อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวัน

อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวัน บอกเล่าเรื่องราวสุขภาพที่น่าสนใจ สุขกายสบายใจ หน้าตาก็สดชื่น จิตใจก็สวยงาม

จากที่ นน ขึ้นไม่เยอะเท่าไหร่นะแต่พุงหลาม  ไขมันในช่องท้องเกิน 10 ค่าไตรกลีเซอร์ไรด์สูงแขน ขา ใหญ่ ยานนิดๆ😁😁😁ลองไปอ่านดู...
16/04/2025

จากที่ นน ขึ้นไม่เยอะเท่าไหร่นะ
แต่พุงหลาม ไขมันในช่องท้องเกิน 10 ค่าไตรกลีเซอร์ไรด์สูง
แขน ขา ใหญ่ ยานนิดๆ😁😁😁
ลองไปอ่านดูเรื่องของ ที่มาที่ไปว่า ทำไมมันสะสมไขมันได้เร็วปานนี้
หมอท๊อป ได้เขียนไว้ในเพจ แล้วน่าสนใจมาก น่าจะตรงสุดแล้ว ในกรณีเราที่ อ้วนและลดลงยาก
หมอท๊อปกล่าวไว้ว่า....

“น้ำหนักขึ้นง่าย ลงยาก หน้าท้องเริ่มป่อง…มันไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร แต่มาจากระบบฮอร์โมนล้ม!”

คุณสังเกตไหมว่า…
• กินเท่าเดิม แต่ไขมันสะสมไวขึ้น
• โดยเฉพาะ “หน้าท้อง” ที่ลดยังไงก็ไม่ลง
• ออกกำลังกายเท่าไหร่ น้ำหนักก็ไม่ขยับ
• และยิ่งพยายามอดอาหาร ยิ่งรู้สึกแย่

นี่ไม่ใช่เพราะ “ระบบเผาผลาญพัง” อย่างเดียวครับ
แต่มันคือ “การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง” ที่เกิดขึ้นตามวัย

เมื่อเอสโตรเจนลดลง…ไขมันจะเกาะหน้าท้องมากขึ้น
• เอสโตรเจนมีบทบาทควบคุมการสะสมไขมัน
• เมื่อลดลง ร่างกายจะเปลี่ยน pattern การสะสมไขมัน
• จากเดิมที่เคยอยู่สะโพก ต้นขา → ย้ายมาที่ “หน้าท้อง”

และการลดลงของเอสโตรเจน ยังทำให้
• การใช้กลูโคสเป็นพลังงานลดลง
• ร่างกายดื้อต่ออินซูลินมากขึ้น
• ทำให้มีแนวโน้ม “สะสมไขมัน” แม้กินเท่าเดิม

5 วิธีแก้ฮอร์โมนล้ม ที่ทำให้ลดน้ำหนักไม่ได้

1. ทำ IF แบบฉลาด ไม่หักโหม
• เริ่มจาก 14:10 หรือ 16:8 ก็พอ
• ให้ร่างกายมีเวลาซ่อมแซม + ลดอินซูลิน
• ห้ามอดแบบไม่กินอะไรเลย เพราะจะทำให้เครียดและฮอร์โมนพังยิ่งกว่าเดิม

2. ลดน้ำตาลแฝง + คาร์บขัดสี
• น้ำตาล + แป้งขัดขาว = กระตุ้นอินซูลิน
• ทำให้ร่างกายสะสมไขมันง่ายมาก
• ใช้ “คาร์บเชิงซ้อน” เช่น ฟักทอง มัน แทน

3. เสริมโปรตีน + ไขมันดีทุกมื้อ
• ช่วยลดความอยาก
• รักษามวลกล้ามเนื้อ
• และเป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างฮอร์โมน

4. นอนก่อน 5 ทุ่ม และหลับลึก
• การนอนคือ “เวลาทอง” ของการซ่อมแซมระบบฮอร์โมน
• ถ้านอนไม่ดี → ฮอร์โมนเครียด (คอร์ติซอล) จะสูง
• คอร์ติซอลที่สูง = ไขมันสะสมหน้าท้อง

5. ฝึกใจให้ไม่เร่งผลลัพธ์
• ระบบฮอร์โมนเหมือน “วงออร์เคสตรา”
• ต้องปรับทีละนิด อย่าตีแรงเกิน
• ถ้าใจนิ่ง และให้เวลากับร่างกาย → ผลลัพธ์จะมาแบบยั่งยืน

นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ

หลายคนที่อายุ 40+ แล้วน้ำหนักขึ้นแบบควบคุมไม่ได้
ต้องเข้าใจก่อนเลยว่า “มันไม่ใช่ความขี้เกียจ”
แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง ที่มีผลกับร่างกายทุกระบบ

Cr. Fb
#อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวัน

13/03/2025

อยากให้อ่าน...แล้วจะเข้าใจคนอื่นๆ
ถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ
3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร?

โจทย์ง่าย ๆ แค่นี้... แต่คิดให้ดี
ก่อนตอบ
ก . 7 บาท
ข . 2 บาท
ค . 1 บาท
ง . ไม่ต้องทอน

เมื่อได้คำตอบแล้ว...ไปดูกันว่า
คำตอบข้อไหนตรงกับคำตอบ
ในใจคุณ

ครูคนหนึ่งตั้งคำถามกับเด็กว่า...
ถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ
3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร?

เด็กส่วนใหญ่ตอบว่า 7 บาท

แต่มีเด็ก 2 คนที่ตอบไม่เหมือน
กับคนอื่น...

คนหนึ่งตอบว่า 2 บาท

อีกคนหนึ่งตอบว่า..ไม่ต้องทอน

ครูถามเด็กคนแรกว่าทำไมถึง
ได้เงินทอน 2 บาท..
คำตอบที่ได้ก็คือ ภาพในใจ
ของเขาสำหรับเงิน 10 บาท
คือ เหรียญห้า 2 เหรียญ เมื่อ
ซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ให้
เหรียญห้าไป 1 เหรียญ ดังนั้น
จึงได้เงินทอน 2 บาท

ครูถามเด็กคนที่สองว่าทำไม
ไม่ได้เงินทอนเลย..
คำตอบก็คือ เด็กคนนี้คิดว่า
ในกระเป๋ามีเหรียญบาทอยู่
10 เหรียญ เมื่อซื้อของราคา
3 บาท เขาก็ส่งเหรียญบาท
ให้ 3 เหรียญ เพราะฉะนั้น
คนขายจึงไม่ต้องทอนเงิน
ให้เขา...

โชคดีที่เป็นการถาม - ตอบใน
ห้องเรียน ลองนึกดูสิครับว่าถ้า
โจทย์นี้เป็นข้อสอบที่มีคำตอบ
เป็น ก - ข - ค - ง เด็ก 2 คนนี้ก็
คงไม่ได้คะแนน

จากคำตอบที่ผิดเพี้ยนจากคน
ส่วนใหญ่...การสร้างโจทย์ที่
'เสมือนจริง' จินตนาการของ
'ครู' อาจถูกจำกัดเพียงแค่
'ตัวเลข'

แต่สำหรับเด็ก จินตนาการของ
เขาไร้กรอบ 10 บาท จึงสามารถ
เป็นเหรียญสิบ เหรียญห้า หรือ
เหรียญบาท ก็ได้

เมืองไทยมีเหรียญ 2 บาทด้วย
เราจึงได้คำตอบเพิ่มอีก 1 คำ
ตอบ คือ ได้เงินทอน 1 บาทด้วย

โลกในห้องเรียนกับโลกของ
ความเป็นจริงนั้นแตกต่างกัน
โลกในห้องเรียน ทุกคำถาม
ส่วนใหญ่มีเพียง 1 คำตอบ
แต่โลกของความเป็นจริง...
ทุกคำถามอาจมีคำตอบที่ถูก
ต้องได้เกิน 1 คำตอบ

อย่าตัดสินความผิดของคน ๆ
นั้นเพียงแค่คำตอบของเขา

Cr. @สมุดปกขาว ·
Makii Miracle

"อยู่มาจนแก่แล้ว"...............กับ นิทาน 5 เรื่องที่มีแง่ดีๆให้คิดเรื่องที่ 1เด็กตัวน้อยคุยกับแม่ว่า แม่ครับ วันนี้แม่ส...
03/03/2025

"อยู่มาจนแก่แล้ว"...............กับ นิทาน 5 เรื่องที่มีแง่ดีๆให้คิด
เรื่องที่ 1
เด็กตัวน้อยคุยกับแม่ว่า แม่ครับ วันนี้แม่สวยจังเลย
แม่ถามกลับว่า ทำไมล่ะ
ลูกตอบว่า ก็วันนี้แม่ไม่ได้มีอารมณ์เสียเลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความสวยนั้น ทำได้ง่ายมาก แค่ไม่โกรธก็สวยแล้ว
อยู่มาจนแก่แล้วควรจะรู้ว่า การไม่เที่ยวโกรธใคร คือเคล็ดลับของความสวยงาม ...................
เรื่องที่ 2
มีคนสองคนทะเลาะกัน คนหนึ่งบอกว่า 3 x 8 = 24 อีกคนบอกว่า ไม่ถูก 3 x 8 = 21 เถียงอยู่ทั้งวัน เลยไปฟ้องบัณฑิต
บัณฑิตฟังแล้วพิพากษาว่า เอาคนที่บอกว่า 3 x 8 = 24 ไปเฆี่ยน 20 ที
คนที่ตอบ 24 สวนกลับอย่างไม่พอใจว่า เห็นชัดๆว่าเขาโง่แล้วทำไมมาลงโทษผมล่ะครับ
บัณฑิตตอบว่า แกไปเถียงกับคนที่คิดว่า 3 คูณ 8 เป็น21 ทั้งวัน ไม่ใช่คนโง่หรอกเหรอ ถ้าไม่เฆี่ยนแกจะให้เฆี่ยนใคร
นิทานเรื่องนี้สอนว่า การไปโต้เถียงกับคนที่ไม่มีเหตุผล คนที่บาดเจ็บคือตัวเรา เพราะถึงเราจะมี10 ปาก ไม่มีทางเถียงชนะ คนพูดเหลวไหล 1 ปาก
อยู่มาจนแก่แล้วควรจำไว้ว่า อย่าไปถือสาคนไร้สาระ อย่าไปคละเคล้ากับเรื่องเหลวไหล....
เรื่องที่ 3
หลวงตาถามว่า เธอคิดว่า ทองเม็ดหนึ่งดีกว่า หรือว่า ดินกองหนึ่งดีกว่า
ศิษย์ตอบว่า ทองย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
หลวงตายิ้มแล้วถาม แล้วถ้าเธอเป็นเมล็ดพันธุ์พืชเธอจะเลือกอะไร
ข้อคิด ในโลกนี้ไม่มีอะไรดีกว่าหรือแย่กว่า สิ่งที่ดีคือสิ่งที่เหมาะสมกับเรา
อายุมากแล้ว ต้องเลือกตามความเหมาะสม ................
เรื่องที่ 4
นกแก้วในกรง ปรารภกับอีกาว่า นกที่อยู่ภายนอกช่างมีอิสรเสรีจริงนะ นกแก้วอิจฉาเสรีภาพของอีกา ส่วนอีกาอยากอยู่อย่างสะดวกสบายเหมือนนกแก้ว แล้วทั้งสองก็แลกสถานะกัน อีกาได้รับความสะดวกสบาย แต่เจ้าของไม่ชอบ สุดท้ายก็อดตาย นกแก้วได้รับเสรีภาพ แต่เคยอยู่กินอย่างสุขสบาย จึงไม่สามารถอยู่รอดโดยลำพัง สุดท้ายก็หิวตาย
นิทานเรื่องนี้สอนว่า อย่าอิจฉาความสุขของผู้อื่น สิ่งนั้นอาจจะไม่เหมาะกับตัวเรา
เมื่อแก่ตัวลง อย่าเอาตัวเราไปเทียบกับคนอื่นเขา มีความสุขตามสภาพของเราเองนั่นแหละคือดีที่สุด.......................
เรื่องที่ 5
ครูถามนักเรียนว่า อยากต้มน้ำกานึง แต่ฟืนเหลือแค่ครึ่งเดียว ควรจะทำอย่างไรดี นักเรียนตอบว่า ให้รีบไปหาฟืนเพิ่ม ไปยืมเขาก็ได้ ไปซื้อก็ได้ครับ ครูพูดว่า ทำไมไม่เทน้ำทิ้งไปครึ่งกาเสียล่ะ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่มีอะไรที่จะสมปรารถนาเราได้ทั้งหมด การยอมเสียไปบ้างก็เป็นการได้มาเช่นกัน เมื่ออายุมากขึ้น แรงกายแรงสมองก็จำกัด เมื่อสละไปบ้าง ก็ยังได้รับความสุข ตามอัตภาพ♥️

Cr. FB.
#อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวัน

แพะตัวหนึ่ง เจอหมาป่าหมาป่าจะกินแพะ แพะจึงสู้ใช้เขาสู้กับหมาป่า และก็ตะโกนขอให้เพื่อนๆช่วยวัว มองมา เห็นเป็นหมาป่า ก็วิ่...
27/02/2025

แพะตัวหนึ่ง เจอหมาป่า
หมาป่าจะกินแพะ แพะจึงสู้
ใช้เขาสู้กับหมาป่า และก็ตะโกน
ขอให้เพื่อนๆช่วย
วัว มองมา เห็นเป็นหมาป่า ก็วิ่งหนีไป
ม้า มองมา เห็นเป็นหมาป่า
ก็วิ่งหนีไปอีกตัว
ลา เห็นเป็นหมาป่า
ก็เดินหนีไปอย่างเงียบๆ
หมู ผ่านมา เห็นเป็นหมาป่า
ก็หายตัวไปกระต่าย ได้ยิน
วิ่งหนีแซงเพื่อนๆไปทุกตัว
หมา ได้ยิน รีบวิ่งเข้ามา
จะสู้กับหมาป่า
หมาป่าเห็นมีหมามาช่วย
จึงวิ่งหนีไป แพะรอดตาย
กลับมาถึงบ้าน เพื่อนๆมาทุก “ตัว”
วัวบอก “ทำไมไม่บอก
ข้าจะใช้เขาของข้า แทงทะลุท้องมัน”
ม้า “ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้เกือก
ของข้า กระทืบมัน”
ลา “ทำไมไม่บอก ข้าจะร้องเสียงดังๆ
ให้หมาป่าตกใจตาย”
หมู “ทำไมไม่บอก
ข้าจะใช้ปากของข้า
พุ่งชนให้มันตกเขาไป”
กระต่าย “ทำไมไม่บอก ข้าวิ่งเร็ว
ข้าจะไปส่งข่าวของความช่วยเหลือ”

ในการพูดคุยกันอย่างเมามันนี้
ขาดอยู่”ตัว”เดียวคือ หมา
มิตรภาพที่แท้จริง ไม่ใช่ดูที่
คำพูด ที่แสนหวาน
แต่เป็น มือ ที่ยื่นให้ตอนคับขัน
พวกที่อยู่ล้อมหน้าล้อมหลังคุณ
ทำให้คุณรู้สึกดี
อาจจะไม่ใช่เพื่อนแท้ของคุณ
แต่กับเขา ที่ดูเหมือนห่างไกล
แต่ใส่ใจคุณตลอดเวลา
ตอนคุณมีความสุข ไม่ไปสมทบ
แต่ตอนคุณต้องการช่วยเหลือ
จะทำเพื่อคุณอย่างเงียบๆ
และเป็นห่วงใส่ใจคุณ
นั่นเป็นเพื่อนแท้ของคุณ

#อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวัน

…จงอย่าโทษสิ่งแวดล้อม-ถ้าเราเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี-มีจิตใจที่เข้มแข็ง-มีเป้าหมายที่ชัดเจน-ไม่อ่อนด้อยให้กับอุปสรรค-ไม่ลดละ...
15/02/2025

…จงอย่าโทษสิ่งแวดล้อม
-ถ้าเราเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี
-มีจิตใจที่เข้มแข็ง
-มีเป้าหมายที่ชัดเจน
-ไม่อ่อนด้อยให้กับอุปสรรค
-ไม่ลดละความพยายาม
-ถ้าเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีแล้วก็พร้อมที่จะเบ่งบานได้ทุกที่ทุกเวลาทุกสถานการณ์

จงตั้ง สติ..เติบโต เรียนรู้ในทุกสถานการณ์

ข้าวเปล่าถ้วยนึงค่ำวันหนึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งท่าทางเหมือนนักศึกษา กำลังลังเลอยู่หน้าร้านบุฟเฟต์แห่งหน...
07/02/2025

ข้าวเปล่าถ้วยนึง

ค่ำวันหนึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งท่าทางเหมือนนักศึกษา กำลัง
ลังเลอยู่หน้าร้านบุฟเฟต์แห่งหนึ่ง เมื่อลูกค้าส่วนมาก
ออกจากร้านแล้ว เขา
จึงเดินเข้าร้านมาด้วยอาการเขินอาย

“ขอข้าวเปล่าถ้วยนึง ขอบคุณครับ ”

เด็กหนุ่มก้มหน้าพูด
เจ้าของร้านบุฟเฟต์เพิ่งเปิดใหม่
เป็นเถ้าแก่หนุ่มสาวคู่หนึ่ง เห็นเด็กหนุ่มไม่เอากับข้าว ก็รู้สึกสะท้อนใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เขารีบตักข้าวพูนถ้วยส่งให้
กับเด็กหนุ่มคนนั้น เด็กหนุ่มจ่ายเงินพร้อมกับพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“ผมขอน้ำแกงราดบนข้าวสักหน่อยได้ไหมครับ?”

“ตามสบายเลยค่ะ ไม่คิดตังค์”

เถ้าแก่เนี้ยพูด
เขากินไปได้ครึ่งถ้วย ก็สั่งอีกถ้วยหนึ่ง
“ไม่อิ่มใช่ไหม?
ถ้วยนี้เดี๋ยวผมตักให้คุณมากหน่อย”
เถ้าแก่พูดด้วยความเอาใจใส่

“ไม่ใช่ครับ ผมเอาใส่กล่อง พรุ่งนี้จะเอาไปกินที่มหาลัยนะครับ”

เมื่อเถ้าแก่ได้ยิน ก็เดาออกว่า เด็กหนุ่มคนนี้คงมาจากต่างจังหวัดในเขต
ภาคใต้เป็นแน่ ฐานะที่บ้านคงไม่สู้จะดีนัก เขาคงมาเรียนที่ไทเปคนเดียว
และคงจะทำงานและก็เรียนไปด้วย ดูก็รู้ว่าเด็กคนนี้คงจะลำบากอยู่ไม่น้อย
เขาจึงตักโร่วจ้าว (เนื้อเคี่ยวซอสสำหรับราดบนข้าว) ใส่ไว้ที่ใต้กล่องข้าว
จากนั้นก็เอาไข่ตุ๋นชาใส่ไปหนึ่งฟอง
จากนั้นจึงตักข้าวอัดไปเต็มกล่อง มอง
ดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในกล่องข้าว นอกเสียจากข้าวเปล่า

เมื่อภรรยาของเขาเห็นดังนั้น ก็เข้าใจในสิ่งที่สามีกำลังทำว่า ต้องการช่วย
เหลือเด็กหนุ่มคนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ราดโร่วจ้าวไว้บนข้าว จะใส่ไว้
ใต้ข้าวทำไม?

เถ้าแก่กระซิบบอกภรรยาว่า
“เด็กผู้ชาย
รักศักดิ์ศรี หากเขาเห็นว่าบนข้าวมี
โร่วจ้าว เขาอาจคิดว่าเราทำทานแก่เขา หากเป็นอย่างนี้ คราวหน้า เขาจะไม่กล้ามาอีก ถ้าเขาไปกินร้านอื่นก็ได้กิน
แต่ข้าวเปล่า แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปเรียนหนังสือ !”
“คุณเป็นคนดีจริงๆ จะช่วยเขายังกลัวเขาอายอีก”
“หากผมไม่ดี คุณจะแต่งงานกับผมเหรอ! ”
เถ้าแก่หนุ่มหยอกเย้าผู้เป็นภรรยา

“ขอบคุณครับ ผมอิ่มแล้ว แล้วเจอกันใหม่ครับ”
เด็กหนุ่มพูดจบก็หยิบข้าวกล่อง
แล้วเดินออกจากร้านไป
เมื่อเด็กหนุ่มถือข้าวกล่องที่ดูหนักกว่าข้าวเปล่า ออกจากร้านไป ก็หันมายิ้ม
ให้เจ้าของร้านทั้งสอง
“สู้ๆนะ พรุ่งนี้พบกันใหม่”

เถ้าแก่พูดและโบกมือให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น ในคำพูดประโยคนั้นของเขา
แฝงด้วยคำเชิญ
ให้เด็กหนุ่มมากินข้าวที่นี่ใหม่ในวันพรุ่งนี้

เด็กหนุ่มน้ำตาคลอ ไม่กล้าหันไปมองเจ้าของร้าน
กลัวว่าน้ำตาจะร่วงให้เขาทั้งสองเห็น

จากนั้นเป็นต้นมา นอกจากว่าเป็นช่วงปิดเทอม
พลบค่ำของทุกวันเด็กหนุ่ม
ก็จะมากินข้าวที่ร้าน เขาสั่งข้าวเปล่าหนึ่งถ้วยและข้าวเปล่าหนึ่งกล่องเอา
กลับบ้าน
และใต้กล่องข้าว
ก็จะมีอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน
จนเด็กหนุ่มเรียนจบปริญญาตรี

ผ่านมา 20 ปีแล้ว
ที่ร้านบุฟเฟต์แห่งนี้ไม่ได้ต้อนรับลูกค้าคนพิเศษคนนี้อีก
เลย อยู่ๆทางการก็ส่งจดหมายมาบอกว่าจะทำการเวนคืนที่ และร้านของ
เขาก็เป็นหนึ่งในนั้น
สองสามีภรรยาอายุใกล้จะ 50 ปี เมื่อรู้ข่าวนี้ต่างก็กลัด
กลุ้มใจ ชีวิตต่อไปข้างหน้าจะทำอย่างไร เงินทองที่จะได้จากทางการก็ไม่
เพียงพอกับการจัดซื้อบ้านที่มีทำเลดีอย่างนี้ได้อีก แล้วลูกๆที่กำลังเรียนอยู่
จะหาค่าเทอมมาจากไหน? ต่างก็กอดกันร้องไห้ ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตอย่างไรดี

เช้าวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งแต่งกายภูมิฐานเข้ามาหาสองสามีภรรยา
“สวัสดีครับคุณทั้งสอง ผมเป็นรองผู้จัดการบริษัท...
ผู้จัดการใหญ่ของเรา
ต้องการให้คุณเข้าไปทำร้านอาหารบุฟเฟต์ในบริษัทของเรา ที่กำลังจะทำ
การเปิดใหม่ในเร็วๆนี้ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง และอุปกรณ์
ต่างๆ ค่าวัสดุในการทำอาหาร ทางเราจะเป็นผู้รับผิดชอบ ขอเพียงคุณ
จัดหากุ๊ก ปรุงอาหารและบริหารงาน ก็พอ ส่วนกำไรแบ่งครึ่งกับบริษัทของเรา”
ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงดีกับเราอย่างนี้? เราไม่
เคยรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมเลยสักคนเดียว? สองสามีภรรยาต่างทำหน้า
งงๆ
“คุณทั้งสองเป็นผู้มีพระคุณของผู้จัดการใหญ่ของเรา ท่านบอกว่าท่านชอบ
กินไข่ตุ๋นชาและโร่วจ้าวของร้านคุณมาก รายละเอียดผมทราบเพียงแค่นี้
นอกเหนือจากนี้คุณคงจะทราบได้เองเมื่อได้เจอกับผู้จัดการใหญ่ของเรา”

เมื่อเดินทางไปถึงบริษัท สองสามีภรรยาจึงรู้ว่า
ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทนี้ก็
คือเด็กหนุ่มที่มากินข้าวเปล่า ยาพลบค่ำทุกวันนั่นเอง หลังจากจบ
มหาวิทยาลัย เขาก็มุมานะ สร้างเนื้อสร้างตัว จนสามารถเปิดบริษัทแห่งนี้ได้

เขาสำนึกบุญคุณ
ข้าวเปล่าที่สองสามีภรรยา ให้เขากิน ตลอดเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย หากไม่มีสองสามีภรรยาช่วยเหลือเขา ในตอนนั้น เขาคงลำบากและไม่สามารถเรียนจนจบได้

เรื่องราวก่อนเก่าแต่หนหลัง ถูกรื้อฟื้นขึ้นในวงสนทนาเคล้าเสียงหัวเราะและ
น้ำตา เมื่อถึงเวลาที่สองสามีภรรยาจะลากลับ ชายหนุ่มยืนขึ้นโค้งคำนับ
พร้อมกับพูดว่า
“สู้ๆนะครับ ต่อไปนี้บริษัทของเราต้องพึ่งพาคุณแล้วนะ พรุ่งนี้พบกันใหม่”
ความรักที่ให้ออกไป ความรักก็จะย้อนกลับคืนมา
ความสุขที่ให้ออกไป ความสุขก็จะย้อนกลับคืนมา
คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงคุณ

นี่คือเหตุและผล
นี่คือกฏเกณฑ์

ผ่านมาครึ่งชีวิต...อยากบอกว่า1. มี "เงิน" อย่าใช้หมด ต้องคอย "เก็บเงิน" ไว้ใช้ในยามจำเป็นด้วย เพราะเวลาเกิดวิกฤตคนมีเงิน...
31/01/2025

ผ่านมาครึ่งชีวิต...อยากบอกว่า
1. มี "เงิน" อย่าใช้หมด ต้องคอย "เก็บเงิน" ไว้ใช้ในยามจำเป็นด้วย เพราะเวลาเกิดวิกฤตคนมีเงินอยู่บ้าง กับคนที่ไม่มีเงินเลย ทุกข์ต่างกันมากมาย
2. มี "งาน" ต้องรักงาน ต้องขยัน ต้องเต็มที่ เพราะต่อจากนี้ไม่มีอะไรการันตีความมั่นคงอีกแล้ว ต้องเป็นพนักงานที่องค์กรเห็นว่าทำงานให้เขาได้ "คุ้มค่า" เขาจึงจะจ้างไว้ต่อ
3. มี "คนที่รัก" ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ญาติ คู่รัก หรือเพื่อนรัก ต้องสร้าง "สัมพันธ์" กันให้ดี หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน แสดงความรักที่มีต่อกันออกมาตั้งแต่วันนี้ เพราะการลาจากโดยไม่ได้ร่ำลา ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก
4. มี "เวลา" ต้องใช้ให้ดี อย่างปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะที่เคยคิดกันว่าทุกคนมีเวลาอย่างน้อย 70-80 ปี ต่อจากนี้จะไม่แน่เช่นนั้นอีกแล้ว
5. มี "ร่างกาย" ต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุด อย่าบอกว่าไม่มีเวลา ร่างกายที่แข็งแรงจะเป็น "ภูมิต้านทาน" ต่อโรคต่าง ๆ การมีชีวิตอยู่ภายใต้ร่างกายที่แข็งแรง จะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี
6. มี "จิตใจ" ต้องทำให้ "สดชื่น" ไม่ทุกข์ ไม่กังวลกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องไปให้ความสำคัญกับคนไม่ดี และมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่จมอยู่กับอดีต หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
7. มี "ชีวิต" ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ต่อไปไม่มีใครรู้ว่า เรามีเวลาของชีวิตแค่ไหน ขอให้ "รู้สึกดีกับชีวิต" ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเราเอง รักตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง ภูมิใจในทุกๆ ด้านของชีวิตเราเอง

Cr. FB

#อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวัน

31/01/2025

"ใบรับรองความเป็นคน”

บนตู้โดยสารของรถไฟขบวนหนึ่ง
พนักงานตรวจตั๋วสาวสวย กำลังคุยกับผู้โดยสารชายสูงอายุคนหนึ่ง
"ตรวจตั๋วค่า" ชายชราล้วงกระเป๋าควาน หาตั๋วอยู่ครู่ใหญ่ พบแล้วจึงส่งให้พนักงานสาว เธอรับตั๋วดู แล้วหรี่ตามองหน้าผู้เฒ่า

"นี่มันตั๋วเด็กนะลุง"
ผู้เฒ่ามีสีหน้าแดงขึ้นมาวูบหนึ่ง แล้วพูดออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา

"ผมเห็นว่าตั๋วเด็กกับตั๋วคนพิการ ราคาเดียวกัน เลยซื้อเป็นตั๋วเด็กครับ"
พนักงานสาวมองผู้เฒ่าหัวจรดเท้าแล้ว ถามว่า
"ลุงเป็นคนพิการหรือ? " ผู้เฒ่าตอบว่า "ครับ"....
พนักงานสาว "ลุงช่วยเอาบัตรคนพิการ"ให้หนูดูหน่อย ซิคะ ผู้เฒ่าเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว ผม...ผม...ผมไม่มีครับ ผมเลยขอซื้อเป็นตั๋วเด็กครับ .....

พนักงานสาว "ถ้าลุงไม่มีบัตรคนพิการ แล้วหนูจะรู้ได้ไงว่าลุงเป็นคนพิการล่ะ"

ผู้เฒ่าก้มลงดึงขากางเกงขึ้นมา ถอดรองเท้าออก มันเป็นฝ่าเท้าที่มีแค่ครึ่งเดียว.... เธอหรี่ตาดูฝ่าเท้าที่เหลือเพียงครึ่งเดียว แล้วพูดว่า
"ถึงยังไง ลุงก็ต้องแสดงบัตรคนพิการให้หนูดูก่อน" ผู้เฒ่าขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่ยุ่งยากใจ ...
"ผมทำงานในโรงงาน เอกชน"
พอเกิดเรื่องขึ้น เถ้าแก่ก็หนีหายไป ผมไม่มีเงินเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล ก็เลยไม่มีสิทธิทำบัตรคนพิ การครับ ...

ขณะนั้น เป็นเวลาที่หัวหน้าผู้จัดการขบวนรถไฟ เดินผ่านมาพอดี พอถามต้นสายปลายเหตุแล้ว ได้พูดเสียงเข้ม ว่า
"ผมต้องการดูแค่บัตรคนพิการ ไม่ดูที่คน ต้องมีบัตรคนพิการถึงเรียกว่าคนพิการ และใช้สิทธิคนพิการได้ ตอนนี้ คุณต้องซื้อตั๋วเพิ่มให้เป็นตั๋วผู้ใหญ่"....

ผู้เฒ่า ถึงกับร้องไห้ออกมาแล้วพูดอ้อนวอนว่า
"หลังจากฝ่าเท้าผมถูกเครื่องจักรตัดขาดไปแล้ว ผมก็ไม่สามารถทำงานต่อไปได้อีกพอไม่มีเงิน แม้ค่ารถกลับ บ้านก็จนปัญญา ตั๋วเด็กใบนี้ ก็ล้วนเป็นเงินที่เพื่อนๆที่ทำงาน ช่วยกันเรี่ยไรให้มา ขอวิงวอน ท่านทั้ง 2 กรุณา ให้ผมใช้ตั๋วนี้โดยสารกลับบ้านเถอะนะครับ ? "

ผู้จัดการรถไฟ ยืนยันเสียงแข็งว่า "คุณต้องจ่ายเพิ่ม เพราะนี่เป็นระเบียบของการรถไฟ ยังไงผมก็ต้องทำตา มระเบียบ ถ้าไม่จ่ายค่าตั๋วเพิ่ม สถานีหน้าเชิญคุณเตรียมลงจากรถได้" ....

ขณะนั้น ตั่วเจ็ก(ชายวัยกลางคน) ที่นั่งอยู่ตรงข้ามผู้เฒ่าได้เอ่ยปากขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชาว่า "คุณเป็นผู้ชายหรือเปล่า" ผู้จัดการรถไฟขมวดคิ้วย่นเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ ตอบเสียงห้วนๆไปว่า

"ถูกต้อง ผมเป็นผู้ชายครับ คุณมีปัญหาอะไรหรือ"

ตั่วเจ็ก "ยังงั้นก็ช่วยเอาหนังสือรับรอง ยืนยันว่าคุณเป็นผู้ชายออกมาให้ทุกคนดูหน่อยซิ"
คำพูดของตั่วเจ็กทำให้ ผู้โดยสารทุกคนถึงกับหัวเราะก๊ากออกมาอย่างขบขัน ผู้จัดการขบวนรถไฟโกรธจนหน้าเขียว
"ผมเป็นผู้ชายทั้ง แท่ง ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ทำไมต้องใช้ใบรับรองด้วย"

ตั่วเจ็กส่ายหัวแล้วพูดว่า "ผมก็เหมือนคุณนั่นแหละ อยากดูใบรับรอง ไม่อยากดูคน มีใบรับรองถึงเป็นผู้ชาย หากไม่มีก็ไม่ใช่ผู้ชาย"

พนักงานตรวจตั๋วสาวรีบเถียงแทนผู้จัดการรถไฟ เธอพูดอย่างมั่นใจว่า
"หนูไม่ใช่ผู้ชาย" มีปัญหามาเคลียกับหนู ได้เลย !
ตั่วเจ็กชี้ที่หน้านางแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า

"เธอไม่ใช่คน" ! พนักงานสาวโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง "แก แกพูดอะไรให้เกียรติกันบ้าง ถ้าหนูไม่ใช่คน แล้วหนู เป็นอะไร"

ตั่วเจ็กหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "เธอเป็นคนหรือ ไหน ขอดูใบรับรองความเป็นคนของเธอหน่อย"
ผู้ โดยสารต่างหัวเราะเสียงดังออกมาอีกครั้ง พนักงานสาวอับอายจนหน้าแดงกล่ำ รีบฉุดมือผู้จัดการเดินหายอ อกไปจากตู้นี้ทันที

ตั่วเจ็ก นั่งลงแล้วเริ่มพูดคุยกับผู้เฒ่า ด้วยความเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของผู้เฒ่า ก่อนลงรถ ตั่วเจ็กยังให้ เงินผู้เฒ่าไปอีก1,000 หยวน...ผู้เฒ่าปฏิเสธ ...แต่สุดท้ายก็รับใว้ และกล่าวขอบคุณ ตั่วเจ็ก พร้อมๆกับคำอวย พรตั่วเจ็กและน้ำตาที่ไหลออกมานองหน้า ...

"มนุษย์" ต่างกับสัตว์ทุกชนิดตรงที่
"มนุษย์มีความเมตตากรุณาอยู่ในจิตใจ"

เมื่อ "มนุษย์เห็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ตกระกำลำบาก มนุษย์ที่เป็นมนุษย์จริงๆ ก็มักจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ อาจ จะช่วยได้เพียงคำพูดที่ปลอบประโลม หรืออาจจะด้วยปัจจัยเล็กๆน้อยๆเท่าที่พอจะช่วยได้....

มันเป็นความงดงามของสังคม และเป็นพื้นฐานของประเทศ ที่ใช้เป็นนโยบายพัฒนาชาติให้เจริญยิ่งๆขึ้นต่อไป
แปล และเรียบเรียงโดย เจงเอี่ยม แซ่อึ้ง
⻩黄振炎 7/7/2018

#อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวัน

ชายคนหนึ่ง..ได้เชือดวัวตัวอ้วนๆ ของเขา และย่างมันบนเตา และบอกน้องชายว่า “เจ้าออกไปชวนเพื่อน ๆ และเพื่อนบ้านมากินข้าวที่บ...
28/01/2025

ชายคนหนึ่ง..ได้เชือดวัวตัวอ้วนๆ ของเขา และย่างมันบนเตา และบอกน้องชายว่า “เจ้าออกไปชวนเพื่อน ๆ และเพื่อนบ้านมากินข้าวที่บ้านเรา" น้องชายของเขาก็ออกไปตะโกนเสียงดังว่า “ช่วยด้วย ๆ ไฟไหม้บ้านพี่ชายของฉัน!” ครู่หนึ่งกลุ่มคนก็ออกมา แต่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งทำตัวราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินอะไรเลย จึงทำให้คนที่ออกมาก็ได้กินดื่มอาหารจนอิ่ม สักพักพี่ชายหันไปถามน้องชายด้วยความประหลาดใจว่า "คนที่มาวันนี้ ฉันไม่รู้จักและไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อนเลย แล้วคนที่ฉันรักและเพื่อนของฉันละ ไปอยู่ที่ไหนกันหมด" น้องชายพูดว่า: "คนที่เขาออกจากบ้านเพื่อมาช่วยเราดับไฟ ที่กำลังไหม้บ้านของเรา ไม่ใช่ออกมาเพื่องานเลี้ยง คนเหล่านี้แหละ คือคนที่สมควรได้รับน้ำใจและการต้อนรับที่ดีจากเรา"
#นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า: คนที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างเราในยามที่เราทุกข์ยาก อย่าเรียกเขาว่าเพื่อน พี่น้อง หรือคนรักเลยครับ

#อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวัน

นิทาน เรื่อง พัดลมบริษัทผลิตยาสีฟันเเห่งหนึ่ง ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าจำนวนมาก ว่าพวกเขาได้รับกล่องยาสีฟันเปล่าที่...
26/01/2025

นิทาน เรื่อง พัดลม

บริษัทผลิตยาสีฟันเเห่งหนึ่ง
ได้รับเรื่องร้องเรียน
จากลูกค้าจำนวนมาก
ว่าพวกเขาได้รับกล่องยาสีฟันเปล่า
ที่ไม่มียาสีฟันอยู่ข้างใน

เมื่อทาง CEO ของบริษัท
ได้รับทราบเรื่องนี้
จึงรีบเรียกฝ่ายวิศวกรมาประชุม
เพื่อหาทางเเก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น!

หลังจากประชุมกันอยู่นาน
ก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า
“ในกระบวนการสุดท้าย
ก่อนที่สินค้าจะถูกส่งออกไปขายนั้น
กล่องยาสีฟันทั้งหมด
จะวิ่งผ่านด้วยสายพานความเร็วสูง
มันจึงเป็นเรื่องยากมาก
ที่จะตรวจพบกล่องยาสีฟัน
ที่ไม่มีหลอดอยู่”

เมื่อ CEO รู้อย่างนั้น
จึงตัดสินใจลงทุน
ซื้อเครื่องชั่งความเร็วสูง
ราคา 250 ล้าน
มาติดตั้งไว้ที่ปลายสายพาน
เพื่อให้สามารถชั่งน้ำหนัก
กล่องยาสีฟันที่วิ่งผ่าน
ด้วยความเร็วสูงได้ทัน

เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้
ถ้าเครื่องชั่งน้ำหนักตรวจพบ
ว่า มีกล่องเปล่าหลุดรอดออกมา
สายพานจะหยุดทันที
เพื่อให้คนงานเดินมา
คัดกล่องเปล่านั้นออก
แล้วค่อยกดปุ่ม reset
ให้สายพานทำงานต่ออีกที

หลังจากที่ติดตั้งเครื่องชั่งน้ำหนักนี้
ผลที่ออกมานั้นเป็นที่พอใจมาก
เพราะบริษัทไม่ได้รับ
เรื่องร้องเรียนจากลูกค้าอีกเลย

หลังจากผ่านไป 1 เดือน
CEO ก็ได้รับรายงานสรุป
เเผนการผลิตอีกครั้ง
เเต่เขาก็ต้องเเปลกใจ
เพราะในรายงานระบุว่า
“เครื่องชั่งสุดไฮเทคนี้
ไม่เคยตรวจพบกล่องเปล่าเลย
เเม้เเต่ครั้งเดียว”

CEO ท่านนี้จึงขอเข้าไป
ตรวจดูโรงงานสักหน่อย
ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทำไมเครื่องชั่งราคา 250 ล้าน
ไม่ตรวจพบกล่องเปล่าเลย

เมื่อ CEO เดินทางไปถึงโรงงาน
เขาก็พบกับพัดลมตัวเล็ก ๆ
ราคา 250 บาท
วางอยู่ที่ใกล้ ๆ เครื่องชั่ง
ราคา 250 ล้าน

CEO จึงเดินเข้าไปถามคนงานว่า
“คุณเอาพัดลมมาตั้งไว้ตรงนี้ทำไม?”

คนงานจึงตอบว่า
"ผมใช้พัดลมตัวนี้
เป่ากล่องเปล่าออกไป
เพราะว่าถ้ามีกล่องเปล่า
ผ่านเข้าไปตรงเครื่องชั่งตัวนี้
สายพานจะหยุดการทำงาน
ซึ่งเขาขี้เกียจเดินไป
กดปุ่ม reset ใหม่”

CEO ถึงกับอึ้งไปพักใหญ่
เพราะเขาเพิ่งจัดการกับปัญหานี้
ไปด้วยเงิน 250 ล้าน
เเต่คนงานกลับเเก้ปัญหาเดียวกัน
ด้วยเงินเพียง 250 บาท

หลายครั้งปัญหาที่เกิดขึ้น
มันเป็นเพียงเเค่
“เส้นผมที่บังภูเขา”
เเต่กลับมองไม่เห็น
เพราะการนั่งเเก้ปัญหา
อยู่บนออฟฟิศอย่างเดียวนั้น
ไม่อาจทำให้เข้าใจ
เรื่องหน้างานที่เกิดขึ้น
ได้อย่างเเท้จริง!

#ธุรกิจ #แก้ปัญหา #ยาสีฟัน #สมองไหล

Ref: หนังสือ คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดเเค่ปากซอย

Cr : Fw Line

〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️

ปัญหาเส้นผมบังภูเขา
มีอยู่ทุกที่ และทุกระดับปัญหา
ทำให้ต้องเสียเงินเสียทอง
เสียเวลา หาทางแก้ปัญหา
มามากมาย

ในนิทาน เป็นเรื่องขององค์กร
และการบริหารองค์กร

แต่เราๆ ท่านๆ คุณผู้อ่าน
มีเรื่องที่เป็นปัญหาเส้นผมบังภูเขา
ในชีวิตประจำวันหรือไม่คะ

บางที เรื่องที่ดูต้องแก้ไขใหญ่โต
แต่กลับกลายเป็นเรื่องที่แก้ง่ายๆ
หากมองต่างมุม

แต่คนเรามักมองเห็น
ในมุมเดิมๆ ที่เคยมองเห็น

ดังนั้น พูดคุยปรึกษาหารือ
กับคนอื่น ด้วยการพูดคุยธรรมดาๆ
ไม่ใช่เอาปัญหาไปโยนใส่เขา
โดยเฉพาะกับเด็กรุ่นใหม่
ต่าง Gen. ต่างวัย

เขามีมุมมองดีๆ เยอะค่ะ

ให้เขามีส่วนได้ช่วยแนะนำเราบ้าง
ผู้ใหญ่อย่าเก่ง ไปเสียทุกเรื่อง
เพราะมันไม่จริง !

หากเด็กๆ
เขามีส่วนช่วยเหลือเราได้
ผลที่ได้รับจะดีกว่าที่คาดคิด

เพราะนอกจาก
อาจช่วยหาหนทางแก้ปัญหาได้แล้ว
ความสัมพันธ์ก็ยังดีขึ้นอีกด้วย
(เริ่มจาก ปัญหาเส้นผมบังภูเขา
นี่แหละ ดีมาก)

เขาจะภูมิใจในตัวเอง
และเขาจะรู้ว่า....
ผู้ใหญ่เห็นคุณค่าของเขาค่ะ

**เป็นผู้ใหญ่ ที่เลิกเก่งคนเดียว
เมื่อไหร่ ได้ความสัมพันธ์ดีงาม
กลับมาเป็นของขวัญนะคะ**

#อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวัน

22/03/2023

#พาจิตกลับบ้าน
#อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวัน

22/03/2023

สมาธิสั้น เพราะ ?
#อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวัน

ที่อยู่

Bangkok
10100

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อยากให้คุณดูดีขึ้นทุกวันผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์