DBoonศูนย์ดูแลข้อและกระดูก

DBoonศูนย์ดูแลข้อและกระดูก ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก DBoonศูนย์ดูแลข้อและกระดูก, แพทย์, Bangkok.

มีปัญหากระดูกแนะนำผลิตภัณฑ์D-Boon (ดีบูน)
อาหารเสริมที่มียอดขายสูงสุดทั้งในยุโรปและอเมริกา ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งของกระดูกและข้อต่อค่ะ

สนใจสอบถาม/สั่งซื้อได้ที่คุณเอ

โทร.087-911-4239

Line id:biggbosd

ทักลิงค์Line:แอดมินทางร้านมาคุยรายละเอียดได้ค่ะ
http://line.me/ti/p/~biggbosd

ปวดร้าวลงที่ก้นกบ โรคร้ายที่ใครๆ ก็มองข้าม !ปวดก้นกบ (coccydynia)หลายบทความก่อนหน้านี้ผมได้เขียนถึงเรื่องอาการปวดหลัง ปว...
02/06/2017

ปวดร้าวลงที่ก้นกบ โรคร้ายที่ใครๆ ก็มองข้าม !
ปวดก้นกบ (coccydynia)
หลายบทความก่อนหน้านี้ผมได้เขียนถึงเรื่องอาการปวดหลัง ปวดสะโพกและวิธีการแยกโรคมามากมาย แต่มีอีกโรคนึงที่ผมยังไม่เคยเขียนหรือพูดถึงเลย นั่นคืออาการปวดก้นกบ จัดว่าเป็นโรคที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจมากนัก (แม้แต่ผมยังมองข้ามไปเลยในบางครั้ง) เพราะอาการปวดมันคล้ายๆกับอาการปวดหลังกับอาการปวดประดูกเชิงกรานจนโดนเหมารวมไปซะงั้น ฉะนั้น เรามารู้จักกับอาการปวดก้นกบกัน
ก้นกบอยู่ที่ไหน?
ก้นกบในที่นี้ไม่ได้หมายถึงก้นของกบที่ร้องอ๊บๆนะครับ แต่คือกระดูกส่วนปลายที่ต่อจากกระดูกสันหลังส่วนเอวข้อที่ 5 ลงมา ถ้าในขณะที่เรานั่งเก้าอี้อยู่แล้วใช้มือคลำตั้งแต่ร่องก้นขึ้นมาจะคลำเจอกระดูกแข็งๆ ตรงนั้นแหละครับคือกระดูกก้นกบ ซึ่งประกอบไปด้วยกระดูก 5 ชิ้นเชื่อมต่อกันจนเป็นกระดูกชิ้นเดียวกัน ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระเหมือนกระดูกสันหลังนะครับ ทำหน้าที่รับนํ้าหนักและกระจายแรงขณะที่เรานั่ง จัดว่าเป็นกระดูกที่มีความแข็งแรงสูงมากเลยทีเดียว
อาการปวดก้นกบ
- ปวดที่ก้นกบเมื่อนั่ง ไม่ว่าจะนั่งบนพื้นแข็งหรือนุ่ม
- อาการปวดจะร้าวตั้งแต่ก้นกบลงมาถึงก้นทั้ง 2 ข้าง หรืออาจร้าวเพียงข้างเดียวก็ได้ครับ
- ปวดมากเมื่อเปลี่ยนท่านั่งเป็นยืน
- เมื่อกดที่ก้นกบตรงๆจะรู้สึกปวดมาก รู้สึกปวดขัดๆ และอาจปวดร้าวลงก้นได้ ซึ่งลักษณะอาการปวดจะคล้ายๆกับโรคปวดสะโพกร้าวลงขา (SI joint syndrome) และวิธีการรักษาก็มักจะรักษาควบคู่กันไปทั้ง 2 ข้อต่อนี้เลยครับ
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดก้นกบ?
โดยปกติแล้วกระดูกก้นกบของคนเราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระเหมือนกระดูกสันหลัง แต่จะเป็นลักษณะข้อกระดูกที่ยึดติดกันแน่น มีความมั่นคงแข็งแรงสูง จู่ๆจะเกิดอาการปวดเหมือนปวดหลังคงเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าเกิดปวดขึ้นมา โดยมากมักเกิดจากแรงที่มากระทำภายนอกครับ ดังนี้
- เกิดจากการนั่งพื้นแข็ง : อย่างที่ได้กล่าวไปว่า กระดูกก้นกบทำหน้าที่รับนํ้าหนักและกระจายแรงขณะนั่ง หากเรานั่งบนพื้นที่แข็งเป็นประจำจะทำให้กระดูกก้นกบเกิดแรงกดมากเกินไปจนเกิดอาการปวดได้ วิธีแก้ก็เพียงแค่นั่งบนพื้นที่นุ่ม หาเบาะมารองนั่ง หรือออกกำลังกายกล้ามเนื้อหลังและก้นให้แข็งแรงจะช่วยในการกระจายนํ้าหนักได้ดีครับ
- เกิดจากอุบัติเหตุ : เช่น เคยล้มก้นกระแทกพื้น โดนรถชนที่ก้น ก็อาจทำให้ข้อต่อที่ยึดกันเองภายในก้นกบเคลื่อน เส้นเอ็นที่ยึดข้ออักเสบและทำให้เกิดอาการปวดได้ในที่สุด
- ตั้งครรภ์ : สาเหตุนี้พบได้เป็นอันดับต้นๆเลยครับ เพราะขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศหญิงออกมามากกว่าปกติ ทำให้เส้นเอ็นที่ยึดข้อต่อต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณอุ้งเชิงกรานคลายตัวเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในครรภ์ให้แก่เด็กทารก และให้ทารกคลอดได้ง่าย แล้วผลจากการที่เส้นเอ็นคลายตัวทำให้ความมั่นคงของข้อต่อลดลงโดยเฉพาะกระดูกสันหลังส่วนล่างและกระดูกก้นกบ แถมขณะตั้งครรภ์นํ้าหนักจะไปกดให้กระดูกก้นกบแบะตัวออกจากอุ้งเชิงกราน เส้นเอ็นถูกยืดมากขึ้น ผลก็คือทำให้เกิดอาการปวดก้นกบได้ทั้งที่ตั้งครรภ์อยู่และคลอดแล้วนั่นเองครับ
- อ้วนลงพุง : ผู้ที่อ้วนลงพุงจะทำให้กระดูกสันหลังส่วนเอวแอ่นไปข้างหน้ามากขึ้นตามแรงดึงของหน้าท้อง และกระดูกก้นกบก็มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้มีการโค้งตาม เมื่อเรานั่งลงกระดูกก้นกบจึงรับนํ้าหนักและกระจายแรงได้ไม่ดี เพราะตำแหน่งการวางตัวของก้นกบไม่เหมาะสม และที่สำคัญผู้ที่นํ้าหนักมากๆจะยิ่งเพิ่มแรงกดต่อกระดูกก้นกบมากขึ้นเช่นกัน จึงเกิดอาการปวดได้ นอกจากนี้ภาวะอ้วนลงพุงยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนได้ด้วยนะครับ
ปรึกษา โทร.087 911 4239

การเจาะน้ำไขสันหลังเจาะหลัง คืออะไรการเจาะหลัง/แทงหลัง เป็นการที่หมอแทงเข็มเข้าไปในช่องไขสันหลังเพื่อจุดประสงค์ต่างๆกัน ...
01/06/2017

การเจาะน้ำไขสันหลัง

เจาะหลัง คืออะไร
การเจาะหลัง/แทงหลัง เป็นการที่หมอแทงเข็มเข้าไปในช่องไขสันหลังเพื่อจุดประสงค์ต่างๆกัน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจหาโรค , การให้ยาชา หรือการให้ยาเพื่อรักษาโรค

ช่องไขสันหลังคืออะไร
เราขยับแขนขาร่างกายได้ก็ด้วยการสั่งงานจากสมองผ่านทางเส้นประสาท โดยเส้นประสาทจากสมองจะเดินทางลงมาตามแนวกระดูกสันหลังเรียกว่า"ไขสันหลัง" (Spinal cord) จากนั้นจึงจะแยกออกไปบังคับแขนขาต่อไป ด้วยความที่ไขสันหลังต่อออกมาจากสมองโดยตรง ดังนั้นจึงเปรียบเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของสมอง ถ้าสมองมีการติดเชื้อ เชื้อโรคก็จะออกมาอยู่ในน้ำรอบๆสมองและลงมาตามไขสันหลัง ถ้าเส้นเลือดมีการแตกออกมาที่น้ำรอบๆสมอง ก็จะตรวจเจอเลือดในน้ำไขสันหลัง ถ้าสมองมีความดันเพิ่มขึ้น น้ำในไขสันหลังก็จะมีความดันที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การตรวจน้ำจากไขสันหลัง จึงคล้ายกับว่าเราตรวจน้ำที่มาจากสมอง เพียงแต่เปลี่ยนจากการเจาะกระโหลกศีรษะเข้าไปมาเป็นการเจาะที่หลังซึ่งง่ายและปลอดภัยกว่าแทน

เวลาเจาะ แพทย์จะให้ผู้ป่วยนอนตะแคงเข่าคู้ จากนั้นจะทำความสะอาดที่หลังบริเวณก้นกบ จากนั้นก็จะแทงเข็มไขสันหลังเข้าไป ในระหว่างที่แทงผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่งๆ แพทย์จะรองน้ำที่ไหลออกมาประมาณ 1-3ซีซี ลงในขวด ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือ เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติทางสมองมาก หรือในผู้ป่วยเด็ก อาจจะมีการให้ยาหรือการรัดตรึงแขนขาในระหว่างการเจาะ

📣แชร์ประสบการณ์จริงลูกค้า>>>คุณปิลดาหลังจากมีปัญหาสุขภาพ⏩ข้อเข่าเสื่อมมานาน⏩ปวด, ขัดและตึงกล้ามเนื้อที่ขา⏩เดินขาตรง ไม่ส...
30/05/2017

📣แชร์ประสบการณ์จริงลูกค้า>>>
คุณปิลดาหลังจากมีปัญหาสุขภาพ
⏩ข้อเข่าเสื่อมมานาน
⏩ปวด, ขัดและตึงกล้ามเนื้อที่ขา
⏩เดินขาตรง ไม่สามารถงอเข่าได้สร้างความทรมารเป็นอย่างมาก
💡💡หลังรับประทานดีบูน3กล่องและโกเรจินดี1กล่อง
👍👍ปรากฏว่าลูกค้าอาการดีขึ้นเรื่อยๆ
💪💪จนสามารถเดินขางอเข่าได้ไม่มีอาการปวด,สุขภาพดีขึ้นอาการขัดขาดีขึ้นมากประทับใจสินค้าดีบูนเป็นอย่างมาก*ปัจจุบันสุขภาพแข็งแรงสามารถทำงานในไร่,ในนาได้สบายมากค่ะ🆗🆗🆗
สอบถามข้อมูล/สั่งซื้อ📲087 911 4239

🔊🔊จำหน่ายของแท้100%
🚚🚚มีบริการส่งสินค้าหน้าบ้าน/เก็บเงินปลายทาง
**กรณีชำระโอนส่งฟรีems
🌟🌟รับสมัครตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

อาการกระดูกทับเส้นกระดูกทับเส้นเกิดขึ้นได้ทุกส่วนตามแนวกระดูกสันหลังซึ่งเริ่มตั้งแต่คอไปจนถึงหลังส่วนล่าง ซึ่งกระดูกสันห...
30/05/2017

อาการกระดูกทับเส้น

กระดูกทับเส้นเกิดขึ้นได้ทุกส่วนตามแนวกระดูกสันหลังซึ่งเริ่มตั้งแต่คอไปจนถึงหลังส่วนล่าง ซึ่งกระดูกสันหลังส่วนล่างเป็นบริเวณที่เกิดกระดูกทับเส้นได้บ่อย ทั้งนี้ กระดูกสันหลังประกอบด้วยเส้นประสาทและเส้นเลือดที่มีโครงสร้างซับซ้อน เมื่อหมอนรองกระดูกเคลื่อนจึงทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทและกล้ามเนื้อที่อยู่ล้อมรอบแนวกระดูกสันหลังได้ ผู้ป่วยกระดูกทับเส้นมักมีอาการ ดังนี้

เจ็บปวดบริเวณที่ถูกกดทับ อาการเจ็บปวดนี้มักกำเริบเมื่อเกิดการกดทับบริเวณเส้นประสาท โดยจะมีอาการเมื่อไอ จาม หากหมอนรองกระดูกทับเส้นที่คอ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บมากบริเวณไหล่และแขน หากกระดูกทับเส้นเกิดขึ้นบริเวณเส้นประสาทไซอาติก (Sciatic Nerve) ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่ยาวที่สุดในร่างกายเริ่มตั้งแต่ด้านหลังบริเวณเชิงกราน ก้น ร้าวลงไปถึงขาและเท้าทั้งสองข้าง ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บตั้งแต่ก้นลามไปถึงต้นขาหลัง สะโพก น่อง และเท้า โดยมีอาการเจ็บเล็กน้อยจนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดร้าวลงขาเมื่อต้องเดินในระยะทางสั้น ๆ และอาการแย่ลงเมื่อยืนขึ้น นั่งลง เคลื่อนไหวบางท่า หรือตอนกลางคืน
รู้สึกชาหรือเสียวปลาบ กระดูกทับเส้นอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกชาหรือเสียวปลาบที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เนื่องจากเส้นประสาทของร่างกายส่วนนั้นถูกกดทับ รวมทั้งเสียวปลาบ ปวด หรือรู้สึกแสบร้อนบริเวณที่เส้นประสาทถูกกดทับ
กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อบริเวณที่เส้นประสาทถูกกดทับนั้นมีแนวโน้มอ่อนแรง หากกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ป่วยมักสะดุดหรือล้มบ่อย หยิบหรือถือของไม่ถนัด หากมีอาการรุนแรงอาจไม่สามารถยกหรือถือของได้

โรคข้อไหลติด (Adhesive Capsulitis / Frozen Shoulder)เป็นโรคที่พบบ่อยในกลุ่มอายุ 40-60 ปี จะมีอาการปวดตื้อๆบริเวณข้อไหล่ ...
24/05/2017

โรคข้อไหลติด (Adhesive Capsulitis / Frozen Shoulder)

เป็นโรคที่พบบ่อยในกลุ่มอายุ 40-60 ปี จะมีอาการปวดตื้อๆบริเวณข้อไหล่ มักจะปวดมากขึ้นเมื่อพยายามทำการเคลื่อนไหวข้อไหล่ ตำแหน่งที่ปวดมักจะเป็นด้านบนและด้านหน้าของข้อไหล่รวมทั้งบริเวณต้นแขน โดยมีอาการสำคัญคือ เคลื่อนไหวข้อไหล่ได้ลำบากไม่สามารถยกแขนขึ้นสูงได้ เช่น ไม่สามารถเอื้อมหยิบของ หวีผมเองได้ เกาหลังไม่ได้ ซึ่งเกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเยื้อหุ้มข้ออาจเกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ส่วนมากมักเกิดกับผู้ที่มีข้อไหล่บาดเจ็บหรือเคลื่อนไหวได้น้อยกว่าปกติ เช่น กระดูกแขนหักต้องใส่เฝือกนานๆ หรือมีเอ็นกล้ามเนื้อข้อไหล่อักเสบและมีอาการปวดจนทำให้ผู้ป่วยหยุดใช้แขนข้างที่บาดเจ็บ มีปัญหาของกระดูกข้อต่อและเส้นประสาทคอก็ทำให้เกิดภาวะข้อไหล่ติดได้

โรคเส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อมือ (Carpal tunnel syndrome) เมื่อมีอาการชาที่แขนหรือชาที่มือทั้งเช้าสายบ่ายเย็น จนรบกวนชีวิต...
21/05/2017

โรคเส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อมือ (Carpal tunnel syndrome)


เมื่อมีอาการชาที่แขนหรือชาที่มือทั้งเช้าสายบ่ายเย็น จนรบกวนชีวิตประจำวันของเราๆท่านๆไม่มากก็น้อย ซึ่งจากอาการดังกล่าวหลายคนมักจะนึกถึงโรคอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับการกดทับเส้นประสาท โดยเฉพาะโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทที่คอ หรือโรคกระดูกคอเสื่อม เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกโรคหนึ่งที่มีอาการใกล้เคียงกัน นั่นก็คือโรค Carpal tunnel syndrome (โรคเส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อมือ) เรามารู้จักเจ้าโรคนี้กันดีกว่า

เป็นกลุ่มโรคเกิดขึ้นเนื่องจากเกิดพังผืดที่หนาตัวขึ้นบริเวณข้อมือทางด้านฝ่ามือ แล้วไปกดทับเส้นประสาท median nerve ที่บริเวณข้อมือ ซึ่งบริเวณข้อมือจะมีลักษณะเป็นโพรงที่ประกอบไปด้วยผนังด้านหน้ามีเส้นเอ็นที่ชื่อว่า tranverse carpal ligament ถ้าเส้นเอ็นนี้เกิดตึงตัวมากๆจะทำให้โพรงภายในข้อมือตีบแคบลง ทำให้เส้นเอ็น tranverse carpal ligament ไปกดทับเส้นประสาท median nerve จนเกิดอาการปวด ชาบริเวณนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลางได้นั่นเองครับ

โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท รศ.นพ.อารีศักดิ์ โชติวิจิตร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคทางกระดูกสันหลังและการผ่าตัดข้อเทียม ศ...
21/05/2017

โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท รศ.นพ.อารีศักดิ์ โชติวิจิตร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคทางกระดูกสันหลังและการผ่าตัดข้อเทียม ศูนย์ออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ (SiPH) ได้กล่าวไว้ว่า หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม (กระดูกทับเส้น) มีสาเหตุเกิดมาจาก 3 ประการที่สำคัญก็คือ อย่างแรกการสึกกร่อนตามอายุการใช้งาน เช่นการนั่งเป็นเวลายาวนานไม่เปลี่ยนท่า การที่ต้องขับรถเป็นระยะทางไกลๆเป็นประจำ อย่างทีสองคือการยกของหนัก อย่างที่สามก็คือการเกิดหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมจากพฤติกรรมเสี่ยงเช่น บุหรี่ที่จะทำให้เลือดไปเลี้ยงหมอนรองกระดูกน้อยลง

โรคข้ออักเสบ (Arthritis) เป็นภาวะที่เกิดการทำลายข้อต่อของร่างกาย ข้ออักเสบมีหลายรูปแบบที่พบมากที่สุดคือ ข้อเสื่อม (Osteo...
19/05/2017

โรคข้ออักเสบ (Arthritis) เป็นภาวะที่เกิดการทำลายข้อต่อของร่างกาย ข้ออักเสบมีหลายรูปแบบที่พบมากที่สุดคือ ข้อเสื่อม (Osteoarthritis) เกิดจากการบาดเจ็บของข้อต่อ การติดเชื้อที่ข้อต่อ และอายุที่มากขึ้น ส่วนข้ออักเสบรูปแบบอื่นๆ เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อสะเก็ดเงิน เกิดจากภาวะภูมิต้านทานตนเอง ข้ออักเสบติดเชื้อ เช่นโรคเก๊าท์ เกิดจากการสะสมผลึกของกรดยูลิกที่บริเวณข้อ ทำให้เกิดการอักเสบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโรคข้ออักเสบอื่นๆอีก เช่น โรคสติลล์ โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด อาการและการรักษาก็จะแตกต่างกันไปตามโรคนั้นๆคะ

โรครูมาตอยด์ (Rheumatoid) คือกลุ่มอาการของโรคที่มีการอักเสบของทุกระบบในร่างกาย แต่ที่จะเห็นได้ชัดที่สุดก็คือ บริเวณเยื่อ...
19/05/2017

โรครูมาตอยด์ (Rheumatoid) คือกลุ่มอาการของโรคที่มีการอักเสบของทุกระบบในร่างกาย แต่ที่จะเห็นได้ชัดที่สุดก็คือ บริเวณเยื่อบุข้อ และเยื่อบุเส้นเอ็น โดยลักษณะเด่นของโรคนี้คือ มีการเจริญของเยื่อบุข้ออย่างมากจนทำให้เกิดการลุกลามและทำลายกระดูกในที่สุด นอกจากนี้ยังอาจมีอาการเกี่ยวข้องกับระบบอื่น ๆ ในร่างกายได้อีก เช่น ตา เส้นประสาท หรือกล้ามเนื้อ เป็นต้น ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคนั้นยังไม่แน่ชัด แต่จากการศึกษาพบว่าโรคนี้เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อบางชนิด หรือเกิดจากพันธุกรรมที่ผิดปกติ นอกจากนี้ยังพบว่าการสูบบุหรี่สามารถเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคข้ออักเสบได้อีกด้วย

วิธีการสังเกตว่าตนเองเป็นโรครูมาตอยด์หรือไม่ สามารถเช็กได้ดังนี้ค่ะ
- มีอาการอักเสบเรื้อรังของข้อต่อในร่างกายหลาย ๆ ข้อพร้อมกัน และมีอาการติดต่อกันเกิน 6 สัปดาห์
- บริเวณที่อักเสบส่วนใหญ่จะเป็นข้อมือ ข้อโคนนิ้วมือ ข้อเข่า ข้อเท้า มีอาการปวด บวม และเมื่อกดจะมีอาการเจ็บ
- มีอาการข้อฝืด ข้อแข็ง ไม่สามารถขยับตัวได้สะดวก ในเวลาเช้าหลังตื่นนอน และจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงจึงจะเริ่มขยับข้อต่าง ๆ ได้
- มีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เบื่ออาหาร กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดเมื่อยทั้งตัว มีไข้ต่ำ ๆ น้ำหนักลด ต่อมน้ำเหลืองและหลอดเลือดอักเสบ และโลหิตจาง

โรครูมาตอยด์เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่จะพบมากในกลุ่มอายุ 30-50 ปี และพบผู้หญิงป่วยมากกว่าผู้ชายถึง 5 เท่า แต่ถ้าหากมีอาการในเด็ก อาการที่เกิดจะต่างออกไป และมีความรุนแรงมากกว่า

โรครูมาตอยด์เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงแค่ควบคุมอาการไม่ให้กำเริบรุนแรง ซึ่งหากเป็นแล้วก็ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะสามารถควบคุมอาการให้ทุเลาลงได้ ดังนั้นการรักษาอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากรักษาไม่ต่อเนื่องก็อาจจะทำให้อาการไม่บรรเทาลง แถมยังอาจทำให้รุนแรงยิ่งกว่าเดิมได้ค่ะ

เก๊าท์ (Gout) เป็นโรคข้ออักเสบที่ทำให้มีอาการปวดแสบร้อน บวม แดงตามข้อต่ออย่างเฉียบพลันเป็นระยะ ๆ อาจเกิดขึ้นกับข้อต่อเดี...
19/05/2017

เก๊าท์ (Gout) เป็นโรคข้ออักเสบที่ทำให้มีอาการปวดแสบร้อน บวม แดงตามข้อต่ออย่างเฉียบพลันเป็นระยะ ๆ อาจเกิดขึ้นกับข้อต่อเดียวหรือหลายข้อต่อพร้อมกัน
อาการของโรคเก๊าท์

อาการปวดอย่างรุนแรงตามข้อต่อเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่เท้า แต่ก็สามารถเกิดกับข้อต่อหลายส่วนตามร่างกายได้ เช่น ข้อเท้า ข้อศอก หัวเข่า ข้อต่อกระดูกมือ หรือข้อมือ อาการปวดจะรุนแรงในช่วง 4-12 ชั่วโมงแรก จากนั้นจะเริ่มปวดน้อยลงและมีอาการดีขึ้นภายใน 7-10 วัน แต่ในบางรายอาจมีอาการปวดได้นานหลายวันจนถึงหลายสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นได้ เช่น

ข้อต่อเกิดการอักเสบและติดเชื้อ อาจเกิดขึ้นกับข้อต่อเพียงข้อเดียวหรือหลายข้อต่อ จนทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเป็นสีแดง บวมแดง และแสบร้อน
เคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่สะดวกจากภาวะข้อติด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกความรุนแรงของโรคที่เพิ่มมากขึ้น
ผิวหนังบริเวณข้อต่อเกิดการลอกหรือคันหลังจากอาการของโรคดีขึ้น
อาการของโรคเหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน มักเป็น ๆ หาย ๆ จนกว่าจะได้รับการรักษา โดยมักเกิดขึ้นในเวลากลางคืนได้บ่อยกว่าช่วงเวลาอื่น อย่างไรก็ตามควรรีบไปพบแพทย์หากผู้ป่วยมีไข้ ปวดข้ออย่างรุนแรง จนทำให้ผิวหนังบวมแดงและแสบร้อนขึ้น เพราะอาการปวดข้ออาจทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดได้ว่าเป็นสัญญาณของโรคข้ออื่น ๆ การปล่อยให้โรคพัฒนารุนแรงขึ้นโดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่อาการปวดอย่างเรื้อรังและสร้างความเสียหายให้กับข้อต่อได้
สาเหตุของโรคเก๊าท์

โรคเก๊าท์เป็นผลมาจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูง (Hyperuricemia) ซึ่งเป็นภาวะของร่างกายที่มีการสะสมของกรดยูริกในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้เกิดการตกผลึกตามข้อต่าง ๆ จนเกิดอาการปวดบวมตามข้ออย่างรุนแรงและอาการอื่น ๆ ของโรคตามมา

กรดยูริกเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งในเลือดที่ได้มาจากการย่อยสลายสารพิวรีน (Purines) ในเนื้อเยื่อทั่วร่างกายและอาหารที่รับประทานเข้าไป โดยร่างกายจะมีการปรับสมดุลของกรดยูริกด้วยการกรองจากไตก่อนมีการขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ เมื่อมีปริมาณกรดยูริกมากขึ้นจากการสร้างของร่างกาย จากการรับประทานอาหารที่มีสารพิวรีนสูง หรือไตมีความผิดปกติในการกรองสารพิวรีน มักนำไปสู่ภาวะกรดยูริกในเลือดสูงได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิด แต่พบว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกัน เช่น

การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก
การรับประทานอาหารทีมีสารพิวรีนมากเกินไป เช่น สัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ ยอดผัก กุ้งเคยหรือกะปิ ปลาซาร์ดีน หอยแมลงภู่ สารสกัดจากยีสต์
ได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ
การดื่มน้ำอัดลมเกินปริมาณที่พอดีต่อวัน ซึ่งมีการศึกษาพบว่าการดื่มน้ำอัดลมประเภทที่มีน้ำตาลฟรุกโตสอาจเพิ่มการสะสมกรดยูริกในเลือดได้สูงถึง 85% นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผลไม้และน้ำผลไม้บางชนิดที่มีน้ำตาลฟรุกโตสอยู่มาก
อาการเจ็บป่วยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเซลล์ในร่างกายอย่างรวดเร็ว เช่น โรคสะเก็ดเงินขั้นรุนแรง หรือความผิดปกติทางเลือดบางอย่าง
ยาบางประเภทที่ส่งผลต่อระดับกรดยูริกในร่างกาย เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาเคมีบำบัดบางชนิด ยาแอสไพริน และยาลดความดันโลหิตบางชนิด
โรคประจำตัวหรือสภาวะของร่างกายบางอย่าง เช่น ภาวะอ้วน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ไตทำงานผิดปกติ โรคเบาหวาน โรคพร่องเอนไซม์ ความผิดปกติของไขกระดูก โรคหลอดเลือดผิดปกติ
มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคเก๊าท์ โดยพบว่า 1 ใน 5 ของผู้ป่วยโรคเก๊าท์จะมีบุคคลในครอบครัวเจ็บป่วย
การวินิจฉัยโรคเก๊าท์
แพทย์จะมีการสอบถามอาการ ประวัติการเป็นโรคเก๊าท์ของบุคคลในครอบครัว การตรวจร่างกายทั่วไป ตลอดจนดูสัญญาณบ่งบอกของโรคอื่น ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลช่วยในการวินิจฉัยโรค หลังจากนั้นจะมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติมอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ เช่น

การเจาะข้อ มักถูกใช้เป็นวิธีหลักในการตรวจวินิจฉัย แพทย์จะนำเข็มเจาะบริเวณข้อที่มีอาการ เพื่อดูดเอาน้ำในข้อออกมาตรวจดูการสะสมของผลึกยูเรต (Urate Crystals) ภายใต้กล้องจุลทรรศน์
การตรวจเลือด เมื่อการตรวจวินิจฉัยโดยการเจาะข้อไม่สามารถทำได้ แพทย์อาจจะให้มีการเจาะเลือด เพื่อตรวจวัดระดับของกรดยูริกและสารครีเอตินินว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ แต่วิธีนี้อาจเกิดความผิดพลาดได้ เช่น ผู้ป่วยบางรายมีระดับกรดยูริกสูงผิดปกติ แต่อาจไม่เป็นโรคเก๊าท์ หรือบางรายที่มีอาการของโรคก็อาจตรวจพบระดับกรดยูริกได้ในระดับปกติ
การเอกซเรย์ การถ่ายเอกซเรย์บริเวณข้อที่มีอาการ เพื่อตรวจดูว่าเกิดการอักเสบตามข้อหรือไม่
การอัลตราซาวด์ จะช่วยตรวจพบการสะสมของผลึกยูเรตตามข้อจนเป็นปุ่มนูนหรือก้อนที่เรียกว่า โทฟี่ (Tophi)
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือซีทีสแกน เพื่อตรวจหาการสะสมของผลึกยูเรตตามข้อ แต่มักเป็นวิธีที่ไม่ค่อยนิยม และมีค่าใช้จ่ายสูง
การตรวจปัสสาวะ เพื่อดูกรดยูริกที่ปะปนในน้ำปัสสาวะ
การรักษาโรคเก๊าท์
โรคเก๊าท์สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาเป็นหลัก ซึ่งแพทย์จะพิจารณาดูจากหลายปัจจัยประกอบในการเลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ทั้งอาการของโรค สุขภาพโดยรวม หรือการพูดคุยกับผู้ป่วย ควบคู่กับการปฏิบัติตนเพื่อเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของโรค ในบางรายที่ปล่อยให้โรคดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้รักษา แพทย์อาจใช้วิธีการผ่าตัดทดแทนการใช้ยา ซึ่งเป้าหมายของการรักษาจะช่วยในการบรรเทาอาการปวดให้ลดลงอย่างรวดเร็ว และป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดของโรคเก๊าท์ในบริเวณข้ออื่น ๆ ในอนาคต รวมไปถึงลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรค เช่น โครงสร้างข้อต่อผิดรูป ไตเกิดความผิดปกติ

การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคเก๊าท์ การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางส่วนอาจมีส่วนช่วยให้อาการของโรคทุเลาลงได้ตามคำแนะนำต่อไปนี้

ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ และไม่ทำให้เกิดการตกตะกอนในระบบทางเดินปัสสาวะที่นำไปสู่การเกิดนิ่วในไต
หลีกเลี่ยงหรือจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ให้อยู่ในปริมาณที่พอดี
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มที่มีความหวานมาก โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลฟรุกโตส
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล สัตว์ปีก ถั่วบางชนิด สารสกัดจากยีสต์ แต่อาจทดแทนด้วยโปรตีนที่ได้จากผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันต่ำ
ผู้ที่มีภาวะอ้วนควรลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ไม่ควรอดอาหารหรือลดน้ำหนักรวดเร็วจนเกินไป
การดูแลเพื่อลดอาการปวด ผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการปวดในเบื้องต้นได้ด้วยการหยุดเคลื่อนไหวบริเวณที่มีอาการปวดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังมีอาการ โดยพยายามยกบริเวณข้อต่อที่ปวดให้อยู่สูง หากมีอาการบวมแดงอาจบรรเทาด้วยการประคบน้ำแข็ง หรือรับประทานยาในกลุ่มยาแก้ปวด ยาลดไข้ และยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ แต่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานแอสไพริน
การรักษาด้วยการใช้ยา เป็นการใช้ยาในการบรรเทาอาการของโรคให้ลดลงและช่วยป้องกันอาการของโรคที่อาจกำเริบขึ้นในอนาคต ซึ่งตัวยาที่ใช้รักษาโรคเก๊าท์มีอยู่หลายกลุ่ม เช่น

ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal Anti-inflammatory Drugs: NSAIDs) หรือที่รู้จักกันดีว่า ยาเอ็นเสด ซึ่งอาจเป็นยาที่หาซื้อได้ทั่วไป เช่น ยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) ยานาพรอกเซน (Naproxen) หรือแพทย์สั่งจ่าย เช่น ยาอินโดเมธาซิน (Indomethacin) ยาเซเลโคซิบ (Celecoxib) หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง แพทย์อาจสั่งจ่ายยาในปริมาณที่สูงขึ้น แล้วค่อยลดปริมาณการใช้ยาลง เพื่อช่วยป้องกันอาการของโรคในอนาคต แต่ผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้อาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง เกิดภาวะเลือดออก และแผลในกระเพาะอาหารได้
ยาโคลชิซิน (Colchicine) แพทย์จะสั่งจ่ายยาโคลชิซินเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดจากโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในช่วงแรกอาจมีการใช้ยาในปริมาณที่สูงก่อนจะลดปริมาณยาลงเมื่ออาการปวดของผู้ป่วยทุเลาลง แต่ผลข้างเคียงของการใช้ยาชนิดนี้อาจส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย
ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) โดยทั่วไปมักใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถใช้ยาต้านอักเสบหรือยาโคลชิซินได้ เพื่อช่วยควบคุมการอักเสบและอาการปวดของโรค มีทั้งรูปแบบยาเม็ดและยาฉีด ผลข้างเคียงของยาอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตตสูงขึ้น มีอารมณ์แปรปรวน
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการของโรคเกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง หรือไม่บ่อย แต่มีความรุนแรงค่อนข้างมาก แพทย์อาจสั่งจ่ายยากลุ่มอื่นที่ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเก๊าท์ เช่น
ยายับยั้งการสร้างกรดยูริก (Xanthine Oxidase Inhibitors) เป็นยาที่ช่วยจำกัดการผลิตกรดยูริกของร่างกาย เช่น ยาอัลโลพูรินอล (Allopurinol) ยาฟีบัคโซสตัต (Febuxostat) ซึ่งจะช่วยให้ระดับกรดยูริกในเลือดลดลงและเสี่ยงต่อการเกิดอาการของโรคน้อยลงเช่นกัน แต่อาจส่งผลข้างเคียงให้เกิดผื่น คลื่นไส้ และลดการทำงานของตับ
ยาช่วยขับกรดยูริก เป็นยาที่ช่วยเพิ่มการทำงานของไตให้มีการขับกรดยูริกออกมากับปัสสาวะมากขึ้น เช่น โพรเบเนซิด (Probenecid) ซึ่งทำให้กรดยูริกในเลือดมีปริมาณลดลงและเสี่ยงต่อการเกิดอาการของโรคลดลงเช่นกัน แต่อาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีผื่นขึ้น ปวดท้อง หรือเกิดนิ่วในไต ที่เป็นผลข้างเคียงของการใช้ยา
การผ่าตัด มักใช้ในกรณีที่อาการของโรคมีการพัฒนาจนรุนแรงขึ้นกลายเป็นปุ่มนูนหรือก้อนโทฟี่ เนื่องจากการสะสมของผลึกยูเรตตามเนื้อเยื่อและข้อต่อต่าง ๆ และการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
ภาวะแทรกซ้อนของโรคเก๊าท์

โรคเก๊าท์สามารถพัฒนาอาการของโรคให้รุนแรงมากขึ้นเมื่อไม่มีการรักษาอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการของโรคบ่อยมากขึ้นไปจนถึงการเกิดก้อนโทฟี่หรือปุ่มนูนใต้ผิวหนังในหลายส่วนของร่างกาย เช่น ตามนิ้วมือ เท้า ข้อศอก หรือเอ็นร้อยหวาย แต่โดยปกติมักไม่ก่ออาการเจ็บปวด แต่เมื่ออาการของโรคกำเริบอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ปวดตามข้อ ข้อต่อบิดเบี้ยวจนผิดรูปไปจากเดิม นอกจากนี้ยังมีโอกาสเกิดนิ่วในไตจากการสะสมของผลึกยูเรตในระบบทางเดินปัสสาวะของผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำงานของไตที่ปกติหรือเกิดภาวะไตวาย

การป้องกันโรคเก๊าท์

โรคเก๊าท์ยังไม่สามารถป้องกันได้โดยตรง เนื่องจากการสะสมของผลึกยูเรตทีละน้อยในข้อต่อและเนื้อเยื่อรอบ ๆ เป็นเวลานานหลายปี จึงทำให้ทราบได้ยากว่าระดับกรดยูริกในเลือดอยู่เท่าใดจนกระทั่งเริ่มมีอาการของโรคแสดงขึ้นมา อีกทั้งสาเหตุที่ทำให้กรดยูริกเพิ่มขึ้นนั้นมาจากหลายปัจจัยและสรุปได้ไม่ชัดเจน

การป้องกันจึงเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่นเดียวกับการปฏิบัติตนของผู้ป่วยที่เป็นโรค เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของโรคลง เช่น หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีสารพิวรีนสูง โดยเฉพาะ อาหารทะเล เครื่องในสัตว์ และสัตว์ปีก ดื่มน้ำให้เพียงพอ ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม

" ก ร ะ ดู ก ทั บ เ ส้ น (Herniated Disc) "อาการกระดูกทับเส้น คือปัญหาเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกอย่างหนึ่ง เกิดจากหมอนรองกระ...
19/05/2017

" ก ร ะ ดู ก ทั บ เ ส้ น (Herniated Disc) "
อาการกระดูกทับเส้น คือปัญหาเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกอย่างหนึ่ง เกิดจากหมอนรองกระดูกที่อยู่บริเวณกระดูกสันหลังถูกทำลายจนเสียหาย ส่งผลให้ไปกดทับเส้นประสาท
ผู้ป่วยกระดูกทับเส้นมักมีอาการ ดังนี้
- เจ็บบริเวณที่ถูกกดทับ
- รู้สึกชาหรือเสียวปลาบ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
สาเหตุของกระดูกทับเส้น
- น้ำหนักตัวมากเกินไป
- แบกของหรือยกของหนัก
- ประสบอุบัตเหตุ

ปวดหลัง ปวดคอ เป็นกระดูกทับเส้นหรือเปล่า?อาการปวดหลังเป็นอาการที่พบกันมากมีประมาณ80%ของประชากร อาการนี้เกิดได้ทุกช่วงวัย...
19/05/2017

ปวดหลัง ปวดคอ เป็นกระดูกทับเส้นหรือเปล่า?
อาการปวดหลังเป็นอาการที่พบกันมากมีประมาณ80%ของประชากร อาการนี้เกิดได้ทุกช่วงวัย แต่จะพบมากที่สุดในช่วงอายุ35-55ปี ร่างกายคนเราจะมีโครงสร้างเชื่อมต่อกันมากมาย แต่มีโครงสร้างหลักค้ำยันเอาไว้อยู่คือ กระดูกสันหลังประกอบด้วยกระดูก24ท่อนเชื่อมโยงกัน ในกระดูกสันหลังแต่ละข้อนั้นจะมีหมอนรองกระดูกทำหน้าที่รับแรงกระเทือนและช่วยให้กระดูกสามารถที่จะโค้งงอได้ โดยกระดูกสันหลังแต่ละข้อเป็นช่องทางเดินของเส้นประสาทไขสันหลัง

ที่อยู่

Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

+66879114239

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ DBoonศูนย์ดูแลข้อและกระดูกผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง DBoonศูนย์ดูแลข้อและกระดูก:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท