมันอาจแก้ไขได้ง่ายมากแต่ไม่ไปเจอหมอก็เลยไม่ยอมแก้ น้องชายก็หงอย ๆ ต่อไปสิคะ

โรคเซ็กส์เสื่อมในผู้ชาย
cr photo : epainassist.com
ปัญหาของอาการ ED เกิดได้จาก
การกินยาบางประเภท
อาการจากจิตใจ เช่นโรคซึมเศร้า หรือเครียดเรื้อรัง
ออกกำลังกายน้อย ดื่มจัด สูบบุหรี่เยอะ
โรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น เบาหวาน โรคหลอดเลือด ความดัน ต่อมลูกหมาก
เคยได้รับการผ่าตัดอุ้งเชิงกราน ท่อปัสสาวะ และไขสันหลัง
ปัญหาสุดท้าย คือ ตามวัยค่ะ
นอกจากการพบแพทย์แล้ว เรามักจะได้ยินว่าบุรุษนั้นพากันเฟ้นหายาสมุนไพรเพื่อความแข็งแกร่งของน้องชายกันมายาวนานมาก รวมถึงของแพงอย่าง ถั่งเช่า แต่นั่นก็แพงเกินไป และถ้าไม่อยากเฟ้นหาสมุนไพร ก็ควรพบแพทย์และปฏิบัติตัวให้ได้ตามนี้ค่ะ

ดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้ "โรคเซ็กส์เสื่อม" คุกคาม
สูบบุหรี่จัดก็ต้องเบา ๆ ลงบ้าง แล้วสุขภาพจะดีขึ้น
ขยันปลุกน้องชายให้แข็งแรง ด้วยการกระตุ้น เช่น ช่วยตัวเองบ้างเป็นบางครั้ง
อย่าดื่มหนักจนเกินไป การดื่มนิดหน่อยไม่ได้มีผลอะไรแต่คนติดเหล้าหนักๆแบบต้องตั้งวงแต่วันทุกวันนี่ต้องเลิกถ้าไม่อยากมีปัญหา ED
ดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดของมัน ลดเกลือและรับประทานอาหารที่มีกากด้วย
ออกกำลังกายเป็นประจำ แน่นอนว่าการออกกำลังกายทำให้คุณพี่อึดนะคะ แข็งแรงสุขภาพดี สู้ได้ทุกกระบวนท่าโดยไม่ต้องพึ่งไวอะก้า และโดยสถิติพบว่าคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำมีปัญหานี้น้อยกว่าคนไม่ออกกำลังกาย
ทานสมุนไพร ปัจจุบันคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คิดค้นสูตรช่วยขึ้นมาได้ ว่ากันว่าเห็นผลด้วย ต้องไปลองกันดู มีส่วนผสมของกระชายดำ ปอกกระสา ผลว่านขันหมาก เมล็ดกุ้ยช่าย ดอกคำฝอย และน้ำผึ้ง โดยทั้งหมดนี้จะไปช่วยขยายหลอดเลือดทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว แม้จะกระตุ้นได้นานไม่เท่าพวกไวอะกร้า ที่ออกฤทธิ์นานกันข้ามวันข้ามคืน 72 ชม. และเป็นอันตรายนะคะ แต่ประมาณ 3-4 ชม.ก็น่าจะเพียงพอ เค้าทดสอบมาแล้วกับหนุ่มๆอายุ 30-60 ปี จำนวน 120 คน Note นะ ช่วยได้สำหรับคนที่เป็นในระยะแรกถึงระยะกลาง เป็นหนักพบแพทย์ค่ะ มีวิธีช่วยหลายทาง

นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความเข้าใจของคนข้างกาย อันนี้แถมให้เลย มันสำคัญมากที่สาว ๆ จะต้องเข้าใจผู้ชายของคุณด้วย บางทีคุณพี่เขาเครียด อย่าไปงอแง ดูแลสุขภาพจิต สุขภาพกายให้ดีก่อน แล้วการบ้านค่อยว่ากันนะคะ

เรียบเรียงข้อมูลโดย : เว็บรีวิวเครื่องสำอาง cosmenet.in.th

13 สมุนไพรต้านมะเร็ง นี่ล่ะความเจ๋งของสมุนไพรไทยสมุนไพรต้านมะเร็ง รักษาโรคมะเร็งด้วยสมุนไพรไทย บรรเทาอาการโรคร้ายด้วยวิถ...
30/05/2017

13 สมุนไพรต้านมะเร็ง นี่ล่ะความเจ๋งของสมุนไพรไทย

สมุนไพรต้านมะเร็ง รักษาโรคมะเร็งด้วยสมุนไพรไทย บรรเทาอาการโรคร้ายด้วยวิถีออแกนิกส์

โรคมะเร็งเป็นแล้วโอกาสลุกลามของโรคค่อนข้างเร็วและสูง แถมยังเป็นโรคเรื้อรังที่สร้างความทรมานให้ผู้ป่วยค่อนข้างมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใคร ๆ ก็ต่างกลัวโรคมะเร็งกันถ้วนหน้า ซึ่งขั้นแรกของการป้องกันโรคมะเร็งก็ต้องดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากความเสี่ยงโรคนี้ก่อน และวันนี้ทางนิตยสาร happy+ ก็ได้แนะนำวิธีต้านมะเร็งทางชีวจิต ด้วยเหล่าสมุนไพรต้านมะเร็งถึง 13 ชนิดมาฝากทุกคนเลยทีเดียว

สาเหตุของการเกิดมะเร็งนั้น ในตำราอายุรเวทได้กล่าวถึงการบาดเจ็บของผิวชั้นที่หกที่เรียกว่า โรหิณี (Epithelium) ของกล้ามเนื้อและหลอดเลือด ซึ่งเกิดจากการใช้ชีวิตที่ผิดพลาด การกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ สุขอนามัยที่ไม่ดี และพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง อันก่อให้เกิดความไม่สมดุลของระบบในร่างกาย (Dosha) นำไปสู่การเกิดเนื้องอก ในแต่ละคนเกิดมะเร็งแตกต่างกันไป แล้วแต่ปัจจัยเสี่ยงและพันธุกรรม ซึ่งทำให้แต่ละคนมีการตอบสนองต่ออาหารชนิดเดียวกันได้ต่างกัน (ขึ้นอยู่กับ Dosha ของแต่ละคน) ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสื่อมของระบบในร่างกาย ได้แก่

สิ่งกระตุ้นระบบวาตะ การกินรสขม รสเผ็ด หรือรสฝาดมากเกินไป อาหารแห้ง หรืออยู่ในสภาวะเครียดมากไป

สิ่งกระตุ้นระบบปิตตะ การกินรสเปรี้ยว รสเค็มมากเกินไป อาหารทอด หรืออยู่ในภาวะโกรธมากไป

สิ่งกระตุ้นระบบเสมหะ การกินรสหวานมากเกินไป อาหารมัน หรือชอบอยู่นิ่งเกินไป

สิ่งกระตุ้นระบบเลือด (Rakta กินอาหารที่เป็นกรดหรือเป็นด่างมากเกินไป อาหารทอดหรือย่าง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อารมณ์โกรธหรือโศกเศร้ามากไป การตากแดดจัดหรือทำงานภายใต้ความร้อนนานไป

สิ่งกระตุ้นระบบไขมัน (Medo) การกินอาหารประเภทน้ำมัน อาหารหวาน แอลกอฮอล์ และความขี้เกียจ

หลักของการรักษามี 4 อย่าง คือ บำรุงสุขภาพ (Health Maintenance) รักษาโรค (Disease Cure) การคืนสู่สภาพปกติ (Rasayana/Restoraion of Normal Function) จิตวิญญาณ (Spiritual Approach) โดยหลักที่สำคัญคือ ต้องหาสาเหตุของการเจ็บป่วยที่ทำให้เกิดการขาดความสมดุล แก้ไขส่วนขาด และลดส่วนเกิน โดยทั่วไปจะเป็นส่วนประกอบของสมุนไพรหลาย ๆ ชนิด ซึ่งจะเข้าไปช่วยระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายพร้อม ๆ กัน และบำรุงร่างกายไปด้วย โดยสมุนไพรสามารถออกฤทธิ์ได้ดังนี้

1. ระงับการสร้างเส้นเลือดใหม่ (Anti-angiogenesis)

2. ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง (Anti-proliferative)

3. ระงับการอักเสบ

4. ซ่อมแซม DNA

5. ต้านการออกซิไดซ์ กำจัดอนุมูลอิสระ

6. ยับยั้งจุดชีพ

สมุนไพรที่มีผลการทดสอบที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษามะเร็ง ได้แก่

ฟ้าทะลายโจร (Andrographis Paniculata)

ในอินเดียใช้ในการรักษาไทฟอยด์ แก้อักเสบ แก้มาลาเรีย กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และมีสารสำคัญ คือ Andrographolide สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด

มะตูม (Aegle Mermelos)

สารจากผลมะตูมสามารถยับยั้ง มะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid Cancer) และมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสและต้านการอักเสบ

บัวบก (Centella Asiatica)

มีสาร Asiaticoside ที่ช่วยให้แผลเรื้อรังหายเร็วขึ้น เพิ่มภูมิคุ้มกัน และในบราซิลมีการใช้เพื่อรักษามะเร็งมดลูก

ขมิ้น (Curcuma Longa)

มีสารสำคัญ คือ Curoumin มีฤทธิ์ต้านการออกซิไดซ์ และต้านการอักเสบที่รุนแรง สามารถทำให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้เล็ก มะเร็งรังไข่ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อราอีกด้วย

หญ้างวงช้างดอกขาว (Heliotropium indicum)

อายุรเวทใช้ใบในการรักษาโรคลมพิษ แผล การอักเสบเฉพาะที่ กลาก ปวดข้อ (Rheumatism) มีอัลคาลอยด์ Indicine-N-Oxide ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเนื้องอก มีการทดลองทางคลินิกในลูคีเมีย และ Solid Tumour

ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera)

มีสาร Aloe-Emodin ที่กระตุ้น Macrophage ให้กำจัดเซลล์มะเร็ง และยังมี Acemannan ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังช่วยกระตุ้นการเจริญของเซลล์ปกติและยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งด้วย

กะเพรา (Ocimum Sanctum)

เป็นสมุนไพรที่ใช้ในการแพทย์โบราณหลายระบบ เช่น อายุรเวท สิทธา ยูนานิ กรีก โรมัน เป็นต้น ทั้งยังใช้ในการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ หัวใจ ผิวหนัง ฯลฯ

ทุเรียนเทศ (Anona Muricata)

สาร Acetogenin จากผลทุเรียนเทศทำให้เซลล์มะเร็งตายได้

ลูกใต้ใบ/หญ้าใต้ใบ (Phyllanthus Niruri/Amaus)

เป็นที่รู้จักว่าเป็น Stonebreaker และมีการใช้แพร่หลายทั่วโลก ในระบบปัสสาวะและน้ำดี ตับอักเสบ หวัด วัณโรคและโรคจากไวรัสอื่น ๆ

ดีปลี (Piper Longum)

มี Piperine ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการออกซิไดซ์ทั้ง in Vitro และ in Vivo จึงเป็นส่วนประกอบของตำรับยารักษามะเร็งของอายุรเวท

บอระเพ็ด (Tinospora Cordifolia)

สารสำคัญจากบอระเพ็ดช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยการเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว และสามารถลดขนาดเนื้องอกได้ 58.8% เทียบเท่า Cyclophosphamide

รักขน (Semecarpus Anacardium)

ผลของรักขนมีการใช้ในอายุรเวทเพื่อรักษามะเร็ง มีงานวิจัยแสดงว่า สารสกัดคลอโรฟอร์ม มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง และยืดอายุในกรณี Leukemia, Melanoma และ Glioma ในสัตว์ทดลองที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นมะเร็งตับ สารสกัดจากรักขนทำให้เนื้อเยื่อตับเป็นปกติ ยาเตรียม Anacertin Forte นิยมใช้รักษามะเร็งหลอดอาหาร Chronic Myeloid Leukemia, Urinary Bladder และมะเร็งตับ

หญ้าปักกิ่ง หรือหญ้าเทวดา

ในปี พ.ศ. 2527 มีผู้ป่วยมะเร็งดื่มน้ำคั้นสดจากหญ้าปักกิ่งเพื่อรักษาและบรรเทาอาการจากโรคมะเร็ง พบว่าสามารถยืดชีวิตต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง บางรายใช้หญ้าปักกิ่งร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบันเพื่อลดผลข้างเคียงเนื่องจากการใช้ยาเคมีบำบัด และเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยโรคมะเร็งรายหนึ่งที่แพทย์บอกว่าจะมีชีวิตอยู่อีก 3 เดือน ขอให้นำผู้ป่วยกลับไปพักฟื้นที่บ้าน แต่เมื่อผู้ป่วยกลับบ้านและดื่มน้ำคั้นจากหญ้าปักกิ่ง หลังจากนั้น 1 ปี ผู้ป่วยดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่ และกลับไปให้แพทย์คนเดิมตรวจ ผลจากผู้ป่วยรายนี้จึงทำให้เกิดการศึกษาวิจัยคุณสมบัติของพืชชนิดนี้เกิดขึ้นสืบไป

ทั้งนี้ น้ำคั้นสดจากหญ้าปักกิ่ง มีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ชื่อ ไกลโคสฟิงโกไลปิดส์ (จี 1 บี) มีฤทธิ์ยับยั้งปานกลางต่อเซลล์มะเร็งเต้านมและลำไส้ใหญ่ มีผลปรับระบบภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ มีฤทธิ์ต้านการกลายพันธุ์ของยีนที่เกิดจากสารก่อกลายพันธุ์ชนิดต่าง ๆ มีฤทธิ์เหนี่ยวนำเอนไซม์ (DT-Diaphorase) ซึ่งมีบทบาททำลายสารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น อะฟลาท็อกซิน และสามารถลดความรุนแรงของการแพร่กระจายของมะเร็งในหนูได้

นอกจากสมุนไพรที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีสมุนไพรอีกมากที่มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งโดยตรงหรือช่วยระงับอาการข้างเคียงต่าง ๆ ของผู้ป่วยมะเร็ง แต่สมุนไพรส่วนใหญ่ยังต้องรอข้อมูลการสนับสนุนจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ จึงจะแนะนำให้ใช้สมุนไพรต่าง ๆ เหล่านี้เป็นทางเลือกเสริมในการรักษาเท่านั้น

9พฤติกรรม เสี่ยงที่ต้องหลีกเลี่ยง ที่อาจทำให้หนุ่ม ๆ เป็นโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้โดยไม่รู้ตัว          เราเชื่อว่าในปั...
30/05/2017

9พฤติกรรม เสี่ยงที่ต้องหลีกเลี่ยง ที่อาจทำให้หนุ่ม ๆ เป็นโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้โดยไม่รู้ตัว

เราเชื่อว่าในปัจจุบันมีคุณผู้ชายหลายคนอาจเคยรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีอารมณ์ทางเพศเหมือนอย่างเคยในบางครั้งที่ถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าที่เหมือนกัน ซึ่งนั่นอาจมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการทางเพศและอาจทำให้เซ็กส์เสื่อมได้โดยที่คุณไม่รู้ วันนี้เราจึงหยิบเอาพฤติกรรมที่ควรเลี่ยง เพื่อป้องกันปัญหาเซ็กส์เสื่อมจากเว็บไซต์ mensfitness มาฝากกันครับ

1. ออกกำลังกายไม่เพียงพอ

มีผลงานวิจัยจาก Cedars-Sinai Medical Center ชี้ว่า คนที่ออกกำลังกายบ่อย อวัยวะเพศจะมีการแข็งตัวที่ดีกว่าคนที่ออกกำลังน้อย โดยงานวิจัยดังกล่าวได้แบ่งกลุ่มตัวอย่าง 300 คน ออกเป็น 3 กลุ่ม ตามกิจกรรมการออกกำลังกายของแต่ละคน ได้แก่ ออกกำลังกายเป็นประจำ, ปานกลาง และเล็กน้อย เพื่อเช็กว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีการแข็งตัวและการถึงจุดสุดยอดต่างกันหรือไม่ ปรากฏว่ากลุ่มคนที่ออกกำลังกายระดับปานกลางถึงเป็นประจำ จะมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศและสมรรถภาพทางเพศที่ดีกว่ากลุ่มคนที่ออกกำลังกายน้อยนั่นเอง

เซ็กส์เสื่อม

2. สูบบุหรี่จัดเกินไป

ผลการศึกษาของ British Journal of Urology Study ประเทศอังกฤษ ได้นำผู้ชายติดบุหรี่เข้าโปรแกรมเลิกบุหรี่เป็นเวลา 8 สัปดาห์ แล้วทำการทดสอบการแข็งตัวขององคชาติ โดยระหว่างที่เข้าโปรแกมดังกล่าวกลุ่มตัวอย่าง 20 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่าพวกเขามีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แต่หลังจากการทดสอบเสร็จสิ้น กลุ่มตัวอย่างกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ พบว่าองคชาติมีการแข็งตัวที่ดีและถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ง่าย รวมถึงอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศลดลงในบางคนด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ มีผลการศึกษาในปี 2014 จาก University of Sheffield ที่ได้วิเคราะห์สเปิร์ม ตัวอย่างของคนที่สูบบุหรี่จำนวน 1,970 คน ซึ่งพบว่ามีจำนวนตัวอย่างสเปิร์มน้อยกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ ที่มีขนาดและรูปร่างที่ถูกต้อง ขณะที่ส่วนใหญ่ไม่แข็งแรงพอที่สืบพันธุ์ได้

3. มีเซ็กส์ไม่มากพอ

หนุ่ม ๆ หลายคนอาจไม่คิดมาก่อนว่าการที่ไม่ค่อยมีเซ็กส์จะทำให้เป็นโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ ซึ่งมีผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ลงวารสาร American Journal of Medicine เมื่อปี 2008 ที่นักวิจัยได้ใช้เวลากว่า 5 ปี สำหรับการวิเคราะห์กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ชายในช่วงอายุ 55-75 ปี เพื่อศึกษาปัญหาทางเพศ ซึ่งได้คำตอบว่าคนที่มีเซ็กส์น้อยกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศมากที่สุด รองลงมาคือคนที่มีเซ็กส์ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ขณะที่ผู้ชายที่มีเซ็กส์ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ พบว่ามีสุขภาพทางเพศที่ดีกว่า

เซ็กส์เสื่อม

4. นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

เว็บไซต์เดลี่เมล์ ประเทศอังกฤษ รายงานผลการศึกษาที่น่าสนใจของ University of Michigan ซึ่งพบว่าผู้ชายที่นอนหลับไม่เพียงพอ มีผลทำให้ความต้องการทางเพศลดลงและถูกกระตุ้นให้มีอารมณ์ร่วมได้ยาก บวกกับมีอาการอื่น ๆ ตามมา เช่น สมาธิสั้น มีอาการเมื่อยล้าง่าย และความหนาแน่นของมวลกล้ามเนื้อลดลง

นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาของ University of Chicago ในปี 2011 ที่พบว่า ผู้ชายที่นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงติดต่อกันเป็นสัปดาห์หรือมากกว่า จะมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำกว่าคนที่นอนหลับประมาณ 7-9 ชั่วโมง มากเลยทีเดียว

5. ไม่ค่อยกินแตงโมเท่าไร

เมื่อปี 2008 มีผลการศึกษาของ Texas A&M University ค้นพบว่า มีกรดอะมิโนสำคัญในแตงโมอย่าง ซิทรูลีนและอาร์จินีน มีคุณสมบัติคล้ายไวอากร้า ที่จะช่วยกระตุ้นให้หลอดเลือดคลายตัวและทำให้ระบบหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น รวมถึงสามารถรักษาและป้องกันโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้อีกด้วย

เซ็กส์เสื่อม

6.กินอาหารขยะมากเกินไป

ในปี 2011 ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ชายที่กินอาหารแปรรูปที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น คุกกี้ เค้ก มันฝรั่งทอด และอาหารฟาสต์ฟู้ด จะมีสเปิร์มคุณภาพต่ำกว่าคนที่กินอาหารเพื่อสุขภาพ

7. ใช้เวลาในการดูทีวีมากไป

ใครที่ชอบดูทีวีเป็นประจำแทบทุกวัน ควรต้องลดกิจกรรมหน้าจอลงแล้วล่ะ เมื่อมีผลการศึกษาของ University of Rochester ในปี 2010 ที่ค้นพบว่า ผู้ชายที่ใช้เวลาไปกับการดูทีวีมากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ร่างกายจะผลิตสเปิร์มได้น้อยลงถึง 44 เปอร์เซ็นต์ โดยนักวิจัยชี้ว่าสาเหตุที่การดูทีวีส่งผลให้การผลิตสเปิร์มลดลงและอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด เป็นเพราะว่าการดูทีวีมากไปทำให้ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ร่างกายจึงไม่สามารถสร้างสเปิร์มที่แข็งแรงได้มากเหมือนปกตินั่นเอง

เซ็กส์เสื่อม

8.ล้างครีมกันแดดออกไม่หมด

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าครีมกันแดดช่วยป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากรังสียูวีได้เป็นอย่างดี ทว่าทาง National Institutes of Health พบว่า ครีมกันแดดมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผู้ชายเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้เช่นกัน หากล้างออกไม่หมด เพราะสารเคมีบางอย่างในครีมกันแดดที่ตกค้างอยู่ในผิวหนัง จะทำให้อัตราการผลิตฮอร์โมนเพศชายลดลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ซึ่งจะส่งผลให้มีอาการเซ็กส์เสื่อมได้ในที่สุด

9. มีสุขภาพช่องปากที่ไม่ดี

มีผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Journal of Periodontology พบว่า ผู้ชายที่เป็นโรคเหงือกมีความเสี่ยงที่จะเซ็กส์เสื่อมมากกว่าคนที่มีสุขภาพช่องปากปกติถึง 7 เท่า ซึ่งเป็นเพราะว่าเชื้อแบคทีเรียที่เหงือกสามารถเคลื่อนที่ผ่านร่างกาย ซึ่งจะทำให้หลอดเลือดที่องคชาติเกิดอาการอักเสบได้นั่นเอง

เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว หนุ่ม ๆ ก็ลองสำรวจตัวเองดูว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงข้างต้นหรือเปล่า ถ้าพบว่ามีพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งจากข้างต้น ก็ควรลดหรือเลี่ยงไปเลยจะดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้คุณมีอาการเซ็กส์เสื่อมได้ยังไงล่ะครับ

ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ

Line@bys5982g ปุ๋มปิ๋ม

http://line.me/ti/p/

ที่อยู่

Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

095-9580-522

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Seven Zeed อาหารเสริมสำหรับผู้ชายผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram