Lord Mind Technology -Thailand-

Lord Mind Technology -Thailand- ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Lord Mind Technology -Thailand-, แพทย์, 662/18 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา, Bangkok.

บริษัทลอร์ดมายด์ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์)จำกัด มีประสบการณ์การประกอบกิจการเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมานานกว่า 30 ปี ที่ใช้ในการตรวจ วินิจฉัย ฟื้นฟูและรักษาโรคทางระบบจิตประสาท รวมถึงยาที่ใช้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้อง

7 วิธีดูแลสุขภาพจิต สร้างอารมณ์ดี ชีวิตมีความสุข1. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว หมั่นใช้เวลาในการกระชับความสัมพันธ์...
05/09/2025

7 วิธีดูแลสุขภาพจิต สร้างอารมณ์ดี ชีวิตมีความสุข

1. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว
หมั่นใช้เวลาในการกระชับความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่เพื่อนบ้าน

2. ดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเอง
ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง เดิน โยคะ เต้น ขี่จักรยาน หรือแม้แต่การทำสวน จะช่วยเสริมอารมณ์และปรับสุขภาพให้ดีขึ้นได้ รวมถึงรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ดื่มน้ำให้เพียงพอ อีกทั้งนอนหลับอย่างเพียงพอด้วย

3. เรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา
ทักษะความสามารถหรือความรู้ใหม่ ๆ จะช่วยให้รู้สึกว่าตนประสบความสำเร็จในการทำสิ่งนั้น ๆ และเกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง โดยอาจเริ่มจากการทำงานอดิเรกหรือศาสตร์ที่ตนสนใจ เช่น ทำอาหาร เล่นดนตรี เย็บปักถักร้อย เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันก็ช่วยให้เข้าถึงความรู้ต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น และมีหลักสูตรอบรมออนไลน์ที่คอยอำนวยความสะดวกให้เลือกมากมาย

4. หลีกเลี่ยงสารที่เป็นอันตราย
อย่าใช้สารที่เป็นอัตราย เช่น ยาเสพติด แอลกอฮอล์ บุหรี่ เพื่อรับมือกับความรู้สึก แม้ว่าสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นในระยะสั้น แต่มันก็สามารถทำให้รู้สึกแย่ลงในระยะยาว อีกทั้งสารเหล่านี้ยังเป็นอันตรายที่ทำให้ทั้งตัวเราและคนรอบข้างเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายหรือบาดเจ็บได้

5. กำหนดเป้าหมายและลำดับความสำคัญ
ตั้งเป้าหมายในชีวิต การใช้ชีวิตอย่างไร้แผนการและไร้จุดมุ่งหมายอาจทำให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวลต่อชีวิตในอนาคต จึงควรตั้งเป้าหมายในระยะยาว เพื่อช่วยให้ตระหนักว่าสิ่งที่กำลังทำในปัจจุบันนั้นมีความหมาย และมีกำลังใจที่จะทำต่อไปเพื่อบรรลุในสิ่งที่มุ่งหวัง ซึ่งอาจเขียนเป้าหมายต่าง ๆ ลงบนกระดาษ เช่น การพัฒนาด้านการศึกษา อาชีพ หรือบุคลิกภาพ เป็นต้น และจัดสรรเวลาเพื่อฝึกฝนหรือทำตามเป้าหมายในแต่ละวันอย่างพอดี เพื่อไม่ให้กดดันตัวเองมากเกินไป

6. เน้นคิดในเชิงบวกและฝึกขอบคุณตัวเอง
พยายามคิดในแง่บวก ยิ้มและบอกขอบคุณตัวเองทุกวัน ปฏิบัติกับตัวเองอย่างเคารพและเมตตา เห็นคุณค่าในตัวเอง หลีกเลี่ยงการวิจารณ์หรือด้อยค่าตัวเอง

7. ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเมื่อจำเป็น
หากมีปัญหาควรบอกเล่าให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวฟัง เพื่อระบายความรู้สึก เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น และเพื่อให้สามารถหาทางแก้ไขไปด้วยกัน โดยไม่ควรแบกรับปัญหาไว้คนเดียว แต่หากไม่อยากเล่าให้คนรอบข้างฟัง อาจเลือกปรึกษานักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญผ่านการโทรศัพท์ไปยังสายด่วนสุขภาพจิต 1323

💙 คำขวัญวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2568 💙โดย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง“คือขุนเขาลำเนา...
12/08/2025

💙 คำขวัญวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2568 💙
โดย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
“คือขุนเขาลำเนาไพรคือสายน้ำ คือความงามความสุขคือทุกสิ่ง
คือความรักความห่วงใยอันแท้จริง พระคุณแม่ใหญ่ยิ่งพ้นพรรณนา”
ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความรักความกตัญญูต่อแม่ 💐
#วันแม่แห่งชาติ2568 #คำขวัญวันแม่ #สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #รักแม่ทุกวัน

การสูญเสียครั้งสำคัญ เจอเหตุการณ์ร้ายแรง สะเทือนใจ ⚠ เป็นปัจจัยสำคัญของการเกิด PTSD (Post–Traumatic Stress Disorder) หรื...
04/08/2025

การสูญเสียครั้งสำคัญ เจอเหตุการณ์ร้ายแรง สะเทือนใจ ⚠ เป็นปัจจัยสำคัญของการเกิด PTSD (Post–Traumatic Stress Disorder) หรือ โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น ภัยพิบัติ สงคราม เหตุจลาจล การฆาตกรรม ปล้นฆ่า ข่มขืน ซึ่งผู้ที่เผชิญกับเหตุการณ์เหล่านั้น และรอดชีวิตมาได้ หรือผู้ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในเหตุการณ์ ทำให้เกิดความเครียดทางด้านจิตใจ ชนิดรุนแรงมากจนถึงขั้นทุกข์ทรมาน

เช่นจากเหตุการณ์ #กราดยิง ที่เกิดขึ้น มีผู้ที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรง และต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ซึ่งคนรอบข้างควรสังเกตและใส่ใจว่าเสี่ยงต่อภาวะ PTSD หรือไม่ โดยผู้ป่วยจะมีอาการ…

เห็นภาพเหตุการณ์นั้นย้ำๆ ซ้ำๆ คิดวนเวียน เห็นภาพหลอน ฝันร้าย เกิดการวิตกกังวลอย่างรุนแรง
เกิดอาการ flash back รู้สึกว่าตนเองอยู่ในเหตุการณ์นั้นซ้ำๆ เกิดความตื่นกลัว ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออก
มองโลกในแง่ร้าย รู้สึกไม่มีความสุข หม่นหมอง ไม่มีความสนใจหรือชอบในกิจกรรมที่เคยทำ และอาจร้ายแรงถึงขั้นฆ่าตัวตาย
กลัวและพยายามหลีกเลี่ยง ผู้ป่วยจะไม่กล้าเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่เคยประสบมา และหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่ทำให้คิดถึงเหตุการณ์นั้น
อาการอื่นๆ ที่พบร่วมด้วย ได้แก่ ความโศกเศร้าเสียใจจากการสูญเสีย (Grief reaction) เกิดจากการสูญเสียคนรักหรือทรัพย์สิน หมดหวัง ท้อแท้ รู้สึกไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ใดๆ ได้ ภาวะซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย (Depression and su***de)

ผู้ที่ได้รับผลกระทบต่างก็พยายามที่จะลืมหรือหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานจากเหตุการณ์นั้น แต่เป็นเรื่องยากที่จะลืมเลือน เพราะในผู้ป่วยบางคนอาจถึงขั้นเสียศูนย์ การหวนคิดถึงเหตุการณ์ซ้ำๆ อาจเกิดต่อเนื่องจากเหตุการณ์ในสัปดาห์แรก หรือเริ่มเกิดภายหลัง โดยอาจมีอาการแสดงหลายอย่าง ได้แก่ อารมณ์ไม่สดชื่นร่าเริง เบื่อหน่าย ท้อแท้ ขาดความสุข เบื่ออาหาร น้ำหนักลด นอนไม่หลับ สมาธิสั้น วอกแวกง่าย ความจำเสีย หมดแรง เหนื่อยหน่าย คิดว่าตนเองเป็นภาระให้ผู้อื่นลำบาก รู้สึกผิดที่ตนเองรอดชีวิตหรือไม่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ คิดว่าตนเองไร้ค่า อาการซึมเศร้าอาจรุนแรงมากจนคิดว่าตนเองผิด เบื่อชีวิต คิดอยากตาย หรือคิดฆ่าตัวตายได้ในที่สุด

ไม่ส่งต่อ ไม่โพสต์ภาพ วิดีโอ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อจิตใจของผู้สูญเสีย และผู้เกี่ยวข้อง

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยเยียวยาผู้ที่มีภาวะ PTSD ได้ดีที่สุด คือ คนรอบข้าง คนใกล้ชิด จะต้องให้การดูแลเอาใจใส่ เปิดใจรับฟังความรู้สึก โดยไม่แสดงหรือโต้เถียงถึงความถูกผิดแต่อย่างใด เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยระบายความเครียด หรือสิ่งที่อยู่ในใจออกมา หลังจากนั้นจึงมาวางแผนหาวิธีแก้ไขและรักษากันต่อไป ซึ่งควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ทีมงาน Lordmind ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแด่ผู้สูญเสียและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทำสงครามรุกรานจากกัมพูชา

🇹🇭

การประยุกต์ใช้ เกม VR กับงานวิจัยทางด้านสุขภาพ Video game, violence and dementiaDr. Jim Ang ได้ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษเร...
09/07/2025

การประยุกต์ใช้ เกม VR กับงานวิจัยทางด้านสุขภาพ Video game, violence and dementia

Dr. Jim Ang ได้ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษเรื่องของการประยุกต์ใช้เกม VR กับงานวิจัยทางด้านสุขภาพ ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมาผมเลยขอโอกาสสรุปและเผยแพร่การบรรยายของท่าน

ดร.จิม ท่านเป็น Supervisor ของผมขณะที่ผมศึกษาในระดับปริญญาเอกด้าน Digital Arts อยู่ที่มหาวิทยาลัยเคนท์ University of Kent ประเทศอังกฤษ ถ้าสนใจเรื่องราวการเรียนของผมสามารถย้อนกลับไปติดตามได้ในบทความก่อนหน้านี้ครับ

ผมได้แนบ Slide และ Video การบรรยายไว้ในบทความนี้ สามารถอ่านและรับชมได้ครับ

เริ่มต้นการบรรยายจะเป็นการแนะนำ University of Kent ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทางเกาะอังกฤษ ตั้งอยู่ในเมืองที่ชื่อว่า Canterbury สามารถนั่งรถไฟจาก London มาได้สะดวกโดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที เมืองแคนเธอเบอรี่เป็นเมืองโบราณมีวิหารที่สำคัญขนาดใหญ่ชื่อ Canterbury Cathedral โดยนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยเคนท์จะเข้ารับปริญญาบัตรที่วิหารแห่งนี้ด้วย

ดร.จิม สอนและวิจัยอยู่ที่คณะ School of Engineering and Digital Arts ประจำอยู่ในแล็ปที่ชื่อว่า Intelligent Interactions Group ที่ทำการศึกษาทางด้านวิศวกรรม สื่อปฏิสัมพันธ์ การวิเคราะห์ประมวลผลภาพ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพื่อสรรพสิ่งรอบตัวเรา

ดร.จิม Dr Chee Siang (Jim) Ang มีความเชี่ยวชาญหลากหลายทางด้าน เกม VR HCI AI และมีงานวิจัยหลายชิ้นที่มีการประยุกต์ใช้กับด้านสุขภาพ
ลิงค์ Research Gate ของดร.จิม

ปัจจุบันเกมไม่ได้ถูกมองแค่นำมาใช้เพื่อสร้างความบันเทิงอย่างเดียว หรือบางครั้งเกมถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของความรุนแรงและการสังหารหมู่หลายครั้งในหลายประเทศ แต่ผลจากการวิจัยยังไม่มีการบ่งชี้ว่าเกมเป็นต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้นอย่างแท้จริง

เกมยังสามารถนำมาสร้างประโยชน์ให้กับเราได้มากมายหลากหลาย สามารถเชื่อต่อกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดนวัตกรรมที่หลากหลายได้มากมาย เช่นเชื่อมต่อกับเซนเซอร์ สร้างโลกความจริงเสมือน ศึกษาการออกแบบฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และทางด้านการออกแบบได้

Let’s gamify it!

การประยุกต์ใช้เกมในการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรม เราสามารถใช้หลักการคิดของ Gamify หรือ Gamification คือการนำหลักการหรือเทคนิคของเกมมาประยุกต์ กระตุ้น สร้างกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางความคิด หรือพฤติกรรม ของผู้ใช้งานนวัตกรรมนั้น

การประยุกต์ใช้ VR กับผู้ที่มีภาวะกลัวอ้วน ผิดปกติในการกิน Bulimia Anorexia

ปัจจุบันวัยรุ่นโดยเฉพาะผู้หญิงเป็นโรคกลัวอ้วนมากขึ้น โดยผู้ป่วยจะมีความผิดปกติทางด้านพฤติกรรมการกิน ในแต่ละปีรัฐบาลอังกฤษได้ใช้เงินจำนวนมากในการรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้

ทีมวิจัยจึงสร้างสิ่งแวดล้อมจำลองในโลก VR ขึ้นมาโดยให้ผู้ป่วย และแพทย์ได้พบกัน ปรึกษาให้คำแนะนำโดยไม่จำเป็นต้องไปพบกันจริงๆ ผู้ป่วยและแพทย์จะมองเห็นกันผ่าน Avatar หรือตัวแทนจำลองที่สร้างขึ้นมาใช้แทนตัวตนที่แท้จริง เราสามารถสร้างสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ป่วย ลดช่องว่างในการให้คำปรึกษาระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ และสามารถให้คำปรึกษากันได้จากที่ใดในโลกก็ได้

ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยสามารถปรับเปลียนพฤติกรรมการกินได้ดีขึ้น สามารถลดปัญหาและขั้นตอนในการวินิจฉัย และให้คำปรึกษาระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยโรคนี้ได้ดี

การประยุกต์ใช้ VR กับการออกกำลังกาย

ลิงค์เปเปอร์ https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1469029217306246

การออกกำลังกายเป็นสิ่งดี แต่การออกกำลังกายอย่างหนัก และยาวนานอาจทำให้เกิดอาการเบื่อหน่าย ความทุกข์ และเจ็บปวดได้

คำถามว่า ถ้าเราสามารถปรับสมดุลของการรับรู้ของความเหนื่อยล้านี้ได้ เราจะมีความสุขในการออกกำลังกายมากขึ้นหรือไม่

ผู้วิจัยจึงสร้างโลกจำลองเสมือน VR ขึ้นมา โดยเราจะสวมใส่แว่น VR ที่ศรีษะ สวมเซนเซอร์ที่ข้อมือเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหว
ในโลก VR เราจะมองเห็นแขนและมือของเราถือดัมเบลอยู่ ผู้ทำวิจัยจะเปลี่ยนดัมเบลในมือเราไปเรื่อยๆแล้วถามเราว่าเรารู้สึกอย่างไรกับน้ำหนักของดัมเบลนั้นๆ อีกทั้งมีการเก็บข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจไว้ด้วย

จากภาพ ในโลก VR เราจะเห็นดัมเบลที่มีขนาดแตกต่างกับความจริงที่นักวิจัยให้เราถืออยู่

ผลการวิจัยนี้พบว่า ผู้เข้าร่วมงานวิจัยสามารถถือดัมเบลได้นานขึ้นกว่าปกติประมาณ 2 นาทีเมื่ออยู่ในโลก VR และหัวใจก็เต้นช้าลงกว่าตอนที่ไม่ได้ใส่แว่น VR 5–7 bpm อีกทั้งผู้เข้าร่วมวิจัยมีความทุกข์ หรือความเจ็บปวดน้อยกว่าตอนไม่อยู่ในโลก VR ในช่วงนาทีแรกถึง 50%

การประยุกต์ใช้เกม กับการบำบัดผู้ป่วยที่มีปัญหาการกลืน Dysphagia (swallowing problems)

งานวิจัยนี้เป็นการประยุกต์ใช้เกมในการบำบัดผู้ป่วยที่มีปัญหาการกลืน Dysphagia (swallowing problems) โดยปกติแล้วเป็นการยากมากที่จะมีวิธีการใดที่จะให้ผู้ป่วยฝึกการกลืนอาหาร เนื่องข้อจำกัดทางด้านเทคโนโลยี และความเต็มใจของผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการฝึกฝนจะทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารได้เลย

งานวิจัยนี้เป็นความร่วมมือกับ Georgia Institute of Technology ประเทศอเมริกา โดยทางอเมริกาพัฒนาเซนเซอร์แบบสติเกอร์ที่สามารถวัดสัญญาณ EMG จากคอผู้ป่วยที่เราแปะไว้สองด้านข้างลูกกระเดือก เราจะนำสัญญาณนี้มาวิคราะห์ Signal Processing และส่งต่อไปยังเกมต้นแบบ โดยเมื่อผู้ป่วยกลืนน้ำลาย ตัวละครหรือลูกบอลในเกมก็จะกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางไปได้ ระบบนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีความเพลิดเพลินในการฝึกฝนด้วยตนเองได้และสามารถลดขั้นตอน ประหยัดเวลาในการรักษาของแพทย์มากขึ้น

การประยุกต์ใช้เกมกับการรับรู้ทางสติปัญญา

งานวิจัยชิ้นนี้เป็นงานของนักศึกษาปริญญาเอกคนไทยอีกคนหนึ่งคือ อาจารย์จิตรพล อินทรศิริสวัสดิ์ ที่ตอนนี้กำลังทำวิจัยอยู่ภายใต้การดูแลของดร.จิม

งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการใช้เกม 3 เกมที่เรารู้จักกันดีให้ผู้เข้าร่วมงานวิจัยได้ทดลองเล่น โดยใช้ Machine Learning วิเคราะห์รูปแบบในการเล่น Feature Patterns ของผู้เล่นในการลากนิ้วไปมาบนหน้าจอ และจับองศาทิศทางการถือมือถือของเราในการเล่นไปด้วย งานวิจัยนี้จะหาความสัมพันธ์ของปฏิสัมพันธ์ Interaction ของการเล่นเกมว่ามีผลอย่างไรต่อการรับรู้ทางสติปัญญาของเรา Cognitive Abilities อีกทั้งยังสามารถช่วยลดเวลาและขั้นตอนในการประเมินผลทางด้านนี้กับแพทย์ได้ด้วย

ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าความเร็ว ความยาว การวาดนิ้วเล่นเกม และองศาทิศทางในการจับมือถือเล่น มีผลกับความสามารถทางสติปัญญาของเรา Cognitive Performance เช่นถ้าเราเคลื่อนมือเร็วมากเท่าไหร่แนวโน้มความสามารถทางสติปัญญาของเราจะลดต่ำลง เป็นต้น

การประยุกต์ใช้ VR กับผู้ป่วยสมองเสื่อมที่มีความก้าวร้าว

ลิงค์เปเปอร์ https://kar.kent.ac.uk/72034/

งานวิจัยชิ้นนี้ทำการศึกษากับผู้ป่วยที่มีสภาวะสมองเสื่อม Dementia อีกทั้งผู้ป่วยส่วนใหญ่นั้นมีความก้าวร้าวอยู่ด้วย (ยากในยาก) งานวิจัยนี้ได้รับการเผยแพร่ที่งาน CHI2019 ด้วยซึ่งเป็นงานที่ยิ่งใหญ่เหมือนงานออสก้าทางด้าน HCI เลยทีเดียว
ผลของงานวิจัยนี้พบว่าสิ่งแวดล้อมจำลอง VR ที่เราสร้างขึ้นมาสามารถลดความก้าวร้าวในผู้ป่วยได้ ผู้ป่วยมีการตอบรับกับระบบ VR ได้ดีโดยไม่มีการต่อต้านระหว่างการใช้ระบบ งานวิจัยนี้ได้ข้อสรุปว่าเกมเทคโนโลยีแบบ VR มีสามารถในการลดความรุนแรงได้

“Gaming tech like VR could have the potential to reduce violence”

“young men are too busy playing video games, this keeps them off the streets and committing crimes”

หลายผลงานวิจัยในปัจจุบันยังยืนยันว่าเกมไม่ใช่ปัญหาของความรุ่นแรงที่เกิดขึ้น เราสามารถใช้ประโยชน์จากเกมได้ในทางสร้างสรรค์ นั่นเป็นหน้าที่ของพวกเรานักวิจัย

อ้างอิง : medium.com//การประยุกต์ใช้-เกม-vr-กับงานวิจัยทางด้านสุขภาพ-video-game-violence-and-dementia-7190b24478fa

เสพข่าวมากเกินไป สุขภาพจิตพัง ระวัง Headline Stress Disorderช่วงนี้เสพข่าวมากเกินไปรึเปล่า..เช็คด่วน เสพข่าวจนตาเป็นหมีแ...
16/06/2025

เสพข่าวมากเกินไป สุขภาพจิตพัง ระวัง Headline Stress Disorder

ช่วงนี้เสพข่าวมากเกินไปรึเปล่า..เช็คด่วน เสพข่าวจนตาเป็นหมีแพนด้าแล้วใช่ไหม ? รู้ตัวอีกทีก็สว่างซะแล้ว!! ข่าวและเนื้อหาต่าง ๆ ที่เผยแพร่ในสื่อและโซเชียลมีเดีย สร้างความเศร้า ความเครียดไม่รู้ตัว ที่มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดอาการเครียดสะสม หรือที่เรียกว่าอาการ “Headline Stress Disorder”

ภาวะ Headline Stress Disorder คือ ?
Headline stress disorder ไม่ใช่ชื่อโรคร้ายแรงใด ๆ แต่เป็นคำที่ใช้เรียกภาวะเครียดหรือวิตกกังวลมากที่เกิดขึ้นจากการเสพข่าวทางสื่อต่าง ๆ ที่มากเกินไป โดยเฉพาะบนโซเชียลมีเดียที่เปิดให้คนอ่านข่าวได้ตลอด 24 ชม. จนเกิดเป็นความกังวลจนเกินพอดี หรือที่เรียกว่าอาการ Panic นั่นเอง

ส่งผลเสียอย่างไร ?
การเสพข่าวหดหู่มากไปสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจได้มากและหลายระบบ ซึ่งถ้าปล่อยไว้ อาจส่งผลต่อการเกิดโรคบางอย่างได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรควิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า อาการที่บ่งชี้ว่าอาจเกิดภาวะ Headline stress disorder เช่น

ใจสั่น
แน่นหน้าอก
นอนไม่หลับ
วิตกกังวล
ซึมเศร้า
โกรธ

ใครคือกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นภาวะ Headline Stress Disorder ?
คนที่เหนื่อยล้าทั้งทางจิตใจหรือร่างกายอยู่แล้ว เช่น อาจกำลังเครียดเรื่องงาน ครอบครัว การเรียน พักผ่อนไม่เพียงพอ เจ็บป่วย อยู่นั้น อารมณ์จะอ่อนไหวง่าย เมื่อมาเสพข่าวที่หดหู่ก็จะเครียดได้ง่าย
คนที่มีโรควิตกกังวลหรือซึมเศร้าอยู่แล้ว จะถูกกระตุ้นได้ง่ายจากการเสพข่าวที่หดหู่
คนที่ใช้เวลาอยู่ในโลกออนไลน์เยอะ ก็มีโอกาสที่จะรับรู้ข่าวทั้งที่จริงและปลอม ทั้งดีและร้ายได้เยอะ
คนที่ขาดวิจารณญาณในการเสพข่าว อาจจะเป็นด้วยวัย วุฒิภาวะ หรือบุคลิกภาพ มีแนวโน้มจะเชื่อพาดหัวข่าวในทันทีที่เห็นได้ง่าย

วิธีจัดการความเครียดจากการเสพข่าวหดหู่ทั่วไปด้วยตนเอง
จำกัดเวลาในการเสพข่าว เคร่งครัดกับเวลาที่กำหนดไว้
หากเครียดมากอาจงดเสพข่าวหรือใช้สื่อสังคมออนไลน์ไปสักพัก
อย่าเชื่อพาดหัวข่าวที่เห็นในทันที เพราะพาดหัวข่าวมักใช้คำที่กระตุ้นอารมณ์เพื่อดึงดูดให้คนสนใจ แนะนำให้อ่านรายละเอียดของข่าวด้วย
ตรวจสอบข่าวก่อนจะเชื่อ อ่านข่าวจากสื่อที่เชื่อถือได้ เพราะปัจจุบันมีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์กันมาก
หากเป็นข่าวด่วนอาจรอสักหน่อยให้มีข้อมูลและความจริงมากขึ้นแล้วค่อยอ่านในรายละเอียดข่าว
พยายามมองหาสิ่งที่ดีในข่าวที่อ่านบ้าง ทุกอย่างมีทั้งด้านดีและร้ายเสมอ
อ่านข่าวที่ดีต่อใจบ้าง อย่าเสพแต่ข่าวที่หดหู่
อย่าเสพข่าวก่อนนอน เพื่อให้สมองได้พักและหลับได้ดี
ทำกิจกรรมคลายเครียด ผ่อนคลายบ้าง อย่าเอาแต่ติดตามข่าวทั้งวัน เช่น การดูหนัง ฟังเพลง ปลูกต้นไม้ เพื่อให้ชีวิตเกิดความบาลานซ์
พูดคุยกับคนอื่นบ้าง การหมกมุ่นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งคนเดียวจะยิ่งทำให้จมกับความคิดลบ ๆ ได้ง่าย
หากทำตามคำแนะนำข้างต้นแล้วยังเครียดมากอยู่ ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือ chatbot 1323 หรืออาจไปปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์
สุดท้ายอยากฝากไว้สักนิดว่าการรับรู้ข่าวสารเป็นเรื่องที่ดี แต่หากรับรู้มากเกินไปจะทำให้เกิดอารมณ์ร่วม ซึ่งข่าวบางข่าวอธิบายเหตุผลได้ไม่ครบ 100% เราจึงต้องมีสติ เพราะเรื่องราวที่เราได้รู้อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด เราเลือกที่จะไม่อินกับมันได้ ถ้าหากเริ่มอินกับข่าวมากเกินไปลองหากิจกรรมอื่นทำเพื่อให้ผ่อนคลายลดอาการเครียดลงบ้างนะคะ

ที่มา กรมสุขภาพจิต

เศรษฐกิจแย่ทีไร เหนื่อยใจ ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตรารู้กันดีว่าวิกฤตเศรษฐกิจทำให้คนมีความเครียดในระดับสูง แต่เราอาจนึกไม่ถึ...
27/05/2025

เศรษฐกิจแย่ทีไร เหนื่อยใจ ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต

รารู้กันดีว่าวิกฤตเศรษฐกิจทำให้คนมีความเครียดในระดับสูง แต่เราอาจนึกไม่ถึงว่าตัวเลขของคนที่ฆ่าตัวตายจะสูงมากขึ้นทุกปี แม้แต่คนที่อยู่รอบตัวเราหรือในโลกออนไลน์ต่างก็พร่ำบ่นถึงสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ และดูเหมือนว่าความเครียดนี้ได้กดทับทุกคนจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิต มีคนมากมายที่หันไปพึ่งพาแอลกอฮอล์หรือตัดสินใจฆ่าตัวตาย

📉 ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สุขภาพจิตก็เลยพังสุด ๆ !

เพราะสุขภาพจิตที่แข็งแรงต้องมาจาก “ความเป็นอยู่ที่ดี” เมื่อเราตระหนักถึงความสามารถของตนเอง ซึ่งสามารถรับมือกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้ และรู้สึกถึงคุณค่าในตนเอง ก็จะทำให้เรามีสติปัญญา (Cognitive) และอารมณ์ (Emotional) ที่ยืดหยุ่น ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างทักษะการเข้าสังคมและการรับมือกับความเครียด ทุนทางจิตใจนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเป็นคนที่ดีของครอบครัว ชุมชน และสังคม

อัตราการฆ่าตัวตายจึงมักจะเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่สังคมไม่มั่นคง โดยเฉพาะทางเศรฐกิจ เห็นได้จากงานวิจัยที่เคยพูดถึงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2550 ในยุโรปและอเมริกาเหนือที่นำไปสู่การฆ่าตัวตายมากกว่า 10,000 คน และผลการวิจัยในช่วงหลัง ๆ ก็แสดงให้เห็นว่าการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นในปีที่ดัชนีหุ้นตกต่ำอย่างมีนัยสำคัญ

ในทางจิตวิทยา ผลกระทบด้านสุขภาพจิตจากวิกฤตการณ์ทางการเงินอันเกิดจากการระบาดใหญ่นั้น เป็นความทุกข์ที่เกี่ยวพันกับ “ความยืดหยุ่นทางใจ” ที่เป็นเหมือนบ่อกักเก็บความสุขภายในตัวเรา ซึ่งรวมถึงการตั้งเป้าหมายและการเติบโตของคนเรา

ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจต่อสุขภาพจิตที่พบบ่อยที่สุด คือ ความเครียด ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า เพราะเราสัมผัสได้ถึงความไม่ปลอดภัย ความไม่มั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน อนาคตที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวนั้นอาจเลวร้ายเกินไป เพราะเรามองเห็นแต่ความเสี่ยงที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นด้านการงาน การเงิน สุขภาพกายและใจของคนในบ้าน และการสนับสนุนทางสังคม รายได้ที่เพียงพอ และต้นทุนต่าง ๆ โดยเฉพาะทุนทางสังคม ซึ่งก็คือ การที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ เรารู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่เราอยู่ ถ้าในชีวิตเรามีแรงสนับสนุนเหล่านี้จากสังคม (Social Support) ก็จะช่วยคลายความกังวลได้ในระดับหนึ่ง

ในทางกลับกัน ความยากจน ปัญหาทางการเงิน และการกีดกันทางสังคมเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กระทบกับปัญหาสุขภาพจิตและความผิดปกติอย่างที่กล่าวไป พฤติกรรมที่พบบ่อยคือการพึ่งพอแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีบทบาทสำคัญในการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ “ปัญหาความไม่เท่าเทียม” ถือเป็นเรื่องใหญ่ มีงานวิจัยมากมายยืนยันว่า ความไม่เท่าเทียมด้านรายได้และการศึกษาเชื่อมโยงกับอัตราการฆ่าตัวตายที่สูงขึ้น ความเปราะบางในจิตใจของคนเราก็มากขึ้นเช่นกัน ไม่ใช่แค่ในประเทศที่ยากลำบาก แต่สำหรับคนทุกคนที่เผชิญกับความไม่มั่นคงในชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่มนุษย์ต้องการสำหรับการสร้างเกราะป้องกันใจที่แข็งแรง เพราะอัตราการฆ่าตัวตายก็เพิ่มขึ้นแม้กระทั่งในประเทศที่พัฒนาแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าเส้นทางสู่การสร้างรายได้นั้นไม่มีที่สิ้นสุดและมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคนทั่วโลก

💲ยิ่งเศรษฐกิจย่ำแย่ ก็ยิ่งมองข้ามปัญหาสุขภาพจิตไม่ได้

เรารู้ชัดว่าเศรษฐกิจไม่ดีทำให้คนเครียด แต่จริง ๆ แล้วปัญหาสุขภาพจิตที่คนมากมายกำลังต่อสู้อยู่ก็ทำให้ประเทศสูญเสียกำลังแรงงานไปมากมายเช่นกัน ดังนั้นสุขภาพจิตจึงเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญ การเปลี่ยนจากการสร้างผลผลิตไปสู่สังคมแห่งความรู้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสุขภาพจิตเพื่อความยั่งยืนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สุขภาพจิตของประชากรที่ดีมีส่วนทำให้เกิดผลผลิตและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ สำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ หากสุขภาพจิตของคนย่ำแย่ ทุกอย่างก็จะหยุดชะงักได้โดยง่าย

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จนั้นล้วนเริ่มจากการช่วยเหลือผู้คนในด้านสุขภาพใจเป็นพื้นฐานอย่างการชดเชยให้ประชาชนด้วยสวัสดิการสังคมและนโยบายอื่น ๆ ไม่ว่าจะการสนับสนุนการโอกาสทางการศึกษา การชะลอหนี้ รวมถึงการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข นอกจากนี้ความเชื่อมั่นที่ได้รับจากการรายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่จำเป็นต่อการวางแผนชีวิตของประชาชนก็สำคัญ เพราะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอาจเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตร้ายแรง ที่น่าเป็นห่วงคือผู้ที่เคยประสบกับความลำบากในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย ไม่ว่าจะด้านการเงิน ที่อยู่อาศัย หรือที่เกี่ยวข้องกับงาน พบว่ามีภาวะตื่นตระหนก ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และการใช้สารเสพติดที่เป็นปัญหามากกว่าคนทั่วไป

Miriam Forbes, PhD, นักวิจัยอาวุโสด้านจิตวิทยาที่ Center for Emotional Health ที่ Macquarie University กล่าวว่า “การระบาดใหญ่ของ COVID-19 กำลังส่งผลกระทบอย่างรวดเร็วต่อเศรษฐกิจ โดยบ่งชี้ว่าเรากำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้งทั่วโลก การที่หลายคนตกงาน ประสบปัญหาทางการเงินและความไม่มั่นคงด้านที่อยู่อาศัยในสภาพปัจจุบัน ชี้ให้เห็นชัดเลยว่าประสบการณ์เลวร้ายทั้งหมดนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อ “การเสื่อมถอยของสุขภาพจิตในระยะยาว” ซึ่งสามารถเกิดการสะสมและยืดเยื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เราอาจเสียกำลังคนที่เป็นแรงงานสำคัญ เพราะต้องให้เวลาคนเหล่านี้ในการฟื้นฟูสุขภาพใจให้กลับมาแข็งแรง

แบบนี้แล้วอย่ารอช้ากับปัญหาความเครียดที่กวนใจ ดูแลสุขภาพจิตตั้งแต่วันนี้กันเถอะ

7 วิธีดูแลจิตใจ รับมืออาการฝนตกแล้วเศร้าฝนตกแล้วเศร้าเป็นเพราะอะไร? ใครเคยเป็นต้องมารวมตัวกันตรงนี้ด่วน เวลาที่ฝนตกแล้วร...
20/05/2025

7 วิธีดูแลจิตใจ รับมืออาการฝนตกแล้วเศร้า

ฝนตกแล้วเศร้าเป็นเพราะอะไร? ใครเคยเป็นต้องมารวมตัวกันตรงนี้ด่วน เวลาที่ฝนตกแล้วรู้สึกดิ่ง, รู้สึกเหงา, รู้สึกเศร้าและหมดหวัง บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเป็นผลกระทบที่มาจากอาการของโรคซึมเศร้า ที่เรียกว่า Seasonal Affective Disorder อาการซึมเศร้าในฤดูฝน ควรมองหาประกันอุบัติเหตุออนไลน์ไว้ด้วย เผื่อบางทีในช่วงที่เรารู้สึกดิ่ง ไม่ได้ทันระวังกับสิ่งรอบข้างก็อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้!

บอกต่อ 7 วิธีดูแลจิตใจ รับมืออาการฝนตกแล้วเศร้า!
ฝนตกแล้วเศร้าก็สามารถฮีลใจตัวเองได้นะ ถึงฝนไม่ได้เป็น 1 ในสาเหตุของโรคซึมเศร้าโดยตรงแต่ก็ส่งผลกับอารมณ์อย่างรุนแรง แบบนี้ต้องทำยังไงดี? ควรมีประกันอุบัติเหตุออนไลน์ไหม? มาดูไปพร้อมๆ กันกับ 7 วิธีที่จะเอามาเเชร์ต่อกัน ถ้ารู้แล้วต้องรู้สึกดีขึ้นแน่นอน!

1. ฝนตกแล้วเศร้าต้องออกกำลังกาย
วิธีแรกรับมือกับอาการฝนตกแล้วเศร้าด้วยการออกกำลังกาย ฝนมาแล้วมีอาการ Seasonal Affective Disorder สลัดมันทิ้งด้วยการขยับร่างกายในที่ร่ม วิธีนี้ดีต่อใจแถมดีต่อสุขภาพด้วยนะ! ดังนั้นอย่าเอาแต่นอนอย่างเดียว ถ้าไม่ลุกไม่เดินไปไหนความรู้สึกดิ่งก็จะไม่ไปไหนจากเราเหมือนกัน ออกกำลังกายให้ฉ่ำ แต่อย่าฉ่ำเกินจนผิดท่าผิดทางขึ้นมา เพราะไม่งั้นอาจจะต้องกริ๊งหาประกันออนไลน์ 2567 ให้มาช่วยจัดการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้

2. นอนหลับ
เขาว่ากันว่า เสียงฝนทำให้นอนหลับฝันดี เวลาฝนตกแล้วเศร้าการนอนหลับก็เป็น 1 วิธีที่ทำให้เราผ่อนคลายสมอง สลัดเรื่องเครียดทิ้งไปได้อย่างง่ายดาย อุปกรณ์ก็มีเพียงแค่เตียงและหมอน หากฤดูฝนมาเมื่อไหร่ ไปนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ถึงขั้นนอนเยอะไปหรือนอนน้อยไป เอาแค่พอดี ก็จะส่งผลดีกับใจที่เศร้าๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ!

3. พยายามอย่าอยู่คนเดียว
ทุกครั้งที่ฝนมักมาพร้อมเสียงคำรามกึกก้อง แค่ฝนก็ทำให้อารมณ์เหงาแล้ว ยังมีเสียงฟ้าผ่า ฟ้าแลบกวนใจอีก แบบนี้อยู่คนเดียวได้ไง ไม่ไหวไม่ต้องทนฝืน ไม่ต้องอยู่คนเดียว ไปหาอยู่กับคนอยู่กับแมวหรืออยู่กับอะไรก็ได้ ที่ทำให้เราอุ่นใจ!

4. หากิจกรรมต่างๆ ทำ
เวลาที่ฝนมาป้องกันอาการฝนตกแล้วเศร้าด้วยการทำกิจกรรมสุดคิ้วท์หรืองานอดิเรกคูลๆ เช่น ทำเล็บ, ดูหนัง, ร้องเพลง, อ่านหนังสือหรือจะต่อเลโก้เพลินๆ ทำอะไรก็ได้ ที่ทำแล้วรู้สึกผ่อนคลาย Enjoy ไปกับมัน จะทำให้เราลืมความเศร้าไปได้ง่ายขึ้น!

5. เขียนไดอารี่
สำหรับใครที่ชอบมีอาการฝนตกแล้วเศร้าอยากให้มีไดอารี่คนละ 1 เล่ม เอาไว้เขียนความรู้สึกในวันต่างๆ บันทึกเหตุการณ์ในแต่ละวัน เช่น วันนี้มีความสุขมาก, วันนี้จะออกไปเที่ยวกับเพื่อนสนิท, เมื่อวานเศร้ามากหรือวันก่อนไม่ทันได้ระวังมีดบาดจนเกือบได้เคลมประกันอุบัติเหตุแล้ว!

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเราจะดีหรือร้าย จดลงไดอารี่ให้หมด ก็เหมือนกับการที่เรามีคนคอยรับฟังโดยไม่ตัดสินนั่นแหละ จะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นจริงๆ

6. รับแสงแดดในทุกๆ วัน
อาการฝนตกแล้วเศร้ามีอีก 1 สาเหตุ ที่ทำให้ชีวิตหม่นหมองนั่นก็คือ ท้องฟ้าไม่สดใส แสงอาทิตย์ได้หายไป ทำให้อาการดิ่งเริ่มกลับมา! ถึงพยายามมีสติรู้ตัว แต่อารมณ์เศร้าก็ฟุ้งมากกว่า ฉะนั้นพยายามออกไปรับแสงแดดอ่อนๆ พาตัวเองออกไปสถานที่ที่มีบรรยากาศดีๆ อยู่บ่อยๆ ปล่อยให้ความเศร้าลอยหายไปกับอากาศและแสงแดดกันเถอะ! ก็จะช่วยให้ชีวิตมีแรงต้านกับอารมณ์หม่นๆ ได้ดีขึ้น

7. ลองทำสมาธิดูบ้าง
ในขณะที่จิตใจของเรากำลังว้าวุ่น การนั่งอยู่กับที่ ปล่อยวางทุกสิ่ง แล้วทำสมาธิ เพื่อฟังเสียงลมหายใจเข้าออกแบบช้าๆ จะช่วยให้ค้นพบความมหัศจรรย์ของการมีชีวิตอยู่ ทุกๆ อย่างจะเริ่มสงบลง วันละ 5 นาทีหรือตามความต้องการ แล้วเข้าใจว่าความเศร้าก็คืออีก 1 อารมณ์ ที่มาแล้วก็ไป อย่าไปยึดติดกับมันเลย!

สรุป
ฝนตกแล้วเศร้าไม่เป็นไรไม่ใช่เรื่องผิดและไม่ใช่เรื่องแปลก คนแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่กระตุ้นจิตใจไม่เหมือนกัน แต่ถ้าฝนตกแล้วเจออุบัติเหตุ ณ จุดนี้ต้องบอกเลยว่าเศร้าหนักมากถ้ายังไม่มีประกันติดตัว ลองหาซื้อประกันอุบัติเหตุจาก insurverse ดีไหม? ประกันที่มอบความปลอดภัยให้ ความเสี่ยงในชีวิตเท่ากับ 0 อุ่นใจไปการใช้ชีวิตแบบไร้กังวล ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ประกันก็พร้อมจัดการทุกปัญหาและค่าใช้จ่ายจากอุบัติเหตุให้ บอกเลยไม่มีนอยด์ ขอเคลมได้เสมอ แถมยังมีเบี้ยประกันราคาถูกปรับความคุ้มครองได้เองง่ายๆ ชีวิตปลอดภัยมากขึ้นแค่ซื้อประกันอุบัติเหตุติดตัว ได้รับทั้งความสุข ได้รับทั้งอิสระในการใช้ชีวิตที่ดีต่อใจชัวร์!

ระวัง “ซึมเศร้าหลังวันหยุด” สงกรานต์จบ แต่ไม่อยากกลับไปทำงาน      อาการทางจิตวิทยา “ไม่อยากทำงานหลังสงกรานต์“ ภาวะเศร้าห...
18/04/2025

ระวัง “ซึมเศร้าหลังวันหยุด” สงกรานต์จบ แต่ไม่อยากกลับไปทำงาน

อาการทางจิตวิทยา “ไม่อยากทำงานหลังสงกรานต์“ ภาวะเศร้าหลังวันหยุดยาว หรือ Post-Holiday Blues ควรฟื้นฟูจิตใจกลับสู่ชีวิตประจำวันให้ได้ ก่อนร้ายแรงจนต้องพบแพทย์
อาการ “ไม่อยากทำงานหลังสงกรานต์” เป็นหนึ่งในภาวะที่หลายคนอาจประสบปัญหานี้อยู่ และไม่ใช่โรคทางการแพทย์ แต่เป็นอาการทางจิตวิทยาที่ใกล้เคียงกับ Post-Holiday Blues หรือ “ภาวะซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว” เมื่อผ่านช่วงเวลาวันหยุดยาว เทศกาล หรือช่วงพักผ่อนที่สนุกสนาน เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ หรือวันหยุดพักร้อน แล้วต้องกลับเข้าสู่สภาพแวดล้อมเดิม เช่น การทำงาน การเรียน หรือความรับผิดชอบในชีวิตประจำวัน

สาเหตุของ Post-Holiday Blues
เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและกิจวัตรกะทันหัน
มีความคาดหวังสูงในช่วงวันหยุด แล้วกลับมาเจอความจริงที่ต่างออกไป
เหนื่อยล้าทางร่างกายจากการท่องเที่ยว ดื่มสังสรรค์ หรือเดินทางไกล
“คิดถึงวันหยุด” โดยเฉพาะเมื่อกลับเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่เคร่งเครียด

อาการที่พบบ่อย
รู้สึกเศร้า เบื่อหน่าย หรือหมดแรง
ขาดแรงจูงใจในการทำงาน
นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท
รู้สึกวิตกกังวลหรือหงุดหงิดง่าย

วิธีฟื้นฟูจิตใจหลังภาวะซึมเศร้า
การยอมรับความรู้สึก การยอมรับว่าความเศร้านั้นเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรับตัว ซึ่งการยินดีและยินยอมที่จะเศร้าโดยการปลดปล่อยมันออกมา เช่น การร้องไห้ จะช่วยให้เราสามารถจัดการกับอารมณ์ได้ดีขึ้น
สร้างกิจกรรมใหม่ วางแผนทำกิจกรรมที่สนุกสนานหรือท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อสร้างความตื่นเต้นในชีวิตประจำวัน เช่น การไปเดินป่า การเข้าคอร์สเรียนใหม่ หรือแม้แต่การลองทำอาหารใหม่ๆ
แชร์ประสบการณ์ การได้พูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์วันหยุดกับเพื่อนหรือครอบครัว สามารถช่วยลดความรู้สึกเหงาและเศร้าได้ หรือลองสร้างอัลบั้มภาพ หรือวิดีโอเพื่อแบ่งปันความทรงจำที่ดีเหล่านั้นกับคนอื่นก็เป็นสิ่งที่ช่วยได้มากเช่นกัน
ฝึก Mindfulness หรือการทำสมาธิเพื่อฝึกสติ ช่วยให้คุณอยู่กับปัจจุบันและลดความวิตกกังวล เช่น ลองใช้แอปพลิเคชันสำหรับการทำสมาธิเพื่อช่วยในการฝึกฝน
วางแผนทริปใหม่ การมีสิ่งที่ต้องรอคอย เช่น การวางแผนทริปเที่ยวครั้งถัดไป สามารถช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจและลดความเครียดได้ โดยอาจเริ่มต้นจากการสำรวจสถานที่หรือจองตั๋วเครื่องบินสำหรับทริปในอนาคต
อย่างไรก็ตาม Post-Vacation Blues หรืออาการซึมเศร้าหลังเที่ยว เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรม การเข้าใจถึงสาเหตุและนำวิธีการจัดการที่ถูกต้องมาปรับใช้ จะช่ววฟื้นฟูจิตใจและกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขดังเดิม หากเวลาผ่านไปแล้วพบว่าความรู้สึกเหล่านี้ยังคงอยู่ ควรพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมอย่างเหมาะสมต่อไป

โรคแพนิค (Panic Disoder) คืออะไรเรามาทำความรู้จักโรคนี้กันหน่อย โรคแพนิค (Panic Disoder) คือ ภาวะตื่นตระหนกต่อสิ่งใดสิ่ง...
06/04/2025

โรคแพนิค (Panic Disoder) คืออะไร
เรามาทำความรู้จักโรคนี้กันหน่อย โรคแพนิค (Panic Disoder) คือ ภาวะตื่นตระหนกต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลหรือหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งโรคนี้จะแตกต่างจากอาการหวาดกลัวปกติทั่ว ๆ ไปนะ คือผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่ จะเกิดอาการแพนิคหรือหวาดกลัวอย่างรุนแรง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองอาจจะไม่ได้เผชิญหน้าหรือตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอาการแพนิคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จนทำให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้รู้สึกกลัว ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แม้โรคนี้จะดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้อันตรายมาก คือถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่องก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข

สาเหตุและอาการของโรคแพนิค
คราวนี้เรามาดูที่สาเหตุของโรคแพนิคกันบ้าง ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็มีข้อสันนิษฐานว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคแพนิคอาจเกิดจากปัจจัยทางกายภาพและปัจจัยทางสุขภาพจิตด้วยอย่าง

ปัจจัยทางกายภาพ ผู้ป่วยโรคแพนิคอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งประกอบด้วยการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ความผิดปกติของสมองและการได้รับสารเคมีต่าง ๆ

ปัจจัยทางสุขภาพจิต อาจจะเกิดมาจากเหตุการณ์ร้ายแรง ที่เกิดขึ้นในชีวิต เป็นตัวการส่งผลให้เกิดโรคแพนิคได้ด้วยเช่นเดียวกันค่ะ

อาการของโรคแพนิคเป็นยังไง
ประเมินตนเองเบื้องต้น หากมีอาการในหัวข้อต่อไปนี้ ตั้งแต่ 4 อาการขึ้นไป ว่ามีความกลัววิตกกังวลหรือความอึดอัดไม่สบายใจอย่างรุนแรง เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตัวสั่น มือเท้าสั่น
หายใจไม่อิ่ม หรือ หายใจขัด
ใจสั่น ใจเต้นแรง หรือใจเต้นเร็วมาก
เหงื่อแตก
รู้สึกอึดอัด หรือแน่นอยู่ข้างใน
เจ็บหน้าอก หรือแน่นหน้าอก
คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วน
วิงเวียน โคลงเคลง มึนตื้อ หรือเป็นลม
ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวสั่น ร้อนวูบวาบ เหมือนจะเป็นไข้
รู้สึกชา หรือรู้สึกซ่า ๆ (paresthesia)
รู้สึกเหมือนสิ่งรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป (derealization หรือ depersonalization)
กลัวคุมตัวเองไม่ได้ หรือกลัวเป็นบ้า
กลัวว่าตนเองกำลังจะตาย

1. หากนี่เป็นอาการที่เกิดขึ้นครั้งแรก ควรไปพบแพทย์ทันที!

สำหรับคนที่ลองสังเกตอาการของตัวเองแล้วรู้สึกว่า ฉันมีอาการตามที่บอกมา แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองป่วยเป็นโรคแพนิครึเปล่า เราแนะนำว่า ให้รีบไปพบแพทย์นะคะ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด

สุดท้าย ถ้ามันเกิดเป็นโรคนี้ขึ้นมาจริง ๆ เพื่อน ๆ จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงทีและถูกต้องต่อไป ไม่ต้องกลัวที่จะไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ เพราะอย่างน้อยๆ คำปรึกษาของคุณหมอ ก็ยังพอที่จะสามารถ ช่วยทำให้ความกังวลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเบาบางลง ได้และอย่าลืม ติดตามผลการรักษาและรับประทานยาตามที่คุณหมอสั่ง ด้วยนะ ห้ามหยุดยาหรือลดขนาดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้อาการแพนิคนั้นกำเริบขึ้นมาได้อีก

2. ตั้งสติ อย่าเพิ่งคิดไปไกล

แม้ความวิตก ความหวาดกลัวจะเกิดขึ้นได้ อย่างไม่มีสาเหตุ แต่บางครั้ง มันก็มีเหตุกระตุ้น ที่ทำให้อาการของเรามันกำเริบได้เช่นเดียวกัน สมมติว่าถ้าเพื่อนๆ รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ จะทำให้คุณอาการกำเริบได้ก็ให้รีบพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์แย่ ๆ นั้นให้เร็วที่สุด ! แต่ถ้าอยู่ ๆ อาการแพนิคดันเกิดขึ้นกระทันหัด แบบไม่ทันตั้งตัวให้พยายามตั้งสติ อย่าตกใจและอย่าคิดว่าจะป่วยหนักหรือจะหัวใจวายหรือเสียชีวิตเพราะจะยิ่งทำให้เกิดความเครียดและเป็นมากขึ้น ให้เริ่มจากการนั่งพัก จากนั้นให้หายใจเข้าออกช้าๆ ลึก ๆ ยาว ๆ เหมือนเวลานั่งสมาธิแล้วรอให้อาการสงบไปเองอาการก็จะดีขึ้นภายใน 15 - 20 นาทีหรือจะรับประทานยาที่แพทย์ให้ไว้สำหรับเวลามีอาการร่วมด้วยก็ได้เท่านี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว

3. ออกกำลังกาย

การออกกำลัง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีไม่น้อย หลายๆ คนอาจจะคิดว่า เอ้า! ออกกำลังกาย มันจะไม่ยิ่งไปกระตุ้นให้ใจสั่นกว่าเดิมหรอ แบบนี้มันเสี่ยงนะ ใครจะไปกล้าทำใจเย็นๆ ก่อนนะ รู้มั้ยวว่า การออกกำลังกายจะช่วยทำให้ระบบหัวใจและปอดทำงานได้อย่างสมดุลยิ่งขึ้น

มีผลวิจัยออกมาว่า ผู้ป่วยที่ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะเกิดอาการแพนิคและอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องน้อยลง ก็ไม่ต้องออกกำลังท่าพิศดารอะไรขนาดนั้น เอากิจกรรมที่เราถนัด ทำแล้วไม่เกินกำลังของตัวเราเอง อาจจะโยคะ วิ่ง เดิน ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาชนิดอื่นๆ แค่ให้ร่างกายมันได้ขยับเขยื้อนบ้าง เท่านี้ก็โอเคแล้ว

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลตัวเองที่ดีมากๆ ก็อย่างที่รู้ๆ กันนั่นแหละ ผลดีของการพักผ่อนให้เพียงพอ มีเยอะมากๆ ซึ่งสำหรับ ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคแพนิค ก็ควรที่จะพักผ่อนให้เพียงพอและมีสุขลักษณะการนอนที่ดีด้วย เพราะ การอดหลับอดนอนจะทำให้อาการกำเริบได้ง่าย แถม ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้านอีกด้วยนะ เพราะฉะนั้น การนอนหลับพักผ่อนเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อทั้งผู้ป่วยและทุกๆ คน ละเลยไม่ได้เลยนะ

5. หาเหตุผลที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล

ด้วยสาเหตุของโรคแพนิค อย่างที่เราบอกไปข้างต้น มันเกิดได้หลายสาเหตุ ฉะนั้นเพื่อนๆ ลองมองหาสาเหตุของตัวเองดูซิ ว่าทำไมเราถึงได้มีอาการวิตกกังวลรุนแรงแบบนี้เกิดขึ้นได้ เมื่อพบสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ถ้าคุณรู้สึกว่า เราสามารถแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้นะ ก็อยากให้ลองพยายามแก้ไขปัญหานั่น ๆ ดู แต่ถ้ารู้สึกว่า ไม่ไหวอะ แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ให้คิดหาวิธีเตรียมตัวรับมือกับความกดดันที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคตทั้งนี้ทั้งนั้น การได้ปรึกษาหรือระบายปัญหาต่างๆ กับคนที่ไว้ใจได้หรือจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิต ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีรับมือโรคแพนิคได้ดีเลยทีเดียว

6. ลดความกังวล ด้วยการเปลี่ยนจุดโฟกัส

บางทีพอเราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำให้เรากังวลใจมากๆ อะ มันก็จะยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่มากขึ้น ๆ ไปอีก ทั้งกดดัน กลัว จิตตก อารมณ์แบบดิ่งมากๆ เลยใช่ป่ะ ฉะนั้น อีกหนึ่งวิธีที่เราว่าก็โอเคนะ เป็นวิธีที่จะช่วยลดความตื่นตระหนกและความวิตกกังวลได้ดีมาก ๆ เลยก็คือ การลดความกดดัน ด้วยการเปลี่ยนจุดโฟกัส ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปสู่เรื่องอื่นที่ดีต่อใจมากกว่า เราว่าทุก ๆ คนมีเรื่องที่ตัวเองชอบและอยากทำกันอยู่แล้วแหละเนอะ เพราะงั้นเราก็ แค่หันไปโฟกัสและลองทำสิ่งที่เราชอบมากขึ้น นอกจากจะช่วยทำให้เราแฮปปี้แล้ว ยังช่วยลดความกดดัน ที่เจออยู่ได้ด้วยนะคะ

7. กังวลเก่งนัก ก็ฝึกผ่อนคลายความเครียดซะเลยซิ!

นอกจากวิธีการออกกำลังกาย อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยรับมือกับโรคแพนิคได้ก็คือ การฝึกผ่อนคลายความเครียด อย่างสม่ำเสมอและใช้เวลาในการฝึกอย่างน้อยครั้งละ 15 - 30 นาที ซึ่งก็มีวิธีให้เพื่อน ๆ ได้เลือกฝึกหลายวิธีเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น การฝึกทำสมาธิหรือเดินจงกรม การฝึกจินตนาการเพื่อการผ่อนคลาย โดยอาจใช้การฟังเพลงช่วย การฝึกเล่นโยคะ ร่วมไปถึงการทำงานอดิเรกต่าง ๆ ที่ทำแล้วผ่อนคลายและมีความสุข (จะเชื่อมโยงกับวิธีที่ 6 นั่นเอง) ซึ่งวิธีการเหล่านี้ จะช่วยลดความวิกตกกังวลที่เกิดขึ้น ให้มันเบาบางลงได้

ที่อยู่

662/18 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา
Bangkok
10120

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 17:30
อังคาร 08:30 - 17:30
พุธ 08:30 - 17:30
พฤหัสบดี 08:30 - 17:30
ศุกร์ 08:30 - 17:30

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Lord Mind Technology -Thailand-ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Lord Mind Technology -Thailand-:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท