01/09/2025
#เคยเรียนแล้วให้ทำตารางแบบนี้ใช่ไหม...
#ทำแล้วแต่ไม่รู้ต้องรักษายังไง
#แล้วจะแก้ไขให้ยาไรดีน้าาาา
#โครงการป่าล้อมเมืองเพื่อเปลี่ยนแนวการสอนในมหาวิทยาลัย
✨ บทนำ : การแปลผล Blood Gas (เน้น VBG)
ปัจจุบันการตรวจ Blood Gas Parameters ในใบรายงานมีค่ามากกว่า 40 ค่า สิ่งสำคัญลำดับแรกก่อนการตีความ คือ การแยกให้ออกว่าค่าใดเป็นตัวแทนของเรื่องอะไร
Pressure (ความดัน) → pCO₂, pO₂
Concentration (ความเข้มข้น) → HCO₃⁻, Base Excess, Lactate (หน่วย mmol/L)
Content (ปริมาณจริง) → cO₂, DO₂, O₂cap, CcO₂ (หน่วย mL O₂/dL blood)
อย่างไรก็ตาม แม้ค่าเหล่านี้จะเป็นหัวใจในการแปลผล แต่สิ่งที่มีผลต่อความถูกต้องอย่างมากคือขั้นตอนก่อนตรวจ ได้แก่
การเลือกไซริงค์หรือขวดเก็บที่ถูกต้อง
การไล่อากาศออกจากหลอด
การผสม (mix) ตัวอย่างให้ทั่วถึง
เวลาที่ใช้ในการส่งตรวจหลังเก็บเลือด
การใส่อุณหภูมิของสัตว์ที่ถูกต้องขณะเก็บตัวอย่างเลือด ( #หลายที่ไม่ให้ความสำคัญถือว่าพลาดมาก)
รวมถึงชนิดและเทคโนโลยีของเครื่องตรวจ
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้ผลตรวจเปลี่ยนไปได้หากไม่ได้ควบคุมให้เหมาะสม
ในทางปฏิบัติจริง โดยเฉพาะในโรงพยาบาลสัตว์ การเจาะเลือดแดง (ABG) ไม่สะดวกและมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ความเจ็บปวดของสัตว์ ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน และความชำนาญของผู้เจาะ ดังนั้นการใช้ Venous Blood Gas (VBG) จึงกลายเป็นเครื่องมือที่ “ใกล้เคียง” และมีความหมายมากในการประเมินสภาวะผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็น
การติดตามภาวะกรด–ด่าง
การประเมินการเผาผลาญ (metabolism)
การดู tissue perfusion และ shock
รวมถึงการใช้ร่วมกับพารามิเตอร์อื่น ๆ เพื่อประเมินการทำงานของหัวใจและเนื้อเยื่อ
แม้ว่า VBG จะไม่สามารถทดแทน ABG ได้ทุกสถานการณ์ (เช่น การประเมินการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่ปอดโดยตรง) แต่ VBG ก็สามารถตอบโจทย์ทางคลินิกที่เราต้องการส่วนใหญ่ได้ และสะดวกต่อการใช้จริงในสัตว์เลี้ยงมากกว่า
ดังนั้น เนื้อหาต่อจากนี้ เราจะ เน้นการอ่านค่าและการแปลผลจาก VBG เป็นหลัก พร้อมชี้ให้เห็นจุดแข็ง–ข้อจำกัด เพื่อให้เข้าใจทั้งเชิงตัวเลขและเชิงสรีรวิทยาอย่างแท้จริง
บทที่ 1 : พื้นฐาน Blood Gas
✅ เข้าใจให้ตรง....Blood Gas ไม่ได้เป็นเพียงแค่การ “ดูการทำงานของปอดกับไต” อย่างเดียว แต่จริง ๆ คือ การประเมินสมดุลกรด–ด่าง และการแลกเปลี่ยนก๊าซของร่างกายโดยรวม
ปอด (Respiratory system):
ควบคุมการขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) → มีผลโดยตรงต่อค่า pCO₂ และภาวะกรด–ด่างแบบ Respiratory acidosis/alkalosis
ไต (Renal system):
ควบคุมการขับกรด (H⁺) และการเก็บ–ปล่อย Bicarbonate (HCO₃⁻) → มีผลต่อค่า HCO₃⁻ และภาวะ Metabolic acidosis/alkalosis
เนื้อเยื่อและการไหลเวียน (Tissue perfusion):
มีผลต่อการใช้ออกซิเจน (O₂), การสร้างกรดแลกติก (Lactate) และภาวะ shock → ตรงนี้คือสิ่งที่ Venous Blood Gas (VBG) สะท้อนได้ดีมาก
• ความต่าง ABG vs VBG
• ABG → ปอดทำงานยังไง, oxygenation
• VBG → tissue ใช้ O₂ ยังไง, metabolic status
• ค่าแต่ละตัวคืออะไร
• pH, pCO₂, HCO₃⁻, Base Excess (BE), Lactate
• pO₂, SO₂, O₂ Content (cO₂)
• เข้าใจว่า บางค่า “วัดจริง” (measured) เช่น pH, pO₂, pCO₂
และบางค่า “คำนวณ” (calculated) เช่น HCO₃⁻, BE, SaO₂ เป็นต้น
📌 Point :
- ค่าไหนได้จากการคำนวณ ค่าไหนได้จากการวัดจริง
- ABG = input (ปอดให้ O₂)
- VBG = output (เนื้อเยื่อใช้ O₂)
-----------------------
บทที่ 2 : Acid–Base Disorders #บทนี้ถือว่าเรียนจบก็จบระดับพื้นฐานเท่านั้นนะ
❣️ Step 1: ดู pH → รู้ว่าเป็นกรด (Acidosis) หรือด่าง (Alkalosis)
❣️ Step 2: ดู pCO₂ (ระบบปอด)
ถ้า pH ↓ (Acidosis) แต่ pCO₂ ↑ → Respiratory Acidosis
ถ้า pH ↑ (Alkalosis) แต่ pCO₂ ↓ → Respiratory Alkalosis
👉 pH กับ pCO₂ จะเปลี่ยน “สวนทางกัน”
❣️ Step 3: ดู HCO₃⁻ (ระบบไต)
ถ้า pH ↓ (Acidosis) และ HCO₃⁻ ↓ → Metabolic Acidosis
ถ้า pH ↑ (Alkalosis) และ HCO₃⁻ ↑ → Metabolic Alkalosis
👉 pH กับ HCO₃⁻ จะเปลี่ยน “ไปทางเดียวกัน”
❣️ Step 4: ประเมินว่ามีการ ชดเชย (compensation) หรือไม่ เช่น ถ้าเป็น metabolic acidosis → pCO₂ มักจะลดลงตามเพื่อชดเชย เป็นต้น
✨ ตัวอย่าง
Metabolic Acidosis จาก sepsis:
pH ↓, HCO₃⁻ ↓, และ pCO₂ ↓ (ปอดช่วยชดเชย)
Respiratory Alkalosis จากหอบ:
pH ↑, pCO₂ ↓, HCO₃⁻ อาจลดลงเล็กน้อยถ้าเป็นเรื้อรัง (ไตชดเชย)
✨ ต่อยอด Step 4 (Compensation → Anion Gap)
หลังจากเรารู้แล้วว่าเป็น Metabolic Acidosis (pH ↓, HCO₃⁻ ↓)
👉 เราสามารถถามต่อว่า “Acidosis นี้มาจากกรดที่เพิ่มขึ้น หรือจากการสูญเสีย HCO₃⁻ ?”
ตรงนี้แหละที่ Anion Gap (AG) เข้ามาช่วย
ถ้า AG สูง → แสดงว่ามี กรดใหม่เพิ่มเข้ามา ในร่างกาย
เช่น Lactic acidosis, Ketoacidosis, Uremia, Poisoning
ถ้า AG ปกติ (Hyperchloremic Metabolic Acidosis) → แสดงว่ามี การสูญเสีย HCO₃⁻ โดยตรง
เช่น ท้องเสีย, Tubular acidosis
📌 Point :
การประเมินการชดเชย (compensation)
ถ้ามี ค่า Anion Gap → ใช้แยกสาเหตุของ Metabolic Acidosis ได้ชัดเจนขึ้น
AG สูง = กรดใหม่เข้ามา
AG ปกติ = สูญเสีย HCO₃⁻
Base Excess — -b vs
BE (หรือ Base deficit ถ้าค่าเป็นลบ หรือด่างหายไป) = ปริมาณกรด/ด่างที่ต้องเติมให้เลือดกลับสู่ pH 7.40 ที่ pCO₂ 40 mmHg
ช่วงปกติ ≈ −3 ถึง +3 mEq/L
ชนิดของ BE ที่เครื่องรายงาน
BE-b (Blood Base Excess): คำนวณบนสมมติฐานในเลือดทั้งหมด → ไวต่อ Hb/Hct มากกว่า
BEecf (Extracellular Fluid Base Excess): ปรับให้แทน ช่องนอกเซลล์ทั้งระบบ (ECF) → ใช้ประเมินภาวะเมตาบอลิกจริงในร่างกายได้ดีกว่าเวลาให้สารน้ำ/ไบคาร์บ
📌 Point :
ถ้าเครื่องมีทั้งสองค่า ให้ อ้างอิง BEecf เป็นหลัก สำหรับการประเมินความรุนแรง และการคำนวณยาที่ต้องแก้ไข
การแปลผลเร็ว
BEecf < −3 = มี metabolic acidosis (ถ้าต่ำกว่า −6 ถือว่าปานกลางถึงรุนแรง)
BEecf > +3 = มี metabolic alkalosis หรือการชดเชยระยะยาวของ respiratory acidosis
BE-b กับ BEecf ไปคนละทาง? → นึกถึงผลจาก Hb/Hct ผิดปกติ, hemodilution/hemoconcentration
ใช้ตัดสินใจรักษา (ผมไม่ได้สอนคำนวณยาในนี้นะ)
Acidosis (BEecf ≤ −6): แก้สาเหตุหลักก่อน (shock/sepsis/renal) + ให้สารน้ำเหมาะสม
พิจารณา NaHCO₃ เมื่อ pH < 7.10 หรือ BEecf < −10 และมีภาวะคุกคามชีวิต
Alkalosis (BEecf ≥ +6): แยก chloride-responsive vs unresponsive
Cl⁻ ต่ำ/สูญเสียกรดทาง GI/diuretic → ให้ 0.9% NaCl, KCl แทน
ถ้า Cl⁻ ปกติ/สูง ให้หาสาเหตุฮอร์โมน/แร่ธาตุ (hypokalemia, hyperaldosteronism ฯลฯ)
📌 Point :
BEecf = ของจริงทั้ง ECF → ตัดสินใจใช้ยาแก้ไข
BE-b = ไวต่อ Hb/Hct → ช่วยตีความร่วม
-------------------------
บทที่ 3 : Oxygenation & Ventilation (Vet version – VBG)
บนใบรายงาน pO₂ จะหมายถึง PaO₂ ถ้าเป็น ABG และหมายถึง PvO₂ ถ้าเป็น VBG (ดูที่ specimen type)
#หลังจากนี้ไปในแต่ละบทเรียนจะเป็นการเรียนรู้เพื่อนำไปรักษาจริง
#หลายๆค่าคุณหมออาจไม่เคยเห็นแต่ให้รู้ไว้เถอะสำคัญทุกค่า
1. หลักการวัด Oxygenation
โดยทั่วไป Oxygenation ต้องใช้ค่าในเลือดแดง (ABG) เช่น PaO₂, SaO₂ แต่ในคลินิกสัตว์ ABG ทำได้ยาก → เรามักใช้ VBG (เจาะจากหลอดเลือดดำ) มาช่วยประเมินร่วมกับ clinical sign
pO₂ (PvO₂) ใน VBG ต่ำกว่าหลอดเลือดแดงเสมอ (ปกติ ~25–45 mmHg ในหมาแมว)
👉 ดังนั้น ไม่ใช้ PvO₂ เพื่อตัดสินภาวะ hypoxemia โดยตรง
📌 Point :
❌ อย่าพยายามใช้ PvO₂ ตัดสิน hypoxemia เด็ดขาด เดี๋ยวหลงทาง
✔️ สิ่งที่ควรใช้คือ SvO₂, Lactate, SpO₂ และ clinical sign
สิ่งที่ใช้ได้จาก VBG คือ SvO₂ ปกติ: 60–80%
ถ้าต่ำ