Crystal CT Scan by Crystal Pet Hospital

Crystal CT Scan by Crystal Pet Hospital CT Scan 128 slice for Pets Cafe' & CT scan Center

 #อยากรู้อยากถามว่าเสต็มเซลล์มีประโยชน์กับลูกเราจริงหรือ  #ตอบข้อสงสัยทุกคำถามเสาร์ที่ 27 กันยายนนี้ 10.30-13.30 ที่ Ico...
12/09/2025

#อยากรู้อยากถามว่าเสต็มเซลล์มีประโยชน์กับลูกเราจริงหรือ

#ตอบข้อสงสัยทุกคำถาม

เสาร์ที่ 27 กันยายนนี้ 10.30-13.30 ที่ Icon Siam

💙✨ From Science to Care: Stem Cells for Your Beloved Pets จากวิทยาศาสตร์สู่การดูแล: สเต็มเซลล์เพื่อสัตว์เลี้ยงที่รักของคุณ ✨💙 มิติใหม่ของความรักและสุขภาพสำหรับน้องหมาน้องแมว 🐶🐱

📌 งานสัมมนาพิเศษที่จะพาคุณพ่อคุณแม่มารู้จักกับ“การเก็บสเต็มเซลล์ในสัตว์เลี้ยงและการใช้สเต็มเซลล์ในสัตว์เลี้ยง” โดยสัตวแพทย์และนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ

📅 วันเสาร์ที่ 27 กันยายน 2568
🕜 เวลา 10.30 – 13.30 น.
📍 Meeting room 4-5 ชั้น 7 Icon Siam

10.30 - 11.00 ลงทะเบียน
11.00 - 12.00 ฟังสัมนาเกี่ยวกับสเต็มเซลล์เพื่อสัตว์เลี้ยงที่รักของคุณ
12.00 - 13.30 ถาม-ตอบ ลุ้นรับรางวัลเก็บสเต็มเซลล์ฟรี

👉 ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี! (จำกัด 100 ท่าน)
ตั้งแต่วันนี้–25 กันยายน 68 (หรือปิดรับลงทะเบียนเมื่อมีผู้ลงทะเบียนครบตามจำนวน)

🔗 สแกน QR code เพื่อแอดไลน์ หรือคลิกลิงก์เพื่อลงทะเบียน >> https://forms.gle/u4L8AmzpyDSC2dde9

#บอกเลยว่าใครมางานนี้ได้ลุ้นรางวัลงามๆ

เสาร์ 27 กันยายน นี้....ตอบทุกคำถามเรื่องของ Stem Cell ในสัตว์เลี้ยง ณ ห้อง Meeting room 4-5     รับ 100 คน พาน้องหมาไปไ...
09/09/2025

เสาร์ 27 กันยายน นี้....ตอบทุกคำถามเรื่องของ Stem Cell ในสัตว์เลี้ยง ณ ห้อง Meeting room 4-5

รับ 100 คน พาน้องหมาไปได้นะแต่ต้องใส่รถเข็น....กำหนดการคร่าวๆ 10.30-13.30 น.

แล้วจะมาแจ้งรายละเอียดนะครับ แล้วจะทำไลน์แอดให้ผู้สนใจเข้าฟังลงทะเบียน ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย


  #เคยเรียนแล้วให้ทำตารางแบบนี้ใช่ไหม... #ทำแล้วแต่ไม่รู้ต้องรักษายังไง #แล้วจะแก้ไขให้ยาไรดีน้าาาา #โครงการป่าล้อมเมือง...
01/09/2025


#เคยเรียนแล้วให้ทำตารางแบบนี้ใช่ไหม...
#ทำแล้วแต่ไม่รู้ต้องรักษายังไง
#แล้วจะแก้ไขให้ยาไรดีน้าาาา
#โครงการป่าล้อมเมืองเพื่อเปลี่ยนแนวการสอนในมหาวิทยาลัย

✨ บทนำ : การแปลผล Blood Gas (เน้น VBG)

ปัจจุบันการตรวจ Blood Gas Parameters ในใบรายงานมีค่ามากกว่า 40 ค่า สิ่งสำคัญลำดับแรกก่อนการตีความ คือ การแยกให้ออกว่าค่าใดเป็นตัวแทนของเรื่องอะไร
Pressure (ความดัน) → pCO₂, pO₂

Concentration (ความเข้มข้น) → HCO₃⁻, Base Excess, Lactate (หน่วย mmol/L)

Content (ปริมาณจริง) → cO₂, DO₂, O₂cap, CcO₂ (หน่วย mL O₂/dL blood)

อย่างไรก็ตาม แม้ค่าเหล่านี้จะเป็นหัวใจในการแปลผล แต่สิ่งที่มีผลต่อความถูกต้องอย่างมากคือขั้นตอนก่อนตรวจ ได้แก่

การเลือกไซริงค์หรือขวดเก็บที่ถูกต้อง

การไล่อากาศออกจากหลอด

การผสม (mix) ตัวอย่างให้ทั่วถึง

เวลาที่ใช้ในการส่งตรวจหลังเก็บเลือด

การใส่อุณหภูมิของสัตว์ที่ถูกต้องขณะเก็บตัวอย่างเลือด ( #หลายที่ไม่ให้ความสำคัญถือว่าพลาดมาก)

รวมถึงชนิดและเทคโนโลยีของเครื่องตรวจ

ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้ผลตรวจเปลี่ยนไปได้หากไม่ได้ควบคุมให้เหมาะสม

ในทางปฏิบัติจริง โดยเฉพาะในโรงพยาบาลสัตว์ การเจาะเลือดแดง (ABG) ไม่สะดวกและมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ความเจ็บปวดของสัตว์ ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน และความชำนาญของผู้เจาะ ดังนั้นการใช้ Venous Blood Gas (VBG) จึงกลายเป็นเครื่องมือที่ “ใกล้เคียง” และมีความหมายมากในการประเมินสภาวะผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็น

การติดตามภาวะกรด–ด่าง

การประเมินการเผาผลาญ (metabolism)

การดู tissue perfusion และ shock

รวมถึงการใช้ร่วมกับพารามิเตอร์อื่น ๆ เพื่อประเมินการทำงานของหัวใจและเนื้อเยื่อ

แม้ว่า VBG จะไม่สามารถทดแทน ABG ได้ทุกสถานการณ์ (เช่น การประเมินการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่ปอดโดยตรง) แต่ VBG ก็สามารถตอบโจทย์ทางคลินิกที่เราต้องการส่วนใหญ่ได้ และสะดวกต่อการใช้จริงในสัตว์เลี้ยงมากกว่า

ดังนั้น เนื้อหาต่อจากนี้ เราจะ เน้นการอ่านค่าและการแปลผลจาก VBG เป็นหลัก พร้อมชี้ให้เห็นจุดแข็ง–ข้อจำกัด เพื่อให้เข้าใจทั้งเชิงตัวเลขและเชิงสรีรวิทยาอย่างแท้จริง

บทที่ 1 : พื้นฐาน Blood Gas

✅ เข้าใจให้ตรง....Blood Gas ไม่ได้เป็นเพียงแค่การ “ดูการทำงานของปอดกับไต” อย่างเดียว แต่จริง ๆ คือ การประเมินสมดุลกรด–ด่าง และการแลกเปลี่ยนก๊าซของร่างกายโดยรวม

ปอด (Respiratory system):
ควบคุมการขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) → มีผลโดยตรงต่อค่า pCO₂ และภาวะกรด–ด่างแบบ Respiratory acidosis/alkalosis

ไต (Renal system):
ควบคุมการขับกรด (H⁺) และการเก็บ–ปล่อย Bicarbonate (HCO₃⁻) → มีผลต่อค่า HCO₃⁻ และภาวะ Metabolic acidosis/alkalosis

เนื้อเยื่อและการไหลเวียน (Tissue perfusion):
มีผลต่อการใช้ออกซิเจน (O₂), การสร้างกรดแลกติก (Lactate) และภาวะ shock → ตรงนี้คือสิ่งที่ Venous Blood Gas (VBG) สะท้อนได้ดีมาก

• ความต่าง ABG vs VBG
• ABG → ปอดทำงานยังไง, oxygenation
• VBG → tissue ใช้ O₂ ยังไง, metabolic status
• ค่าแต่ละตัวคืออะไร
• pH, pCO₂, HCO₃⁻, Base Excess (BE), Lactate
• pO₂, SO₂, O₂ Content (cO₂)
• เข้าใจว่า บางค่า “วัดจริง” (measured) เช่น pH, pO₂, pCO₂
และบางค่า “คำนวณ” (calculated) เช่น HCO₃⁻, BE, SaO₂ เป็นต้น

📌 Point :
- ค่าไหนได้จากการคำนวณ ค่าไหนได้จากการวัดจริง
- ABG = input (ปอดให้ O₂)
- VBG = output (เนื้อเยื่อใช้ O₂)
-----------------------

บทที่ 2 : Acid–Base Disorders #บทนี้ถือว่าเรียนจบก็จบระดับพื้นฐานเท่านั้นนะ

❣️ Step 1: ดู pH → รู้ว่าเป็นกรด (Acidosis) หรือด่าง (Alkalosis)

❣️ Step 2: ดู pCO₂ (ระบบปอด)

ถ้า pH ↓ (Acidosis) แต่ pCO₂ ↑ → Respiratory Acidosis

ถ้า pH ↑ (Alkalosis) แต่ pCO₂ ↓ → Respiratory Alkalosis
👉 pH กับ pCO₂ จะเปลี่ยน “สวนทางกัน”

❣️ Step 3: ดู HCO₃⁻ (ระบบไต)

ถ้า pH ↓ (Acidosis) และ HCO₃⁻ ↓ → Metabolic Acidosis

ถ้า pH ↑ (Alkalosis) และ HCO₃⁻ ↑ → Metabolic Alkalosis
👉 pH กับ HCO₃⁻ จะเปลี่ยน “ไปทางเดียวกัน”

❣️ Step 4: ประเมินว่ามีการ ชดเชย (compensation) หรือไม่ เช่น ถ้าเป็น metabolic acidosis → pCO₂ มักจะลดลงตามเพื่อชดเชย เป็นต้น

✨ ตัวอย่าง

Metabolic Acidosis จาก sepsis:
pH ↓, HCO₃⁻ ↓, และ pCO₂ ↓ (ปอดช่วยชดเชย)

Respiratory Alkalosis จากหอบ:
pH ↑, pCO₂ ↓, HCO₃⁻ อาจลดลงเล็กน้อยถ้าเป็นเรื้อรัง (ไตชดเชย)

✨ ต่อยอด Step 4 (Compensation → Anion Gap)

หลังจากเรารู้แล้วว่าเป็น Metabolic Acidosis (pH ↓, HCO₃⁻ ↓)
👉 เราสามารถถามต่อว่า “Acidosis นี้มาจากกรดที่เพิ่มขึ้น หรือจากการสูญเสีย HCO₃⁻ ?”

ตรงนี้แหละที่ Anion Gap (AG) เข้ามาช่วย

ถ้า AG สูง → แสดงว่ามี กรดใหม่เพิ่มเข้ามา ในร่างกาย

เช่น Lactic acidosis, Ketoacidosis, Uremia, Poisoning

ถ้า AG ปกติ (Hyperchloremic Metabolic Acidosis) → แสดงว่ามี การสูญเสีย HCO₃⁻ โดยตรง

เช่น ท้องเสีย, Tubular acidosis

📌 Point :

การประเมินการชดเชย (compensation)
ถ้ามี ค่า Anion Gap → ใช้แยกสาเหตุของ Metabolic Acidosis ได้ชัดเจนขึ้น

AG สูง = กรดใหม่เข้ามา

AG ปกติ = สูญเสีย HCO₃⁻

Base Excess — -b vs

BE (หรือ Base deficit ถ้าค่าเป็นลบ หรือด่างหายไป) = ปริมาณกรด/ด่างที่ต้องเติมให้เลือดกลับสู่ pH 7.40 ที่ pCO₂ 40 mmHg

ช่วงปกติ ≈ −3 ถึง +3 mEq/L

ชนิดของ BE ที่เครื่องรายงาน

BE-b (Blood Base Excess): คำนวณบนสมมติฐานในเลือดทั้งหมด → ไวต่อ Hb/Hct มากกว่า

BEecf (Extracellular Fluid Base Excess): ปรับให้แทน ช่องนอกเซลล์ทั้งระบบ (ECF) → ใช้ประเมินภาวะเมตาบอลิกจริงในร่างกายได้ดีกว่าเวลาให้สารน้ำ/ไบคาร์บ

📌 Point :

ถ้าเครื่องมีทั้งสองค่า ให้ อ้างอิง BEecf เป็นหลัก สำหรับการประเมินความรุนแรง และการคำนวณยาที่ต้องแก้ไข

การแปลผลเร็ว

BEecf < −3 = มี metabolic acidosis (ถ้าต่ำกว่า −6 ถือว่าปานกลางถึงรุนแรง)

BEecf > +3 = มี metabolic alkalosis หรือการชดเชยระยะยาวของ respiratory acidosis

BE-b กับ BEecf ไปคนละทาง? → นึกถึงผลจาก Hb/Hct ผิดปกติ, hemodilution/hemoconcentration

ใช้ตัดสินใจรักษา (ผมไม่ได้สอนคำนวณยาในนี้นะ)

Acidosis (BEecf ≤ −6): แก้สาเหตุหลักก่อน (shock/sepsis/renal) + ให้สารน้ำเหมาะสม

พิจารณา NaHCO₃ เมื่อ pH < 7.10 หรือ BEecf < −10 และมีภาวะคุกคามชีวิต

Alkalosis (BEecf ≥ +6): แยก chloride-responsive vs unresponsive

Cl⁻ ต่ำ/สูญเสียกรดทาง GI/diuretic → ให้ 0.9% NaCl, KCl แทน

ถ้า Cl⁻ ปกติ/สูง ให้หาสาเหตุฮอร์โมน/แร่ธาตุ (hypokalemia, hyperaldosteronism ฯลฯ)

📌 Point :

BEecf = ของจริงทั้ง ECF → ตัดสินใจใช้ยาแก้ไข

BE-b = ไวต่อ Hb/Hct → ช่วยตีความร่วม

-------------------------

บทที่ 3 : Oxygenation & Ventilation (Vet version – VBG)

บนใบรายงาน pO₂ จะหมายถึง PaO₂ ถ้าเป็น ABG และหมายถึง PvO₂ ถ้าเป็น VBG (ดูที่ specimen type)

#หลังจากนี้ไปในแต่ละบทเรียนจะเป็นการเรียนรู้เพื่อนำไปรักษาจริง
#หลายๆค่าคุณหมออาจไม่เคยเห็นแต่ให้รู้ไว้เถอะสำคัญทุกค่า

1. หลักการวัด Oxygenation

โดยทั่วไป Oxygenation ต้องใช้ค่าในเลือดแดง (ABG) เช่น PaO₂, SaO₂ แต่ในคลินิกสัตว์ ABG ทำได้ยาก → เรามักใช้ VBG (เจาะจากหลอดเลือดดำ) มาช่วยประเมินร่วมกับ clinical sign

pO₂ (PvO₂) ใน VBG ต่ำกว่าหลอดเลือดแดงเสมอ (ปกติ ~25–45 mmHg ในหมาแมว)
👉 ดังนั้น ไม่ใช้ PvO₂ เพื่อตัดสินภาวะ hypoxemia โดยตรง

📌 Point :

❌ อย่าพยายามใช้ PvO₂ ตัดสิน hypoxemia เด็ดขาด เดี๋ยวหลงทาง
✔️ สิ่งที่ควรใช้คือ SvO₂, Lactate, SpO₂ และ clinical sign

สิ่งที่ใช้ได้จาก VBG คือ SvO₂ ปกติ: 60–80%

ถ้าต่ำ

23/08/2025

#เธอถามเราตอบ

อธิบายเปรียบเทียบ Polysulfate vs vs (cord blood) แต่ละอย่างคืออะไรมาเปรียบเทียบให้ฟัง

---

🔹 1. Pentosan Polysulfate (PPS)

ที่มา: เป็นสารกึ่งสังเคราะห์ (semi-synthetic polysaccharide)

กลไกหลัก:

กระตุ้น chondrocyte ให้สร้าง proteoglycan → ซ่อม cartilage

เพิ่ม synovial fluid viscosity

ต้านการอักเสบ (anti-inflammatory, ลด cytokines บางชนิด)

เพิ่ม microcirculation ในข้อต่อ → ลดภาวะ hypoxia ใน cartilage

ผลลัพธ์:

ลดการเสื่อมของข้อ

ชะลอ progression ของ OA (osteoarthritis) หรือข้อเสื่อม

ออกฤทธิ์ทั้งบรรเทาอาการและฟื้นฟูบางส่วน คือส่วนที่ยังคงมีกระดูกอ่อนเหลืออยู่

การใช้: ฉีดเป็นคอร์ส (เช่น 4-6 ครั้ง, ห่างกันสัปดาห์ละ 1ครั้งและห่างออกเป็นเดือนละครั้ง)

---

🔹 2. Librela (Bedinvetmab)

ที่มา: Monoclonal antibody จาก Zoetis

กลไกหลัก:

จับกับ NGF (Nerve Growth Factor)

ป้องกันการกระตุ้น TrkA receptor บนปลายประสาท → ตัดสัญญาณปวด

ผลลัพธ์:

ลดอาการปวดเรื้อรังชัดเจน

ช่วยให้ mobility ดีขึ้น

ไม่ซ่อมแซมโครงสร้างข้อ (symptomatic treatment)

การใช้: ฉีดเดือนละครั้ง

---

🔹 3. Exosome จาก MSCs (Cord blood derived)

ที่มา: สกัดจาก mesenchymal stem cells ของสายสะดือ (cord blood)

กลไกหลัก:

Immunomodulation → ลด pro-inflammatory cytokines (TNF-α, IL-1β, IL-6) เพิ่ม IL-10

กระตุ้น chondrocyte proliferation และซ่อม cartilage

กระตุ้น angiogenesis ที่สมดุล (ฟื้นฟู ไม่ใช่สร้างพยาธิสภาพ)

ส่งสัญญาณซ่อมแซมเนื้อเยื่อผ่าน miRNA, growth factors

ผลลัพธ์:

ลดการอักเสบ + ซ่อม cartilage จริง

อาจมีผลยาวนานกว่า เพราะเป็นการเปลี่ยน microenvironment ของข้อ

การใช้: ยังอยู่ในเชิงวิจัยและ clinical trial มากกว่าการใช้ทั่วไป

📌 ภาพรวม:

Pentosan = “ยาเก่าแต่ดี...หมอไทยไม่รู้จัก” → ชะลอโรค + ฟื้นฟูบางส่วน

Librela = “ยาใหม่” → ลดปวดเฉียบพลัน แต่ไม่ซ่อมข้อ

Exosome (Cord blood MSCs) = “อนาคตมี่น่าลอง” → regenerative จริง ลดอักเสบ + ซ่อม cartilage

จัดไปนะแม่ๆ.....อยากรู้ไร อยากถามไร....เรามี Line OA ไว้ตอบคำถามจ้า.....แล้วเดี๋ยวจะจัดงานสัมนาให้พ่อแม่ที่อยากรู้ อยากถ...
06/08/2025

จัดไปนะแม่ๆ.....อยากรู้ไร อยากถามไร....เรามี Line OA ไว้ตอบคำถามจ้า.....แล้วเดี๋ยวจะจัดงานสัมนาให้พ่อแม่ที่อยากรู้ อยากถามโดยเฉพาะ....

ใครกด Like กด Share รับส่วนลดไปเลย 20 บาท ....ย้ำอ่านไม่ผิด 20 บาท

เรากำลังจะเปลี่ยนเทคนิคการรักษามะเร็งไปอีกขั้น ด้วย mRNA PD1/PD-L1เกร็ดความรู้จาก Dogtor Wooffyการรักษามะเร็งด้วย immuno...
01/08/2025

เรากำลังจะเปลี่ยนเทคนิคการรักษามะเร็งไปอีกขั้น ด้วย mRNA PD1/PD-L1

เกร็ดความรู้จาก Dogtor Wooffy

การรักษามะเร็งด้วย immunotherapy การใช้ ยาต้าน PD-1 + PD-L1 คู่กันเป็นการเสริมฤทธิ์กัน เพื่อให้ผลการรักษา "ทะลุเกราะมะเร็ง" ได้ดียิ่งขึ้น 💥

✳️ ทำไมต้องใช้ทั้ง PD-1 และ PD-L1 พร้อมกัน?

1. PD-1 กับ PD-L1 อาจอยู่คนละตำแหน่งPD-1 อยู่บนเซลล์ภูมิคุ้มกัน (T cell), ส่วน PD-L1 อยู่บนเซลล์มะเร็งหรือเซลล์รอบข้าง (tumor microenvironment)

2. มะเร็งบางชนิด "หลบซ่อน" เก่งมากบางครั้งมะเร็งจะใช้ทั้ง PD-L1 และเส้นทางสำรองอื่น ๆ ถ้าเรายับยั้งแค่ทางเดียว มันอาจยังรอดอยู่ได้

3. เสริมกันให้ครอบคลุมAnti-PD-1 ป้องกันไม่ให้ T-cell ถูกเบรกAnti-PD-L1 ป้องกันไม่ให้ PD-L1 จากมะเร็งไปกด T-cell ตัวอื่น — เมื่อใช้คู่กัน T-cell จะฟื้นตัวได้เต็มที่

✅ งานวิจัยรองรับ:
• ในมะเร็งบางชนิด เช่น lung cancer, renal cell carcinoma, melanoma
มีงานวิจัยหลายฉบับที่แสดงว่า การใช้คู่กันได้ผลดีกว่าเดี่ยว
• ยาที่ถูกใช้ร่วมกันบ่อย (อ่านฟังไว้สนุกๆ) เช่น
• Nivolumab (anti-PD-1) + Atezolizumab หรือ Durvalumab (anti-PD-L1)

🧪 สรุปสั้น ๆ:
“ใช้ยาคู่กันเหมือนปิดประตูทั้งสองด้าน ไม่ให้มะเร็งหลบได้อีก”
เพราะ PD-1 กับ PD-L1 มัน “เล่นเป็นทีม” เราก็ต้อง “ล้มทีมมันให้ได้” ✌️

by Dogtor Wooffy

Idexx ใช้ค่ามาตรฐาน RDW ถูกจริงหรือ???สำหรับผม %RDW ในสุนัขผมค่าปกติที่ผมสอนเสมอคือ 14 หากเริ่มสูงถึง 16 ให้พิจารณาร่วมก...
31/07/2025

Idexx ใช้ค่ามาตรฐาน RDW ถูกจริงหรือ???

สำหรับผม %RDW ในสุนัขผมค่าปกติที่ผมสอนเสมอคือ 14 หากเริ่มสูงถึง 16 ให้พิจารณาร่วมกับ RPI เพื่อคาดถึงภาวะความดันที่สูง และอาจมีผลต่อ Stage ของหัวใจได้ โดยหากสูงเกิน 18 สิ่งที่ต้องระวังคือหัวใจและพิจารณาภาวะ Aniso ร่วม แต่หากสูงเกิน 19 ให้พิจารณาแก้ภาวะช๊อค (shock) และเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการแก้ไข

🧠 จากข้อมูลทางการแพทย์ในมนุษย์:

มีงานวิจัยจำนวนมากที่ระบุว่า

> “RDW ที่สูงหรือเพิ่มขึ้นระหว่างการรักษาในผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) มีความสัมพันธ์กับการพยากรณ์โรคที่แย่ลง”

โดยเฉพาะในผู้ป่วย ICU และผู้ป่วยโรคหัวใจเรื้อรัง การเพิ่มขึ้นของ RDW สื่อถึง:

ภาวะ systemic inflammation

Erythropoietic dysfunction (ไขกระดูกทำงานไม่ปกติ)

Oxidative stress และ Malnutrition

งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า:

> 🔴 “Every 1% increase in RDW → ↑ risk of all-cause mortality by 10–15%”

🐶 แล้วในสัตว์เลี้ยงล่ะ?

ข้อมูลในสัตว์ยังไม่มากเท่ามนุษย์ แต่งานวิจัยเริ่มพบว่า:

หมาที่มีโรคหัวใจ, โรคไต, หรือมะเร็ง หาก RDW สูงหรือลดลงไม่ได้ระหว่างการรักษา
➤ มีแนวโน้มการพยากรณ์โรคแย่ลง

RDW ที่ไม่ลดลง แปลว่า ร่างกายยังมี stress ต่อระบบเลือดอยู่
เช่น มี inflammation, hypoxia, หรือ nutritional imbalance

รูปที่ 1 เป็นรูปที่ผมใช้สอนในงาน WSAVA 2024, China.

หวังว่าหลายคนที่ยังไม่เคยทำความเข้าใจค่านี้อาจได้เห็นและลองใช้ประโยชน์ของค่านี้ดูนะครับ

2 เคสนี้เม็ดเลือดแดงลดลงจริงหรือ?? 🩸🩸🩸 RBC ลดลง = ไม่ได้แปลว่าเลือดจางเสมอไปนะ!หลายคนเวลาเห็นผลเลือดแล้วเจอคำว่า “RBC ลด...
29/07/2025

2 เคสนี้เม็ดเลือดแดงลดลงจริงหรือ?? 🩸🩸

🩸 RBC ลดลง = ไม่ได้แปลว่าเลือดจางเสมอไปนะ!
หลายคนเวลาเห็นผลเลือดแล้วเจอคำว่า “RBC ลดลง” ก็ตกใจ คิดว่าน้องหมาหรือสัตว์เลี้ยงเป็นโลหิตจางแน่ ๆ
แต่ความจริงแล้ว...

RBC (เม็ดเลือดแดง) ที่เราวัดได้จากผลเลือดนั้น เป็น ค่าที่วัดเฉพาะตอนนั้น
มันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ณ ขณะเจาะเลือด เช่น:
💡 ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง....ลองคิดดูแบบนี้นะ…!!

🐶 หมาตัวหนึ่งนอนสงบ ๆ อยู่ในห้อง → เราเจาะเลือด → ได้ค่า RBC = 5.7
ไม่กี่นาทีต่อมา พาเดินรอบโรงพยาบาล พอกลับมาเจาะอีกที → ค่า RBC ขึ้นไปเป็น 7.2 ทั้ง ๆ ที่ห่างกันแค่ 10 นาที!
แสดงว่า RBC ขึ้นเพราะอะไร? สร้างเลือดทันภายใน 10 นาทีเหรอ? …ไม่ใช่จ้า!

✅ ความจริงคือ…
ในร่างกายของสุนัข (โดยเฉพาะสุนัข!) มี “ม้าม” ที่เก็บเม็ดเลือดแดงสำรองไว้
และม้ามสามารถ "บีบ" เม็ดเลือดเหล่านั้นเข้าสู่กระแสเลือดได้ทันที เมื่อเกิดภาวะ:
• เครียด
• ความดันสูงขึ้น
• มีการเคลื่อนไหว
• หรือ adrenaline หลั่ง

💥 ดังนั้น... RBC ที่วัดได้ = เม็ดเลือดที่อยู่ในกระแสเลือดตอนนั้นเท่านั้น
ถ้าม้ามปล่อยออกมาเยอะ → RBC สูง
ถ้าม้ามยังไม่ปล่อย หรือร่างกายสงบ → RBC ต่ำ

🔍 แล้วจะรู้ได้ไงว่าเลือดจางจริงไหม?
ดูที่ค่า RPI (Reticulocyte Production Index) ค่ะ
RPI คือ ค่าที่บอกว่า “ไขกระดูกกำลังสร้างเม็ดเลือดใหม่อยู่แค่ไหน”

✅ ถ้า RBC ลด แต่ RPI ก็ลดตาม
แปลว่า ร่างกายไม่ได้อยู่ในภาวะต้องสร้างเลือด → เป็นเรื่องปกติ

❗ แต่ถ้า RBC ลด แต่ RPI สูง
แปลว่า ร่างกายพยายามสร้างเลือดใหม่ → อาจเกิดจากเสียเลือด, เลือดแดงแตก, หรือมีปัญหาอะไรบางอย่าง
อีกอย่างที่ต้องดูคือ...ค่าของ MCV, MCH และ RET-He (คือขนาดและปริมาณฮีโมโกลบินในเม็ดเลือด)
ถ้าค่าเหล่านี้ “ยังคงที่” → หมายความว่า “คุณภาพของเม็ดเลือดยังดี” → ไม่ใช่ anemia จริง

📌 สรุปสั้น ๆ (แบบเข้าใจง่าย)
• RBC ลด ไม่ได้แปลว่าป่วยเสมอไป
• ต้องดู RPI ประกอบเสมอ
• ค่าเม็ดเลือดสามารถเปลี่ยนได้จากความดัน, การเดิน, การบีบของม้าม
• ถ้าขนาดเม็ดเลือดไม่เปลี่ยน → แปลว่าไม่มีโรคที่แท้จริง

มาดูเคสที่ 2 กันเลย....ดูเสร็จแล้วค่อยนำความรู้ไปวิเคราห์ในเคสที่ 1 นะ

เคสนี้ชัดเจนมาก! ตรวจเลือดห่างกันแค่ 12 นาที แต่ค่า RBC ต่างกันถึง 42% เลยนะ (RBC จาก 5.70 → 8.10 ×10⁶/µL)‼️ แต่ถ้าเอาแบบแม่นเป๊ะๆก็ต้องใช้ RBC-O ที่ต่างกัน 42% เช่นกัน

ผมขอสรุปให้เลยนะว่า... #นี่คือปรากฏการณ์ทางสรีรวิทยา ไม่ใช่โรค
และต้นเหตุสำคัญคือค่า ที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

🧪 วิเคราะห์เปรียบเทียบ 2 ชุดผลเลือด:
Parameter17:09น. เทียบกับ 17:21น.
RBC 5.70 ---> 8.10เพิ่มขึ้น ~42%

RPI 0.2 ---> 0.9เพิ่มขึ้น 4.5 เท่า

MCV / MCH 67.9 / 23.5 อีก 12 นาทีต่อมาได้ 65.6 / 23.5 คงที่ (เปลี่ยนแปลงน้อยมาก)

RET-He / RBC-He 24.8 / 23.7 และอีก 12 นาทีต่อมาได้ 25.3 / 23.8 ค่าคงที่มาก

💡 สรุป: ทำไม RBC ถึงเปลี่ยนมาก?

🔴 1. RBC เปลี่ยนเพราะ physiological shift ไม่ใช่โรค
• เมื่อหมานอนนิ่ง → ความดันเลือดต่ำ, ม้ามขยาย, เม็ดเลือดแดงถูกกักไว้ในม้าม
• เมื่อหมาตื่น → ความดันเลือดสูงขึ้น, ม้ามหดตัว, ปล่อย RBC เข้ากระแสเลือดทันที
เปรียบเทียบเหมือน “ปล่อยสำรอง RBC จากโกดังม้ามเข้าสนามรบทันที” 🔥

🔵 2. RPI เป็นดัชนีสำคัญที่สัมพันธ์กับแรงดันเลือด
• RPI ต่ำ (0.2) = ระบบไหลเวียนเลือดเคลื่อนไหวน้อย → RBC อยู่ในม้าม
• RPI สูง (0.9) = ระบบไหลเวียนแรง → RBC ถูกปล่อยเข้ากระแสเลือด
ค่า MCV / MCH / RET-He / RBC-He คงที่ = ยืนยันว่าไม่ได้สร้าง RBC ใหม่เพิ่ม แต่แค่ “ปล่อย RBC เดิมออกมา” เท่านั้น

🟢 3. นี่คือเหตุผลสำคัญที่หมอไม่ควรอ่านค่า RBC แค่เลขเดียว
• ถ้าไม่ดู RPI และภาพรวม → จะเข้าใจผิดว่า RBC เพิ่มหรือลดผิดปกติ
• ทั้งที่จริง…แค่หมาเดินไปเดินมา หรือกำลังตื่น/หลับ ก็เปลี่ยนค่า RBC ได้แล้ว!

อ่านจบแล้วไปวิเคราะห์เคสที่ 1 นะครับ....

การใช้ค่า   ดูภาวะน้ำเกิน เช่น ให้น้ำเกลือ น้ำท่สมปอด น้ำท่วมหัวใจ #แต่หากแปลไม่เป็นล่ะ? ค่า ePV (estimated Plasma Volum...
25/07/2025

การใช้ค่า ดูภาวะน้ำเกิน เช่น ให้น้ำเกลือ น้ำท่สมปอด น้ำท่วมหัวใจ

#แต่หากแปลไม่เป็นล่ะ?

ค่า ePV (estimated Plasma Volume) ใน blood gas หรือ hematology a**lyzer (มักใช้กับเครื่องที่คำนวณได้ เช่น Sysmex หรือบางเครื่องที่วิเคราะห์ blood gas ได้ละเอียด) คือการประเมิน ปริมาณพลาสมาในร่างกาย โดยสัมพันธ์กับค่า Hematocrit (Hct) และ Hemoglobin (Hb) ของสัตว์

---

🔍 ePV บอกอะไรได้บ้างในสัตว์

✅ 1. ประเมินระดับน้ำในร่างกาย (Hydration Status)

ePV สูง → บ่งบอกว่าอาจมี ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) หรือ เลือดข้น (Hemoconcentration)
เช่น:

เสียน้ำจากอาเจียน ท้องเสีย

โรคไตระยะสุดท้ายที่มีน้ำในเลือดลดลง

ไข้สูงหรือ shock

ePV ต่ำ → อาจหมายถึงมี ภาวะเลือดจาง (Anemia) หรือ ภาวะน้ำเกิน (Fluid overload)
เช่น:

ได้รับน้ำเกลือมากไป

มีโรคหัวใจ ตับ ไตเรื้อรังที่มีการกักเก็บน้ำ

มีภาวะ protein loss ที่ทำให้ oncotic pressure ต่ำ

---

✅ 2. ช่วยติดตามผลในภาวะเลือดออกหรือช็อก

ถ้ามีเลือดออก → ในช่วงแรก Hct ยังไม่ลดเพราะยังไม่ได้เจือจาง → ePV อาจดูปกติ

แต่พอร่างกายเติมน้ำ → ePV จะต่ำลง สะท้อน plasma เพิ่มจากการเจือจาง

ในการช็อกแบบ hypovolemia → ePV จะสูงจากการหดตัวของ volume

---

✅ 3. ประเมินผลร่วมกับ MCV → แยกภาวะเลือดจางชนิดต่าง ๆ

เช่น ในแมวที่มี MCV ต่ำ (microcytic anemia) เช่นจาก Thalassemia หรือขาดธาตุเหล็ก → เม็ดเลือดแดงเล็กลง → plasma ดูเหมือนเยอะขึ้น → ePV มักสูง

ตรงข้ามกับ macrocytic anemia เช่น regenerative anemia หรือ IMHA → ePV อาจต่ำกว่าปกติ

---

📌 ตัวอย่างทางคลินิก:

แมวมี Hct 32% แต่ MCV ต่ำ 35 → ePV จะ สูงกว่าปกติ → สะท้อนว่าเม็ดเลือดเล็ก ทำให้ plasma proportion ดูเยอะขึ้น

สุนัขได้รับน้ำเกลือมาเยอะ Hct ลดลงเล็กน้อย → ePV ต่ำ แม้ดูเหมือนไม่ซีดมาก

---

📍 ข้อควรระวัง:

ค่า ePV ต้องใช้เทียบกับ Hct, MCV และสถานะของสัตว์ เสมอ รวมถึงการดูปริมาณ RBC

ไม่ควรใช้แยกเดี่ยว ต้องดูบริบทของหลายๆค่าโดยรวมประกอบ.....อย่างเช่นค่าเลือดน้องแมวในรูป

ePV 6.389 #แต่ไม่ได้แปลว่ามีน้ำเกินใดๆในร่างกาย

งงอ่ะดิ.....??? #แปลผลเลือดพล่ดชีวิตเปลี่ยน ที่เปลี่ยนคือสัตว์นะ.... #ส่วนหมอที่แปลไม่ถูกก็ได้เงินสบายๆ ส่วน #เจ้าของนอกจากเสียเงินแล้วยังต้องกังวลเพราะนึกว่าลูกมีน้ำท่วมในร่างกายสักที่ทั้งๆที่ไม่เป็น #แค่อ่านผลเลือดผิด

 ึงไม่สามารถขีดเส้นบนกราฟแกนXY? #แต่ทำไมSysmexถึงมีได้ทำไมแกน X และ Y ของ Mindray จึงไม่ตายตัว?เป็นเรื่องที่สำคัญมากเพรา...
24/07/2025

ึงไม่สามารถขีดเส้นบนกราฟแกนXY?
#แต่ทำไมSysmexถึงมีได้

ทำไมแกน X และ Y ของ Mindray จึงไม่ตายตัว?

เป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะการอ่านผลเลือดจำเป็นต้องอ่านกราฟก่อนอ่านตัวเลข (แต่หมอส่วนมากไม่อ่านกราฟ)

วันนี้ผมขอยังไม่เฉลยคำตอบว่าทำไมแต่จะมาบอกข้อดีข้อเสียของแต่ละเครื่องในการอ่านกราฟให้ฟัง

🔍 ข้อดี vs ข้อเสีย

จุดเปรียบเทียบ Mindray VS Sysmex

ความสวยงามของภาพ
✅ Mindray กราฟดูชัด เข้าใจง่าย
❌ Sysmex อาจมี overlap หรือกราฟดูอัดแน่น

การเปรียบเทียบข้ามเคส
❌ Mindray จะเปรียบเทียบยาก เพราะสเกลเปลี่ยน
✅ Sysmex เปรียบเทียบได้ตรงตำแหน่งชัดเจนกว่า

ใช้ฝึกแปลผลเบื้องต้น
✅ Mindray เข้าใจง่าย
✅ Sysmex เมื่ออ่านกราฟเป็น เข้าใจกราฟจะแม่นยำกว่า

วิเคราะห์พิกัดตำแหน่งเชิงลึก
❌ Mindray ทำไม่ได้แม่น
✅ Sysmex ทำได้สยายมาก แม่นยำ

ทั้งนี้รวมถึง Scattergram ในการวิเคราะห์ RBC ด้วยเช่นกัน
แกน X, Y ไม่ตายตัว → ตำแหน่งของเซลล์ในแต่ละเคสอาจอยู่ “คนละมุมของกราฟ” แม้จะเป็นเซลล์ประเภทเดียวกัน

จึง ไม่สามารถเทียบตำแหน่งของ Reticulocytes หรือ Microcytes ข้ามเคสได้ โดยดูจากพิกัดบนกราฟเพียงอย่างเดียว....

เขียนไปก็ไม่มีใครเข้าใจผมหรอก แต่อยากเขียน อยากสอน....555 อยากให้หมอไทยแปลผลเลือดเก่งๆ

***แอบบอกอีกนิด Procyte One ย้ำว่า One ก็เหมือน Mindray นะครับ....***

ที่อยู่

เลขที่ 102/1 รามอินทรา 34 แยก 14
Bangkok
10220

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 21:00
อังคาร 09:00 - 21:00
พุธ 09:00 - 21:00
พฤหัสบดี 09:00 - 21:00
ศุกร์ 09:00 - 21:00
เสาร์ 09:00 - 21:00
อาทิตย์ 09:00 - 21:00

เบอร์โทรศัพท์

+66614049495

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Crystal CT Scan by Crystal Pet Hospitalผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Crystal CT Scan by Crystal Pet Hospital:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท