Dboon ศูนย์จำหน่ายดีบูน ของแท้ ดูแลกระดูกไขข้อ เข่าเสื่อมคุณปุ๊ก094-8095892

Dboon ศูนย์จำหน่ายดีบูน ของแท้ ดูแลกระดูกไขข้อ เข่าเสื่อมคุณปุ๊ก094-8095892 D-boone นวัตกรรมแห่งการฟื้นฟู และดูแลกร?

27/10/2022

📣📣เชื่อหรือไม่คุณสามารถ เลือก ดีบูน ดูแล บำรุง ฟื้นฟู กระดูก📣📣
✔โรคข้อเข่าเสื่อม ✔ โรคกระดูกพรุน✔โรคข้ออักเสบ
✔รูมาตอย✔เก๊าท์✔นิ้วล็อค โรคฮิตของคนทำงาน
🔊 โดยทั่วไปจะพบมากในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป และพบสูงถึงร้อยละ 60 ในกลุ่มที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตามโรคข้อเสื่อมไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามวัย หรือจากการสึกหรอตามธรรมชาติเสมอไป
🚨 อันตรายจากโรคกระดูกพรุน เปรียบเสมือนตัวอิจฉาในละคร ที่เรียบร้อยเป็นคนดีในตอนต้น แต่กลับร้ายกาจในตอนจบ ที่กล่าวเช่นนี้เป็นเพราะว่า ในช่วงที่กระดูกเริ่มบางนั้น ร่างกายจะไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นเลย แต่หากละเลยไม่ดูแลกระดูก กระดูกจะมีความบางมากขึ้นจนเข้าขั้นที่เรียกว่า “โรคกระดูกพรุน” ซึ่งเกิดความผิดปกติต่อโครงสร้างของกระดูกสันหลัง ทำให้หลังโก่ง ไหล่งุ้มกว่าปกติ พุงยื่น มีอาการปวดหลัง และส่วนสูงลดลง ส่ง ทำให้ส่งผลเสียต่อทั้งด้านสุขภาพ และบุคคลิกภาพของตัวผู้ป่วยเอง เราทุกคนจึงควรให้ความสำคัญ และใส่ใจต่อการดูแลกระดูกของตัวเรา และคนในครอบครัว
*******************************************
🔥 มีปัญหากระดูกแนะนำ "ผลิตภัณฑ์ D-Boon (ดีบูน)"
อาหารเสริมที่มียอดขายสูงสุดทั้งในยุโรปและอเมริกา ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งของกระดูกและข้อต่อ ด้วยส่วนผสมที่ลงตัว เพื่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนรอบๆ ข้อต่อ เอ็นร้อยหวาย และเอ็นยึดข้อ
✔ ส่วนประกอบที่สำคัญ
1. คอลลาเจนจากปลาทะเล (Hydrolyed Fish Collagen)
2. สารสกัดจากเปลือกสน (Pine bark extract ) MSM
3. วิตามิน ซี (Vitamin C)
4. สารสกัดจากขมิ้น (Turmeric Extract)
5. วิตามิน ดี 3 (Vitamin D 3)
6. แคลเซียม คาร์บอเนต (Calcium Carbonate )
↪ เหมาะสำหรับ
😀 โรคข้อเข่าเสื่อม
😀 โรคกระดูกพรุน
😀 โรคข้ออักเสบ,รูมาตอย,เก๊าท์
😀 โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน
😀 กระดูกทับเส้นประสาท
😀 นิ้วล็อค โรคฮิตของคนทำงาน
😀 กลุ่มนักกีฬา
😀 ผู้ที่ต้องการเพิ่มความสูง
😀 ช่วยเรื่องความเสื่อมของอวัยวะต่างๆในร่างกาย
😀 ผู้ที่ปวดเมื่อยตามกระดูก ข้อเข่า สันหลัง ไหล่บ่า คอ
😀 วัยหมดประจำเดือน ขาดแคลเซียม
😀 อาชีพที่ต้องยืนนาน
- ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
- อย.10-1-06045-1-0038
- รับรองฮาลาล
🍭สนใจสั่งซื้อติดต่อ
📲 สายด่วน 094 809 5892 สายรุ้ง ค่ะ
คลิ๊กลิงค์แอดไลน์ ที่นี่ได้เลยค่ะ
http://line.me/ti/p/~dezy888
📦จำหน่ายของแท้เท่านั้น

หลายเสียง !! ตอบรับ จากผู้ใช้จริง ทานดีบูนแล้วเห็นผลดีขึ้นD-Boo-Ne (ดีบูเน่) มี 2 แบบ  ดูแลกระดูกและข้อ บอกลาทุกอาการปวด...
27/10/2022

หลายเสียง !! ตอบรับ จากผู้ใช้จริง ทานดีบูนแล้วเห็นผลดีขึ้น

D-Boo-Ne (ดีบูเน่) มี 2 แบบ ดูแลกระดูกและข้อ บอกลาทุกอาการปวด
เหมาะสำหรับท่านที่มีอาการ 👇👇👇
ปวดหลังปวดเอว ปวดสะโพกร้าวลงขา ปวดข้อปวดเข่า ‼ เสียงดัง ก๊อบแก๊บ ‼ ปวดหลัง ปวดเอว ปวดสะโพกร้าวลงขา เป็นกระดูกทับเส้น ชาปลายมือ ปลายเท้า ทาน ดีบูเน่ ช่วยให้ดีขึ้นได้เลยค่ะ

สนใจสั่งซื้อ / สอบถาม
☎️ โทร. 094 8095892

ยินดีให้คำปรึกษา พร้อมให้คำแนะนำค่ะ
ดี-บู-เน่ มี 2 แบบ
✅แบบผง 🛒 ราคากล่องละ 1,085.- บาท บรรจุ 5 ซอง เข้มข้นเห็นผลได้ไว ✅แบบเม็ด 🛒 ราคากล่องละ 1,414.- บาท มี 30 เม็ด ทาน เช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด ช่วยเสริมสร้างกระดูกและข้อแข็งแรง
ติดตามช่องยูทูป https://youtu.be/pnE_cnTdYyo

📣📣เชื่อหรือไม่คุณสามารถ เลือก ดีบูน ดูแล บำรุง ฟื้นฟู กระดูก📣📣✔โรคข้อเข่าเสื่อม ✔ โรคกระดูกพรุน✔โรคข้ออักเสบ✔รูมาตอย✔เก๊...
19/05/2017

📣📣เชื่อหรือไม่คุณสามารถ เลือก ดีบูน ดูแล บำรุง ฟื้นฟู กระดูก📣📣
✔โรคข้อเข่าเสื่อม ✔ โรคกระดูกพรุน✔โรคข้ออักเสบ
✔รูมาตอย✔เก๊าท์✔นิ้วล็อค โรคฮิตของคนทำงาน
🔊 โดยทั่วไปจะพบมากในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป และพบสูงถึงร้อยละ 60 ในกลุ่มที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตามโรคข้อเสื่อมไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามวัย หรือจากการสึกหรอตามธรรมชาติเสมอไป
🚨 อันตรายจากโรคกระดูกพรุน เปรียบเสมือนตัวอิจฉาในละคร ที่เรียบร้อยเป็นคนดีในตอนต้น แต่กลับร้ายกาจในตอนจบ ที่กล่าวเช่นนี้เป็นเพราะว่า ในช่วงที่กระดูกเริ่มบางนั้น ร่างกายจะไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นเลย แต่หากละเลยไม่ดูแลกระดูก กระดูกจะมีความบางมากขึ้นจนเข้าขั้นที่เรียกว่า “โรคกระดูกพรุน” ซึ่งเกิดความผิดปกติต่อโครงสร้างของกระดูกสันหลัง ทำให้หลังโก่ง ไหล่งุ้มกว่าปกติ พุงยื่น มีอาการปวดหลัง และส่วนสูงลดลง ส่ง ทำให้ส่งผลเสียต่อทั้งด้านสุขภาพ และบุคคลิกภาพของตัวผู้ป่วยเอง เราทุกคนจึงควรให้ความสำคัญ และใส่ใจต่อการดูแลกระดูกของตัวเรา และคนในครอบครัว
*******************************************
🔥 มีปัญหากระดูกแนะนำ "ผลิตภัณฑ์ D-Boon (ดีบูน)"
อาหารเสริมที่มียอดขายสูงสุดทั้งในยุโรปและอเมริกา ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งของกระดูกและข้อต่อ ด้วยส่วนผสมที่ลงตัว เพื่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนรอบๆ ข้อต่อ เอ็นร้อยหวาย และเอ็นยึดข้อ
✔ ส่วนประกอบที่สำคัญ
1. คอลลาเจนจากปลาทะเล (Hydrolyed Fish Collagen)
2. สารสกัดจากเปลือกสน (Pine bark extract ) MSM
3. วิตามิน ซี (Vitamin C)
4. สารสกัดจากขมิ้น (Turmeric Extract)
5. วิตามิน ดี 3 (Vitamin D 3)
6. แคลเซียม คาร์บอเนต (Calcium Carbonate )
↪ เหมาะสำหรับ
😀 โรคข้อเข่าเสื่อม
😀 โรคกระดูกพรุน
😀 โรคข้ออักเสบ,รูมาตอย,เก๊าท์
😀 โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน
😀 กระดูกทับเส้นประสาท
😀 นิ้วล็อค โรคฮิตของคนทำงาน
😀 กลุ่มนักกีฬา
😀 ผู้ที่ต้องการเพิ่มความสูง
😀 ช่วยเรื่องความเสื่อมของอวัยวะต่างๆในร่างกาย
😀 ผู้ที่ปวดเมื่อยตามกระดูก ข้อเข่า สันหลัง ไหล่บ่า คอ
😀 วัยหมดประจำเดือน ขาดแคลเซียม
😀 อาชีพที่ต้องยืนนาน
- ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
- อย.10-1-06045-1-0038
- รับรองฮาลาล
🍭สนใจสั่งซื้อติดต่อ
📲 สายด่วน 094 809 5892 สายรุ้ง ค่ะ
คลิ๊กลิงค์แอดไลน์ ที่นี่ได้เลยค่ะ
http://line.me/ti/p/~dezy888
📦จำหน่ายของแท้เท่านั้น

📣📣ปวดเข่ามา 10กว่าปี ไม่น่าเชื่อ เมื่อเจอสิ่งนี้ 📣📣D-boone นวัตกรรมใหม่ดูแล ฟื้นฟู ระบบกระดูก  ปัญหากระดูกพรุน เก๊าท์ นิ...
19/05/2017

📣📣ปวดเข่ามา 10กว่าปี ไม่น่าเชื่อ เมื่อเจอสิ่งนี้ 📣📣D-boone นวัตกรรมใหม่ดูแล ฟื้นฟู ระบบกระดูก ปัญหากระดูกพรุน เก๊าท์ นิ้วล็อค รูมาตอยด์ ข้ออักเสบ โรคเกี่ยวกับระบบกระดูก อย่ารอให้สายไป เราพร้อมให้คำแนะนำ ปรึกษาติดต่อหาเราสิคะ
➡โทร 094-809 5892
http://line.me/ti/p/~dezy888

ข่าวดี เคล็ดลับของการมีกระดูกที่แข็งแรง คุณสามารถ แนะนำ ดีบูน ดูแลกระดูก ฟื้นฟูไขข้อเสื่อม✔กระดูกพรุน ✔ข้อเสื่อม รูมาตอย...
19/05/2017

ข่าวดี เคล็ดลับของการมีกระดูกที่แข็งแรง คุณสามารถ แนะนำ ดีบูน ดูแลกระดูก ฟื้นฟูไขข้อเสื่อม
✔กระดูกพรุน ✔ข้อเสื่อม รูมาตอยด์ ✔หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ✔ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ โดยตรง✔ปัญหาเกี่ยวกับโรคกระดูกเรื้อรัง

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ โดยตรง
📱โทรศัพท์มือถือ 094 809 5892( คุณสายรุ้ง )

แอดไลน์มาได้เลยนะจ้า จะตอบไวกว่าจ้า ขอบคุณค่ะ
➡คลิกแอดไลน์ http://line.me/ti/p/~dezy888

 #เอ็นอักเสบ โรคยอดฮิตวัยทำงานโรคปลอกเอ็นหุ้มข้ออักเสบ (De Quervain's disease)ใครบ้างที่เป็นแม่ครัวทำกับข้าว หรือขายอาหา...
17/05/2017

#เอ็นอักเสบ โรคยอดฮิตวัยทำงาน

โรคปลอกเอ็นหุ้มข้ออักเสบ (De Quervain's disease)

ใครบ้างที่เป็นแม่ครัวทำกับข้าว หรือขายอาหาร สับหมู สับไก่อยู่บ่อยๆ หรือคนที่ทำงานประเภทใช้ข้อมือ กระดกข้อมือขึ้นลงบ่อยครั้งละก็ อ่านบทความนี้สักนิด เพราะคุณมีความเสี่ยงเป็นโรคปลอกเอ็นหุ้มข้ออักเสบ

โรคนี้คือกลุ่มอาการอักเสบของเอ็นนิ้วหัวแม่มือ 2 เส้นประกอบด้วยเส้นเอ็น abductor pollicis longus และ extensor pollicis brevis tendon ซึ่งเอ็นทั้ง 2 นี้จะทำหน้าที่กางนิ้วและกระดกนิ้วหัวแม่มือ ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดตึงบริเวณโคนนิ้วโป้งหรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า snuffbox และจะปวดมากยิ่งขึ้นเมื่อผู้ป่วยกำมือและให้กระดกข้อมือลง ในบางรายที่มีอาการอักเสบรุนแรงจะพบอาการบวม แดง ร้อนที่โคนนิ้วโป้งเพียงแค่กำมือก็จะรู้สึกปวดสุดๆแล้วละครับ

สาเหตุของโรคปลอกเอ็นหุ้มข้ออักเสบ

เชื่อว่าเกิดจากการใช้งานของข้อมือในท่ากระดกขึ้นลงซํ้าๆกัน เช่น แม่ครัวที่ทำกับข้าวสับมืออยู่เป็นประจำ การเขียนหนังสือ การซักผ้าด้วยมือปริมาณมากๆ หรือในผู้ป่วยที่มีประวัติว่าตั้งครรภ์ทั้งก่อนและหลังคลอด

อาการของโรคปลอกเอ็นหุ้มข้ออักเสบ

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดและบวมบริเวณข้อมือด้านนิ้วหัวแม่มือ จะปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวของ นิ้วหัวแม่มือ เช่น เวลาเหยียดและงอนิ้วหัวแม่มือเต็มที่ บิดเสื้อผ้า ยกขันน้ำ กวาดพื้น เป็นต้น ในผู้ป่วยบางรายอาจคลำพบก้อนบริเวณข้อมือด้วย

ซึ่งโรคนี้แพทย์และนักกายภาพบำบัดสามารถตรวจและวินิจฉัยโรคได้โดยไม่ต้อง x-ray ผู้ป่วยสามารถตรวจโรคนี้ได้ด้วยตนเองโดยการทำ Finkelstein's test คือให้ผู้ป่วยกำนิ้วหัวแม่มือข้างที่ปวดและให้หักข้อมือลงทางด้านนิ้วก้อย ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณโคนนิ้วหัวแม่มืออย่างมาก จากการที่เส้นเอ็นถูกยืด บางรายเพียงแค่กำมืออย่างเดียวก็ปวดมากแล้วละครับ แต่ในคนทั่วไปถ้าทำการทดสอบนี้จะรู้สึกแค่ตึงบริเวณโคนนิ้วโป้งไม่มีอาการปวดแต่อย่างใด

วิธีการทดสอบว่าเป็นโรคเอ็นหุ้มข้ออักเสบ (Finkelstein's test)

การรักษาด้วยตนเองในเบื้องต้น

เมื่อรู้ว่าเราเป็นโรคนี้แน่ๆ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ พักการใช้งานของนิ้วโป้งข้างที่ปวด และหมั่นประคบนํ้าแข็งทุกๆ 10 นาทีเพื่อลดอาการอักเสบ นอกจากนี้เราอาจนําผ้ามาพันที่ข้อมือจนถึงนิ้วโป้งเพื่อลดการใช้งานของเส้นเอ็นและป้องกันไม่ให้เราเผลอใช้งานนิ้วข้างที่ปวดจนกระตุ้นให้อักเสบเพิ่มขึ้นได้

แต่ถ้ารักษาด้วยตนเองแล้วอาการไม่ทุเลาลงเลย 1 อาทิตย์ แนะนำให้เข้าพบนักกายภาพบำบัดเพื่อใช้เครื่องมือทางกายภาพลดปวด ลดอักเสบ และกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่เสียหายได้เร็วขึ้น เช่น เครื่อง ultrasound, laser, cold pack, เป็นต้น และนักกายภาพอาจใช้ kinesio tape ติดบริเวณเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อที่ปวดเพื่อลดการใช้งานของกล้ามเนื้อมัดนั้นและลดอาการปวดได้ส่วนหนึ่ง โดยที่การพัน tape จะไม่ไปขัดขวางการทำงานเหมือนการใส่เฝือกครับ

การติด kinesio tape ในผู้ป่วยที่เป็นโรคปลอกเอ็นหุ้มข้ออักเสบ

แต่ถ้าเราปวดมากจริงๆจนไม่เป็นอันกินอันนอน แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อเข้ารับยาลดปวดลดอักเสบ เช่น ยากลุ่ม NSAID หรือฉีดยา steroid ที่เส้นเอ็นก็ได้ผลลดปวดชะงักเช่นกันครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรเข้ารับการรักษาควบคู่กับกายภาพบำบัดจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และลดโอกาสการกลับมาเป็นซํ้าได้ดีกว่าการรับยาเพียงอย่างเดียวนะครับ และเมื่ออาการปวดลดลงนักกายภาพจะแนะนำท่าบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรงเป็นลำดับต่อไป

ข้อห้าม ห้าม ห้าม

- ห้ามแช่นํ้าอุ่น หรือประคบร้อนบริเวณที่ปวดอย่างเด็ดขาดถ้ามีอาการปวด บวมแดง ร้อนอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่นะครับ เพราะความร้อนจะทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นขยายตัวและบวมมากขึ้นได้ มันจะกระตุ้นให้อาการปวดเพิ่มขึ้นแทนทีจะลดลง
- ห้ามนวดบริเวณที่ปวดและอักเสบ เพราะการนวดอาจจะกระตุ้นให้เส้นเอ็นอักเสบเพิ่มมากขึ้น
- ห้ามทายาที่มีฤทธิ์ร้อนลงบริเวณที่อักเสบ
- แต่กรณีที่พบว่าไม่มีอาการบวม แดง ร้อนแล้วก็สามารถประคบร้อน แช่นํ้าอุ่นได้ตามปกตินะครับ เช่น ในผู้ปว่ยที่เป็นโรคปลอกเอ็นหุ้มข้ออักเสบเรื้อรังมามากกว่า 1 เดือน
โทร:094-809 5892คุณสายรุ้ง
http://line.me/ti/p/~dezy888

ขมิ้นชัน สมุนไพรชั้นเลิศ ช่วยดูแลสุขภาพ          ขมิ้นชันสีเหลือง ๆ เป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยรู้จักนำมาใช้ประโยชน์กันนานแล้...
17/05/2017

ขมิ้นชัน สมุนไพรชั้นเลิศ ช่วยดูแลสุขภาพ

ขมิ้นชันสีเหลือง ๆ เป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยรู้จักนำมาใช้ประโยชน์กันนานแล้ว โดยเฉพาะการนำไปประกอบอาหาร หรือแต่งสี แต่งกลิ่นให้อาหารจานเด็ด ทั้งแกงไตปลา แกงกะหรี่ ไก่ทอด ฯลฯ อู้ย...ฟังชื่อแล้วชักหิวขึ้นมาซะงั้น

แต่ช้าก่อน...วันนี้ เราไม่ได้ชวนเพื่อน ๆ มาทำอาหารที่มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบหรอกนะจ๊ะ เพราะเราจะมาพูดถึงสรรพคุณทางยาเด็ด ๆ ของขมิ้นชันกัน พอจะรู้กันไหมเอ่ย ว่า ขมิ้นชัน ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยอะไรได้บ้าง ถ้ายังนึกไม่ออก ตามไปรู้จักขมิ้นชันให้มากขึ้นกันดีกว่า

ขมิ้นชัน

"ขมิ้นชัน" หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ "ขมิ้น" คนเชียงใหม่เรียกว่า ขมิ้นแกง ขมิ้นหัว ขมิ้นหยอก คนตรัง เรียก ขี้มิ้น หรือ หมิ้น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma longa Linn. เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิงที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สูงประมาณ 30-90 เซนติเมตร มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกมาด้านข้าง 2 ด้าน ส่วนเนื้อในของเหง้ามีสีเหลืองเข้มจนถึงสีแสดจัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว

ใบเดี่ยวของขมิ้นชันจะแทงออกมาจากเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกันเป็นรูปหอก ขนาดใบกว้าง 12-15 เซนติเมตร ยาว 30-40 เซนติเมตร ดอกมีสีเหลืองอ่อน แทงออกมาจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ ปกติจะบานครั้งละ 3-4 ดอก รูปกลมมี 3 พู

เหง้าของขมิ้นชันมีสารสำคัญประเภทเคอร์คูมินอยด์ ซึ่งเป็นสารสีเหลืองประกอบอยู่หลายตัว ทั้งเดสเมทอกซีเคอร์คูมิน และบิสเดส เมทอกซีเคอร์คูมิน และน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีสารสำคัญอย่างเทอร์เมอโรน และซิงจิเบอรีน ซึ่งสารทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มสรรพคุณทางยาให้ขมิ้นชันได้อย่างดี

ขมิ้นชัน

สรรพคุณทางยาของขมิ้นชัน

มาดูสรรพคุณทางยาของขมิ้นชันกัน ส่วนที่ใช้ก็คือ "เหง้า" ที่มีรสฝาดนั่นเอง โดยเหง้ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ ช่วยบำรุงตับ นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และเกลือแร่ต่าง ๆ

ส่วนน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชัน ก็มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุกเสียดได้ด้วย จึงนิยมนำขมิ้นมาใช้สมานแผลในกระเพาะอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ รักษาโรคกระเพาะอาหาร

การศึกษาวิจัยเพิ่มเติมยังพบว่า ขมิ้นมีสรรพคุณบำรุงร่างกายอีกหลายอย่าง ทั้งช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ หืด ไอ เวียนศีรษะ รักษาอาการปวดและอักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยขับน้ำนมสตรีหลังคลอดบุตร

อ๊ะ แต่ไม่ใช่ว่า ปลูกขมิ้นแล้วจะขุดเหง้าขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ทันทีเลยนะ เพราะเหง้าที่จะนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้นั้น ต้องมีอายุอย่างน้อย 9-12 เดือน และต้องไม่เก็บไว้นานเกินไปด้วย ไม่เช่นนั้นน้ำมันหอมระเหยจะหายหมด ที่สำคัญต้องเก็บไว้ไม่ให้ถูกแสงแดดด้วยเช่นกัน และห้ามเก็บเกี่ยวในระยะที่ขมิ้นชันเริ่มแตกหน่อ เพราะจะทำให้สารเคอร์คิวมินในขมิ้นชันลดลง ซึ่งก็ทำให้สรรพคุณเด็ด ๆ ของขมิ้นชันหายไปด้วย

วิธีนำขมิ้นชันไปใช้รักษาโรค

- หากจะนำขมิ้นชันไปรับประทาน ให้ นำขมิ้นชันไปล้างน้ำให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือกออก แล้วหั่นเป็นแว่นชิ้นบาง ๆ นำไปตากแดดจัด ๆ 1-2 วัน แล้วนำมาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นเม็ดเล็ก ๆ ขนาดประมาณปลายนิ้วก้อย นำมารับประทานครั้งละ 2-3 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน จะช่วยแก้อาการดังกล่าวได้ แต่หากใครรับประทานแล้วท้องเสีย หรือมีอาการจุกเสียดแน่นท้องให้หยุดยาทันที

นอกจากนี้ ยังสามารถนำเหง้าแก่สด ยาวประมาณ 2 นิ้ว มาขูดเปลือกออก นำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด เติมน้ำ คั้นเอาแต่น้ำมารับประทาน ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง

สำหรับคนที่ซื้อขมิ้นชันแบบผงมารับประทานเอง ให้ใช้สูตรคือ ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว (ไม่เต็ม) แล้วรับประทาน ขมิ้นชันที่ไหลผ่านอวัยวะภายในต่าง ๆ สามารถบำรุงอวัยวะส่วนนั้นได้ด้วย คือ ผ่านลำคอ จะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ, ผ่านปอดจะช่วยดูแลปอดให้หายใจได้ดีขึ้น, ผ่านม้ามจะช่วยลดไขมัน ไม่ให้น้ำเหลืองเสีย, ผ่านกระเพาะอาหารจะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร, ผ่านลำไส้จะช่วยสมานแผลในลำไส้ และผ่านตับก็จะช่วยบำรุงตับ ล้างไขมันในตับ

- การใช้ขมิ้นชันเป็นยาทาภายนอก เพื่อรักษาอาการแพ้ แก้อักเสบ ผื่นแดง แมลงสัตว์กัดต่อย ให้นำเหง้าขมิ้นยาวประมาณ 2 นิ้ว มาฝนกับน้ำต้มสุก แล้วทาในบริเวณที่เป็น วันละ 3 ครั้ง หรือจะใช้ผงขมิ้นโรยทาบริเวณที่มีอาการผื่นคันจากแมลงสัตว์กัดต่อยก็ช่วยได้เช่นกัน

ขมิ้นชัน

อย่างไรก็ตาม เคยมีการศึกษาพบว่า หากรับประทานขมิ้นชันตามเวลาที่อวัยวะต่าง ๆ เปิดการทำงาน จะเกิดประสิทธิผลมากขึ้น เราก็เลยขอนำวิธีการรับประทานขมิ้นชันให้ได้ผลดีมาฝากกัน โดยควรรับประทานขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้

- เวลา 03.00-05.00 น. เป็นเวลาของปอด การรับประทานขมิ้นชันในช่วงเวลานี้จะช่วยบำรุงปอด ป้องกันการเป็นมะเร็งปอด ทำให้ปอดแข็งแรง และช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง

- เวลา 05.00-07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ จะช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ซึ่งถ้าหากคุณเคยรับประทานยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้รับประทานขมิ้นชันเวลานี้ เพราะขมิ้นชันจะฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ต้องรับประทานเป็นประจำจึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อช่วยให้ขับถ่ายได้เป็นปกติ

นอกจากนี้ขมิ้นชันยังช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่กลืนลำไส้เล็ก และปัญหาลำไส้ใหญ่ขับถ่ายน้อยหรือมากจนเกินไปได้เช่นกัน แต่ถ้าหากลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา ให้รับประทานขมิ้นชันพร้อมกับสูตรโยเกิร์ต นมสด น้ำผึ้ง มะนาวหรือน้ำอุ่นก็ได้ เพื่อช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็ก ๆ จำนวนกว่าล้านเส้น ซึ่งขมิ้นชันจะช่วยล้างบริเวณขนนี้ให้สะอาดโดยไม่ให้มีขยะตกค้างอยู่ที่ขน และเมื่อขนสะอาดจะทำให้ไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว ป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารและโรคมะเร็งลำไส้ได้เช่นกัน

- เวลา 07.00-09.00 น. เป็นเวลาของกระเพาะอาหาร จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารที่เกิดจากการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และยังลดอาการท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมองและป้องกันความจำเสื่อมได้

- เวลา 09.00-11.00 น. เป็น เวลาของม้าม ขมิ้นชันจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลที่ปาก อ้วนเกินไป และผอมเกินไปซึ่งเกี่ยวข้องกับม้าม นอกจากนี้ยังลดอาการของโรคเกาต์ ลดอาการเบาหวาน

- เวลา 11.00-13.00 น. เป็นเวลาของหัวใจ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ หากทานขมิ้นชันเวลานี้ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง แต่ถ้าหากรับประทานขมิ้นชันเลยเวลา 11.00 น. ไปแล้ว ขมิ้นชันจะไปทำงานที่ตับแล้วตับจะส่งมาที่ปอด ปอดจะส่งไปยังผิวหนัง (แต่ส่วนมากมักไปไม่ถึงเพราะกินขมิ้นชันน้อยเกินไป อวัยวะส่วนอื่นจะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง) จึงต้องลงขมิ้นชันทางผิวหนังช่วยอีกทางหนึ่ง

- เวลา 15.00-17.00 น. เป็นเวลาของกระเพาะปัสสาวะ ขมิ้นชันจะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรรับประทานน้ำกระชายเวลานี้ จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออกจะดีมาก เพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้

นอกจากนี้ หากรับประทานขมิ้นชันเลยจากช่วงเวลานี้ไปจนถึงเวลานอน จะช่วยทำให้ความจำดีขึ้น และเมื่อตื่นนอนตอนเช้าก็จะไม่ค่อยอ่อนเพลีย ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นด้วย

ขมิ้นชัน

ขมิ้นชัน กับการบำรุงผิวพรรณ

รู้จักสรรพคุณทางยากันไปแล้ว คราวนี้ขอเอาใจคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามกันบ้าง เชื่อว่าสาว ๆ ต้องเคยเห็นคนนำขมิ้นมาทาใบหน้า หรือตามผิวหนังหลังอาบน้ำแน่ ๆ เลย ซึ่งนั่นเป็นวิธีการบำรุงผิวอย่างหนึ่งค่ะ เพราะขมิ้นจะช่วยให้ผิวพรรณนุ่มนวลผ่องใสขึ้น แถมยังมีสรรพคุณป้องกันการงอกของขน ทำให้ผิวพรรณดูเกลี้ยงเกลาละเอียดเชียวล่ะ

สูตรพอกผิวด้วยขมิ้น

ให้นำขมิ้นสดเล็กน้อยมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปปั่นรวมกับดินสอพอง 2-3 เม็ด ผสมกับน้ำมะนาว 1 ผล ปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาพอกหน้าที่ล้างสะอาดแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทันที่ที่ใช้จะรู้สึกได้เลยว่า ใบหน้าเต่งตึงขึ้น และถ้าใครทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง รับรองว่า ผิวหน้าจะสดใส ดูดีขึ้นแน่นอน

และนี่ก็คือสรรพคุณเด็ด ๆ ของขมิ้นชัน ที่จัดว่าเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิด ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากเลยทีเดียว

ปัญหาทรมานจากโรคกระดูก หายได้ด้วย "ดีบูน "⚠กระดูกลั่นประจำดังก๊อบแก๊บ⚠ปวดหลัง ปวดเอว ปวดเข่า⚠ข้อเข่าเสื่อม ⚠นิ้วล็อค⚠โรค...
17/05/2017

ปัญหาทรมานจากโรคกระดูก หายได้ด้วย "ดีบูน "
⚠กระดูกลั่นประจำดังก๊อบแก๊บ
⚠ปวดหลัง ปวดเอว ปวดเข่า
⚠ข้อเข่าเสื่อม
⚠นิ้วล็อค
⚠โรคกระดูกผุ กระดูกพรุน
⚠ขาดแคลเซียม

โทร:094-809 5892 คุณสายรุ้ง
http://line.me/ti/p/~dezy888

เติมแคลเซียมให้ร่างกาย ด้วยเมนูอาหารไทยหากินง่าย ไม่แน่นะ กับข้าวที่คุณทานอยู่ทุกวัน อาจมีแร่ธาตุที่สำคัญต่อกระดูกและฟัน...
17/05/2017

เติมแคลเซียมให้ร่างกาย ด้วยเมนูอาหารไทยหากินง่าย ไม่แน่นะ กับข้าวที่คุณทานอยู่ทุกวัน อาจมีแร่ธาตุที่สำคัญต่อกระดูกและฟันแฝงอยู่

อาหารไทย อาหารประจำชาติที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์จนทำให้ชาวต่างชาติติดใ­­­จกันจนต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมารับประทานอาหารไทยแบบแท้ ๆ กันถึงบ้านเรา นอกจากจะเต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหารและสมุนไพรที่ดีต­่อสุขภาพแล้­­ว หลาย ๆ เมนูยอดฮิตก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยแคลเซียม สารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟันได้อย่­­างไม่น่าเชื่อ บางทีหนึ่งในเมนูนั้นอาจเป็นจานโปรดของคุณก็ได้

แต่ก่อนที่จะได้รู้ว่าอาหารไทยจานไหนมีแคลเซียมสูงบ้าง เราไปดูกันก่อนว่าแคลเซียมนั้นมีประโยชน์อย่างไรบ้าง นอกจากทำให้กระดูกแข็งแรงแล้วยังดีต่อร่างกายยังไงอีกล่ะเนี่ย

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญในร่างกายและเป็นแร่ธาตุที่ม­­­ีมากที่สุดในร่างกาย โดย 99% ของแคลเซียมในร่างกายอยู่ในกระดูกและฟัน นอกจากนี้แคลเซียมยังเป็นปัจจัยสำคัญในการแข็งตัวของเลือด และจำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ แถมยังช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ รวมทั้งกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์หลายชนิดในร่างกายอีกด้วย โดยร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมจากอาหารไปใช้ และจะสามารถดูดซึมได้ดีขึ้นหากรับประทานควบคู่กับสารอาหารและ­วิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามินดี กรดอะมิโน แลคโตส เป็นต้น

นอกจากนี้ปริมาณแคลเซียมที่คนควรได้รับต่อวันก็มีความแตกต่างกั­­­นในแต่ละช่วงวัยดังนี้ค่ะ

- เด็กอายุ 1 - 10 ปี ควรได้รับแคลเซียมวันละ 800 - 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน

- วัยรุ่นอายุ 11 - 24 ปี ควรได้รับแคลเซียมวันละ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน

- ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ รวมทั้งสตรีในวัยหมดประจำเดือน ควรได้รับแคลเซียมวันละ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน

- สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรได้รับแคลเซียมวันละ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน

ทั้งนี้หากร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ กระดูกจะเกิดการเสื่อมสลายของแคลเซียมเพื่อนำแคลเซียมมาใช้ในกา­­­รรักษาระดับแคลเซียมในเลือดให้คงที่ และถ้าหากเกิดการขาดแคลเซียมสะสมเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้กระดูก­­­พรุนและหักได้ง่าย โดยเฉพาะกระดูกบริเวณใกล้ข้อมือ หรือบริเวณสะโพก และอาจจะทำให้เกิดอาการกระดูกสันหลังทรุด ทำให้เจ็บหลังได้ง่าย แถมยังส่งผลให้เกิดอาการหลังค่อมได้อีกด้วย นอกจากนี้หากในเลือดมีปริมาณแคลเซียมต่ำก็อาจจะส่งผลทำให้เกิดอ­­­าการผิดปกติ อาทิเช่น หงุดหงิดง่าย ขา เกร็ง กระตุก มีอาการเหน็บที่นิ้วมือนิ้วเท้า รอบปาก ตลอดจนเป็นตะคริวบ่อยขึ้น และยังอาจมีอาการกล้ามเนื้อเกร็งตัวและตอบสนองไวผิดปกติ บางรายอาจจะถึงกับหัวใจล้มเหลวได้ค่ะ

ฉะนั้นจึงควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมให้เพียงพอต่อความต้อง­­­การของร่างกาย ซึ่งนอกจากการดื่มนมแล้ว การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมก็สามาร­ถสร้างเสริมแคลเซียมให้ร่างกายได้ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอาหารไทยจานไหนบ้างที่มีปริมาณแคลเซีย­­­มสูงค่ะ

เมนูอาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม

น้ำพริกกะปิ - ปลาทู

น้ำพริกกะปิ - ปลาทู

เมนูอาหารแบบเรียบง่ายนี้ขอบอกเลยว่ามีแคลเซียมสูงปรี๊ดเลยเชี­ยวล่ะ เพราะส่วนประกอบแต่ละอย่างที่อยู่ในน้ำพริกนั้นมีแคลเซียมอยู่ท­­­ั้งนั้นเลย แถมยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่สำคัญอีกด้วย โดยในแต่ละส่วนผสมของเมนูนี้มีปริมาณแคลเซียมดังนี้ค่ะ

- กะปิ : มีปริมาณแคลเซียม 1,556 มิลลิกรัม ต่อกะปิ 100 กรัม
- พริกขี้หนู : มีปริมาณแคลเซียม 4 มิลลิกรัมต่อพริก 100 กรัม
- กระเทียม : มีปริมาณแคลเซียม 5 มิลลิกรัมต่อกระเทียม 100 กรัม
- กุ้งแห้ง : มีปริมาณแคลเซียม 2,305 มิลลิกรัมต่อกุ้งแห้ง 100 กรัม
- หอมแดง : มีปริมาณแคลเซียม 16 มิลลิกรัมต่อหอมแดง 100 กรัม
- ปลาทูทอด : มีปริมาณแคลเซียม 136 มิลลิกรัมต่อปลาทู 100 กรัม

ยำถั่วพู

ยำถั่วพู

ถั่วพูเป็นอาหารที่มีปริมาณแคลเซียมสูงมากพอตัว ถือเป็นอาหารชั้นยอดของในตระกูลถั่วทั้งหมด นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนผสมอื่น ๆ เช่นกุ้งสด พริกแห้ง และหอมเจียวที่มีปริมาณแคลเซียมสูงเช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งปริมาณแคลเซียมของยำถั่วพูมีดังนี้

- ถั่วพู : มีปริมาณแคลเซียม 33 มิลลิกรัมต่อถั่วพู 100 กรัม
- กุ้งสด : มีปริมาณแคลเซียม 63 มิลลิกรัมต่อกุ้งสด 100 กรัม
- พริกแห้ง : มีปริมาณแคลเซียม 59 มิลลิกรัมต่อพริกแห้ง 100 กรัม
- หอมแดงเจียว : มีปริมาณแคลเซียม 16 มิลลิกรัมต่อหอมแดง 100 กรัม

ผักคะน้าผัดน้ำมันหอย

ผักคะน้าผัดน้ำมันหอย

ผักคะน้าเป็นผักที่มีปริมาณแคลเซียมสูสีกับนมสดเลยล่ะค่ะ แถมยังมีกากใยสูงช่วยในการขับถ่ายอีกด้วย ใครที่ชอบรับประทานผักเมนูนี้ไม่ควรพลาดเลยเชียวล่ะ โดยปริมาณแคลเซียมในอาหารจานนี้มีดังนี้

- ผักคะน้า : มีปริมาณแคลเซียม 245 มิลลิกรัมต่อผักคะน้า 100 กรัม (เทียบเท่ากับการดื่มนม 1 แก้ว)

ลาบเต้าหู้

ลาบเต้าหู้

เต้าหู้ อีกหนึ่งอาหารไทยที่ถือว่าอุดมไปด้วยแคลเซียม แถมยังมีไขมันต่ำและไม่มีคอเลสเตอรอล เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนในวัยทอง เพราะเต้าหู้นั้นมีปริมาณของสารไฟโดเอสโตรเจนซึ่งถือว่าเป็นสาร­­­ที่จำเป็นต่อสตรีในวัยหมดประจำเดือนที่ต้องการฮอร์โมนเอสโตรเจ­­น­ค่ะ ซึ่งปริมาณของแคลเซียมของอาหารจานนี้มีเยอะกว่าที่คาดด้วยล่ะ

- เต้าหู้ : มีปริมาณแคลเซียม 250 มิลลิกรัมต่อเต้าหู้ 100 กรัม

ก๋วยเตี๋ยวใส่ลูกชิ้น

ก๋วยเตี๋ยวใส่ลูกชิ้น

ใครจะไปเชื่อล่ะว่าเมนูก๋วยเตี๋ยวที่หลาย ๆ คนชื่นชอบจะมีแคลเซียมสูง ขอบอกเลยล่ะค่ะว่าทั้งเส้น และลูกชิ้นในก๋วยเตี๋ยวน่ะมีแคลเซียมที่ดีกับร่างกายเลย นอกจากนี้ผักอย่างเช่นถั่วงอกก็มีแคลเซียมเหมือนกัน ไปดูกันเลยว่าปริมาณแคลเซียมของอาหารจานนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง

- เส้นใหญ่ : มีปริมาณแคลเซียม 10 มิลลิกรัมต่อเส้นก๋วยเตี๋ยว 100 กรัม
- เส้นเล็ก : มีปริมาณแคลเซียม 12 มิลลิกรัมต่อเส้นก๋วยเตี๋ยว 100 กรัม
- เส้นบะหมี่ : มีปริมาณแคลเซียม 78 มิลลิกรัมต่อเส้นก๋วยเตี๋ยว 100 กรัม
- เส้นหมี่ : มีปริมาณแคลเซียม 21 มิลลิกรัมต่อเส้นก๋วยเตี๋ยว 100 กรัม
- ลูกชิ้นเนื้อ : มีปริมาณแคลเซียม 8 มิลลิกรัมต่อลูกชิ้น 100 กรัม
- ลูกชิ้นหมู : มีปริมาณแคลเซียม 27 มิลลิกรัมต่อลูกชิ้น 100 กรัม
- ลูกชิ้นกุ้ง : มีปริมาณแคลเซียม 89 มิลลิกรัมต่อลูกชิ้น 100 กรัม
- ลูกชิ้นปลา : มีปริมาณแคลเซียม 64 มิลลิกรัมต่อลูกชิ้น 100 กรัม
- ถั่วงอก : มีปริมาณแคลเซียม 45 มิลลิกรัมต่อถั่วงอก 100 กรัม

แกงส้มดอกแค

แกงส้มดอกแค

ดอกแคหนึ่งในสมุนไพรที่เราใช้กันมานานก็ถือเป็นอาหารอีกชนิดหนึ­­­่งที่มีแคลเซียมสูงค่ะ ยิ่งนำมาทำเป็นแกงส้มรวมกับส่วนผสมอื่น ๆ ก็ยิ่งทำให้ได้รับแคลเซียมมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในเมนูนี้ก็ไม่ได้มีแค่ดอกแคเท่านั้นมีแคลเซียมสูง แต่ยังมีพริกแห้ง หอมแดง ปลาช่อนและกะปิ ที่ถือว่ามีแคลเซียมสูงไม่แพ้กันค่ะ

- ดอกแค : มีปริมาณแคลเซียม 395 มิลลิกรัมต่อดอกแค 100 กรัม
- พริกแห้ง : มีปริมาณแคลเซียม 59 มิลลิกรัมต่อพริกแห้ง 100 กรัม
- หอมแดง : มีปริมาณแคลเซียม 16 มิลลิกรัมต่อหอมแดง 100 กรัม
- กะปิ : มีปริมาณแคลเซียม 1,556 มิลลิกรัม ต่อกะปิ 100 กรัม
- ปลาช่อน : มีปริมาณแคลเซียม 31 มิลลิกรัมต่อปลาช่อน 100 กรัม

แกงจืดตำลึง

แกงจืดตำลึง

เมนูพื้น ๆ ง่าย ๆ อย่างนี้ก็คงคาดไม่ถึงใช่ไหมละคะว่าจะมีปริมาณแคลเซียมสูงจนต้อ­­­งเอามาแนะนำเลย เพราะนอกจากตำลึงจะมีไฟเบอร์แล้วก็ยังมีวิตามินซีและฟอสฟอรัส ที่สำคัญปริมาณแคลเซียมก็สูงเช่นกัน ยิ่งถ้าหากนำมาทำแกงจืดใส่เต้าหู้ด้วยละก็ โหย แคลเซียมจัดเต็มสุด ๆ เลยล่ะจะบอกให้

- ผักตำลึง : มีปริมาณแคลเซียม 126 มิลลิกรัมต่อตำลึง 100 กรัม
- เต้าหู้ : มีปริมาณแคลเซียม 250 มิลลิกรัมต่อเต้าหู้ 100 กรัม

น้ำพริกปลาร้า

น้ำพริกปลาร้า

ปลาร้าเป็นอาหารที่เกิดจากการนำปลาตัวเล็ก ๆ มาหมักรวมกันจึงทำให้มีแคลเซียมสูง แถมยังมีโปรตีน และวิตามินบี 2 อยู่เพียบ และรสชาติที่จัดจ้านไม่แพ้ใครทำให้อาหารไทยจานนี้เป็นเมนูที่ทั­­้งอร่อยและดีต่อสุขภาพสุด ๆ เลยค่ะ

- ปลาร้า : มีปริมาณแคลเซียม 2,392 มิลลิกรัมต่อปลาร้า 100 กรัม
- พริกขี้หนู : มีปริมาณแคลเซียม 4 มิลลิกรัมต่อพริก 100 กรัม
- กระเทียม : มีปริมาณแคลเซียม 5 มิลลิกรัมต่อกระเทียม 100 กรัม
- หอมแดง : มีปริมาณแคลเซียม 16 มิลลิกรัมต่อหอมแดง 100 กรัม

น้ำพริกกุ้งเสียบ

น้ำพริกกุ้งเสียบ

น้ำพริกกุ้งเสียบเป็นอาหารประจำภาคใต้ที่แค่เพียงกุ้งเสียบอย่างเดียวก็มีปริมาณแคลเซียมสูงปรี๊ดแล้วล่ะค่ะ ยิ่งนำมาผสมกับกะปิย่างไฟหอม ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยแคลเซียมแล้ว ยิ่งทำให้น้ำพริกกุ้งเสียบนี้กลายเ­ป็นเมนูเสริมแคลเซียมที่ดีอีกเมนูหนึ่งค่ะ

- กุ้งเสียบ : มีปริมาณแคลเซียม 2,305 มิลลิกรัมต่อกุ้งเสียบ 100 กรัม
- กะปิ : มีปริมาณแคลเซียม 1,556 มิลลิกรัมต่อกะปิ 100 กรัม
- พริกขี้หนู : มีปริมาณแคลเซียม 4 มิลลิกรัมต่อพริก 100 กรัม

ยำมะม่วงปลากรอบ

ยำมะม่วงปลากรอบ

รสชาติเปรี้ยวและเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดของอาหารจานนี้ ขอบอกเลยว่าได้แคลเซียมไปเต็ม ๆ เพราะนอกจากแคลเซียมจากปลาตัวเล็กทอดกรอบ มะม่วง และกุ้งแห้งแล้ว วิตามินซีในน้ำมะนาวที่ใช้ในการปรุงแต่งรสชาติก็ยังช่วยทำให้ร่­­­างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้นอีกด้วย

- มะม่วงดิบ : มีปริมาณแคลเซียม 14 มิลลิกรัมต่อมะม่วง 100 กรัม
- ปลาตัวเล็กทอดกรอบ : มีปริมาณแคลเซียม 860 มิลลิกรัมต่อปลา 100 กรัม
- กุ้งแห้ง : มีปริมาณแคลเซียม 2,305 มิลลิกรัมต่อกุ้งแห้ง 100 กรัม
- หอมแดง : มีปริมาณแคลเซียม 16 มิลลิกรัมต่อหอมแดง 100 กรัม
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ : มีปริมาณแคลเซียม 38 มิลลิกรัมต่อเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม

นอกจากนี้ยังมีอาหารอีกหลายชนิดที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ไม่ว่าจะเป็นกุ้งฝอย หรือปลาข้าวสารทอดกรอบ ให้หลาย ๆ คนได้เลือกรับประทานกัน แต่ไม่ใช่รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมกันจนลืมดื่มนมล่ะ เพราะนมเองแม้อาจจะมีแคลเซียมที่ไม่เทียบเท่ากับอาหารบางอย่างแ­­­ต่ก็มีแร่ธาตุและวิตามินที่เราควรได้รับ ดื่มนมวันละแก้วควบคู่กับการรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมด้วย ขอบอกเลยว่าแจ่มกว่ากันเยอะเลย

 #สารสกัดอีก1ชนิดที่อยู่ในผลิตภัณฑ์Dboon🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟7 คุณประโยชน์ของกระดูกอ่อนปลาฉลาม     กระดูกอ่อนปลาฉลามพึ่งมาไ...
17/05/2017

#สารสกัดอีก1ชนิดที่อยู่ในผลิตภัณฑ์Dboon
🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟
7 คุณประโยชน์ของกระดูกอ่อนปลาฉลาม
กระดูกอ่อนปลาฉลามพึ่งมาได้รับการศึกษาอย่างจริงจัง ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีมานี้ โดยแพทย์ชาวอเมริกา ชื่อ John Prudden ซึ่งสนใจในเรื่องของกระดูกอ่อนปลาฉลาม ว่าสามารถที่จะช่วยบำรุงร่างกายได้เกือบทุกส่วน สอดคล้องกับแนวคิดในอดีตของชาวจีนที่ว่าหูฉลาม (หรือจริงๆแล้วคือครีบของปลาฉลามที่มีสัดส่วนของกระดูกอ่อนปลาฉลามมากที่สุด) ได้รับการขนานนามในอดีตว่าคือยาบำรุงอายุวัฒนะ วันนี้จึงอยากจะมากล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของกระดูกอ่อนปลาฉลามที่ได้รับการศึกษามาแล้วดังนี้

1. ป้องกันมะเร็ง
ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งและลดสารอนุมูลอิสระได้ มีบทความทางวิทยาศาสตร์หลายบทความที่สนับสนุนว่าปลาฉลามไม่เป็นมะเร็ง จากแนวคิดที่ว่ากระดูกอ่อนของปลาฉลามนี้สามารถผลิตโปรตีนและสารลดการอักเสบหลายชนิด เช่น สารAE -941 เป็นต้น ที่สามารถลดการเกิดอนุมูลอิสระและควบคุมการเติบโตของเซลล์ที่อาจจะเจริญไปเป็นมะเร็งในอนาคตได้

2. บำรุงกระดูก
กระดูกอ่อนปลาฉลามมีส่วนประกอบของแคลเซียมและคอลลาเจนชนิดที่สองเป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถที่จะบำรุงกระดูกและกระดูกอ่อนตามข้อต่อต่างๆ เช่น ข้อเข่า ข้อมือ และหมอนรองกระดูกสันหลังได้

3. เพิ่มความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันได้
มีรายงานการศึกษาว่ากระดูกอ่อนปลาฉลามสามารถที่จะบำรุงเซลล์เม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้เป็นอย่างดี พบว่าผู้ป่วยที่ป่วยเป็นไข้หวัดสามารถที่จะหายเร็วจากไข้หวัดได้เร็วขึ้นเมื่อรับประทานกระดูกอ่อนปลาฉลาม

4. สามารถลดการอักเสบของผิวหนังบางชนิดลงได้
เนื่องจากกระดูกอ่อนปลาฉลามมีส่วนประกอบของสารที่ลดการอักเสบได้ทำให้สามารถลดการอักเสบของผิวหนัง เช่น โรคpsoriasis หรือโรคภูมิแพ้ผิวหนังได้

5. ลดข้อเสื่อม
กระดูกอ่อนปลาฉลามนั้นมีองค์ประกอบเป็นสาร ที่ชื่อว่า “โครนโดรอิทิน ซัลเฟต” (Chondroitin Sulfate) ซึ่งสารนี้มีงานวิจัยว่าสามารถช่วยเสริมการสร้างน้ำในข้อต่อ ซึ่งทำให้สามารถช่วยป้องกันโรคข้อเสื่อม ข้อติดได้ ยิ่งกว่านั้นหากมีโรคข้ออยู่แล้ว สารนี้ก็ยังช่วยลดความเจ็บปวดจากการอักเสบ และส่งเสริมการฟื้นฟูข้อด้วย

6. ทำให้สายตาดี
มีผลสำรวจว่าการรับประทานกระดูกอ่อนฉลามเป็นอาหารเสริมในช่วงระยะเวลาหนึ่งนั้นสามารถที่จะทำให้สายตาของผู้ทานดีขึ้นได้! โดยจะมีประโยชน์ที่สุดในการป้องกันภาวะสายตาเสื่อมจากอายุที่เพิ่มขึ้นและลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดจอประสาทตาเสื่อมตามวัยอีกด้วย

7. แผลหายเร็ว
กระดูกอ่อนปลาฉลามสามารถที่จะช่วยในการเพิ่มสารลดการอักเสบและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในการช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ผิวหนังมีความเต่งตึงและสดใสได้อีกด้วย

กระดูกอ่อนฉลาม เป็นเพียงหนึ่งในหลากหลายองค์ประกอบอันดีต่อสุขภาพของ “D-Boon” เท่านั้น

สนใจสอบถามและสั่งซื้อ
โทร:094-809 5892 คุณสายรุ้ง
http://line.me/ti/p/~dezy888

🔔🔔เช้านี้ แพ็คของวนไปจร้า   ใครๆ ก็เลือกดีบูนดูแล บำรุง ฟื้นฟู กระดูก แล้วคุณล่ะ  ลองรึยัง🔔🔔
17/05/2017

🔔🔔เช้านี้ แพ็คของวนไปจร้า ใครๆ ก็เลือกดีบูนดูแล บำรุง ฟื้นฟู กระดูก แล้วคุณล่ะ ลองรึยัง🔔🔔

“กระดูก” คนเรามักเสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น รวมถึงการมีพฤติกรรมแบบผิดๆ เป็นตัวช่วยเร่งให้ กระดูกเสื่อมเร็วยิ่งขึ้นไปอีกและ...
17/05/2017

“กระดูก” คนเรามักเสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น รวมถึงการมีพฤติกรรมแบบผิดๆ เป็นตัวช่วยเร่งให้ กระดูกเสื่อมเร็วยิ่งขึ้นไปอีกและยังมีอุบัติเหตุที่อาจทำให้กระดูกได้รับบาดเจ็บและเกิดความผิดปกติที่ซับซ้อน การได้รับการวินิจฉัยที่รวดเร็วและทันท่วงทีเป็นหัวใจสำคัญ เพราะกระดูกเป็นอวัยวะที่ ปกป้องอวัยวะภายในและค้ำจุนโครงสร้างของร่างกายรวมทั้งการเคลื่อนไหว

**D-BOON** ดีบูน ผลิตภัณฑ์ดูแลกระดูกและข้อ
นวัตกรรมใหม่ที่เห็นผลเร็วจาก D Network Worldwide

☆ส่วนประกอบที่สำคัญ☆
1.คอลลาเจนจากปลาทะเล (Hydrolyed Fish Collagen)
2.สารสกัดจากเปลือกสน (Pine bark extract ) MSM
3.วิตามิน ซี (Vitamin C)
4.สารสกัดจากขมิ้น (Turmeric Extract)
5.วิตามิน ดี 3 (Vitamin D 3)
6.แคลเซียม คาร์บอเนต (Calcium Carbonate )

>>เหมาะสำหรับ
~ โรคข้อเข่าเสื่อม
~ โรคกระดูกพรุน
~ โรคข้ออักเสบ,รูมาตอย,เก๊าท์
~ โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน, กระดูกทับเส้นประสาท
~ นิ้วล็อค โรคฮิตของคนทำงาน
~ กลุ่มนักกีฬา
~ ผู้ที่ต้องการเพิ่มความสูง
~ ช่วยเรื่องความเสื่อมของอวัยวะต่างๆในร่างกาย
~ ผู้ที่ปวดเมื่อยตามกระดูก ข้อเข่า สันหลัง ไหล่บ่า คอ
~ วัยหมดประจำเดือน ขาดแคลเซียม
~ อาชีพที่ต้องยืนนาน

ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
อย.10-1-06045-1-0038 รับรองฮาลาล

สินค้าพร้อมส่ง ของแท้ บ.จัดส่งเองถึงหน้าบ้านท่าน
สนใจติดต่อ
☏ 094-809 5892 คุณสายรุ้ง
http://line.me/ti/p/~dezy888

❎อันตรายจากโรคกระดูกพรุน 💁เปรียบเสมือนตัวอิจฉาในละคร ที่เรียบร้อย👼เป็นคนดีในตอนต้น แต่กลับร้าย👿กาจในตอนจบ ที่กล่าวเช่นนี...
16/05/2017

❎อันตรายจากโรคกระดูกพรุน 💁เปรียบเสมือนตัวอิจฉาในละคร ที่เรียบร้อย👼เป็นคนดีในตอนต้น แต่กลับร้าย👿กาจในตอนจบ ที่กล่าวเช่นนี้เป็นเพราะว่า ในช่วงที่กระดูกเริ่มบางนั้น ร่างกายจะไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นเลย แต่หากละเลยไม่ดูแลกระดูก กระดูกจะมีความบางมากขึ้นจนเข้าขั้นที่เรียกว่า “โรคกระดูกพรุน” ซึ่งเกิดความผิดปกติต่อโครงสร้างของกระดูกสันหลัง ทำให้😵หลังโก่ง 😵ไหล่งุ้มกว่าปกติ 😵พุงยื่น 😵มีอาการปวดหลัง และ😵ส่วนสูงลดลง ส่ง ทำให้ส่งผลเสียต่อทั้งด้านสุขภาพ และบุคคลิกภาพของตัวผู้ป่วยเอง เราทุกคนจึงควรให้ความสำคัญ และใส่ใจต่อการดูแลกระดูกของตัวเรา และคนในครอบครัว
💪💪D-Boon (ดีบูน)💪💪
อาหารเสริมที่มียอดขายสูงสุดทั้งในยุโรปและอเมริกา ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งของกระดูกและข้อต่อ
ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวเพื่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนรอบๆข้อต่อ เอ็นร้อยหวาย และเอ็นยึดข้อ
☆ส่วนประกอบที่สำคัญ☆
1.คอลลาเจนจากปลาทะเล (Hydrolyed Fish Collagen)
2.สารสกัดจากเปลือกสน (Pine bark extract ) MSM
3.วิตามิน ซี (Vitamin C)
4.สารสกัดจากขมิ้น (Turmeric Extract)
5.วิตามิน ดี 3 (Vitamin D 3)
6.แคลเซียม คาร์บอเนต (Calcium Carbonate )
>>เหมาะสำหรับ
~ โรคข้อเข่าเสื่อม
~ โรคกระดูกพรุน
~ โรคข้ออักเสบ,รูมาตอย,เก๊าท์
~ โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน, กระดูกทับเส้นประสาท
~ นิ้วล็อค โรคฮิตของคนทำงาน
~ กลุ่มนักกีฬา
~ ผู้ที่ต้องการเพิ่มความสูง
~ ช่วยเรื่องความเสื่อมของอวัยวะต่างๆในร่างกาย
~ ผู้ที่ปวดเมื่อยตามกระดูก ข้อเข่า สันหลัง ไหล่บ่า คอ
~ วัยหมดประจำเดือน ขาดแคลเซียม
~ อาชีพที่ต้องยืนนาน
🔮ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
📚อย.10-1-06045-1-0038 รับรองฮาลาล
สินค้าพร้อมส่ง ของแท้
โปรโมชั่นพิเศษ สนใจทักมาเลยจ๊ะ
โทร 094-8095892
http://line.me/ti/p/~dezy888

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

0948095892

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Dboon ศูนย์จำหน่ายดีบูน ของแท้ ดูแลกระดูกไขข้อ เข่าเสื่อมคุณปุ๊ก094-8095892ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Dboon ศูนย์จำหน่ายดีบูน ของแท้ ดูแลกระดูกไขข้อ เข่าเสื่อมคุณปุ๊ก094-8095892:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram